เล่ห์รักชีคร้าย เปลี่ยนชื่อเป็น 'เมียบำเรอรักชีค'(สนพ.สมาร์ทบุคตีพิมพ์)
เจ้าชายเอเดียล มกุฎราชกุมารแห่งรัฐอัลดูซาร์ เกิดมาตกหลุมรักในเสน่ห์ของสาวน้อยชาวไทยนามว่า 'จันทร์เจ้า' เข้าเต็มเปา ในเมื่อหัวใจมันเรียกร้องต้องการ อุปสรรคกี่มากน้อยเท่าไร เขาก็จะต้องพาเอาตัวเธอข้ามน้ำข้ามทะเลกลับอัลดูซาร์ไปด้วยกันให้จงได้ แม้ว่าสาวน้อยคนที่ว่า จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธ ในความต้องการของเขาเท่าไรก็ตาม...
Tags: ชีค สาวชาวไทย ทะเลทราย เจ้าชาย

ตอน: อารมณ์ที่อ่อนไหว

บทที่ 9 อารมณ์ที่อ่อนไหว

หลังจากที่กลับไปเก็บข้าวของที่สำคัญและจำเป็นมาได้หนึ่งกระเป๋าใหญ่ จันทร์เจ้าก็ถูกฟาฮัดพาย้อนกลับมาที่โรงแรมสยามธานีนี่อีกครั้ง เวลาเที่ยงคืน...เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย และกำลังเตรียมตัวที่จะเข้านอน
“จันทร์เจ้า”
“คะ?” ร่างเล็กหันมาตามเสียง เอเดียลในชุดนอนแบบเสื้อและกางเกงขายาวสีอ่อนพร้อมกับสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีครีมเดินแถบเล็กๆ ด้วยดิ้นทองตัวยาว กำลังเดินช้าๆ เข้ามาหา ของใช้หลายๆ อย่างของเขา มักจะมีแต่ความวิจิตหรูหราเกินกว่าที่คนธรรมดาๆ จะมีหรือนิยมกัน แต่นั่นก็ยังไม่พอจะให้คนที่รู้สึกสะดุดตา รู้ลึกอะไรมากไปกว่านั้นได้
“คุณมีอะไรหรือคะ”
“ไม่มีอะไร แค่จะมาส่งเธอเข้านอนเท่านั้น”
“ส่งฉันเข้านอน...ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉัน...”
“เอาเถอะน่า ถือว่าเป็นการแสดงน้ำใจแล้วก็ความปรารถนาดีเท่านั้น มาสิ”
คนพูดก้าวผ่านร่างเล็ก ก่อนตรงไปแตะประตูห้องให้เปิดอ้าออก จันทร์เจ้ายังยืนเท้าตาย มองเขาอย่างไม่มั่นใจ ก็ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่หรือที่เคย...ขโมยจูบแรกจากเธอไป ไหนจะฉวยโอกาสกับเธอตรงท่าน้ำเมื่อตอนหัวค่ำนั่นอีกล่ะ
“ถ้าเธอช้า ก็จะเหลือเวลานอนพักน้อยลงเรื่อยๆ นะ”
หญิงสาวยังเงียบ เลี่ยงที่จะไม่มองสบตาเขาตรงๆ
“ก็ถ้าจะยืนอยู่ตรงนั้นทั้งคืนก็เอา”
“จริงๆ ฉันก็ง่วงแล้วนะคะ แต่ว่าความจริงแล้วคุณไม่ต้อง...ก็ได้”
“กลัวฉันหรือยังไง”
“ก็ฉัน...เป็นผู้หญิง” อีกฝ่ายอ้อมแอ้มตอบ
“ก็ยังแปลว่ากลัวอยู่ดี ทำไมถึงได้คิดว่าฉันจะต้องอยากปล้ำเธอ”
“คุณเอเดียล!” วันนี้ทั้งวัน เขาทำให้เธออุทานชื่อนี้ซ้ำๆ เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้
“ฉันเปล่านะคะ...”
