ซีรีย์เมีย-อัพ-เมียราคี
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอทำให้ฉันเป็นทุกข์ขนาดไหน”
“เธอคงสะใจแล้วสินะ ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้”
ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฮึ่ม...งั้นเธอคงอยากให้ฉันมีความสุข”
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกให้หมดสิ ฉันจะได้เชื่อว่าเธออยากให้ฉันมีความสุข”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๒ อีกด้านของกระจก

ตอนที่๒ อีกด้านของกระจก


น้ำเสียงของเขาหยั่งต่ำ ขณะที่จ้องเธอด้วยสายตาเย็นชาของปีศาจตนก่อน ปริยิ้มกริ่มสมเพชและเหยียดหยามเธอไม่ต่างไปจากที่เคยเป็น

เขามันเลวเหมือนเดิม!

หญิงสาวตาเบิกโต เข้าใจในทันทีว่าเขากำลังเล่นละครกับเธอเท่านั้น เพราะเธอก็เคยเห็นมาแล้วในอดีต ไม่ควรเลยที่จะไปสงสัยอะไร หรือคาดหวังอะไรว่าเขาจะเปลี่ยน คนอย่างเขา...นายคริษฐ์ หิรัญยศเจริญกุล...ไม่มีทางเปลี่ยน และไม่มีวันเปลี่ยนได้!

วงปากงามปิดสนิท ไม่คิดพูดอะไร ขณะที่ค่อยๆ ลดสายตาเบิกกว้างของตัวเองกลับมาเป็นเฉยชาเหมือนเมื่อก่อนหน้า แล้วสะบัดมือบางให้หลุดจากมือหนา ทว่าต้องกลั่นยิ้มออกมา ปรับสีหน้าเป็นร่าเริงฉับพลัน เมื่อเจอสายตางงงันสับสนของลูกที่กำลังจับจ้อง

เด็กหญิงตัวน้อยงงมากมาย ว่าทำไมคุณพ่อแค่หอมแก้ม แล้วคุณแม่ต้องเสียงดัง แกจ้องหน้าพ่อแม่สลับกันอย่างสงสัยจนผู้ใหญ่ทั้งสอง ต้องปั้นหน้ายิ้มกริ่มให้

“เราไปหาคุณทวดกันดีกว่าค่ะ ป่านนี้คุณทวดรอแย่แล้ว” คริษฐ์รีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของลูกน้อย พร้อมกับที่มือแกร่งเอื้อมกลับไปเกี่ยวรัดเอวบางคอดเล็กของคุณแม่ของลูกมาแนบข้าง

คาร่า หิรัญยศเจริญกุล ภรรยาสาวของชายหนุ่มขัดขืนเล็กน้อย ไม่ยอมให้สามีได้ใกล้เธอเช่นนี้อีก และไม่ยอมที่จะเล่นละครกับปีศาจมากเล่ห์อย่างเขา ทว่าเมื่อเห็นลูกน้อยยิ้มพร้อมพยักหน้าอย่างมีความสุข เธอก็ไม่อาจที่จะขัดใดๆ ได้อีก เพราะเธอไม่อยากให้ลูกเสียใจ แกรอวันนี้มาสามปีเต็ม วันที่จะได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อ แล้วทำไมเธอจะให้แกไม่ได้! ให้แกได้อยู่กับเขา อยู่กับความจอมปลอมของเขา ให้แกมีพ่อเหมือนเด็กคนอื่นสักครั้ง เธอคงไม่ถึงกับตาย

คาร่าถอนหายใจอย่างจนใจ สุดท้ายเธอก็ต้องยอมศิโรราบอีกครั้งเพราะลูก เธอบอกตัวเองแล้วก็ยอมก้าวขาออก เมื่อเขาโอบเอวเธอแน่นๆ แล้วบังคับให้ก้าวขาไป



ครู่ใหญ่ก็พากันมาถึงที่ห้องรับแขก แต่ลูกพี่ลูกน้องของเขามากันหลายคน คาร่าจึงต้องผละห่างจากสามี โดยเกรงจะไม่งามที่ต้องโอบกันแบบนี้ แต่มันกลับทำให้คริษฐ์ สามีของเธอไม่พอใจ ทว่าก็ยอมปล่อย เพราะมีคุณยายของเขาอยู่ด้วย นึกเกรงใจท่าน หากก็จ้องอย่างคาดโทษ เหมือนจะให้เธอรู้ตัวว่าเขา...จะเอาคืน!

