เรื่องสั้น

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนจบ


น้ำฝนที่ค้างอยู่บนใบไม้หยดลงบนหลังคาแล้วหยดลงมาสู่พื้นดิน อากาศใกล้รุ่งสางเย็นลงเพราะสายลมที่พัดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามา อังเดรลืมตาขึ้น เมื่อร่างบางเบียดเข้ามาหาไออุ่น แล้วหลุบตามองใบหน้างามที่ซบอยู่กับไหล่ก็ขยับตัวเพียงเบาๆ ลุกขึ้นนั่ง เหวี่ยงขาลงจากเตียง หยิบผ้าห่มมาห่มให้ร่างบางแทนตัวเขา แล้วก้มหน้าลงจูบหน้าผากมนเบาๆ ก็ยืดตัวขึ้น เดินไปหยิบเสื้อผ้า ออกไปเข้าห้องน้ำ แล้วออกจากบ้านเพื่อไปจัดการเรื่องร้อนๆที่ทำให้เขาเกือบหมดลมหายใจ

ฟ้าสว่างขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่อังเดรเดินมาถึงตลาด เพื่อหาทางส่งข่าวไปหาคนของเขา แต่จังหวะที่เขากำลังจะข้ามถนน ก็มีเสียงพูดดังขึ้นข้างหลังให้ได้ยิน

“ป้าเคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ไหม”
“ไหนดูซิ” เสียงผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าป้าดังขึ้น อังเดรอยากจะหันไปดู แต่จิตใต้สำนึกเตือนเขาว่าอย่าหัน และเสียงที่ดังขึ้นอีก ก็ทำให้เขาต้องกำมือไว้แน่น

“ป้ารู้สึกคุ้นๆนะ” เสียงนั้นบอกและคงกำลังนึก ก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า “อ๋อ จำได้แล้วป้าเคยเห็นที่โรงพยาบาลนะ แต่หลายวันแล้วนะ ไม่รู้ว่าจะยังอยู่หรือเปล่า แล้วมาตามหาทำไมล่ะ”

ไม่มีคำตอบจากคนถามนอกจากจะถามถึงทางไปโรงพยาบาล แล้วรีบเดินจากไป อังเดรปรายตาไปมอง แล้วอยากจะจัดการกับมันเสีย แต่...แววตาคมหรี่ลงคิด แล้วรีบตามไป เพื่อจะได้เห็นหน้ามันชัดๆ และเพื่อจะได้หลอกล่อมันให้ไกลห่างจากที่นี่ จากเธอที่เขาให้หัวใจไปแล้ว

ฝ้ายกัญญารู้สึกตัวขึ้นมาเมื่อแสงอรุณรุ่งลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาถึงห้องนอน เธอผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ แล้วหน้าก็แดงซ่านเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ก่อนจะยกมือขึ้นทาบทรวงอกและเลื่อนขึ้นไปแตะริมฝีปากตัวเองอย่างเขินๆ แล้วหันไปมองที่นอนข้างๆ พอไม่เห็นจอมบงการที่ทำให้เธอหวามไปทั้งตัวและหวานไปทั้งหัวใจก็ยิ้มออกมา และคิดว่าตอนนี้เขาคงอยู่นั่งอยู่ข้างนอก เธอจึงเหวี่ยงขาลงจากเตียง เดินออกไปนอกห้อง แต่ทั่วรัศมีสายตา ไม่มีร่างสูง

“ไปไหนของเขานะ”

ฝ้ายกัญญาคิดอย่างเป็นห่วงแล้วเดินกลับเข้ามาในห้องนอน หยิบเสื้อผ้าไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ออกมาทำกับข้าวไว้รอ แต่เธอรอแล้วรอเล่า รอจนสาย บ่าย เย็น เขาก็ยังไม่กลับมา ความห่วงใยก็ทับถมทวีคูณขึ้น จนเธอต้องเดินไปถามป้าใจ และคำตอบที่เธอได้รับ ก็ทำให้เธอยิ่งเป็นห่วงเขา เพราะป้าใจก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน เห็นแต่เดินออกจากบ้านไป เธอห่วงกังวลไปต่างๆนานๆ จนกระทั่งผ่านวันและคืนไป ใจเธอก็ตรม น้ำตาก็ไหล เพราะเขาไม่กลับมาและไม่ติดต่อมาอีกเลย
******
อังเดรยืนมองดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆคล้อยต่ำลงมาจนหายลับไปหลังมุมตึกสูง ที่ๆเขายืนอยู่คือระเบียงคอนโดที่เขาเช่า หลังจากหลอกล่อนักล่าตัวเขากลับมาที่เมืองใหญ่ได้สำเร็จ เขาก็หลบซ่อนตัวพร้อมติดต่อคนที่เขาไว้ใจได้ ให้จัดการทุกอย่างให้เงียบที่สุด ทั้งหาหลักฐาน และมาหาเขา และนับจากวันนั้น วันที่เขาจากเธอมาจนถึงวันนี้ก็ครบสามวันพอดี

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้อังเดรหันไปมอง แล้วเดินไปเปิดให้อย่างไม่ลังเล เพราะสัญญาณการเคาะที่เขาได้ยินมาจากคนที่เขาไว้ใจ

ร่างสูงของอดัมหัวหน้าบอร์ดี้การ์ด ก้าวเข้ามาในห้อง ส่วนลูกน้องอีกสามคนยืนรออยู่หน้าประตู อังเดรมองหน้าอดัม สบตากันอย่างรู้เรื่องทั้งหมดดีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องถาม ต้องพูดอะไรกันอีก นอกจากจะบอกว่า

“พร้อมหรือยัง”

“ครับ”

“งั้นไป ฉันจะดับความร้อนที่เกิดขึ้นให้หมอดดับลงไปเสียที”
อดัมก้มหน้ารับคำสั่ง แล้วเดินตามอังเดรที่เดินนำออกจากห้องไป และลูกน้องเขาก็เดินตามมา ทั้งหมดลงมาถึงข้างล่าง ขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ แล้วรถก็ถูกขับออกไป ใบหน้าและแววตาอังเดรเคร่งขรึมเช่นเดียวกับเสือที่รอเวลาตะครุบเหยื่อแต่เบื้องหลังแววตานิ่งสงบยังมีความรู้สึกอื่นที่ซ่อนอยู่ เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาแสดงออกมาเท่านั้น

