ลิขิตรัก...ไพ่ยิปซี

‘เมนิลา’ ตกงาน ถังแตก แถมยังโดนแฟนหนุ่มบอกเลิก...แต่โชคร้ายของเธอยังไม่หมดเพียงแค่นั้น
เมื่อเธอได้พบกับ ‘ญาณวดี’ วิญญาณสาวที่สิงสถิตอยู่ในกล่องไพ่ยิปซี
และเพื่อที่จะกอบกู้สถานะการเงินให้กลับมาสู่สภาวะปกติ เมนิลาจึงยอมรับข้อเสนอของญาณวดี
โดยญาณวดีจะสอนเมนิลาดูดวงไพ่ยิปซี แล้วให้เมนิลาไปตามหาตัวฆาตกรที่ฆ่าเธอ
ด้วยเหตุนี้เมนิลาจึงต้องร่วมมือกับ ‘ร้อยตำรวจเอกอัศวิน’ ตำรวจหนุ่มรูปงามที่ติดตามคดีนี้อยู่ลับๆ
จากร่วมมือ มาเป็นร่วมใจ และพัฒนาก่อเกิดเป็นความรัก
แต่แล้วความรักของทั้งคู่ต้องสะดุดลง เมื่อแฟนเก่าของเมนิลากลับมาพร้อมบอกว่าเธอเข้าใจผิด
สุดท้ายเมนิลาจะทำอย่างไร เมื่อรู้ว่าคนใกล้ตัวมีส่วนรู้เห็นกับคดีนี้
แล้วความรักของเมนิลากับอัศวินจะจบลงแบบไหน
และทั้งสองจะสามารถนำตัวฆาตกรออกมารับโทษตามกฎหมายได้หรือไม่
หาคำตอบได้ใน ‘ลิขิตรัก...ไพ่ยิปซี’

Tags: ลิขิตรักไพ่ยิปซี, ลิขิตรัก, ไพ่ยิปซี, อรุณ, ต้นช่อ, ช่อสุนันท์, สืบสวน, ตำรวจ, ฆาตรกรรม

ตอน: ไพ่ใบที่ 2 V – THE HIEROPHANT ไพ่การช่วยเหลือเกื้อกูล (2/2)

ตอนสายของวันใหม่ เสียงเคาะหน้าประตูห้องดังขึ้น เมนิลาจำต้องลุกจากที่นอน เดินไปดูว่าใครกันที่มาทำลายการพักผ่อนของเธอ

ร่างบางเดินงัวเงียไปที่ประตูห้อง และเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่อยู่ข้างนอกประตูนั่นเป็นใคร เธอก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

“คุณอัศวิน!” เมนิลาร้องออกมาอย่างคาดไม่ถึงว่าเขาจะบุกมาหาเธอถึงห้องพักแบบนี้

หญิงสาวลังเลว่าจะเปิดประตูให้เขาเข้ามาดีไหม เพราะเธอกับเขาถ้าไม่นับรวมครั้งนี้ก็เจอกันแค่สองครั้งเอง ฉะนั้นจะให้คนที่พบกันไม่กี่ครั้งเข้ามาในห้องก็กระไรอยู่ แต่แล้วเหตุผลนี้เป็นอันต้องตกไป เพราะคนที่อยู่ข้างนอกกระหน่ำเคาะประตูไม่ยั้งจนเกิดเสียงดังไปทั่ว ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้คนห้องข้างๆ ต้องออกมาต่อว่าเป็นแน่ สุดท้ายเธอก็ต้องจำใจเปิดประตูให้ตำรวจหนุ่มเข้ามา

และด้วยความรีบร้อน ทำให้เธอลืมสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง จนเมื่อเห็นเขามองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้วอมยิ้ม เจ้าของห้องถึงรู้ตัว

“ห้ามมองนะ” เสียงใสแว้ดใส่

“ผมก็ไม่อยากมองหรอก แต่คุณยืนขวางหน้าผมแบบนี้ แล้วจะให้ผมไม่มองได้ไง” ชายหนุ่มย้อนหญิงสาว

“คนโรคจิต” พูดจบเธอก็สะบัดหน้าเดินเข้าไปในห้องนอน แล้วออกมาพร้อมผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าที่จะใช้เปลี่ยน แขนเรียวชี้ไปทางโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่ข้างตู้เย็น “ไปนั่งรอตรงนั้นก่อน ฉันอาบน้ำเสร็จ ฉันจะไปชำระความกับคุณ”

“ครับผม” ร้อยตำรวจเอกอัศวินตะเบ๊ะรับคำสั่งอย่างอารมณ์ดี

อัศวินเดินไปนั่งตรงโต๊ะที่เจ้าของห้องสั่ง แล้วพอนึกถึงภาพตอนที่หญิงสาวเปิดประตูห้องให้เขาเข้ามา รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้า เพราะแม้ใบหน้านวลจะไร้เครื่องสำอาง แต่ก็ยังดูดี ผมยาวที่เขาเคยเห็นรวบตึงแบบเมื่อวานก็ถูกมัดไว้อย่างลวกๆ จนปอยผมปรกลงมาคลอเคลียข้างแก้ม เสื้อยืดแขนสั้นพอดีตัว กับการเกงผ้าฝ้ายสีเข้มตัวยาวที่สวมใส่ก็ดูสบายๆ ถ้าไม่เห็นกับตาเขาคงไม่เชื่อว่าเป็นคนเดียวกับ ‘ยัยบ้า’ พบเจอกันเมื่อวันก่อน

