รถด่วนขบวนสุดรัก
ชีวิตนี้เคยต้องรออะไรนานๆ มั้ยคะ โดยเฉพาะรอดูว่าเมื่อไหร่พ่อเนื้อคู่ตุนาหงัน โซลเม็ทของฉันจะโผล่มาเซอร์ไพรส์ในชีวิตจริงเสียที เพราะนั่งรอ นอนรอ ตบยุงรอมาก็หลายปีดีดักแล้ว รอไปก็กังวลไป สงสัยว่าชาตินี้ฉันคงจะได้ขึ้นคานแหงๆ
การรอคอยบางทีทรมานกว่าผลลัพธ์ แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีเหมือนรถด่วนขบวนสุดรักขบวนนี้ บางที...การ (อดทน) รอก็อาจจะให้ดอกผลที่น่าชื่นใจกว่าก็ได้
อย่าไปกังวลเลยค่ะว่าเราจะไปไม่ทันรถด่วนขบวนสุดท้ายหรือเปล่า ขอให้พากันสมัครใจไปกับ รถด่วนขบวนสุดรัก กันดีกว่า
Dear someone,
If love (still) kept you standing at the station when the last train's gone by…, then I thought maybe walking was better ‘coz we were the master of our choices.
So, do you wanna walk…?
การรอคอยบางทีทรมานกว่าผลลัพธ์ แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีเหมือนรถด่วนขบวนสุดรักขบวนนี้ บางที...การ (อดทน) รอก็อาจจะให้ดอกผลที่น่าชื่นใจกว่าก็ได้
อย่าไปกังวลเลยค่ะว่าเราจะไปไม่ทันรถด่วนขบวนสุดท้ายหรือเปล่า ขอให้พากันสมัครใจไปกับ รถด่วนขบวนสุดรัก กันดีกว่า
Dear someone,
If love (still) kept you standing at the station when the last train's gone by…, then I thought maybe walking was better ‘coz we were the master of our choices.
So, do you wanna walk…?
Tags: เนื้อคู่ รถด่วนขบวนสุดท้าย ณนวล มัชฌิชา ภาณุวัฒน์
ตอน: ♥ บทที่ 14
หญิงสาวเดินตรงลิ่วเข้าไปหาภาณุวัฒน์ที่ห้องทำงานของเขาทันทีที่รู้จากดรุณีว่าพี่ชายใหญ่ของหล่อนมาทำงานแล้ว ดาริกาอยากรู้นักว่าเมื่อคืนนี้ชายหนุ่มไปไหนมาถึงได้ไม่ยอมกลับไปทานข้าวเย็นที่บ้าน หล่อนรึอุตส่าห์รีบกลับไปช่วยคุณประไพพิศ มารดาของเขาเตรียมอาหารเสียดิบดี ตั้งสำรับรอท่าอยู่ตั้งนานกว่าที่เขาจะโทรศัพท์มาบอกมารดาว่าจะกลับดึก ไม่ต้องรอทานข้าวด้วย
ดาริกาขัดเคืองใจจนไม่อยากพูดอะไรกับเขาในตอนนั้น หล่อนจึงนั่งทานข้าวเป็นเพื่อนคุณน้าประไพพิศไปเงียบๆ ไม่ร่าเริงช่างพูดช่างคุยเหมือนตอนก่อนหน้า ทานเสร็จแล้วหญิงสาวก็ขอตัวลากลับเกือบจะทันที
“พี่ใหญ่คะ เมื่อคืนพี่ใหญ่ไปไหนมาคะ”
ภาณุวัฒน์เงยหน้าจากแฟ้มเอกสารเบื้องหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียงที่บัดนี้ทรุดนั่งอยู่ตรงหน้า ท่าทางกระเง้ากระงอดบอกว่าเจ้าหล่อนไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่นัก ถ้าเช้านี้ภาณุวัฒน์อารมณ์ไม่ดี ดาริกาก็คงจะโดนดุเอาง่ายๆ ที่เจ้าหล่อนเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของเขาอย่างนี้ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มอารมณ์ดีจึงไม่อยากจะถือสา
“พี่ไปทำธุระมานิดหน่อยน่ะ น้องรินมีอะไรกับพี่หรือเปล่าครับ”
“น้องรินไม่ได้มีธุระอะไรหรอกค่ะ แค่ไปรอทานข้าวเย็นด้วยเท่านั้นแหละ” ดูเหมือนว่าดาริกาจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบที่ได้รับสักเท่าไหร่ เจ้าหล่อนเลยสะบัดเสียงใส่เขาในประโยคนี้
“น้องรินไม่เห็นบอกพี่เลยนี่นาว่าจะไปทานข้าวที่บ้านด้วย ไม่อย่างนั้นพี่ก็คงจะบอกแล้วว่า...อย่าไปเลย พี่มีธุระ คงกลับดึก”
ชายหนุ่มย้อนกลับน้ำเสียงล้อๆ แต่จงใจหมายความตามนั้นจริงๆ ดาริกาพอจะจับสัญญาณแฝงของเขาได้จึงคลายทีท่าไม่พอใจลงไปจนหมด เหลือไว้แต่ความน้อยอกน้อยใจในน้ำเสียงและแววตาแทนเท่านั้น
“ก็น้องรินอยากจะทำให้พี่ใหญ่ประหลาดใจนี่คะ ก็เลยไม่ได้บอก”
“อีกอย่าง ช่วงนี้คุณน้าก็ดูเหงาๆ ไปด้วย น้องรินก็เลยอยากไปทานข้าวเป็นเพื่อนคุณน้า เวลาพี่ใหญ่ไม่กลับมาทานข้าวที่บ้าน คุณน้าก็ต้องทานคนเดียว น่าสงสารออกค่ะ น้องรินก็เลยเป็นห่วง”
“ห่วงทั้งคุณน้า แล้วก็เป็นห่วงพี่ใหญ่ด้วย” พอพูดมาถึงประโยคนี้เจ้าตัวก็กลับมาทำเสียงงอนๆ ใส่ชายหนุ่มอีก แต่คราวนี้ภาณุวัฒน์นึกขำอาการของคนตรงหน้าขึ้นมาจริงๆ
“จ้า... พี่ต้องขอบใจน้องรินมากเลยนะคะที่อุตส่าห์เป็นห่วง”
“นี่พี่ใหญ่ประชดรินเหรอคะ” หญิงสาวแหวใส่ทันทีที่ชายหนุ่มเริ่มทำมาพูดจาคะขากับหล่อนอย่างเมื่อกี้นี้ เพราะนี่ไม่ใช่ปกติวิสัยของชายหนุ่มเลยสักนิด
“ไม่ได้ประชดสักกะหน่อย น้องรินใจดีกับพี่ขนาดนี้แล้วพี่จะไปทำประชดใส่ได้ยังไงล่ะ” ชายหนุ่มเถียงกลับมายิ้มๆ ยิ้มทั้งปากและดวงตาเลยทีเดียว
“ก็ได้ ต่อไปรินจะไม่สนใจไยดีพี่ใหญ่อีกแล้วก็ได้ ไม่ต้องมาพูดกันอีกเลยนะ จำเอาไว้เลยด้วย” จบคำแล้วคนขี้งอนก็ทำท่าจะลุกหนีออกไปหากแต่ภาณุวัฒน์ไวกว่าก็อ้อมโต๊ะมาคว้าแขนดาริกาเอาไว้ได้เสียก่อน
“โอ๋... ทำไมน้องรินของพี่ถึงได้ขี้ใจน้อยขนาดนี้เนี่ย พี่ใหญ่ยังไม่ได้ว่าอะไรซักคำเลยนะคะ”