รถตู้ที่ผู้โดยสารห้าคน เคลื่อนมาจอดนิ่งหน้าคอนโด ทั้งหมดก็ลงจากรถ เดินเข้าตึก ขึ้นลิฟต์ไปยังที่ต้องการ ออกจากลิฟต์ตรงไปยังห้องๆหนึ่ง อังเดรหยุดยืนอยู่หน้าห้องแล้วหันมามองอดัม แล้วสั่ง

“เปิดประตู”

อดัมจัดการให้นายทันที ประตูห้องพักราคาถูกจึงไม่ครนาบาทาอดัม แค่ครั้งเดียวประตูก็เปิดออก ลูกน้องของอดัมทั้งหมดก็กรูเข้าไปในห้องพร้อมอาวุธในมือ ไอ้คนที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องอย่างสบาย หันขวับมามองแล้วจะกระโจนไปคว้าปืน แต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อมีลำแสงสีแดงจ่อที่หน้าผาก หัวใจ และลำคอ อดัมเดินเข้ามาแล้วเบี่ยงตัวออกให้ไอ้มือปืนได้เห็นคนที่เดินตามเขาเข้ามา

ไอ้มือปืนถึงกับตกใจจนเหงื่อซึม เมื่อเห็นหน้าอังเดร เขาเดินมายืนตรงหน้าให้มันมองชัดๆ แต่มันกลับหลบตาที่จ้องมาเพราะไม่กล้าสู้หน้า อังเดรจึงพูดขึ้น โดยไม่ต้องเท้าความอะไรอีก เพราะเขารู้หมดแล้ว

“ฉันจะถามแกสั้นๆ คำเดียว แลกกับนัดเดียว ถ้าพูดความจริง แกรอด แต่ถ้าโกหก แกตาย”

มันทำตาหลุกหลิก แล้วถามออกมาอย่างหวั่นๆ “จะถามอะไร”

“ไอ้พิพัฒน์สั่งให้แกฆ่าฉันใช่ไหม”

ไอ้มือปืนแทบจะสะดุ้ง มันนิ่งเงียบ ขณะที่อังเดรก็มองมันอย่างไม่วางตา และไม่ถามย้ำ แต่พร้อมที่จะทำตามที่พูด ไอ้มือปืนได้แต่อึดอัดเพราะรู้สึกว่าอากาศที่มีให้หายใจน้อยเหลือเกิน แต่ในที่สุดมันก็รักตัวกลัวตายยอมรับออกมา

“ใช่”

อังเดรหันไปสบตากับอดัม แล้วเดินออกไปจากห้อง อดัมยกมือขึ้นสั่งให้ลูกน้องเก็บอาวุธแล้วลากมันให้เดินตามหลังคนเป็นนายไปจัดการไอ้ตัวใหญ่
*****
ฝ้ายกัญญาเดินเข้ามาในสำนักงานด้วยความเหนื่อยล้าทั้งตัวและหัวใจ หลายคนมองเธอแล้วหันไปซุบซิบ แต่เธอไม่สนใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าที่ใดมีสังคมที่นั่นย่อมมีคนนินทา และเธอก็หายตัวไปพร้อมกับผู้ชาย ซึ่งนอกจากคนเป็นแม่แล้วคงไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร แล้วพอกลับมาคงไม่มีคำพูดดีๆให้ฟังหรอกนอกจากคำพูดเสียๆหายๆ เธอเดินตรงไปหาคนเป็นแม่ ซึ่งพอเห็นหน้าเธอก็โผเข้ามาหาอย่างดีใจ

“ฝ้าย”

ฝ้ายกัญญายิ้มให้คนเป็นแม่ แล้วซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น นางกัญญากอดลูกไว้แน่น ขณะที่ฝ้ายกัญญาก็กอดคนเป็นแม่ไว้แน่นเช่นกัน แล้วดันตัวห่างออกมาเล็กน้อย ก็ยกมือขึ้นกราบลงบนอก

“ขอโษนะคะแม่ที่ทำให้เป็นห่วง”

นางกัญญาพยักหน้าแล้วกวาดตามองไปทั่วตัวลูก พอเห็นว่าไม่มีส่วนไหนบุบสลาย ก็บอกว่า “แค่ฝ้ายกลับมาอย่างปลอดภัยแม่ก็ดีใจแล้ว แล้ว...” นางมองไปข้างหลัง เพื่อหวังจะเห็นคนที่พาลูกนางไป แต่ก็ไม่เห็น จึงดึงสายตากลับมาสบตาลูก ซึ่งฝ้ายกัญญาก็รู้ว่าคนเป็นแม่จะถามถึงใคร จึงต้องข่มความรู้สึกเจ็บลึกไว้ แล้วบอกว่า

“เขาหายไป และฝ้ายก็ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน ยังอยู่กับเรา หรือจากเราไปแล้ว”

“พระช่วย”

นางกัญญารู้สึกตกใจ และหนักใจไปพร้อมกันเพราะพอจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกอยู่บ้าง แต่จะพูดอะไรออกมาก็ไม่ได้ เพราะสถานภาพของเธอตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว นางจึงเดินไปที่โต๊ะ โดยมีฝ้ายกัญญาเดินตามไปด้วย แต่พอเดินมาถึงโต๊ะ ฝ้ายกัญญาก็มองกล่องสีน้ำตาลที่มีของส่วนตัวของแม่วางอยู่ เธอทำหน้าตกใจ แล้วหันมามองคนเป็นแม่พร้อมกับถามออกมา

“ แม่คะนี่มัน...”

