ภพรักรุ่งสาง
เมื่อปรีย์ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ๋..เพื่อนางฟ้าองค์นั้นที่เขาคิดว่าเป็นเนื้อคู่!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๔ พิมพ์ลดา

ละอองแดงยามสายส่องผ่านหลังคากระจกรูปครึ่งวงกลมลงสู่ผิวน้ำกระจ่างใสเบื้องล่าง กระเบื้องลายสวยสะท้อนสีฟ้าครามขึ้นมาทำให้แลเห็นเหมือนน้ำในสระส่วนตัวกลายเป็นสีฟ้าอ่อนๆ

ลำน้ำแตกกระเซ็นออกเป็นฟองฝอยเมื่อคนร่างสูงโผล่ศีรษะขึ้นมาจากใต้ท้องน้ำ แรงกระเพื่อมไหวกวัดแกว่งอยู่ไม่ไกลจากขอบบันไดของสระทำให้เขาต้องหันไปมอง มือเรียวบางของสาวผิวสีน้ำผึ้งอ่อนคว้าท่อนแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้เป็นเชิงชวนให้เล่นกันต่อ ชายหนุ่มยิ้มเซ็งๆพร้อมส่ายหน้า

“ผมหนาวแล้วคุณ ว่ายต่อคนเดียวเถอะ”

ปรัชเอ่ยแค่นั้นก็เอื้อมมือคว้าราวบันไดทั้งสองข้างตรงขอบสระ ก่อนออกแรงดึงตวัดลำตัวขึ้นไปทีละสองขั้น ด้วยความเป็นคนขายาว เขาก้าวเพียงสองครั้งก็ถึงขอบสระด้านบน

พิมพ์ลดามองร่างเปียกโชกที่มีเพียงกางเกงรัดรูปขาสั้นสีดำปกปิดช่วงล่างด้วยความพึงพอใจ หญิงสาวพยักหน้ารับคำชายหนุ่มอย่างว่าง่าย ก่อนจะสางผมยาวสยายปรกหน้าผากขึ้นไปด้วยสองมือ สาวผิวแทนหมุนตัวทีเดียวก็เห็นเรือนร่างเพรียวสวยพลิ้วกายลงดำน้ำต่อ ทูพีชสีหวานระยิบระยับกับแสงบนผิวน้ำ หล่อนแหวกว่ายปราดเปรียวเหมือนนางเงือกพราวเสน่ห์ ชาวคอละครหลังข่าวรู้จักหล่อนดี ชื่อ..พิมพ์ลดา คือนางเอกที่มาแรงที่สุดรอบสี่ปี

ปรัชก้าวขึ้นมาถึงก็ตรงไปยังโต๊ะกลมสีขาวใกล้สระ หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดตัวแบบลวกๆพอหายเปียก คว้าแว่นกันแดดลายเฉี่ยวมาใส่ ชายหนุ่มหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้สีเดียวกัน เอนหลังพิงพนัก ยกมือขึ้นประสานกันไว้ที่ท้ายทอย ทัศนียภาพเบื้องหน้าช่างรื่นรมย์ ความสุขสบายพรั่งพร้อม ชายหนุ่มมีครบทุกอย่าง อะไรไม่ได้ดั่งใจหรือขาดหายก็เพียงชี้นิ้วสั่งคนรับใช้ ชีวิตไม่เคยต้องดิ้นรนต่อสู้มาตั้งแต่ยังจำความได้

“อาหารเช้าค่ะคุณเบ็น” เด็กรับใช้ร่างป้อมถือถาดอาหารเข้ามาเสิร์ฟถึงที่ บิดาของเขาไม่ค่อยปลื้มพฤติกรรมอันขาดระเบียบวินัยแบบนี้เท่าใดนัก แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยสนใจจะแคร์สายตาของใคร อารมณ์ไหนสั่งให้ทำเขาก็จะทำ อย่างเช้าวันนี้ที่เขาตื่นสายเป็นปกติ และนึกอยากลงมาว่ายน้ำที่สระกับคู่ควงคนล่าสุด ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหนเหมือนกัน..แต่คนเป็นพ่อออกไปทำงานที่บริษัทนานตั้งแต่แปดโมงแล้ว เพราะฉะนั้นเขาอยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่มีใครมานั่งบ่นให้ต้องเหนื่อยเถียงกันอีก

