ซีรีย์เมีย-อัพ-เมียราคี
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอทำให้ฉันเป็นทุกข์ขนาดไหน”
“เธอคงสะใจแล้วสินะ ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้”
ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฮึ่ม...งั้นเธอคงอยากให้ฉันมีความสุข”
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกให้หมดสิ ฉันจะได้เชื่อว่าเธออยากให้ฉันมีความสุข”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๑ คริษฐ์ หิรัญยศเจริญกุล

ตอนที่๑ คริษฐ์ หิรัญยศเจริญกุล

“ปึงปัง”

เสียงข้าวของภายในห้องที่ถูกกวาดกระจัดกระจายดังสนั่นควบคู่กับสองเสียงของคนสองคนที่ครวญครางระงมก้องแข่งกันด้วยทั้งความเจ็บปวดและความรัญจวนใจ ขณะที่สองกายก็ขยับเบียดชิด เคลื่อนไหวโค้งคลุมกันจนเป็นเงาสะท้อนที่งดงาม หากแต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ก็คล้ายกับว่าเงาสะท้อนนั้นจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ก่อนที่เสียงหวานใสจะลั่นออกมาเป็นเสียงสุดท้ายแล้วค่อยแน่นิ่งลงไปกับความเหน็ดเหนื่อย

“คืนนี้ฉันพอใจมากคาร่า เธอน่ารักมาก ฉันจะให้รางวัลเธอ”
ร่างสูงเหนืออาณัติโน้มลงหาร่างบางอีกครั้ง ในแววตาของเขาแพรวพราวเป็นประกายด้วยไฟปรารถนาที่ยังไม่ดับมอด คล้ายกับว่าเขายังไม่สมใจ ก่อนจะก้มใบหน้าอันหล่อเหลาชวนเคลิ้มฝันที่แดงระเรื่อเปียกโชกเหงื่อของตัวเองลงมากระซิบชิดริมหูน้อยของสาวเจ้าด้วยน้ำเสียงหอบกระเส่า กล่าวไปพลางรีบช้อนเรียวขายาวเนียนขาวนวลน่าสัมผัสของเธอขึ้นพับเอวแกร่ง แล้วเริ่มวาดเขียนเงาสะท้อนลายใหม่

เสียงหวานจ๋อยของหญิงสาวที่เพิ่งจะนิ่งไปเมื่อครู่ เพราะความเหน็ดเหนื่อย บัดนี้จึงเริ่มครวญครางขึ้นอีกครั้ง เมื่อเรือนร่างแกร่งเบื้องบนเริ่มทำงานหนักหน่วงกับเรือนกายของเธอ

“แบบนั้นแหละ ทำหน้าแบบนั้น ฮะ...คาร่า ฉันชอบเสียงเธอ คาร่า...คาร่า¬—”
เขาก้มลงมาอีก หอบหายใจแรงพูดเหนือดวงหน้าหวานของหญิงสาว ก่อนจะประกบปากปิดเรียวปากงามของเธอไว้แน่น แล้วร่วมหอบหายใจไปพร้อมๆ กับเธอ...

เดือนตุลาคม ค่ำคืนแรกที่หญิงสาวต้องทรมานกับความเจ็บปวด สิ่งที่หวงแหนมาทั้งชีวิตถูกคร่าไปอย่างป่าเถื่อนโดยที่เธอไม่สามารถขัดขืนใดๆ ได้ หยดน้ำตาไหลริน แต่ไม่อาจบอกกล่าวกับผู้ใด ไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้จากไหน เพราะมันเป็นเรื่องน่าอับอายมากที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง หากบอกกล่าวกับใคร เธอมีแต่เสียกับเสีย และยังจะคนที่เธอรักอีก เขาจะมองเธอด้วยสายตาแบบไหน เขาคงจะรังเกียจเธอหากได้รู้ สาวเจ้าจึงไม่คิดที่จะบอกใคร และแอบหวังว่ามันจะจบไปเพียงแค่นั้น ทว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่คิด เดือนตุลาคมผ่านไป พฤศจิกายนของหน้าหนาวก็มาเยือน และทุกๆ ค่ำคืน หากไม่มีผู้ใดอยู่ในบ้าน เช่นออกไปงานสรรสรรค์ของสังคมหรือไปงานของญาติ ปีศาจตนนั้นก็จะข้ามฝั่งด้านหน้าต่างของมันเข้ามาหาเธอ แล้วเรื่องเช่นค่ำคืนนี้ก็อุบัติขึ้นอีก มันซ้ำซากและหลายต่อหลายครั้งจนเธอไม่กล้านับว่าเมื่อไรแล้วที่เธอไม่มีประจำเดือน

