รถด่วนขบวนสุดรัก
ชีวิตนี้เคยต้องรออะไรนานๆ มั้ยคะ โดยเฉพาะรอดูว่าเมื่อไหร่พ่อเนื้อคู่ตุนาหงัน โซลเม็ทของฉันจะโผล่มาเซอร์ไพรส์ในชีวิตจริงเสียที เพราะนั่งรอ นอนรอ ตบยุงรอมาก็หลายปีดีดักแล้ว รอไปก็กังวลไป สงสัยว่าชาตินี้ฉันคงจะได้ขึ้นคานแหงๆ
การรอคอยบางทีทรมานกว่าผลลัพธ์ แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีเหมือนรถด่วนขบวนสุดรักขบวนนี้ บางที...การ (อดทน) รอก็อาจจะให้ดอกผลที่น่าชื่นใจกว่าก็ได้
อย่าไปกังวลเลยค่ะว่าเราจะไปไม่ทันรถด่วนขบวนสุดท้ายหรือเปล่า ขอให้พากันสมัครใจไปกับ รถด่วนขบวนสุดรัก กันดีกว่า


Dear someone,

If love (still) kept you standing at the station when the last train's gone by…, then I thought maybe walking was better ‘coz we were the master of our choices.

So, do you wanna walk…?


Tags: เนื้อคู่ รถด่วนขบวนสุดท้าย ณนวล มัชฌิชา ภาณุวัฒน์

ตอน: ♥ บทที่ 13

“มาแล้วเหรอจ๊ะ มัชฌิมาสุดสวย...”

มนทิราหรือพี่แต้ว บรรณาธิการบทความที่เคารพเทิดทูนยิ่งของมัชฌิมาส่งเสียงหวานเจี๊ยบทักทายมาทันทีที่เจ้าหล่อนเยี่ยมหน้าเข้ามาในออฟฟิศ ทำเอาหญิงสาวขนลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เพราะบังเอิญว่าหล่อนคุ้นเคยกับเสียงหวานๆ ประมาณนี้ของมนทิรามานานเสียจนสามารถใช้เรดาห์จับรังสีเยือกเย็นแสนอำมหิตที่แผ่กำจายออกมาจากสายตาและวาจาของพี่แต้วได้แจ่มชัด

“แหม... พี่แต้วคิดถึงมัชขนาดนั้นเลยเหรอคะ มัชหายหน้าไปแค่วันเดียวเองนะเนี่ย แล้วมัชก็ไม่ได้ไปเกเรเถลไถลที่ไหนเลยนะคะ ไปทำงานมาทั้งนั้น” มัชฌิมาชิงออกตัวเอาไว้ก่อน เวลาเจ๊แต้วทวงงานหน้ายิ้มๆ แบบนี้ทำเอาหล่อนขวัญผวานัก

“ย่ะ ไปทำงานมาทั้งวันแล้วไม่ทราบว่าคุณมัชจะส่งงานพี่แต้วได้หรือยังคะ ที่ยังติดอยู่อีกสองคอลัมน์น่ะ จะส่งได้หรือยัง มาทำเป็นยึกยักชักช้าอย่างนี้ เดี๋ยวไอ้พวกจัดหน้า ทำศิลป์มันก็โดดออกจากคอมพ์มากินหัวเอาหรอก อย่าให้พลอยเดือดร้อนมาถึงฉันด้วยนะยะ”

“ต้องให้คอยทวงทุกเดือนๆ เลยนะหล่อนนี่”

ถึงมัชฌิมาจะชิงอ้อนดักทางเอาไว้ก่อนอย่างคนที่รู้ตัวดีว่าส่งงานช้ากว่ากำหนด แต่มนทิราก็ยังส่งเสียงล้งเล้งมาชุดใหญ่เรียกความสนใจจากหลายๆ คนในกองบรรณาธิการสุดแสนหฤหรรษ์ที่กำลังโจ้มะม่วงน้ำปลาหวานกันเป็นพัลวันให้หยุดมือและหันมามองหล่อนพร้อมแอบหัวเราะคิกคักชอบใจกันใหญ่
นังพวกนี้นี่ เห็นคนล้มแล้วชอบใจกันนักนะ เดี๋ยวเถอะ ! มัชฌิมาหันไปทำตาขวางใส่เสียหนึ่งดอก โดยเฉพาะนังพริซซิลล่าตัวดีที่หัวเราะเสียงดังกว่าใครเพื่อน