เมื่อเมนิลาจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย เธอก็เดินหน้ามุ่ยมาหาชายหนุ่ม

“คุณมาทำไมแต่เช้า และรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ห้องนี้”

“ผมจะตอบทีละคำถามนะ ข้อแรกผมไม่ได้มาแต่เช้า เพราะตอนนี้” อัศวินก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ “อีกสิบห้านาทีก็จะเที่ยง”

เจ้าของห้องหันขวับไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนัง ก็เห็นว่าจริงดังว่า จึงถามต่อ

“และรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ห้องนี้”

“ผมก็ถามพนักงานตรงเคาน์เตอร์ตรงหน้าทางเข้าสิ”

“และเขาให้คุณขึ้นมาได้ไง”

“ผมแค่แสดงตัวเป็นตำรวจ และบอกว่าผมมีหมายจับให้มาจับกุมคุณ เพียงแค่นี้ผู้หญิงที่นั่งประจำเคาน์เตอร์ตรงด้านหน้าคอนโดก็รีบบอกเลขที่ห้องของคุณให้ผมแล้ว”

“นี่คุณ” เจ้าของห้องโมโห ง้างมือหมายจะทำร้ายตำรวจหนุ่ม แต่คราวนี้เขาไหวตัวทัน จึงคว้ามือที่พุ่งมาเอาไว้ได้ แล้วใช้ความเร็วเบี่ยงตัวเข้าไปซ้อนอยู่ด้านหลัง ก่อนใช้แขนโอบรัดร่างบางเอาไว้

“ปล่อยนะ” เมนิลาโวยวาย

“ปล่อยคุณ คุณก็มาทำร้ายผมสิ”

“ก็คุณไปบอกคนที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์แบบนั้นได้ไง แล้วต่อไปฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“ฮ่าๆ” ชายหนุ่มหัวเราะลั่น

“หัวเราะอะไร” หญิงสาวหันไปขึงตาใส่คนที่โอบกอดเธออยู่

“ผมล้อเล่นน่ะ คุณเก็บหน้าสวยๆ ของคุณเอาไว้เถอะ ผมแค่บอกตรงเคาน์เตอร์ว่าผมมาหาคุณ และทิ้งบัตรประชาชนเอาไว้ ส่วนหมายเลขห้องผมได้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

“อะไรนะ” เมนิลาแว้ดใส่เขา ก่อนพยายามเบี่ยงตัวออก แต่แข็งแกร่งรัดเธอเอาไว้แน่นดั่งคีมเหล็ก “นี่ปล่อยฉันได้แล้ว”

“คุณสัญญาก่อนสิ ว่าจะไม่ทำร้ายผม”

“ไม่มีทางซะหรอก ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องแก้แค้นคุณให้ได้”

“ถ้างั้นเราก็อยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ละกัน” ว่าแล้วเขาก็กระชับวงแขนให้แน่นขึ้น
เดิมทีอัศวินอยากจะแค่ป้องกันตัวเท่านั้น แต่เมื่อได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ กลิ่นเดียวกับเมื่อวานโชยมาแตะจมูก เขาก็อยากจะสูดดมกลิ่นหอมกลิ่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เห็นทีเขาต้องถามเธอแล้ว ว่าน้ำหอมที่เธอใช้มันคือกลิ่นและยี่ห้ออะไร แล้วหาซื้อได้ที่ไหน จะไปหาซื้อมาใช้บ้าง

“ก็ได้ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายคุณ” เมนิลายกธงขาวยอมแพ้ เพราะลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดต้นคออยู่นั้น มันทำให้รู้สึกหวาบหวิวอย่างบอกไม่ถูก และถ้าอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เธอเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“จริงเหรอ” ชายหนุ่มถามด้วยความเสียดาย ก็เขายังอยากสูดกลิ่นน้ำหอม กลิ่นนี้ไปอีกสักพัก

“จริงสิ คนอย่างเมนิลา พูดคำไหนคำนั้น”

เมื่อคนในอ้อมกอดยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น อัศวินจึงจำใจปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ และพอรอดพ้นจะวงแขนแกร่ง เมนิลาก็ถามเขาทันที

“แล้วคุณมาหาฉัน คุณมีธุระอะไร”

“ผมก็มาดูว่าคุณหนีไปหรือยัง ก็คุณน่ะชอบหนีผมอยู่เรื่อย”

“เมื่อเห็นแล้วว่าฉันไม่ได้หนีไปไหน คุณก็กลับไปได้แล้ว” เจ้าของห้องออกปากไล่ตรงๆ แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ กลับคว้าข้อมือเรียวเอาไว้

“เราไปหาอะไรกินกันเถอะ วันนี้ผมเลี้ยงเอง”

“ฉันไม่ไป วันนี้ฉันจะอยู่บ้าน ฉันมีเรื่องต้องทำ” ร่างบางฝืนตัวเอาไว้

“แล้วไม่หิวเหรอ นี่ก็จะเที่ยงแล้วนะ”

“เดี๋ยวฉันต้มมาม่ากินก็ได้”

“กินมาม่าบ่อยๆ ระวังผมร่วงหมดหัวนะคุณ” อัศวินขู่หญิงสาว

คนถูกขู่ก็นึกถึงบิดาขึ้นมาทันที บิดาของเธอก็เคยบอกกับเธอแบบนี้เหมือนกัน เพราะบะหมี่สำเร็จรูปมักจะใส่ผงชูรส ทานบ่อยๆ ผมจะร่วง ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรทาน ทานแล้วจะไม่ดีต่อสุขภาพ