“เปล่าอะไร เปล่าคิดว่าฉันอยากจะนอนกับเธอน่ะหรือ”
“ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะคะ”
จันทร์เจ้ายิ่งจะตกใจไปกันใหญ่ เขาก็รู้ดีแก่ใจ จะต้องพูดออกมาทำไมกันนะ
“แล้วมันจริงไหมล่ะ”
“ฉันไม่อยากเถียงกับคุณเรื่องนี้แล้ว กรุณาหลีกทางให้ด้วยค่ะ”
เจ้าของร่างบางพยายามทำใจกล้า ก้าวเท้าเข้าไปใกล้กับประตูอีกนิด เอเดียลเองไม่ถึงกับหลบไปห่าง เขาแค่เบี่ยงตัวโตๆ ของตนเพื่อที่จะเปิดทางให้หญิงสาวสามารถจะผ่านเข้าห้องไปได้เท่านั้น จันทร์เจ้าเองก็ตั้งใจเช่นนั้น ถ้าเธอเข้าไปข้างในได้ ก็จะปิดประตูล็อกกลอนให้หมดเรื่องกันที หญิงสาวลอบสูดหายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี ก่อนจะเดินตัวปลิวตรงเข้าไป หากทันใดนั้น วงแขนของคนที่ตีหน้าเฉยก็เอื้อมเร็วมาเกี่ยวรัด ร่างบางเสียหลักหมุนคว้างเข้าไปหา สะเอวเล็กของเธอถูกกดให้แนบชิดไปกับสรีระช่วงเอวไปจนเกือบจะถึงแผ่นอกของเขาแนบแน่น
“อุ๊ย คุณ!”
หลังอาการตกใจ หญิงสาวก็พยายามดิ้นรน แต่เอเดียลเองยังไม่ได้มีความคิดที่จะปล่อยมือจากเธอในตอนนี้
“ดิ้นไปก็เหนื่อยเปล่าน่ะจันทร์เจ้า”
“คุณจะทำอะไรคุณเอเดียล ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคะ!”
คนว่าไม่กล้าทำอะไรรุนแรง เพราะเกรงว่าอาจจะกระทบกระเทือนถึงแผลที่สีข้างของเขา
“ฉันบอกไปแล้วไง ว่าแค่จะมาส่งเธอเข้านอนเท่านั้น เป็นเธอเองนะที่ทำให้ทุกอย่างมันต้องยืดเยื้อแบบนี้”
ดูเถอะ เรื่องอะไรเขาถึงมาโยนความผิดให้เธอแบบนี้
“ฉันทำอะไร คุณต่างหากล่ะคนชอบฉวยโอกาส”
“กล้าว่าฉันหรือ”
ตาสีอ่อนหากคมปลาบคู่นั้นจ้องลงยังนัยน์ตาทั้งสองของเธอเขม็ง
“ก็คุณกล้าทำแบบนี้กับฉันก่อนนี่คะ”
“ทำแบบไหน”
“ก็...ก็แบบนี้ไง คุณ...กอดฉัน”
จันทร์เจ้าโวยใส่ แต่ไม่รู้ทำไม เสียงที่เธอตั้งใจจะให้ตะเบ็งให้ดังมันถึงได้กลายเป็นแหบหายไปจนเกือบจะไม่เหลืออย่างนี้
“ถูก ฉันกำลังกอดเธออยู่ และไม่ใช่แค่กอดเท่านั้นนะ แต่จะจูบเสียอีกด้วย”
คนว่ายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ตรงมุมปาก ใบหน้าขาวคมฉกวูบลงมาหา อีกฝ่ายตั้งท่าจะสะบัดหนี แต่มันก็ไม่ทันการณ์
“คุณเอเดียล อะ...อื้อ.ออ.อ..”
