มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา

Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี

ตอน: ตอนที่ 2

ตอนที่ 2

พริมา พัฒนภิรมย์ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะหลับตาลงอย่างอ่อนล้าเมื่อนึกถึงวันชื่นคืนสุขในอดีตซึ่งแตกต่างกับความจริงในปัจจุบันที่แสนเจ็บปวด การพบกันครั้งแรกของเธอและสามีไม่ได้เป็น ‘รักแรกพบ’ อย่างในนิยาย แต่การพบกันครั้งนั้นก็ทำให้หัวใจชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรักแรกและรักเดียวของเธอนั้นได้แอบเก็บเธอเข้าไปไว้ในมุมหนึ่งของหัวใจตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบสบตากันแล้ว จะเป็นเพราะรูปลักษณ์ที่ต้องตาต้องใจชายหนุ่มคาสโนว่าอย่างภัทร์หรือเพราะพรหมลิขิตจาก ‘คนบนฟ้า’ เธอเองก็บอกไม่ได้ เขาเก็บเธอไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน แต่ไม่ได้เก็บไว้ตลอดไป เพราะรักครั้งนี้กลับไม่ยั่งยืนยาวนานตลอดกาลเหมือนดั่งรักของเจ้าชายและเจ้าหญิง หรือจะเป็นเพราะ ‘คนบนฟ้า’ ต้องการให้เป็นแบบนั้น รักของเธอไม่ได้จบลงอย่างในนิทานที่เธอเคยอ่าน ‘They lived happily ever after. แล้วทั้งสองก็ครองรักกันอย่างมีความสุขตราบนานเท่านาน’ สำหรับเธอนั้นความรักครั้งนี้มันไม่นานเลย เพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น 10 ปีที่ได้รักกันและ 6 ปีสำหรับชีวิตคู่.....เรือรักลำนี้ก็ล่มอย่างไม่เป็นท่าเสียแล้ว
ยิ่งเมื่อได้มานั่งย้อนคิดกลับไปยังช่วงเวลาเหล่านั้น คำพูดที่เตือนด้วยความหวังดีของภัทราก็ยังคงก้องในโสตประสาทของเธออย่างชัดเจนครบถ้วนทุกคำ
‘นี่! แต่ฉันพูดจริง ๆ นะเรื่องความเจ้าชู้ของพี่ฉันน่ะ เห็นหล่อ ๆ อย่างนี้เถอะ เวลาบอกเลิกแฟนเก่านะ น้ำตาสาว ๆ ทำอะไรพี่โป๊ปไม่ได้เลยนะ ถ้าลองเจอใหม่ที่ถูกใจแล้วล่ะก็ ร้องไห้ให้ตายก็ไม่ใจอ่อนหรอก ฉันขอเตือนพวกแกไว้ก่อน โดยเฉพาะแก ปริม อัณณ์ด้วย แบบพวกแกนี่แหละ สเป็คพี่ฉันเลยล่ะ ถ้าไม่เชื่อก็ตามใจ เวลาน้ำตาเช็ดหัวเข่า อย่ามาว่าฉันก็แล้วกัน’
ในวันนี้พริมาเองก็ได้เห็นชัดอย่างประจักษ์แจ้งแล้วว่า น้ำตาของเธอไม่อาจรั้งหัวใจของเขาไว้ได้ และน้ำตาของเธอก็ต้องเช็ดหัวเข่าของเธอ....คนเดียว แม้น้ำตาคงจะแห้งเหือดไปในไม่ช้า แต่ความรักที่ยังมีให้เขาอยู่อย่างเต็มเปี่ยมจะเอาไปไว้ที่ไหนต่อดี เพราะเขาไม่ต้องการมันอีกแล้ว หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะทำอย่างไร จะรับเขา....ภัทร์ พัฒนภิรมย์ เข้ามาอยู่ในหัวใจหรือไม่ คำถามนี้พริมารู้คำตอบดีอยู่แล้ว น้ำตาที่เพิ่งแห้งเหือดไปได้ไม่นานก็ค่อย ๆ รื้นกลับขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงคำตอบ แต่คราวนี้มันเป็นน้ำตาที่เกิดจากความสุขใจ เกิดจากความรักที่บริสุทธิ์ เพราะเธอได้ ‘รัก’ กับภัทร์ เธอถึงได้มี ‘ที่สุดของหัวใจ’ ถึง 2 คนมาเป็นพยานรัก....ด.ช. ภัทรดนัย พัฒนภิรมย์ หรือน้องป๊อป และ ด.ช. พัทธดนย์ พัฒนภิรมย์ หรือน้องปิ๊ป สองหนุ่มน้อยผลผลิตที่งดงามจากความรักครั้งนี้ เธอจึงไม่เสียใจเลยสักนิดที่ได้รักกับเขาถึงแม้จะต้องผิดหวังและเจ็บปวดกับการกระทำของเขาในวันนี้มากมายเพียงใดก็ตาม วันนี้ที่เธอมีพวกเขาเป็นกำลังใจสำคัญให้ผ่านความทุกข์ครั้งนี้ไปให้ได้ เธอมีพวกเขาในวันนี้เพราะรักที่เกิดในวันวาน.......