บ้านหลังนี้ไม่นานก็จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาแต่เพียงผู้เดียว บ้านหลังใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบสิบไร่ มรดกอีกมากมายที่เลี้ยงชีวิตให้สุขสบายไปตลอดทั้งชาติ หน้าที่การงานก็มีรองรับ ปรัชรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนหัวดี เรียบจบเกียรตินิยมออกมาจึงไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากตามบิดาไปดูกิจการของบริษัทสัปดาห์ละสองครั้งพอเป็นพิธี

พ่อของเขาชักชวนแกมคะยั้นคะยอให้ไปประจำตำแหน่งรองประธานบริษัทเพื่อจะได้รู้งานให้เร็วขึ้น แต่เขาก็ปฏิเสธทุกครั้ง ด้วยความมั่นใจในตัวเองอย่างสูง และเมื่อผู้เป็นพ่อปลดตัวเองออกจากบัลลังก์ อย่างไรเสียเขาก็ต้องขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าของบริษัทเต็มตัวอยู่แล้ว ไม่รู้จะรีบทำงานให้เหนื่อยเปล่าทำไม ในเมื่อหม่อมราชวงศ์ผู้เก่งกาจอย่างกิตติภูมิ ยังมีพร้อมทั้งอำนาจ กำลังกาย และกำลังสมองออกเหลือเฟือขนาดนั้น

ช่วงเวลาแบบนี้เขาอยากรีบหาความสุข ความสนุกใส่ตัวให้มากที่สุด อะไรที่ยังไม่ได้ก็ต้องรีบหามาให้ได้ แต่ก็น้อยเต็มทีล่ะนะ..สำหรับสิ่งที่เขาขาดไป

ปรัชทอดสายตามองแฟนสาวคนปัจจุบันอย่างพินิจพิเคราะห์ พิมพ์ลดาเป็นคนเอาใจเก่ง เป็นผู้ตามที่ดี เหมือนอิงวรา ชายหนุ่มจึงยอมคบในฐานะแฟนตัวจริง หลังจากเปลี่ยนผู้หญิงแทบทุกสัปดาห์มาโดยตลอด ตั้งแต่อิงวราจากไป

ดาราสาวคนดังมีอะไรที่แตกต่างเล็กน้อย..ความคมเฉี่ยว ปราดเปรียว แบบ working woman คิดเร็ว ทำเร็ว ซึ่งเป็นคุณสมบัติชั้นเลิศที่ถูกใจผู้ชายอย่างปรัช ทว่าหล่อนขาดความหวาน ความเป็นกุลสตรี และความแสนดีอย่างอิงวรา

ผู้หญิงคนเดียวที่เขาเคยลืม..แต่ก็ไม่ถึงขนาดโศกเศร้าเอาเป็นเอาตายกับการจากไปอย่างกะทันหันของหล่อน

เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองเคยรู้สึกรักใครจริงๆหรือเปล่า.. แม้แต่กับอิงวรา หรือว่า.. ตัวจริงคนปัจจุบัน
นี่กระมัง..คือสิ่งที่เขายังขาด
ชายหนุ่มอยากสัมผัสกับคำว่า “รักแท้” เหมือนกัน.. เขาเคยคิดเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว
แต่ก็ไม่อาจเข้าใจ ว่าทำไมเขาจึงไม่เคยพบ

ปรัชเลยได้แต่ปลอบตัวเอง เจอเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ เท่าที่เขามีพิมพ์ลดา หญิงสาวแสนสวยช่างเอาใจคนนี้อยู่เคียงข้างมานานจนเกือบครึ่งปี ถึงแม้ว่าเขาจะแอบไปมีหญิงอื่นอยู่เรื่อยตามนิสัยดั้งเดิม แต่หล่อนก็ไม่เคยถือสา ชายหนุ่มก็นับเป็นความพอใจขั้นเกือบสูงสุดแล้ว