“แค่มื้อเดียวผมไม่ร่วงหรอก” มือบางลูบที่เส้นผมตัวเอง ก่อนนึกอะไรได้ “เอาอย่างนี้ดีไหม คุณก็ลงไปซื้อขึ้นมากินบนห้องสิ” เมนิลายิ้มบอก

“ได้ทีใช้ผมเลยนะ...ก็ได้ ผมไปซื้อให้ก็ได้” ว่าแล้วเขาก็ยอมออกไปซื้ออาหารมาให้เธออย่างว่าง่าย ทำให้เจ้าของห้องยิ้มร่าทันที เพราะเธอไม่ต้องเสียเวลาลงไปซื้ออาหารมาทาน แถมมื้อนี้ยังฟรีซะอีก

ระหว่างรออาหารที่ชายหนุ่มไปซื้ออาหารมาให้ หญิงสาวก็เดินไปหยิบกล่องไพ่ยิปซีกับสมุดที่จดความหมายของไพ่แต่ละใบออกมาวางไว้บนโต๊ะหน้าโทรทัศน์ เธอเลือกไพ่เดอะฟูล (The Fool) ขึ้นมา แล้วท่องความหมายของไพ่

“เมื่อไพ่ใบนี้ปรากฏขึ้นมา จะหมายถึง การเดินทางท่องเที่ยว การผจญภัยครั้งใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น การนำไปสู่บางอย่างที่ไม่คุ้นเคย จะมีการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น”

เมนิลาไล่เปิดไพ่ในกล่องแล้วท่องความหมายของแต่ละใบไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงเคาะประตู เธอจึงรีบเก็บไพ่ยิปซีลงกล่องไม้แล้วเดินไปเปิดประตูให้ชายหนุ่ม
อัศวินเดินเข้ามาพร้อมถุงใส่อาหารเต็มสองมือ ทำให้เจ้าของห้องต้องร้องถาม

“คุณซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย”

“ก็ของกินไง” ตำรวจหนุ่มบอกพร้อมรื้อของในถุงออกมาวางไว้ที่โต๊ะอาหาร ก่อนสาธยายว่าซื้ออะไรมาบ้าง “ผมซื้อต้มยำกุ้ง กะเพราปลาหมึก ไข่เจียวปู ยำทะเลรวมมิตร หน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้ง ข้าวสวย น้ำส้ม น้ำอัดลม และขนมกินเล่นมาให้คุณ”

“คุณจะบ้าเหรอ ซื้อมาเยอะแบบนี้ ใครจะกินหมด” เมนิลาโวยวาย เพราะถ้าขืนกินหมดนี่ได้ท้องแตกตายแน่ๆ

“ก็ผมไม่รู้นี่ว่าคุณอยากกินอะไร ผมจำได้แค่ว่าคุณชอบอาหารทะเล ก็เลยซื้ออาหารพวกนี้มาให้คุณ แล้วคุณจะกินไหม ถ้าไม่กินผมจะได้เอากลับบ้าน” ว่าแล้วอัศวินทำท่าจะเก็บอาหารทั้งหมดกลับใส่ถุงตามเดิม หญิงสาวจึงรีบรั้งเขาเอาไว้

“โธ่ กินสิ คุณซื้ออะไรมา ฉันกินได้หมดแหละ แต่ขอแบ่งกินนะ” เจ้าของห้องยิ้มบอกอย่างเจ้าเล่ห์ “เรากินไข่เจียว ยำทะเลรวมมิตร และหน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้งกันก่อน ส่วนที่เหลือเราก็เอาเก็บเข้าตู้เย็น ไว้กินในมื้อต่อไป” พูดจบหญิงสาวก็กุลีกุจอจัดอาหารใส่จาน ก่อนนั่งลงตรงข้ามชายหนุ่มแล้วจึงลงมือทานอาหารมื้อเช้าที่รวบยอดมาทานมื้อเที่ยง

ระหว่างทานอาหาร สองหนุ่มสาวก็พูดคุยและหยอกล้อกันอย่างสนุก จนเมื่ออาหารบนจานถูกจัดการเรียบร้อย เจ้าของห้องก็ไล่แขกที่ไม่ได้รับเชิญทันที

“เอาล่ะ คุณทีนี้คุณก็กลับไปได้แล้ว”

“โธ่คุณ ผมอุตส่าห์ลงไปซื้ออาหารมาให้คุณนะ อาหารในท้องยังไม่ทันย่อยก็ไล่กลับซะแล้ว ผมขออยู่ให้อาหารย่อยก่อนสิ คุณอย่าใจร้ายกับผมนักเลย” คนถูกไล่โอดครวญ ก่อนเดินตามหญิงสาวไปนั่งบนโซฟาตัวยาวหน้าโทรทัศน์ แล้วเอ่ยปากชวน “พรุ่งนี้เราไปคอนโดของญาณวดีกันไหม”

“อืมไปสิ” เมนิลาตอบรับพลางเปิดกล่องไพ่ยิปซีกับสมุดเล่มน้อยที่วางบนโต๊ะไปด้วย

“งั้นเจอกันสิบโมงเช้านะ”

“อืมได้...แล้วนี่คุณจะกลับได้หรือยัง ฉันจะได้ท่องความหมายของไพ่ยิปซีต่อ”

“ไพ่ยิปซี?”