“อย่าโกรธกันเลยนะ เดี๋ยววันนี้พี่ใหญ่จะพาไปเลี้ยงข้าวกลางวันเป็นการไถ่โทษ ...น้องรินคนดีหายโกรธพี่ใหญ่เถอะนะครับ”
ดาริกามองคนร่างสูงที่เฝ้าง้องอนเหมือนอย่างที่พี่ใหญ่ของหล่อนเคยทำมาเสมอในยามที่ทั้งหล่อนและเขายังเป็นเด็กด้วยกันทั้งคู่
...พี่ชายใหญ่ก็ยังเป็นพี่ชายใหญ่ของหล่อนอยู่วันยังค่ำ ดาริกาบอกตัวเองก่อนจะแอบยิ้มอย่างปลื้มๆ หายโกรธขึ้นมาทันที
“ก็ได้ น้องรินจะยอมยกโทษให้สักครั้งก็ได้ แต่พี่ใหญ่ต้องพาน้องรินไปกินอาหารญี่ปุ่นนะ น้องรินอยากกินมาตั้งหลายวันแล้วยังไม่มีโอกาสได้ไปเสียที วันนี้แหละ น้องรินจะล้มทับพี่ใหญ่ล่ะ”
“ได้เลย ตัวเท่าเมี่ยงแค่นี้ ถึงจะล้มทับทั้งตัวก็ไม่ทำให้พี่เจ็บขึ้นมาได้หรอก”
“แน่ใจนะคะว่าจะไม่เจ็บ ถ้ารินล้มทับขึ้นมาจริงๆ แล้วพี่ใหญ่จะหนาว” เจ้าตัวทำลอยหน้าลอยตาขู่
“เอาเถอะ ถ้าหนาวมาก พี่จะหาเสื้อหนาๆ ใส่ไว้รอเลยก็แล้วกันนะ ไปทำงานได้แล้วไป” ชายหนุ่มบอกทิ้งท้ายก่อนจะไล่น้องสาวตัวกวนให้ไปทำการทำงานเสียที
“เจ้าค่ะ นายใหญ่ ไปเดี๋ยวนี้แล้วค่า” ดาริการับคำสั่งอย่างแย้มยิ้มยินดีก่อนจะเดินตัวปลิวออกจากห้องของชายหนุ่มไป
ถึงอย่างไร พี่ชายใหญ่ของหล่อนก็ใจดีที่สุด น่ารักที่สุดในโลกอย่างนี้อยู่แล้ว หญิงสาวบอกกับตัวเองโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะโดนใครบางคนแอบขี้โกงในภายหลัง
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
ชานนท์เดินเข้ามาในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนั้นอย่างคุ้นเคยเพราะเขาเคยมานั่งทานอาหารที่นี่บ่อยๆ หยุดกวาดสายตาไปรอบๆ ร้านอยู่ชั่วครู่เขาก็เจอกลุ่มเป้าหมายเข้าจนได้ ภาณุวัฒน์กับสาวน้อยหน้าแฉล้มคนนั้นนั่งอยู่มุมด้านใน หลบจากสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ดีไปกว่าที่เขาจะหาเจอได้หรอก ชานนท์บอกกับตัวเองก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาคนทั้งคู่
“อ้าว ชานนท์ นั่งก่อนสิ” ภาณุวัฒน์บอกคนที่เดินมาหยุดอยู่ตรงโต๊ะอย่างกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
“น้องริน นี่เจ้าชานนท์ เพื่อนพี่”
ชายหนุ่มหันมาแนะนำคนที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขากับดาริกาที่ตอนนี้ทำหน้างงๆ อยู่ ไม่ใช่เพราะว่าหล่อนไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร แต่หล่อนสงสัยว่าทำไมนายชานนท์อะไรนี่จะต้องมานั่งเป็นก้างขวางคอหล่อนกับพี่ใหญ่ด้วย ไม่รู้จักกาลเทศะบ้างหรือยังไงก็ไม่รู้ คนอะไร !
“เราเคยรู้จักกันแล้วนี่คะ”
“จริงไหมคะ คุณชานนท์ เวศน์ไพศาล” เจ้าหล่อนหันมาถามกับชานนท์เสียงซื่อ แต่ไม่รู้ทำไมถึงทำให้เขาอดรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาได้ก็ไม่รู้
“ใช่แล้วฮะ ดีใจจังที่ ’น้องริน’ ยังจำได้” ชายหนุ่มถือวิสาสะเรียกเจ้าหล่อนตามอย่างที่ได้ยินเจ้าเพื่อนรักเรียก ทำเอาหญิงสาวที่เป็นน้องของคนทั้งคู่หน้าตึงขึ้นมาเลยทีเดียว
“เรียนดิฉันว่าดาริกาเถอะคะ หรือถ้าไม่สะดวกจะเรียกว่าคุณดาก็ได้”
“ไม่เอาน่า... น้องรินอย่าโมโหไปหน่อยเลย ไม่น่ารักเลยนะคะ”
ภาณุวัฒน์รีบชิงห้ามทัพเสียก่อนพลางตักปลาดิบที่หล่อนชอบส่งให้เป็นการเอาใจ ดาริกาจึงไม่อยากจะว่าอะไรมาก ส่วนชายหนุ่มอีกคนได้แต่มองตามนิ่งๆ มีเพียงรอยไหวระริกในดวงตาสีนิลดำขลับเท่านั้นที่บอกว่าเจ้าตัวกำลังสนุกกับการมาทานอาหารมื้อนี้เข้าบ้างแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเพียรปฏิเสธเจ้าเพื่อนรักแทบตาย เพราะไม่นึกสนุกกับการมาเป็นไม้กันหมา หนังหน้าไฟให้ใครเลยสักนิด
...ก็เพราะเขาเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นแม่สาวน้อยตาโตนี่หรอกนะ ถึงได้ยอมมาด้วย
“น้องรินชอบทานปลาดิบเหรอฮะ” ชานนท์แกล้งถามขัดขึ้นมาระหว่างที่หญิงสาวตรงหน้ากำลังเคี้ยวตุ้ยๆ ท่าทางมีความสุข
“บอกแล้วยังไงว่าไม่ให้เรียกว่าน้องรินน่ะ” เจ้าตัวรีบกลืนอาหารก่อนจะหันมาต่อว่าชานนท์เสียงขุ่น
ไม่รู้ว่าจะถือตัวอะไรนักหนา สงสัยจะฉุนเฉียวที่เขาเข้ามาขัดจังหวะสวีทหวานของหล่อนกับเจ้าเพื่อนรักเข้าเสียกระมังถึงได้ทำเหมือนไม่อยากจะญาติดีด้วยขนาดนี้
“เพื่อนพี่ใหญ่ท่าทางจะเข้าใจอะไรยากจังเลยนะคะ” ตอนท้ายดาริกายังไม่วายจะหันไปบอกกับภาณุวัฒน์เป็นเชิงต่อว่าอยู่กลายๆ อีกด้วย
...ในเมื่อพี่ใหญ่จงใจจะแกล้งหล่อนอย่างนี้ หล่อนก็จะไม่แคร์ใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละ ดาริกาบอกตัวเองอย่างนั้น หล่อนไม่ได้โง่ขนาดจะดูไม่ออกว่าภาณุวัฒน์จงใจชวนเพื่อนมานั่งเป็นก้างขวางคอด้วย กะอีแค่มากินข้าวกลางวันด้วยกันแค่นี้ จะกลัวหล่อนหรือใครเข้าใจผิดอะไรนักหนาไม่ทราบ
ดีล่ะ ดาริกาจะป่วนให้ทั้งพี่ใหญ่และนายชานนท์อะไรนั่นนั่งไม่ติดไปเลย คอยดูเถอะ !