“โธ่...พี่แต้วคะ พี่แต้วขา อย่าดุน้องมัชนักสิคะ กำลังจะเอางานใส่พานมาถวายอยู่เดี๋ยวนี้แหละจ้า อย่าโมโหโกรธาไปเลยนะเจ๊นะ”

“โกรธง่ายเดี๋ยวแก่จนกู่ไม่กลับ ไม่รู้ด้วยนา”

มัชฌิมาทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเผ่นแผล็วหนีฝ่ามือที่เงื้อง้าจะฟาดลงมาสมนาคุณคนช่างแหย่สักตุ้บสองตุ้บโทษฐานที่เจ้าหล่อนกล้ามาหาว่ามนทิราแก่ ทั้งที่หล่อนเพิ่งจะย่างสามสิบปลายๆ มาได้หลายปีแล้วเท่านั้นเอง แต่มนทิราก็ไม่ได้ถือสาอะไรจริงจังนักด้วยความที่สนิทสนมกันมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่สมัยที่มัชฌิมาเข้ามาเริ่มงานที่นี่ใหม่ๆ เลยด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นก็ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว

“ฉันจะยิ่งแก่ก็เพราะต้องคอยตามจิกงานจากหล่อนนั่นแหละ รีบๆ ส่งมาเลยนะยะ อย่าให้ต้องมีโมโหอีก” พี่แต้วส่งเสียงไล่หลังหญิงสาวที่หลบอยู่หลังคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานหลังห้องที่มีฉากกั้นด้านหนึ่งเพื่อเพิ่มความเป็นสัดเป็นส่วนขึ้นมาอีกนิด

มัชฌิมาเรียกไฟล์งานที่หล่อนเขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาตรวจแก้อีกนิดหน่อยก่อนจะสั่งปริ้นท์เพื่อส่งให้บก.สุดโหดตรวจดูก่อน คอลัมน์ After work! ฉบับนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หล่อนจัดการแนะนำร้านอาหารบรรยากาศเก๋ๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่ของดาราหนุ่มคนหนึ่งให้เหล่าบรรดาสาวอินเทรนด์ทั้งหลายได้รู้จักไปเรียบร้อยโรงเรียน Young Women แล้ว ร้านอาหารซึ่งมีบรรยากาศโรแมนติกเหมาะสำหรับดินเนอร์กับคู่รัก หรือจะใช้เป็นที่นัดสังสรรค์กับก๊วนเพื่อนก็ได้ ไม่น่ารังเกียจ

แต่อีกคอลัมน์ที่เหลือนี่สิที่น่าเป็นห่วง น่าเป็นห่วงเพราะหล่อนเพิ่งจะได้สัมภาษณ์คู่รักคนดังคู่นี้ไปเมื่อวานจึงยังไม่ได้ถอดเทปเลยสักกะแอะ กว่าจะแกะเสร็จจนพร้อมเอามาเรียบเรียงเป็นบทสัมภาษณ์ประกอบรูปคู่สวีทแหววของนางแบบสาวกับแฟนหนุ่มลูกครึ่ง วันนี้ทั้งวันหล่อนคงไม่ได้ออกไปไหนแน่

...สงสัยคงจะต้องเบี้ยวนัดยัยปอไปก่อนเสียแล้วสิ เจ้าหล่อนบอกตัวเองอย่างปลงๆ ก่อนจะลงมือถอดเทปความยาวเกือบหนึ่งชั่วโมงที่วางกองอยู่ตรงหน้าอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก เพราะงานที่มัชฌิมาเกลียดที่สุดก็คือการถอดเทปนี่แหละ

ด้วยความที่หล่อนอยากจะรีบปิดอีกหนึ่งคอลัมน์ที่ค้างอยู่ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด มัชฌิมาจึงตั้งหน้าตั้งตาแกะเทปโดยไม่สนใจใครเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นนังพริซ ช่างแต่งหน้า น้องนก สไตลิสต์ ยัยปราย นักเขียนประจำเล่ม หรือพี่ช้างช่างภาพจะขยันมาเย้าแหย่หรือชวนหล่อนไปดูการถ่ายภาพแฟชั่นประจำเล่มด้วยกัน หญิงสาวก็ได้หาสนใจไม่ ทั้งที่ปกติถ้าไม่ติดอะไร มัชฌิมาก็มักจะไปเตร็ดเตร่ดูเขาถ่ายแฟชั่นด้วยเป็นประจำ หล่อนบอกใครๆ ว่ามันเป็นศิลปะยั่วกิเลสที่น่าหลงใหล พี่ช้างเคยหันมาโวยกับหล่อนว่าพี่ไม่ได้ถ่ายภาพลามกนะ ! อยู่หนหนึ่งก่อนจะเลิกราไป