เสียงเรียกเข้าเป็นเพลงสุดฮิตดังขึ้นข้างหู ปรัชเอื้อมมือข้างที่แห้งสนิทไปหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องบางบนโต๊ะกลมข้างกาย เขารีบโปรยคำหวานลงไปเพราะนึกว่าเป็นเพื่อนดาราสาวสวยของพิมพ์ลดาโทรมา แต่ก็แทบต้องเขวี้ยงทิ้งเมื่อเสียงแหบห้าวปลายสายทักตอบกลับมาด้วยความดีใจเสียยิ่งกว่าคุยกับเจ้าของโทรศัพท์ตัวจริง

“สวัสดีฮ่ะ แหมไม่บอกก็รู้เสียงหล่อๆแบบนี้ น้องเบ็นใช่มั้ยฮะ”
ชายหนุ่มสะดุดกึกเล็กน้อย ก่อนปรับโทนเสียงให้เป็นปกติ
“คุณแหม่มหรือครับ เอ่อ..ลดาว่ายน้ำอยู่นะ มีอะไรจะฝากไหม”
เขารีบบอกเป็นเชิงปัดไม่ให้สาวประเภทสองผู้นั้นหาเรื่องคุยกับเขานานจนเกินไป

“แหม อย่าเพิ่งรีบไล่กันซีฮะ ใจร้ายจริงเลยน้องเบ็นน่ะ”
“เอ่อ ถ้าไม่มีอะไรแค่นี้แล้วกันนะครับพี่แหม่ม สวัส..” ยังไม่ทันที่ปรัชจะปิดฉากสนทนานั้นลง เสียงหวานแจ๋วของแฟนสาวก็ตะโกนเรียกมาจากขอบสระ

“พี่แหม่มรึเปล่าคะเบ็น”
“อือ..” ชายหนุ่มพยักหน้าพลางเบะปาก
“เอามานี่สิคะ คงเป็นธุระด่วน” พิมพ์ลดาบอกพร้อมยิ้มเก๋ “หยิบผ้าขนหนูให้ด้วยนะคะ ลดาจะเช็ดมือ”

ปรัชลอบถอนหายใจโล่งอก อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องทนคุยกับกระเทยผีนางนั้นอีกแล้ว

ชายหนุ่มเดินถึงขอบสระพร้อมของสองสิ่งที่แฟนสาวต้องการ เขาก้มตัวลงยื่นโทรศัพท์มือถือกับผ้าขนหนูสีขาวผืนนั้นให้หญิงสาว แล้วรีบกลับไปประจำที่เดิม กลัวว่าหล่อนจะเปลี่ยนใจ หาเรื่องให้เขาคุยแทนเหมือนคราวก่อน

“น่า..เบ็นเขามีธุระน่ะ พี่แหม่ม อย่าเพิ่งน้อยใจซี” หญิงสาวเอ่ยปลอยคนปลายสายพลางหันมาลอบหัวเราะคิกคักกับแฟนหนุ่ม

“อะไรนะ..เดี๋ยวนี้เลยเหรอ “ เมื่อเข้าถึงสาระสำคัญ ดาราสาวก็ร้องถามตาค้าง หันมามองปรัชด้วยท่าทีเสียดาย

“โหย ไปจ้าไป เงินหนาขนาดนั้นฉันปฏิเสธไม่ลงหรอกพี่” หญิงสาวตอบรับคำเชิญ ท่ามกลางความฉงนของชายหนุ่มที่ดีดตัวตรงผึงเงี่ยหูฟังด้วยความตั้งใจ