หญิงสาวตาโตเมื่อถูกเขาจู่โจมแบบไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้ หากอาการตัวแข็งและขัดขืนก็ค่อยๆ อ่อนลงลงเกือบจะเป็นยืนนิ่งๆ ให้เขาทำอะไรๆ ได้ตามใจชอบ ริมฝีปากของเอเดียลไม่เพียงแต่จะแตะลิ้มเพื่อชิมรสกลีบปากอิ่มเล็กของเธอเหมือนอย่างเช่นในคราแรกเท่านั้น หากมันกลับทั้งกดทั้งคลึงและหยอกเย้าให้คนที่ปากบอกว่าไม่เต็มใจได้เผลอตัวจูบตอบเขาไปในแบบที่เธอทำได้ และเจ้าอาการตอบสนองที่ไม่ค่อยจะ ‘เป็น’ เท่าไรของเธอนี่ล่ะ ที่สร้างทั้งเสียงหัวเราะ และความพึงพอใจให้กับฝ่ายที่รุกรานได้เป็นอย่างดี
“เบบี้ คิส”
เอเดียลหยุดเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนสรุปออกมาว่าอย่างนั้น
“คุณ...” เสียงของจันทร์เจ้าฟังดูคล้ายกับคนละเมอ แต่ผู้ที่คุมเกมก็ไม่ปล่อยให้หญิงสาวได้ตั้งสติ คราวนี้เขากดจูบสะท้านใจลงมาใหม่อีกครั้ง หยอกเย้าเคล้าคลอเรียวปากนั่นได้เพียงครู่เดียว ปลายลิ้วลื่นๆ ก็ถูกส่งเข้าสำรวจความหวานจากภายใน อาการตวัดรัดรึงผสานกับชอนไช ทำให้ขาทั้งสองของสาวพรมจรรย์อย่างจันทร์เจ้าอ่อนยวบ จึงเป็นหน้าที่หลักของอ้อมกอดอุ่นๆ ของเอเดียลี่จะทวีความกระชับรัดรึงร่างน้อยเอาไว้ให้แน่น
“ได้เวลานอนแล้ว...สาวน้อย”
เสียงทุ้มกระซิบบอกบางเบา ก่อนที่หญิงสาวจะรู้สึกว่าทั้งตัวกำลังลอยละล่องขึ้นชนิดเท้าไม่ติดพื้น และก็เป็นเจ้าของอ้อมอกที่เธออิงซบอยู่นั่นล่ะ เขากำลังย่อตัวแล้วค่อยช้อนเอาเธอขึ้นมาอุ้ม ช่วงขายาวๆ พาก้าวตรงไปยังเตียงนอนกว้างกลางห้อง และทั้งที่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรต่อ รวมถึงรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดและไม่สมควรมากสักเพียงไหน แต่เวลานี้จันทร์เจ้าเองก็ไม่มีเรี่ยวแรงหรือสติสัมปชัญญะมากพอที่จะร้องห้าม เธอยอมรับว่ามันมีทั้งความรู้สึกอยากลองและความหวั่นหวาดปนเปกันไป นี่ใช่ไหมนะ ที่เขาเรียกกันว่าความอ่อนหัด...ขณะที่อุ้มเธอขึ้นมา เอเดียลเองก็ยังไม่ยอมจะถอดถอนริมฝีปากออกด้วยซ้ำ กระทั่งค่อยผ่อนร่างเธอลงนอนกับฟูกหนา ร่างสูงก็ยังตามลงมาทาบเกยอยู่ครึ่งๆ
“จันทร์เจ้า...” เสียงห้าวทุ้มฟังดูสั่นนิดๆ
“ขะ...คุณ...” ร่างน้อยรีบดีดตัว ถดขึ้นไปจนเกือบจะชิดกับหัวเตียง คนตัวโตยังกระเถิบตามติด เขาคร่อมแขนทั้งสองกักตัวเธอเอาไว้ ตาคมๆ มองกริยานั้นอย่างเอ็นดู ก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่ม