ตอนเที่ยง ปาจารีย์โทรหาหล่อน บอกให้ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันเพราะเจ้าหล่อนมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกแต่ก็โดนมัชฌิมาปฏิเสธไปอย่างไม่ไยดี คนปลายสายโวยวายมายกใหญ่แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปตามระเบียบ ลงถ้าว่ามัชฌิมาบอกว่า ‘ไม่’ เสียงแข็งๆ อย่างนี้เมื่อไหร่ก็หมายความว่าไม่แล้วจริงๆ ไม่ต้องมาเซ้าซี้อีก

เมื่อมัชฌิมาละสายตาจากคอมพิวเตอร์ขึ้นมาอีกครั้งก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มแล้ว ถึงจะเหนื่อยและล้าแต่หล่อนก็รู้สึกโล่งใจเป็นที่สุดที่ปิดต้นฉบับประจำปักษ์นี้ได้เสียที หล่อนบิดขี้เกียจแก้เมื่อยขบที่เกิดจากการนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ ระหว่างที่รองานที่กำลังปริ้นท์เพื่อเอามาอ่านทวนอีกครั้ง หล่อนก็จัดแจงเก็บเอาขนมปังที่กินไปได้แค่ครึ่งก้อนโยนทิ้งถังผงไปพร้อมถ้วยกาแฟกระดาษที่เหลือเพียงรอยคราบ

อีกหนึ่งวันของหล่อนกำลังจะผ่านไปแล้ว เฮ้อ...จะได้กลับไปนอนพักให้สบายใจเสียที มัชฌิมาบอกตัวเองขณะที่เดินไปหยิบบทความที่สั่งปริ้นท์ออกมาเก็บใส่กระเป๋าแล้วออกจากออฟฟิศไป โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าอีกไม่นานหลังจากนี้ความสบายใจของหล่อนจะถูกใครบางคนก่อกวนจนขุ่นขึ้งขึ้นมาอีก

♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

“ฮัลโหล...” มัชฌิมากรอกเสียงยานคางลงไปพลางนึกขอบคุณเทคโนโลยีบลูทูธอยู่ในใจที่ทำให้หล่อนสามารถคุยโทรศัพท์ไปพร้อมๆ กับถอดเสื้อผ้าออกจากตัวได้เช่นนี้

“ยัยมัช ตอนนี้เธออยู่ไหนแล้วเนี่ย อยู่ที่คอนโดหรือเปล่า” ปาจารีย์ถามหล่อนมาเสียงแจ่มใส ไม่ได้ทุกข์ร้อนไปกับเสียงหนืดเหนื่อยของเพื่อนสาวเลยสักน้อยนิด

“อยู่... กำลังจะอาบน้ำนอนแล้วเนี่ย วันนี้ฉันหมดแรงแล้วนะ มีอะไรก็ว่ามาเร็วๆ หน่อย หรือถ้าไม่ด่วนมาก เอาไว้คุยกันพรุ่งนี้ได้มั้ยล่ะ ฉันเองก็มีเรื่องจะคุยกับแกเยอะเลยเหมือนกัน”

“เฮ้ย ไม่ได้นะ ยังนอนตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด” ยัยปอร้องห้ามมาเสียงหลงทำเอามัชฌิมาข้องใจหนัก

“ทำไมหล่อนจะต้องมาห้ามไม่ให้ฉันนอนด้วยยะ คนยิ่งเหนื่อยๆ อยู่ด้วย ไม่เอาล่ะ ฉันจะไปอาบน้ำนอนแล้ว แค่นี้นะ” มัชฌิมาทำท่าจะวางสายแต่โดนปาจารีย์ขัดเอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวๆ ๆ เถอะน่า... ขอเวลาสักสามนาทีได้ไหมจ๊ะ มัชฌิมาจ๋า...”

