ลิขิตรัก...ไพ่ยิปซี

‘เมนิลา’ ตกงาน ถังแตก แถมยังโดนแฟนหนุ่มบอกเลิก...แต่โชคร้ายของเธอยังไม่หมดเพียงแค่นั้น
เมื่อเธอได้พบกับ ‘ญาณวดี’ วิญญาณสาวที่สิงสถิตอยู่ในกล่องไพ่ยิปซี
และเพื่อที่จะกอบกู้สถานะการเงินให้กลับมาสู่สภาวะปกติ เมนิลาจึงยอมรับข้อเสนอของญาณวดี
โดยญาณวดีจะสอนเมนิลาดูดวงไพ่ยิปซี แล้วให้เมนิลาไปตามหาตัวฆาตกรที่ฆ่าเธอ
ด้วยเหตุนี้เมนิลาจึงต้องร่วมมือกับ ‘ร้อยตำรวจเอกอัศวิน’ ตำรวจหนุ่มรูปงามที่ติดตามคดีนี้อยู่ลับๆ
จากร่วมมือ มาเป็นร่วมใจ และพัฒนาก่อเกิดเป็นความรัก
แต่แล้วความรักของทั้งคู่ต้องสะดุดลง เมื่อแฟนเก่าของเมนิลากลับมาพร้อมบอกว่าเธอเข้าใจผิด
สุดท้ายเมนิลาจะทำอย่างไร เมื่อรู้ว่าคนใกล้ตัวมีส่วนรู้เห็นกับคดีนี้
แล้วความรักของเมนิลากับอัศวินจะจบลงแบบไหน
และทั้งสองจะสามารถนำตัวฆาตกรออกมารับโทษตามกฎหมายได้หรือไม่
หาคำตอบได้ใน ‘ลิขิตรัก...ไพ่ยิปซี’

Tags: ลิขิตรักไพ่ยิปซี, ลิขิตรัก, ไพ่ยิปซี, อรุณ, ต้นช่อ, ช่อสุนันท์, สืบสวน, ตำรวจ, ฆาตรกรรม

ตอน: ไพ่ใบที่ 2 V – THE HIEROPHANT ไพ่การช่วยเหลือเกื้อกูล (1/2)


ญาณวดีพาเมนิลามายังห้องชุดสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เพื่อมาดูสถานที่เกิดเหตุเผื่อจะพบอะไรที่พอจะชี้ทางไปหาตัวฆาตกรบ้าง

ร่างโปร่งใสบอกให้หญิงสาวก้มหยิบคีย์การ์ดสำรองที่ซ่อนไว้ในกระถางต้นไม้ตรงด้านหน้าประตูมาเสียบเพื่อเข้าไปด้านใน และเนื่องจากไม่อยากถูกลากออกไปพร้อมข้อหาขโมย เธอจึงมองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น ก่อนจะลงมือทำตามคำบอก

เมนิลาก้าวเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ประกอบด้วยสองห้องนอน สองห้องน้ำ และหนึ่งห้องรับแขก ภายในห้องถูกตกแต่งเอาไว้อย่างเรียบๆ แต่ก็ดูดี ไม่บอกก็รู้ว่าถูกออกแบบจากมืออาชีพ และเมื่อเธอเดินสำรวจรอบๆ พร้อมกับเจ้าของห้องก็พบว่าข้าวของทุกชิ้นยังอยู่เหมือนเดิม

“โชคดีที่ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายสิ่งของนะ”

“แล้วเราจะเริ่มหาหลักฐานจากตรงไหนดีล่ะ”

“นั่นสินะ เราจะเริ่มตรงไหนดี...” เมนิลานิ่งเงียบใช้ความคิด และความเงียบนั้นก็ทำให้เธอได้ยินเสียงกุกกักตรงประตู

“แต่เดี๋ยวนะ เธอได้ยินเสียงอะไรไหม”

“เสียงเหมือนมีคนเปิดประตู”

“หรือว่าจะเป็น...”