และก่อนที่ใครจะทันทักเขากับครอบครัว คริษฐ์รีบชิงพูดก่อนทันที เพราะไม่ต้องการอยู่ที่นี่ต่อ แม้แต่วินาทีเดียว เขาจึงผละจากลูกและเมีย ก่อนจะคลานเข่าเข้าไปกราบแทบตักของคุณยายของเขาอย่างเอาอกเอาใจ

“ผมกลับมาแล้วครับคุณยาย—” ...ผมกลับมาเอาทุกอย่างของผมคืนครับ... “ผมคิดถึงคุณยายที่สุดในโลกเลย” ใบหน้าคมซุกแนบกับตักของหญิงสูงวัย พร้อมกับสองมือกอดรัดเอวของนางไว้แน่น

“คิดถึงยายที่สุดในโลก แต่หายไปสามปี โทรศัพท์มาหาสักครั้งก็ไม่เคย อย่างนี้ยายคงเชื่อหรอกนะ ถ้าหากยายเป็นนึงนึก” มือหยาบกร้านของหญิงชราเอื้อมลงลูบศีรษะหลานชายคนโปรด อมยิ้มดีใจที่เขายอมกลับมาแล้ว แต่ก็อดที่จะเหน็บแนมเขาไม่ได้ด้วยความหมั่นไส้ ที่เขาทิ้งลูกทิ้งเมีย หนีไปเรียนต่างประเทศตั้งหลายปี ไปโดยไม่บอกลาเลยสักคำ ไปทั้งๆ ที่วันนั้นคือวันที่หลานสะใภ้เจ็บท้องคลอด แต่เขาก็ยังไป แถมไม่ได้ไปคนเดียว แต่ไปกับผู้หญิงอีกคน จนทุกคนเข้าใจว่า เขาหนีไปกับผู้หญิงคนนั้น ทำให้หลานสะใภ้ของนาง ไม่ยอมพูดเป็นปีๆ กว่าจะกลับมายอมพูดได้ ลูกก็ขวบ แล้วแบบนี้ จะไม่ให้นางเอกโกรธและเคืองแทนได้อย่างไร

“โห...คุณยายอ่ะ ก็ผมโทรมาแล้วไงครับ แต่คุณยายก็ชอบอ้างว่าติดธุระนู้นนี่ ไม่ยอมคุยกับผม” คริษฐ์แกล้งทำเป็นบ่นอุบอิบประท้วงคำกล่าวโทษของคุณยายของเขา แต่ก็เงยหน้ายิ้มแป้น ออดอ้อนท่าน ให้ท่านให้อภัย จนคนชราอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบและยอมให้อภัย เพราะความน่ารักของหลานชายไม่ได้ต่างไปจากเมื่อยามที่เขายังเด็กๆ เลย แต่ท่านก็ยังหยิกแขนเขาแรงๆ เพราะยังหมั่นไส้ไม่หาย

“ยายหมายถึงคาร่าหรอก รู้หรือเปล่าว่า คาร่าคิดถึงเรามากแค่ไหน...หือ”

“ไม่เห็นคาร่าบอกเลยนี่ครับว่าคิดถึงผม” คริษฐ์ได้ยินคุณยายของเขากล่าวเช่นนั้น ก็รีบโต้ แต่ก็หันไปมองภรรยาเป็นเชิงถามว่า จริงไหม แต่หญิงสาวก็ยังเฉย พยายามทำเป็นไม่รับรู้สิ่งที่เขาสื่อ จนคริษฐ์เลิกสน หันความสนใจกลับมาให้คุณยายของเขาเช่นเดิม

