คุณทวดออนไลน์ (The Real of Life online)
เมื่อคุณทวดเข้าไปเล่นเกมออนไลน์ (เนื้อเรื่องนี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เขียนเน้นฮาเพียงอย่างเดียวค่ะ)
Tags: เฮฮา บ้าบอ มาริโอ เกมออนไลน์ คุณทวด
ตอน: บทที่ 6
บทที่ 6 พี่เลี้ยงหรือเพื่อน
“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์โดนกับดักนายพราน พลังลดเหลือ 40”
เสียงระบบประกาศในขณะที่ราตรีพิสุทธิ์นอนหน้าทิ่มในหลุมกับดัก โชคดีที่ภายในหลุมกับดักนี้ไม่มีอะไรวางอยู่ข้างใน ไม่งั้นแล้วราตรีพิสุทธิ์ได้ตายคาหลุมอย่างแน่นอน
ให้ตายสิ นี่เราโดนหลอกให้ติดกับรึเนี่ย ราตรีพิสุทธิ์นึกด่าตัวเองในใจที่หลงเข้ามาติดกับดักเข้าโดยบังเอิญ ทั้งๆที่เธอตั้งใจจะช่วยดับไฟกลับต้องมาโดนกับดักแทน แล้วนี่เราจะปีนกลับขึ้นไปยังไงละ
ราตรีพิสุทธิ์คิดพลางมองปากหลุมซึ่งอยู่สูงพอสมควร ต่อให้เธอไม่ใช่เด็กทารกก็ยากที่จะปีนขึ้นออกไปได้ ถึงต่อให้เธอเรียกเห็ดมาริโอ ก็คงทำไม่ได้อยู่ดีเพราะมันอยู่ไกลเกินที่เสียงเรียกจะไปถึง ส่วนแส้กำราบสัตว์นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะตรงจุดที่เธออยู่นั้นไม่ได้มีต้นไม้หรือก้อนหินอยู่เลยสักนิด
ไม่เอานะ…
ไม่อยากตายอยู่ที่นี่…
ท่านพ่อท่านแม่ช่วยหนูด้วย…
เมื่อจนหนทางทุกด้านผนวกกับความหิวโหยที่ยังไม่ได้ทานอะไรลงท้อง ทำเอาราตรีพิสุทธิ์ถึงกับแผดเสียงร้องไห้จ้าอย่างไม่อายฟ้าอายดิน
“ฮึก แงๆ!”
ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ก็ใช้เวลาร้องไห้อยู่เกือบยี่สิบนาทีเห็นจะได้ ก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ปากหลุมกับดัก
“เสียงเด็กทารก?”
เสียงทุ้มพูดด้วยความแปลกใจ ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์ถึงกับหยุดร้องไห้
มีคนมาช่วยแล้ว!
“แอ้ๆ อ้วยอี อ้าอิดอู่ไออุ๋มอี้ (นี่ๆ ช่วยที ข้าติดอยู่ในหลุมนี้)”
ราตรีร้องตะโกนขอความช่วยเหลือพลางเงยหน้าขึ้นมองเหนือหลุม แล้วเสียงฝีเท้าก็ได้เดินวนไปวนมาอยู่สองสามรอบก่อนจะมาหยุดตรงที่ปากหลุมกับดัก ซึ่งเผยให้เห็นชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีแดงเลือดกำลังนั่งก้มหน้ามองเธออย่างสงสัย
“ใช่เด็กทารกจริงๆด้วย” ชายหนุ่มผู้นั้นเอ่ยปากพูดทันทีที่เห็นราตรีพิสุทธิ์ “มาติดอยู่ในหลุมกับดักนี้ได้ยังไงกัน ไม่สิ มาอยู่ที่ป่าเขาวงกตนี้ได้ยังไงสิถึงจะถูก เอ หรือว่าจะเป็นภารกิจลับที่ทางบริษัทเกมยังไม่ได้ประกาศให้ผู้เล่นอื่นรู้ทั่วกันแน่”
ภารกิจลับอะไรของเขานะ? ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด
ราตรีพิสุทธิ์คิดอย่างมึนงงเมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชายคนนี้
“เฮ้อ ช่างมันปะไร” ชายหนุ่มผมดำพูดพลางหลับตาถอนหายใจแรงๆ แล้วจึงค่อยลืมตามองเธอพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ “ว่าไงคนเก่ง ร้องไห้จนตาแดงเลยนะเรา คงจะกลัวอยู่สิท่า มามะ ไม่ต้องกลัวแล้ว เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะช่วยน้องเอง”
ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาเกือบสุดแขนก่อนจะช้อนร่างราตรีพิสุทธิ์ขึ้นมาแนบอกอย่างทะนุถนอม เมื่อขึ้นมาในระดับเดียวกัน ทำให้นัยน์ตาทั้งคู่ประสานเข้ากันโดยบังเอิญ
ตุ้บ! ตุ้บ!
ความรู้สึกนี้มัน...
นับตั้งแต่คนรักของเธอได้ตายจากไป เธอก็ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้อีกเลย แต่เมื่อได้กลับมาสัมผัสอีกครั้ง ทำเอาหญิงชราอย่างราตรีพิสุทธิ์ถึงกับใจเต้นระรัว แต่สำหรับชายหนุ่มผมดำเห็นเด็กทารกเพศชายผู้นี้หน้าแดง จึงคิดว่าเด็กน้อยเป็นไข้เพราะตกจากที่สูง
“เอ หน้าแดงอย่างนี้เป็นไข้รึเปล่านะเรา ไหนขอพี่ชายตรวจดูหน่อยสิ” ชายหนุ่มพูดจบพลันยื่นหน้าผากประทับหน้าผากร่างเล็ก ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์ยิ่งใจเต้นกว่าเก่า “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ แล้วทำไมถึงหน้าแดงได้กันล่ะเนี่ย”
อีกฝ่ายพูดเสียงพึมพำกับตัวเองโดยไม่สนใจสีหน้าของเด็กทารกที่แดงยิ่งขึ้นกว่าเดิม แล้วทันใดนั้นภาพใบหน้าคนรักที่ตายจากไปแล้วก็ได้ผุดขึ้นมาฉุดสติของราตรีพิสุทธิ์มิให้คิดไปมากกว่านี้
ไม่ได้...
เราจะรักใครไม่ได้นอกจากเขาอีก...
แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็รีบใช้มือน้อยทั้งสองข้างผลักใบหน้าอันเรียวคมของอีกฝ่ายให้ออกห่าง แต่ทว่าชายหนุ่มกลับตีความหมายของราตรีพิสุทธิ์ผิดไปอีกอย่างแทน
“อ้าว กลัวพี่รึไงเรา ฮะ ฮะ” ชายหนุ่มผมดำพูดไปหัวเราะไปพลาง ก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างมาขยี้ผมสีเงินของราตรีพิสุทธิ์ด้วยความหมั่นไส้ “นี่แน่ะ พี่ไม่คิดจะทำอะไรน้องหรอก แค่สงสัยว่าเป็นไข้รึเปล่าก็เท่านั้นเอง”
แล้วชายหนุ่มก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะล้วงหยิบขวดสีฟ้าขึ้นมา
นั่นมันอะไรนะ?