“หวานอะไรอย่างนี้นะจันทร์เจ้า”
“ยะ...อย่าทำอย่างนี้กับฉัน...เลยนะคะ ฉันขอร้อง”
เพราะถ้าเขาคิดจะทำจริงๆ เธอก็คงจะไม่มีทั้งเรี่ยวแรงและสติมากพอจะปัดป้องขัดขืน ผู้ชายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และแรงดึงดูดทางเพศอย่างมหาศาล มันน่ากลัวและอันตรายสำหรับผู้หญิงสาวอย่างนี้นี่เอง
“ก็บอกแล้วไง...อย่ากลัว ฉันแค่จะส่งเธอเข้านอนอย่างเดียวเท่านั้น”
“งั้นคุณก็...อะ...ออกไปได้แล้วน่ะสิคะ”
“ยัง เธอยังไม่ได้ห่มผ้าเลยนะ...มา”
คนพูดขยับตัว ก่อนจะหันไปเอื้อมหยิบเอาผ้าห่มนวมสีขาวสะอาดตา ซึ่งถูกวางพับอย่างเรียบร้อยอยู่ตรงปลายเท้ามาคลี่ออก
“นอนลงสิ”
จันทร์เจ้ายังไม่ยอมทำตามที่เขาบอก
“งั้นฉันก็จะนั่งอยู่อย่างนี้ไม่ลุกไปไหน”
ไม่พูดเปล่า เพราะปลายนิ้วเรียวๆ แข็งๆ ของเขายังตามมาไต่ไล้หัวไหล่มนและต้นแขนนวลแบบวกไปวนมาอย่างช้าๆ จันทร์เจ้ารู้สึกว่าตนเองคงกำลังจะขนลุกซู่ไปด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วนอันบรรยายไม่ถูก
“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ” ที่สุด หญิงสาวก็จำต้องเสี่ยงทำตามอย่างที่เขาต้องการ ร่างบอบบางที่เขาซึ้งดีแก่ใจว่านุ่มนิ่มเพียงไหนก็ค่อยขยับเพื่อจะทอดตัวลงนอน สองตากลมโตยังคงจับนิ่งมาที่เขาอย่างหวั่นๆ เอเดียลอมยิ้ม แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ก่อนมือใหญ่จะจัดการดึงผ้าห่มมาคลุมให้เธอถึงกลางอก จันทร์เจ้าเริ่มอึดอัดเมื่อเขายังคงชะโงกเงื้อมอยู่เหนือตัวเธออย่างในเวลานี้ เอาอีกแล้ว...หญิงสาวใจเต้นโครมครามแทบจะต้องกลั้นหายใจ เธอหลับตาแน่น เมื่อเห็นว่าเขากำลังกำลังค่อยโน้มใบหน้าลงมาหาอย่างช้าๆ
“ฝันดีนะ” คนพูดแตะจุมพิตบางเบาลงกับหน้าผากของเธอ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น และยอมเดินออกไปจากห้องนี้แต่โดยดี มันดีถึงขนาดไม่ยอมแม้แต่จะหันกลับมามองเธออีกเลยแม้แต่น้อย ก็ดีแล้วนี่จันทร์เจ้า...ดีที่เธอยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ดีที่เขาเองก็ยังมีความเป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะไม่ล่วงล้ำก้ำเกินเธอไปมากกว่านี้ หญิงสาวบอกกับตนเองในใจ อกใจมันยังไม่หายจากอากรสั่นหวั่นไหว ไม่นาน เจ้าตัวถึงได้ผล็อยหลับไปเพราะความอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและความคิดมาตลอดทั้งวัน...

รุ่งเช้า...แม้ว่าราชองครักษ์ทั้งสี่นายจะทั้งงุนงงและออกจะรู้สึกว่าไม่เห็นด้วยกับเรื่องราวที่เจ้าชายของพวกเขาได้ตัดสินพระทัยทำลงไป แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้กล้าที่จะออกความคิดเห็นหรือแสดงการต่อต้านคัดค้านแต่ประการใด พวกเขาได้แต่ทำตามพระบัญชา ว่ายังไงก็จะต้องพาสาวไทยคนนี้กลับไปที่อัลดูซาร์ด้วยให้จงได้
“แล้วอย่างนี้เรื่องมันจะไม่ยุ่งกันไปใหญ่หรือฟาฮัด”
ซีราห์หันไปถามคู่หูอย่างเป็นกังวล
“ท่านต้องถามว่าเรื่องมันจะยุ่งหรือวุ่นวายกันมากแค่ไหนถึงจะถูก”
“แล้วท่านคิดว่า เจ้าชายจะทรงโปรดปรานคุณจันทร์เจ้าแบบจริงจังหรือเปล่าล่ะ”
ก็คำถามนี้ไม่ใช่หรือ ที่ไม่ว่าใครต่างก็สนใจอยากจะรู้ด้วยกันแทบทั้งนั้น หากฟาฮัดเองก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถให้คำตอบอะไรได้
“ถามตัวท่านเองก็น่าจะมีคำตอบนะซีราห์ แต่ไหนแต่ไรมา เจ้าชายเอเดียลทรงมีแต่อิสตรีวิ่งเข้าใส่ ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เราหรือท่านจะเห็นพระองค์ทรงเป็นเช่นในเวลานี้ แต่เรื่องแบบนี้มันก็พูดยาก ยังตัดสินลงไปไม่ได้หรอกว่าพระองค์จะทรงดำริเล่นๆ หรือว่าจะจริงจัง”
“แล้วถ้าจริงจัง เรื่องมันจะเป็นไปได้ยังไงกัน คุณจันทร์เจ้าเป็นสามัญชน แถมยังต่างทั้งเชื้อชาติและภาษาแล้วก็ศาสนาเสียอีกด้วยนะ” ซีราห์อดคิดไปถึงเรื่องในวันข้างหน้าไม่ได้
“นั่นมันเรื่องของอนาคต ถามตอนนี้ก็ไม่มีใครตอบได้หรอก ข้าว่า...แม้กระทั่งองค์ชายเองก็เถอะ คงยังตอบองค์เองไม่ได้เหมือนกัน” ฟาฮัดให้ความเห็น
“เพราะอะไร นี่พระองค์เป็นผู้ตัดสินพระทัยเองนะ แล้วจะไม่รู้ได้ยังไงกันล่ะฟาฮัด” อีกฝ่ายยังไม่อยากเชื่อ
“ก็ถ้าทรงรู้พระทัยองค์เองจริง ป่านนี้ก็คงเลือกที่จะบอกความจริงทั้งหมดกับคุณจันทร์เจ้าไปแล้วน่ะสิ โดยพื้นฐานมนุษย์เรา...ถ้าลองได้รักใคร ก็มักที่จะแสดงความจริงใจออกมาให้คนๆ นั้นเขาได้เห็นเสียแต่เนิ่นๆ หรือท่านว่าที่ข้าพูดนี่มันไม่จริงล่ะซีราห์”
ต้องอย่างนี้ล่ะ พูดกับราชองครักษ์ซีราห์ มันต้องหาเหตุหาผลมาแสดงให้รู้กันหน่อย
“อืม...นั่นสิ ถูกอย่างที่ท่านว่านะฟาฮัด ถ้าเรารักใคร เราก็ต้องแสดงออกให้เขารู้แล้วก็เชื่อมั่นในความจริงใจของเราตั้งแต่แรก ถ้าอย่างนั้น...” เจ้าตัวครุ่นคิด ก่อนดีดนิ้วเปาะ
“นี่มันก็ต้องแปลว่าเจ้าชายไม่ได้จะทรงจริงจังอะไรกับคุณจันทร์เจ้าคนนี้น่ะสิใช่ไหม”
ทว่าคู่หูกลับส่ายหน้า พร้อมกับถอนหายใจดังเฮือก
“ดูท่านจะคิดมากแล้วก็เลอะเทอะเกินไปแล้วนะซีราห์ เรื่องนี้น่ะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านหญิงโซมินยาไม่ดีกว่าหรือ เหตุการณ์มันยังมาไม่ถึง ไม่มีใครรู้อะไรทั้งนั้นล่ะ อย่าเดาสุ่มมั่วซั่วสิ เอาละ...เดี๋ยวข้าจะไปดูเอซาร์กับคนของโรงแรมเขาจัดเก็บสัมภาระขึ้นเครื่องกันสักหน่อย ท่านเองก็เตรียมตัวขึ้นประจำที่ได้แล้วนะ”
ฟาฮัดตัดบท ก่อนจะก้าวเร็วๆ ไปจากที่ตรงนั้น ทีนี้ก็เหลือแต่เฉพาะซีราห์ เขาทำท่าโค้งคำนับให้กับเจ้าชายหนุ่ม พร้อมกับหันไปส่งยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตรให้กับสาวชาวไทยซึ่งกำลังก้าวเท้าตามเข้ามา