“ผมมีของอยากให้คุณยายครับ แต่ผมไม่ได้เอามาด้วย ไว้วันหลังผมจะเอามาให้นะครับ แต่วันนี้ผมต้องขออนุญาตลาครับ เพราะผมอยากพาคาร่ากับลูกไปดูบ้านที่ผมเพิ่งซื้อ ผมอยากรู้น่ะครับ ว่าคาร่าอยากได้อะไรเพิ่มไหม” สีหน้าหล่อเหลาปรับเป็นจริงจัง พูดขึงขังก่อนจะลุกออกจากตักของหญิงชรา “ผมลานะครับ” แล้วก็ไหว้ลาอย่างเป็นทางการ โดยไม่รอให้นางอนุญาต “ไปคาร่า” เขาเดินมาหาภรรยากับลูก แล้วรีบช้อนลูกขึ้นอุ้ม ทำเหมือนจะไปจริงๆ จนคุณยายของเขาต้องรีบเอ่ยรั้ง

“จะไปแบบนั้นเลยเหรอ ยายทำของรอเราตั้งเยอะ” นางเอ่ยไปหวังจะฉุดหลานไว้ได้สักนาที แต่เขากลับยืนยันความต้องการเดิม

“อย่างที่ผมคุยกับคุณยายทางโทรศัพท์ครับ ผมต้องไป แต่คุณยายเก็บไว้วันหลังนะครับ ผมจะมาทานด้วย แต่วันนี้ผมขอนะครับ ผมอยากอยู่กับคาร่า” เขากึ่งพูดเล่นกึ่งพูดจริง แต่คนชราก็เข้าใจ และรู้จุดประสงค์ดี เพราะเขาบอกนางแล้ว จึงไม่คิดขัดอะไรอีก

ทว่าประโยคท้ายความของเขากลับทำให้ภรรยาของเขาขบปากแน่น เพราะเธอไม่รู้อะไร และได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็ทำให้เธอไม่พอใจ เพราะเชื่อว่าตัวเองรู้จักเขาดี และสิ่งที่เขาพูดทั้งหลาย มันเป็นแค่ลมปาก ที่คนอื่น อาจจะเชื่อ แต่เธอไม่เชื่อ

หญิงสาวเม้มปาก มองหน้าสามี หากก็ไม่ได้ท้วงสิ่งที่เขาพูด ยังคงนิ่งไว้ แล้วรอฟังคำอนุญาตของหญิงชรา เพราะเธออยากรู้ว่าผู้มีพระคุณของเธอ จะตัดสินแบบไหน ยอมให้เธอไปกับเขา หรือจะให้เธออยู่ที่นี่

“อืม...แต่พาคาร่ากับนึงนึกกลับมาเยี่ยมยายบ้างนะ อย่าพาไปลับ ไม่ยอมพามาหากันอีก แบบนั้น ยายไม่ยอมจริงๆ” คุณยายของเขายังจำได้ดี ว่าเมื่อสามปีหรือราวๆ สามปีกว่าๆ ก่อนโน้น ตอนที่ทุกคนรู้ว่าคาร่าท้อง และพยายามคาดคั้นให้บอกว่าใครคือพ่อเด็ก คริษฐ์ก็ออกมายอมรับ และก็ขอรับผิดชอบ แต่จากนั้นเขาก็พาเธอหายไปเลย ไปจนคาร่าใกล้คลอดแล้วค่อยพากลับมา แต่ก็อยู่ไม่นาน ก็ทิ้งคาร่ากับลูกไว้แล้วก็ไปเรียนต่อ จนเพิ่งจะกลับมานี่ ฉะนั้น...ถ้าเขาจะทำเช่นนั้นอีก นางจะไม่ยอมจริงๆ