ราตรีพิสุทธิ์มองวัตถุขวดทรงกลมที่บรรจุน้ำสีฟ้าใสอย่างสงสัย ส่วนชายหนุ่มก็ใช้ปากกัดจุกไม้ที่ติดอยู่ปากขวดออกก่อนจะหันหน้ามาทางราตรีพิสุทธิ์ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ลำบากหน่อยนะ พอดีพี่ชายหาขวดนมแทนขวดน้ำนี้ไม่ได้ แต่ถ้าน้องไม่ดื่ม บาดแผลตามร่างกายก็จะไม่หายดีนะ”
อ้อ ที่แท้ขวดทรงกลมสีฟ้าเป็นยารักษาบาดแผลเองหรอกรึ
ราตรีพิสุทธิ์คิดพลางพยักหน้าอย่างเข้าใจในคำพูดของชายหนุ่ม ก่อนจะยื่นมือไปรับขวดยาเพื่อที่เธอจะดื่มเองโดยไม่ต้องลำบากชายหนุ่ม แต่อีกฝ่ายกลับเข้าใจผิดไปว่าเด็กทารกจะจับขวดยาเล่น จึงเคลื่อนย้ายขวดน้ำสีฟ้าหนีมือของราตรีพิสุทธิ์แทน
“ไม่ได้นะเรา อันนี้มันของกิน ไม่ใช่ของเล่น” ชายหนุ่มดุ ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์แทบขมวดคิ้ว
ผู้ชายคนนี้เห็นเราเป็นเด็กทารกอมมือรึไง
“อู้อ้าๆเอ็นอองอิน เอาอันอาอี้อิ เอี๋ยวอ้าอะเอ็นอนอื่มเอง (รู้น่าว่าเป็นของกิน เอามันมานี่สิ เดี๋ยวข้าจะเป็นคนดื่มเอง)” ราตรีพิสุทธิ์พูดพลางแบมือ ซึ่งเธอลืมไปว่าตัวเองก็กำลังอยู่ในคราบเด็กทารก หาได้ใช่หญิงชราวัยหนึ่งร้อยต้นๆ
“เอ๊ะ? เมื่อกี้น้องพูดกับพี่เหรอ”
ชายหนุ่มพูดด้วยความตกใจปนทึ่งที่ได้ยินเสียงของเด็กทารกพูดออกมาเป็นประโยค
“อื้อ”
ราตรีพิสุทธิ์ตอบสั้นๆ ซึ่งทำเอาชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วมองเธออย่างแปลกใจก่อนจะถามต่อไปว่า
“ถามหน่อยเถอะ น้องเป็นผู้เล่นเกมหรือเอ็นพีซีกันแน่”
“อ้องอู้เอ้นอิ อ้าแอ่เอ็นอีๆอันอืออะไออ๋ออี้อาย (ต้องผู้เล่นสิ ว่าแต่เอ็นพีซีมันคืออะไรเหรอพี่ชาย)”
ราตรีพิสุทธิ์ถามย้อนอย่างสงสัย เพราะเธอไม่ค่อยรู้จักคำศัพท์ในวงการเกมเสียเท่าไหร่ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับทำหน้างุนงง เพราะฟังที่ราตรีพิสุทธิ์พูดไม่รู้เรื่อง
“ให้ตายสิ พี่ฟังที่น้องพูดไม่รู้เรื่องเลย” ชายหนุ่มพูดพลางส่ายหน้า “เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าพี่ถามก็ให้พยักหน้ากับส่ายหน้าพอนะ เข้าใจใช่ไหม”
ราตรีพิสุทธิ์พยักหน้าตอบ แล้วชายหนุ่มก็วางเธอลงกับพื้นก่อนจะนั่งลงตาม แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะถามคำถาม เขาก็ให้เธอดื่มน้ำยาเพื่อฟื้นฟูบาดแผลบนร่างกายเสียก่อน
“ท่านได้รับการฟื้นฟูบาดแผล 100%”
เสียงระบบประกาศดังก้องหัวราตรีพิสุทธิ์
“น้องเป็นผู้เล่นที่เข้ามาเล่นเกมใช่ไหม แล้วเข้ามาอยู่ในป่าวงกตได้ยังไงกัน ทำไมไม่มีพ่อแม่ตามมาด้วยล่ะ”
อีกฝ่ายถามทันทีที่เห็นว่าเธอดื่มเสร็จแล้ว ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ไม่รู้จะตอบยังไงดี เพราะเรื่องมันยาวมากเสียจนเล่าวันเดียวคงไม่จบแน่ ดังนั้นราตรีพิสุทธิ์จึงคลานไปหยิบกิ่งไม้อันเล็กแหลมมาหนึ่งอันก่อนจะคลานกลับมายังชายหนุ่มต่อ
“อออ่อนอ๊ะ อ๋อเอี๋ยนอู้เอียว (รอก่อนนะ ขอเขียนครู่เดียว)” ราตรีพิสุทธิ์บอกก่อนจะลงใช้กิ่งไม้เขียนลงบนพื้นดิน ซึ่งเธอใช้เวลาเขียนอยู่นานพอสมควรเนื่องจากมือของเธอมันเล็กเกินไป ยากที่จะเขียนให้เสร็จเร็วได้ดั่งใจ และแน่นอนว่าเธอย่อมไม่เขียนเรื่องว่าตนเป็นผู้หญิงที่เข้ามาเล่นเกมด้วย เพราะเธอกลัวชายหนุ่มพาลว่าเธอเป็นวิปริตเอาได้ เมื่อราตรีพิสุทธิ์เขียนเสร็จแล้วเธอก็รีบเงยหน้าขึ้นพูดว่า “อ่ะ เอ็ดแอ้ว (อ่ะ เสร็จแล้ว)”
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้าลงมองตัวหนังสือที่ถูกเขียนอยู่บนพื้นดินตามที่เด็กทารกบอก
ใช่ น้องเป็นผู้เล่นเกม ส่วนมาที่นี่ได้ยังไงนั้นบอสเห็ดมาริโอเป็นคนพามา (เพราะมันเป็นทาสรับใช้) ตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่ถูกราชาปีศาจลอบทำร้าย ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง แล้วที่น้องหนีรอดมาได้เพราะท่านแม่ช่วยเอาไว้
เมื่อชายหนุ่มอ่านจบ ก็พลันเงยหน้าขึ้นมองเด็กทารกด้วยความสงสาร
“โธ่ พี่ไม่คิดเลยว่าน้องจะเจอเรื่องร้ายถึงขนาดนี้” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงสั่นเครือก่อนจะเอามือลูบศีรษะของราตรีพิสุทธิ์อย่างแผ่วเบา “แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะเป็นคนคอยดูแลเราเอง”
ก็ดี เธอจะได้ไม่ลำบากไปขอให้เห็ดมาริโอจอมขี้เกียจช่วยอีก
“ว่าแต่เมื่อครู่นี้น้องบอกว่าอยู่กับเห็ดมาริโองั้นรึ”
“อื้อ อู่อับเอ็ดอาอิโอ้ (อื้อ อยู่กับเห็ดมาริโอ)”
“แล้วตอนนี้เห็ดมาริโอนั่นอยู่ที่ไหนล่ะ”
ชายหนุ่มถามต่ออย่างสงสัย เพราะไม่คิดว่าทาสรับใช้จะกล้าทิ้งนายตัวเองได้ลงคอ
“ออนอับอู่ (นอนหลับอยู่)” ราตรีพิสุทธิ์ตอบพลางทำท่านอนหลับให้ชายหนุ่มดู
“อะไรนะ นอนหลับ เวลานี้เนี่ยนะ!” ชายหนุ่มพูดอย่างตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าทาสรับใช้จะกล้าปล่อยให้นายของตัวเองที่เป็นเด็กทารกคลานเล่นไปมาโดยไม่ติดตามมาด้วย “ฮึ เห็นทีคงปล่อยไว้ไม่ได้ พี่ชายคนนี้จะทำโทษมันให้น้องเอง โทษฐานที่ขี้เกียจตามน้องมาด้วย”