“โอเค จะไปให้เร็วที่สุด..แล้วเจอกันจ้ะ”
พิมพ์ลดาตัดสายทิ้งไปแล้ว หล่อนรีบก้าวขึ้นขอบสระอย่างไม่ลังเล ชายหนุ่มลุกจากที่นั่ง เดินไปหยุดตรงหน้าพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“พี่แหม่มให้ไปถ่ายแบบด่วน พอดีนางแบบที่เจ้าของโครงการเคยติดต่อไว้เกิดเบี้ยวขึ้นมาดื้อๆน่ะค่ะ”

หญิงสาวอธิบายพลางเช็ดตัวเร็วๆ

“วันนี้ลดาคงอยู่เป็นเพื่อนคุณไม่ได้แล้วนะคะ..ปฏิเสธเขาก็ไม่ได้ ค่าตัวตั้งเจ็ดแสนแน่ะ”
หญิงสาวทำตาลุกวาว ยิ้มปากแทบถึงใบหู
“ผมเบื่อตายเลย อยู่บ้านคนเดียว”

หญิงสาวช้อนตามองอย่างมีจริต

“แหม สาวๆในบ้านอยู่เป็นเพื่อนออกเยอะไป จะกลัวอะไรคะ”
“สาวแก่แม่หม้ายน่ะสิลดา..ให้ผมไปเป็นเพื่อนคุณเถอะนะ ไปนั่งรอเฉยๆ จะไม่เข้าไม่ยุ่มย่ามอะไรเลย”

ดาราสาวเอียงคอ กอดอกอย่างไม่แน่ใจข้อเสนอของเขา ปกติชายหนุ่มเกลียดความวุ่นวายในกองถ่ายออกจะตายไป

“แน่ใจเหรอคะ ว่าจะรอได้”
ปรัชรีบพยักหน้ายืนยัน

“แน่สิ..คุณถ่ายแป๊บเดียวใช่มั้ยล่ะ ผมรอได้”

หน้าโครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งใหม่ ปรัชยืนมองทีมงานของพิมพ์ลดาอยู่ห่างๆ บริเวณที่ผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนนัดหมายให้มาถ่ายแบบกะทันหันคือส่วนของคลับเฮ้าท์ที่มีฉากธรรมชาติสีเขียวเตรียมพร้อมไว้แล้ว โปสเตอร์โฆษณาแผ่นใหญ่ โชว์หราอยู่กลางสนามหญ้าข้างอาคารทรงสี่เหลี่ยมนั้นเอง

หลังจากขับรถสปอร์ตคันเก่งของตนมาส่งดาราสาวลงไปทำงานเมื่อสามสิบนาทีก่อน เขาก็รีบออกตัวว่าจะอยู่รอหล่อนด้านนอกสูดบรรยากาศโปร่งโล่ง ไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวในโซนของบรรดาช่างภาพ สไตลิสต์ เหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาไม่อยากเข้าไปป้วนเปี้ยนด้านในก็คือ คุณแหม่ม ผู้จัดการส่วนตัวร่างใหญ่ของหล่อนนั่นแหละ ที่ยืนกวักมือเรียกไหวๆ อยู่หน้าประตูคลับเฮ้าท์ สายตาโลมเลียที่พรุ่งตรงมาหาเขาเพียงฝ่ายเดียว ทั้งที่พิมพ์ลดากำลังยืนสวยเด่นอยู่บนริมฟุตปาธนั่น ทำให้ปรัชตัดสินใจเด็ดขาด..เขาไม่มีทางเข้าไปเป็นเหยื่อให้กะเทยควายฝูงใหญ่แทะโลมเล่นอย่างเด็ดขาด...สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตกืคือ กะเทยนี่แหละ

ชายหนุ่มเดินกลับไปกลับมาอยู่ตรงนั้นเป็นรอบที่ร้อย เห็นฝ่ายจัดฉาก วางอุปกรณ์เดินสวนกันไปมาให้ท่าทางวุ่นวาย เสียงโหวกเหวกระหว่างการทำงานทำให้เขาเริ่มเบื่อ มองไปไกลๆเห็นแฟนสาวเพิ่งนั่งให้สไตลิสต์ตบแต่งใบหน้าและทรงผม เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ พิมพ์ลดายังไม่เริ่มถ่ายแบบเลยสักฉาก ปรัชเห็นแล้วก็ต้องถอนหายใจยาวเหยียด เขาคิดถูกหรือคิดผิดกันนะที่ตามหล่อนมา..บางทีอยู่บ้านนั่งเล่นนอนเล่นสบายๆอาจสนุกกว่านี้เป็นหลายร้อยเท่า

