คุณทวดออนไลน์ (The Real of Life online)
เมื่อคุณทวดเข้าไปเล่นเกมออนไลน์ (เนื้อเรื่องนี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เขียนเน้นฮาเพียงอย่างเดียวค่ะ)
Tags: เฮฮา บ้าบอ มาริโอ เกมออนไลน์ คุณทวด
ตอน: บทที่ 5
บทที่ 5 หลงทาง
ภายนอกเกมซึ่งผ่านได้สิบนาทีหลังจากเกิดเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับโปรเจคย้อนวัยทารก ดนัยเทพกับปริญ รวมถึงทีมงานทุกคนได้ทำการแก้ไขระบบให้กลับมาปกติดังเดิมแล้ว ซึ่งผลปรากฏว่าไอดีแปดพันเกิดพลัดหลงกับพ่อแม่มังกร ก็เลยทำให้ไอดีแปดพันหลุดออกมาในมิติที่พวกเขาเคยกำหนดไว้ แถมนอกจากนี้ไอดีแปดพันก็ได้ไปเจอะกับบอสเห็ดมาริโอ ซึ่งมีระดับที่สูงกว่าไอดีแปดพันหลายเท่า ดังนั้นพวกเขาจึงทำการส่งตัวช่วยไปให้ นั่นก็คือ
Toy Hammer ระดับ 10
มันเป็นอาวุธที่พวกเขาเตรียมสร้างเอาไว้ให้ไอดีแปดพันโดยเฉพาะ ไม่สามารถซื้อหาได้ตามร้านค้าแผงลอยทั่วไปได้ แต่ทว่าพวกเขากลับได้เจอปัญหาใหญ่อีกครั้ง เมื่อไอดีแปดพันเกิดวิกฤตเจียนตายเพราะบอสเห็ดมาริโอ ภาพหน้าจอพลันดับวูบไปต่อหน้าต่อตาทีมงาน ซึ่งทำเอาทุกคนรีบทำการแก้ไขอย่างรวดเร็ว จนเวลาผ่านไปได้ยี่สิบนาที ภาพหน้าจอก็ได้กลับมาเป็นปกติ แต่ทว่าไอดีแปดพันกลับหายไปจากพื้นที่จุดนั้นแล้ว
“รีบตามหาที่อยู่ไอดีแปดพันเร็วเข้า!”
“รู้สึกของที่ไอดีแปดพันมีติดตัวอยู่จะเพิ่มขึ้นนะ!”
“แล้วมันเป็นของอะไรกันล่ะ เช็คดูให้ดีหรือยัง!”
“กำลังเช็คอยู่ เฮ้ย! กู้ข้อมูลเสร็จรึยังวะ!”
เสียงพูดจอแจของทีมงานดังกันวุ่นเป็นระยะๆ ไหนจะเดินชนกันล้มจนได้แผลก็ไม่เหลียวแล เมื่องานตรงหน้าสำคัญกว่ายิ่งชีพ แม้กระทั่งดนัยเทพกับปริญที่วิ่งวุ่นคอยแก้โปรแกรมของบริษัทที่เพิ่งจะเสียไปเมื่อครู่นี้อีก
พรึบ!
ภาพหน้าจอกลับคืนมาอีกครั้งซึ่งทำเอาพวกเขาถึงกับมึนไปตามกัน
“อะไรกัน พวกเรายังแก้ไม่เสร็จไม่ใช่รึไง แล้วทำไมภาพถึงออกมาได้ล่ะ” ดนัยเทพเงยหน้าขึ้นพูดอย่างฉงน ซึ่งบนภาพหน้าจอนี้กำลังฉายไอดีแปดพันหรือราตรีพิสุทธิ์ที่กำลังขี่คอมอนสเตอร์เห็ดสีแดงอยู่ “อันนี้แกเป็นคนทำหรือเปล่าปริญ”
“ไม่ ฉันทำได้ก็คงทำไปตั้งนานแล้วล่ะไอ้ดนัย”
ปริญพูดตอบอย่างหงุดหงิด หลังจากที่ปริญกลับไปถึงบ้านแล้ว ซึ่งเขากำลังเตรียมใส่ชุดนอนเพื่อเข้าเกมตามน้องสาวไปอยู่ แต่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนในทีมงานว่ามีงานเร่งด่วน จึงทำให้ปริญต้องมาที่ทำงานในสภาพกึ่งชุดนอนอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
“เฮ้! ฝ่ายมอนสเตอร์ช่วยเช็คหน่อยสิว่าตัวที่ไอดีแปดพันกำลังขี่อยู่นี้เป็นตัวอะไร ขอแบบละเอียดด้วยด่วน” ดนัยเทพตะโกนบอกเพื่อนในทีมงาน ก่อนจะหันกลับมาทางปริญต่อ “ว่าแต่แกเถอะ ไปทำอีท่าไหนถึงได้ตัวเปื้อนขี้โคลนล่ะ”
คนถูกถามยังไม่ตอบคำถามเดี๋ยวนั้น กลับพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดรัวสักพักจึงหันกลับมาตอบว่า
“ตกท่อน้ำหน้าบ้านมาวะ”
“ฮะ!?” ดนัยเทพร้องอุทานอย่างเบาๆ “แกไปทำอีท่าไหนถึงตกท่อน้ำได้ล่ะปริญ”
“ก็น้องสาวของฉันนะสิ พอเห็นว่าฉันต้องรีบกลับมาที่บริษัท ยัยนี่ก็สั่งให้หมาที่บ้านไล่กัดฉัน แล้วทีนี้ฉันก็มัวแต่วิ่งเลยลืมดูท่อน้ำหน้าบ้านว่ามันยังเปิดฝาท่อค้างไว้อยู่”
“ฉะนั้นแกก็เลยตกไปสินะ”
“ใช่” ปริญตอบพลางถอน “นี่ยังดีนะที่มีแผลไม่ร้ายแรง ไม่งั้นฉันเอายัยนั่นตายคามือแน่”
“เฮ้ย นั่นน้องสาวแกนะไอ้ปริญ ฆ่าคนติดคุกนะเฟ้ย”
ดนัยเทพพูดเตือนด้วยความหวังดีเพราะกลัวเพื่อนจะฆ่าน้องสาวจริงๆ ส่วนปริญหันหน้ามาเขกกะโหลกดนัยเทพก่อนจะพูดกลับมาว่า
“ไอ้บ้า ใครคิดจะฆ่าน้องสาวตัวเองกันเล่า ฮึ่ม แกนี่นอกจากจะพูดไม่รู้เรื่องแล้วยังโง่อีกตั้งหาก พอๆ เลิกคุยกันแล้วลงมือทำงานกันต่อดีกว่า เดี๋ยวท่านประธานได้ไล่พวกเราออกหมดกันพอดี”
ดนัยเทพทำท่าจะเถียงต่อแต่ก็ต้องหันมารับรายงานจากฝ่ายมอนสเตอร์ ก่อนจะลงมือทำงานอย่างเร่งด่วน
กลับมาทางด้านเกมอีกครั้ง ตอนนี้ราตรีพิสุทธิ์ได้ออกเขตป่าสีเขียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเวลานี้ก็เป็นเวลาค่ำ อากาศเริ่มเย็นตัวลงแถมคืนนี้ยังเป็นคืนเดือนมืดอีกด้วย ดังนั้นราตรีพิสุทธิ์จึงบอกให้เห็ดมาริโอหยุดพักค้างแรมกลางป่าแล้ววันรุ่งเช้าค่อยออกเดินทางต่อ
“อะไรกัน ทำไมข้าต้องจัดอาหารให้เจ้าด้วยไอ้เด็กเปรต”
เห็ดมาริโอบ่นอย่างไม่พอใจหลังจากก่อกองไฟเสร็จตามคำสั่งของราตรีพิสุทธิ์
“อ้ออ้าอังเอ็ก อะไอ้อานอ๋าเองไอ้อังไออันเอ้า(ก็ข้ายังเด็ก จะให้คลานหาเองได้ยังไงกันเล่า)”
ราตรีพิสุทธิ์พูดเสียงอ้อแอ้เนื่องจากตัวเธอยังเป็นแค่เด็กทารก แถมทักษะการพูดก็แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ส่วนเห็ดมาริโอหลังจากที่อยู่ด้วยกับราตรีพิสุทธิ์เกือบหนึ่งวันเต็มๆ พอจะฟังภาษาที่ราตรีพิสุทธิ์ออกบ้างเล็กน้อย จึงเถียงกลับไปว่า
“ชิ คลานแล้วมีหรือจะหาอาหารเองไม่ได้ ผักสมุนไพรก็มีขึ้นตามพื้นดิน ส่วนปลาก็มีอยู่ในน้ำ”
ราตรีพิสุทธิ์ไม่คิดจะเถียงแต่กลับหยิบแส้ขึ้นมาก่อนจะฟาดใส่เห็ดมาริโออย่างแรง
เพี๊ยะ!