อัศวินมัวแต่มองหน้าหญิงสาว เพราะตอนนี้เขาหลงเสน่ห์ใบหน้านวลที่ไร้เครื่องสำอางเข้าอย่างจัง จึงไม่เห็นว่าในมือของเธอถือไพ่ยิปซีเอาไว้

“ก็ใช่น่ะสิ คุณเห็นเป็นไพ่ป็อกเด้งหรือไง” เมนิลาส่ายหน้า ที่เขาถามอะไรไม่รู้จักคิด ก็เห็นอยู่ว่าเธอถืออะไรอยู่

“ท่องความหมาย ท่องไปทำไมกัน” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย

“ก็ถ้าฉันจะเป็นหมอดูไพ่ยิปซี ฉันก็ต้องจำความหมายของไพ่แต่ละใบให้ได้ ไม่งั้นวดีจะไม่ยอมสอนฉันต่อ” หญิงสาวหลุดปากเรื่องญาณวดีออกมา

“วดี?”

“อ๋อ ฉันหมายถึงฉันอยากเป็นหมอดูไพ่ยิปซีเหมือนญาณวดีน่ะ” คนหลุดปากรีบพูดแก้

“ผมว่าทำอาชีพอื่นไม่ดีกว่าเหรอ”

“ฉันก็อยากทำอาชีพอื่นเหมือนกัน แต่คุณก็รู้ เศรษฐกิจแบบนี้หางานยากจะตาย”
“คุณจบด้านไหนมาล่ะ ผมจะได้ฝากงานให้”

“คุณนะจะฝากงานให้ฉัน” เมนิลาหัวเราะลั่น มือบางโบกปฏิเสธ “ไม่เอาหรอก ถ้าฉันตั้งใจจะเป็นหมอดูไพ่ยิปซีแล้ว ฉันก็จะตั้งใจทำให้ถึงที่สุด อย่าคิดมาทำให้ฉันไขว้เขวเลย” หญิงสาวยิ้มบอกก่อนจะดึงอัศวินให้ลุกจากโซฟา และดันไปที่ประตู “เอาล่ะ คุณกลับไปได้แล้ว”

“ก็ได้ๆ ผมไปก็ได้ แต่คุณต้องให้เบอร์มือถือคุณมาก่อน เผื่อคุณหนี ผมจะได้ตามตัวคุณได้” ว่าแล้วแขนแกร่งก็ยันตัวไว้กับกรอบประตู ไม่ยอมก้าวออกจากห้อง

“คุณเห็นฉันเป็นโจรหรือไง ที่จะต้องคอยหนีตำรวจแบบคุณน่ะ” เมนิลามองค้อนแต่ก็ยอมบอกเบอร์โทรศัพท์มือถือให้กับเขา “ทีนี้คุณก็กลับไปได้แล้ว"

อัศวินทดลองกดปุ่มโทรออกตามเบอร์ที่เธอบอกมา และเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องร้องลั่น เขาก็ยิ้มกว้าง

“งั้นผมไปก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้สิบโมงเจอกัน” ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง ก่อนยอมก้าวออกจากห้อง

เมื่อแขกที่ไม่ได้รับเชิญยอมกลับไป เมนิลาจึงได้กลับมาตั้งใจท่องความหมายของไพ่ยิปซีอีกครั้ง




เช้าวันใหม่ ดวงอาทิตย์ยังขึ้นทางทิศตะวันออกเหมือนเคย แสงแดดจ้าสาดส่องผ่านกระจกรถเข้ามากระทบที่นั่งฝั่งคนขับ แต่ด้วยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศด้านหน้า เจ้าของรถจึงไม่รู้สึกร้อนอะไรนัก

วันนี้เมนิลารีบออกเดินทางไปคอนโดของญาณวดี ตามที่นัดกับอัศวินเอาไว้ และเธอก็ใช้เวลาไม่นานก็สามารถฝ่าการจราจรมาถึงที่หมายได้

รถฮอนด้าแจ๊สสีชมพูของหญิงสาว เลี้ยวเข้ามาจอดยังลานจอดรถด้านหน้าตึกสูง ที่เคยมาแล้วเมื่อวันก่อน ร่างบางก้าวลงจากรถ ก่อนกดรีโมทล็อครถ

“วดีหายไปไหนนะ” เมนิลาพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย ก็ร่างโปร่งใสหายตัวไปตั้งแต่ตอนกินมื้อเที่ยงเมื่อวันก่อน จนป่านนี้ก็ยังไม่มาปรากฏตัวให้เห็น

หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมามองเวลาซึ่งตอนนี้มันเลยเวลานัดแล้ว

“ทำไมป่านนี้ อีตาตำรวจนั่นทำไมยังไม่มาอีกเนี่ย” เธอบ่นไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายก็ดังขึ้น พอเห็นเบอร์คนโทรมาก็รีบกดรับทันที

“คุณอยู่ไหนน่ะ” คนปลายสายส่งเสียงโวยวาย

“ฉันควรถามคุณมากกว่า ฉันมารอที่คอนโดของญาณวดีนานแล้วนะ” เมนิลาโวยวายกลับ เธออุตส่าห์รีบแทบตาย กลัวไม่ทันนัด แต่คนนัดกลับยังไม่มา

“อะไรนะ!” อัศวินร้องลั่น “คุณไปถึงคอนโดของญาณวดีแล้ว”

“ก็ใช่สิ คุณนัดฉันที่คอนโดของญาณวดีตอนสิบโมงไม่ใช่เหรอ”

