รักเจ้าเอย
ต่อให้รู้ว่ารักคือไฟ แต่จะเดินเข้าไป ขอเพียงแค่ได้มา จะกล้ายอมทำทุกอย่าง
Tags: รัก, รักเจ้าเอย, นิยายรัก, เศร้า, ชลบุรี

ตอน: บทที่ ๒

บทที่ ๒

‘...รักคือยอดปรารถนา ชาตินี้ถ้าคลาดคลา สิ้นใจไปดวงชีวา...จบสิ้นกัน’
(ส่วนหนึ่งของเพลงรักเจ้าเอย, ละครชิงชัง)

อีกมุมหนึ่งในบ้านนายสรรค์
ชายวัยห้าสิบกว่า กำลังนั่งครุ่นคิดอยู่ภายในห้องนอนของตนเอง
“ยัยรัมภาต้องก่อเรื่องแน่ ๆ ปกติแล้วภัสสรไม่ใช่คนแบบนี้เลย คงเป็นเพราะคุณภีระสินะ !”
นายสรรค์เลี้ยงลูกสาวทั้งสามคนมาด้วยตนเอง เขาย่อมรู้ดีว่านิสัยของลูกสาวแต่ละคนมีนิสัยอย่างไร
‘พลอยรัมภา’ ลูกสาวคนโต อารมณ์ร้าย เจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าได้โกรธ ได้เกลียดใครไปแล้วยากนักที่จะเลิกรา ทว่าได้รักแค่ไปแล้วก็ยากที่จะเลิกรักเช่นกัน
‘พลอยภัสสร’ ลูกสาวคนรอง สวยหวาน ประดุจน้ำที่ดับไฟในใจร้อนในใจคน ลูกสาวคนนี้มีความเป็นผู้ใหญ่ ทว่าใจอ่อนและมีเมตตาต่อผู้ด้อยกว่า ไม่ถือโกรธใครจนถูกพี่สาวกลั่นแกล้งอยู่เสมอ
‘พลอยมณี’ ลูกสาวคนเล็ก ผู้ร่าเริงแจ่มใส และหัวอ่อน ถ้าใครมาพูดดีด้วยก็จะดีกลับ จึงสนิทสนมกลับพี่สาวคนกลาง ทว่าเป็นที่เกลียดชังของพี่สาวคนโตเช่นกัน!
จะโทษพลอยรัมภาแต่เพียงผู้เดียวคงไม่ได้ ‘พิไล’ ภรรยาของเขาแม่ของลูกสาวทั้งสาม ตามใจพลอยรัมภามาตั้งแต่เล็กจนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง และคอยให้ท้ายพลอยรัมภาตลอด จนเริ่มเห็นแววเมื่อพลอยรัมภาอายุสามขวบเศษๆ
‘กรี๊ดดดดดดดด!’
‘เป็นอะไรไปคะลูกรักของแม่ รัมภาอยากเล่นแต่งหน้า แต่นังแววมันไม่ยอมค่ะ’
‘นังแวว แกหัดเจียมกะลาหัวไว้เสียบ้างนะ แกเป็นใครคุณหนูรัมภาเป็นใคร อย่าได้บังอาจมาขัดคำสั่งเจ้านาย...เอาเลยค่ะลูกรัมภา แต่งหน้านังแววให้มันสวยที่สุดเลยค่ะ’
นางแววในวัยสิบขวบจำต้องยอมคุณหนูพลอยรัมภา ด้วยรู้ดีว่าคุณพิไลรักลูกมากแค่ไหน ใบหน้าของมันในครั้งนั้นเต็มไปด้วยสีเมจิก ที่พลอยรัมภานำมาขีดเขียน
พลอยรัมภากลายเป็นนางฟ้าของแม่ตลอดมา จนกระทั่ง...
‘แม่คะ รัมภาอยากกินนมอุ่น’
‘ได้ค่ะลูก นังแวว นังแวว...แกไปชงนมอุ่นมาให้คุณหนูรัมภา’ ซึ่งตามปกติแล้วพิไลจะไปคนชงนมให้พลอยรัมภา ทว่าวันนี้ไม่ใช่
...เป็นเพราะนังเด็กนี่คนเดียว...