“โอ้ย!”
เพี๊ยะ!
“เอ๋า!”
เพี๊ยะ!
“เอ๋ง!”
พอครบสามที ราตรีพิสุทธิ์ก็หยุดมือก่อนจะพูดขึ้นว่า
“อู้ไอ๋อ้าอำไออ้าอึงอ้องเอี้ยนเอ้า (รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงต้องเฆี่ยนเจ้า)” เห็ดมาริโอส่ายหน้าทั้งที่น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บปวด “เอาะเอ้าอื้ออังไออ่ะ เอ็กอี้อื้ออั้นไอ้อังอี้อู้ไอ่อู้ อันอ้ออ้องเออแอออี้อันอุกอน (เพราะเจ้าดื้อยังไงล่ะ เด็กที่ดื้อรั้นไม่ฟังที่ผู้ใหญ่พูด มันก็ต้องเจอแบบนี้กันทุกคน)”
ความจริงราตรีพิสุทธิ์ไม่อยากจะทำแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะเวลาเธอตีเด็กทีไร เธอมักจะรู้สึกเจ็บหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ฉะนั้นเวลาเด็กดื้อ เธอมักจะใช้เหตุผลแทนการลงโทษเสมอ
ยกเว้นเห็ดมาริโอที่เธอจำต้องเฆี่ยนให้รู้จักจำ
“ไอเอ็บอักอนอะไอ้อับอักอ้ำไออำอานอา อ่าไอ้อ้าอ้องอู้เอือนอีกอั้งอ่ะ (ไปเก็บผักผลไม้กับตักน้ำในลำธารมา อย่าให้ข้าต้องพูดเตือนอีกครั้งล่ะ)”
ราตรีพิสุทธิ์สั่งเสียงเข้มซึ่งทำเอาเห็ดมาริโอถึงกับจ๋อย และยอมเดินไปหาอาหารอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นไม่นานเห็ดมาริโอก็ได้นำของที่เธอสั่งมาให้ ซึ่งมีแค่หัวไชเท้า กล้วย กับน้ำเท่านั้นที่เห็ดมาริโอพอจะขนมาได้ เมื่อราตรีพิสุทธิ์ก้มมองดูหัวไชเท้าที่เห็ดมาริโอวางบนพื้น เธอก็พบรอยฟันกับคราบน้ำลายเต็มไปหมด ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ไม่คิดจะรังเกียจน้ำลายของเห็ดมาริโอเลยสักนิด กลับยิ้มแย้มกับความพยายามของเห็ดมาริโอที่ไม่มีแขนเหมือนมนุษย์
เอาเถอะ มีให้กินก็ดีถมแล้วล่ะ
ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจก่อนจะลงมือทำอาหารโดยมีเห็ดมาริโอคอยเป็นลูกมือ แต่ในระหว่างที่ราตรีพิสุทธิ์สั่งให้เห็ดมาริโอต้มน้ำให้เดือดโดยใช้กะลามะพร้าวเป็นภาชนะแทนหม้อ ส่วนกล้วยนั้นเธอสั่งให้เห็ดมาริโอแกะเปลือกออก จากนั้นเธอจึงค่อยหันไปล้างหัวไชเท้าให้สะอาดรอเวลาน้ำเดือด
“ท่านได้รับทักษะการทำอาหารระดับ 1”
เสียงระบบประกาศ ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์แทบขมวดคิ้ว
แค่ทำอาหารก็นับเป็นทักษะได้ด้วยเหรอเนี่ย
หลังจากนั้นราตรีพิสุทธิ์ก็ใช้มีดสั้นเก่าๆที่เก็บมาได้จากพื้นในระหว่างการเดินทางออกจากป่านั้นขึ้นมาหั่นหัวไชเท้าให้ละเอียด เมื่อหั่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็นำหัวไชเท้าใส่ลงน้ำที่เดือดก่อนจะหันมาลงมือบดกล้วยต่อ
“จะไปรอดไหมนี่”
เห็ดมาริโอพูดพลางมองร่างเล็กแกมสมเพช เพราะตนไม่เคยเห็นเด็กทารกทำอาหารมาก่อน แต่ทว่าเห็ดมาริโอไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่า ต่อจากนี้ไปมันจะต้องเตรียมรับชะตากรรมเป็นเห็ดลองยาของราตรีพิสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงมิได้
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทางด้านปฐพี ศาสตรา และพิภพกำลังอยู่ในป่าเอลฟ์ที่อยู่ทางทิศใต้ของเกาะเริ่มต้น ซึ่งห่างจากจุดที่ราตรีพิสุทธิ์อยู่กันมากพอสมควร ทีแรกปฐพีตั้งใจว่าจะไปเมืองเริ่มต้นตามที่คาดไว้ แต่ศาสตรากลับแนะนำปฐพีว่าให้ลองมาหาคุณยายที่ป่าเอลฟ์ดู เผื่อว่าจะเจอคุณยายหลงอยู่แถวนี้บ้าง แต่เมื่อพวกเขามาถึงป่าเอลฟ์แล้ว กลับต้องมานั่งจุ้มปุกกับงานเลี้ยงต้อนรับแขกจากเผ่าเอลฟ์แทนที่จะได้ออกตามหาคุณยายตามที่วางแผนกันเอาไว้
“เอาน่าปฐพี นานทีพวกเขาจะจัดงานเลี้ยงให้กับพวกเรานะ” ศาสตราพูดปลอบใจเพื่อนก่อนจะเทสุราลงถ้วยชาให้เพื่อน “แล้วอีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะฉันที่เป็นเอลฟ์มาด้วยแล้วล่ะก็ พวกนายสองคนคงไม่ได้มานั่งดื่มนั่งกินของดีๆในป่าเอลฟ์หรอกนะ”
ปฐพีได้ยินถึงกับขมวดคิ้ว
จริงสิ ตามประวัติของเกมนี้พวกเอลฟ์เกลียดขี้หน้ามนุษย์อยู่นี่
ปฐพีคิดพลางมองสายตาของเอลฟ์ทั้งหลายตนที่จับจ้องมายังพวกเขาอย่างไม่ละสายตา
“แต่นายไม่ต้องเป็นห่วงไป เดี๋ยวฉันขอพวกนี้ให้ออกตามหาคุณยายของนายเอง”
ศาสตราบอกพลางกระดกขวดสุราขึ้นดื่ม
“ฉันว่าอย่าเลยดีกว่านะศาสตรา” ปฐพีพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ “แค่นี้ก็ทำฉันหืดขึ้นคอมากพอแล้ว อย่าให้พวกเขาคิดว่ามนุษย์ดีแต่เป็นใช้งานคนอื่น”
“เฮ้ย อย่าคิดมากเหมือนพวกคนแก่สิ พวกเอลฟ์ใจดีออกจะตายไป เขาคงไม่คิดแบบนั้นแน่”
ศาสตราพูดยืนกรานเสียงแข็ง
“แต่ฉันคิด” พิภพแย้งบ้างหลังจากนั่งฟังบทสนทนาของเพื่อนอยู่นานแล้ว “ถึงนายจะเป็นคนเอ่ยปากขอร้องแทนให้พวกเราก็จริงอยู่ แต่พวกเอลฟ์จะคิดแบบนายหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง ฉันกลัวตรงจุดนี้แหละ ถ้าเกิดมันไม่ทำขึ้นมาแล้วหันมาฆ่าพวกฉันแทน พวกฉันมิต้องหนีหัวซุกหัวซุนเลยรึไง”