************************

พริมากับภัทราที่กลับมาจากการไปเที่ยวภูเก็ตด้วยกันในช่วงปิดภาคเรียนที่ผ่านมาจึงยิ่งทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันมากขึ้น สองสาวสนุกสนานจากการไปพักผ่อนที่เกาะสวรรค์เป็นเวลาถึง 10 วัน ซึ่งจากเดิมที่ภัทราวางแผนไว้เพียง 5 วันก็ยืดเยื้อเรื่อยมาเพราะการต้อนรับที่อบอุ่นของทั้งผู้ว่าฯและคุณนายที่เลี้ยงดูปูเสื่อเธอเป็นอย่างดีในฐานะเพื่อนซี้ของลูกสาว เริ่มตั้งแต่การพาเที่ยวชมสถานที่สำคัญ ๆ ของจังหวัด เช่น แหลมพรหมเทพ วัดฉลอง วัดพระผุด พิพิธภัณฑ์บ้านคุณหญิงมุกคุณหญิงจัน และพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ ตามมาด้วยการไปเล่นน้ำตามชายหาดเลื่องชื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นป่าตอง กะตะ กะรน และสุรินทร์ ทรายสีขาว ท้องฟ้าสดใส และน้ำทะเลสีครามมัดใจภัทราได้อยู่หมัด หญิงสาวสนุกสนานกับการได้ไปดำผุดดำว่ายและให้อาหารปลาตามเกาะน้อยใหญ่รอบเกาะภูเก็ต ซึ่งนับว่าเป็นการพักผ่อนที่สุดแสนวิเศษหลังจากตรากตรำกับการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยมากว่า 5 เดือน
เมื่อเริ่มเปิดภาคเรียนที่สองทั้งสองสาวต่างก็วุ่นวายกับกิจกรรมของนิสิตชั้นปีหนึ่งมากขึ้น เพราะทั้งพริมาและภัทราต่างก็ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนคณะลงแข่งกีฬาเฟรซชี่ พริมาได้รับคัดเลือกอย่างเป็นทางการจากบรรดาพี่ ๆ ที่เห็นความสามารถให้ลงแข่งแบดมินตันซึ่งเป็นกีฬาถนัดของเธอ เพราะพริมาเคยเป็นนักกีฬาของโรงเรียนในสมัยมัธยมปลายมาแล้ว ส่วนภัทรานั้นได้รับคัดเลือกแกมบังคับให้ลงแข่งบาสเก็ตบอล เพราะนักกีฬาของทีมไม่พอ!!! ภัทราที่พอจะเล่นบาสเก็ตบอลเป็นและไหน ๆ ก็ต้องมารอพริมาฝึกซ้อมทุกเย็นอยู่แล้ว เธอจึงลงเล่นให้กับทีมของคณะอย่างเต็มใจ ส่วนอีกคู่ซี้ วรปรัชญ์และพิชญธิดาก็มีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้เช่นกัน วรปรัชญ์ได้ลงแข่งแบดมินตันประเภทคู่ผสมกับพริมา โดยมีพิชญธิดามาทำหน้าที่ ‘ผู้จัดการทีม’ คอยวิ่งซื้อน้ำซื้อขนมและผ้าเย็นให้เพื่อน ๆ
“โอ้ย! เหนื่อยอะไรขนาดนี้ กระดูกกระเดี้ยวจะหักหมดแล้ว” วรปรัชญ์โอดครวญเพราะโดนรุ่นพี่สั่งให้ซ้อมหนักเนื่องจากกีฬาเฟรซชี่จะเริ่มแข่งในวันพรุ่งนี้แล้ว
“เอ้า! น้ำเกลือแร่ กินซะจะได้มีแรงไปซ้อมต่อ” พิชญธิดาส่งขวดน้ำเกลือแร่ยี่ห้อดังให้เพื่อนสนิทที่นั่งหมดแรงอยู่ข้างสนามแบดมินตัน ไม่มีมาด ‘นางฟ้า’ หลงเหลืออยู่เลย