แม้คำว่า ‘โจร’ จะไม่ถูกเอ่ยออกมา แต่เพียงแค่สบตา สองสาวต่างภพก็สามารถสื่อสารกันได้

เมนิลารีบฉวยแจกันใบสวยใกล้มือมาถือเป็นอาวุธป้องกันตัว ก่อนจะรีบหลบเข้ามุมห้องรับแขก เพียงไม่นานเงาตะคุ่มสูงใหญ่ ก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้เธออย่างช้าๆ
หญิงสาวสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกความกล้า และหายใจออกเต็มที่เพื่อขับไล่ความกลัว จากนั้นจึงตัดสินใจง้างอาวุธในมือแล้วฟาดลงบนศีรษะของผู้บุกรุกทันที

‘เพล้ง!’ เศษแจกันแตกกระจายเต็มพื้น ร่างสูงใหญ่ตรงหน้าทรุดลงนอนกับพื้น

“โธ่! แจกันคริสตัลแสนแพงของฉัน” ญาณวดีโอดครวญอย่างเสียดาย

“แหม แค่แจกันแตกทำโวยวายไปได้”

“เธอรู้ไหม ใบนี้มันราคาเท่าไหร่ แจกันคริสตันของแท้ นำเข้าจากเยอรมันเลยนะ”

“ไว้มีตังค์ ฉันจะซื้อคืนให้น่ะ แต่ตอนนี้มาช่วยกันดูก่อน ว่าฉันฆ่าโจรตายรึเปล่า” ว่าแล้วร่างบางก็รีบคุกเข่าเข้าไปดูใบหน้าโจรชัดๆ

“คุณวิน!” ญาณวดีร้องลั่นทันทีที่เห็นว่าคนที่คิดว่าโจรเป็นใคร

“เฮ้ย! นี่มันตำรวจคนนั้นนี่” เมนิลาแปลกใจที่เห็นอัศวิน แต่ไม่ทันได้ถามอะไร เธอก็ต้องตกใจกับเลือดที่ค่อยๆ ไหลอาบใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา “ตายแล้ว หัวแตกด้วย”

“ก็ใช่สิ ก็คุณเล่นตีซะเต็มแรงขนาดนั้น” คนเจ็บที่เริ่มตั้งสติได้บอก ก่อนพยายามยันตัวขึ้นพร้อมใช้มือกดบาดแผลเพื่อห้ามเลือดเอาไว้

“เดี๋ยวฉันพาคุณไปโรงพยาบาลนะ”

“ไม่ต้องหรอก แค่ล้างแผล ทายาก็พอแล้ว” อัศวินรีบบอกเพราะไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะตอนนี้เขาโดนสั่งพักราชการอยู่ ขืนผู้บังคับบัญชารู้เรื่องนี้เข้า เขาอาจจะโดนลงโทษหนักกว่านี้

“ถ้างั้นขึ้นไปนั่งบนโซฟาก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะหายามาทำแผลให้” ว่าแล้วหญิงสาวก็ช่วยพยุงชายหนุ่มขึ้นมานั่งบนโซฟา ก่อนเดินไปหยิบกล่องยาปฐมพยาบาล ตามที่ญาณวดีกระซิบบอก จากนั้นจึงกลับมาทำแผลให้ชายหนุ่ม

“เฮ้อ! ทำไมมันถึงได้ซวยแบบนี้นะ” หญิงสาวบ่นกับตัวเอง แต่ก็ดังพอที่ชายหนุ่มจะได้ยิน

“ผมว่าผมควรจะเป็นคนพูดประโยคนี้มากกว่าไม่ใช่เหรอ คุณน่ะมันสารเมลามีนชัดๆ”

อัศวินนึกถึงชื่อสารเคมีที่เคยเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เรื่องที่ในประเทศจีนมีการผสมสารตัวนี้ลงไปในนมผง จนทำให้เด็กทารกที่รับประทานต้องเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