และทุกครั้ง เมื่อเขาเสร็จสม เขาก็จะข้ามหน้าต่างกลับไปยังห้องของเขา กลับไปเงียบเชียบและเย็นเยือกราวสายลม ไม่ได้อยู่ดูผลการกระทำของตัวเองเลยสักครั้ง ว่าข่มเหงเธอจนยับเยินขนาดไหน จากไปโดยไม่ได้เอ่ยคำลาหรือคำปลอบโยนใดๆ ทิ้งให้เธอนอนตรอม นอนโทรม หมดสภาพ ซึ่งไม่ต่างจากค่ำคืนนี้ ที่เขาจะจากไปเช่นนั้นเหมือนกัน...

หญิงสาวนอนหันหลังให้กับร่างสูงที่นอนเบียดอยู่ทางด้านขวามือของเธอ หลังจากเสร็จกิจรักกับชายหนุ่ม ต่างฝ่ายต่างหอบหายใจแรงด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทว่าตัวเธอก็หยุดความคิดของตัวเองไม่ได้ ที่จะทบทวนถึงเรื่องราวของตัวเองกับเขา แล้วก็ทำให้สะอื้น หากใช่ว่าเธอจะร้องไห้เพื่อเรียกร้องความสนใจอะไร เพียงแค่น้ำตามันไหลออกมาเอง โดยที่เธอก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อยิ่งคิด ก็ยิ่งสะอื้น จนชายหนุ่มที่เพิ่งจะข่มตาพักนึกหงุดหงิดใจ ต้องลุกขึ้นมาจับตัวเธอให้พลิกหงายแล้วลุกขึ้นคร่อม

“เป็นบ้าอะไร ร้องไห้ทำไม หรือแค่นี้ไม่พอ อยากต่ออีกสักยกหรือไง”
มือแกร่งเอื้อมลงจับคางเรียวแล้วเชิดหน้าเธอให้เงยขึ้นมาประจันกับเขา พร้อมกับเสียงคมเข้มที่ตัดพ้อด้วยความหงุดหงิดใจ ปราศจากความปรานีปราศรัย ยิ่งทำให้น้ำตาของเธอนองแก้มมากขึ้น

“หยุด...หยุดเลย จะสำออยไปทำไม นี่เป็นครั้งแรกของเธอหรือไงถึงต้องร้องไห้ขนาดนี้ ตอนครั้งแรกไม่เห็นจะร้องเลยสักแอะ เงียบๆ ได้ไหม ถ้าไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราทำอะไรกันทุกคืน ก็ไม่ต้องร้องมาก”
เสียงเขาขู่มาอีก แต่น้ำตาของเธอและเสียงสะอื้นกลับยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนชายหนุ่มต้องส่ายหน้า ก้มลงจูบปิดปากเธอ ก่อนจะผละห่างแล้วค่อยตัดสินใจปลอบ
“นิ่งนะ ไม่ร้องไห้นะ”
มือใหญ่เอื้อมลงปาดน้ำตาที่แก้มนวลออกเบาๆ เค้นเสียงอ่อนโยนพูดพร้อมซักถาม “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง เห็นคุณยายบอกว่าเธอไม่ค่อยสบาย เป็นอะไรมากไหม”

หยดน้ำตาของหญิงสาวชะงักทันที พร้อมกับเสียงสะอื้น เมื่อเขายอมแสดงความห่วงใยออกมาบ้าง เธอเหลือบตาขึ้นสบกับเขา โดยที่ไม่รอให้เขาต้องบังคับ อ้าปากคิดที่จะตอบ แต่เมื่อสายตาสบกันเท่านั้น ร่างสูงกลับรีบพลิกกายลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ แทน แล้วทำท่าเก็บเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่

ร่างบางเห็นเขาลุกไปแล้วจึงเท้ามือลุกขึ้นมานั่งบ้างพร้อมกับดึงผ้าห่มของตัวเองขึ้นมาคลุมสูงเหนือทรวงอกนวล หันมองไปทางเขาเล็กน้อย เม้มปากนิดๆ อยากบอกเขาในสิ่งที่เขาเพิ่งถาม แต่ก็ไม่กล้า เพราะบัดนี้เขาทำท่าเหมือนไม่อยากรู้แล้ว โดยไม่รู้เลยว่าร่างสูงก็รอให้เธอตอบเช่นกัน และเมื่อรออยู่ครู่หนึ่งสาวเจ้าไม่ตอบ ชายหนุ่มจึงต้องทวนซ้ำ
“ว่าไงล่ะ ไม่สบายเป็นอะไร” เขาทวนมา แต่ก็ยังนั่งหันหลังให้เธอ