“ทำไมน้องรินถึงพูดอย่างนี้ล่ะฮะ เสียมารยาทมากเลยรู้ไหม ให้เกียรติเพื่อนพี่หน่อยสิครับ” ชายหนุ่มบอกหล่อนเหมือนจะดุ แต่ดาริกาไม่คิดจะสนใจเสียอย่าง ใครจะทำไม
“จะให้น้องรินให้เกียรติ ให้คุณอะไรนักหนาล่ะคะ น้องรินไม่ได้เป็นคนชวนเพื่อนพี่ใหญ่มาด้วยนี่ พี่ใหญ่เป็นคนชวนมาก็ดูแลกันเองก็แล้วกัน”
“อย่าเอารินไปเกี่ยวด้วย”
พอทิ้งระเบิดลงกลางวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหล่อนก็ก้มหน้าก้มตากินเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ทั้งนั้นว่าใครจะทำหน้าตาปูเลี่ยนหรือจืดเจื่อนขนาดไหนกับวาจาบ่งบอกว่ารู้เท่าทันแผนการของหล่อน ชานนท์หันไปมองเจ้าเพื่อนรักอย่างขอความช่วยเหลือ การมาทำให้แม่สาวเจ้าอารมณ์ขัดเคืองใจขนาดนี้ ไม่ได้อยู่ในแผนการของเขาเลยสักนิด
ชานนท์ไม่เคยรู้สึกกระอักกระอ่วนเท่านี้มาก่อนเลยสักครั้ง ในชีวิตเขาเคยเจอผู้หญิงแผลงฤทธิ์มาตั้งมากแต่ก็ยังไม่เคยมีใครทำให้ชายหนุ่มลำบากใจได้ขนาดนี้ ใจจริงเขาอยากจะลุกเดินหนีไปเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะฉากออกไปยังไงถึงจะไม่น่าเกลียด ไอ้ครั้นจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่งกินต่อไป เขาก็กลัวว่าปลาดิบจะติดคอเอาเสียเปล่าๆ
“ริน” ภาณุวัฒน์เรียกชื่อหล่อนเสียงหนักจนคนถูกเรียกชักใจแป้วขึ้นมาเหมือนกัน อันที่จริงหล่อนก็ออกจะทำเกินไปหน่อย
“ขอโทษพี่นนท์ซะ รินเสียมารยาทกับเพื่อนพี่แบบนี้ พี่ไม่ชอบเลยนะ”
“เจ้านนท์เป็นเพื่อนสนิทพี่ พี่จะชวนมากินข้าวกลางวันด้วยอีกคน ทำไมรินจะต้องไม่พอใจขนาดนั้นด้วย” ชายหนุ่มว่าหล่อนเสียงดุจนผู้ชายอีกคนนึกสงสารคนถูกดุที่เริ่มหน้าจ๋อยลงเรื่อยๆ แทน พยายามส่งสัญญาณปรามเจ้าเพื่อนรักแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผลเสียแล้ว
“ต่อไป พี่ก็คงไม่กล้าชวนเพื่อนพี่มาเจอริน หรือกล้าให้รินไปเจอเพื่อนฝูงของพี่อีกแล้วล่ะ ถ้ารินเป็นอย่างนี้” ชายหนุ่มพูดคำสุดท้ายก่อนจะนั่งมองแม่จอมยุ่งที่ตอนนี้หน้าจ๋อยสนิทที่ยังคงเม้มปากแน่น
“ก็ได้ค่ะ รินจะขอโทษเพื่อนพี่ใหญ่ก็ได้” เจ้าหล่อนบอกอย่างโกรธๆ
“ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะคุณชานนท์ ที่เสียมารยาทไปเมื่อสักครู่”
“เชิญทานกันต่อให้อร่อยเลยนะคะ ดิฉันคงต้องขอตัวก่อน”
พูดจบเจ้าตัวก็เก็บกระเป๋าลุกหนีออกไปเลย ชานนท์ได้แต่มองตามอย่างอึ้งๆ ใจหนึ่งก็เป็นห่วงแม่สาวน้อยที่โดนดุจนทำท่าเหมือนน้ำตาจะร่วงแหล่ มิร่วงแหล่อยู่แล้ว บทจะโหดขึ้นมา เจ้าภาณุวัฒน์ก็ดุไม่ไว้หน้าใครเลยเหมือนกัน เขาพอจะรู้นิสัยของเพื่อนในข้อนี้ดีอยู่ สงสารก็แต่เจ้าหล่อนนั่นแหละ ป่านนี้คงจะน้อยใจไปกันใหญ่แล้วมั้ง
“ทำไมแกต้องพูดกับเขาแรงขนาดนั้นด้วยวะ” ชานนท์หันไปต่อว่าเพื่อนอย่างโกรธๆ
“อ้าว นี่แกก็โกรธฉันด้วยอีกคนเหรอเนี่ย เออ ดีเนาะ”
“ฉันไม่ได้โกรธเว้ย แต่แกก็ไม่ควรไปดุเขาขนาดนั้น ป่านนี้นั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วมั้ง ไม่ตามไปดูหน่อยวะ”
“เอ มันชักจะยังไงๆ แล้วนะเนี่ย” ภาณุวัฒน์พูดขึ้นมาอย่างมีเลศนัย
“อะไรของแก นายใหญ่ จะพูดอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า”
“ก็ฉันรู้สึกว่าแกจะเป็นห่วงเป็นใยน้องรินของฉันเหลือเกินเลยน่ะสิ มันชักจะยังไงๆ อยู่นา”
“ไม่รู้เว้ย ฉันแค่สงสารที่เขาถูกแกดุเท่านั้นแหละ รีบไปดูหน่อยสิวะ”
“เออๆ ไปก็ได้ แต่บอกก่อนนะเว้ย ถ้าแกคิดจะจีบน้องรินขึ้นมา อย่ามาทำเป็นเล่นๆ นะเว้ย ฉันเอาตายจริงๆ ด้วย”
“ไม่แน่ใจ อย่าแหยม”
ภาณุวัฒน์ทิ้งท้ายกับเพื่อนก่อนจะลุกออกไป บางทีวันหนึ่งข้างหน้าดาริกาคงจะรู้ว่ายังมีคนอีกมากมายที่คู่ควรกับความรักของเธอมากกว่าเขา
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
บ่ายวันนั้นดาริกาไม่ได้กลับไปที่ทำงานอีก หล่อนทั้งโกรธทั้งน้อยใจภาณุวัฒน์จนไม่อยากจะเห็นหน้าเขาในตอนนี้ จึงขับรถตรงกลับมาที่บ้านเลยเพราะเพื่อนฝูงต่างก็ยังทำงานกันอยู่ทั้งนั้น คงไม่มีใครพร้อมจะโดดงานไปเถลไถลกับหล่อนได้หรอก
คุณดารารายอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นบุตรสาวคนเล็กเดินหน้ามุ่ยเข้ามาบ้านตั้งแต่บ่าย ทั้งที่ปกติถ้าพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ดาริกาเป็นต้องยังไม่เข้าบ้านมาเด็ดขาด
“ยัยหนู ทำไมวันนี้ถึงได้กลับเร็วนักล่ะลูก”
“วันนี้คุณแม่อยู่บ้านได้เหรอคะ รินไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ย” หญิงสาวบอกมารดาอย่างล้อๆ เพราะรู้ดีว่ามารดามีธุรกิจรัดตัวขนาดไหน ทั้งงานราษฎร์งานหลวงคิวเต็มเอียดไปหมด
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะจ๊ะ เดี๋ยวใครไม่รู้ บังเอิญมาได้ยินเข้าคงจะนึกว่าแม่เป็นแม่ที่แย่มากๆ ที่ทำเหมือนไม่มีเวลาให้ลูกๆ เลยอย่างนั้นแหละ”
“แหม...รินก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเสียหน่อย ใครจะกล้าว่าคุณแม่อย่างนั้นได้คะ ความจริงคุณแม่ของรินน่ารักออกจะตาย” หญิงสาวบอกพลางกอดเอวเป็นเชิงประจบ ลืมความขุ่นเคืองก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น
“ไม่ต้องมาประจบเลย ตอบแม่มาก่อนว่าทำไมวันนี้ถึงได้กลับเร็วนัก”
หญิงสาวเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดของมารดาก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างขุ่นใจ กำลังขยับปากจะตอบก็พอดีที่อรรณพ พี่ชายคนรองของหล่อนเดินลงจากข้างบนมาหามารดาเสียก่อน
“แม่ฮะ เดี๋ยวณพจะไปอยู่ที่คอนโดนะฮะ” ชายหนุ่มตั้งใจจะบอกเล่าให้ฟังมากกว่าจะขออนุญาตเพราะเขาโตเกินกว่าจะให้พ่อแม่คอยตัดสินใจแทนแล้ว
“ทำไมล่ะ ตาณพ อยู่ที่บ้านด้วยกันก็ได้นี่นา ห้องเดิมของลูก แม่ก็ให้เด็กมันเก็บกวาดให้หมดแล้ว จะต้องไปอยู่ข้างนอกอีกทำไม” คุณดารารายคัดค้านอย่างไม่เห็นด้วย
“ณพอยู่คอนโดสะดวกกว่าฮะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“แล้วยังไงณพจะแวะมาทานข้าวด้วยบ่อยๆ นะฮะ”
ชายหนุ่มมาหอมแก้มมารดาหนึ่งทีก่อนจะเดินผิวปากออกไป ดาริกาออกจะงงๆ กับพี่ชายของหล่อนไม่น้อยที่เขาทำตัวเดี๋ยวมาเดี๋ยวไปเหมือนสายลมพัดผ่านเช่นนี้
“คุณแม่คะ พี่ณพเขาจะหย่ากับเมียจริงๆ เหรอคะ”
ดาริกาอดจะสงสัยขึ้นมาไม่ได้ หล่อนไม่ค่อยสนิทกับพี่ชายคนรองนัก ตั้งแต่ไปเรียนต่อก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะอยู่ไกลกันคนละซีกโลก จนเมื่อหล่อนเรียนจบกลับมาอยู่ที่บ้าน พี่ชายของหล่อนก็ไปอยู่บ้านภรรยาที่เชียงใหม่เสียนานแล้ว และไม่ค่อยได้ลงมาที่กรุงเทพฯ บ่อยนัก จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่อรรณพกลับมาบอกทุกคนว่ากำลังจะหย่า หล่อนก็เลยอดจะสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่ แล้วพี่ชายหล่อนตัดสินใจเด็ดขาดดีแล้วแน่หรือ
“ก็คงอย่างนั้นแหละ แม่ว่า ก็เจ้าพี่ชายตัวดีของเราเขาบอกมาอย่างนั้นนี่นะ แม่เองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องของเขาเท่าไหร่เหมือนกัน”
“ถามอะไรก็ไม่ค่อยอยากจะบอก จะโทรไปถามทางนู้นรึก็กลัวว่าจะโดนถอนหงอกเอาเปล่าๆ พอถามคุณพ่อ คุณพ่อก็บอกให้รอดูไปก่อน แม่ก็เลยไม่อยากจะเข้าไปยุ่งด้วยแล้ว” พอสบจังหวะคุณดารารายก็ถือโอกาสบ่นมายืดยาวยกใหญ่
“ค่า...รินถามหน่อยเดียว คุณแม่บ่นมาเสียยาวเลยนะคะ”
“ไม่เอาล่ะ รินไปอาบน้ำก่อนดีกว่า จะได้สบายตัวสบายใจ ไปก่อนนะคะ”
หญิงสาวหันไปหอมแก้มมารดาอีกหนึ่งฟอดคนละข้างกับที่อรรณพ พี่ชายคนรองทิ้งรอยเอาไว้ก่อนจะวิ่งปรู๊ดขึ้นชั้นบนไป คุณดารารายได้แต่มองตามยิ้มๆ ลูกของหล่อนแต่ละคนจะว่าเป็นเด็กเกเรเกตุงไปเลยก็คงจะไม่ถูกนัก หล่อนอาจจะผิดที่เลี้ยงลูกมาแบบตามใจมากเกินไป แต่ละคนถึงได้โตมาเป็นคนชอบทำตามใจตนเช่นนี้ แต่ทุกคนก็เป็นเด็กน่ารักช่างอ้อนจนหล่อนอ่อนใจ
เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงให้หลัง ดาริกาก็วิ่งปรู๊ดลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้งในชุดที่เตรียมพร้อมจะออกไปเที่ยวข้างนอกทำเอาคุณดารารายที่กำลังอ่านนิตยสารอยู่ถึงกับออกปากถามด้วยความแปลกใจ