ได้ยินแบบนั้นมือบางที่กำลังใช้สำลีชุบแอกอฮอล์เช็ดแผลก็หยุดซะงักทันที

“ว่าไงนะ พูดใหม่ซิ”

“ก็ผมเจอคุณทีไร ผมก็ซวยทุกที ครั้งแรกผมก็พลาดนัดกับพยาน พอมาวันนี้คุณเล่นผมซะหัวแตก” ชายหนุ่มขยายความ

“นี่คุณ!” หญิงสาวเม้มปาก ก่อนจะตั้งใจใช้สำลีที่ชุบแอลกอฮอล์ในมือ กดลงตรงบาดแผลอย่างแรง “เมนิลา แปลว่า ชื่อเจ้าหญิง ไม่ใช่สารเมลามีน...จำไว้”

“โอ๊ย! ผมเจ็บนะคุณ” อัศวินร้องลั่น

“ช่วยไม่ได้ อยากปากเสียทำไม”

“ก็คุณเริ่มก่อน ไม่ใช่ผมสักหน่อย” ชายหนุ่มบ่นอุบ

เมนิลายกมือเตรียมจะซ้ำอีกรอบ คนเจ็บเห็นดังนั้นก็รีบดึงข้อมือเรียวเอาไว้ ตั้งใจป้องกันไม่ให้เธอมาทำร้ายเขาได้อีก แต่เผอิญร่างบางที่นั่งริมขอบโซฟาไม่ทันได้ตั้งตัว จึงเสียหลักเซเอนล้มลงทับชายหนุ่มอย่างไม่ตั้งใจ

ภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกา ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงคืบ จนรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน สองสายตาส่งประสานกันดุจดั่งต้องมนต์ เหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน เนิ่นนานจนกระทั่ง...

“อะแฮ่มๆ” ญาณวดีแกล้งส่งเสียงกระแอม

เมนิลาได้ยินก็ได้สติ รีบลุกขึ้นนั่ง สองมือสาละวนเก็บอุปกรณ์ทำแผลใส่กล่องแก้เขิน

“นี่คุณยังไม่ได้ทายาให้ผมเลยนะ” คนเจ็บโวยวาย

“เออ...คุณทาเองละกัน” หญิงสาวยื่นยาใส่แผลให้เขา

“คุณครับ คุณเป็นคนทำหัวผมแตกนะ...อย่าลืมสิครับ ทำอะไรไว้ก็ช่วยรับผิดชอบหน่อย”

“ก็ได้” ว่าแล้วเมนิลาก็จำใจเปิดกล่องยาปฐมพยาบาลอีกครั้ง มือบางก็ค่อยๆ เทยาลงในสำลี แล้วแต้มลงที่แผลของชายหนุ่มเบาๆ จนเขาสามารถสัมผัสความอ่อนโยนของเธอได้

อัศวินอมยิ้มมองหญิงสาวที่กำลังตั้งใจทำแผลอย่างลืมตัว กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของหญิงสาวโชยมาแตะจมูก จนเกือบทำให้เขาอยากยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ กว่านี้เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นน้ำหอมยี่ห้ออะไร

“เสร็จแล้ว” มือบางบรรจงปิดพลาสเตอร์ยาอย่างเบามือ

“ขอบคุณครับ ว่าแต่ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ไหนว่าไม่รู้เรื่องไง” สัญชาตญาณตำรวจของอัศวินเริ่มทำงานทันทีที่สติกลับมาได้

คำถามของเขาทำให้เมนิลากับร่างโปร่งใสที่ยืนอยู่ข้างๆ มองหน้าหาคำตอบกันเลิกลั่ก เพราะขืนเล่าความจริงออกไป มีหวังโดนหาว่าบ้าอีกแน่ๆ คดีเก่ายังไม่เคลียร์ จะมาสร้างคดีใหม่ได้ยังไงกัน