“ไม่ไปลับอีกแล้วครับ แต่ผมคงยอมให้คาร่ามาหาคุณยายบ่อยๆ ไม่ได้ เพราะผมหวง” คริษฐ์กล่าวยิ้มๆ แล้วหันมาเอื้อมมือเกี่ยวแขนคาร่า อยากจะแสดงให้ทุกคนรู้ว่าเขาพูดจริง ทว่าสายตากลับสบพบลูกผู้พี่ของตัวเอง กำลังจ้องคาร่าไม่วางตา แถมคาร่าก็เช่นกัน เหมือนจะมองตอบเขาคนนั้นอย่างกับอยากจะขอโทษอะไรสักอย่าง ทำสายตาเศร้าสร้อยชอบกล จนคริษฐ์นึกหมั่นไส้ ต้องจับแขนเธอแล้วบีบนีดแรงๆ ก่อนจะหันไปอ้าปากพูดกับลูกผู้พี่ “ขอบคุณพี่พิชญ์มากเลยนะครับที่คอยช่วยดูแลเมียผม” เขาเน้นแน่น “แต่ไม่ต้องแล้วครับ ผมกลับมาแล้ว ผมจะดูแลเอง แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับ...ผมลานะครับคุณยาย น้องลิน” กล่าวจบกับลูกผู้พี่ ก็หันมาลาคุณยายและลูกผู้น้องอีกคนของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็รีบพาเมียกับลูกไป “ไปคาร่า...”



ร่างสูงพาร่างบางกับลูกมาขึ้นรถ แล้วก็พาไปยังบ้านหลังนั้นที่เขาเพิ่งซื้อ โดยไม่สนความสมัครใจของหญิงสาว เพราะเขาถือว่า เขาได้คุยและขออนุญาตจากคุณยายของเขาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในขณะเดียวกัน การกระทำของเขาเช่นนี้ กลับทำให้เธอมองว่าเป็นความเผด็จการที่ไม่เคยเปลี่ยนของเขา

“จะลากฉันไปลงนรกขุนไหนของคุณ กรุณาแจ้งล่วงหน้าด้วย ฉันจะได้เตรียมตัวต้อนรับทัน ไม่ใช่อยากจะพาไปไหน ก็ลากไปตามแต่ใจตัวเองต้องการแบบนี้ ฉันไม่ใช่อะไรของคุณ ที่คุณจะกำหนด บัญชาได้”

หลังจากที่พามาถึงบ้านของเขา คริษฐ์ก็พาคาร่ากับลูกเดินทัวร์บ้าน หวังจะทำให้คุ้น แต่เมื่อลูกละห่าง วิ่งไปโน้นมานี่ ไม่ได้อยู่ฟังว่าพวกเขาคุยอะไรกัน คาร่าก็เอ่ยขึ้นมา เพื่อติตำหนิเขา แต่ด้วยถ้วยคำและสำเนียงวาจาที่เธอพูด ก็ทำให้คริษฐ์เคือง ไม่พอใจ หนำซ้ำกิริยาที่เธอมีให้ลูกผู้พี่ของเขาก่อนหน้า คริษฐ์ทวนคิดก็ยิ่งทำให้นึกโกรธ

“จะได้ลาชู้ถูกงั้นเหรอ” เขาโต้ด้วยคำแดกดัน หันมาจ้องมองเธอด้วยความไม่ชอบใจ แต่คาร่าไม่มองตอบ ตรงข้ามเธอเดินไปแล้วพูด พยายามทำให้ลูกที่วิ่งเล่นอยู่คิดว่าพ่อแม่แค่คุยกันธรรมดา

“อย่าคิดว่าคนทั้งโลกเป็นเหมือนตัวเอง อย่าเอาความสกปรกของตัวเองไปตัดสินคนอื่น คุณพิชญ์และพี่ผาสูงกว่าคุณเยอะ”