แล้วชายหนุ่มก็อุ้มร่างเล็กขึ้นยืนอีกครั้งก่อนจะออกเดินไปตามเส้นทางที่ราตรีพิสุทธิ์ชี้บอก
กลับมาทางด้านปฐพีกับเพื่อนอีกสองคนที่ซึ่งตอนนี้ได้เดินออกมาจากป่าเอลฟ์แล้ว ทั้งสามหนุ่มก็ได้มุ่งตรงไปยังเมืองเริ่มต้นโดยใช้ม้าเร็วของศาสตราที่ผูกเชือกไว้รออยู่เบื้องนอกป่าเอลฟ์ในการเดินทาง เมื่อถึงที่หมายแล้วปฐพีก็พาเพื่อนทั้งสองไปยังตึกผู้เล่นใหม่ทันที แต่เนื่องด้วยช่วงนี้อยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้ตึกผู้เล่นใหม่นี้ถูกตกแต่งให้เข้ากับเทศกาล แถมนอกจากนี้เจ้าหน้าที่แต่ละคนก็ยังแต่งชุดซานต้าสีแดงพร้อมทั้งจัดกิจกรรมให้กับผู้เล่นหน้าใหม่อีกด้วย จึงทำให้ที่นี่ดูคึกคักผิดหูผิดตา
“พวกนายสองคนรออยู่ที่นี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อกับพนักงานเกมสักหน่อย”
ปฐพีบอกเพื่อนก่อนจะเดินหายเข้าไปยังอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องไว้สำหรับติดต่อปัญหาเกี่ยวกับเกม ส่วนสองหนุ่มก็หันไปเล่นกิจกรรมที่ทีมงานจัดขึ้นเป็นซุ้มเพื่อฆ่าเวลา เมื่อปฐพีได้เข้าไปข้างในห้องแล้วเขาก็พบว่าข้างในห้องนี้ออกแบบคล้ายธนาคารเล็กน้อย จะขาดเพียงจำนวนคนที่มีอยู่ในห้องซึ่งมีจำนวนน้อยนักเมื่อเปรียบเทียบกับผู้เล่นที่อยู่ข้างนอก แต่ปฐพีหาได้สนใจไม่ ก่อนจะเดินไปตรงยังเคาน์เตอร์ตัวหนึ่งที่เขียนป้ายไว้ว่า
รับปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับเกม
“สวัสดีครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ”
พนักงานชายยกมือขึ้นไหว้กล่าวสวัสดีกับปฐพี ซึ่งชายหนุ่มก็ยกมือไหว้ตอบกลับไปตามมารยาท
“ผมมาแจ้งเรื่องเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระหว่างครอบครัวครับ พอดีผมเคยยื่นเรื่องการสนทนาระหว่างครอบครัว แต่ตอนนี้มีปัญหาเชื่อมต่อกับครอบครัวไม่ได้เลยครับ”
พนักงานชายขมวดคิ้วก่อนจะทำท่าคีย์ข้อมูลบนแป้นพิมพ์
“ขอทราบชื่อไอดีที่ท่านกำลังใช้อยู่ในขณะนี้ด้วยครับ”
“นพเดช”
ปฐพีตอบ ซึ่งพนักงานชายรีบพิมพ์ป้อนข้อมูลลงไปอย่างรวดเร็วก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“มิทราบว่าครอบครัวที่คุณเคยยื่นเรื่องกับทางเรานั้นใช่เป็นคุณยายของคุณหรือเปล่าครับ”
“ใช่” ปฐพีตอบก่อนจะพูดต่ออย่างเร่งรีบ “ผมร้อนใจมากที่ติดต่อกับท่านไม่ได้ กรุณาช่วยผมให้เร็วๆด้วยนะครับ เพราะท่านอายุมากเกินที่จะเล่นเกมได้ตามลำพัง”
“ไม่ต้องห่วงไปครับ ทางเราจะช่วยคุณอย่างเต็มที่แน่นอนครับ” แล้วพนักงานชายก็บอกให้ปฐพีนั่งรอสักครู่ก่อนจะผละหายเข้าในห้องทางหลังเคาน์เตอร์เพื่อยื่นเรื่องนี้ให้กับทางหัวหน้าเกม “แย่แล้วครับหัวหน้า ไอดีนพเดชที่เป็นลูกหลานของไอดีแปดพันมาแจ้งเรื่องเกี่ยวกับการติดต่อครอบครัวแล้วครับ”
พนักงานชายคนนั้นพูดรายงานให้หัวหน้าฟังทันทีที่เข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว ทำให้หัวหน้างานที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานถึงกับเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารทันที
“อะไรนะ มาแจ้งแล้วงั้นรึ”
ชายหนุ่มวัยสามสิบปลายผมสีเทาอยู่ในชุดนักเวทย์พูดด้วยความตกใจ
“ครับ ตอนนี้กำลังนั่งรออยู่หน้าเคาน์เตอร์นี่เองครับหัวหน้า”
พนักงานชายคนเดิมบอก ซึ่งทำเอาหัวหน้างานถึงกับเอามือกุมขมับ
“สมแล้วที่เป็นหัวหน้าสมาคมจับฉ่าย พอรู้ว่าไอดีแปดพันติดต่อไม่ได้ก็รีบมาหาถึงที่” หัวหน้างานพูดอย่างหัวเสีย ถึงแม้นท่าทางของปฐพีไม่ได้มาเอาเรื่องกับทางเกมก็ตาม แต่หัวหน้างานรู้ซึ้งถึงชื่อเสียงที่ขจรไกลของปฐพีที่เป็นถึงหัวหน้าสมาคมจับฉ่ายดี ว่าเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม เอาการเอางานโดยไม่เกี่ยงว่าจะหนักสาหัสแค่ไหน เกลียดการเอารัดเอาเปรียบ รักเพื่อนพ้องจนเป็นที่รักใคร่ของหลายสมาคมอันโด่งดังที่อยู่ในเกม และที่สำคัญเขายังเป็นบุคคลต้องห้ามอันดับสองรองจากผู้เล่นระดับท็อปว่าใครยุ่งด้วยแล้วต้องมีอันโดนพวกสมาคมพันธมิตรของสมาคมจับฉ่ายรุมฆ่าชนิดไม่มีได้ผุดได้เกิดกัน “รีบติดต่อดนัยเทพกับปริญที่อยู่นอกเกมด้วย ว่าเรากำลังมีปัญหาใหญ่อยู่”
“ครับหัวหน้า”
พนักงานชายตอบรับก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางประตู
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป” หัวหน้างานบอก ซึ่งทำเอาพนักงานชายคนนั้นหยุดชะงักพลางหันหน้ากลับมาทางหัวหน้า “ทำยังไงก็ได้ให้คนนั้นกลับไปเล่นเกมต่อ แต่อย่าให้เขาโมโหเชียวล่ะ”
“รับทราบครับท่าน”
แล้วพนักงานชายก็รีบเดินออกไปโดยไม่ลืมสลัดสีหน้าร้อนรนเมื่อครู่นี้ทิ้ง
“ต้องขออภัยที่ให้คุณต้องรอนาน”
พนักงานคนเดิมบอกในขณะที่ปฐพีกำลังเดินมาหาตน “ตอนนี้ทางบริษัทกำลังหาทางช่วยคุณอยู่ ถ้าได้เรื่องยังไง ทางทีมงานจะติดต่อคุณกลับไปอีกที”