หนุ่มร่างสูงเลือกเดินเข้าไปหลบแดดยามเที่ยงในศาลาพักร้อนทรงหกเหลี่ยมใกล้ลานจอดรถ เขาเอนกายลงพิงเก้าอี้ไม้ตัวยาวด้วยความเหนื่อยอ่อน ลืมตามองไปทางไหน หรือแม้แต่กำแพงด้านหลังศาลาก็มีป้ายโครงการแผ่นสีฟ้าติดหราอยู่รายรอบ ชื่อ..ระรินเฮ้าท์ ทำให้เขาระลึกขึ้นมาได้ว่าเจ้าของโครงการเป็นนักการเมืองชื่อดังจากภาคเหนือ ซึ่งกำลังหาเสียงลงสมัครเลือกตั้งสส.ในปีนี้

ชายหนุ่มเคยเห็นเสี่ยใหญ่หน้าตาบอกยี่ห้อว่าเป็นคุณลุงแก่ๆใจดีคนหนึ่ง ออกโทรทัศน์ประจำในงานการกุศลต่างๆ คนบ้าข่าวการเมืองทุกคนไม่มีใครไม่รู้จักเขา..

ปรัชเหยียดกายลงนอนบนเก้าอี้ไม้ตัวยาว หลังจากนั่งร้อนอบอ้าวมาได้ถึงสองชั่วโมง มองไปตำแหน่งเดิมเห็นพิมพ์ลดาเพิ่งจะก้าวขาเรียวงามมายืนกลางฉากในชุดเกาะอกสุดวาบหวิว ปรับเปลี่ยนท่าทางอยู่หลายครั้งกว่าจะช่างภาพเรื่องมากพวกนั้นจะพอใจ

ชายหนุ่มรู้สึกเบื่อสุดขีด จึงล้วงโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดเลือกเบอร์หาคนคุยแก้เหงา เลื่อนลงมาหลายรายการเจอแต่ชื่อผู้หญิงเก่าๆที่เขาโละทิ้งไปแล้วหลายคน ปรัชเบะปากสะอิดสะเอียนเมื่อเห็นชื่อสาวๆเหล่านั้น เขาตัดสินใจแก้เบื่อทีเดียวโดยการเลือกกดโทรออกไปหาเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายคนเดียวอย่างปรีย์..เวลาเซ็งๆแบบนี้เขาเชื่ออย่างยิ่งว่าเจ้าเพื่อนยากจะทำให้เขาอาการดีขึ้นด้วยมุขฮาๆเหมือนเคย

สัญญาณที่ได้รับคือความว่างเปล่า เสียงตู๊ดยืดยาวเว้นจังหวะเป็นช่วงแต่ไม่มีคนรับสาย ปรัชเสียเวลารอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่ากดโทรออกสักกี่ร้อยทีก็ไม่มีวี่แววว่าคนปลายสายจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับเขาเลย จนกระทั่งครั้งสุดท้ายนั่นแหละ ฝ่ายนั้นกดปิดเครื่องให้คนโทรเก้อฝากข้อความกลับไปเรียบร้อย

“เป็นอะไรของมันวะ!” ปรัชสบถอย่างหัวเสีย เขาไม่คิดว่าปรีย์จะติดธุระยุ่งนักหนาจนไม่มีเวลาปลีกตัวมารับสายเขาเลย มันต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่นอน หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาชายหนุ่มไม่สามารถติดต่อเพื่อนรักได้เลย ไม่ว่าจะช่องทางไหนก็ตาม และด้วยความที่มัวแต่เที่ยวสนุกอยู่กับพิมพ์ลดา ปรัชก็ไม่มีแก่ใจจะเหนื่อยเดินทางไปพบเพื่อนซี้ด้วยตัวของเขาเองสักครั้ง