“สิบโมงที่ผมบอก ผมหมายถึงว่าผมจะไปรับคุณตอนสิบโมง แล้วเราค่อยไปคอนโดของญาณวดีด้วยกัน” ชายหนุ่มขยายความ

“อ้าว ฉันก็นึกว่าคุณนัดฉันให้มาเจอกันที่คอนโดของญาณวดี ถ้างั้นคุณจะตามมาไหม ถ้ามาฉันจะได้รอ หรือถ้าไม่มา เราก็ค่อยนัดกันใหม่”

“คุณขึ้นไปรอผมบนห้องก่อนละกัน จะได้ไม่ต้องมาเสียเที่ยว เดี๋ยวผมจะรีบตามไป”

“ก็ได้” เมนิลารับคำก่อนจะเดินเข้าไปตัวตึกและตรงไปที่ลิฟต์ที่ตั้งเรียงอยู่ตรงหน้า นิ้วเรียวกดปุ่มสี่เหลี่ยมเล็กๆ ตรงผนังด้านข้าง เพียงครู่เดียวประตูลิฟต์ก็เปิดอ้าออกมา หญิงสาวจึงก้าวเข้าไปในกล่องเหล็กสี่เหลี่ยม

“ไปด้วยครับ” เสียงชาวต่างชาติตะโกนเป็นภาษาไทยด้วยสำเนียงแปร่งๆ

ได้ยินแบบนั้นเมนิลาจึงรีบกดปุ่มเปิดประตูลิฟต์ค้างรอไว้ แต่พอเห็นชัดๆ ว่าชายผมทองเป็นเป็นใคร เธอก็แทบอยากจะกดปิดประตูลงทันที เพื่อที่ลิฟต์จะได้หนีบตัวหนาๆ เอาไว้ให้ค้างเติ่งจนได้อายซะเลย แต่ก็ช้าไปแล้ว เมื่อเขาก้าวมายืนข้างๆ เธอเป็นที่เรียบร้อย

“บอส!” หญิงสาวอุทานอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะเจอมิสเตอร์สตีฟ เจ้านายเก่าที่นี่ แถมชั้นที่เขาจะไป ยังเป็นชั้นเดียวกับเธอเสียอีก ตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่าโลกใบนี้มันกลมจริงๆ

“อ้าวเมย์!...เป็นไงบ้าง ไม่เจอกันตั้งนาน” ปากกล่าวทักทายเหมือนที่ผ่านมาเขากับเธอไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ส่วนดวงตาสีฟ้าก็จ้องกวาดไปทั่วเรือนร่างของอดีตเลขาไม่กระพริบ จนหญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกลวนลามด้วยสายตา

วันนี้เมนิลาสวมเสื้อยืดสีขาวพอดีตัว กับกางเกงยีนส์ขาสั้นเหนือเข่าตามแบบแฟชั่นในฤดูร้อน แต่ถ้ารู้ว่าจะมาเจออดีตหัวหน้าหัวงู เธอขอยอมทนร้อนใส่แฟชั่นฤดูหนาวที่ปิดแขนปิดขามิดชิดดีกว่า

“ฉันสบายดี” เธอตอบกลับตามมารยาท ทั้งๆ ที่ในใจนึกอยากจะก่นด่าใจจะขาด
อดีตหัวหน้าพยักหน้ายิ้มตอบ ก่อนจะถามต่อไป

“คุณมาทำอะไรที่นี่”

“ฉันมาทำธุระให้เพื่อน” เธอตอบกลับห้วนๆ และหันหนีเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่อยากสนทนาด้วยแล้ว

จากนั้นภายในกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมก็ตกอยู่ในความเงียบ จนเมื่อหมายเลขตรงด้านเหนือปุ่มกดหมายเลขชั้นวิ่งขึ้นมาแสดงหมายเลขยี่สิบห้า ฝรั่งหัวทองก็ผายมืออย่างสุภาพให้เธอก้าวออกไปก่อน

และเมนิลาก็แปลกใจเพิ่มขึ้น เมื่อเจ้าของห้องข้างๆ ของญาณวดี ก็คือ มิสเตอร์สตีฟ อดีตหัวหน้าของเธอนั่นเอง

“บอสอยู่ห้องนี้เหรอคะ”

“ใช่! ผมเพิ่งซื้อเมื่อสามเดือนก่อน ไว้เป็นของขวัญวันเกิดให้ลูกสาวคนโต”

เมนิลาตาลุกวาว ‘สามเดือนก่อน’ ก็แปลว่าเขาซื้อก่อนที่ญาณวดีเกิดเรื่อง

“บอสเคยได้ข่าวเรื่องที่คนข้างห้องของบอสกระโดดตึกฆ่าตัวตายที่นี่รึเปล่าคะ” เธอไม่รอช้า รีบถามในสิ่งที่อยากรู้ทันที

เจ้าของห้องข้างๆ แสดงสีหน้าครุ่นคิด

“คุณถามทำไม คุณรู้จักเขาเหรอ”

“คือฉันเป็นเพื่อนของเขาน่ะค่ะ นี่ก็จะมาเอาของที่เคยฝากเอาไว้” เมนิลาพูดปด แต่โชคดีที่เจ้านายเก่าไม่ติดใจอะไร

“อืม อันที่จริง...วันเกิดเหตุวันนั้นผมก็อยู่ในห้องนะ”

“จริงเหรอคะ”

และพอเห็นว่าอดีตลูกน้องแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจ ชายชาวต่างชาติก็ยิ้มกริ่มขึ้นมาทันที