ศาสตราอ้าปากค้างอย่างจนมุมที่จะเถียง
“แต่ฉันก็ต้องขอขอบใจสำหรับความคิดของนาย มันช่วยฉันได้มากเลยทีเดียว”
ปฐพีพูดปลอบใจเพราะกลัวจะเสียน้ำใจเพื่อนที่อุตส่าห์ช่วยเขาคิด ซึ่งทำเอาศาสตราหุบปากก่อนจะยิ้มหน้าระรื่นเมื่อได้รับคำปลอบใจจากปฐพี
“เอ่อ นายไม่ลองติดต่อท่านดูอีกล่ะ เผื่อว่าตอนนี้สัญญาณอาจจะเชื่อมต่อหากันแล้วก็ได้นะ” พิภพพูดเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งปฐพีส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า “เมื่อครู่นี้ฉันลองแล้ว แต่ก็ไม่ได้นะพิภพ”
“อ้าว จนป่านนี้แล้วยังไม่ได้อีกรึเนี่ย” ศาสตราร้องอุทานเบาๆ “ไม่ไหวเลยเกมนี้ ข้อเสียเพียบเชียว พรุ่งนี้ฉันก็ออฟไลน์เกมแล้ว เดี๋ยวฉันจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งกับทางจีเอ็มให้เองปฐพี ไม่ต้องเป็นห่วง”
ปฐพีได้ยินถึงกับตื้นตันใจ จึงรีบกล่าวขอบคุณอยู่เสียหลายครั้ง หลังจากงานเลี้ยงได้จบลง พวกเขาทั้งสามคนก็รีบบอกลากับหัวหน้าเอลฟ์ก่อนจะชิ่งหนีหายไปจากป่าเอลฟ์ เพราะพวกเขาไม่อยากอยู่รบกวนพวกเอลฟ์ไปนานกว่านี้อีก
เช้าวันต่อมา ราตรีพิสุทธิ์ก็ตื่นนอนขึ้นมาท่ามกลางเศษหญ้ากับกองฟางที่ทับถมสูงเหนือร่าง ซึ่งเมื่อคืนวานเธอใช้ให้เห็ดมาริโอนำเศษหญ้ากับเศษกองฟางมาสุมรวมกันเยอะๆ เพื่อทำเป็นที่นอนกับผ้าห่มกันหนาวโดยเฉพาะ
พอใช้ได้แต่ก็ยังหนาวอยู่ดี
ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจก่อนจะหันไปมองทาสรับใช้ที่ยังคงนอนร้องเสียงครวญคราง เนื่องจากเมื่อคืนวานนี้เธอทำการทดลองอาหารหลากหลายรูปแบบโดยมีเห็ดมาริโอเป็นหนูลองยา ซึ่งกว่าจะได้อาหารที่ถูกปากก็ปาเข้าไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ทำให้หนูลองยาต้องวิ่งเข้าวิ่งออกพุ่มหญ้าเพื่อถ่ายของเสียออกจากร่างกายให้หมด
“อะ...อูย ปวดท้อง...ปวดท้องจังเลย”
จู่ๆเห็ดมาริโอก็รำพึงรำพันออกมา ทำเอาราตรีพิสุทธิ์ผุดลุกขึ้นนั่งก่อนจะคลานไปหาเห็ดมาริโออย่างสงสัย
“อวดอ้องอ๋อ (ปวดท้องเหรอ)”
ราตรีพิสุทธิ์ถามโดยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ซึ่งอีกฝ่ายตอบกลับทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“อูย...อะ...อืม”
ถึงเห็ดมาริโอจะมีนิสัยดื้อรั้นปากเสียมากก็เถอะ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยในสายตาของราตรีพิสุทธิ์อยู่ดี
สงสัยเราจะแกล้งมันมากไปหน่อยมั้ง
ราตรีพิสุทธิ์ครุ่นคิดอย่างหนัก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเธอต้องการปราบเห็ดมาริโอให้อยู่หมัด แต่เธอไม่ยักรู้ว่าเกมนี้จะสร้างได้สมจริงมากจนถึงเพียงนี้
“ออนอู่อี้ๆอะ เอี๋ยวอา (นอนอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวมา)”
แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็คลานออกไปจากจุดนั้นโดยไม่ลืมทำคบเพลิงติดตัวไปด้วย แน่นอนว่าราตรีพิสุทธิ์ใช้เวลานานเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะหาต้นทับทิมเจอ ซึ่งแต่ละต้นก็สูงไม่ใช่น้อยจึงทำให้เธอต้องคลานหาไม้สูงๆเขี่ยให้ผลทับทิมหนึ่งให้ตกลงบนพื้นได้ หลังจากนั้นเธอจึงวกกลับไปทางเดิมก่อนจะเด็ดเปลือกผลทับทิมแห้งมาต้มกับน้ำจนเดือด
“ท่านได้รับทักษะการทำอาหารระดับ 2”
“ท่านได้รับทักษะการทำสมุนไพรระดับ 1”
เสียงระบบประกาศ แต่ทว่าราตรีพิสุทธิ์หาได้ใส่ใจไม่ เมื่อน้ำสมุนไพรเดือดได้ที่ เธอจึงหยิบกะลามะพร้าวที่เต็มไปด้วยน้ำสมุนไพรขึ้นมาก่อนจะคลานไปหาเห็ดมาริโอ
“อื่นไอ้แอ้วเอ็ดอาอิโอ้ (ตื่นได้แล้วเห็ดมาริโอ)” ราตรีพิสุทธิ์ปลุกเห็ดมาริโอพลางใช้มือที่ว่างเขย่าร่างนั้นให้ตื่น “อาอื่มอ้ำอี้อ๊ะ อะไอ้อ๋ายอวดอ้องไอๆ (มาดื่มน้ำนี้ซะ จะได้หายปวดท้องไวๆ)”
เห็ดมาริโอร้องครวญครางเล็กน้อยก่อนจะปรือตาขึ้นมาดู
“น้ำอะไร...ไอ้...เด็กเปรต...แก...คิดจะฆ่า...ข้ารึไง”
ดูมัน ขนาดป่วยอยู่ก็ยังมิวายปากเสียอีก
ราตรีพิสุทธิ์คิดพลางส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายกับนิสัยเสียๆที่แก้ไม่หายของเห็ดมาริโอ
“อุบอากแอ้วอื่มๆเอ้าไออะ! (หุบปากแล้วดื่มๆเข้าไปซะ!)”
ราตรีพิสุทธิ์ตวาดพลางใช้มือข้างที่ว่างง้างปากเห็ดมาริโอ ก่อนจะนำน้ำที่อยู่ในกะลาเทกรอกใส่ปากเห็ดมาริโอโดยไม่สนใจว่ามันจะดิ้นทุรนทุรายเพราะโดนน้ำร้อนลวกปาก หลังจากกรอกเสร็จแล้ว เห็ดมาริโอก็รีบใช้มือปาดน้ำที่ไหลมุมปากออกก่อนจะด่าราตรีพิสุทธิ์กลับไปว่า
“แกได้ตายแน่ไอ้เด็กเปรต!”