“เออ...คือ...ที่จริงแล้วฉันเป็นเพื่อนกับญาณวดีน่ะ” ข้ออ้างง่ายๆ จึงถูกหยิบยกขึ้นมา

“ผมก็เป็นเพื่อนกับญาณวดี แล้วนี่คุณกับญาณวดีรู้จักกันมานานแล้วเหรอ”

“ชะ...ใช่...รู้จักมานานแล้ว” หญิงสาวพูดพร้อมหลบสายตาคมที่ส่งมา

“ตอนที่ญาณวดีเกิดเรื่อง คุณอยู่ที่ไหน”

“ฉันอยู่ที่...” เมนิลาพยายามคิดหาคำตอบ ก่อนจะนึกได้ว่าตนเองกำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยของตำรวจหนุ่มอยู่ “แต่เดี๋ยวนะ...นี่คุณกำลังสอบปากคำฉันอยู่ใช่ไหม” ดวงตากลมโตจ้องชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง

เมื่อถูกจับได้ มีหรือที่เขาจะยอมรับ มือหนาโบกไปมาในอากาศ

“เปล่าๆ...ผมแค่ถามดูเฉยๆ”

“แล้วคุณล่ะ มาทำอะไรที่นี่” คราวนี้เมนิลาเป็นฝ่ายซักบ้าง

“ผมก็ตามคุณมาสิ” อัศวินบอกตามตรง

“ตามฉันมา!” หญิงสาวร้องลั่น ก่อนจะถามชายหนุ่ม “คุณตามฉันมาจากไหน”

เธอหวังว่าเขาคงจะตอบว่า ‘บังเอิญผมเจอคุณระหว่างทาง จึงขับรถตามมา’ แต่มันไม่เป็นดังหวัง เมื่อเขาตอบกลับมาว่า

“ผมขับรถตามคุณมาตั้งแต่คอนโดที่พักของคุณ”

“คุณตามฉันมาตั้งแต่คอนโดงั้นเหรอ” ว่าแล้วมือบางรีบคว้าแจกันอีกใบที่ตั้งอยู่ข้างๆ มาถือไว้ เพราะถ้าเขาตามมาตั้งแต่ที่พัก ก็แปลว่าเขารู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหน และถ้าเขาเป็นพวกโรคจิต หรือเป็นคนร้ายในคราบตำรวจ เธอก็ตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ

“เมย์ อย่านะ! ใบนี้แพงกว่าใบนั้นอีกนะ” ร่างโปร่งใสรีบร้องห้าม แต่เมนิลาไม่สนใจ ง้างมือเตรียมฟาดคนตรงหน้าเต็มที่

“เฮ้ย! คุณเป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย” อัศวินงงเป็นไก่ตาแตก ที่อยู่ๆ หญิงสาวคิดจะทำร้ายเขาอีกครั้ง

“ใครบ้า” มือเรียวง้างแจกันขึ้น เตรียมพร้อมที่จะฟาดได้ตลอดเวลา

เมื่อเห็นหญิงสาวจะเอาจริง ตำรวจหนุ่มจึงพยายามพูดให้เธอใจเย็น ก็หากหญิงสาวตรงหน้าฟาดเขาอีกรอบ มีหวังคราวนี้เขาได้สลบคาที่แน่ๆ ก็แม่คุณแรงดีเหลือเกิน

“โอเคๆ ผมบ้าเอง ว่าแต่คุณวางแจกันลงก่อนดีไหม ผมจะได้อธิบายทุกๆ อย่างให้คุณฟัง”

“เมย์...คุณวินเขาเป็นคนดีจริงๆ ฉันรับประกันได้” ญาณวดีรีบยืนยันอีกเสียง

“ก็ได้ งั้นก็อธิบายมาสิว่าตามฉันมาทำไม” เมนิลาค่อยๆ วางอาวุธในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะชูหมัดขู่สำทับ “แต่ถ้าคุณโกหกฉัน ฉันเอาคุณตายแน่”