“เอาอย่างนี้ดีไหม เข้ามาคุยกันในห้องของผมก่อน ยืนคุยกันหน้าห้องแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่”

หญิงสาวลังเลอยู่ครู่นึง ก่อนจะเดินเข้าไปตามคำชวน โดยเธอไม่รู้ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งใหญ่

ภายในห้องของอดีตเจ้านายฝรั่งถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหรา จนไม่คิดว่าทั้งหมดนี้ตกแต่งไว้เพื่อเด็กสาววัยทีนเอจตามที่เขาบอกก่อนหน้า

“นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ” เจ้าของห้องชี้ไปที่โซฟาหนังสีดำ “เดี๋ยวผมจะเอาเครื่องดื่มและขนมมาให้”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่หิว” เมนิลารีบปฏิเสธ แต่ก็เหมือนว่าไร้ผล เมื่อเขาเดินไปที่ตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว เธอจึงได้แต่กวาดตามองไปรอบๆ ห้อง พลางคิดว่าวันเกิดเหตุเขาจะเห็นหรือได้ยินอะไรผิดปกติบ้างไหม แต่ถึงอย่างไรวันนี้เธอก็ต้องถามให้รู้ให้ได้ ในเมื่อเธอเสี่ยงที่จะเข้ามาในห้องนี้แล้ว อย่างน้อยเธอก็ควรได้ข้อมูลอะไรติดไม้ติดมือกลับออกไปบ้าง

ไม่นานเจ้าของห้องก็กลับมาพร้อมกับน้ำส้มคั้นแก้วโต และเค้กชิ้นเล็กๆ สองชิ้น

“บอส ช่วยเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ฟังทีสิคะ”

เมนิลากระตือรือร้นอยากรู้ใจจะขาด แต่อดีตเจ้านายก็ยังคงบ่ายเบี่ยง

“ใจเย็นๆ ดื่มน้ำให้ชื่นใจก่อน”

“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวยืนกรานตามเดิม แต่เขาก็ยังคงคะยั้นคะยอ พร้อมกระเทิบตัวเข้ามานั่งข้างๆ เธอ

“ดื่มเถอะ...ผมคั้นเองกับมือเลยนะ ดื่มแล้วผมจะเล่าให้ฟัง”

ประโยคสุดท้ายทำให้เมนิลาตัดสินใจยกแก้วน้ำส้มตรงหน้าขึ้นมาดื่ม แต่ถ้าเธอได้เห็นสายตาของอดีตเจ้านาย เธอคงจะไม่มีวันดื่มมันแน่ๆ

“วันเกิดเหตุ บอสก็อยู่ด้วยเหรอคะ”

“ใช่ ผมนัดคุยกับช่างที่จะมาตกแต่งห้องน่ะ”

“แล้วบอสได้ยินหรือเห็นอะไรผิดสังเกตบ้างไหมคะ”

“ผมเห็น...” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดกล่าวต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ

“ฮัลโหล อืม...ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้องข้างๆ ของญาณวดี...ว้าย! บอสทำอะไรน่ะ...ปล่อยนะ!...ช่วยด้วย!”

ตอนนี้ไฟราคะของฝรั่งเจ้าของห้อง ลุกโชนจนไม่อาจรอได้อีกแม้นาทีเดียว มือหยาบลูบไล้ต้นขาเรียวอย่างถือวิสาสะ ก่อนผลักเธอหงายหลัง โทรศัพท์ในมือร่วงหล่นกับพื้น

‘ช่วยด้วย!’ นั่นคือประโยคสุดท้ายที่อัศวินได้ยิน ก่อนที่สัญญาณจะขาดหายไป
“เมย์! เมย์! เกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มตะโกนลั่น

ทันทีที่อัศวินรู้ว่าเมนิลาเดินทางมาถึงที่คอนโดของญาณวดี เขาก็รีบตามมาด้วยความเป็นห่วง และเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย เขาก็รู้ทันทีว่าตอนนี้หญิงสาวกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาจึงไม่รอช้า ปลายเท้ารีบเหยียบคันเร่งจนมิด แม้เขาจะมีหน้าที่เป็นผู้รักษากฏหมาย แต่ตอนนี้ความปลอดภัยของเมนิลามีความสำคัญเหนือสิ่งใดทั้งนั้น

ตอนนี้จิตใจของตำรวจหนุ่มร้อนรุ่มดังถูกไฟแผดเผา อยากจะให้รถคันนี้เหาะได้แบบในภาพยนต์ไซไฟ หรือไม่ก็หายตัวได้แบบในภาพยนตร์แฟนตาซี เพื่อเขาจะได้ไปหาหญิงสาวได้ทันใจนึก และเขาต้องสบถอย่างหัวเสียเมื่อถูกรถคันหน้าปาดหน้า

“ไอ้บ้าเอ๊ย! คนยิ่งรีบๆ อยู่”

แล้วรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีดำคันงามของชายหนุ่มก็ทะยานเข้ามาถึงที่หมาย เพียงล้อรถหยุดหมุน เขาก็แทบจะกระโจนออกจากรถทันที




เมนิลาใช้กำลังเฮือกสุดท้ายดิ้นรนให้ตัวเองเป็นอิสระ มือเรียวคว้าส้อมคันเล็กๆ ที่อยู่ในจานเค้กมาเป็นอาวุธมาขู่ชายตรงหน้า