“กลับบ้านเราเถอะฝ้าย เดี๋ยวแม่จะเล่าให้ฟัง” นางกัญญาบอกเพราะไม่อยากจะพูดอะไรให้มีปัญหาอีก แต่ฝ้ายกัญญาไม่ยอมขยับ และบอกว่า

“แบบนี้ไม่ถูกต้องนะคะ เขาไล่แม่ออกทำไมคะ”

“แม่บกพร่องหน้าที่เอง ไม่มีอะไรหรอกลูก”

‘ไม่มีแล้วไล่ออกได้ไง’ ฝ้ายกัญญาถามตัวเองในใจ และคิดว่าสาเหตุนี้ต้องมาจากเรื่องร้อนๆที่ซุบซิบกันอยู่ก่อนหน้านี้แน่นอนและยังจะเรื่องที่เธอหายไปอีก ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับแม่เธอเลย จึงโกรธกรุ่น และหันขวับไปมองห้องผู้บริหาร แล้วจะเดินเข้าไปหา แต่ก้าวที่กำลังจะก้าวหยุดอยู่ที่เดิม เมื่อประตูห้องเปิดออกมาเสียก่อน และคนที่เดินออกมาก็คืออรพัชชา ที่ยิ้มเยือนแต่เย้ยให้อย่างสะใจ

“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ นึกว่าได้ผัวแล้วลืมแม่เสียอีก”

“ใครกันแน่ที่ได้ผัวแล้วลืมตัว ลืมว่ากำพืดเดิมของตัวเองเป็นยังไง แล้วยังจะชูคอเป็นกิ่งก่าได้ทอง หรือว่าเปลี่ยนจากทองเป็นท้องแล้ว”

“เธอว่าใคร”

“แล้วเธอละว่าใคร” ฝ้ายกัญญาสวนกลับอย่างไม่ลดละ อรพัชชาตาลุกวาว แล้วข่มไว้ ก่อนจะเหยียดปากหยัน
“อย่าทำอวดเก่งให้มันมากนัก จะตกงานอยู่รอมร่อแล้วยังอวดดีอีก ทางที่ดีฉันว่าเธอพาแม่เธอกลับไปดีกว่า แล้วไปแล้วก็ไปลับทั้งสองคนนั่นแหละ เพราะถูกไล่ออกแล้วทั้งคู่”

“แม่ฉันทำผิดอะไรถึงได้ไล่ออก”

“ทำผิดอะไรเหรอ นี่เธอไม่รู้ หรือว่าแกล้งลืม ว่าตัวเองทำอะไรไว้ ถ้าลืมฉันทวนให้ฟังก็ได้ ว่าการที่แม่เธอปล่อยให้คนอื่นเข้าไปในห้องผู้บริหารโดยพละการนะมันผิดวินัยร้ายแรงแค่ไหน ส่วนตัวเธอเป็นแค่เด็กฝึกงานแต่ขาดงานโดยไม่แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วยังทำความเสื่อมเสียด้วยการหายไปกับผู้ชายอีก ถ้ายังเลี้ยงไว้อีกรู้ไปถึงไหนก็อายไปถึงนั้น”

ฝ้ายกัญญากำมือไว้แน่น แล้วจะตอกกลับ แต่นางกัญญาจับมือเตือนไว้ไม่ให้พูด เธอจึงต้องสะกดจิตสะกดใจไว้ แต่ยังมีคำพูดเจ็บๆ ก่อนจะจากไปว่า

“แล้วอย่าลืมเตือนตัวเองด้วยว่า ถ้ายังเป็นวัวลืมตีนอยู่ ก็อาจจะถูกเฉดหัวออกไปเหมือนกัน”

“อ้ายยย นังฝ้าย”

ฝ้ายกัญญาไม่สนใจเสียงกรี๊ดของอรพัชชา เธอยิ้มเยาะให้ แล้วช่วยคนเป็นแม่ถือของ เดินออกไปจากบริษัท เพราะเธอก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่อยู่ที่นี่แล้วเหมือนกัน ส่วนอรพัชชาก็เดินแบกความไม่พอใจกลับเข้าไปในห้อง

นายพิพัฒน์ที่กำลังก้มหน้าเซ็นเอกสารอยู่ เงยหน้าขึ้นมอง แล้วทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นหน้าบอกบุญไม่รับของหน้าห้องคนใหม่ที่เขาเพิ่งแต่งตั้ง เพราะถูกรบเร้าเมื่ออยู่ด้วยกันบนเตียงโดยไม่มีเสื้อผ้า

“ทำไมทำหน้าไม่ดีอย่างนั้น แล้วมีอะไรกันหรือเปล่า ผมได้ยินเสียงคุณกรี๊ด”

“ก็จะอะไรละคะ สองแม่ลูกนั่นไง ที่ทำให้อรอารมณ์เสีย”

“สองแม่ลูกไหน”

“ก็นังฝ้ายกัญญาเด็กฝึกงานที่หายไปกับผู้ชายและหน้าห้องคนเก่าของคุณไง”

“อะไรนะ เด็กฝึกงานนั่นเหรอ” นายพิพัฒน์ขัดขึ้นมาอย่างตกใจ ทั้งๆที่อรพัชชายังพูดไม่จบ แล้วมองท่าทางร้อนรนกระวนกระวายของเขาอย่างแปลกใจ

“ใช่ค่ะ แล้วคุณตกใจอะไรคะ”

นายพิพัฒน์ไม่ตอบ แต่เขานั่งไม่ติดแล้ว ต้องลุกออกมาจากเก้าอี้ ‘เด็กนั่นกลับมาแสดงว่าไอ้อังเดรยังไม่ตาย และมันอาจจะกลับมาแล้ว’ นายพิพัฒน์คิด แล้วดึงโทรศัพท์ออกมาจะโทรหาไอ้มือปืน ที่ส่งข่าวล่าสุดมาบอกเขาว่าได้เบาะแสมันและกำลังตามตัวมันเพื่อจัดการให้จบสักที แต่สัญญาณโทรศัพท์ที่ดังแว่วมาเข้าหู และดังใกล้เข้ามาๆจนในที่สุด ประตูห้องทำงานของเขาก็ถูกเปิดออกโดยไม่มีการเคาะขออนุญาต และคนที่เดินเข้ามาก็ทำให้เขาหน้าซีด แต่นั่นก็ไม่ร้ายเท่ากับคนที่เดินตามหลังเข้ามา

“อังเดร” เสียงนั้นแทบจะไม่หลุดออกมาจากริมฝีปากและเบาจนแทบไม่ได้ยิน

อังเดรเดินเข้ามาหยุดยืนหน้านายพิพัฒน์ และสบตาที่หวาดหวั่นอย่างหยันๆ และปรายตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ซึ่งคงไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร จึงถามออกมา