พิไลคลอดลูกสาวคนที่สองแล้ว ผู้เป็นพ่อตั้งชื่อว่า ‘พลอยภัสสร’ ทั้งพ่อและแม่เริ่มมาประคบประหงมน้องสาว เหมือนกับที่เคยทำกับหล่อน
แม่ผู้คอยให้ท้ายหล่อนแทบทุกเรื่อง หล่อนว่าถูกก็ถูก หล่อนว่าผิดก็ผิด วันนี้มิเป็นดั่งวันวานอีกแล้ว จนกระทั่งพ่อกับแม่ทะเลาะกัน
นายสรรค์เลี้ยงพลอยภัสสรมาด้วยตนเอง และไม่ยอมให้อยู่กับพิไลตามลำพัง เพราะกลัวว่าพลอยภัสสรจะเป็นเหมือนพลอยรัมภา ทำให้พิไลไม่พอใจทว่าทำอะไรมิได้
พิไลจึงมาดูแลพลอยรัมภาเหมือนเดิม ซึ่งนายสรรค์คิดว่ากู่ไม่กลับเสียแล้ว ในขณะที่นายสรรค์เลี้ยงลูกสาวคนรองเพียงลำพัง ทำให้พลอยรัมภาเข้าใจว่าพ่อไม่รัก และไม่มีวันได้ปรับความเข้าใจกันด้วยพลอยรัมภาดื้อรั้น คิดว่าตนเองคิดถูก มีทิฐิมานะตั้งแต่วัยเยาว์ ทั้งทีตัวหล่อนรักพ่อเพียงไหนหากกลับไม่สนใจพ่อ
พ่อสรรค์สอนอยู่เสมอว่าให้อดทนเมื่อพลอยรัมภาหาเรื่อง ถ้าเราไม่สนใจเขา เขาก็จะเลิกเอง
พลอยภัสสรจึงมิเคยเอาเรื่องพลอยรัมภาเลย ด้วยหล่อนในวัยนั้นยังเป็นเหมือนผ้าขาวและพ่อสรรค์ก็ได้ทาสีขาวเข้าไปอีก จึงทำให้ไม่มีสีดำกระเด็นใส่หล่อนเลยสักนิด
อีกทั้ง พลอยรัมภาและพลอยภัสสร ต่างเรียนดีเหมือนกัน หัวไวเหมือนกัน ทั้งคู่เรียนได้อันดับหนึ่งทุกปี ทำให้พลอยรัมภาต้องการจะเอาชนะพลอยภัสสรให้ได้
และด้วยการที่พลอยรัมภาเรียนดีนั้นเองที่สร้างความภูมิใจให้กับพ่อ นายสรรค์จึงชมเชยพลอยรัมภาอยู่เสมอจึงทำให้รอยร้าวของสองพ่อลูกเริ่มประสานกัน
พลอยรัมภาจึงขอพ่อไปเรียนปริญญาตรี โท ที่กรุงเทพ และมักไปหาความรู้ที่ต่างประเทศอยู่เสมอ ในขณะที่พลอยภัสสรเรียนที่มหาวิทยาลัยในชลบุรี หมั่นมาดูแลตลาดของพ่ออยู่เสมอ อีกทั้งทุกวันนี้ยังได้ดูแลบัญชีในธุรกิจประมงของพ่อด้วย
นายสรรค์นึกถึงแต่ลูกสาวสองคนคงลืม ‘พลอยมณี’ ลูกสาวคนเล็กไปสินะ
ลูกสาวผู้ทำความผิดตั้งแต่วันที่เกิดมา
การเรียนก็ไม่ดี ทุกๆ วันหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือและเขียนไดอารี่ ไม่ได้ทำอะไรให้พ่อภูมิใจเลย ลูกสาวซึ่ง...ไม่สำคัญ
++++++++++++++++++++
บันทึกของ ‘พลอยมณี นฤเวศ’ ฉบับที่ ๑
ฉันนั่งแต่งกลอน ๘ มานานสองนาน
มันคงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ ถ้าฉันไม่แต่งกาพย์ ฉันคงนอนอ่านนิยายเล่มใหม่ไปเสียแล้ว สงสัยฉันคงอยากจะลองใช้ความคิดดูบ้าง
ฉันนั่งหน้ากระดาษมาพักใหญ่ในที่สุดฉันก็ขยำมันทิ้ง
ฉันหัดเขียนกลอน ๘ มานานแต่ฉันไม่เคยเขียนได้ไพเราะเลย ที่เขียนมาล้วนเป็นภาษาธรรมดา และไม่มีสัมผัสในทั้งสิ้น น้อยนักที่จะมี
ฉันช่างไม่มีความคิดเอาเสียเลย เหมือนกับที่พ่อกับพี่รัมภาเคยว่าไว้
“วันๆ เอาแต่อ่านหนังสือไร้สาระ หัดทำอะไรที่มันมีสาระเสียบ้างนะ นังลูกนอกคอก”
“แกมันโง่ รู้ไหมมณี โง่ที่สุด แล้วยังเป็นตัวกาลกิณีอีก แค่วันแรกที่แกเกิดมาแกก็ฆ่าแม่ของแกแล้ว”
ใช่ค่ะ แม่พิไลเสียชีวิตหลังจากที่คลอดฉัน ฉันเกิดมาในวันเดียวกันกับวันตายของแม่ และฉันเองที่ทำให้แม่ต้องตาย !