ชายหนุ่มถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เก็บโทรศัพท์เครื่องนั้นลงกระเป๋าแล้วทิ้งมือลงไปใต้ขอบเก้าอี้ หนังตาเริ่มหย่อนทั้งที่ยังไม่มีอาหารมื้อเที้ยงตกถึงท้องสักแอะ เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเพลียหรืออะไร จึงหมดเรียวแรงไปเสียดื้อๆ ทัศนียภาพเบื้องนอกเริ่มเรือนลาง หนังตาเปลือกบางปิดสนิทเข้าหากันในที่สุด หยุดการรับรู้เรื่องราวภายนอกทั้งหมดไปชั่วขณะ


“แหม คุณน้องนี่เกิดมาโชคดี๊ โชดีนะฮะ มีหนุ่มรูปหล่อมาคอยรับคอยส่ง” คุณแหม่มเดินอุ้ยอ้ายจนถึงประตูกระจกของคลับเฮ้าท์ ระหว่างผลักเข้าไปข้างในก็คุยกระเซ้าเย้าแหย่ดาราสาวคนสนิทที่เดินอยู่ข้างกัน

“รูปก็หล่อ พ่อก็รวย..อู๊ย สเป๊คพี่เลยรู้มั้ยฮะ”
พิมพ์ลดายิ้มขันในท่าทางเหมือนคนละเมอของผู้จัดการส่วนตัว หล่อนเอ่ยทั้งยังหัวเราะคิกคัก
“นั่นมันสเป๊คของสาวทุกคนอะแหละพี่แหม่ม ใครก็ชอบแบบนั้น”

“แล้วคุณน้องล่ะฮะ ชอบแบบนี้รึเปล่า” คุณแหม่มหันมาถามทีเล่นทีจริง พลางหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม ดาราสาวทิ้งตัวลงด้านข้าง “เพราะถ้าไม่ชอบ คุณพี่จะได้เสียบแทน”

น้ำเสียงกรุ้มกริ่ม วาดฝันไปไกล ทำให้พิมพ์ลดายิ่งระเบิดหัวเราะดังขึ้นกว่าเก่า ในคลับเฮ้าท์ชั้นล่างตรงส่วนรับรองแขกมีเพียงหล่อนและเขานั่นอยู่สองคน หญิงสาวจึงไม่จำเป็นต้องรักษามาดนางเอก หรือทำตัวเรียบร้อยให้ใครดู

“ของหนูนะพี่ ถ้าหล่อ แต่กระเป๋าแบนเมื่อไหร่ หนูสลัดทิ้งเมื่อนั้นน่ะแหละ” หล่อนตอบอย่างไม่ต้องคิดมาก คุณแหม่มลอบยกยิ้มที่มุมปากเหยียดๆ

“เหรอฮะ..แรงนะฮะคุณน้อง”
“ก็สวยเลือกได้นี่พี่ คนเรามันจำเป็นต้องใช้เงิน ความจริงถ้ากระเป๋าหนักพอจะเลี้ยงหนูให้สบายได้ทั้งชาติ หน้าตาจะหล่อหรือลุงหนูก็ไม่สนหรอกนะ”

หล่อนขยายความเพิ่มเติม คุณแหม่มยิ่งนึกคำก่นด่ารัวเร็วอยู่ในใจ แต่ถึงอย่างนั้น คำพูดของหล่อนก็ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้..เกี่ยวกับสัญญาบางอย่างที่เคยเจรจาไว้กับใครบางคน

“แล้วถ้าลุงแบบหกสิบขึ้นไปเนี่ย รวยระดับพันล้าน ชื่อเสียงระดับนักการเมือง..หนูจะสนมั้ยจ๊ะ”
คุณแหม่มทำเป็นโยนหินถามทาง