เห็ดมาริโอผุดลุกขึ้นนั่งทำท่าคล้ายจะบีบเค้นคอร่างเล็กให้ตายคามือแต่กลับต้องนอนตัวงอเป็นกุ้งตามเดิม
“อังอากเอี๋ยไอ้อ่างอี้ อ้ออีบออนอ๊ะ(ยังปากเสียได้อย่างนี้ ก็รีบนอนซะ)”
ราตรีพิสุทธิ์บอกก่อนจะคลานกลับไปยังที่นอนของตัวเอง โดยเธอไม่สนใจสายตาของเห็ดมาริโอที่จ้องมองมาอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเช้าวันใหม่ เมื่อราตรีพิสุทธิ์ตื่นแล้วเธอก็คลานไปดูเห็ดมาริโอซึ่งยังนอนถ่างขาอ้าปากหวอน้ำลายไหลยืดอย่างไม่เกรงใจใคร
“ฮู้!”
ราตรีพิสุทธิ์ถอนหายใจแรงพลางส่ายหน้าเมื่อเห็นท่านอนที่ดูไม่งามของทาสรับใช้ตัวเอง
สงสัยต้องสั่งสอนหนักมากขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว
ราตรีพิสุทธิ์คิดก่อนจะคลานกลับไปเอากะลามะพร้าว จากนั้นเธอจึงคลานไปยังลำธารที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่พวกเธอนอน เมื่อได้น้ำเรียบร้อยแล้ว ราตรีพิสุทธิ์ก็คลานกลับที่เดิมอีกครั้ง
จ๊อก! จ๊อก! จ๊อก!
เสียงน้ำไหลลงบนหน้าเห็ดมาริโอก่อนจะย้ายมายังปากที่หวอ
“แค่ก! แค่ก!” เห็ดมาริโอพ่นน้ำไออย่างบ้าคลั่งก่อนจะผุดลุกขึ้นมาหอบหายใจ “ใครทำข้าวะ เดี๋ยวฆ่าให้ตายคามือซะเลย อ้าว? ไอ้เด็กเปรตมาทำบ้า...อะไร เฮ้ย! นี่แกเป็นคนเทน้ำใส่ปากข้ารึไงวะ!”
เห็ดมาริโอถามด้วยความโมโหเมื่อเห็นร่างเล็กถือกะลามะพร้าวอยู่
“อื้อ อ้าอำเอง (อื้อ ข้าทำเอง)” ราตรีพิสุทธิ์พูดยอมรับอย่างว่าง่ายก่อนจะโยนกะลาทิ้งลงพื้น “อ้ออากออนไอ้เอียบอ้อยเองอี่ (ก็อยากนอนไม่เรียบร้อยเองนี่)”
“ข้าจะนอนยังไงมันก็เรื่องของข้า แกอย่ามายุ่ง!”
เห็ดมาริโอเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ดังนั้นราตรีพิสุทธิ์จำต้องหยิบแส้ขึ้นมาขู่ จึงทำให้เห็ดมาริโอยอมหุบปากแต่โดยดี หลังอาหารเช้าได้ผ่านไปอย่างเรียบง่ายเพราะราตรีพิสุทธิ์เป็นคนคลานไปหาของทานเอง ส่วนเห็ดมาริโอนั้นราตรีพิสุทธิ์สั่งห้ามมันมิให้ทานอะไรเด็ดขาดเพราะยังไม่หายท้องเสียดี ซึ่งมันก็ได้แต่ดื่มน้ำสมุนไพรที่ราตรีพิสุทธิ์ต้มเก็บไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้
“เอาอ่ะ ออกเอินอางไอ้ (เอาล่ะ ออกเดินทางได้)”
ราตรีพิสุทธิ์บอกในขณะที่เธอกำลังขี่คอเห็ดมาริโออยู่ ซึ่งจุดมุ่งหมายคือการตามหาเมืองเริ่มต้นตามที่ได้ยินจากปากของชายหนุ่มผมทองยาวคนนั้น แต่ทว่าราตรีพิสุทธิ์กับเห็ดมาริโอได้เดินวนเวียนอยู่ในป่าดิบเมืองร้อนเป็นเวลาสองสามชั่วโมง ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะพบทางออกไปจากที่นี่ได้เลย
หลงทางอย่างไม่ต้องสงสัย
ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจ เธอหลงนึกว่าเห็ดมาริโอจะรู้เส้นทางไปยังเมืองเริ่มต้นได้เสียอีก แต่ที่ไหนมันกลับพาเธอหลงทางอยู่ในป่าแห่งนี้แทน
“เหนื่อยเว้ย ขอพักมันตรงนี้แหละ”
เห็ดมาริโอบ่นพลางนั่งลงกับพื้นโดยไม่สนใจร่างเล็กที่นั่งขี่คอมันเลยสักนิด ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์ก้นกระแทกพื้นอย่างแรง
“โอย อะองอ้อออกอันอ่อนอิ อันเอ็บอะ (โอย จะลงก็บอกกันก่อนสิ มันเจ็บนะ)”
ราตรีพิสุทธิ์บอกพลางเอามือลูบก้นเบาๆ เมื่ออาการปวดเริ่มเบาลง เธอก็หันไปสำรวจรอบข้างซึ่งที่เธออยู่เป็นเนินหินสูง พอลอบมองไปข้างหน้าก็เป็นหน้าผาที่สูงชัน
ตกลงไปมีหวังตายไม่เหลือซาก
ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะคลานถอยกลับมานั่งพักตรงที่เห็ดมาริโอนอนอยู่
“แอ้ อ้าอิ๋วแอ้ว อ๋าอ้วยไอ้อ่อยอิ (นี่ ข้าหิวแล้ว วานหากล้วยให้หน่อยสิ)” ราตรีพิสุทธิ์บอกเมื่อเห็นว่าเวลานี้มันเลยเที่ยงมากแล้ว แต่ทว่าเห็ดมาริโอกลับนอนหลับตานิ่ง “แอ้ ไอ้อินอื๋อเอ่า อ้าอิ๋วแอ้วเอ็ดอาอิโอ้ (นี่ได้ยินรึเปล่า ข้าหิวแล้วเห็ดมาริโอ)”
เงียบ ไร้การตอบรับ
เมื่อทาสรับใช้ไม่ยอมทำงานตามที่สั่ง ทำให้ราตรีพิสุทธิ์ต้องคลานออกไปหาผลไม้ทานเองตามลำพังอย่างช่วยไม่ได้
เอาเถิด มันก็กำลังป่วยอยู่นี่ ปล่อยให้มันนอนพักไป ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจในขณะที่คลานหาต้นผลไม้ที่เตี้ยที่สุด มันจะมีแต่พวกผลไม้ที่เด็กอย่างเธอทานไม่ได้ ส่วนพวกที่เธอทานได้มันก็อยู่สูงเกินที่จะเอื้อมถึง ซึ่งราตรีพิสุทธิ์คลานหาผลไม้จนกระทั่งคลานไปเจอกองผลไม้หลากหลายชนิดวางอยู่บนใบตองใกล้กองไฟที่ดับลงไปแล้ว มีแต่ของที่เราทานได้เยอะเลยแหะ
ถึงมันจะมีของที่สามารถทานได้ก็จริง แต่ราตรีพิสุทธิ์ก็ไม่เคยคิดจะหยิบฉวยของใครโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ทว่ากองไฟตรงเบื้องหน้ายังดับไม่สนิทดี เกรงว่าปล่อยไว้นานกว่านี้จะทำให้ไฟไหม้ป่าเอาได้
ดับไฟให้ดีกว่า
แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็กำดินทรายขึ้นมาสองกำมือก่อนจะคลานตรงไปยังกองไฟเพื่อที่จะดับมัน ทว่าร่างเล็กยังคลานไม่ถึงจุดมุ่งหมาย ดินตรงหน้าเกิดทรุดลงไปข้างล่างโดยที่ราตรีพิสุทธิ์ไม่ทันคาดคิด
ครืน!