ถ้าฉันเลือกได้ ฉันคงขอเป็นฝ่ายที่ตายแทนแม่ หรือไม่ฉันอาจจะไม่ขอเกิดมาเสียด้วยซ้ำ
พ่อสรรค์ไม่สนใจใยดีฉันเลย เอาแต่สนใจพี่รัมภา พี่ภัสสร ฉันพยายามมาตั้งแต่เล็กว่าจะต้องเรียนดีเหมือนพี่ๆ ให้ได้ เหมือนอย่างพี่รัมภาที่กลายเป็นลูกรักของพ่อเพราะเรียนดี
แต่ฉันช่างอาภัพเหลือเกิน ฉันเรียนไม่เก่ง จำอะไรไม่ค่อยได้ วิชาภาษาไทยเป็นวิชาเดียวเท่านั้นที่ฉันเก่ง แต่ถึงจะเก่งยังไงก็ไม่มีทางสู้พี่ๆ ทั้งสองคนได้เลย
ฉันสนิทกับพี่ภัสสรมาก เพราะพี่ภัสสรดีกับฉันมาโดยตลอด ไม่เหมือนกับพี่รัมภา พี่ภัสสรเป็นกำลังที่ดีของฉัน ทำให้ฉันมีกำลังใจที่จะอยู่บ้านหลังนี้ต่อไป…
ว่าแล้วฉันจึงหยิบนวนิยายที่เพิ่งยืมมาจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน
++++++++++++++++++++
“ทำอะไรอยู่ น้องสาวของพี่?”
พลอยภัสสรเปิดประตูห้องเข้ามาเพื่อมาคุยกับน้องสาวคนเดียว และคาดไม่ผิดว่าพลอยมณีกำลังอ่านหนังสืออยู่ ทว่าหล่อนเห็นไดอารี่ของพลอยมณี
“เดี๋ยวนี้หัดเขียนไดอารี่แล้วเหรอจ๊ะ ให้พี่ดูบ้างสิ”
พลอยภัสสรไม่รอช้าหยิบไดอารี่หน้าแรกของพลอยมณีมาอ่านทันที และเมื่ออ่านจบพลอยภัสสรก็มองหน้าพลอยมณีที่นั่งก้มหน้าอยู่
“พี่บอกหลายครั้งแล้วนะมณี อย่าน้อยใจพ่อไปเลย ถึงยังไงพี่ก็มั่นใจว่าคุณพ่อรักมณี”
“รักเหรอคะ รักแล้วทำไมพ่อถึงทำกับมณีแบบนี้...” เมื่อเอ่ยประโยคแรกน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาของพลอยมณี “พ่อว่ามณีประจำว่ามณีไม่เคยทำอะไรให้พ่อภูมิใจ มณีทำให้แม่ต้องตาย”
“พ่อรักมณี แต่พ่อก็รักแม่พิไลนะ พี่เชื่อว่าไม่มีพ่อคนไหนไม่รักลูกหรอก...” ประโยคสุดท้ายพลอยภัสสรถามพลอยมณี “มณีรักพ่อไหม?”