“อ้าว นี่จะออกไปไหนอีกล่ะฮึ ยัยริน”
“รินจะไปบ้านพี่ใหญ่น่ะค่ะ เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ รินไปก่อนนะคะแม่” หญิงสาวถลามา
หอมแก้มมารดาอีกหนึ่งฟอดก่อนจะเดินตัวปลิวออกไปโดยไม่หยุดรออธิบายขยายความใดๆ กับมารดาอีก
ดาริกาขัดเคืองใจจนไม่อยากพูดอะไรกับเขาในตอนนั้น หล่อนจึงนั่งทานข้าวเป็นเพื่อนคุณน้าประไพพิศไปเงียบๆ ไม่ร่าเริงช่างพูดช่างคุยเหมือนตอนก่อนหน้า ทานเสร็จแล้วหญิงสาวก็ขอตัวลากลับเกือบจะทันที
“พี่ใหญ่คะ เมื่อคืนพี่ใหญ่ไปไหนมาคะ”
ภาณุวัฒน์เงยหน้าจากแฟ้มเอกสารเบื้องหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียงที่บัดนี้ทรุดนั่งอยู่ตรงหน้า ท่าทางกระเง้ากระงอดบอกว่าเจ้าหล่อนไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่นัก ถ้าเช้านี้ภาณุวัฒน์อารมณ์ไม่ดี ดาริกาก็คงจะโดนดุเอาง่ายๆ ที่เจ้าหล่อนเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของเขาอย่างนี้ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มอารมณ์ดีจึงไม่อยากจะถือสา
“พี่ไปทำธุระมานิดหน่อยน่ะ น้องรินมีอะไรกับพี่หรือเปล่าครับ”
“น้องรินไม่ได้มีธุระอะไรหรอกค่ะ แค่ไปรอทานข้าวเย็นด้วยเท่านั้นแหละ” ดูเหมือนว่าดาริกาจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบที่ได้รับสักเท่าไหร่ เจ้าหล่อนเลยสะบัดเสียงใส่เขาในประโยคนี้
“น้องรินไม่เห็นบอกพี่เลยนี่นาว่าจะไปทานข้าวที่บ้านด้วย ไม่อย่างนั้นพี่ก็คงจะบอกแล้วว่า...อย่าไปเลย พี่มีธุระ คงกลับดึก”
ชายหนุ่มย้อนกลับน้ำเสียงล้อๆ แต่จงใจหมายความตามนั้นจริงๆ ดาริกาพอจะจับสัญญาณแฝงของเขาได้จึงคลายทีท่าไม่พอใจลงไปจนหมด เหลือไว้แต่ความน้อยอกน้อยใจในน้ำเสียงและแววตาแทนเท่านั้น
“ก็น้องรินอยากจะทำให้พี่ใหญ่ประหลาดใจนี่คะ ก็เลยไม่ได้บอก”
“อีกอย่าง ช่วงนี้คุณน้าก็ดูเหงาๆ ไปด้วย น้องรินก็เลยอยากไปทานข้าวเป็นเพื่อนคุณน้า เวลาพี่ใหญ่ไม่กลับมาทานข้าวที่บ้าน คุณน้าก็ต้องทานคนเดียว น่าสงสารออกค่ะ น้องรินก็เลยเป็นห่วง”
“ห่วงทั้งคุณน้า แล้วก็เป็นห่วงพี่ใหญ่ด้วย” พอพูดมาถึงประโยคนี้เจ้าตัวก็กลับมาทำเสียงงอนๆ ใส่ชายหนุ่มอีก แต่คราวนี้ภาณุวัฒน์นึกขำอาการของคนตรงหน้าขึ้นมาจริงๆ
“จ้า... พี่ต้องขอบใจน้องรินมากเลยนะคะที่อุตส่าห์เป็นห่วง”
“นี่พี่ใหญ่ประชดรินเหรอคะ” หญิงสาวแหวใส่ทันทีที่ชายหนุ่มเริ่มทำมาพูดจาคะขากับหล่อนอย่างเมื่อกี้นี้ เพราะนี่ไม่ใช่ปกติวิสัยของชายหนุ่มเลยสักนิด
“ไม่ได้ประชดสักกะหน่อย น้องรินใจดีกับพี่ขนาดนี้แล้วพี่จะไปทำประชดใส่ได้ยังไงล่ะ” ชายหนุ่มเถียงกลับมายิ้มๆ ยิ้มทั้งปากและดวงตาเลยทีเดียว
“ก็ได้ ต่อไปรินจะไม่สนใจไยดีพี่ใหญ่อีกแล้วก็ได้ ไม่ต้องมาพูดกันอีกเลยนะ จำเอาไว้เลยด้วย” จบคำแล้วคนขี้งอนก็ทำท่าจะลุกหนีออกไปหากแต่ภาณุวัฒน์ไวกว่าก็อ้อมโต๊ะมาคว้าแขนดาริกาเอาไว้ได้เสียก่อน
“โอ๋... ทำไมน้องรินของพี่ถึงได้ขี้ใจน้อยขนาดนี้เนี่ย พี่ใหญ่ยังไม่ได้ว่าอะไรซักคำเลยนะคะ”
“อย่าโกรธกันเลยนะ เดี๋ยววันนี้พี่ใหญ่จะพาไปเลี้ยงข้าวกลางวันเป็นการไถ่โทษ ...น้องรินคนดีหายโกรธพี่ใหญ่เถอะนะครับ”
ดาริกามองคนร่างสูงที่เฝ้าง้องอนเหมือนอย่างที่พี่ใหญ่ของหล่อนเคยทำมาเสมอในยามที่ทั้งหล่อนและเขายังเป็นเด็กด้วยกันทั้งคู่
...พี่ชายใหญ่ก็ยังเป็นพี่ชายใหญ่ของหล่อนอยู่วันยังค่ำ ดาริกาบอกตัวเองก่อนจะแอบยิ้มอย่างปลื้มๆ หายโกรธขึ้นมาทันที
“ก็ได้ น้องรินจะยอมยกโทษให้สักครั้งก็ได้ แต่พี่ใหญ่ต้องพาน้องรินไปกินอาหารญี่ปุ่นนะ น้องรินอยากกินมาตั้งหลายวันแล้วยังไม่มีโอกาสได้ไปเสียที วันนี้แหละ น้องรินจะล้มทับพี่ใหญ่ล่ะ”
“ได้เลย ตัวเท่าเมี่ยงแค่นี้ ถึงจะล้มทับทั้งตัวก็ไม่ทำให้พี่เจ็บขึ้นมาได้หรอก”
“แน่ใจนะคะว่าจะไม่เจ็บ ถ้ารินล้มทับขึ้นมาจริงๆ แล้วพี่ใหญ่จะหนาว” เจ้าตัวทำลอยหน้าลอยตาขู่