“แอ้!”
ภายนอกเกมซึ่งผ่านได้สิบนาทีหลังจากเกิดเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับโปรเจคย้อนวัยทารก ดนัยเทพกับปริญ รวมถึงทีมงานทุกคนได้ทำการแก้ไขระบบให้กลับมาปกติดังเดิมแล้ว ซึ่งผลปรากฏว่าไอดีแปดพันเกิดพลัดหลงกับพ่อแม่มังกร ก็เลยทำให้ไอดีแปดพันหลุดออกมาในมิติที่พวกเขาเคยกำหนดไว้ แถมนอกจากนี้ไอดีแปดพันก็ได้ไปเจอะกับบอสเห็ดมาริโอ ซึ่งมีระดับที่สูงกว่าไอดีแปดพันหลายเท่า ดังนั้นพวกเขาจึงทำการส่งตัวช่วยไปให้ นั่นก็คือ
Toy Hammer ระดับ 10
มันเป็นอาวุธที่พวกเขาเตรียมสร้างเอาไว้ให้ไอดีแปดพันโดยเฉพาะ ไม่สามารถซื้อหาได้ตามร้านค้าแผงลอยทั่วไปได้ แต่ทว่าพวกเขากลับได้เจอปัญหาใหญ่อีกครั้ง เมื่อไอดีแปดพันเกิดวิกฤตเจียนตายเพราะบอสเห็ดมาริโอ ภาพหน้าจอพลันดับวูบไปต่อหน้าต่อตาทีมงาน ซึ่งทำเอาทุกคนรีบทำการแก้ไขอย่างรวดเร็ว จนเวลาผ่านไปได้ยี่สิบนาที ภาพหน้าจอก็ได้กลับมาเป็นปกติ แต่ทว่าไอดีแปดพันกลับหายไปจากพื้นที่จุดนั้นแล้ว
“รีบตามหาที่อยู่ไอดีแปดพันเร็วเข้า!”
“รู้สึกของที่ไอดีแปดพันมีติดตัวอยู่จะเพิ่มขึ้นนะ!”
“แล้วมันเป็นของอะไรกันล่ะ เช็คดูให้ดีหรือยัง!”
“กำลังเช็คอยู่ เฮ้ย! กู้ข้อมูลเสร็จรึยังวะ!”
เสียงพูดจอแจของทีมงานดังกันวุ่นเป็นระยะๆ ไหนจะเดินชนกันล้มจนได้แผลก็ไม่เหลียวแล เมื่องานตรงหน้าสำคัญกว่ายิ่งชีพ แม้กระทั่งดนัยเทพกับปริญที่วิ่งวุ่นคอยแก้โปรแกรมของบริษัทที่เพิ่งจะเสียไปเมื่อครู่นี้อีก
พรึบ!
ภาพหน้าจอกลับคืนมาอีกครั้งซึ่งทำเอาพวกเขาถึงกับมึนไปตามกัน
“อะไรกัน พวกเรายังแก้ไม่เสร็จไม่ใช่รึไง แล้วทำไมภาพถึงออกมาได้ล่ะ” ดนัยเทพเงยหน้าขึ้นพูดอย่างฉงน ซึ่งบนภาพหน้าจอนี้กำลังฉายไอดีแปดพันหรือราตรีพิสุทธิ์ที่กำลังขี่คอมอนสเตอร์เห็ดสีแดงอยู่ “อันนี้แกเป็นคนทำหรือเปล่าปริญ”
“ไม่ ฉันทำได้ก็คงทำไปตั้งนานแล้วล่ะไอ้ดนัย”
ปริญพูดตอบอย่างหงุดหงิด หลังจากที่ปริญกลับไปถึงบ้านแล้ว ซึ่งเขากำลังเตรียมใส่ชุดนอนเพื่อเข้าเกมตามน้องสาวไปอยู่ แต่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนในทีมงานว่ามีงานเร่งด่วน จึงทำให้ปริญต้องมาที่ทำงานในสภาพกึ่งชุดนอนอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
“เฮ้! ฝ่ายมอนสเตอร์ช่วยเช็คหน่อยสิว่าตัวที่ไอดีแปดพันกำลังขี่อยู่นี้เป็นตัวอะไร ขอแบบละเอียดด้วยด่วน” ดนัยเทพตะโกนบอกเพื่อนในทีมงาน ก่อนจะหันกลับมาทางปริญต่อ “ว่าแต่แกเถอะ ไปทำอีท่าไหนถึงได้ตัวเปื้อนขี้โคลนล่ะ”
คนถูกถามยังไม่ตอบคำถามเดี๋ยวนั้น กลับพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดรัวสักพักจึงหันกลับมาตอบว่า
“ตกท่อน้ำหน้าบ้านมาวะ”
“ฮะ!?” ดนัยเทพร้องอุทานอย่างเบาๆ “แกไปทำอีท่าไหนถึงตกท่อน้ำได้ล่ะปริญ”
“ก็น้องสาวของฉันนะสิ พอเห็นว่าฉันต้องรีบกลับมาที่บริษัท ยัยนี่ก็สั่งให้หมาที่บ้านไล่กัดฉัน แล้วทีนี้ฉันก็มัวแต่วิ่งเลยลืมดูท่อน้ำหน้าบ้านว่ามันยังเปิดฝาท่อค้างไว้อยู่”
“ฉะนั้นแกก็เลยตกไปสินะ”
“ใช่” ปริญตอบพลางถอน “นี่ยังดีนะที่มีแผลไม่ร้ายแรง ไม่งั้นฉันเอายัยนั่นตายคามือแน่”
“เฮ้ย นั่นน้องสาวแกนะไอ้ปริญ ฆ่าคนติดคุกนะเฟ้ย”
ดนัยเทพพูดเตือนด้วยความหวังดีเพราะกลัวเพื่อนจะฆ่าน้องสาวจริงๆ ส่วนปริญหันหน้ามาเขกกะโหลกดนัยเทพก่อนจะพูดกลับมาว่า
“ไอ้บ้า ใครคิดจะฆ่าน้องสาวตัวเองกันเล่า ฮึ่ม แกนี่นอกจากจะพูดไม่รู้เรื่องแล้วยังโง่อีกตั้งหาก พอๆ เลิกคุยกันแล้วลงมือทำงานกันต่อดีกว่า เดี๋ยวท่านประธานได้ไล่พวกเราออกหมดกันพอดี”
ดนัยเทพทำท่าจะเถียงต่อแต่ก็ต้องหันมารับรายงานจากฝ่ายมอนสเตอร์ ก่อนจะลงมือทำงานอย่างเร่งด่วน
กลับมาทางด้านเกมอีกครั้ง ตอนนี้ราตรีพิสุทธิ์ได้ออกเขตป่าสีเขียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเวลานี้ก็เป็นเวลาค่ำ อากาศเริ่มเย็นตัวลงแถมคืนนี้ยังเป็นคืนเดือนมืดอีกด้วย ดังนั้นราตรีพิสุทธิ์จึงบอกให้เห็ดมาริโอหยุดพักค้างแรมกลางป่าแล้ววันรุ่งเช้าค่อยออกเดินทางต่อ
“อะไรกัน ทำไมข้าต้องจัดอาหารให้เจ้าด้วยไอ้เด็กเปรต”
เห็ดมาริโอบ่นอย่างไม่พอใจหลังจากก่อกองไฟเสร็จตามคำสั่งของราตรีพิสุทธิ์
“อ้ออ้าอังเอ็ก อะไอ้อานอ๋าเองไอ้อังไออันเอ้า(ก็ข้ายังเด็ก จะให้คลานหาเองได้ยังไงกันเล่า)”
ราตรีพิสุทธิ์พูดเสียงอ้อแอ้เนื่องจากตัวเธอยังเป็นแค่เด็กทารก แถมทักษะการพูดก็แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ส่วนเห็ดมาริโอหลังจากที่อยู่ด้วยกับราตรีพิสุทธิ์เกือบหนึ่งวันเต็มๆ พอจะฟังภาษาที่ราตรีพิสุทธิ์ออกบ้างเล็กน้อย จึงเถียงกลับไปว่า
“ชิ คลานแล้วมีหรือจะหาอาหารเองไม่ได้ ผักสมุนไพรก็มีขึ้นตามพื้นดิน ส่วนปลาก็มีอยู่ในน้ำ”
ราตรีพิสุทธิ์ไม่คิดจะเถียงแต่กลับหยิบแส้ขึ้นมาก่อนจะฟาดใส่เห็ดมาริโออย่างแรง
เพี๊ยะ!