พิมพ์ลดากลอกตาลังเล ท่าทีคิดหนักของหล่อนสะกิดต่อมหมั่นไส้กะเทยรุ่นใหญ่อย่างเขาได้มากพอดู
“ไอ้เรื่องหยั่งงี้มันต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์นะพี่แหม่ม ในเมื่อฉันยังคบอยู่กับพ่อเทพบุตรสุดเพอร์เฝ็กของฉัน มันก็ไม่จำเป็นอะไรที่จะต้องดิ้นรนหาทางเลือกใหม่อย่างนั้นหรอกพี่”

ดาราสาวกอดอกทำหน้าเชิดเหมือนนางพญาผู้หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี
“แล้วถ้าเป็นคนนั้นล่ะ หนูจะไม่สนจริงจริ๊งเลยเหรอ” คุณแหม่มลากเสียงยาวในบางคำเป็นพิเศษ พลางพยักพเยิดให้มองการมาเยือนของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินตรงมาคลับเฮ้าท์พอดี แววตาทรงอำนาจของสิงห์ใหญ่แห่งปีส่งพลังเป็นประกายจับจ้องอยู่ที่หล่อนแต่เพียงผู้เดียว

ชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีเทากับแว่นตาดำที่เดินตามไกรพลมาเป็นขโยง ทำให้พิมพ์ลดารู้สึกชัดถึงความยิ่งใหญ่ และมีอิทธิพลเหลือเฟือของเขา ในเวลานั้น..หญิงสาวบอกกับตัวเองในใจ

รอยยับย่นแห่งวัย กับร่างท้วมใหญ่ของผู้มาเยือนไม่อาจบั่นทอนความน่าสนใจในสายตาหล่อนได้เลย

“นั่นคุณไกรพลนี่พี่..เขามาทำอะไรเหรอจ๊ะ”
แสร้งถามไปอย่างนั้น รู้ทั้งรู้ว่าบุคคลที่หล่อนพูดถึงคือเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรแห่งนี้
“นักการเมืองใหญ่เชียวนะหนู..” คุณแหม่มเอ่ยสำทับความสนใจของหญิงสาว แทนที่จะตอบคำถามนั้นโดยตรง

“รู้มั้ยจ๊ะ..ทันทีที่ยัยซิสก้าเบี้ยวงาน คุณไกรพลเป็นคนต่อสายตรงมาหาฉัน” คุณแหม่มเว้นจังหวะ เพื่อลอบสังเกตนัยน์ตาลุกวาวของคนข้างตัว “ว่าให้ติดต่อคุณพิมพ์ลดาอย่างด่วนที่สุด”

รอยยิ้มฉีกกว้างบ่งบอกถึงความตื่นเต้นที่ได้รับรู้ข่าว ดาราสาวหัวใจเต้นรัวแรง..
นับจากวินาทีนั้น ชีวิตของหล่อนกำลังจะก้าวย่างออกสู่เส้นทางที่ไม่อาจหวนคืน!

อีกราตรีในตึกแถวซอมซ่อ ปรีย์นอนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงนอนเก่าๆ พลางนึกทบทวนการเปลี่ยนแปลงตัวเองในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยความท้อใจ เขาเผลอพูดคำหยาบกับเพื่อนร่วมงานไปสี่หน เผลอโกหาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนอีกห้ารอบ ชายหนุ่มพยายามมองโลกในแง่ดี..อย่างน้อยเขาก็เปลี่ยนตัวเองมาได้หลายเท่าแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อน ชายหนุ่มคงผิดศีลทุกวัน และแทบทุกข้อ ยกเว้นข้อกาเม เรื่องผู้หญิงนี่เขาแทบไม่ได้แตะ..เพราะสถานะทางรูปร่างหน้าตาและสภาพแวดล้อมไม่ค่อยเอื้ออำนวย