“เออๆ ก็ได้ จะให้ทำอะไรก็บอกมาเสียทีสิยะหล่อน”

“คือว่างี้นะ... วันนี้คุณภาณุวัฒน์เขาไปรับชุดที่เธอสั่งตัดไว้มาให้ ตอนนี้มารออยู่ที่ล็อบบี้ด้านล่างแล้ว มัชจะให้คุณภาณุวัฒน์เขาเอาขึ้นมาให้หรือว่าจะลงไปเอาเองดีจ๊ะ”

แม้จะยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างมัชฌิมาและภาณุวัฒน์ในวันนั้น แต่ปาจารีย์ก็บอกเพื่อนสาวเสียงจ๊ะจ๋าอ่อนหวานเป็นพิเศษด้วยความเกรงใจ เพราะตอนนี้มันก็ดึกพอสมควรแล้ว แถมมัชฌิมายังทำท่าเหนื่อยล้าแบบสุดๆ อีกต่างหาก หล่อนเลยเกรงใจเพื่อนจนไม่กล้าบังคับขู่เข็ญอะไรมาก แม้ปาจารีย์จะบอกตัวเองว่าที่หล่อนทำไปทั้งหมดน่ะด้วยความหวังดีเลยแท้ๆ

“แล้วทำไมเขาจะต้องไปเอามาให้ฉันด้วยยะ ไม่ได้บอกเลยสักคำ ยุ่งไม่เข้าท่า” มัชฌิมาโวยวายใส่เพื่อนสาวที่ทำตัวเป็นทนายหน้าหอทันทีเลยเหมือนกัน เหมือนอย่างกับหล่อนจะรู้ว่าปาจารีย์เป็นคนวางแผนการทั้งหมดกระนั้นแหละ

“ทำไมต้องโวยวายขนาดนั้นด้วยยะ คนเขาอุตส่าห์หวังดีแล้วก็มีน้ำใจ ยังจะทำเป็นโมโหอีกนะหล่อน”

“โอ๊ย ไม่รู้ล่ะ ฉันจะไม่ลงไปเอาชุดนั่นเด็ดขาด แล้วก็จะไม่ยอมเปิดประตูรับใครที่ไหนในเวลานี้ด้วย” มัชฌิมาบอกอย่างขัดใจ

“แล้วแกจะปล่อยให้คุณภาณุวัฒน์เขานั่งรออยู่อย่างนั้นหรือไง ทำไมเพื่อนฉันเป็นคนแล้งน้ำใจ ใจร้ายใจดำขนาดนี้เนี่ย”

“คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจกับตัวเองแท้ๆ ทำไมไม่รู้จักนึกถึงใจเขาใจเราบ้างฮึ ยัยมัช”

“เธอเหนื่อย คุณภาณุวัฒน์เขาก็คงเหนื่อยเหมือนกันนั่นแหละ แต่เขาก็ยังมีน้ำใจนึกถึง นี่อุตส่าห์มานั่งรอเธอตั้งเกือบชั่วโมงเข้าไปแล้วนะ ลงไปสักห้านาทีแค่นี้จะเป็นอะไรนักหนาฮึ” ปาจารีย์บอกแกมบ่น
อย่างที่มัชฌิมารู้ตัวว่าคงจะเถียงให้ชนะไม่ได้

“ถึงยังไงฉันก็ลงไปหาอีตานั่นตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ ต่อให้เอาช้างมาฉุด ฉันก็ไม่ลงไปเด็ดขาด”

“ทำไมหล่อนถึงจะลงไปไม่ได้ เสียเวลากดลิฟต์ลงไปแค่นี้ มันจะยากเย็นอะไรนักหนาฮึ” พอถึงตอนนี้ปาจารีย์ก็ชักจะโมโหขึ้นมาเหมือนกัน

“ก็ตอนนี้ฉันโป๊อยู่นี่ยะ ! จะให้ลงไปสภาพนี้ได้ยังไงเล่า บอกให้อีตานั่นนั่งรอข้างล่างไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวลงไป แค่นี้นะ ! ” เจ้าหล่อนกระแทกเสียงใส่อย่างกระเง้ากระงอดก่อนจะตัดสายทิ้งโดยไม่สนใจคนปลายสายเลยสักนิดว่าจะพูดอะไรต่อไป