“ไม่...ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่...” เธอพูดติดขัด ไม่ค่อยกล้าบอกเขาไป เพราะยังไม่แน่ใจ และไม่กล้าคาดหวังว่าเขาจะยินดี ถ้ารู้

“หือ...” แต่ด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าคมเข้มจึงเหลียวขวับมามองเธอ ส่งสายตาข่มขู่ ร่างบางจึงต้องรีบหลบสายตานั้น แล้วพยายามเค้นเสียงเอ่ยออกมา

“คือ...ค—คาร่าไม่มีประจำเดือนมาเดือนกว่าแล้วค่ะ คาร่ากลัวว่าจะ...จะ...ท้อง—” ถึงท่อนนี้เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเบา จนคล้ายว่าคนข้างๆ จะไม่มีทางได้ยิน แต่เขากลับได้ยินเต็มสองรูหู จึงรีบเปล่งเสียงออกมาขัดปฏิเสธ

“ไม่ใช่ลูกฉันแน่นอน จะจับใครก็ได้นะ แต่อย่ามายุ่งกับฉัน” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธแล้วรีบลุกเดินออกไปทางหน้าต่างทันที แต่ก่อนที่จะไปก็เหลียวหน้ากลับมามองเธอนิดหน่อย แล้วค่อยปีนหน้าต่างข้ามไปทางห้องของตัวเองเหมือนเดิม

หญิงสาวจึงได้แต่อั้นนิ่ง อึ้งงันกับสิ่งที่เพิ่งถูกปฏิเสธ เขาปฏิเสธ ทั้งที่มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่ทำแบบนี้กับเธอ แต่เขากลับปฏิเสธ ทำไมเขาถึงปฏิเสธ แล้วเธอจะทำยังไงถ้าเธอท้องขึ้นมาจริงๆ ถ้าคุณหญิงรู้ล่ะ เธอจะทำยังไง นี่ก็เป็นปีสุดท้ายของเธอแล้วด้วย ถ้าเรียนไม่จบ คุณหญิงก็ต้องผิดหวังด้วย...
มือบางสั่นน้อยๆ เมื่อหยิบรูปถ่ายของเขา นาย คริษฐ์ หิรัญยศเจริญกุล สามีของเธอขึ้นมาดู เธอจำทุกสิ่งทุกอย่างในอดีตได้ดีและจำได้ขึ้นใจเลยว่า วันนี้คือวันที่เขาจะกลับมา คนทั้งบ้านจึงต้องจัดงานกันยกใหญ่เพื่อเตรียมต้อนรับเขา แต่เธอไม่ได้ดีใจเลยสักนิด ที่ปีศาจอย่างเขาจะกลับมา ทำไมเขาถึงไม่ฝังสังขารของเขาไว้ที่ต่างประเทศ ไม่ต้องกลับมา เธอไม่ต้องการให้เขากลับมา เธอไม่อยากพบเจอความเจ็บปวดนั้นอีก...

แต่ขณะที่กำลังคิดแค้น จับรูปถ่ายของสามีแน่น เสียงใสๆ แจ๋วๆ ของเด็กหญิง คนึงนิตย์ หิรัญยศเจริญกุล ลูกสาวของเธอก็แว่วดังมา หญิงสาวจึงต้องรีบวางรูปถ่ายของสามีลงแล้วหันไปมอง

“คุณแม่! คุณแม่! คุณทวดให้ไปหา—” ร่างน้อยๆ ของเด็กหญิงวัยสามขวบ วิ่งเร็วๆ เข้ามาหา พร้อมกับร้องเรียกเสียงดังทำให้คุณแม่ยังสาวต้องรีบฝืนปั้นยิ้มกว้างรอ

“เหรอคะ งั้นไปกันค่ะ เดี๋ยวคุณทวดจะรอนาน” เธอหันมาจูงมือลูก แกล้งยิ้มแก้มปริให้แก แต่เด็กหญิงตัวน้อยกลับขืนตัวไว้ เงยหน้าขึ้นมองมารดา