“คุณเป็นใคร แล้วเข้ามาถึงในนี้ได้ไง รู้ไหมว่านี้ห้องของใคร ห้องของคุณพิพัฒน์ ผู้บริหารของที่นี่” อรพัชชาร่ายยาวอย่างไม่ไว้หน้า และพอไม่ได้ยินเสียงตอบ ก็กราดเกรี้ยวขึ้นมา “ออกไป ก่อนที่ฉันจะเรียก รปภ. ให้มาลากตัวออกไป”

อังเดรไม่จำเป็นต้องบอกหรือทำอะไร เพราะอดัมที่รู้หน้าที่ดี เดินเข้ามาหาด้วยสายตาเย็นเฉียบ อรพัชชาจึงถอยไปยืนข้างพิพัฒน์อย่างหวาดหวั่น และมองทุกคนอย่างกลัวๆ ขณะที่พิพัฒน์ก็ยืนกำมือข่มความกลัวไว้ไม่ให้แสดงออกมา แต่เขารู้สึกถึงลมหายใจที่ติดขัดเพราะสายตาคมที่มองมาอย่างเย็นเฉียบ

“ไม่ต้องให้ฉันบอกใช่ไหมว่าฉันมาหาแกทำไม” อังเดรพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ แต่แฝงความเหี้ยมไว้ นายพิพัฒน์ที่รู้ชะตาตัวเองดีจึงบอกว่า

“จะทำอะไรก็เชิญ”

“แสดงว่าแกยอมรับซินะ ว่าทำอะไรฉันไว้บ้าง แต่แกคงเสียดายน่าดูที่ฉันไม่ตาย มิหนำซ้ำยังกลับมายืนตรงหน้า เพื่อเอาชีวิตแกอีกด้วย แต่ฉันคงจะไม่ทำอย่างที่แกทำกับฉัน เพราะมันทรมานน้อยเกินไป ฉันจะทำให้แกทรมานมากกว่านั้น”

“จะทำอะไร”

“ส่งแกเข้าคุก”

สั้นๆง่ายๆ แต่นายพิพัฒน์ถึงกับหน้าซีดเพราะชีวิตเขาหมดสิ้นแล้ว ขณะที่หน้าอรพัชชาก็ซีดไม่ต่างกันและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงจับแขนนายพิพัฒน์ไว้แล้วเขย่าพร้อมถามออกมา “นี่มันอะไรกันคะ แล้วทำไมคุณต้องเข้าคุก แล้วพวกแกเป็นใคร มาทำอวดเบ่งได้ไง รู้ไหมว่านี้คือคุณพิพัฒน์ผู้บริหารใหญ่ของที่นี่”

“แต่ฉันเป็นเจ้าของ”

คำพูดนั้นทำให้อรพัชชาหน้าซีด หัวใจแทบหล่นหาย มือร่วงจากแขนนายพิพัฒน์ทันที เธอส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ว่าข่าวซุบซิบต่างๆที่ได้ยินมาจะเป็นความจริง ไม่ว่าจะเรื่องการโกง หรือเรื่องเจ้าของบริษัทมาที่นี่ แล้วที่นี้ชีวิตเธอก็คงจะต้องดับมืดไปด้วย น้ำตาของอรพัชชาไหลออกมาอย่างเสียใจ

อังเดรสั่งอดัมให้จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย หลักฐานการโกงต่างๆให้ส่งให้เจ้าหน้าที่ให้หมด เพื่อเอาคนผิดไปลงโทษ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ปรับปรุงโครงสร้างที่นี่ใหม่ด้วยการเรียกหัวหน้าฝ่ายทุกฝ่ายมาประชุม และสั่งโยกย้ายถอดถอนเสริมสร้างเพื่อพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้าขึ้น ไม่ใช่ถอยหลังอย่างที่ผ่านมา
*********
ฝ้ายกัญญาหาที่ฝึกงานใหม่ ส่วนคนเป็นแม่ก็เปลี่ยนอาชีพสาวออฟฟิศ มาเป็นแม่ค้าทำขนมส่งขายตามร้านต่างๆ เพราะอายุที่ใกล้เกษียณคงไม่เหมาะจะหางานใหม่หรือทำงานในบริษัทอีกแล้ว ฝ้ายกัญญาตั้งใจฝึกงานและช่วยคนเป็นแม่อย่างเต็มความสามารถ พร้อมกับได้ยินเรื่องราวของจอมบงการ จากเพื่อนของแม่ที่โทรมาเล่าให้แม่ฟัง ว่าตอนนี้เจ้าของที่แท้จริงมานั่งแท่นบริหารงานเต็มที่แล้ว เธอรู้สึกดีใจและเจ็บปวดไปพร้อมๆกัน และพยายามไม่สนใจให้หัวใจต้องเจ็บอีก จนกระทั่งเรื่องราวของเขาเริ่มหายไปจากการได้ยินแต่ไม่หายไปจากความทรงจำ เธอฝึกงานสำเร็จ และเรียนจบเรียบร้อยก็ได้งานทำในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง

ฝ้ายกัญญาเดินออกมาจากสำนักงาน หลังจากเคลียร์งานจนเรียบร้อย เธอเดินไปเรื่อยๆตามทางไปที่ป้ายรถเมล์ แล้วต้องหยุดยืนนิ่ง เมื่อมีชายร่างสูงแต่งตัวเรียบร้อยด้วยเสื้อสูทมายืนดักหน้า เธอเงยหน้าขึ้นมองและจำได้ทันทีว่าเขาคือใคร แต่กลับทำเหมือนไม่รู้จัก ชายร่างสูงจึงพูดออกมา

“สวัสดีครับ” เสียงทักทายนั้น ไม่ได้รับการตอบรับจากหญิงสาว แต่แววตาไหวเล็กน้อยให้บอร์ดี้การ์ดตัวดำรู้ว่าเธอจำได้ แล้วพูดต่อว่า “คุณอังเดรอยากพบครับ”

“ขอโทษนะคะ คุณอังเดรไหน ฉันไม่รู้จัก ขอตัวนะคะ”