“ไม่ไหวแล้วอะอัณณ์ วันนี้เหนื่อยมาก พี่เอโครตโหดเลย ใจร้ายกับกะเทยตัวเล็ก ๆ อย่างฉันมาก วันนี้พี่เอแกเป็นอะไรอะ ดุเอาๆ แค่ฉันรับพลาด ตบพลาดนิดหน่อย แกด่าซะหมดกำลังใจเลย ถ้าหน้าตาไม่ดี หุ่นไม่ล่ำแบบนี้นะ แม่จะอัดลูกตบใส่หน้าไม่ยั้งเลยเชียว” วรปรัชญ์ต่อว่าโค้ชรุ่นพี่หนุ่มที่เคี่ยวเข็ญเขาอย่างหนัก
“ก็แกมัวระริกระรี้ไปยืนดูพวกถา’ปัดซ้อมทำไมตั้งนานสองนานล่ะ พี่เขาบอกอยู่ว่าจะแข่งอีกวันสองวันแล้วให้รีบมาซ้อม เรียกชื่อแกตั้งไม่รู้กี่รอบ สมน้ำหน้าแล้ว” ภัทราที่ไม่ต้องซ้อมบาสเก็ตบอลในวันนี้เพราะพรุ่งนี้มีแข่งนัดแรกเปิดสนามว่ากล่าววรปรัชญ์ให้รู้สำนึก
“เออ! รู้แล้วว่าฉันผิด แต่นี่ก็เลยเวลาเลิกซ้อมมาตั้งชั่วโมงกว่าแล้วนะ ยังไม่ยอมให้กลับบ้านอีก ฉันไปยืนดูพวกถา’ปัดแค่สิบยี่สิบนาทีเอง นี่มาชดเวลาให้ฉันซ้อมเป็นชั่วโมง ๆ ฮึ! สงสัยพี่เอจะอยากเป็นคู่ซ้อมให้นังปริมมันนาน ๆ ล่ะสิ” วรปรัชญ์ยังคร่ำครวญต่อ พลางนวดแขนนวดขาให้ตัวเอง
“ปริมมันยังไม่บ่นอะไรเลยสักคำ มีแต่แกนั่นแหละ บ่นเอา ๆ” พิชญธิดาพูดพลางหันไปมองพริมาที่ยังซ้อมอยู่ในสนามแบดมินตันกับรุ่นพี่ปี 3 ที่เป็นหัวหน้าทีมแบดมินตันของคณะ หญิงสาวยังไม่ทีท่าว่าจะเลิกซ้อมและไม่รู้สึกเหนื่อยเพราะเป็นกีฬาโปรดของเธอนั่นเอง
“มันจะบ่นอะไรยะ มันน่ะมือวางอันดับหนึ่งของทีม ใครจะด่ามัน มีแต่คนโอ๋คนคอยเอาใจ น้องปริมเหนื่อยไหมครับ น้องปริมพักก่อนไหมครับ น้องปริมหิวน้ำไหมครับ” วรปรัชญ์เถียงกลับพร้อมกับทำน้ำเสียงกระแดะไปด้วย วรปรัชญ์กัดรุ่นพี่ผู้ชายแท้ ๆ ที่มีอยู่จำนวนน้อยนิดของคณะอักษรศาสตร์ และนี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่ตกหลุมเสน่ห์แม่นางพริมาไปแล้ว
“เออ! รู้แล้วก็ดี รู้แล้วแกก็จำใส่หัวไว้ด้วยล่ะ ว่าปริมมันหวังมากทั้งจากประเภทเดี่ยวและประเภทคู่ ประเภทเดี่ยวน่าจะชนะได้ไม่ยากเพราะมัน.......ไม่มีตัวถ่วง ฮ่า ๆๆๆ” พิชญธิดาพูดแต่มีเสียงหัวเราะของภัทราร่วมประสานด้วย
“ย่ะ! ฉันมันตัวถ่วง แล้วถ้าฉันชนะล่ะ พวกแกสองคนจะให้อะไรฉัน” วรปรัชญ์หยุดนิ่งเพื่อใช้ความคิดก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ถ้าฉันชนะแกสองคนต้องเลี้ยงข้าวฉัน 1 มื้อ ตกลงไหมล่ะ” วรปรัชญ์ท้า