พอตนพูดจบ ใบหน้าของปฐพีก็พลันขึ้นสีหน้าอย่างฉุนเฉียว ซึ่งทำเอาพนักงานชายเริ่มกลัวปฐพีเสียจับใจ
“ตกลงครับ ผมจะรอข่าวจากพวกคุณ ถ้างั้นผมต้องขอตัวก่อนนะครับ”
ปฐพีพูดลาก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเร็ว ซึ่งทำเอาพนักงานชายถึงกับถอนหายใจโล่งคอ เพราะคิดว่าจะโดนอีกฝ่ายเอาเรื่องตนเสียแล้ว
“ฮู้ เกือบเห็นนรกแล้วเรา”
ย้อนมาทางด้านราตรีพิสุทธิ์ ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ทำให้พวกเขาทั้งสามจำต้องพักค้างแรมในป่าอย่างช่วยไม่ได้
“ทานข้าวไปเยอะๆเลยนะน้องราตรีพิสุทธิ์ อีกเดี๋ยวเราต้องมาดื่มนมแพะนี่ตบท้ายด้วย”
ชายหนุ่มผมดำยาวในชุดนักรบบอกขณะที่ตนกำลังใช้ช้อนคนนมในแก้วน้ำไปมาเพื่อให้มันเข้ากัน
“อือ” ราตรีพิสุทธิ์ตอบพลางใช้ช้อนจ้วงข้าวบดกล้วยที่อีกฝ่ายเป็นผู้ทำให้แต่ก็เลอะบ้างเล็กน้อยเพราะยังบังคับมือไม่ค่อยจะเก่ง “อั้นอี้เออาเอ่นเอมอี้อาอานอึ๊อังอับ (ท่านพี่เมฆาเล่นเกมนี้มานานรึยังครับ)”
เนื่องจากคำพูดของราตรีพิสุทธิ์ยังไม่ชัดดี ทำให้เมฆาคิดหนักว่าเธอกำลังถามอะไรเขาอยู่
“อ้อ พี่เล่นเกมนี้มานานสามปีแล้วล่ะ ถ้าเป็นเวลาในเกมก็…” เมฆาพูดพลางนั่งนึกคำนวณไปพลางก่อนจะตอบกลับมาว่า “สามสิบปีได้มั้ง เอ้ ทานดีๆสิ เลอะหมดแล้ว”
เมฆาพูดจบก็หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากที่เปื้อนข้าวหนึ่งเม็ดให้ราตรีพิสุทธิ์
“ฮือๆ เมื่อไหร่จะปล่อยหนูสักที หนูขอโทษ” เสียงร้องไห้ดังมาจากข้างหลังราตรีพิสุทธิ์ ซึ่งจะเป็นใครที่ไหนไม่ได้นอกจากเห็ดมาริโอ ที่มันเป็นเช่นนี้ก็เพราะเมฆาลงโทษเห็ดมาริโอด้วยการใช้แส้ของราตรีพิสุทธิ์เฆี่ยนหลังสิบทีจนหลังลายก่อนจะจับมันขึงเชือกห้อยหัวลงดินที่ข้างต้นไม้ “หนูหิวข้าว ขอหนูทานข้าวก่อนได้ไหม ฮือๆ”
“อย่าไปหลงคารมของเห็ดมาริโอเชียวล่ะเรา”
เมฆาพูดเตือนด้วยความหวังดีเพราะเห็นราตรีพิสุทธิ์หันไปชะเง้อมองทาสรับใช้อย่างไม่เลิกรา
“อั๊บ ไอ้อ๋งแอ้ (ครับ ไม่หลงแน่)”
ราตรีพิสุทธิ์ตอบก่อนจะหันหน้ากลับมาทางเดิม “อิงอิอั้นอี้เออา แอ้วอวกเอาอ้องไอ้เออาเอ้าไอ่อึ๋งอะออกอากอ่าเอ๋าองอดอี้ไอ้อั๊บ (จริงสิท่านพี่เมฆา แล้วพวกเราต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะออกจากป่าเขาวงกตนี่ได้ครับ)”
คำถามที่แสนจะยาวยืดและฟังไม่รู้เรื่องทำเอาเมฆาถึงกับขมวดคิ้ว ซึ่งราตรีพิสุทธิ์เห็นท่าทางอันงุนงงของอีกฝ่ายแล้ว เธอก็รีบพูดใหม่อย่างสั้นๆอีกครั้ง
“อ้องไอ้เออาอีกอานไอ๋อว่าอะออกอากอ่าอี้ไอ้อั๊บ (ต้องใช้เวลาอีกนานไหมกว่าจะออกจากป่านี้ได้ครับ)”
“อ้อ พรุ่งนี้เย็นก็ออกจากป่านี้ได้แล้วล่ะน้องราตรี” เมฆาตอบพลางถอนหายใจ เพราะกว่าที่ชายหนุ่มจะฟังรู้เรื่องนั้นก็แสนจะยากเย็นเสียเหลือเกิน ส่วนเหตุผลที่เมฆาเรียกราตรีนั้นก็เป็นเพราะว่าชื่อราตรีพิสุทธิ์มันยาวไป ถ้าเรียกสั้นๆก็จะได้ดูสนิทสนมมากขึ้นกว่าเดิม “ไม่ต้องห่วงไปน้องราตรี ตราบใดที่พี่ชายคนนี้ไปพาน้องไปถึงเมืองเริ่มต้นแล้ว พี่ก็ยังไม่ปล่อยให้น้องเล่นเกมตามลำพังแน่ จะอยู่เป็นพี่เลี้ยงให้น้องราตรีไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละ”
ราตรีพิสุทธิ์หรือราตรีได้ยินที่อีกฝ่ายพูดถึงกับขมวดคิ้ว เพราะอีกฝ่ายเล่นเสนอตัวว่ามีเวลาว่างมากพอที่จะอยู่ดูแลเธอตลอดเวลา แถมพอใจที่จะติดตามเธอไปตลอดเลยด้วย
น่าสงสัย
ราตรีครุ่นคิดอย่างหนัก เพราะคนประเภทนี้เธอเคยเจอมานักต่อนัก แต่ทว่าเกมก็คือเกมอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางที่คนในเกมจะได้พบเจอกันง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงลืมเรื่องนี้ทิ้งไปซะ แล้วหันมาสนุกกับเกมออนไลน์ที่หลานชายของเธอเป็นคนแนะมาให้เล่นต่อไปจะดีกว่า
“จริงสิ พี่ยังไม่ได้ขอน้องเป็นเพื่อนเลย ว่าแต่ทำเป็นหรือเปล่านะเรา” เมฆาพูดเปลี่ยนเรื่อง
“ไอ้เอ็นอั๊บ (ไม่เป็นครับ)”
“อ้าวทำไม่เป็นเลยเหรอ แล้วเปิดหน้าต่างสถานะเป็นหรือเปล่า มีกำไลหรือของติดตัวบ้างไหมล่ะ” อีกฝ่ายถามอีกรอบ ซึ่งราตรีได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธเพียงอย่างเดียว เพราะว่าเธอเพิ่งเล่นเกมนี้เป็นครั้งแรก จะไปรู้เรื่องราวในเกมได้ยังไงกัน แถมนอกจากนี้เธอก็ไม่มีของตามที่เมฆาถามไว้เลยสักนิด จะมีก็แต่ของที่ท่านแม่กับพี่ชายผมทองเป็นคนให้ไว้เท่านั้น “แล้วกัน นี่เราเล่นโดยไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับเกมเลยรึ”
“อื้อ”
คำตอบโดยไม่คิดของราตรีพิสุทธิ์ทำเอาชายหนุ่มถึงกับกุมขมับ เพราะไม่คิดว่าจะมีผู้เล่นหน้าใหม่อย่างราตรีพิสุทธิ์เข้ามาเล่นเกมโดยไม่ศึกษาเนื้อหาของเกมให้ดีเสียก่อน
“แล้วพี่จะอธิบายให้น้องฟังทีหลังนะ” เมฆาพูดอย่างหมดแรง “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เด็กทารกอย่างน้องไม่ควรนอนดึก เพราะงั้นน้องรีบทานข้าวกับดื่มนมให้ไวเลยนะ จะได้เข้านอนกันเสียที”
“อั๊บ! (ครับ!)”
แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็รีบลงมือทานให้ไวเท่าที่จะทำได้
“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์โดนกับดักนายพราน พลังลดเหลือ 40”
เสียงระบบประกาศในขณะที่ราตรีพิสุทธิ์นอนหน้าทิ่มในหลุมกับดัก โชคดีที่ภายในหลุมกับดักนี้ไม่มีอะไรวางอยู่ข้างใน ไม่งั้นแล้วราตรีพิสุทธิ์ได้ตายคาหลุมอย่างแน่นอน
ให้ตายสิ นี่เราโดนหลอกให้ติดกับรึเนี่ย ราตรีพิสุทธิ์นึกด่าตัวเองในใจที่หลงเข้ามาติดกับดักเข้าโดยบังเอิญ ทั้งๆที่เธอตั้งใจจะช่วยดับไฟกลับต้องมาโดนกับดักแทน แล้วนี่เราจะปีนกลับขึ้นไปยังไงละ
ราตรีพิสุทธิ์คิดพลางมองปากหลุมซึ่งอยู่สูงพอสมควร ต่อให้เธอไม่ใช่เด็กทารกก็ยากที่จะปีนขึ้นออกไปได้ ถึงต่อให้เธอเรียกเห็ดมาริโอ ก็คงทำไม่ได้อยู่ดีเพราะมันอยู่ไกลเกินที่เสียงเรียกจะไปถึง ส่วนแส้กำราบสัตว์นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะตรงจุดที่เธออยู่นั้นไม่ได้มีต้นไม้หรือก้อนหินอยู่เลยสักนิด
ไม่เอานะ…
ไม่อยากตายอยู่ที่นี่…
ท่านพ่อท่านแม่ช่วยหนูด้วย…
เมื่อจนหนทางทุกด้านผนวกกับความหิวโหยที่ยังไม่ได้ทานอะไรลงท้อง ทำเอาราตรีพิสุทธิ์ถึงกับแผดเสียงร้องไห้จ้าอย่างไม่อายฟ้าอายดิน
“ฮึก แงๆ!”
ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ก็ใช้เวลาร้องไห้อยู่เกือบยี่สิบนาทีเห็นจะได้ ก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ปากหลุมกับดัก
“เสียงเด็กทารก?”
เสียงทุ้มพูดด้วยความแปลกใจ ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์ถึงกับหยุดร้องไห้
มีคนมาช่วยแล้ว!
“แอ้ๆ อ้วยอี อ้าอิดอู่ไออุ๋มอี้ (นี่ๆ ช่วยที ข้าติดอยู่ในหลุมนี้)”
ราตรีร้องตะโกนขอความช่วยเหลือพลางเงยหน้าขึ้นมองเหนือหลุม แล้วเสียงฝีเท้าก็ได้เดินวนไปวนมาอยู่สองสามรอบก่อนจะมาหยุดตรงที่ปากหลุมกับดัก ซึ่งเผยให้เห็นชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีแดงเลือดกำลังนั่งก้มหน้ามองเธออย่างสงสัย
“ใช่เด็กทารกจริงๆด้วย” ชายหนุ่มผู้นั้นเอ่ยปากพูดทันทีที่เห็นราตรีพิสุทธิ์ “มาติดอยู่ในหลุมกับดักนี้ได้ยังไงกัน ไม่สิ มาอยู่ที่ป่าเขาวงกตนี้ได้ยังไงสิถึงจะถูก เอ หรือว่าจะเป็นภารกิจลับที่ทางบริษัทเกมยังไม่ได้ประกาศให้ผู้เล่นอื่นรู้ทั่วกันแน่”
ภารกิจลับอะไรของเขานะ? ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด
ราตรีพิสุทธิ์คิดอย่างมึนงงเมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชายคนนี้
“เฮ้อ ช่างมันปะไร” ชายหนุ่มผมดำพูดพลางหลับตาถอนหายใจแรงๆ แล้วจึงค่อยลืมตามองเธอพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ “ว่าไงคนเก่ง ร้องไห้จนตาแดงเลยนะเรา คงจะกลัวอยู่สิท่า มามะ ไม่ต้องกลัวแล้ว เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะช่วยน้องเอง”
ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาเกือบสุดแขนก่อนจะช้อนร่างราตรีพิสุทธิ์ขึ้นมาแนบอกอย่างทะนุถนอม เมื่อขึ้นมาในระดับเดียวกัน ทำให้นัยน์ตาทั้งคู่ประสานเข้ากันโดยบังเอิญ
ตุ้บ! ตุ้บ!
ความรู้สึกนี้มัน...
นับตั้งแต่คนรักของเธอได้ตายจากไป เธอก็ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้อีกเลย แต่เมื่อได้กลับมาสัมผัสอีกครั้ง ทำเอาหญิงชราอย่างราตรีพิสุทธิ์ถึงกับใจเต้นระรัว แต่สำหรับชายหนุ่มผมดำเห็นเด็กทารกเพศชายผู้นี้หน้าแดง จึงคิดว่าเด็กน้อยเป็นไข้เพราะตกจากที่สูง
“เอ หน้าแดงอย่างนี้เป็นไข้รึเปล่านะเรา ไหนขอพี่ชายตรวจดูหน่อยสิ” ชายหนุ่มพูดจบพลันยื่นหน้าผากประทับหน้าผากร่างเล็ก ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์ยิ่งใจเต้นกว่าเก่า “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ แล้วทำไมถึงหน้าแดงได้กันล่ะเนี่ย”
อีกฝ่ายพูดเสียงพึมพำกับตัวเองโดยไม่สนใจสีหน้าของเด็กทารกที่แดงยิ่งขึ้นกว่าเดิม แล้วทันใดนั้นภาพใบหน้าคนรักที่ตายจากไปแล้วก็ได้ผุดขึ้นมาฉุดสติของราตรีพิสุทธิ์มิให้คิดไปมากกว่านี้
ไม่ได้...
เราจะรักใครไม่ได้นอกจากเขาอีก...
แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็รีบใช้มือน้อยทั้งสองข้างผลักใบหน้าอันเรียวคมของอีกฝ่ายให้ออกห่าง แต่ทว่าชายหนุ่มกลับตีความหมายของราตรีพิสุทธิ์ผิดไปอีกอย่างแทน
“อ้าว กลัวพี่รึไงเรา ฮะ ฮะ” ชายหนุ่มผมดำพูดไปหัวเราะไปพลาง ก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างมาขยี้ผมสีเงินของราตรีพิสุทธิ์ด้วยความหมั่นไส้ “นี่แน่ะ พี่ไม่คิดจะทำอะไรน้องหรอก แค่สงสัยว่าเป็นไข้รึเปล่าก็เท่านั้นเอง”
แล้วชายหนุ่มก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะล้วงหยิบขวดสีฟ้าขึ้นมา
นั่นมันอะไรนะ?