“เอาเถอะ ถ้าหนาวมาก พี่จะหาเสื้อหนาๆ ใส่ไว้รอเลยก็แล้วกันนะ ไปทำงานได้แล้วไป” ชายหนุ่มบอกทิ้งท้ายก่อนจะไล่น้องสาวตัวกวนให้ไปทำการทำงานเสียที
“เจ้าค่ะ นายใหญ่ ไปเดี๋ยวนี้แล้วค่า” ดาริการับคำสั่งอย่างแย้มยิ้มยินดีก่อนจะเดินตัวปลิวออกจากห้องของชายหนุ่มไป
ถึงอย่างไร พี่ชายใหญ่ของหล่อนก็ใจดีที่สุด น่ารักที่สุดในโลกอย่างนี้อยู่แล้ว หญิงสาวบอกกับตัวเองโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะโดนใครบางคนแอบขี้โกงในภายหลัง
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
ชานนท์เดินเข้ามาในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนั้นอย่างคุ้นเคยเพราะเขาเคยมานั่งทานอาหารที่นี่บ่อยๆ หยุดกวาดสายตาไปรอบๆ ร้านอยู่ชั่วครู่เขาก็เจอกลุ่มเป้าหมายเข้าจนได้ ภาณุวัฒน์กับสาวน้อยหน้าแฉล้มคนนั้นนั่งอยู่มุมด้านใน หลบจากสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ดีไปกว่าที่เขาจะหาเจอได้หรอก ชานนท์บอกกับตัวเองก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาคนทั้งคู่
“อ้าว ชานนท์ นั่งก่อนสิ” ภาณุวัฒน์บอกคนที่เดินมาหยุดอยู่ตรงโต๊ะอย่างกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
“น้องริน นี่เจ้าชานนท์ เพื่อนพี่”
ชายหนุ่มหันมาแนะนำคนที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขากับดาริกาที่ตอนนี้ทำหน้างงๆ อยู่ ไม่ใช่เพราะว่าหล่อนไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร แต่หล่อนสงสัยว่าทำไมนายชานนท์อะไรนี่จะต้องมานั่งเป็นก้างขวางคอหล่อนกับพี่ใหญ่ด้วย ไม่รู้จักกาลเทศะบ้างหรือยังไงก็ไม่รู้ คนอะไร !
“เราเคยรู้จักกันแล้วนี่คะ”
“จริงไหมคะ คุณชานนท์ เวศน์ไพศาล” เจ้าหล่อนหันมาถามกับชานนท์เสียงซื่อ แต่ไม่รู้ทำไมถึงทำให้เขาอดรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาได้ก็ไม่รู้
“ใช่แล้วฮะ ดีใจจังที่ ’น้องริน’ ยังจำได้” ชายหนุ่มถือวิสาสะเรียกเจ้าหล่อนตามอย่างที่ได้ยินเจ้าเพื่อนรักเรียก ทำเอาหญิงสาวที่เป็นน้องของคนทั้งคู่หน้าตึงขึ้นมาเลยทีเดียว
“เรียนดิฉันว่าดาริกาเถอะคะ หรือถ้าไม่สะดวกจะเรียกว่าคุณดาก็ได้”
“ไม่เอาน่า... น้องรินอย่าโมโหไปหน่อยเลย ไม่น่ารักเลยนะคะ”
ภาณุวัฒน์รีบชิงห้ามทัพเสียก่อนพลางตักปลาดิบที่หล่อนชอบส่งให้เป็นการเอาใจ ดาริกาจึงไม่อยากจะว่าอะไรมาก ส่วนชายหนุ่มอีกคนได้แต่มองตามนิ่งๆ มีเพียงรอยไหวระริกในดวงตาสีนิลดำขลับเท่านั้นที่บอกว่าเจ้าตัวกำลังสนุกกับการมาทานอาหารมื้อนี้เข้าบ้างแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาเพียรปฏิเสธเจ้าเพื่อนรักแทบตาย เพราะไม่นึกสนุกกับการมาเป็นไม้กันหมา หนังหน้าไฟให้ใครเลยสักนิด
...ก็เพราะเขาเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นแม่สาวน้อยตาโตนี่หรอกนะ ถึงได้ยอมมาด้วย
“น้องรินชอบทานปลาดิบเหรอฮะ” ชานนท์แกล้งถามขัดขึ้นมาระหว่างที่หญิงสาวตรงหน้ากำลังเคี้ยวตุ้ยๆ ท่าทางมีความสุข
“บอกแล้วยังไงว่าไม่ให้เรียกว่าน้องรินน่ะ” เจ้าตัวรีบกลืนอาหารก่อนจะหันมาต่อว่าชานนท์เสียงขุ่น
ไม่รู้ว่าจะถือตัวอะไรนักหนา สงสัยจะฉุนเฉียวที่เขาเข้ามาขัดจังหวะสวีทหวานของหล่อนกับเจ้าเพื่อนรักเข้าเสียกระมังถึงได้ทำเหมือนไม่อยากจะญาติดีด้วยขนาดนี้
“เพื่อนพี่ใหญ่ท่าทางจะเข้าใจอะไรยากจังเลยนะคะ” ตอนท้ายดาริกายังไม่วายจะหันไปบอกกับภาณุวัฒน์เป็นเชิงต่อว่าอยู่กลายๆ อีกด้วย
...ในเมื่อพี่ใหญ่จงใจจะแกล้งหล่อนอย่างนี้ หล่อนก็จะไม่แคร์ใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละ ดาริกาบอกตัวเองอย่างนั้น หล่อนไม่ได้โง่ขนาดจะดูไม่ออกว่าภาณุวัฒน์จงใจชวนเพื่อนมานั่งเป็นก้างขวางคอด้วย กะอีแค่มากินข้าวกลางวันด้วยกันแค่นี้ จะกลัวหล่อนหรือใครเข้าใจผิดอะไรนักหนาไม่ทราบ
ดีล่ะ ดาริกาจะป่วนให้ทั้งพี่ใหญ่และนายชานนท์อะไรนั่นนั่งไม่ติดไปเลย คอยดูเถอะ !