“ได้ ไม่มีปัญหา” พิชญธิดาบอก แล้วพูดต่อว่า “แต่ต้องไปกินที่ร้านแม่ฉันนะ ฮ่า ๆๆ” พิชญธิดามีแม่เปิดร้านขายข้าวแกงและอาหารตามสั่งเพราะพ่อของเธอซึ่งเป็นตำรวจได้เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่เมื่อหลายปีก่อน แม่ของเธอจึงต้องทำงานเลี้ยงดูตัวเองและส่งเสียเธอให้ได้เรียนสูง ๆ ไปด้วย
“ไม่เอาหรอก ไปกินร้านแม่แกทีไร ฉันเกรงใจอะ แม่แกไม่เคยเอาตังค์สักที” วรปรัชญ์ทำเป็นบ่น
“3 จานนี่บ้านแกเรียกเกรงใจแล้วเหรอนังปรัชญ์” พิชญธิดาตอกกลับก่อนที่จะส่งขวดน้ำและผ้าเย็นให้กับพริมาที่เพิ่งเดินออกจากสนามแบดมินตันเพื่อมาสมทบกับพรรคพวกโดยมีพี่เอตามติดมาด้วย พิชญธิดาจึงส่งทั้งขวดน้ำและผ้าเย็นให้รุ่นพี่อย่างมีน้ำใจ
“เอาน่าอัณณ์ อย่าไปร้านแม่แกเลย เพราะถ้าให้ปรัชญ์ไปร้านแม่แกบ่อย ๆ น่ะจะกลายเป็นว่ามันไปช่วยไล่แขกไม่ใช่เรียกแขกนะ ฮ่าๆๆ” ภัทราหลอกด่าวรปรัชญ์ เลยได้รับค้อนวงโตกลับมาหนึ่งที
“ตกลงพวกเรารับคำท้าแก ถ้าแกกะปริมสามารถชนะได้ที่ 1 ประเภทคู่ผสมนะ ฉันให้แกเลือกร้านได้เลยด้วย จะเอาร้านแพงร้านหรูแค่ไหนก็ย่อมได้” ภัทราสรุปอย่างคนใจป้ำ พริมาที่ยืนฟังอยู่สักพักแล้วเพิ่งจะเข้าใจว่าเพื่อน ๆ ของเธอกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่ หญิงสาวจึงโพล่งออกไปว่า
“นี่! พวกแก ที่เดิมพันกันน่ะไม่คิดจะถามคนแข่งสักคำเลยนะ” พริมาแกล้งงอนใส่เพื่อน ๆ
“ไม่ถามหรอก เพราะยังไงแกก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว แกเองก็อยากชนะไม่ใช่เหรอ” ภัทราย้อนกลับ
“ติวเข้มซะขนาดนี้ จะไม่ชนะได้ยังไง ใช่ไหมคะพี่เอขา” วรปรัชญ์ได้ทีรีบประชดรุ่นพี่หนุ่มที่ใคร ๆ ก็ดูออกว่าอยากเป็นมากกว่าโค้ชกับรุ่นน้องคนสวย ชายหนุ่มรุ่นพี่ไม่ตอบอะไรได้แต่ส่งยิ้มกลับมา
‘ทีอย่างนี้ล่ะมาทำเป็นยิ้มให้ ฉันพูดถูกใจล่ะสิ เชอะ! ทีเมื่อกี้ล่ะดุเอา ๆ คอยดูนะพี่เอ ปรัชญ์จะไม่ช่วยเชียร์นังปริมให้หรอก’ วรปรัชญ์แอบค่อนขอดในใจ ก่อนที่จะหันหน้าไปหาภัทรา
“จริงนะปั๊ป พูดแล้วอย่าคืนคำ ปริมแกจำไว้ด้วยนะว่าปั๊ปมันสัญญาแล้ว อันที่จริงฉันขอเพิ่มเงื่อนไขอีกข้อได้ไหม”
“อะไรอีกล่ะ เรื่องมากจริงแกนี่” พิชญธิดาที่กำลังเริ่มเก็บขวดน้ำและผ้าเย็นที่เหลือใส่กระเป๋าเก็บความเย็นหันมาแหวใส่
“การที่พวกฉันจะชนะเด็กครุฯพละได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะยะ เพราะฉะนั้นมันต้องมีอะไรพิเศษหน่อยสิ” วรปรัชญ์เริ่มเปิดการต่อรอง
“อะไรล่ะ ไหนว่ามาซิ ถ้าไม่เว่อร์เกินไป ฉันก็โอเค” ภัทราตอบ