“อ้อ...ใช่ ฉันลืมไป ฉันลืมไปว่าเธอรักพี่ผาของเธอมาก...ใช่...ใช่” ทั้งพูดและพยักหน้ากับคำพูดของตัวเอง แต่ไม่ได้แสดงกิริยาบ้าเดือดพล่านเหมือนเมื่อก่อนอีก แล้วรีบหันหน้าไปทางอื่นก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ชอบไหมล่ะ บ้านใหม่ของเรา” เขากล่าวแล้วเดินไปหยุดที่หน้าต่างบานหนึ่ง มองออกไปข้างนอกที่มีสวนดอกไม้ปลูกไว้ ตามที่เขาต้องการ “ฉันให้เขาปลูกกุหลาบด้วย สีชอบของเธอ”

ประโยคความนี้ ทำให้คาร่าต้องรีบหันไปมองเขา แล้วตัดสินใจเดินไปยืนข้างๆ เขา มองออกไปนอกหน้าต่าง เพื่อดูสิ่งที่เขาพาดพิงถึง จึงได้เห็นดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนๆ บานสะพรั่งไปทั่ว แต่เธอจำได้ดี เธอไม่ได้ชอบสีนี้ เธอชอบสีเหลืองต่างหาก หากแต่สีนี้ คือสีที่เขาเลือกให้เธอ เลือกให้นานมาแล้ว

‘คาร่ามานี่ๆ’ ร่างเล็กๆ ของเด็กผู้ชายวัยแปดขวบวิ่งเร็วๆ ไปที่สวนกุหลาบแล้วโบกมือเรียกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ในวัยเดียวกันให้รีบไปหา

‘ไม่ชอบสีนี้ คาร่าชอบสีเหลือง’ เด็กผู้หญิงรีบชักมือกลับ เมื่อเด็กผู้ชายยื่นดอกกุหลาบสีชมพูหนึ่งดอกมาให้ หลังเดินไปหาเขาตามที่เขาเรียก

‘แต่คาร่าเหมาะกับสีชมพู สีเหลืองไม่เหมาะกับคาร่า มันไม่สวย...’

ใช่...มันไม่สวย มันไม่สวย เธอจึงเลือกเอาสีหวานที่เขาเลือกให้ คิดฝันไปว่า ถ้าเป็นสีหวาน คงไม่มีพิษมีภัย มันคงจะอ่อนหวานและนุ่มนวลเหมือนสีของมัน แต่ที่ไหนได้ กุหลาบก็ย่อมคือกุหลาบ มันย่อมมีหนาม และเมื่อเธอไม่รับมันมาอย่างระมัดระวัง หนามมันจึงบาดมือจนเธอแสบแสน

คาร่านิ่งคิด ขณะที่แอบลอบมองใบหน้าคมเข้มของสามี พยายามมอง อยากอ่านให้ออก ว่าภายในใบหน้าและแววตาคู่นั้นคิดอะไรอยู่ เขาต้องการอะไรจากเธอ ทำไมสมัยเด็ก เขาถึงดีกับเธอนัก แล้วทำไมแค่สิบปีผ่านไป เขาถึงกลายร่างเป็นปีศาจ คนสารเลว ที่บุกขึ้นห้องเธอ ย่ำยีเธอ ด่าทอจนเสียน้ำตา แต่เมื่อยามที่เธอจนตรอก ไม่มีใคร เขากลับโผเข้าช่วย แล้วลากพาเธอไปจดทะเบียน เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฏหมายของเขา พาหนีไปอยู่ด้วยกัน ในยามที่ทุกคนคัดค้าน ไม่ยอมให้เขาแต่งงานกับเธอ ทำงานหนัก ยอมออกจากมหาลัย เพื่อส่งเธอเรียน ยอมอดมื้อกินมื้อ เพื่อให้เธอมีเงินไปตรวจครรภ์ เฝ้าดูแล เช็ดเหงื่อ อยู่ดูแลชิดใกล้ในยามที่เธอเจ็บป่วย โอบอุ้มให้กำลังใจในยามที่เธอเหนื่อย เธอท้อ เป็นสามีที่ดีและรักใคร่ห่วงใยเธอ...แต่ทำไมตอนที่ฉันคลอด คุณต้องทิ้งฉันไป ไปกับผู้หญิงคนอื่น คุณเป็นคนแบบไหน แบบไหนที่คุณเป็น!