โอ๊ย มันน่าเจ็บใจนัก อีตาภาณุวัฒน์บ้าอะไรนี่ยังจะมีหน้ามาวุ่นวายกับหล่อนอีก บอกไม่รู้จักจำว่าอย่าโผล่มาให้เห็นหน้า ไม่เข้าใจภาษาคนหรือยังไงนะ ! หญิงสาวนึกอย่างหงุดหงิดใจก่อนจะกระแทกเท้าปึงๆ เดินเข้าห้องน้ำไป

อยากวุ่นวายดีนัก คอยดูนะ หล่อนจะปล่อยให้คอยเสียให้เข็ด มัชฌิมานึกอย่างกระหยิ่มก่อนจะลงแช่อ่างน้ำอุ่นอย่างสบายใจ

อันที่จริง มัชฌิมาตั้งใจเอาไว้ว่าจะปล่อยให้ภาณุวัฒน์นั่งรอต่อไปอีกสักสามสิบสี่สิบนาที ถึงตอนนั้นหล่อนก็คงจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จพอดีโดยไม่ต้องรีบร้อน แต่ความที่หล่อนเพลินกับน้ำอุ่นจัดมากไปหน่อยจนผล็อยหลับไปงีบหนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีจากน้ำอุ่นก็กลายเป็นน้ำเย็นชืดด้วยเวลาที่ล่วงเลยไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว เนื้อตัวหล่อนก็เกือบจะเปื่อยไปหมดแล้วเหมือนกัน

พออกจากห้องน้ำมาได้ หญิงสาวก็ปราดไปดูที่โทรศัพท์มือถือก่อนเป็นอย่างแรกเพื่อเช็ครายการสายโทรเข้า แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ระหว่างที่หล่อนเพลิดเพลินอยู่กับการอาบน้ำปาจารีย์โทรมาหาหล่อนตั้งเกือบยี่สิบมิส คอลเลยทีเดียว หญิงสาวชั่งใจอยู่นานว่าจะโทรกลับดีหรือไม่เพราะมันก็เกือบสองยามเข้าไปแล้ว
ป่านนี้ยัยปอคงจะหลับไปแล้วล่ะ เกรงใจคุณอาณัติด้วย ไม่โทรไปดีกว่า... มัชฌิมาตัดสินใจก่อนจะวางโทรศัพท์ไปตามเดิมแล้วลงมือแต่งตัว

หวังว่าอีตานั่นคงไม่บ้าจี้ขนาดว่าจะนั่งรอหล่อนอยู่หรอกนะ ถ้าขืนยังรออยู่อีกก็ออกจะบื้อเกินไปหน่อยแล้ว หญิงสาวบอกกับตัวเองก่อนจะล้มตัวลงนอน แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งที่หล่อนเหนื่อยแสนเหนื่อย ล้าแสนล้า แต่พอจะหลับตานอนเข้าจริงๆ ก็กลับนอนไม่หลับเสียอย่างนั้น

มัชฌิมานอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมาอยู่นานก่อนจะตัดสินใจต่อสายลงไปเช็คกับพนักงานข้างล่าง

“อ๋อ... แขกของคุณมัชฌิมาเหรอครับ ยังรออยู่เลยครับ แต่รู้สึกว่าตอนนี้จะเผลอหลับไปแล้ว ผมโทรขึ้นไปที่ห้องคุณหลายทีแล้วนะครับ แต่ว่าไม่มีใครรับสาย บอกให้คุณแกกลับไปก่อนก็ไม่ยอมไป บอกว่าไหนๆ ก็อุตส่าห์รอมาตั้งนานแล้ว ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะขัดแกยังไงน่ะครับ”

น้าชาติ ยามประจำคอนโดรายงานหล่อนกลับมาเป็นต่อยหอยและทำท่าจะไม่ยอมหยุดเอาง่ายๆ จนหล่อนต้องเป็นฝ่ายตัดบทไปเสียก่อนที่จะลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อยกว่าชุดนอนที่หล่อนกำลังสวมอยู่
อีตานี่ ประสาทจริงๆ บ้านช่องมีไม่รู้จักกลับ จะมัวมารอหล่อนอยู่ทำไมก็ไม่รู้ หรือคิดว่ามาทำดีด้วยแค่นี้จะทำให้หล่อนหายโกรธได้ ไม่มีทางซะล่ะ มัชฌิมาบอกตัวเองขณะที่กดลิฟต์ลงไปล็อบบี้ด้านล่าง บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมหล่อนจะต้องเสียเวลามาใส่ใจกับอีตาบ้าที่ตัวเองนึกบ่นอยู่ในใจด้วย