อัศวินอดขำกับท่าทางของหญิงสาวไม่ได้ เธอจะรู้ตัวบ้างไหมว่า ท่าทางแบบนี้มันช่างถูกใจเขาจริงๆ เพราะเขาไม่ค่อยได้เจอผู้หญิงที่ไม่ยอมคนแบบนี้สักเท่าไหร่ ปกติผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา มักจะชอบออดอ้อนขอให้เขาคอยดูแลปกป้อง แต่ผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่แบบนั้น เพียงแค่พูดหวานๆ แบบผู้หญิงคนอื่นที่พูดกับเขา เขายังไม่เคยได้ยินเลย แล้วจะไปหวังอะไรกับที่จะให้เธอมาออดอ้อน คิดๆ แล้วเขาก็อยากเห็นเธอมาออดอ้อนเหมือนกัน อยากรู้ว่ามันจะออกมาแบบไหน...จะน่ารักรึเปล่านะ

“หัวเราะอะไร”

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร”

“ถ้าไม่มีอะไร งั้นก็บอกมาสิ ว่าตามฉันมาทำไม”

“ผมแค่จะมาถามคุณว่าคุณรู้ได้ไงว่าญาณวดีไม่ได้ฆ่าตัวตาย” น้ำเสียงของชายหนุ่มเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ก็ฉันเชื่อว่าวดีไม่มีทางที่จะฆ่าตัวตาย ตามที่ตำรวจสันนิษฐานนี่” เธอบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ผมก็คิดแบบนั้น เพราะว่าคนที่คิดฆ่าตัวตายที่ไหน จะซักผ้ากันก่อนล่ะ แล้วไหนจะแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะนั้นอีก”

ตำรวจหนุ่มจำได้ว่าวันเกิดเหตุ เขาสังเกตเห็นว่ามีผ้าที่ซักเสร็จแล้วรอการนำไปตากค้างอยู่ในตัวเครื่อง แล้วยังมีแก้วน้ำสามใบที่ถูกทิ้งอยู่ในที่เกิดเหตุ น้ำแข็งในแก้วทั้งสามละลายผสมกับน้ำส้มจนปริ่มจะล้นออกมา โดยไม่มีร่องรอยการดื่มเลย เพียงแค่นี้ก็คาดได้ว่าต้องมีคนอื่นอยู่ด้วย

“แล้วทำไมคุณไม่รายงานหัวหน้าล่ะ”

“ผมรายงานแล้ว และเขาก็สั่งให้ผมเลิกยุ่งกับคดีนี้ทันที แต่ผมไม่เชื่อ ตอนนี้ผมก็เลยโดนสั่งพักงาน ฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา” ชายหนุ่มพูดอย่างเซ็งๆ เมื่อนึกตอนที่เขารายงานเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ผู้บังคับบัญชากลับไม่สนใจ แถมยังรีบสั่งให้รีบปิดคดีนี้เร็วๆ อีกต่างหาก จึงทำให้เขามั่นใจว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่ และเขาก็ต้องคลี่คลายคดีนี้ให้ได้

วิญญาณสาวยิ้มอย่างดีใจที่อัศวินสนใจคดีของเธอ อย่างนี้คดีของเธอก็พอมีหวังมากขึ้นแล้วสินะ

“เมย์ ถ้าไงเธอลองชวนคุณวินมาร่วมมือกับเราสิ” ญาณวดีเสนอความคิดเห็น
เมนิลาคิดตาม ถ้ามีอีกคนมาช่วยสืบเรื่องญาณวดีก็น่าจะดี แถมยังเป็นตำรวจอีก ยังไงซะ...สองหัวก็ดีกว่าหัวเดียว แต่ถ้านับรวมญาณวดีด้วย ก็เป็นสามหัวเชียวล่ะ