“โอ้ย!”
เพี๊ยะ!
“เอ๋า!”
เพี๊ยะ!
“เอ๋ง!”
พอครบสามที ราตรีพิสุทธิ์ก็หยุดมือก่อนจะพูดขึ้นว่า
“อู้ไอ๋อ้าอำไออ้าอึงอ้องเอี้ยนเอ้า (รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงต้องเฆี่ยนเจ้า)” เห็ดมาริโอส่ายหน้าทั้งที่น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บปวด “เอาะเอ้าอื้ออังไออ่ะ เอ็กอี้อื้ออั้นไอ้อังอี้อู้ไอ่อู้ อันอ้ออ้องเออแอออี้อันอุกอน (เพราะเจ้าดื้อยังไงล่ะ เด็กที่ดื้อรั้นไม่ฟังที่ผู้ใหญ่พูด มันก็ต้องเจอแบบนี้กันทุกคน)”
ความจริงราตรีพิสุทธิ์ไม่อยากจะทำแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะเวลาเธอตีเด็กทีไร เธอมักจะรู้สึกเจ็บหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ฉะนั้นเวลาเด็กดื้อ เธอมักจะใช้เหตุผลแทนการลงโทษเสมอ
ยกเว้นเห็ดมาริโอที่เธอจำต้องเฆี่ยนให้รู้จักจำ
“ไอเอ็บอักอนอะไอ้อับอักอ้ำไออำอานอา อ่าไอ้อ้าอ้องอู้เอือนอีกอั้งอ่ะ (ไปเก็บผักผลไม้กับตักน้ำในลำธารมา อย่าให้ข้าต้องพูดเตือนอีกครั้งล่ะ)”
ราตรีพิสุทธิ์สั่งเสียงเข้มซึ่งทำเอาเห็ดมาริโอถึงกับจ๋อย และยอมเดินไปหาอาหารอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นไม่นานเห็ดมาริโอก็ได้นำของที่เธอสั่งมาให้ ซึ่งมีแค่หัวไชเท้า กล้วย กับน้ำเท่านั้นที่เห็ดมาริโอพอจะขนมาได้ เมื่อราตรีพิสุทธิ์ก้มมองดูหัวไชเท้าที่เห็ดมาริโอวางบนพื้น เธอก็พบรอยฟันกับคราบน้ำลายเต็มไปหมด ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ไม่คิดจะรังเกียจน้ำลายของเห็ดมาริโอเลยสักนิด กลับยิ้มแย้มกับความพยายามของเห็ดมาริโอที่ไม่มีแขนเหมือนมนุษย์
เอาเถอะ มีให้กินก็ดีถมแล้วล่ะ
ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจก่อนจะลงมือทำอาหารโดยมีเห็ดมาริโอคอยเป็นลูกมือ แต่ในระหว่างที่ราตรีพิสุทธิ์สั่งให้เห็ดมาริโอต้มน้ำให้เดือดโดยใช้กะลามะพร้าวเป็นภาชนะแทนหม้อ ส่วนกล้วยนั้นเธอสั่งให้เห็ดมาริโอแกะเปลือกออก จากนั้นเธอจึงค่อยหันไปล้างหัวไชเท้าให้สะอาดรอเวลาน้ำเดือด
“ท่านได้รับทักษะการทำอาหารระดับ 1”
เสียงระบบประกาศ ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์แทบขมวดคิ้ว
แค่ทำอาหารก็นับเป็นทักษะได้ด้วยเหรอเนี่ย
หลังจากนั้นราตรีพิสุทธิ์ก็ใช้มีดสั้นเก่าๆที่เก็บมาได้จากพื้นในระหว่างการเดินทางออกจากป่านั้นขึ้นมาหั่นหัวไชเท้าให้ละเอียด เมื่อหั่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็นำหัวไชเท้าใส่ลงน้ำที่เดือดก่อนจะหันมาลงมือบดกล้วยต่อ
“จะไปรอดไหมนี่”
เห็ดมาริโอพูดพลางมองร่างเล็กแกมสมเพช เพราะตนไม่เคยเห็นเด็กทารกทำอาหารมาก่อน แต่ทว่าเห็ดมาริโอไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่า ต่อจากนี้ไปมันจะต้องเตรียมรับชะตากรรมเป็นเห็ดลองยาของราตรีพิสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงมิได้
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทางด้านปฐพี ศาสตรา และพิภพกำลังอยู่ในป่าเอลฟ์ที่อยู่ทางทิศใต้ของเกาะเริ่มต้น ซึ่งห่างจากจุดที่ราตรีพิสุทธิ์อยู่กันมากพอสมควร ทีแรกปฐพีตั้งใจว่าจะไปเมืองเริ่มต้นตามที่คาดไว้ แต่ศาสตรากลับแนะนำปฐพีว่าให้ลองมาหาคุณยายที่ป่าเอลฟ์ดู เผื่อว่าจะเจอคุณยายหลงอยู่แถวนี้บ้าง แต่เมื่อพวกเขามาถึงป่าเอลฟ์แล้ว กลับต้องมานั่งจุ้มปุกกับงานเลี้ยงต้อนรับแขกจากเผ่าเอลฟ์แทนที่จะได้ออกตามหาคุณยายตามที่วางแผนกันเอาไว้
“เอาน่าปฐพี นานทีพวกเขาจะจัดงานเลี้ยงให้กับพวกเรานะ” ศาสตราพูดปลอบใจเพื่อนก่อนจะเทสุราลงถ้วยชาให้เพื่อน “แล้วอีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะฉันที่เป็นเอลฟ์มาด้วยแล้วล่ะก็ พวกนายสองคนคงไม่ได้มานั่งดื่มนั่งกินของดีๆในป่าเอลฟ์หรอกนะ”
ปฐพีได้ยินถึงกับขมวดคิ้ว
จริงสิ ตามประวัติของเกมนี้พวกเอลฟ์เกลียดขี้หน้ามนุษย์อยู่นี่
ปฐพีคิดพลางมองสายตาของเอลฟ์ทั้งหลายตนที่จับจ้องมายังพวกเขาอย่างไม่ละสายตา
“แต่นายไม่ต้องเป็นห่วงไป เดี๋ยวฉันขอพวกนี้ให้ออกตามหาคุณยายของนายเอง”
ศาสตราบอกพลางกระดกขวดสุราขึ้นดื่ม
“ฉันว่าอย่าเลยดีกว่านะศาสตรา” ปฐพีพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ “แค่นี้ก็ทำฉันหืดขึ้นคอมากพอแล้ว อย่าให้พวกเขาคิดว่ามนุษย์ดีแต่เป็นใช้งานคนอื่น”
“เฮ้ย อย่าคิดมากเหมือนพวกคนแก่สิ พวกเอลฟ์ใจดีออกจะตายไป เขาคงไม่คิดแบบนั้นแน่”
ศาสตราพูดยืนกรานเสียงแข็ง
“แต่ฉันคิด” พิภพแย้งบ้างหลังจากนั่งฟังบทสนทนาของเพื่อนอยู่นานแล้ว “ถึงนายจะเป็นคนเอ่ยปากขอร้องแทนให้พวกเราก็จริงอยู่ แต่พวกเอลฟ์จะคิดแบบนายหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง ฉันกลัวตรงจุดนี้แหละ ถ้าเกิดมันไม่ทำขึ้นมาแล้วหันมาฆ่าพวกฉันแทน พวกฉันมิต้องหนีหัวซุกหัวซุนเลยรึไง”