“อย่าเข้ามานะ!” เธอประกาศกร้าว

มิสเตอร์สตีฟยิ้มเหี้ยม ก่อนจะค่อยๆ เดินไปใกล้ๆ ดุจสัตว์ล่าเนื้อเตรียมตะครุบเหยื่อตัวน้อย

“จะหนีไปไหนจ๊ะ ที่รัก...วันนี้เธอไม่รอดแน่ๆ”

ดวงตากลมโตมองไปที่ประตูสลับกับหน้าเจ้านายหัวงู สมองก็คิดหาทางเอาตัวรอด
‘คิดๆ คิดๆ คิดให้ออกสิเมนิลา’ เธอพร่ำบอกกับตัวเอง

แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดเท่าไหร่ หญิงสาวก็คิดไม่ออก หนังตาก็เริ่มหนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ขึ้น ร่างกายโงนเงนเริ่มไร้เรี่ยวแรง ว่าแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกง่วงนอนได้นะ หรือเจ้านายหัวงูจะใช้วิธีสกปรกกับเธออีก

‘ใช่แล้ว! น้ำส้มแก้วนั้น…ไม่น่าล่ะเขาถึงคะยั้นคะยอให้เธอดื่ม’

เมนิลารู้ตัวว่าเธอพลาดแล้ว แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อเธอเป็นคนเดินเข้ามาติดกับดักเอง คิดถึงตอนนี้เธอก็อยากจะร้องไห้...ร้องไห้ให้กับความโง่เขลาของตัวเอง
“ง่วงแล้วล่ะสิ”

ชายชาวต่างชาติกระหยิ่มยิ้มย่องในผลงานตัวเอง วันนี้เขาโชคดีจริงๆ ที่อยู่ๆ กวางน้อยที่เขาเคยหมายปองวิ่งเข้ามาให้เขาขย้ำถึงที่ โดยที่เขาไม่ต้องออกแรงอะไรเลย เพียงแค่เออออไปกับเธอ แล้วก็แอบใส่ยานอนหลับในน้ำส้มให้เธอดื่ม เท่านี้เขาก็ได้ตัวเธอแล้ว

เมนิลาพยายามสะบัดศีรษะหลายๆ ครั้ง เพื่อสู้กับฤทธิ์ยานอนหลับ

“อย่าฝืนเลยจ้ะที่รัก หลับให้สบายนะ...และพอตื่นมาเธอก็จะเป็นของฉันแล้ว...ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“ช่วยด้วยค่ะ! ใครก็ได้ช่วยด้วย! ช่วย...ดะ...ด้วย...” เมนิลาใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีตะโกนสุดเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ ก่อนสุดท้ายเธอจะพ่ายแพ้กับฤทธิ์ยานอนหลับ ร่างบางโงนเงนแล้วล้มลงกับพื้น

‘ก็อกๆ ก็อกๆ’ เสียงกระหน่ำเคาะประตู ทำให้เจ้าของห้องต้องจำใจเดินไปเปิดประตูอย่างหงุดหงิด และทันทีที่ประตูไม้บานใหญ่เปิดออก

‘พลั่ก!’ หมัดของแขกที่มาเยือนซัดเข้าไปที่ปลายคางเต็มแรง จนฝรั่งร่างอวบเซไถลไปไกล

อัศวินไม่รอช้ารีบเดินหาเจ้าของเสียงร้องขอความช่วยเหลือเมื่อครู่ ตอนแรกเขาตั้งใจเพียงจะเคาะเรียกคนในห้องออกมาถามเฉยๆ แต่พอได้ยินเสียงใสตะโกนร้อง เขาก็มั่นใจว่าเมนิลาต้องอยู่ในนั้นแน่นอน

ดวงตาคมกวาดหามองหาหญิงสาวที่กำลังเป็นห่วง ก่อนรีบถลาไปหา เมื่อเห็นร่างบางฟุบอยู่บนพื้น

“เมย์! เมย์!” อัศวินเรียกชื่อเธอซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่มีทีท่าที่เธอจะตอบสนอง เขาจึงปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อเจ้าของห้อง มืออีกข้างง้างหมัดขึ้นมา “แกทำอะไรเธอ บอกมาว่าแกทำอะไรเธอ”

ดวงตากร้าวกับเสียงห้าวที่ดังลอดไรฟันทำให้ใครที่เห็นและได้ฟังต้องเสียวสันหลังวาบ ฝรั่งหัวทองจึงตอบไปอย่างตะกุกตะกัก

“ยะ...ยะ...ยานอนหลับ”

“ไอ้บัดซบ!” สิ้นคำ...หมัดที่กำไว้ก็พุ่งออกไปทันที และเตรียมจะซ้ำอีกครั้ง ถ้าชายชาวต่างชาติไม่ยกมือขึ้นมาไหว้ร้องขอ

“อย่าทำผมเลย...ผมสำนึกผิดแล้ว”

“ก็ได้ แต่ถ้าฉันรู้ว่าแกทำร้ายเมนิลา หรือผู้หญิงคนอื่นอีก ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่” เขาขู่อาฆาต

และถ้าตอนนี้อัศวินไม่ถูกสั่งพักราชการอยู่ เขาต้องลากไอ้ฝรั่งชั่วคนนี้เข้าคุกแน่ เพราะเขาเกลียดคนที่เอาเปรียบผู้หญิงมากที่สุด อาจเป็นเพราะตั้งแต่พ่อของเขาเสียชีวิตไป เขาก็เหมือนเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านที่ต้องคอยปกป้องดูแลแม่กับน้องสาว และตอนนี้อาจคงต้องพ่วงเมนิลาเข้าไปอีกคน