“ไม่เว่อร์หรอกปั๊ป แกทำได้ไม่ยากด้วย ก็แค่วันกินเลี้ยงอะ ให้แกเชิญพี่ชายแกมาด้วยนะ ไม่เจอพี่โป๊ปตั้งนานแล้ว ฉันคิดถึง” วรปรัชญ์เฉลยข้อต่อรองด้วยสายตาเป็นประกาย
“นี่แกคิดว่าแกจะชนะชัวร์ ๆ เหรอนังปรัชญ์” พิชญธิดาที่เก็บของเสร็จหันหน้ามาย้อนถาม
“ถ้าพี่โป๊ปมากินเลี้ยงฉลองความสำเร็จอันงดงามของฉันได้นะ ฉันสู้ตาย!” วรปรัชญ์ทำท่ามุ่งมั่นประหนึ่งว่ากำลังจะลงแข่งขันกีฬาโอลิมปิค
“เออได้ ตกลงตามนั้น” ภัทราให้สัญญาเพราะถือว่าเป็นคำขอที่จิ๊บ ๆ มากสำหรับเธอ
“สู้ตายนะปริม เพื่อพี่โป๊ปของฉัน” วรปรัชญ์หันมาหาพริมาก่อนที่จะแปะมือกับพริมาเสมือนว่ากำลังผนึกกำลังกันเพื่อภารกิจอันยิ่งใหญ่

************************

ในวันแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของแบดมินตันประเภทคู่ผสมระหว่างคณะอักษรศาสตร์และคณะครุศาสตร์ซึ่งคู่นี้ก็เป็นไปตามความคาดหมายของผู้ชมที่เฝ้าติดตามกีฬาประเภทนี้มาตั้งแต่รอบแรกเพราะต่างฝ่ายต่างก็มีฝีมือด้วยกันทั้งคู่ วันนี้พริมาลงแข่งด้วยเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีบานเย็น ส่วนวรปรัชญ์ใส่เสื้อโปโลสีบานเย็นกับกางเกงขาสั้นสีขาวประมาณว่าขอเป็น ‘แฝดสยาม’ ทางการแต่งตัวสักวัน ไอเดียการแต่งกายนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากแม่หญิงวรปรัชญ์ที่บอกกับพริมาในวันที่ไปเลือกซื้อชุดกีฬาด้วยกันว่า
‘รอบชิงคนมาดูเยอะจะตาย ฉะนั้น...เราต้องสวยไว้ก่อนนะปริม ชนะหรือแพ้ค่อยว่ากัน ฮิๆๆ’
วันนี้นอกจากวรปรัชญ์จะเจิดจ้าในเสื้อโปโลสีบานเย็นแล้ว เขายังดูคึกคักเป็นพิเศษ ไม่ใช่ดีใจมากมายที่สามารถเข้ามาถึงรอบสุดท้ายได้ แต่ที่ระริกระรี้เป็นปลากระดี่ได้น้ำเพราะขอบสนามมีภัทร์หนุ่มหล่อจากคณะเศรษฐศาสตร์ว่าที่เจ้ามือเลี้ยงอาหารมาร่วมเชียร์ด้วยตามคำเชิญแกมบังคับของน้องสาว ชายหนุ่มมาในแบบสบาย ๆ เสื้อโปโลสีขาวสะอาดตากับกางเกงยีนส์สีเข้มจึงส่งให้ชายหนุ่มดูเท่ห์ และยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีกด้วยแว่นตาดำที่ชายหนุ่มมักสวมใส่เป็นประจำ
ขณะที่นั่งเชียร์พริมาและวรปรัชญ์อยู่นั้น ภัทร์ต้องยอมรับกับตัวเองว่าพริมาเป็นหญิงสาวที่แปลกแตกต่างจากที่ผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยคบหา ผู้หญิงที่เขาเคยควงด้วยนั้นทุกคนสวยและฉลาด แต่ไม่มีใครรักการเล่นกีฬาแบบพริมา ผู้หญิงเหล่านั้นไม่มีวันที่จะมาทุ่มเทและตั้งหน้าตั้งตาซ้อมกีฬาจนเหงื่อไหลท่วมตัว จนลบเครื่องสำอางราคาแพงให้ออกไป