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหมซีราห์”
“พะย่ะ...เอ่อ...ครับคุณเอเดียล”
มีร่องรอยตำหนิจากสายพระเนตรคู่คม ค่าที่องครักษ์ประจำพระองค์มักจะหลงๆ ลืมๆ ใช้คำราชาศัพท์ที่เคยชินอยู่ทุกคราที่เผลอไผล
“งั้นก็ได้เวลาออกเดินทางแล้ว”
“ครับ เอ...นั่นคุณชาญณรงค์กับภรรยานี่ครับ”
สองหนุ่มสาวเหลียวกลับไปมอง เจ้าของโรงแรมสยามธานีกับภรรยากำลังมุ่งหน้าตรงมาหา
“คงมาส่ง” เอเดียลว่า
“ขอให้...ท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพนะเอเดียล”
ชาญณรงค์เอ่ยขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มในทันทีที่เดินมาถึงตัว
“คุณด้วยนะคะคุณจันทร์เจ้า ส่วนเรื่องลาออกจากงานทางนี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วงไป เดี๋ยวฉันจะให้คนจัดการเอาจดหมายของคุณไปส่งให้กับทางผู้อำนวยการโรงเรียน แล้วก็จะให้เขาอธิบายเหตุผลแล้วก็ความจำเป็นให้ทางนั้นฟังตามสมควรเองค่ะ”
ภรรยาของชาญณรงค์บอก เธอเองก็ค่อนข้างจะเข้าใจในเรื่องที่ได้รับฟังมาจากสามี แม้ลึกๆ จะอดเป็นห่วงเส้นทางชีวิตและความเป็นไปในภายภาคหน้าของสาวน้อยคนนี้ไม่ได้ก็ตาม ก็เกิดมาสวยนี่นะ แถมยังบังเอิญไปต้องตาต้องใจบุรุษผู้ซึ่งดำรงศักดิ์ฐานะอันเหนือกว่าคนธรรมดามากมายอย่างเจ้าชายเอเดียล เป็นธรรมดา ที่ความเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะในทางไหน ดีหรือร้าย สุขหรือทุกข์ มันก็ย่อมจะต้องวิ่งเข้ามาหาตัวเป็นแน่แท้ แต่ยังไงก็ตาม น้ำทิพย์ก็ยังจะแอบเอาใจช่วยและติดตามข่าวคราวของเธออยู่ห่างๆ จากผู้เป็นสามีนี่ล่ะ
“ขอบพระคุณคุณน้ำทิพย์มากนะคะ ดิฉันรบกวนคุณแท้ๆ เลย”
จันทร์เจ้าบอกอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็คุณ...มีความจำเป็นต้องไปแบบกะทันหันนี่คะ”
“ขอบใจอีกครั้งนะชาญณรงค์คุณน้ำทิพย์ ทั้งเรื่องที่พักแล้วก็ลานจอดกว้างขวางเป็นส่วนตัวนี่ด้วย สองคนสะดวกเมื่อไร เชิญที่อัลดูซาร์ได้ทุกเมื่อเช่นกันนะ”
บิ๊กบอสของสยามธานียื่นมือไปจับกับเอเดียลตามอย่างมารยาทสากล หากแต่น้ำทิพย์นี่สิ เธอเก้อเงอะงะไปนิด เมื่อเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองเกือบจะเผลอถอนสายบัวงามๆ ตามแบบฉบับหญิงไทยซึ่งเคยทำอยู่เสมอเมื่อได้มีโอกาสเข้าเฝ้าเจ้าชายพระองค์นี้ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี จันทร์เจ้าไม่สงสัย ไม่รู้ความจริงอะไรสักอย่างเกี่ยวกับกลุ่มคนที่กำลังจะพาเธอมุ่งหน้าสู่อัลดูซาร์ ดินแดนแห่งทะเลทรายอันไกลโพ้น ซึ่งเธอไม่เคยแม้แต่จะได้สัมผัสหรือรู้จักลึกซึ้งมาก่อนเลยในชีวิต ทุกก้าวนับจากนี้ไปคือความเสี่ยง มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอจะสามารถยึดเอาไว้เป็นที่พึ่งพาได้ในยามยาก สิ่งนั้น หรือคนๆ นั้นก็คือมหาเศรษฐีหนุ่มที่ชื่อเอเดียล ผู้ที่ได้ยื่นข้อเสนอพร้อมทั้งความช่วยเหลือทั้งหมดนี้มาให้กับตัวเธอ...