พูดจบเธอก็เดินผละจากไปทันที บอร์ดี้การ์ดจึงหันไปมองคนเป็นนายที่อยู่ในรถ แล้วถอยกลับไปหา พร้อมๆกับประตูรถเปิดออก แล้วร่างสูงก็ออกมาจากรถ ก้าวยาวๆมายืนตรงหน้าหญิงสาวที่ปฏิเสธไม่รู้จักเขา ฝ้ายกัญญาเกือบหยุดตัวเองไว้ไม่ทัน และตวัดสายตามองคนที่มายืนขวางอย่างไม่พอใจ แต่พอเห็นว่าเป็นใคร หัวใจเธอก็แทบจะหยุดเต้น แต่เป็นเพียงเสี่ยววินาทีเท่านั้น เธอก็เดินหลีกเหมือนไม่รู้จัก แต่เพียงเดินผ่านข้อมือก็ถูกจับไว้พร้อมเสียงกระด้างดังขึ้น

“ถ้าไม่ยอมไปกับฉันดีๆ ฉันจะอุ้มเธอไป”

ฝ้ายกัญญาทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดนั้น เธอบิดข้อมือออกจากมือหนาแต่ไม่หลุดแถมยังกระชับให้แน่นเข้าเหมือนเตือน แต่เธอก็ไม่สนใจ และเพียงเสี้ยววินาทีของการท้าทาย ตัวเธอก็ปลิวขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขน อังเดรอุ้มร่างบางไปที่รถโดยไม่สนใจสายตาของใครต่อใครที่มองมา บอร์ดี้การ์ดที่รออยู่แล้วจึงเปิดประตูออกกว้าง และพอเจ้านายเข้าไปนั่งเรียบร้อย เขาก็ขับรถออกไปทันที

ฝ้ายกัญญานั่งนิ่ง ไม่พูด ไม่มองคนที่หายไปจากชีวิตเกือบปี แต่เจ็บอยู่ในใจ ส่วนอังเดรก็นั่งนิ่งเหมือนกัน จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง เขาก็ลงจากรถ พาร่างบางที่ถ้าขัดขืนไม่ยอมเดินไปดีๆ ก็จะอุ้มเข้าไปอีก แต่หญิงสาวกลับเดินตามไปดีๆ เขาพาเธอเข้ามาในห้องทำงาน แล้วปล่อยมือจากแขน มองใบหน้างามที่คิดถึงอยู่ทุกวัน แต่จำต้องมองดูอยู่ห่างๆ เพื่อบางอย่างที่รอคอย และวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง เขาจึงปรากฎตัวออกมาหาเธอ

“สบายดีหรือเปล่า” เขาถาม แต่หญิงสาวกลับไม่ตอบ อังเดรจึงจับมือบางพลางลูบหลังมือเบาๆและพูดอีกว่า “โกรธเหรอ อย่าโกรธเลย และขอโทษที่วันนั้นฉันทิ้งเธอ ทั้งที่ไม่ได้อยากทิ้ง แต่เพราะฉันยังถูกตามล่า จึงไม่อยากให้เธอต้องมารับอันตรายไปด้วยและที่ไม่ยอมไปหาหรือส่งข่าว ก็เพื่อวันนี้ วันที่ฉันไม่ต้องพรากผู้เยาว์เพราะเธอยังเรียนไม่จบ วันที่ฉันไม่ต้องเป็นสมภารกินไก่วัดเพราะเธอออกมาจากบริษัทของฉันแล้ว และก็มาถึงวันที่ฉันจะมีสิทธิทำทุกอย่างตามหัวใจเสียที”
“มีสิทธิทำทุกอย่างตามหัวใจด้วยการอุ้มฉันมาที่นี่อย่างนั้นเหรอ” ฝ้ายกัญญาถามด้วยเสียงกรุ่นโกรธ

“ใช่ เพราะถ้าไม่อุ้มเธอคงไม่ยอมมากับฉันดีๆแน่”

“แล้วอุ้มฉันมาทำไม”

“ดูแลหัวใจที่เพรียกหาแต่เธอ”

ฝ้ายกัญญากัดริมฝีปากไว้แน่น แล้วดึงมือออกจากมือหนา เพราะไม่อยากเชื่อคำพูดของเขา แต่อังเดรไม่ปล่อยแถมยังดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แน่น ฝ้ายกัญญาอยากจะสะบัดตัวออก แต่ใจส่วนลึกที่ยังมีเขากับสมองที่คิดถึงคำพูดที่เขาบอก บอกให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาส่วนหนึ่งก็เกิดกับตัวเธอเหมือนกัน และจากการที่เธอได้ใกล้ชิดเขา ได้อยู่กับเขา และเขาได้ช่วยเธอให้พ้นจากความตาย ก็ทำให้เธอรู้ว่าเขาพูดจริง ซึ่งถ้าเขาไม่มีใจให้เขาก็คงปล่อยให้เธอตาย ไม่ช่วย ไม่ดูแล ไม่ปกป้องคุ้มครองเพราะเธอไม่ได้มีความสำคัญกับเลย แต่ฝ้ายกัญญายังไม่พูดอะไรออกมา

อังเดรจึงดันร่างบางออกมาเพื่อมองใบหน้างาม สบตาที่มองเขาอยู่และมองลึกเข้าไปในดวงตาเธอ เพื่อให้เธอได้เห็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขา แล้วบอกว่า

“ฉันรักเธอ”

เสียงบอกรักช่างอ่อนหวานและจับใจเหลือเกิน แต่ฝ้ายกัญญาไม่อยากจะเชื่อ ว่าเพียงระยะเวลาสั้นๆที่ได้รู้จักกัน จะทำให้เขารักเธอได้ และอีกอย่างเธอกับเขาก็ต่างกันเหลือเกิน เขาเหมือนฟ้าที่สูงส่งและกว้างใหญ่ไปด้วยความมั่งคั่ง ขณะที่เธอเหมือนดาวดวงเล็กที่ไม่คู่ควรกับฟ้าอย่างเขาเลย ฝ้ายกัญญาจึงบอกเขาว่า

“ขอบคุณที่รักฉัน แต่ฉันไม่คู่ควรกับคุณเลย เราต่างกันมากเกินไป”

“อะไรที่ต่าง ถ้าเธอจะพูดถึงฐานะ ฉันไม่สน ฉันสนแค่ว่าหัวใจเธอจะตรงกับฉันหรือเปล่า”