อัศวินเข้าไปช้อนร่างที่นอนไม่ได้สติขึ้นมาแนบอก แล้วหยิบกระเป๋าของเธอที่ตกขึ้นมาถือไว้ก่อนที่จะอุ้มพาเธอไปยังห้องของญาณวดีที่อยู่ติดกัน แล้วค่อยๆ วางลงบนเตียงนุ่มอย่างเบามือ

“ผมขอโทษ ผมน่าจะนัดหมายกับคุณให้ชัดเจน” ตำรวจหนุ่มพึมพำกับร่างบาง เขารู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้หญิงสาวตกอยู่ในอันตราย และยิ่งได้ยินเสียงร้องขอความช่วยของเธอจากทางโทรศัพท์ เขาก็รู้สึกกลัวเหลือเกิน เมื่อรู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย

มือหนาเกลี่ยปอยผมที่หล่นลงมาปิดหน้านวลอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสำรวจใบหน้าหญิงสาวอย่างตั้งใจ นิ้วยาวไล้ไปยังดวงตากลมโตน่าค้นหาที่ตอนนี้ถูกซ่อนอยู่ใต้เปลือกตา ก่อนจะเลื่อนไปยังจมูกโด่งที่รับกับใบหน้ารูปไข่ และไล้ลงมาจบที่ริมฝีปากเรียวบางที่ชอบต่อปากต่อคำกับเขา ทั้งหมดนี้ต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้มีใบหน้าสวยไม่น้อยเลยทีเดียว นี่ถ้าไม่นับเรื่องที่เธอชอบพูดคนเดียว เธอก็จะเป็นผู้หญิงที่เรียกว่าเพอร์เฟคคนนึงเลยล่ะ

อัศวินเห็นร่างบางเริ่มขดตัวด้วยความหนาวจากเครื่องปรับอากาศ เขาถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าหญิงสาวแต่งกายแบบไหน ดวงตาคมมองไปที่เสื้อยืดรัดรูปสีขาว ก่อนไล่ลงไปกางเกงขาสั้น ที่เผยให้เห็นเรียวขาขาวนวล ซึ่งทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่

“ดูสิ แต่งตัวแบบนี้จะไม่ให้ฝรั่งบ้าลวนลามได้ไง” อัศวินอดจะตำหนิหญิงสาวไม่ได้ ก่อนจะถือวิสาสะเดินไปหาผ้าห่มในตู้เสื้อผ้ามาห่มคลุมร่างบางเอาไว้

ชายหนุ่มนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ร่างบางไม่ยอมห่าง จนดวงตะวันคล้อยลงต่ำจนลาลับขอบฟ้า ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะตื่นขึ้นมา เขาจึงออกไปที่ระเบียงนอกห้อง เพื่อจะโทรไปบอกทางบ้านว่าคืนนี้เขาอาจจะนอนค้างที่อื่น ไม่ต้องเป็นห่วง แต่แล้วเสียงกรีดร้องของหญิงสาว ก็ต้องทำให้เขาต้องรีบวางสายแล้ววิ่งกลับเข้าไปในห้องทันที

“ไม่นะ...อย่านะ...อย่าเข้ามา...ช่วยด้วย กรี๊ด!” หญิงสาวผุดขึ้นนั่งด้วยความตกใจ

“เมย์!” อัศวินรีบวิ่งไปหาต้นเสียง “เมย์คุณเป็นอะไร”

“ไอ้ฝรั่งบ้ามันจะ...” พอเมนิลานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้ำตาก็ค่อยๆ เริ่มไหลเอ่อ ก่อนจะปล่อยโฮสะอื้นตัวโยน “ฮือๆ ฉันกลัว”

อัศวินดึงหญิงสาวเข้ามากอดปลอบประโลม มือหนาลูบผมที่ลื่นดุจใยไหมเบาๆ

“ไม่ต้องกลัวนะ ไอ้ฝรั่งบ้ามันทำอะไรคุณไม่ได้แล้ว”

เมนิลาซุกตัวเข้าอกแกร่งอย่างเต็มใจ เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก จนอดคิดไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้ว ที่เธอไม่ได้รู้สึกแบบนี้

ชายหนุ่มใช้มือปาดน้ำตาที่อาบแก้มนวลอย่างอ่อนโยน แล้วถามด้วยความเป็นห่วง

“ตอนนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง จะไปหาหมอไหม”

“ไม่เอา" หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที

...เธอเกลียดโรงพยาบาล เกลียดหมอ...

“ถ้างั้นคุณหิวรึเปล่า”

“ไม่หิว” ว่าแล้วใบหน้าสวยส่ายไปมาอีกครั้ง ก่อนทิ้งกายลงที่เตียงตามเดิม ตอนนี้เธอยังรู้สึกมึนหัวอยู่นิดหน่อย “ฉันอยากนอน”

“ถ้างั้นก็นอนนะ” อัศวินบอก มือหนาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างบาง แล้วลูบศีรษะรูปสวยเบาๆ คล้ายกล่อมเด็ก จนหญิงสาวเข้าสู่นิทรา และด้วยความเหนื่อยอ่อนหนังตาของเขาจึงๆ หรี่จนปิดลงในที่สุด



TonChor
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2555, 09:44:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2555, 09:44:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1648





<< ไพ่ใบที่ 2 V – THE HIEROPHANT ไพ่การช่วยเหลือเกื้อกูล (1/2)   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account