“ไม่ได้ นึงนึกต้องสวยๆ ก่อน คุณพ่อบอกให้นึงนึกสวยๆ รอคุณพ่อ” เสียงใสแจ๋วช่างเจรจาเอ่ยทันควันให้มารดา ก่อนจะสลัดมือจากมารดาแล้วรีบวิ่งไปรื้อค้นชุดสวยๆ ที่คุณพ่อส่งมาให้ออกมาใส่ หญิงสาวจึงได้แต่ถอนหายใจมองตาม แต่ก็ไปขัดลูกไม่ได้เลยต้องเดินเข้าไปช่วยลูกน้อยสวมใส่เสื้อผ้า ก่อนจะพาออกไปหาคุณหญิง จันทรามาส คุณยายทวดของแก

แต่เธอกับลูกยังไม่ทันได้ออกไป เพียงแค่สวมเสื้อผ้าให้ลูกเสร็จ และกำลังจูงมือลูกจะออกจากห้องเท่านั้น ประตูห้องของตัวเองที่ปิดสนิทก็ถูกผลักเปิดออกด้วยมือแกร่งทรงอิทธิพลของปีศาจตนนั้น เขากลับมาแล้ว

ร่างบางตกใจเล็กน้อย แต่ก็รีบช้อนตาขึ้นไปมอง แล้วก็พบว่าเขากำลังยืนแหย่ยิ้มอยู่ที่หน้าประตูห้อง ยืนยิ้มตั้งท่ารอเหมือนเจ้าชีวิตของเธอเฉกเช่นวันวานในอดีต แต่วันนี้สายตาเรียวเหลือบสบกับเขาด้วยความว่างเปล่า เฉยชาและกล้าหาญต่างจากสามปีก่อนโน้น คงเพราะความเจ็บปวด ความยาวนาน ความร้างลา และความทรมานในอดีต ที่ได้รับจากน้ำมือเขา...

“คุณพ่อ!”
แต่เสียงน้อยๆ นี้กลับต่างจากมารดาโดยสิ้นเชิง แค่แรกเห็นเท่านั้น แม้ไม่เคยอยู่ในอ้อมกอด ไม่เคยเห็นตัวจริงมาก่อน เห็นแต่รูปและได้ฟังแค่เสียงผ่านสายโทรศัพท์ที่โทรหาบ่อยๆ แกกลับผูกพันกับปีศาจตนนี้ยิ่งกว่า และกว่าที่มารดาจะรู้ตัว ร่างน้อยของลูกก็วิ่งกร่างเข้าไปหาเขา และไปสวมกอดสองขายาวสูงของเขาแล้ว

ทว่าการตอบสนองของเขากลับทำให้หญิงสาวต้องตาเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขา...จะเอื้อมมือลงมาช้อนลูกสาวตัวน้อยของเธอขึ้นไปอุ้มและกอดแนบชิดไว้ในอกแบบนั้น ราวกับว่ารักและคิดถึงมากมาย ซึ่งไม่เหมือนวันนั้น วันที่เขาบินหนีไป ไม่แม้แต่จะมาดูเธอกับลูก หรืออุ้มแกก่อนใครอื่น ทั้งที่วันนั้นคือวันที่เธอคลอดแก!

“คาร่า...เธอจะไม่ทักทายฉันหน่อยเหรอ” เขาอุ้มลูกแล้วเดินเข้ามาหาแม่ของลูก เมื่อเห็นเธอยืนนิ่งราวเสาเข็ม ยิ้มแก้มปริ ปฏิกิริยาต่างจากปีศาจคนเมื่อก่อนนี้มาก แต่หญิงสาวไม่ตอบสนอง เธอยังยืนนิ่ง อั้นงงกับพฤติกรรมที่แปรเปลี่ยนไปของเขา จนชายหนุ่มต้องเดินเข้ามาชิดมากกว่าเก่า และก้มลงมาหอมแก้มเธอเบาๆ แทนการทักทาย

“คุณคริษฐ์!” น้ำเสียงหวานแผดลั่นด้วยความไม่พอใจที่เขาถือวิสาสะทำแบบนี้ พร้อมกับสองมือยกขึ้นผลักไสเขา แต่มือที่ไม่ได้ใช้อุ้มลูกของชายหนุ่มกลับรีบรวบรัดข้อมือบางของเธอเอาไว้ได้ ก่อนที่ใบหน้าคมคายจะก้มลงมาใกล้ใบหน้าหวานนวล

“ฉันไม่มีอารมณ์ปลุกปล้ำกับเธอหรอกนะ อย่าพยายามยั่ว”



เทียมทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ค. 2555, 11:30:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2555, 12:34:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1766





   ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๒ อีกด้านของกระจก >>
Zephyr 18 พ.ค. 2555, 18:10:41 น.
พระเอกเลวเหลือรับจริงๆ เอ๊ แต่พระเอกแน่ป่าวหว่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account