“ทำไมน้องรินถึงพูดอย่างนี้ล่ะฮะ เสียมารยาทมากเลยรู้ไหม ให้เกียรติเพื่อนพี่หน่อยสิครับ” ชายหนุ่มบอกหล่อนเหมือนจะดุ แต่ดาริกาไม่คิดจะสนใจเสียอย่าง ใครจะทำไม
“จะให้น้องรินให้เกียรติ ให้คุณอะไรนักหนาล่ะคะ น้องรินไม่ได้เป็นคนชวนเพื่อนพี่ใหญ่มาด้วยนี่ พี่ใหญ่เป็นคนชวนมาก็ดูแลกันเองก็แล้วกัน”
“อย่าเอารินไปเกี่ยวด้วย”
พอทิ้งระเบิดลงกลางวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหล่อนก็ก้มหน้าก้มตากินเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ทั้งนั้นว่าใครจะทำหน้าตาปูเลี่ยนหรือจืดเจื่อนขนาดไหนกับวาจาบ่งบอกว่ารู้เท่าทันแผนการของหล่อน ชานนท์หันไปมองเจ้าเพื่อนรักอย่างขอความช่วยเหลือ การมาทำให้แม่สาวเจ้าอารมณ์ขัดเคืองใจขนาดนี้ ไม่ได้อยู่ในแผนการของเขาเลยสักนิด
ชานนท์ไม่เคยรู้สึกกระอักกระอ่วนเท่านี้มาก่อนเลยสักครั้ง ในชีวิตเขาเคยเจอผู้หญิงแผลงฤทธิ์มาตั้งมากแต่ก็ยังไม่เคยมีใครทำให้ชายหนุ่มลำบากใจได้ขนาดนี้ ใจจริงเขาอยากจะลุกเดินหนีไปเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะฉากออกไปยังไงถึงจะไม่น่าเกลียด ไอ้ครั้นจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่งกินต่อไป เขาก็กลัวว่าปลาดิบจะติดคอเอาเสียเปล่าๆ
“ริน” ภาณุวัฒน์เรียกชื่อหล่อนเสียงหนักจนคนถูกเรียกชักใจแป้วขึ้นมาเหมือนกัน อันที่จริงหล่อนก็ออกจะทำเกินไปหน่อย
“ขอโทษพี่นนท์ซะ รินเสียมารยาทกับเพื่อนพี่แบบนี้ พี่ไม่ชอบเลยนะ”
“เจ้านนท์เป็นเพื่อนสนิทพี่ พี่จะชวนมากินข้าวกลางวันด้วยอีกคน ทำไมรินจะต้องไม่พอใจขนาดนั้นด้วย” ชายหนุ่มว่าหล่อนเสียงดุจนผู้ชายอีกคนนึกสงสารคนถูกดุที่เริ่มหน้าจ๋อยลงเรื่อยๆ แทน พยายามส่งสัญญาณปรามเจ้าเพื่อนรักแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผลเสียแล้ว
“ต่อไป พี่ก็คงไม่กล้าชวนเพื่อนพี่มาเจอริน หรือกล้าให้รินไปเจอเพื่อนฝูงของพี่อีกแล้วล่ะ ถ้ารินเป็นอย่างนี้” ชายหนุ่มพูดคำสุดท้ายก่อนจะนั่งมองแม่จอมยุ่งที่ตอนนี้หน้าจ๋อยสนิทที่ยังคงเม้มปากแน่น
“ก็ได้ค่ะ รินจะขอโทษเพื่อนพี่ใหญ่ก็ได้” เจ้าหล่อนบอกอย่างโกรธๆ
“ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะคุณชานนท์ ที่เสียมารยาทไปเมื่อสักครู่”
“เชิญทานกันต่อให้อร่อยเลยนะคะ ดิฉันคงต้องขอตัวก่อน”
พูดจบเจ้าตัวก็เก็บกระเป๋าลุกหนีออกไปเลย ชานนท์ได้แต่มองตามอย่างอึ้งๆ ใจหนึ่งก็เป็นห่วงแม่สาวน้อยที่โดนดุจนทำท่าเหมือนน้ำตาจะร่วงแหล่ มิร่วงแหล่อยู่แล้ว บทจะโหดขึ้นมา เจ้าภาณุวัฒน์ก็ดุไม่ไว้หน้าใครเลยเหมือนกัน เขาพอจะรู้นิสัยของเพื่อนในข้อนี้ดีอยู่ สงสารก็แต่เจ้าหล่อนนั่นแหละ ป่านนี้คงจะน้อยใจไปกันใหญ่แล้วมั้ง
“ทำไมแกต้องพูดกับเขาแรงขนาดนั้นด้วยวะ” ชานนท์หันไปต่อว่าเพื่อนอย่างโกรธๆ
“อ้าว นี่แกก็โกรธฉันด้วยอีกคนเหรอเนี่ย เออ ดีเนาะ”
“ฉันไม่ได้โกรธเว้ย แต่แกก็ไม่ควรไปดุเขาขนาดนั้น ป่านนี้นั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วมั้ง ไม่ตามไปดูหน่อยวะ”
“เอ มันชักจะยังไงๆ แล้วนะเนี่ย” ภาณุวัฒน์พูดขึ้นมาอย่างมีเลศนัย
“อะไรของแก นายใหญ่ จะพูดอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า”
“ก็ฉันรู้สึกว่าแกจะเป็นห่วงเป็นใยน้องรินของฉันเหลือเกินเลยน่ะสิ มันชักจะยังไงๆ อยู่นา”
“ไม่รู้เว้ย ฉันแค่สงสารที่เขาถูกแกดุเท่านั้นแหละ รีบไปดูหน่อยสิวะ”
“เออๆ ไปก็ได้ แต่บอกก่อนนะเว้ย ถ้าแกคิดจะจีบน้องรินขึ้นมา อย่ามาทำเป็นเล่นๆ นะเว้ย ฉันเอาตายจริงๆ ด้วย”
“ไม่แน่ใจ อย่าแหยม”
ภาณุวัฒน์ทิ้งท้ายกับเพื่อนก่อนจะลุกออกไป บางทีวันหนึ่งข้างหน้าดาริกาคงจะรู้ว่ายังมีคนอีกมากมายที่คู่ควรกับความรักของเธอมากกว่าเขา
♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
บ่ายวันนั้นดาริกาไม่ได้กลับไปที่ทำงานอีก หล่อนทั้งโกรธทั้งน้อยใจภาณุวัฒน์จนไม่อยากจะเห็นหน้าเขาในตอนนี้ จึงขับรถตรงกลับมาที่บ้านเลยเพราะเพื่อนฝูงต่างก็ยังทำงานกันอยู่ทั้งนั้น คงไม่มีใครพร้อมจะโดดงานไปเถลไถลกับหล่อนได้หรอก
คุณดารารายอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นบุตรสาวคนเล็กเดินหน้ามุ่ยเข้ามาบ้านตั้งแต่บ่าย ทั้งที่ปกติถ้าพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ดาริกาเป็นต้องยังไม่เข้าบ้านมาเด็ดขาด
“ยัยหนู ทำไมวันนี้ถึงได้กลับเร็วนักล่ะลูก”