คาร่าน้ำตาเริ่มปริ่ม เมื่อทบทวนเรื่องเหล่านั้น จึงต้องรีบเดินห่างไปจากหน้าต่างที่สามียืน ด้วยเกรงเขาจะเห็นน้ำตาของเธอ แต่เธอกลับช้าไปนิด เมื่อมือแกร่งของสามีเอื้อมมาไวกว่า รีบคว้าแขนเธอไว้ได้

“ขอโทษนะ ที่กลับมาช้า ฉันน่าจะกลับมาเร็วกว่านี้” น้ำเสียงสำนึกผิดของเขากลั่นออกมา แต่มันไม่ทำให้คาร่ารู้สึกดีขึ้น ตรงข้าม ยิ่งซ้ำให้แย่ลง

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เพราะสิ่งที่ฉันคิดและรู้สึกไม่เคยมีความหมาย คุณทำอะไรตามแต่ความต้องการของตัวเองตลอดนี่คะ” แขนบางสลัดหลุด และไม่คิดอยู่ให้เขาได้แก้ตัวต่อ จึงเร่งฝีเท้าเร็วๆ ไปหาลูก

“นึงนึก เรากลับบ้านกันค่ะ ป่านนี้คุณทวดคงบ่นคิดถึงแล้ว” คาร่าไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่กับเขา ไม่ต้องการความเจ็บปวดในอดีต จึงคิดชวนลูกกลับ แต่นั่นกลับทำให้ร่างสูงที่สำนึกผิดเมื่อครู่ ต้องรีบเข้ามาแสดงความเผด็จการอีกครั้ง

“ฉันพูดกับคุณยายแล้ว คุณยายอนุญาตให้เธอกับนึงนึกมาอยู่กับฉันที่นี่ ไม่ต้องกลับไปหรอก ที่นั่นไม่มีใครต้องการเธอ” คริษฐ์เดินเข้ามาหาแล้วรีบช้อนร่างลูกน้อยขึ้นอุ้ม พูดเสียงเรียบเฉย เหมือนไม่ต้องการความเห็นจากเธอ

“แล้วที่นี่ใครต้องการฉันไม่ทราบ—” ...บอกสิว่าเป็นคุณ...คาร่าถาม พร้อมจ้องหน้าสามี อยากให้เขาตอบเหลือเกินว่า เขาต้องการเธอ แต่ก็เปล่า ร่างสูงไม่ตอบ ไม่สนใจตอบ หากว่ารีบอุ้มลูกแล้วเดินจากไป คาร่าจึงต้องรีบเร่งฝีเท้าตามไปเพื่อไปยึดลูกไว้

“เอานึงนึกมาให้ฉัน ฉันกับลูกจะไม่อยู่ที่นี่” คาร่าเดินมาขวางหน้าคริษฐ์ แล้วพูดเสียงแข็ง แต่เหมือนเขาไม่สน ขณะที่ลูกสาวเริ่มงง แกหันมองหน้าพ่อแม่อย่างไม่เข้าใจ สงสัยจนต้องถาม

“แล้วเราจะไปอยู่ไหน ไม่อยู่กับคุณพ่อเหรอ” เสียงน้อยถามมาแบบงงงัน สลับมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองอีกอย่างไร้เดียงสา ไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร จนคุณพ่อต้องเป็นคนรีบปั้นยิ้มให้