คงเหลือไว้แต่ความงามตามธรรมชาติอย่างที่พริมาเป็นอยู่ ไม่มีทางที่พวกเธอจะยอมทำแบบนั้นเพื่อส่วนรวม ยกเว้นว่าเป็นการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์หรือเดินแบบซึ่งอาจมีทางเป็นไปได้มากที่พวกเธอจะยอมทุ่มสุดตัว ภัทร์นั่งเชียร์พริมาพลางสำรวจรูปร่างหน้าตาของเพื่อนซี้น้องสาวคนนี้ เขายอมรับว่าเธอสวยและดูอ่อนหวานราวแก้วบางในชุดนิสิตเมื่อครั้งแรกพบและนี่คงเป็นเหตุผลข้อแรกที่ทำให้เขารู้สึกพิเศษกับเธอ และทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธ(หัวใจตัวเอง) เมื่อแม่น้องสาวจอมยุ่งบังคับให้มาเลี้ยงข้าวพรรคพวกเพื่อนเธอหลังการแข่งขันจบ ลึก ๆ แล้วเขาก็อยากมาเจอเธออีกครั้ง แต่ในวันนี้สาวน้อยคนเดียวกันนั้นกลับดูปราดเปรียวและมุ่งมั่นเมื่ออยู่ในสนามแบดมินตัน ผมยาวสลวยถูกรวบตึงเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการแข่งขัน แววตาดูจริงจังและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง พริมาดูราวกับเป็นคนละคนกับหญิงสาวที่เขาพบเมื่อไม่นานมานี้ ภัทร์ค่อย ๆ หันไปถามน้องสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งกำลังลุ้นตัวโก่งให้เพื่อนซี้ชนะคู่แข่งที่มีคะแนนนำอยู่ 2 แต้มว่า
“ปั๊ป พี่ถามอะไรหน่อยสิ ทำไมเราถึงมาสนิทกับปริมได้ล่ะ ทุกทีพี่เห็นเพื่อนเราไม่ใช่แนวนี้นี่นา แล้วเพื่อนที่มาจาก ม.ปลายด้วยกัน ไปไหนหมดแล้ว ที่เรียนอักษรฯกับเราก็มีตั้งหลายคนไม่ใช่เหรอ” ภัทราหันมามองหน้าพี่ชายด้วยสายตางุนงงและคิ้วขมวด
“มาถามอะไรตอนนี้ โน่นจะจบเซ็ทแรกแล้ว ปริมกะปรัชญ์ยังตามฝ่ายโน้นอยู่เลย” ภัทราที่ลุ้นจนนั่งแทบไม่ติดเพราะเซ็ทแรกกำลังจะหมดหากฝ่ายตรงข้ามได้แต้มนี้...แต้มที่ 21 แต้มปิดเกม
“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่เห็นเราสนิทกับเขามาก ถึงขนาดไปเที่ยวบ้านช่องเขามาแล้ว ปกติไม่เห็นเคยตามไปบ้านใคร” ภัทร์ยังเซ้าซี้น้องสาวต่อ
“นั่นน่ะ! ไปภูเก็ตเชียวนะคะคุณพี่ชาย มีใครไม่อยากไปเที่ยวภูเก็ตบ้างล่ะ” ภัทราอธิบายก่อนที่จะถามต่อว่า
“แล้วทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะพี่โป๊ป หรือว่า.....หรือว่าพี่แอบชอบปริมใช่ไหม” ภัทราชี้หน้าพี่ชาย
“เปล่า!” ภัทร์รีบตอบ
“ทุกทีปั๊ปคบกับใคร คบเพื่อนแบบไหนพี่โป๊ปก็ไม่เคยสนใจนี่นา” ภัทราพยายามจับผิดต่อ
“ก็นั่นมันสมัยแกเป็นเด็ก ม.ปลาย ตอนนี้แกโตขึ้น เป็นเด็กมหา’ลัยแล้ว คงมีความคิดความอ่านเป็นของตัวเองมากขึ้น พี่ก็เลยอยากรู้ว่าเพราะอะไร” ภัทราฟังพี่ชายอย่างตั้งใจ