ผ่านเวลาอันยาวนานร่วมเจ็ดชั่วโมงที่จันทร์เจ้าต้องนั่งเคียงข้างมากับเอเดียลบนเครื่องบินส่วนตัวของเขา หญิงสาวมีอาการเมาเครื่องบ้างเล็กน้อย ทั้งที่ตั้งใจกินยากันเอาไว้ล่วงหน้าแล้วก็ตาม
“ไหวนะ” คนข้างกายถามเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ แล้วอีกนานไหมคะ กว่าเครื่องจะลงจอด”
“สักพัก นี่เธอยังมีอาการอยู่อีกหรือ มานี่มา หลับตา...แล้วก็เอนตัวมาทางนี้”
เขาแตะไหล่ รั้งเล็กน้อยให้คนตัวเล็กเอนกายเข้ามาใกล้ ใจจริงจันทร์เจ้าเองก็อยากจะบอกปัด แต่อาการท้องไส้ปั่นป่วน บวกกับความรู้สึกคล้ายๆ จะผะอืดผะอมที่ยังคงคอยตามมารบกวนอยู่เป็นระยะ ทำให้หญิงสาวไม่มีเรี่ยวแรงอะไรจะไปต่อต้านหรือตั้งป้อมหาว่าเขาคอยฉวยโอกาสและคิดอกุศล เพราะอย่างนั้น เธอจึงรู้สึกดีขึ้นจากเดิมมาก เมื่อค่อยเอนตัวซบมายังท่อนแขนล่ำสัน พร้อมกันกับที่ยาดมซึ่งมีกลิ่นค่อนข้างจะคุ้นจมูกคอยร่อนตามมาจดจ่อให้สูดดมอยู่ใกล้ๆ ไม่ทิ้งระยะ กระทั่งเวลาผ่านไปครู่ใหญ่อย่างที่เขาว่า นักบินก็พาทุกคนมาจนเกือบถึงที่หมาย ได้เวลาที่จะเอาเครื่องลงจอด และสนามบินใหญ่ใจกลางเมืองแห่งรัฐอัลดูซาร์ก็คือสุดสายปลายเส้นทาง
“รัดเข็มขัดหน่อยนะจันทร์เจ้า”
เธอยังได้ยินเสียงเขาเตือนให้ทำโน่นจัดนี่อยู่เป็นครั้งคราวเหมือนก้าวแรกที่เพิ่งเหยียบย่างขึ้นมา จนครั้งหลังสุด ก็คือก่อนเวลาที่ใกล้เครื่องจะร่อนลงนี่ล่ะ
“อะ...เอ่อ...ค่ะ”
นี่ก็เป็นอีกครั้ง ที่คนเพิ่งจะเคยมีโอกาสบินข้ามพรมแดนเป็นครั้งแรกออกอาการเงอะงะ และก็เป็นเอเดียลอีกล่ะ ที่ใจดีคอยอาสาทำแทนให้อย่างไม่บ่นว่าใดๆ
“มา ฉันเอง” เขารัดเข็มขัดให้ และเจ้าของมือใหญ่ก็ไม่วายรุ่มร่าม โดยการที่ค่อยเลื่อนฝ่ามือขึ้นมาช่วยปัดปอยผมยาวนุ่มที่รุ่ยร่ายจนตกระกรอบใบหน้าตาสวยๆ หวานๆ ให้พ้นไป การกระทำของเขาทำเอาจันทร์เจ้าหายใจสะดุด ก่อนจะก้มหน้าก้มตาบอกไปเบาๆ ว่า
“เอ้อ...ขอบคุณนะคะ”