ฝ้ายกัญญายืนนิ่ง เธออยากจะบอกว่าไม่ตรง แต่เธอโกหกหัวใจตัวเองไม่ได้ จึงหลบตาคมที่มองอยู่ เพียงแค่นั้นก็ทำให้อังเดรที่จับตาดูอยู่ยิ้มนิดๆที่มุมปาก แล้วใช้ปลายนิ้วจับปลายคางมนให้หันมา ดันใบหน้างามให้มองเขา แล้วถามด้วยเสียงที่เข้มปนหวาน

“ยังอยากได้ฉันเป็นสามีอยู่หรือเปล่า”

ฝ้ายกัญญาถึงกับหน้าแดงที่เขาเอาคำพูดที่เธอเคยพูดไว้เมื่อเจอหน้าเขาครั้งแรก มาตอกย้ำ แม้ตอนนั้นเธอไม่ได้พูดตรงๆ แต่ความหมายก็คล้ายกัน แล้วจะเดินหนี แต่อังเดรไม่ยอม เขาลดมือจากปลายคางมากอดเอวกิ่วไว้ และนิ่งรอฟัง แต่จนแล้วจนรอดฝ้ายกัญญาก็ยังไม่ตอบ เขาจึงบอกว่า

“ถ้าเธอไม่พูด ฉันจะทำให้เป็นจริง” เขาว่าแล้วยกร่างบางขึ้นอุ้ม ฝ้ายกัญญาได้แต่ตกใจ แล้วร้องบอกว่า

“ไม่ได้นะ ฉันยังไม่ได้ตกลงเลย จะทำได้ไง”

“แล้วจะตกลงหรือเปล่า”

ฝ้ายกัญญากัดริมฝีปากไว้แน่น แต่ในที่สุดก็พยักหน้า อังเดรจึงยิ้มอย่างเอ็นดู แล้ววางร่างบางให้ยืนบนพื้นพร้อมกับถามว่า “ถ้างั้นแต่งงานกันเลยนะ”

“ยังไม่ขอเลยจะได้แต่งได้ไง”

“ขอแล้ว ฉันพาพ่อแม่ไปขอเธอกับแม่เธอแล้ว”

“เมื่อไหร่” ฝ้ายกัญญาถามอย่างตกใจ อังเดรจึงบอกว่า

“เมื่อเช้า ตอนเก้าโมง เก้านาที เก้าสิบเก้าวินาที และรอให้เธอเติมเต็มจนครบสิบ ว่าไงจะเติมเต็มหัวใจฉันที่เพรียกหาเธอให้ครบสิบได้หรือยัง”

ฝ้ายกัญญาสบตาที่มองเธออยู่ ความรู้สึกต่างๆฉายชัดอยู่ในดวงตาเขา ชัดเสียจนเธอไม่อาจจะปฏิเสธหัวใจตัวเองได้อีกตัวไป จึงยืดหน้าไปหอมแก้มเขา แล้วบอกอย่างขัดเขินว่า “ได้ค่ะ”

อังเดรยิ้มกว้าง แล้วดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แน่น แล้วดันร่างบางออกมาจูบรับคำตอบอย่างแสนหวาน หวานจนฝ้ายกัญญาเผลอจูบตอบทั้งๆที่จูบไม่เป็น แต่ทำให้อังเดรแทบจะไม่หยุดแค่จูบ แต่จำต้องหยุดอารมณ์หวานไว้ เพื่อวันที่เขาได้เป็นเจ้าของเธอจริงๆเสียก่อน
*********
วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนมาจนถึงวันสำคัญของทั้งคู่ อังเดรจูงมือฝ้ายกัญญาเข้าพิธีแต่งงานตามธรรมเนียมไทย แบบเรียบๆ และจดทะเบียนสมรสกันในวันนั้น ก่อนจะมีพิธีเลี้ยงตอนเย็นซึ่งก็มีผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย และเพื่อนสนิทของทั้งคู่มาเป็นสักขีพยาน นางกัญญายืนน้ำตาซึมด้วยความดีใจที่ลูกของนางได้คู่ครองที่ดี ขณะที่พ่อแม่ของอังเดรก็ดีใจที่ลูกชายยอมสละโสดเพื่อจะได้มีหลานมาให้ชื่นใจ

การเลี้ยงฉลองสมรสผ่านพ้นไปด้วยดี ฝ้ายกัญญาที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนสีหวาน นั่งมองตัวเองอยู่หน้ากระจก เธอไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองได้กลายเป็นนางแล้ว แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่พิธีการต่างๆที่ผ่านมา และแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วนางก็บอกให้เธอรู้ว่าทุกอย่างเป็นความจริง เธอมีเจ้าของแล้ว เจ้าของที่กามเทพเล่นตลกให้เธอได้เจอ และมอบหัวใจให้จนหมดใจ เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฝ้ายกัญญาก็คิดถึงวันแรกที่ได้เจอกัน จนห่างกัน และเขาได้กลับมาหา มาขอแต่งงาน และทำให้เธอเห็นว่า คำว่ารัก ที่ออกมาจากปากนั้น คือรักแท้จริงๆ

“อุ๊ย” ฝ้ายกัญญาอุทานออกมา เมื่อจู่ๆ ก็ถูกขโมยหอมแก้ม แล้วมองคนหอมอย่างเขินๆ อังเดรที่สวมเสื้อคลุมออกมาจากห้องน้ำ มองสบตาเจ้าสาวทางกระจก แล้วรั้งร่างบางให้ลุกขึ้น แล้ว... “อุ๊ย” ฝ้ายกัญญาอุทานออกมาอีกครั้ง เพราะโดนอุ้มโดยไม่ทันตั้งตัว อังเดรอุ้มเจ้าสาวมาที่เตียง เขานั่งที่ขอบเตียงแล้วให้เธอนั่งซ้อนบนตัก กอดร่างบางไว้และหอมแก้มนุ่มเบาๆ
ฝ้ายกัญญาได้แต่หน้าแดง ขณะที่อังเดรก็คลอเคลียอยู่ที่แก้มนุ่ม ซอกคอ ไหล่บางไม่ยอมห่าง และบอกว่า “รู้ไหมว่าฉันอยากรักเธอคืนวันฝนตกแค่ไหน”