ศาสตราอ้าปากค้างอย่างจนมุมที่จะเถียง
“แต่ฉันก็ต้องขอขอบใจสำหรับความคิดของนาย มันช่วยฉันได้มากเลยทีเดียว”
ปฐพีพูดปลอบใจเพราะกลัวจะเสียน้ำใจเพื่อนที่อุตส่าห์ช่วยเขาคิด ซึ่งทำเอาศาสตราหุบปากก่อนจะยิ้มหน้าระรื่นเมื่อได้รับคำปลอบใจจากปฐพี
“เอ่อ นายไม่ลองติดต่อท่านดูอีกล่ะ เผื่อว่าตอนนี้สัญญาณอาจจะเชื่อมต่อหากันแล้วก็ได้นะ” พิภพพูดเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งปฐพีส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า “เมื่อครู่นี้ฉันลองแล้ว แต่ก็ไม่ได้นะพิภพ”
“อ้าว จนป่านนี้แล้วยังไม่ได้อีกรึเนี่ย” ศาสตราร้องอุทานเบาๆ “ไม่ไหวเลยเกมนี้ ข้อเสียเพียบเชียว พรุ่งนี้ฉันก็ออฟไลน์เกมแล้ว เดี๋ยวฉันจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งกับทางจีเอ็มให้เองปฐพี ไม่ต้องเป็นห่วง”
ปฐพีได้ยินถึงกับตื้นตันใจ จึงรีบกล่าวขอบคุณอยู่เสียหลายครั้ง หลังจากงานเลี้ยงได้จบลง พวกเขาทั้งสามคนก็รีบบอกลากับหัวหน้าเอลฟ์ก่อนจะชิ่งหนีหายไปจากป่าเอลฟ์ เพราะพวกเขาไม่อยากอยู่รบกวนพวกเอลฟ์ไปนานกว่านี้อีก
เช้าวันต่อมา ราตรีพิสุทธิ์ก็ตื่นนอนขึ้นมาท่ามกลางเศษหญ้ากับกองฟางที่ทับถมสูงเหนือร่าง ซึ่งเมื่อคืนวานเธอใช้ให้เห็ดมาริโอนำเศษหญ้ากับเศษกองฟางมาสุมรวมกันเยอะๆ เพื่อทำเป็นที่นอนกับผ้าห่มกันหนาวโดยเฉพาะ
พอใช้ได้แต่ก็ยังหนาวอยู่ดี
ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจก่อนจะหันไปมองทาสรับใช้ที่ยังคงนอนร้องเสียงครวญคราง เนื่องจากเมื่อคืนวานนี้เธอทำการทดลองอาหารหลากหลายรูปแบบโดยมีเห็ดมาริโอเป็นหนูลองยา ซึ่งกว่าจะได้อาหารที่ถูกปากก็ปาเข้าไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ทำให้หนูลองยาต้องวิ่งเข้าวิ่งออกพุ่มหญ้าเพื่อถ่ายของเสียออกจากร่างกายให้หมด
“อะ...อูย ปวดท้อง...ปวดท้องจังเลย”
จู่ๆเห็ดมาริโอก็รำพึงรำพันออกมา ทำเอาราตรีพิสุทธิ์ผุดลุกขึ้นนั่งก่อนจะคลานไปหาเห็ดมาริโออย่างสงสัย
“อวดอ้องอ๋อ (ปวดท้องเหรอ)”
ราตรีพิสุทธิ์ถามโดยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ซึ่งอีกฝ่ายตอบกลับทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“อูย...อะ...อืม”
ถึงเห็ดมาริโอจะมีนิสัยดื้อรั้นปากเสียมากก็เถอะ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยในสายตาของราตรีพิสุทธิ์อยู่ดี
สงสัยเราจะแกล้งมันมากไปหน่อยมั้ง
ราตรีพิสุทธิ์ครุ่นคิดอย่างหนัก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเธอต้องการปราบเห็ดมาริโอให้อยู่หมัด แต่เธอไม่ยักรู้ว่าเกมนี้จะสร้างได้สมจริงมากจนถึงเพียงนี้
“ออนอู่อี้ๆอะ เอี๋ยวอา (นอนอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวมา)”
แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็คลานออกไปจากจุดนั้นโดยไม่ลืมทำคบเพลิงติดตัวไปด้วย แน่นอนว่าราตรีพิสุทธิ์ใช้เวลานานเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะหาต้นทับทิมเจอ ซึ่งแต่ละต้นก็สูงไม่ใช่น้อยจึงทำให้เธอต้องคลานหาไม้สูงๆเขี่ยให้ผลทับทิมหนึ่งให้ตกลงบนพื้นได้ หลังจากนั้นเธอจึงวกกลับไปทางเดิมก่อนจะเด็ดเปลือกผลทับทิมแห้งมาต้มกับน้ำจนเดือด
“ท่านได้รับทักษะการทำอาหารระดับ 2”
“ท่านได้รับทักษะการทำสมุนไพรระดับ 1”
เสียงระบบประกาศ แต่ทว่าราตรีพิสุทธิ์หาได้ใส่ใจไม่ เมื่อน้ำสมุนไพรเดือดได้ที่ เธอจึงหยิบกะลามะพร้าวที่เต็มไปด้วยน้ำสมุนไพรขึ้นมาก่อนจะคลานไปหาเห็ดมาริโอ
“อื่นไอ้แอ้วเอ็ดอาอิโอ้ (ตื่นได้แล้วเห็ดมาริโอ)” ราตรีพิสุทธิ์ปลุกเห็ดมาริโอพลางใช้มือที่ว่างเขย่าร่างนั้นให้ตื่น “อาอื่มอ้ำอี้อ๊ะ อะไอ้อ๋ายอวดอ้องไอๆ (มาดื่มน้ำนี้ซะ จะได้หายปวดท้องไวๆ)”
เห็ดมาริโอร้องครวญครางเล็กน้อยก่อนจะปรือตาขึ้นมาดู
“น้ำอะไร...ไอ้...เด็กเปรต...แก...คิดจะฆ่า...ข้ารึไง”
ดูมัน ขนาดป่วยอยู่ก็ยังมิวายปากเสียอีก
ราตรีพิสุทธิ์คิดพลางส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายกับนิสัยเสียๆที่แก้ไม่หายของเห็ดมาริโอ
“อุบอากแอ้วอื่มๆเอ้าไออะ! (หุบปากแล้วดื่มๆเข้าไปซะ!)”
ราตรีพิสุทธิ์ตวาดพลางใช้มือข้างที่ว่างง้างปากเห็ดมาริโอ ก่อนจะนำน้ำที่อยู่ในกะลาเทกรอกใส่ปากเห็ดมาริโอโดยไม่สนใจว่ามันจะดิ้นทุรนทุรายเพราะโดนน้ำร้อนลวกปาก หลังจากกรอกเสร็จแล้ว เห็ดมาริโอก็รีบใช้มือปาดน้ำที่ไหลมุมปากออกก่อนจะด่าราตรีพิสุทธิ์กลับไปว่า
“แกได้ตายแน่ไอ้เด็กเปรต!”