“อยู่ค่ะ อยู่ที่นี่กับคุณพ่อ คุณพ่อพานึงนึกไปดูห้องของนึงนึกก่อนดีไหมคะ คุณพ่อซื้อตุ๊กตาให้เยอะแยะเลย” อีกครั้ง ที่คริษฐ์ทำเหมือนไม่สนใจสิ่งที่คาร่าต้องการ เขารีบพูดกับลูก แล้วก็พาแกไปทันที ทำให้คาร่าต้องรีบเดินตามไปด้วย

“คุณคริษฐ์!” เธอเรียกตามไป หวังให้เขาหยุด แต่คริษฐ์ไม่แยแส เขาย่างเร็วๆ เพื่อไม่ให้เธอตามทัน กระทั่งมาถึงห้องที่เขาจัดไว้ให้ลูก เขาจึงหยุด แล้ววางลูกลง ให้ลูกได้เล่นและดูตุ๊กตาที่เขาซื้อมาให้

“นึงนึกชอบไหมคะ หลายตัวเลย” เขาพาลูกมานั่งที่เตียงตัวน้อย แล้วเอาตุ๊กตามาให้แกดู

“นึงนึกชอบ ผมเหมือนของคุณแม่เลย” แกตอบแล้วฉีกยิ้มกว้าง หันไปมองคุณแม่ที่เพิ่งตามมาถึง ที่ประตูห้อง

คริษฐ์หันไปมองนิดๆ แล้วแสดงท่าทางไม่ไยดี ก่อนจะหันมาพูดกับลูกต่อ ยิ้มให้แก เออออกับทุกอย่างที่แกพูด เพราะตุ๊กตาทุกตัวที่เขาซื้อมา เขาเลือกให้เหมือนเมียรักของเขาให้มากที่สุด ทั้งสีผม สีผิว หรือแม้แต่จะสีตา

แต่คาร่าไม่ยินดี ไม่ปลื้มเลยสักนิด ที่เขาอุตส่าห์มีน้ำใจขนาดนั้น หากก้ยอมเดินไปนั่งข้างๆ ที่เตียงดูลูกปีติกับตุ๊กตาตัวใหม่ของแก

“คุณแม่ เหมือนคุณแม่เลย นึงนึกชอบ” แกดีใจ รีบยื่นตุ๊กตาตัวหนึ่งมาให้มารดาดู

“ค่ะ” คาร่าอมยิ้มให้ลูก แล้วรีบรับตุ๊กตาของแกมาถือไว้ ตอบรับแกไปให้แกดีใจ แต่กับคนตรงข้าม เธออยากจะเฉือนเป็นชิ้นๆ ยิ่งได้เห็นลูกยิ้มให้เขาแบบนี้ เธอยิ่งนึกหมั่นไส้ เพราะเขาไม่มีสิทธิ์อะไรเลย หลังจากที่เขาเลือกที่จะหนีเธอกับลูกไปกับผู้หญิงคนอื่น ทิ้งเธอกับลูกไปตั้งสามปี!

แต่เธอหรือจะกล้าห้าม หรือไปขัดอะไรได้ ในเมื่อนั่นคือความสุขของลูก ที่เธอทำได้ ก็คงจะได้แค่มอง แล้วเจ็บใจตัวเอง เพราะตอนนี้...ดูเหมือนเธอจะกลายเป็นส่วนเกินไปแล้ว

คาร่าถอนหายใจอีก หลายหน จนคนตรงข้ามต้องหลิ่วตามองอย่างสนใจ “เป็นอะไร หิวเหรอ” เขาแกล้งถามอย่างจงใจ แม้จะรู้ดีว่า ที่เธอถอนหายใจน่ะ มันไม่ใช่เพราะหิว แต่เพราะเขาไม่สนใจเธอ