“เอางี้ไหม เรามาช่วยกันสืบหาความจริงกันเถอะ” หญิงสาวบอกตำรวจหนุ่ม

“ก็ดีนะ ผมเองก็อยากลองทำงานกับผู้หญิงดูเหมือนกัน” อัศวินตอบตกลงทันที โดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

“นี่คุณ!” หญิงสาวง้างมือ หมายจะทำร้ายคนที่อยากทำงานกับผู้หญิง

“เฮ้ย!” อัศวินเบี่ยงตัวหลบ พร้อมส่ายนิ้วไปมาเป็นเชิงขู่ “อย่านะคุณ นี่ผมยังไม่ได้เอาเรื่องที่คุณทำหัวผมแตกเลยนะ”

เพียงเท่านี้เมนิลาก็นึกได้ว่าตนเองมีความผิดติดตัวอยู่ จึงรีบลดมือลงทันที ใบหน้าสวยรีบส่งยิ้มให้เขา แล้วเอื้อมมือไปตบที่บ่าของเขาเบาๆ

“ไหนๆ เราก็จะทำงานด้วยกันแล้ว เรื่องที่ผ่านมา ก็ลืมๆ มันไปกันเถอะนะ ถือว่าเป็นการสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกันไง”

อัศวินเริ่มรู้สึกสนุก และยิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นต่อ จึงหาโอกาสที่จะได้ทำความรู้จัก และได้ใกล้ชิดเธอเพิ่มขึ้น

“จะให้ผมลืมง่ายๆ ได้ไงคุณ”

ในเมื่อพูดดีๆ แล้วเขายังไม่ยอม หญิงสาวจึงยกแขนเท้าสะเอว แล้วถามอย่างหงุดหงิด

“แล้วจะเอายังไง ก็บอกมาเลย”

“เลี้ยงข้าวผมซักมื้อนึงสิ...แค่เลี้ยงข้าวมื้อเดียวเอง แล้วนี่ก็เที่ยงกว่าแล้วด้วย คุณไม่หิวเหรอไง” เมื่อเห็นหญิงสาวยังลังเล เขาก็แกล้งพูดขึ้นมาลอยๆ “เอ๋! ข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่มันมีโทษยังไงนะ”

แม้ตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้าจะถูกพักราชการ แต่เขาก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้นคงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่คิดอยากจะมีเรื่องกับตำรวจ หญิงสาวจึงจำต้องยอมรับปาก

“ก็ได้ๆ ไม่เห็นต้องมาขู่กันเลย” เธอค้อนให้เขาเล็กน้อย

“ผมไม่ได้ขู่ ผมแค่ทวนความจำตัวเองเฉยๆ” ตำรวจหนุ่มบอกอย่างเจ้าเล่ห์

“เชื่อตายล่ะ...แต่ถ้าจะให้ฉันเลี้ยง คุณต้องให้ฉันเป็นคนเลือกร้านเองนะ” เมนิลาพูดดักคอเอาไว้ก่อน ก็ถ้าเกิดเขาเลือกเข้าร้านที่แพงๆ เธอไม่แย่หรอกเหรอ ยิ่งช่วงนี้เธอต้องประหยัดเงินในกระเป๋าสตางค์อยู่ด้วย

“ครับผม” อัศวินยิ้มกริ่มที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ อันที่จริงเธอจะพาเขาไปร้านไหนก็ได้ เขาไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะปกติเขาก็เป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย อาชีพตำรวจแบบเขาขืนเรื่องมากมีหวังอดตายกันพอดี



เมนิลาพาชายหนุ่มมายังตึกแถวที่ขายอาหารตามสั่งแถวระแวกนั้น ตามคำแนะนำของญาณวดี ซึ่งยืนยันแล้วว่าถูกและอร่อย

“คุณมาทานข้าวที่นี่บ่อยไหม” ชายหนุ่มชวนคุย ขณะตาก็ดูเมนูที่เขียนไว้บนบอร์ดขนาดใหญ่ที่ติดไว้บนผนังไปด้วย

“ไม่เคย” หญิงสาวเผลอหลุดปากออกไป

“ไม่เคย?”