เห็ดมาริโอผุดลุกขึ้นนั่งทำท่าคล้ายจะบีบเค้นคอร่างเล็กให้ตายคามือแต่กลับต้องนอนตัวงอเป็นกุ้งตามเดิม
“อังอากเอี๋ยไอ้อ่างอี้ อ้ออีบออนอ๊ะ(ยังปากเสียได้อย่างนี้ ก็รีบนอนซะ)”
ราตรีพิสุทธิ์บอกก่อนจะคลานกลับไปยังที่นอนของตัวเอง โดยเธอไม่สนใจสายตาของเห็ดมาริโอที่จ้องมองมาอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเช้าวันใหม่ เมื่อราตรีพิสุทธิ์ตื่นแล้วเธอก็คลานไปดูเห็ดมาริโอซึ่งยังนอนถ่างขาอ้าปากหวอน้ำลายไหลยืดอย่างไม่เกรงใจใคร
“ฮู้!”
ราตรีพิสุทธิ์ถอนหายใจแรงพลางส่ายหน้าเมื่อเห็นท่านอนที่ดูไม่งามของทาสรับใช้ตัวเอง
สงสัยต้องสั่งสอนหนักมากขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว
ราตรีพิสุทธิ์คิดก่อนจะคลานกลับไปเอากะลามะพร้าว จากนั้นเธอจึงคลานไปยังลำธารที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่พวกเธอนอน เมื่อได้น้ำเรียบร้อยแล้ว ราตรีพิสุทธิ์ก็คลานกลับที่เดิมอีกครั้ง
จ๊อก! จ๊อก! จ๊อก!
เสียงน้ำไหลลงบนหน้าเห็ดมาริโอก่อนจะย้ายมายังปากที่หวอ
“แค่ก! แค่ก!” เห็ดมาริโอพ่นน้ำไออย่างบ้าคลั่งก่อนจะผุดลุกขึ้นมาหอบหายใจ “ใครทำข้าวะ เดี๋ยวฆ่าให้ตายคามือซะเลย อ้าว? ไอ้เด็กเปรตมาทำบ้า...อะไร เฮ้ย! นี่แกเป็นคนเทน้ำใส่ปากข้ารึไงวะ!”
เห็ดมาริโอถามด้วยความโมโหเมื่อเห็นร่างเล็กถือกะลามะพร้าวอยู่
“อื้อ อ้าอำเอง (อื้อ ข้าทำเอง)” ราตรีพิสุทธิ์พูดยอมรับอย่างว่าง่ายก่อนจะโยนกะลาทิ้งลงพื้น “อ้ออากออนไอ้เอียบอ้อยเองอี่ (ก็อยากนอนไม่เรียบร้อยเองนี่)”
“ข้าจะนอนยังไงมันก็เรื่องของข้า แกอย่ามายุ่ง!”
เห็ดมาริโอเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ดังนั้นราตรีพิสุทธิ์จำต้องหยิบแส้ขึ้นมาขู่ จึงทำให้เห็ดมาริโอยอมหุบปากแต่โดยดี หลังอาหารเช้าได้ผ่านไปอย่างเรียบง่ายเพราะราตรีพิสุทธิ์เป็นคนคลานไปหาของทานเอง ส่วนเห็ดมาริโอนั้นราตรีพิสุทธิ์สั่งห้ามมันมิให้ทานอะไรเด็ดขาดเพราะยังไม่หายท้องเสียดี ซึ่งมันก็ได้แต่ดื่มน้ำสมุนไพรที่ราตรีพิสุทธิ์ต้มเก็บไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้
“เอาอ่ะ ออกเอินอางไอ้ (เอาล่ะ ออกเดินทางได้)”
ราตรีพิสุทธิ์บอกในขณะที่เธอกำลังขี่คอเห็ดมาริโออยู่ ซึ่งจุดมุ่งหมายคือการตามหาเมืองเริ่มต้นตามที่ได้ยินจากปากของชายหนุ่มผมทองยาวคนนั้น แต่ทว่าราตรีพิสุทธิ์กับเห็ดมาริโอได้เดินวนเวียนอยู่ในป่าดิบเมืองร้อนเป็นเวลาสองสามชั่วโมง ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะพบทางออกไปจากที่นี่ได้เลย
หลงทางอย่างไม่ต้องสงสัย
ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจ เธอหลงนึกว่าเห็ดมาริโอจะรู้เส้นทางไปยังเมืองเริ่มต้นได้เสียอีก แต่ที่ไหนมันกลับพาเธอหลงทางอยู่ในป่าแห่งนี้แทน
“เหนื่อยเว้ย ขอพักมันตรงนี้แหละ”
เห็ดมาริโอบ่นพลางนั่งลงกับพื้นโดยไม่สนใจร่างเล็กที่นั่งขี่คอมันเลยสักนิด ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์ก้นกระแทกพื้นอย่างแรง
“โอย อะองอ้อออกอันอ่อนอิ อันเอ็บอะ (โอย จะลงก็บอกกันก่อนสิ มันเจ็บนะ)”
ราตรีพิสุทธิ์บอกพลางเอามือลูบก้นเบาๆ เมื่ออาการปวดเริ่มเบาลง เธอก็หันไปสำรวจรอบข้างซึ่งที่เธออยู่เป็นเนินหินสูง พอลอบมองไปข้างหน้าก็เป็นหน้าผาที่สูงชัน
ตกลงไปมีหวังตายไม่เหลือซาก
ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะคลานถอยกลับมานั่งพักตรงที่เห็ดมาริโอนอนอยู่
“แอ้ อ้าอิ๋วแอ้ว อ๋าอ้วยไอ้อ่อยอิ (นี่ ข้าหิวแล้ว วานหากล้วยให้หน่อยสิ)” ราตรีพิสุทธิ์บอกเมื่อเห็นว่าเวลานี้มันเลยเที่ยงมากแล้ว แต่ทว่าเห็ดมาริโอกลับนอนหลับตานิ่ง “แอ้ ไอ้อินอื๋อเอ่า อ้าอิ๋วแอ้วเอ็ดอาอิโอ้ (นี่ได้ยินรึเปล่า ข้าหิวแล้วเห็ดมาริโอ)”
เงียบ ไร้การตอบรับ
เมื่อทาสรับใช้ไม่ยอมทำงานตามที่สั่ง ทำให้ราตรีพิสุทธิ์ต้องคลานออกไปหาผลไม้ทานเองตามลำพังอย่างช่วยไม่ได้
เอาเถิด มันก็กำลังป่วยอยู่นี่ ปล่อยให้มันนอนพักไป ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจในขณะที่คลานหาต้นผลไม้ที่เตี้ยที่สุด มันจะมีแต่พวกผลไม้ที่เด็กอย่างเธอทานไม่ได้ ส่วนพวกที่เธอทานได้มันก็อยู่สูงเกินที่จะเอื้อมถึง ซึ่งราตรีพิสุทธิ์คลานหาผลไม้จนกระทั่งคลานไปเจอกองผลไม้หลากหลายชนิดวางอยู่บนใบตองใกล้กองไฟที่ดับลงไปแล้ว มีแต่ของที่เราทานได้เยอะเลยแหะ
ถึงมันจะมีของที่สามารถทานได้ก็จริง แต่ราตรีพิสุทธิ์ก็ไม่เคยคิดจะหยิบฉวยของใครโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ทว่ากองไฟตรงเบื้องหน้ายังดับไม่สนิทดี เกรงว่าปล่อยไว้นานกว่านี้จะทำให้ไฟไหม้ป่าเอาได้
ดับไฟให้ดีกว่า
แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็กำดินทรายขึ้นมาสองกำมือก่อนจะคลานตรงไปยังกองไฟเพื่อที่จะดับมัน ทว่าร่างเล็กยังคลานไม่ถึงจุดมุ่งหมาย ดินตรงหน้าเกิดทรุดลงไปข้างล่างโดยที่ราตรีพิสุทธิ์ไม่ทันคาดคิด
ครืน!
“แอ้!”
dragonp
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2555, 10:48:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2555, 10:48:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 1266
<< บทที่ 4 | บทที่ 6 >> |