“แล้วที่พี่โป๊ปว่าปริมไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นของปั๊ปน่ะ หมายถึงเรื่องเล่นกีฬานี่น่ะเหรอ” ภัทราถามเพื่อความแน่ใจเพราะเพื่อนสาวส่วนใหญ่ของภัทราในสมัย ม. ปลายนั้น มีแต่พวกที่ชวนกันเดินห้าง ดูหนัง และช็อปปิ้งเท่านั้น
“อันนั้นก็ส่วนหนึ่ง แต่พี่ว่านิสัยเขาก็ดูไม่เหมือนคนอื่น ๆ ด้วยมั้ง อันนี้พี่ก็ไม่แน่ใจนะเพราะเพิ่งเจอกันครั้งสองครั้งเอง แต่เท่าที่ฟังจากเราอยู่บ่อย ๆ ก็ยังไม่เคยเห็นเราบ่นว่าเขาหรือโกรธเขาเลย พี่ก็เลยอยากรู้ว่าปริมเขามีอะไรดีนัก” ภัทร์ให้เหตุผล
“ว้า! แพ้แล้ว” ภัทราพูดด้วยท่าทางผิดหวังที่เห็นทีมของคณะตนเองเป็นฝ่ายแพ้ไปในเซ็ทแรก
“ยังเหลืออีกตั้ง 2 เซ็ท เขาเพิ่งเล่นเข้าขากันครึ่งหลังเอง เดี๋ยวเซ็ทต่อไปน่าจะดีขึ้น และคงจะชนะบ้าง แต่ไม่รู้จะอึดเท่าฝ่ายโน้นไหมนะ ดูท่าทางฝ่ายโน้นจะได้เปรียบกว่า” ภัทร์วิเคราะห์การแข่งขันและสมรรถภาพของนักกีฬาอย่างมีหลักการทั้ง ๆ ที่กำลังพูดคุยถึงประเด็นอื่นอยู่
“แหงล่ะ ผู้ชายฝ่ายโน้นนั่นน่ะโควต้านักกีฬานะพี่โป๊ป” ภัทราหมายถึงฝ่ายตรงข้ามที่ได้เปรียบทั้งรูปร่างและทักษะ เพราะความสามารถทางกีฬาล้วน ๆ จึงทำให้ฝ่ายโน้นได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้โดยไม่ต้องสอบแข่งขันเหมือนพวกเธอ
“เอ้า! ว่าไงล่ะ สรุปว่าเพราะอะไรล่ะ พี่รอฟังอยู่นะ” ภัทร์ยังไม่ลืมทวงคำตอบ
“ปั๊ปก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าปริมมีอะไรดี เดี๋ยวขอนึกก่อนสิ” ภัทราใช้ความคิดแต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่เพื่อนสาวซึ่งกำลังเดินไปลูบหลังปลอบใจวรปรัชญ์ที่แพ้ในเซ็ทแรก นักกีฬาทั้งสองฝ่ายแวะดื่มน้ำก่อนที่จะสลับสนามกันโดยฝ่ายคณะอักษรศาสตร์มีพิชญธิดาซึ่งเป็นผู้ดูแลนักกีฬาคอยเสิร์ฟน้ำให้ และมีพี่เอหัวหน้าทีมเข้าไปให้คำแนะนำและบอกจุดด้อยของฝ่ายตนเองและฝ่ายตรงข้าม
“ในตอนแรกที่รู้จักกันเหมือนมีอะไรดึงดูดให้เข้าไปพูดคุยทักทายกะเขา พอได้คุยก็เริ่มถูกชะตา ปริมเขาเป็นคนคุยรู้เรื่องมั้ง เราอาจเหมือนกันเพราะต่างก็เป็นน้องคนเล็กและมีพี่ชายคนเดียว ปริมเขาไม่ใช่คนที่ชอบเซ้าซี้ เขาไม่เรื่องมาก มีความเป็นผู้ใหญ่ ถึงจะดูบอบบางแบบนั้นนะแต่เขาก็เด็ดเดี่ยว เขามีความเป็นตัวเองสูง เชื่อมั่นแต่ก็ไม่ถึงกับเว่อร์ เขาดูเหมือนเรียบ ๆ แต่ไม่ธรรมดา แตกต่างจากคนอื่น