“แล้วทำไมถึงไม่รักละคะ”ฝ้ายกัญญาถามอย่างอายๆ อังเดรจึงบอกว่า

“เพราะเราไม่มีเครื่องป้องกัน ฉันไม่มีถุงยางอนามัย เธอไม่มียาคุม ฉันจึงไม่อยากสร้างปัญหา ทั้งๆที่เราต่างก็มีปัญหากันอยู่ โดยเฉพาะเธอที่ฉันต้องคิดถึงและห่วงมากที่สุด เพราะเธอยังมีแม่ ยังเรียนไม่จบ ยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบ สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นมาจากการเห็นแก่ตัวของฉัน นั่นคือลูก ฉันจึงอยากทำเคลียร์ปัญหาของฉันให้จบเสียก่อน และรอให้เธอเรียนจบเสียก่อน และถึงเวลานั้น ฉันจะไม่ปล่อยเธอเลย”

“งั้นแสดงว่าที่คุณกลับมาหาฝ้าย ก็เห็นว่าฝ้ายเรียนจบแล้วงั้นเหรอคะ”

“ใช่ เธอเรียนจบ ทำงาน มีความรับผิดชอบทุกอย่างที่ดี”

“แล้วคุณรู้ได้ยังไงค่ะว่าฝ้ายดีขนาดนั้น หรือว่าคุณให้คนตามดูฝ้าย”

“ใช่ แต่ที่ทำไม่ได้ต้องการดูว่าเธอจะดีหรือไม่ดี แต่ที่ดูก็เพื่อจะบอกไอ้ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาหาเธอว่า คนนี้ฉันจอง” อังเดรบอกพร้อมกับหอมแก้มนุ่มหนักๆ ฝ้ายกัญญาจึงมองค้อน แล้วบ่นว่า

“มิน่าสาวสวยอย่างฝ้ายถึงไม่มีใครเข้ามาจีบสักคน มีจอมบงการอยู่ข้างหลังนี้เอง”

“แล้วถามมีล่ะ เธอจะมีใจให้หรือเปล่า”

“ถ้าดีก็ไม่แน่...”

“ไม่แน่อะไร” อังเดรถามเสียงเข้มๆ ฝ้ายกัญญาจึงแสร้งทำท่าคิดทั้งๆที่ในใจก็แอบยิ้ม

“ไม่แน่ว่าจะเดินหนี หรือวิ่งหนี เพราะมีเจ้าของจับจองหัวใจอยู่แล้ว”

“ใคร” อังเดรถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว และแกล้งงับผิวนุ่มๆให้ฝ้ายกัญญาได้ใจสั่น แล้วหมุนร่างบางให้หันมามอง ฝ้ายกัญญาจึงบอกว่า

“ก็จอมบงการที่กอดฝ้ายอยู่นี้ไง ฝ้ายรักคุณค่ะ”

อังเดรยิ้มกว้าง แล้วถามว่า “รู้สึกอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่าบอกนะว่า ตั้งแต่บอกว่าจะมีฉันเป็นสามี แต่..ตอนนั้นเธอมีคำว่าแต่ แต่...อะไร”

ฝ้ายกัญญาจึงพูดสิ่งที่เธอคิดให้ฟังเขา ว่าเธอกับเขาต่างกันยังไง แต่ตอนนี้ความคิดพวกนั้นไม่มีแล้ว เพราะเขาได้ทำให้เธอเห็นว่า ความแตกต่างพวกนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความรักที่เขามีให้เธอเลย และอังเดรก็ทำให้เธอรักเขามากขึ้น เมื่อเขาเอานาฬิกาข้อมือที่เหมือนของเขาแต่เป็นแบบของผู้หญิงที่เธอเคยชมว่าสวยมาให้เธอ และบอกเธอว่า

“ของขวัญวันรับปริญญา” ฝ้ายกัญญาก้มหน้ามองนาฬิกาที่อยู่ในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อ ว่าเขาจะจดจำได้ถึงเพียงนี้ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความรักสุดหัวใจ อังเดรจึงจูบหน้าผากมนและเลื่อนไล่ผะแผ่วมาที่แก้มนุ่มและบอกอีกว่า “และของขวัญวันแต่งงานคือตัวฉัน ที่จะรักเธอตลอดไป”

ฝ้ายกัญญาไม่มีสิ่งใดที่จะพูดอีกแล้ว นอกจากยอมรับความรักที่อังเดรมอบให้ ริมฝีปากอุ่นแนบชิดเรียวปากอิ่ม บดเคล้าเย้าหยอกหาความหวาน ก่อนจะซุกไซร้ลงมาหายอดทรวงเพื่อปลุกไฟเสน่หาให้หวั่นหวามเร่าร้อนขึ้น ชุดนอนตัวสวยและเสื้อคลุมร่วงลงข้างเตียง เมื่อฝ่ามือร้อนๆ ลูบไล้ไปทั่วร่างอรชร พร้อมริมฝีปากที่ทิ้งไฟรักให้หญิงสาวอ่อนระทวยและตอบสนองไฟนั้นด้วยมือที่ยกขึ้นกอดและตัวที่เบียดเข้าหา

อังเดรจูบซับผิวนุ่มไปทั่วตัว ยิ่งจุดที่อ่อนไหว เขาก็ยิ่งปลุกปั่นจนฝ้ายกัญญาแทบจะด่าวดิ้นไปกับบทเรียนรักวันวิวาห์ ก่อนจะปล่อยตัวและใจให้หล่อหลอมเป็นอันหนึ่งเดียวกันกับเขา แต่...อังเดรต้องหยุดเมื่อเธอต้องพบกับความเจ็บปวด ก่อนจะเจอความสุข แล้วรักเธออย่างถนอม อ่อนโยน จนกระทั่งเธอได้กลายเป็นน้ำมันที่ราดลงบนไฟรัก จึงโหมกระหน่ำและลุกโชติช่วงลามเลียไปทั้งตัว ก็มอดดับลง ทั้งๆที่ยังมีถ่านคุกกรุ่นอยู่ ฝ้ายกัญญาก็นอนซบอกแกร่งอย่างอายๆ และรู้สึกอายขึ้นไปอีก เมื่อฝ่ามือร้อนของจอมบงการไม่ยอมหยุดที่จะแตะต้องเธอ เธอจึงต้องถามออกมาอย่างซนๆปนอายว่า