แต่คนถูกถามยังไม่ทันตอบ ร่างเล็กๆ ที่นั่งดูตุ๊กตาอยู่กลับรีบตอบแทน เพราะแกหิวแล้ว ทั้งวันยังไม่ได้กินอะไร มัวแต่รอคุณพ่อ เพราะหวังจะได้กินข้าวกับคุณพ่อ

“หิวแล้ว นึงนึกหิว คุณแม่ก็หิว เรารอคุณพ่อ เลยไม่ได้กินไร” เด็กน้อยช่างพูดถูกใจคุณพ่อ เขาจึงรีบลุกขึ้นมาอุ้มแกออกจากเตียง หลังแกกล่าวจบ

“งั้นไปกันค่ะ เราออกไปทานของโปรดของเรากัน” เขาอุ้มลูก พาออกไป โดยไม่เดือดร้อนที่จะรอคุณแม่ของลูก เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงเสีย เธอก็ต้องตามมา ถ้าเขามีลูกอยู่กับเขา

แล้วก็ไม่ผิดคาด คาร่าถอนหายใจยาวๆ ค่อยๆ ก้าวตามหลังสองพ่อลูกไป



ไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขาพ่อแม่ลูก ก็พากันมาถึงที่ร้านอาหารที่หน้าปากซอย แล้วคุณพ่อก็ไม่รอช้าที่จะรีบสั่งอาหารชานโปรด

“ก๋วยเตี๋ยวสามที่ครับ น้ำใสหนึ่ง หมูตกสอง” เขาสั่งไปด้วยสีหน้าระรื่น คล้ายเขาจะมีความสุขมาก แต่คาร่าไม่ยินดีด้วย เพราะเธอรู้ว่าลูกกินอาหารพวกนี้ที่เขาสั่งไม่เป็น แต่...เอ๊ะ นี่คุ้นๆ เหมือนเธอจะเคยมาที่นี่

คาร่ารีบหันมองไปทั่วทันที แล้วก็พบว่า เธอเคยมาที่นี่ เธอจำได้ มิน่า...ถึงรู้สึกคุ้นๆ ซ้ำชื่อร้านก็ยังไม่เปลี่ยน แม้จะแปลกตา และต่างไปบ้าง แต่โดยรวมก็ยังเหมือนเดิม ถ้าอย่างนั้น บ้านหลังนั้นที่เขาซื้อ...ก็คงเป็น...

สายตาเรียวเหลือบมองหน้าเบ่งบานสุขของสามีฉับไว เมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่า บ้านหลังนั้นที่เขาบอกว่าเพิ่งซื้อ อาจจะเป็นบ้านเช่าหลังเก่า ที่เธอกับเขาเคยอยู่เมื่อสามปีก่อน เธอสงสัย อยากจะถามเหลือเกิน แต่ก็ไม่กล้า จึงต้องเม้มปากไว้ ไม่ให้หลุดอะไรออกไป แต่ถ้ามันเป็นจริงอย่างที่เธอคิด เขาจะซื้อทำไม พื้นที่นี้มีความหมาย มีความสำคัญอะไรกับเขางั้นเหรอ มีแต่ความลำบาก มีแต่ความตรากตรำ ที่ครั้งหนึ่ง เขาเคยบ่นว่าเกลียด ไม่ใช่เหรอ...

คาร่ามีความสงสัยเป็นสิบ อยากจะถาม แต่ก็ไม่เลือกถาม เพราะรู้ว่าคงไม่มีคำตอบ เขาคงไม่ตอบ ถ้าไม่อยากตอบ เธอจึงเลือกที่จะเงียบปาก สอนลูกกินก๋วยเตี๋ยวเมื่อยามที่ถูกนำมาเสริฟ แล้วรอเวลาให้ความจริงเปิดเผย





เทียมทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ค. 2555, 11:32:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2555, 12:34:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1864





<< ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๑ คริษฐ์ หิรัญยศเจริญกุล   ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๓ แสงสะท้อนในกระจก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account