“คือ...ฉันหมายถึง ฉันยังไม่เคยมากินคนเดียว ปกติฉันจะมากับญาณวดีน่ะ” เมนิลารีบแก้ตัว

“อ๋อ” อัศวินไม่ติดใจอะไร ก่อนสั่งอาหารกับเด็กเสิร์ฟที่มารอรับออเดอร์ “ผมขอข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวหนึ่งที่ แล้วก็น้ำโอเลี้ยงครับ...คุณล่ะ” ชายหนุ่มมองไปที่เจ้ามือมื้อนี้

“ฉันขอข้าวผัดทะเลค่ะ ส่วนน้ำขอเป็นน้ำลำไยนะคะ”

ขณะรออาหารมาเสิร์ฟ อัศวินก็ขอตัวออกไปโทรศัพท์ ส่วนเมนิลาก็หยิบนิตยสารบันเทิงที่วางอยู่ใกล้ๆ มาพลิกเปิดดูฆ่าเวลา แล้วเธอก็เห็นสกู๊ปทำนายดวงชะตาชีวิตดาราชื่อดังด้วยไพ่ยิปซี ที่ญาณวดีเป็นคนเขียน

“ทำหลายอย่างเหมือนกันนะวดี” หญิงสาวแซวร่างโปร่งใส

“แหม น้ำขึ้นก็ต้องรีบตักสิ” วิญญาณสาวบอกตามตรง เพราะตอนนั้นเธอคิดเพียงว่า เธอจะต้องใช้โอกาสยามที่มีชื่อเสียงให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เพราะชื่อเสียงหรือความนิยมที่มีอยู่ในตอนนั้น มันอาจจะมลายหายไปเมื่อไหร่ก็ได้

“แล้วไปดูดวงว่าเขาจะท้องแบบนี้ มันไม่เป็นไรเหรอ”

ภาพลางๆ ความทรงจำเลือนๆ ปรากฏขึ้นมาในหัวของญาณวดี คล้ายๆ มีอะไรมาสะกิดใจให้รู้สึกถึงความสัมพันธ์บางอย่าง

“ท้อง?” วิญญาณพึมพำ ก่อนจะหายแวบไปทันที

“อ้าว! หายไปไหนแล้วล่ะ” หญิงสาวบ่น ก่อนจะนั่งอ่านสกู๊ปที่ร่างโปร่งใสเขียนอย่างสนใจ

“เมื่อกี้คุณคุยกับใครน่ะ” อัศวินที่เดินกลับมานั่งที่ เอ่ยปากถามอย่างสงสัย เพราะแม้เขาจะออกไปโทรศัพท์ที่นอกร้าน แต่สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่เมนิลาตลอดเวลา บอกตามตรงว่าแม้เขาจะรู้สึกชอบเธอ แต่ด้วยพฤติกรรมแปลกๆ ของหญิงสาวก็ทำให้เขาอดที่จะสงสัยในตัวเธอไม่ได้

“เปล่านี่” เมนิลาปฏิเสธก่อนรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเด็กในร้านนำอาหารมาเสิร์ฟ “อุ๊ย! อาหารมาแล้ว…ดูสิ! น่ากินจัง” ว่าแล้วมือบางก็ใช้ช้อนส้อมจิ้มปลาหมึกในจาน “คุณรู้ไหม ฉันชอบกินอาหารทะเลมากที่สุดเลย”

“ผมรู้จักร้านอาหารทะเลร้านนึงที่อร่อย ถ้าคุณชอบ วันหลังไปผมจะพาคุณไปนะ” อัศวินยิ้มบอกหลังจากที่เริ่มลงมือจัดการอาหารในจานของตัวเอง

และคำพูดของอัศวินทำให้เมนิลาละความสนใจจากจานอาหารตรงหน้า เงยหน้ามองชายหนุ่ม และดวงตาคมที่ส่งมาให้หญิงสาว ทำให้เธอต้องรีบเบนสายตาหนีไปทางนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง

...ตอนนี้เข็มสั้นบนหน้าปัดชี้ไปที่เลขสี่...