ราตรีพิสุทธิ์มองวัตถุขวดทรงกลมที่บรรจุน้ำสีฟ้าใสอย่างสงสัย ส่วนชายหนุ่มก็ใช้ปากกัดจุกไม้ที่ติดอยู่ปากขวดออกก่อนจะหันหน้ามาทางราตรีพิสุทธิ์ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ลำบากหน่อยนะ พอดีพี่ชายหาขวดนมแทนขวดน้ำนี้ไม่ได้ แต่ถ้าน้องไม่ดื่ม บาดแผลตามร่างกายก็จะไม่หายดีนะ”
อ้อ ที่แท้ขวดทรงกลมสีฟ้าเป็นยารักษาบาดแผลเองหรอกรึ
ราตรีพิสุทธิ์คิดพลางพยักหน้าอย่างเข้าใจในคำพูดของชายหนุ่ม ก่อนจะยื่นมือไปรับขวดยาเพื่อที่เธอจะดื่มเองโดยไม่ต้องลำบากชายหนุ่ม แต่อีกฝ่ายกลับเข้าใจผิดไปว่าเด็กทารกจะจับขวดยาเล่น จึงเคลื่อนย้ายขวดน้ำสีฟ้าหนีมือของราตรีพิสุทธิ์แทน
“ไม่ได้นะเรา อันนี้มันของกิน ไม่ใช่ของเล่น” ชายหนุ่มดุ ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์แทบขมวดคิ้ว
ผู้ชายคนนี้เห็นเราเป็นเด็กทารกอมมือรึไง
“อู้อ้าๆเอ็นอองอิน เอาอันอาอี้อิ เอี๋ยวอ้าอะเอ็นอนอื่มเอง (รู้น่าว่าเป็นของกิน เอามันมานี่สิ เดี๋ยวข้าจะเป็นคนดื่มเอง)” ราตรีพิสุทธิ์พูดพลางแบมือ ซึ่งเธอลืมไปว่าตัวเองก็กำลังอยู่ในคราบเด็กทารก หาได้ใช่หญิงชราวัยหนึ่งร้อยต้นๆ
“เอ๊ะ? เมื่อกี้น้องพูดกับพี่เหรอ”
ชายหนุ่มพูดด้วยความตกใจปนทึ่งที่ได้ยินเสียงของเด็กทารกพูดออกมาเป็นประโยค
“อื้อ”
ราตรีพิสุทธิ์ตอบสั้นๆ ซึ่งทำเอาชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วมองเธออย่างแปลกใจก่อนจะถามต่อไปว่า
“ถามหน่อยเถอะ น้องเป็นผู้เล่นเกมหรือเอ็นพีซีกันแน่”
“อ้องอู้เอ้นอิ อ้าแอ่เอ็นอีๆอันอืออะไออ๋ออี้อาย (ต้องผู้เล่นสิ ว่าแต่เอ็นพีซีมันคืออะไรเหรอพี่ชาย)”
ราตรีพิสุทธิ์ถามย้อนอย่างสงสัย เพราะเธอไม่ค่อยรู้จักคำศัพท์ในวงการเกมเสียเท่าไหร่ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับทำหน้างุนงง เพราะฟังที่ราตรีพิสุทธิ์พูดไม่รู้เรื่อง
“ให้ตายสิ พี่ฟังที่น้องพูดไม่รู้เรื่องเลย” ชายหนุ่มพูดพลางส่ายหน้า “เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าพี่ถามก็ให้พยักหน้ากับส่ายหน้าพอนะ เข้าใจใช่ไหม”
ราตรีพิสุทธิ์พยักหน้าตอบ แล้วชายหนุ่มก็วางเธอลงกับพื้นก่อนจะนั่งลงตาม แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะถามคำถาม เขาก็ให้เธอดื่มน้ำยาเพื่อฟื้นฟูบาดแผลบนร่างกายเสียก่อน
“ท่านได้รับการฟื้นฟูบาดแผล 100%”
เสียงระบบประกาศดังก้องหัวราตรีพิสุทธิ์
“น้องเป็นผู้เล่นที่เข้ามาเล่นเกมใช่ไหม แล้วเข้ามาอยู่ในป่าวงกตได้ยังไงกัน ทำไมไม่มีพ่อแม่ตามมาด้วยล่ะ”
อีกฝ่ายถามทันทีที่เห็นว่าเธอดื่มเสร็จแล้ว ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ไม่รู้จะตอบยังไงดี เพราะเรื่องมันยาวมากเสียจนเล่าวันเดียวคงไม่จบแน่ ดังนั้นราตรีพิสุทธิ์จึงคลานไปหยิบกิ่งไม้อันเล็กแหลมมาหนึ่งอันก่อนจะคลานกลับมายังชายหนุ่มต่อ
“อออ่อนอ๊ะ อ๋อเอี๋ยนอู้เอียว (รอก่อนนะ ขอเขียนครู่เดียว)” ราตรีพิสุทธิ์บอกก่อนจะลงใช้กิ่งไม้เขียนลงบนพื้นดิน ซึ่งเธอใช้เวลาเขียนอยู่นานพอสมควรเนื่องจากมือของเธอมันเล็กเกินไป ยากที่จะเขียนให้เสร็จเร็วได้ดั่งใจ และแน่นอนว่าเธอย่อมไม่เขียนเรื่องว่าตนเป็นผู้หญิงที่เข้ามาเล่นเกมด้วย เพราะเธอกลัวชายหนุ่มพาลว่าเธอเป็นวิปริตเอาได้ เมื่อราตรีพิสุทธิ์เขียนเสร็จแล้วเธอก็รีบเงยหน้าขึ้นพูดว่า “อ่ะ เอ็ดแอ้ว (อ่ะ เสร็จแล้ว)”
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้าลงมองตัวหนังสือที่ถูกเขียนอยู่บนพื้นดินตามที่เด็กทารกบอก
ใช่ น้องเป็นผู้เล่นเกม ส่วนมาที่นี่ได้ยังไงนั้นบอสเห็ดมาริโอเป็นคนพามา (เพราะมันเป็นทาสรับใช้) ตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่ถูกราชาปีศาจลอบทำร้าย ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง แล้วที่น้องหนีรอดมาได้เพราะท่านแม่ช่วยเอาไว้
เมื่อชายหนุ่มอ่านจบ ก็พลันเงยหน้าขึ้นมองเด็กทารกด้วยความสงสาร
“โธ่ พี่ไม่คิดเลยว่าน้องจะเจอเรื่องร้ายถึงขนาดนี้” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงสั่นเครือก่อนจะเอามือลูบศีรษะของราตรีพิสุทธิ์อย่างแผ่วเบา “แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะเป็นคนคอยดูแลเราเอง”
ก็ดี เธอจะได้ไม่ลำบากไปขอให้เห็ดมาริโอจอมขี้เกียจช่วยอีก
“ว่าแต่เมื่อครู่นี้น้องบอกว่าอยู่กับเห็ดมาริโองั้นรึ”
“อื้อ อู่อับเอ็ดอาอิโอ้ (อื้อ อยู่กับเห็ดมาริโอ)”
“แล้วตอนนี้เห็ดมาริโอนั่นอยู่ที่ไหนล่ะ”
ชายหนุ่มถามต่ออย่างสงสัย เพราะไม่คิดว่าทาสรับใช้จะกล้าทิ้งนายตัวเองได้ลงคอ
“ออนอับอู่ (นอนหลับอยู่)” ราตรีพิสุทธิ์ตอบพลางทำท่านอนหลับให้ชายหนุ่มดู
“อะไรนะ นอนหลับ เวลานี้เนี่ยนะ!” ชายหนุ่มพูดอย่างตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าทาสรับใช้จะกล้าปล่อยให้นายของตัวเองที่เป็นเด็กทารกคลานเล่นไปมาโดยไม่ติดตามมาด้วย “ฮึ เห็นทีคงปล่อยไว้ไม่ได้ พี่ชายคนนี้จะทำโทษมันให้น้องเอง โทษฐานที่ขี้เกียจตามน้องมาด้วย”
แล้วชายหนุ่มก็อุ้มร่างเล็กขึ้นยืนอีกครั้งก่อนจะออกเดินไปตามเส้นทางที่ราตรีพิสุทธิ์ชี้บอก