พลอยมณีพยักหน้า พลอยภัสสรจึงโอบกอดน้องสาว คงจะจริงอย่างที่พลอยมณีเขียนไว้ในไดอารี่ ถ้าไม่มีหล่อนพลอยมณีคงจะต้องทำอะไรไม่คิดแน่
“เมื่อครู่ มณีไปเข้าห้องน้ำได้ยินพี่ภัสสรคุยกับพ่อ พี่ภัสสรทะเลาะอะไรกับคุณภีระเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ เรื่องไร้สาระ อย่ารู้ให้รกสมองเลย ดึกแล้วน้องนอนเถอะ คืนนี้พี่ขอนอนด้วยนะ”
ว่าแล้วพลอยมณีก็เก็บหนังสือแล้วเข้านอน ในขณะที่พลอยภัสสรดับไฟพลางคิดถึงเรื่องเดิมๆ เรื่องที่หล่อนคิดมาตั้งแต่กลับบ้าน
+++++++++++++++++++++++++++++
แม้จะครบกับภีระมาเพียงแค่หนึ่งปี แต่พลอยภัสสรก็ยอมรับว่าหล่อน ‘รัก’ ภีระ ถ้าไม่รักหล่อนจะมีอารมณ์หึงหวงถึงขนาดกลับบ้านมาก่อนหรือ?
น้อยครั้งนักที่พลอยภัสสรจะมีเกิดอาการเช่นนี้ ทางครอบครัวของหล่อนกับครอบครัวของภีระกำลังตกลงเรื่องงานแต่งงานของหล่อนและภีระอยู่พอดี
ถ้าภีระจะยกเลิกงานแต่งเพื่อไปแต่งงานกับพลอยรัมภาหรือผู้หญิงอื่น พลอยภัสสรก็ยอม แต่หล่อนยังไม่รู้ว่าจะเสียใจเพียงไหน!
หล่อนยังจำวันที่ภีระมาจีบหล่อนได้ ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาและหล่อนได้เจอหน้ากัน
‘คุณภัสสรครับ นี่ก็บ่ายแล้วยังไม่ได้ทานข้าวเลย เราไปทานข้าวกันดีไหมครับ ที่สิงคโปร์อาหารอร่อยหลายอย่างนะครับ ที่สำคัญผู้ชายที่นี่ก็อร่อยนะครับ’
คำพูดอันสื่อถึงกามารมณ์ชวนให้พลอยภัสสรไม่ชอบขี้หน้าภีระตั้งแต่แรกพบ ด้วยหูตาแพรวพราวส่อถึงแววเจ้าชู้ หล่อนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเขาต้องมีผู้หญิงมากมายเป็นแน่
‘ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ได้ยินคุณภีระพูด ก็ชวนให้ดิฉันยอมอดอาหารแล้วกลับไปกินที่ชลบุรีเสียดีกว่า’
พลอยภัสสรนึกขำเช่นกันว่าหล่อนพูดไปได้อย่างไร เขาก็ไม่มีท่าทีโกรธเลยกลับยิ้มให้หล่อน และแล้วภีระก็ตามจีบพลอยภัสสรมากกว่าครึ่งปี ภีระถึงกับเลิกติดต่อผู้หญิงที่เขาคบเล่นๆ ทุกคน จนพลอยภัสสรได้รับจดหมายขู่มาถึงหน้าบ้าน
ระวังตัวไว้ให้ดีนะคะคุณพลอยภัสสร คิดยุ่งกับผู้ชายของฉัน ระวังศพจะไม่สวย
คุณภีระเป็นของฉันคนเดียว อย่าได้มายุ่งกับแฟนฉันอีก แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน
ของของใครใครก็รัก เพราะฉะนั้นอย่าได้ริอาจมายุ่งกับผู้ชายของรติมา
เล่นทำเอาพลอยภัสสรหลบหน้าภีระไปพักใหญ่ ทว่าผู้เป็นพ่อกลับสนับสนุน นายสรรค์พรรณนาความดีของภีระแทบทุกวัน จนพลอยภัสสรเปิดใจรับภีระเป็นคนรัก และบังเกิดเป็นความรัก
ทว่ายังมิใช่ความผูกพัน...