“คุณ... คุณ ตื่นสิ มานอนอะไรตรงนี้เนี่ย” มัชฌิมาเขย่าแขนชายหนุ่มเบาๆ ใจหนึ่งก็อดสงสารเขาขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน ท่าทางจะมารอหล่อนอยู่นานน่าดูเลยทีเดียว

“อ้าว คุณมัช นึกว่าคุณจะปล่อยให้ผมรอจนถึงเช้าแล้วนะเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นแกมตัดพ้อออกมาเบาๆ แต่หญิงสาวไม่อยากจะถือสา

“ผมเอาชุดมาให้ฮะ พอดีว่าเพิ่งไปรับของตัวเองมาเหมือนกันก็เลยเอามาเผื่อคุณด้วย” ภาณุวัฒน์ยื่นเสื้อคลุมพลาสติกที่ภายในแขวนชุดไทยสำหรับพิธีรดน้ำตอนเช้ามาให้หญิงสาว

“ยังไงลองสวมดูก่อนนะฮะว่าพอดีหรือเปล่า เผื่อต้องแก้ยังไง หรือคุณไม่ชอบตรงไหนจะได้แก้ทัน” ชายหนุ่มบอกอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้น

“ผมไปก่อนนะฮะ ดึกมากแล้วคงต้องกลับไปพักผ่อนเสียที”

“คุณภาณุวัฒน์...”

“เอ่อ ขอบคุณนะคะ”

“อันที่จริงคุณไม่น่าต้องลำบากเลย ความจริงฝากที่เคาน์เตอร์ไว้ก็ได้” เห็นเขายกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบหน้าอย่างล้าๆ หญิงสาวก็ได้แต่บอกอย่างเกรงใจ ลืมความโกรธเคืองก่อนหน้านี้ไปหมด

“ผมอยากทำให้ฮะ”

“...เผื่อว่าคุณมัชจะยอมยกโทษให้ผมบ้าง”

“ผมหวังว่าเราคงจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ใช่มั้ยฮะ”

ชายหนุ่มวิงวอนหล่อนทั้งสายตาและคำพูด แววตาคมกล้าที่ทอดมองมาเหมือนเฝ้ารอคอยคำตอบหล่อนอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ว่ามัชฌิมาจะยังไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์คนตรงหน้าเท่าไหร่นักว่าอีตาหน้าดุคนเดิมของหล่อนหายไปไหน แต่ด้วยความที่เขาอุตส่าห์แสดงความมีน้ำใจกับหล่อนถึงขนาดนี้ หญิงสาวก็เลยคิดว่าตัวเองคงไม่ใจดำพอที่จะปฏิเสธ

“ก็ได้ค่ะ ต่อไปนี้เราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็ได้”

“ขอบคุณครับที่คุณมัชไม่รังเกียจ เท่านี้ผมก็ดีใจมากแล้วล่ะฮะ” ชายหนุ่มส่งยิ้มกระจ่างให้จนหล่อนต้องพลอยยิ้มตามเขาไปด้วย

“เอ้อ ค่ะ ขับรถกลับดีๆ นะคะ ”

หญิงสาวบอกทิ้งท้ายก่อนที่ต่างฝ่ายจะแยกย้ายกันไป ระหว่างที่หันหลังเดินจากมาหล่อนบอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าหายโกรธอีตาหน้าดุไปตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงได้ไปตกปากรับคำยอมญาติดีกับเขาได้อย่างนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้หล่อนเคยปฏิญาณตนเอาไว้เป็นนักหนาว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้อีกต่อไป
แต่ก็เอาเถอะ หล่อนจะลองญาติดีกับผู้ชายคนนี้ดูสักตั้ง ถ้ามันแย่นักก็แค่เลิกคบหากันไปเท่านั้นเอง มัชฌิมาบอกกับตัวเองเช่นนั้น โดยที่ไม่อาจรู้เลยว่าเอาเข้าจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่หล่อนคิดเอาไว้เลยสักนิด



ณนวล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ค. 2555, 22:45:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ค. 2555, 22:45:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1232





<< ♥ บทที่ 12    ♥ บทที่ 14 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account