กลับมาทางด้านปฐพีกับเพื่อนอีกสองคนที่ซึ่งตอนนี้ได้เดินออกมาจากป่าเอลฟ์แล้ว ทั้งสามหนุ่มก็ได้มุ่งตรงไปยังเมืองเริ่มต้นโดยใช้ม้าเร็วของศาสตราที่ผูกเชือกไว้รออยู่เบื้องนอกป่าเอลฟ์ในการเดินทาง เมื่อถึงที่หมายแล้วปฐพีก็พาเพื่อนทั้งสองไปยังตึกผู้เล่นใหม่ทันที แต่เนื่องด้วยช่วงนี้อยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้ตึกผู้เล่นใหม่นี้ถูกตกแต่งให้เข้ากับเทศกาล แถมนอกจากนี้เจ้าหน้าที่แต่ละคนก็ยังแต่งชุดซานต้าสีแดงพร้อมทั้งจัดกิจกรรมให้กับผู้เล่นหน้าใหม่อีกด้วย จึงทำให้ที่นี่ดูคึกคักผิดหูผิดตา
“พวกนายสองคนรออยู่ที่นี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อกับพนักงานเกมสักหน่อย”
ปฐพีบอกเพื่อนก่อนจะเดินหายเข้าไปยังอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องไว้สำหรับติดต่อปัญหาเกี่ยวกับเกม ส่วนสองหนุ่มก็หันไปเล่นกิจกรรมที่ทีมงานจัดขึ้นเป็นซุ้มเพื่อฆ่าเวลา เมื่อปฐพีได้เข้าไปข้างในห้องแล้วเขาก็พบว่าข้างในห้องนี้ออกแบบคล้ายธนาคารเล็กน้อย จะขาดเพียงจำนวนคนที่มีอยู่ในห้องซึ่งมีจำนวนน้อยนักเมื่อเปรียบเทียบกับผู้เล่นที่อยู่ข้างนอก แต่ปฐพีหาได้สนใจไม่ ก่อนจะเดินไปตรงยังเคาน์เตอร์ตัวหนึ่งที่เขียนป้ายไว้ว่า
รับปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับเกม
“สวัสดีครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ”
พนักงานชายยกมือขึ้นไหว้กล่าวสวัสดีกับปฐพี ซึ่งชายหนุ่มก็ยกมือไหว้ตอบกลับไปตามมารยาท
“ผมมาแจ้งเรื่องเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระหว่างครอบครัวครับ พอดีผมเคยยื่นเรื่องการสนทนาระหว่างครอบครัว แต่ตอนนี้มีปัญหาเชื่อมต่อกับครอบครัวไม่ได้เลยครับ”
พนักงานชายขมวดคิ้วก่อนจะทำท่าคีย์ข้อมูลบนแป้นพิมพ์
“ขอทราบชื่อไอดีที่ท่านกำลังใช้อยู่ในขณะนี้ด้วยครับ”
“นพเดช”
ปฐพีตอบ ซึ่งพนักงานชายรีบพิมพ์ป้อนข้อมูลลงไปอย่างรวดเร็วก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“มิทราบว่าครอบครัวที่คุณเคยยื่นเรื่องกับทางเรานั้นใช่เป็นคุณยายของคุณหรือเปล่าครับ”
“ใช่” ปฐพีตอบก่อนจะพูดต่ออย่างเร่งรีบ “ผมร้อนใจมากที่ติดต่อกับท่านไม่ได้ กรุณาช่วยผมให้เร็วๆด้วยนะครับ เพราะท่านอายุมากเกินที่จะเล่นเกมได้ตามลำพัง”
“ไม่ต้องห่วงไปครับ ทางเราจะช่วยคุณอย่างเต็มที่แน่นอนครับ” แล้วพนักงานชายก็บอกให้ปฐพีนั่งรอสักครู่ก่อนจะผละหายเข้าในห้องทางหลังเคาน์เตอร์เพื่อยื่นเรื่องนี้ให้กับทางหัวหน้าเกม “แย่แล้วครับหัวหน้า ไอดีนพเดชที่เป็นลูกหลานของไอดีแปดพันมาแจ้งเรื่องเกี่ยวกับการติดต่อครอบครัวแล้วครับ”
พนักงานชายคนนั้นพูดรายงานให้หัวหน้าฟังทันทีที่เข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว ทำให้หัวหน้างานที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานถึงกับเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารทันที
“อะไรนะ มาแจ้งแล้วงั้นรึ”
ชายหนุ่มวัยสามสิบปลายผมสีเทาอยู่ในชุดนักเวทย์พูดด้วยความตกใจ
“ครับ ตอนนี้กำลังนั่งรออยู่หน้าเคาน์เตอร์นี่เองครับหัวหน้า”
พนักงานชายคนเดิมบอก ซึ่งทำเอาหัวหน้างานถึงกับเอามือกุมขมับ
“สมแล้วที่เป็นหัวหน้าสมาคมจับฉ่าย พอรู้ว่าไอดีแปดพันติดต่อไม่ได้ก็รีบมาหาถึงที่” หัวหน้างานพูดอย่างหัวเสีย ถึงแม้นท่าทางของปฐพีไม่ได้มาเอาเรื่องกับทางเกมก็ตาม แต่หัวหน้างานรู้ซึ้งถึงชื่อเสียงที่ขจรไกลของปฐพีที่เป็นถึงหัวหน้าสมาคมจับฉ่ายดี ว่าเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม เอาการเอางานโดยไม่เกี่ยงว่าจะหนักสาหัสแค่ไหน เกลียดการเอารัดเอาเปรียบ รักเพื่อนพ้องจนเป็นที่รักใคร่ของหลายสมาคมอันโด่งดังที่อยู่ในเกม และที่สำคัญเขายังเป็นบุคคลต้องห้ามอันดับสองรองจากผู้เล่นระดับท็อปว่าใครยุ่งด้วยแล้วต้องมีอันโดนพวกสมาคมพันธมิตรของสมาคมจับฉ่ายรุมฆ่าชนิดไม่มีได้ผุดได้เกิดกัน “รีบติดต่อดนัยเทพกับปริญที่อยู่นอกเกมด้วย ว่าเรากำลังมีปัญหาใหญ่อยู่”
“ครับหัวหน้า”
พนักงานชายตอบรับก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางประตู
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป” หัวหน้างานบอก ซึ่งทำเอาพนักงานชายคนนั้นหยุดชะงักพลางหันหน้ากลับมาทางหัวหน้า “ทำยังไงก็ได้ให้คนนั้นกลับไปเล่นเกมต่อ แต่อย่าให้เขาโมโหเชียวล่ะ”
“รับทราบครับท่าน”
แล้วพนักงานชายก็รีบเดินออกไปโดยไม่ลืมสลัดสีหน้าร้อนรนเมื่อครู่นี้ทิ้ง
“ต้องขออภัยที่ให้คุณต้องรอนาน”
พนักงานคนเดิมบอกในขณะที่ปฐพีกำลังเดินมาหาตน “ตอนนี้ทางบริษัทกำลังหาทางช่วยคุณอยู่ ถ้าได้เรื่องยังไง ทางทีมงานจะติดต่อคุณกลับไปอีกที”
พอตนพูดจบ ใบหน้าของปฐพีก็พลันขึ้นสีหน้าอย่างฉุนเฉียว ซึ่งทำเอาพนักงานชายเริ่มกลัวปฐพีเสียจับใจ
“ตกลงครับ ผมจะรอข่าวจากพวกคุณ ถ้างั้นผมต้องขอตัวก่อนนะครับ”