แต่นี่..ชายหนุ่มถือเป็นพัฒนาการที่เปลี่ยนไปมาก เขารู้จักยับยั้งชั่งใจกับกิเลสของตน ภาพนรกภูมิวันนั้นคอยผุดพรายขึ้นมาในห้วงมโนสำนึก ยามที่เขากำลังจะ คิด พูด หรือทำในสิ่งอันเป็นอกุศล

ปรีย์เลือกที่จะหนีปัจจัยกระตุ้นอันทำให้ชีวิตเสื่อมทราม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ชอบพูดจาผิดหู จนทำเขาพลาดศีลข้อสี่ไปหลายหน ช่วงท้ายสัปดาห์พอเริ่มรู้ตัวว่ายังอ่อนหัด ถ้ายังคิดจะเผชิญหน้ากับเครื่องล่อเหล่านั้น เขาต้องผิดพลั้งเข้าอีกในไม่ช้า ชายหนุ่มจึงเลือกหลบเลี่ยงไม่พบปะเสียเลย ทางไหนที่เคยไปแล้วต้องเจอ ก็เปลี่ยนลู่ทางเอาใหม่

สถานที่ อบายมุขทั้งหลายแหละเขาก็ไม่กล้าเยื้องกรายเข้าใกล้ เพราะรู้อีกนั่นแหละว่าใจตัวเองยังไม่แข็งพอ ปรีย์ต้องใช้วิธีหลบหลีกแบบนี้ไปก่อนในช่วงแรก จนกว่าใจเขาจะแข็งแกร่ง หนักแน่นน่าไว้ใจมากพอ
เรื่องการติดต่อกับปรัชก็เช่นกัน..เขาตัดสินใจปิดรับโทรศัพท์ และช่องทางสื่อสารอื่นๆกับเพื่อนรักชั่วคราว เพื่อผลอันยิ่งใหญ่กว่าในกาลข้างหน้า ชายหนุ่มจำเป็นต้องทำ

เหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์สำหรับการแก้ตัว และเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้นที่เขาจะมีโอกาสตรึกนึกเข้าไปหาท่านพระภูมิในเมืองลับแลนั่นได้ ด้วยอำนาจบารมีของท่านช่วยดึงเขาเข้าไปในที่แห่งนั้น เป็นแค่อีกครั้งที่เขาจะได้พบอัปสรา เพราะหากหมดโอกาสนี้ไป ชายหนุ่มจะไม่ได้ฝึกสมาธิภาวนา ไม่สามารถหาวิชาไปพบหล่อนด้วยตัวเอง และชาตินี้ก็อาจไม่ได้เห็นหน้าหล่อนอีกเลย..ซึ่งเขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงทำใจไม่ได้ ทั้งที่เพิ่งเจอหล่อนแค่เพียงสองครั้ง

มันเหมือนมีอานุภาพ และความผูกพันบางอย่างเร้นลับอยู่ภายใน ซึ่งเขาไม่สามารถต้านทานได้ไหว..

เอาเถิด อีกหนึ่งสัปดาห์ที่เหลือเขาสัญญา...ศีลห้าต้องบริสุทธิ์พร้อม เมตตาต้องหมั่นเจริญ ไมตรีต้องเร่งผูกไว้ อภัยทานคือคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่เขาต้องเพียรท่องจนขึ้นใจ ไม่ว่าใครหน้าไหนจะมาฝากความเจ็บแค้นอย่างไรก็ตาม..เขาต้องผ่านพ้นไปให้ได้

“อย่าท้อนะ..ฉันเชื่อว่าคุณต้องทำได้”

เสียงแว่วกังวานใสลอยลมมากระทบโสตประสาทก่อนหลับคืนนั้น...ความอบอุ่นแสนหวานประทับตรึงตลอดราตรีอันยาวนาน ปรีย์ไม่ค่อยแน่ใจกับสิ่งที่เขาได้ยิน

มันเป็นเพียงความหลงละเมอของจิต..

หรือคือส่ำเสียงของหล่อนจริงๆ








ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2555, 01:25:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มิ.ย. 2555, 21:56:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1174





<< อบายภูมิ   บทที่ ๕ เข้าสมาธิ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account