“วันนี้คุณแม่อยู่บ้านได้เหรอคะ รินไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ย” หญิงสาวบอกมารดาอย่างล้อๆ เพราะรู้ดีว่ามารดามีธุรกิจรัดตัวขนาดไหน ทั้งงานราษฎร์งานหลวงคิวเต็มเอียดไปหมด
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะจ๊ะ เดี๋ยวใครไม่รู้ บังเอิญมาได้ยินเข้าคงจะนึกว่าแม่เป็นแม่ที่แย่มากๆ ที่ทำเหมือนไม่มีเวลาให้ลูกๆ เลยอย่างนั้นแหละ”
“แหม...รินก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเสียหน่อย ใครจะกล้าว่าคุณแม่อย่างนั้นได้คะ ความจริงคุณแม่ของรินน่ารักออกจะตาย” หญิงสาวบอกพลางกอดเอวเป็นเชิงประจบ ลืมความขุ่นเคืองก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น
“ไม่ต้องมาประจบเลย ตอบแม่มาก่อนว่าทำไมวันนี้ถึงได้กลับเร็วนัก”
หญิงสาวเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดของมารดาก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างขุ่นใจ กำลังขยับปากจะตอบก็พอดีที่อรรณพ พี่ชายคนรองของหล่อนเดินลงจากข้างบนมาหามารดาเสียก่อน
“แม่ฮะ เดี๋ยวณพจะไปอยู่ที่คอนโดนะฮะ” ชายหนุ่มตั้งใจจะบอกเล่าให้ฟังมากกว่าจะขออนุญาตเพราะเขาโตเกินกว่าจะให้พ่อแม่คอยตัดสินใจแทนแล้ว
“ทำไมล่ะ ตาณพ อยู่ที่บ้านด้วยกันก็ได้นี่นา ห้องเดิมของลูก แม่ก็ให้เด็กมันเก็บกวาดให้หมดแล้ว จะต้องไปอยู่ข้างนอกอีกทำไม” คุณดารารายคัดค้านอย่างไม่เห็นด้วย
“ณพอยู่คอนโดสะดวกกว่าฮะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“แล้วยังไงณพจะแวะมาทานข้าวด้วยบ่อยๆ นะฮะ”
ชายหนุ่มมาหอมแก้มมารดาหนึ่งทีก่อนจะเดินผิวปากออกไป ดาริกาออกจะงงๆ กับพี่ชายของหล่อนไม่น้อยที่เขาทำตัวเดี๋ยวมาเดี๋ยวไปเหมือนสายลมพัดผ่านเช่นนี้
“คุณแม่คะ พี่ณพเขาจะหย่ากับเมียจริงๆ เหรอคะ”
ดาริกาอดจะสงสัยขึ้นมาไม่ได้ หล่อนไม่ค่อยสนิทกับพี่ชายคนรองนัก ตั้งแต่ไปเรียนต่อก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะอยู่ไกลกันคนละซีกโลก จนเมื่อหล่อนเรียนจบกลับมาอยู่ที่บ้าน พี่ชายของหล่อนก็ไปอยู่บ้านภรรยาที่เชียงใหม่เสียนานแล้ว และไม่ค่อยได้ลงมาที่กรุงเทพฯ บ่อยนัก จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่อรรณพกลับมาบอกทุกคนว่ากำลังจะหย่า หล่อนก็เลยอดจะสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่ แล้วพี่ชายหล่อนตัดสินใจเด็ดขาดดีแล้วแน่หรือ
“ก็คงอย่างนั้นแหละ แม่ว่า ก็เจ้าพี่ชายตัวดีของเราเขาบอกมาอย่างนั้นนี่นะ แม่เองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องของเขาเท่าไหร่เหมือนกัน”
“ถามอะไรก็ไม่ค่อยอยากจะบอก จะโทรไปถามทางนู้นรึก็กลัวว่าจะโดนถอนหงอกเอาเปล่าๆ พอถามคุณพ่อ คุณพ่อก็บอกให้รอดูไปก่อน แม่ก็เลยไม่อยากจะเข้าไปยุ่งด้วยแล้ว” พอสบจังหวะคุณดารารายก็ถือโอกาสบ่นมายืดยาวยกใหญ่
“ค่า...รินถามหน่อยเดียว คุณแม่บ่นมาเสียยาวเลยนะคะ”
“ไม่เอาล่ะ รินไปอาบน้ำก่อนดีกว่า จะได้สบายตัวสบายใจ ไปก่อนนะคะ”
หญิงสาวหันไปหอมแก้มมารดาอีกหนึ่งฟอดคนละข้างกับที่อรรณพ พี่ชายคนรองทิ้งรอยเอาไว้ก่อนจะวิ่งปรู๊ดขึ้นชั้นบนไป คุณดารารายได้แต่มองตามยิ้มๆ ลูกของหล่อนแต่ละคนจะว่าเป็นเด็กเกเรเกตุงไปเลยก็คงจะไม่ถูกนัก หล่อนอาจจะผิดที่เลี้ยงลูกมาแบบตามใจมากเกินไป แต่ละคนถึงได้โตมาเป็นคนชอบทำตามใจตนเช่นนี้ แต่ทุกคนก็เป็นเด็กน่ารักช่างอ้อนจนหล่อนอ่อนใจ
เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงให้หลัง ดาริกาก็วิ่งปรู๊ดลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้งในชุดที่เตรียมพร้อมจะออกไปเที่ยวข้างนอกทำเอาคุณดารารายที่กำลังอ่านนิตยสารอยู่ถึงกับออกปากถามด้วยความแปลกใจ
“อ้าว นี่จะออกไปไหนอีกล่ะฮึ ยัยริน”
“รินจะไปบ้านพี่ใหญ่น่ะค่ะ เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ รินไปก่อนนะคะแม่” หญิงสาวถลามา
หอมแก้มมารดาอีกหนึ่งฟอดก่อนจะเดินตัวปลิวออกไปโดยไม่หยุดรออธิบายขยายความใดๆ กับมารดาอีก

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ค. 2555, 22:49:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ค. 2555, 22:49:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 1346
<< ♥ บทที่ 13 | ♥ บทที่ 15 >> |

ดาวคันชั่ง 30 พ.ค. 2555, 15:15:48 น.
เชียร์ชานนท์ให้คู่กับน้องริน
ส่วนคุณใหญ่ ปล่อยให้มัีชไปเถอะ สมน้ำสมเนื้อกันดี
เชียร์ชานนท์ให้คู่กับน้องริน

ส่วนคุณใหญ่ ปล่อยให้มัีชไปเถอะ สมน้ำสมเนื้อกันดี