“ตายแล้ว บ่ายสี่โมงกว่าแล้วเหรอ”

เมนิลานึกขึ้นได้ว่าเธอยังจำความหมายของไพ่ยิปซีไม่หมดเลย และถ้าจำไม่หมด ญาณวดีก็จะไม่ยอมสอนวิธีการดูไพ่ยิปซีให้ และถ้าไม่ยอมสอนให้ สถานะการเงินของเธอก็จะเข้าสู่ภาวะวิกฤต ดังนั้นความหวังเดียวที่จะทำให้เธอไม่ต้องเข้าสู่ภาวะนั้นและมีเงินใช้จ่ายตามเดิม ก็คือการเป็นหมอดูไพ่ยิปซี

“คุณช่วยกินเร็วๆ หน่อยได้ไหม” และเธอก็ไม่รอคำตอบจากชายหนุ่ม “น้องคะ...เก็บตังค์ด้วยค่ะ”

“แต่เรากินไปได้ไม่กี่คำเองนะ” อัศวินประท้วง

“ฉันขอโทษ แต่ฉันมีธุระที่ต้องรีบไปทำ” เธอบอกพร้อมรับเงินทอนจากเด็กเสิร์ฟ “แล้วถ้าคุณยังไม่อิ่ม ก็นั่งกินต่อไปได้นี่ เจ้าของร้านเขาคงไม่ใจร้ายไล่คุณออกไปหรอก...ฉันไปล่ะ” พูดเสร็จเธอก็คว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกไปนอกร้านทันที ทิ้งให้คนที่เหลือมองตามอย่างขบขัน

“ผู้หญิงอย่างนี้ก็มีด้วย” เขายิ้มอย่างขำๆ

ตั้งแต่เกิดมา ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เขาถูกผู้หญิงทิ้งไว้อย่างนี้ เพราะปกติแล้วด้วยหน้าที่การงานของเขา เขาจึงมักจะเป็นฝ่ายทิ้งผู้หญิงไว้มากกว่า

อันที่จริงเขาก็อยากจะโมโหเธอเหมือนกัน แต่ก็โมโหไม่ลง ก็ดูใบหน้านวลเมื่อกี้นี้สิ ตกใจเหมือนเด็กลืมทำการบ้านส่งอาจารย์ เธอคงจะมีเรื่องสำคัญที่จะต้องไปทำจริงๆ ครั้งนี้เขาจะยอมเธอไปก่อน เพราะยังไงเขาก็รู้แล้วว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน แต่ครั้งหน้าเขาจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นแน่

แม้ผู้หญิงคนนี้จะมีอะไรหลายอย่างในตัวที่น่าสงสัย และมีพฤติกรรมแปลกๆ แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงอันตรายที่ออกมาจากตัวเธอเลย แต่เขากลับรู้สึกว่า ยิ่งอยู่กับผู้หญิงคนนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าสนใจมากเท่านั้น เหมือนหนังสือที่แค่เริ่มเปิดอ่านหน้าแรกๆ ก็สนุกจนวางไม่ลง ต้องรีบพลิกอ่านหน้าต่อไป เพราะอยากรู้ว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร...



TonChor
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ค. 2555, 09:19:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ค. 2555, 09:19:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1467





<< ไพ่ใบที่ 1 I - THE MAGICIAN ไพ่เทพแห่งเวทมนตร์ (3/3)    ไพ่ใบที่ 2 V – THE HIEROPHANT ไพ่การช่วยเหลือเกื้อกูล (2/2) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account