“ไม่ป้องกันหรือคะ”

อังเดรหลุบตาลงมอง แล้วพลิกร่างบางให้นอนราบบนที่นอน และบอกว่า “ไม่ และไม่ว่าจะกี่ครั้งกับคนที่ฉันรัก ฉันก็จะไม่ป้องกันตราบนิรันดร์”

ฝ้ายกัญญายิ้มหวานทั้งที่ขัดเขินและไม่ขัดใจจอมบงการที่ต้องการรักเธออีกแล้ว คืนวิวาห์ของเธอจึงอบอวลไปด้วยความสุข และปรารถนาให้ทุกคู่เป็นอย่างเธอ แต่รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ เพราะวิถีทางการดำเนินชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เพียงแค่ทุกคนมีเวลาที่จะคิดก่อนทำ หรืออย่ายอมให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นอยู่คงลดน้อยลง แม้จะไม่ทั้งหมด แต่เพียงสักนิดก็ยังดี ฝ้ายกัญญาคิดแล้วหลับตาลง อย่างสุขใจในอ้อมกอดของจอมบงการ ที่รักเธอ ทำเพื่อเธอ จนเธอได้มาอยู่เคียงข้างตัวและหัวใจเขาตลอดไป

จบ

จบแล้ว เดี๋ยวไปจัดการนางกาหลงต่อ แล้วเจอกันค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ค. 2555, 15:59:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ค. 2555, 15:59:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 6431





<< ตอนแรก   
lovereading 15 พ.ค. 2555, 16:22:32 น.
เม้นท์ก่อนอ่าน ตาหวานก่อนเปิด อิอิ


jeabApa 15 พ.ค. 2555, 16:53:28 น.
ขอบคุณค่ะ อ่านสนุกไม่ผิดหวัง จริงๆค่ะ


เพชร 15 พ.ค. 2555, 17:29:13 น.
ยังน่าติดตามเหมือนเดิมค่ะ


nongnong79 15 พ.ค. 2555, 17:36:25 น.
สนุกค่ะของคุณPreamชอบทุกเรื่องค่ะ


แว่นใส 15 พ.ค. 2555, 17:36:27 น.
น่าอิจฉาจริงนะ


ทิรันดา 15 พ.ค. 2555, 17:50:10 น.


Zephyr 15 พ.ค. 2555, 17:50:47 น.
น่ารักที่สุดอ่ะ เรื่องมาเร็ว ไปเร็วมากมาย


เพลา 15 พ.ค. 2555, 17:56:48 น.
อิจฉา อยากได้แบบนี้บ้าง


roseolar 15 พ.ค. 2555, 18:20:22 น.
อ่านแล้วเคลิ้ม อิจฉานางเอกอ่ะ


ปูจ้า 15 พ.ค. 2555, 18:22:50 น.
วี๊ดวิ๊วววววว น่ารักมากมาย


น้องแสตมป์ 15 พ.ค. 2555, 18:23:42 น.
wow!!! so cute mak mak ja


ANNA1999 15 พ.ค. 2555, 19:25:10 น.
เรื่องนี้น่ารักที่สุดค่ะ ชอบมากเลย มาไวไปไวจัง


goldensun 15 พ.ค. 2555, 19:28:20 น.
ขอบคุณค่ะ เหมือนตัดตอนจคกเรื่องยาว สนุกและกระชับ


ใบบัวน่ารัก 15 พ.ค. 2555, 21:28:14 น.
ใช่เรื่องสั้นหลอ
ว่าไปเป็นพล๊อดเรื่องยาวได้
หล่อซะขนาดนี้สั้นไปนะ
แต่มีความคิดดีน่าชมเชย
ไม่ทำให้ฝ่ายหญิงลำบากท้องก่อนแต่ง
เรียนไม่จบ แย่ น่าจะมีให้อุปสรรคมีคนมาจีบ
ฝ้ายบ้างนะ คนหนุ่มนะ


nutcha 15 พ.ค. 2555, 21:48:49 น.
อยากได้แบบนี้มานอนกอดบ้าง คงหลับฝันดี


omelate 15 พ.ค. 2555, 22:50:09 น.
น่ารักมากๆ ชอบจังเลย


Pampam 15 พ.ค. 2555, 22:56:14 น.
สนุกมากค่ะเหมือนได้อ่านเรื่องยาวเลย


icewinter 15 พ.ค. 2555, 22:59:15 น.
น่ารักขอบคุณมากค่ะมีเรื่องสนุกให้อ่านค่ะwriter สู้ๆๆค่ะ


Auuuu 15 พ.ค. 2555, 23:08:09 น.


atua 15 พ.ค. 2555, 23:26:08 น.
ชอบมากค่ัะ ^^












หมูบูลิน 16 พ.ค. 2555, 00:47:35 น.
ขอแบบนี้ซักคนได้ม่ะค่ะ อยากได้บ้าง
เรื่องนี้สนุกค่ะ ติดตามนางกาหลงต่อ มาอัพต่อไวๆนะค่ะ


toulek 16 พ.ค. 2555, 08:55:05 น.


NamFah 16 พ.ค. 2555, 10:34:10 น.
หวานซ้าาาาาาาาาาาาาา><


ป้าภา 16 พ.ค. 2555, 11:05:56 น.
น่ารักมาก ทั้งพระเอก นางเอก และคนเขียนจ้า


palmmysahara 16 พ.ค. 2555, 19:31:39 น.
หวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก


tualek 16 พ.ค. 2555, 19:50:56 น.
ขอบคุณมากเลยค่ะ สนุกมาก


ยิหวา 16 พ.ค. 2555, 23:17:44 น.
โอ๊ยยละลาย
อิอิ


ศตรัศมี 17 พ.ค. 2555, 14:12:42 น.
หนุกหนานๆ คับ


anOO 17 พ.ค. 2555, 16:37:46 น.


ผักหวาน 11 ธ.ค. 2556, 15:17:56 น.
สนกค่ะ น่ารักทั้งคู่เลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account