คนพูดรีบเสเบือนไปมองนอกหน้าต่าง ก็ดูจากเจตนา เอเดียลน่าจะหวังดี มากกว่าที่จะคิดเอาเปรียบเธออย่างตอนที่อยู่ที่โรงแรมแล้วก็ท่าน้ำนี่นะ เถอะ...ยังไงก็ตาม มหาเศรษฐีหนุ่มลูกครึ่งที่ชื่อเอเดียล เขาจะได้มีโอกาสมือไวใจเร็วกับเธอก็เพียงแค่เวลาที่อยู่บนเครื่องเท่านี้ล่ะ พอประเดี๋ยวเธอได้เข้าที่พัก ก็คงจะถึงเวลาที่ต่างคนต่างอยู่ห่างๆ กันได้เสียที ไม่ต้องมีอะไรที่จะให้เธอต้องทนระวังปนหวาดระแวงจากการกระทำของผู้ชายคนนี้อีกแล้ว หญิงสาวบอกตนเองในใจ ไม่ช้า...เครื่องก็ค่อยลดระดับลงต่ำจนเธอรู้สึกได้...



ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ค. 2555, 20:13:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ค. 2555, 20:13:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 4493





<< ความช่วยเหลือที่จริงใจ?   ไปไม่รอด >>
ลียา 27 พ.ค. 2555, 20:14:30 น.
คุณผักหวาน..ขอบคุณนะคะที่ยังติดตามกันอยู่^^


ลียา 27 พ.ค. 2555, 20:15:20 น.
ตอนใหม่มาแล้วนะคะคุณ Longah


ลียา 27 พ.ค. 2555, 20:20:42 น.
คุณแว่นใส คุณนกขมิ้น..ตอนใหม่มาส่งแล้วค่ะ แต่คงจะอัพไปจนบทสุดท้ายไม่ได้ ต้องขออภัยจริงๆ นะคะ (คิดว่าคงจะลงให้หมดไม่ทัน เพราะยังเหลืออีกหลายตอนค่ะ)ตอนนี้กำลังเร่งรีไรท์ หนังสือมีกำหนดจะออกกับสนพ.สีแทน (ในเครือสนุกอ่าน)ช่วงกลางเดือนหน้านี้แล้วค่ะ ยังไงจะอัพให้อ่านต่อ และจะแจ้งข่าวให้ทราบอีกทีนะคะ..ขอบคุณทุกคนค่ะ


longah 27 พ.ค. 2555, 22:11:13 น.
สนุกมากๆเเลยค่ะ ชอบมากจริงๆเรื่องนี้ ^^


นกขมิ้น 27 พ.ค. 2555, 22:55:36 น.
รอติดตามจ้า


แว่นใส 28 พ.ค. 2555, 08:08:36 น.
ช่างทำร้ายจิตใจสาวน้อยเสียจริงนะ


teesaparn 29 พ.ค. 2555, 11:43:09 น.
ว้าวๆ ตอนใหม่มาแล้ว
เออ...แบบว่าหนังสือในซีเอ็ดหายากมาก แต่ก่อซื้อมาแล้วเน้อเจ้า(ตี้บอกไว้) รอถึงงานหนังสือบ่ะไหว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account