ปฐพีพูดลาก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเร็ว ซึ่งทำเอาพนักงานชายถึงกับถอนหายใจโล่งคอ เพราะคิดว่าจะโดนอีกฝ่ายเอาเรื่องตนเสียแล้ว
“ฮู้ เกือบเห็นนรกแล้วเรา”
ย้อนมาทางด้านราตรีพิสุทธิ์ ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ทำให้พวกเขาทั้งสามจำต้องพักค้างแรมในป่าอย่างช่วยไม่ได้
“ทานข้าวไปเยอะๆเลยนะน้องราตรีพิสุทธิ์ อีกเดี๋ยวเราต้องมาดื่มนมแพะนี่ตบท้ายด้วย”
ชายหนุ่มผมดำยาวในชุดนักรบบอกขณะที่ตนกำลังใช้ช้อนคนนมในแก้วน้ำไปมาเพื่อให้มันเข้ากัน
“อือ” ราตรีพิสุทธิ์ตอบพลางใช้ช้อนจ้วงข้าวบดกล้วยที่อีกฝ่ายเป็นผู้ทำให้แต่ก็เลอะบ้างเล็กน้อยเพราะยังบังคับมือไม่ค่อยจะเก่ง “อั้นอี้เออาเอ่นเอมอี้อาอานอึ๊อังอับ (ท่านพี่เมฆาเล่นเกมนี้มานานรึยังครับ)”
เนื่องจากคำพูดของราตรีพิสุทธิ์ยังไม่ชัดดี ทำให้เมฆาคิดหนักว่าเธอกำลังถามอะไรเขาอยู่
“อ้อ พี่เล่นเกมนี้มานานสามปีแล้วล่ะ ถ้าเป็นเวลาในเกมก็…” เมฆาพูดพลางนั่งนึกคำนวณไปพลางก่อนจะตอบกลับมาว่า “สามสิบปีได้มั้ง เอ้ ทานดีๆสิ เลอะหมดแล้ว”
เมฆาพูดจบก็หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากที่เปื้อนข้าวหนึ่งเม็ดให้ราตรีพิสุทธิ์
“ฮือๆ เมื่อไหร่จะปล่อยหนูสักที หนูขอโทษ” เสียงร้องไห้ดังมาจากข้างหลังราตรีพิสุทธิ์ ซึ่งจะเป็นใครที่ไหนไม่ได้นอกจากเห็ดมาริโอ ที่มันเป็นเช่นนี้ก็เพราะเมฆาลงโทษเห็ดมาริโอด้วยการใช้แส้ของราตรีพิสุทธิ์เฆี่ยนหลังสิบทีจนหลังลายก่อนจะจับมันขึงเชือกห้อยหัวลงดินที่ข้างต้นไม้ “หนูหิวข้าว ขอหนูทานข้าวก่อนได้ไหม ฮือๆ”
“อย่าไปหลงคารมของเห็ดมาริโอเชียวล่ะเรา”
เมฆาพูดเตือนด้วยความหวังดีเพราะเห็นราตรีพิสุทธิ์หันไปชะเง้อมองทาสรับใช้อย่างไม่เลิกรา
“อั๊บ ไอ้อ๋งแอ้ (ครับ ไม่หลงแน่)”
ราตรีพิสุทธิ์ตอบก่อนจะหันหน้ากลับมาทางเดิม “อิงอิอั้นอี้เออา แอ้วอวกเอาอ้องไอ้เออาเอ้าไอ่อึ๋งอะออกอากอ่าเอ๋าองอดอี้ไอ้อั๊บ (จริงสิท่านพี่เมฆา แล้วพวกเราต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะออกจากป่าเขาวงกตนี่ได้ครับ)”
คำถามที่แสนจะยาวยืดและฟังไม่รู้เรื่องทำเอาเมฆาถึงกับขมวดคิ้ว ซึ่งราตรีพิสุทธิ์เห็นท่าทางอันงุนงงของอีกฝ่ายแล้ว เธอก็รีบพูดใหม่อย่างสั้นๆอีกครั้ง
“อ้องไอ้เออาอีกอานไอ๋อว่าอะออกอากอ่าอี้ไอ้อั๊บ (ต้องใช้เวลาอีกนานไหมกว่าจะออกจากป่านี้ได้ครับ)”
“อ้อ พรุ่งนี้เย็นก็ออกจากป่านี้ได้แล้วล่ะน้องราตรี” เมฆาตอบพลางถอนหายใจ เพราะกว่าที่ชายหนุ่มจะฟังรู้เรื่องนั้นก็แสนจะยากเย็นเสียเหลือเกิน ส่วนเหตุผลที่เมฆาเรียกราตรีนั้นก็เป็นเพราะว่าชื่อราตรีพิสุทธิ์มันยาวไป ถ้าเรียกสั้นๆก็จะได้ดูสนิทสนมมากขึ้นกว่าเดิม “ไม่ต้องห่วงไปน้องราตรี ตราบใดที่พี่ชายคนนี้ไปพาน้องไปถึงเมืองเริ่มต้นแล้ว พี่ก็ยังไม่ปล่อยให้น้องเล่นเกมตามลำพังแน่ จะอยู่เป็นพี่เลี้ยงให้น้องราตรีไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละ”
ราตรีพิสุทธิ์หรือราตรีได้ยินที่อีกฝ่ายพูดถึงกับขมวดคิ้ว เพราะอีกฝ่ายเล่นเสนอตัวว่ามีเวลาว่างมากพอที่จะอยู่ดูแลเธอตลอดเวลา แถมพอใจที่จะติดตามเธอไปตลอดเลยด้วย
น่าสงสัย
ราตรีครุ่นคิดอย่างหนัก เพราะคนประเภทนี้เธอเคยเจอมานักต่อนัก แต่ทว่าเกมก็คือเกมอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางที่คนในเกมจะได้พบเจอกันง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงลืมเรื่องนี้ทิ้งไปซะ แล้วหันมาสนุกกับเกมออนไลน์ที่หลานชายของเธอเป็นคนแนะมาให้เล่นต่อไปจะดีกว่า
“จริงสิ พี่ยังไม่ได้ขอน้องเป็นเพื่อนเลย ว่าแต่ทำเป็นหรือเปล่านะเรา” เมฆาพูดเปลี่ยนเรื่อง
“ไอ้เอ็นอั๊บ (ไม่เป็นครับ)”
“อ้าวทำไม่เป็นเลยเหรอ แล้วเปิดหน้าต่างสถานะเป็นหรือเปล่า มีกำไลหรือของติดตัวบ้างไหมล่ะ” อีกฝ่ายถามอีกรอบ ซึ่งราตรีได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธเพียงอย่างเดียว เพราะว่าเธอเพิ่งเล่นเกมนี้เป็นครั้งแรก จะไปรู้เรื่องราวในเกมได้ยังไงกัน แถมนอกจากนี้เธอก็ไม่มีของตามที่เมฆาถามไว้เลยสักนิด จะมีก็แต่ของที่ท่านแม่กับพี่ชายผมทองเป็นคนให้ไว้เท่านั้น “แล้วกัน นี่เราเล่นโดยไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับเกมเลยรึ”
“อื้อ”
คำตอบโดยไม่คิดของราตรีพิสุทธิ์ทำเอาชายหนุ่มถึงกับกุมขมับ เพราะไม่คิดว่าจะมีผู้เล่นหน้าใหม่อย่างราตรีพิสุทธิ์เข้ามาเล่นเกมโดยไม่ศึกษาเนื้อหาของเกมให้ดีเสียก่อน
“แล้วพี่จะอธิบายให้น้องฟังทีหลังนะ” เมฆาพูดอย่างหมดแรง “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เด็กทารกอย่างน้องไม่ควรนอนดึก เพราะงั้นน้องรีบทานข้าวกับดื่มนมให้ไวเลยนะ จะได้เข้านอนกันเสียที”
“อั๊บ! (ครับ!)”
แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็รีบลงมือทานให้ไวเท่าที่จะทำได้
dragonp
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2555, 10:49:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2555, 10:49:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 1314
<< บทที่ 5 | บทที่ 7 >> |