และหลังจากที่หล่อนคบหากับภีระมาหนึ่งปีนั้น ภีระไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นเลย ทำให้พลอยภัสสรซึ้งในความรักที่ภีระมีให้หล่อน
เรื่องแต่งงานนั้นภีระอยากให้ดำเนินเร็วๆ ในขณะที่พลอยภัสสรแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่ายังไม่พร้อมหล่อนมักจะอ้างว่า มีงานต้องทำเยอะไม่มีเวลา หรือยังไม่พร้อมขอให้คบหาดูใจกันไปเรื่อยๆ
เมื่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาเกิดขึ้นพลอยภัสสรเริ่มมั่นใจว่าหล่อนยังไม่พร้อมจริงๆ หล่อนระแวง ระแวงว่าจะเป็นเหมือนเหตุการณ์ในอดีต ที่พี่สาวทำไว้กับหล่อนอย่างเจ็บแสบ จนทำให้หล่อนเข็ดหลาบกับความรัก
มันเจ็บจนมิอาจลืมเลือน !
++++++++++++++++++++
“นี่ก็ดึกมากแล้วรัมภาว่าเรากลับกันเถอะค่ะ”
พลอยรัมภาดูที่นาฬิกาของตนเองพบว่าขณะนี้เวลาตีหนึ่งครึ่งแล้ว สถานที่ที่หล่อนอยู่กับภีระนี้หาใช่ร้านอาหารไม่ หากกลับเป็นสถานบันเทิงยามราตรี...
พลอยรัมภาค่อยๆ ดื่มไวน์ในมืออย่างช้าๆ มาดราชินี โดยภีระจ้องมองอย่างไม่กระพริบ
“ฉันว่าถ้าฉันเป็นปลากัดฉันคงท้องไปแล้ว” พลอยรัมภาพูดไปหัวเราะไป ทว่ายังคงสวยบาดตาบาดใจชายเหมือนเดิม หล่อนไม่ยอมเสียภาพพจน์หรอก
“คุณนี่มีอารมณ์ขันมากนะครับ”
“แต่ถ้าให้ฉันท้องกับผู้ชายแบบคุณฉันก็ยอมค่ะ...เรากลับกันเถอะค่ะ” พลอยรัมภาพูดทิ้งท้ายไว้และไม่เปิดโอกาสให้ภีระต่อปากต่อคำกับหล่อนอีก
“เดี๋ยวผมไปส่งนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองดีกว่า...ไว้คุณภีระขับให้ยัยภัสสรเถอะค่ะ รายนั้นอ่อนปวกเปียกจะตาย”
ภีระยิ้มกับคำพูดของพลอยรัมภา เขารู้สึกว่าเพียงแค่เขาได้คุยกับพลอยรัมภาเป็นครั้งแรก เขาก็มีความสุขยิ่งนัก สุขยิ่งกว่าอยู่กับ...พลอยภัสสร !
++++++++++++++++++++
...สาแก่ใจฉันนัก...
พลอยรัมภายิ้มอย่างมีความสุขและสะใจ ที่ทำให้น้องสาวที่หล่อนแสนชังเสียใจ มันสมควรแล้วสำหรับคนที่แยกความรักของพ่อจากหล่อนไป
แต่ทำไม? ทำไม? ความรู้สึกนี้ไม่ได้อยู่ในความคิดของหล่อนมาก่อนเลย
ครั้งแรกเมื่อพลอยรัมภาเห็นหน้าภีระที่ตลาด และรู้ว่าภีระเป็นคนรักของพลอยภัสสร หล่อนต้องการที่จะแย่งผู้ชายคนนี้มาจากน้องสาว และหลังจากนั้นก็จะเขี่ยทิ้ง
ทว่าผู้ชายที่ชื่อภีระมีเสน่ห์มาก หล่อนคุยกับเขาโดยไม่เบื่อเลยสักนิด สายตาที่แพรวพราวชวนให้หลงใหล โอ้...หล่อนหลงรักภีระเข้าเสียแล้ว
รักมาก รักจนพร้อมที่จะแย่งชิงเขามาจากพลอยรัมภาโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
เหมือนอย่างที่หล่อนเคยทำไว้ในอดีต ทำให้พลอยภัสสรผู้เก่งกาจต้องเจ็บกับความรักมาจนถึงทุกวันนี้ไงล่ะ !




พบกันใหม่เสาร์หน้าครับ



จักรี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ค. 2555, 09:04:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ย. 2561, 18:21:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 863





<< บทที่ ๑   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account