ๆ อย่างที่พี่ว่านั่นแหละ ที่สำคัญนะเขามีน้ำใจและคอยเป็นห่วงปั๊ป คอยเตือนและคอยชักจูงให้ไปในทางที่ถูกที่ควร แถมเขาก็ไม่เคยโกรธปั๊ปสักครั้งเลยนะทั้ง ๆ ที่บางทีปั๊ปก็งี่เง่าเอาแต่ใจตัวเองบ้าง เวลาปั๊ปเป็นแบบนั้นปริมเขาก็จะนิ่ง ๆ แต่เขาไม่โกรธนะ เหมือนว่าเขาจะให้เวลาปั๊ปเรียกสติตัวเองน่ะ ปริมเขาเป็นคนใจเย็นมากกกกกก ถ้าเขาโกรธหรือเกลียดใครนี่แสดงว่าคน ๆ นั้นต้องเลวจริง ฮ่าๆๆ อ้อ! แต่เขาก็เป็นคนสนุกสนานนะพี่โป๊ป เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น ดูหงิม ๆ แบบนั้นนะชีมีมุกเพียบ ฮากระจาย บางทีปริมยังตอกกลับจนนังปรัชญ์ต้องยอมสงบปากสงบคำไปเลยนะพี่” ภัทราอธิบายอย่างยืดยาว
“อือ....พี่เข้าใจแล้วล่ะ นิสัยเขาเป็นแบบนี้นี่เองเราถึงอยู่กับเขาได้ ไม่ใช่สิ ต้องพูดว่าเขาถึงอยู่กับเราได้ต่างหาก ฮ่าๆๆ” ภัทร์แกล้งเย้าน้องสาว “ดีแล้วล่ะที่เรามีเพื่อนที่คอยชักจูงไปในทางที่ดี เราน่ะยิ่งเชื่อคนง่าย ๆ อยู่ด้วย” ภัทร์พูดพลางลูกศีรษะคนเป็นน้องพลาง
“นี่! พี่โป๊ป มาหลอกด่าว่าปั๊ปซื่อว่าปั๊ปโง่ ใช่ไหมนี่” ภัทราตีแขนพี่ชายก่อนที่จะถามว่า
“ปั๊ปชอบปริมเขามากเลยนะพี่ ถึงเพิ่งจะรู้จักกันไม่นาน แต่ปั๊ปก็ไว้ใจเขาและมั่นใจว่าเขาจะเป็นเพื่อนตายคนหนึ่งของปั๊ปได้” ภัทราบอกพี่ชายด้วยสายตามุ่งมั่นก่อนที่จะหันไปตั้งหน้าตั้งตาเชียร์เพื่อนสนิทที่ไม่รู้ตัวว่าถูกสองพี่น้องแห่งพัฒนภิรมย์พูดถึงอยู่นานสองนาน หญิงสาวหันกลับมาหาผู้เป็นพี่เมื่อนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
“อ้อ! พี่โป๊ป เพื่อนปั๊ปคนนี้ห้ามจีบนะ ถ้าไม่รักจริงหวังแต่งอย่ายุ่งกับปริมเขาเด็ดขาด พ่อแม่เขารักเขาหวงมาก แถมทุกคนก็ดูแลปั๊ปเป็นอย่างดีตอนที่ปั๊ปไปเที่ยวภูเก็ต ปั๊ปไม่อยากเข้าหน้าพวกท่านไม่ติด ถ้าพี่ไม่คิดจริงจังก็ให้รักเขาเหมือนน้องคนหนึ่ง อย่ามาหลอกให้เขาเสียใจเหมือนที่พี่ทำกับคนอื่น ๆ” ภัทร์แปลกใจที่ภัทราพูดทำนองนี้เป็นครั้งแรกแถมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเสียด้วย ซึ่งเจ้าตัวเองก็แปลกใจตัวเองเช่นกันว่าทำไมต้องเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนสาวที่เพิ่งมาสนิทสนมได้ไม่ถึงปีมากขนาดนี้....หรือชาติก่อนจะเคยทำบุญร่วมกันมา
“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเขาเลยนะ” ภัทร์รีบโวยเพราะเขาเองยังไม่ได้คิดอะไรกับพริมาเลย.....แค่หลงรูปก็เท่านั้นเอง
“มือยังไม่ได้ทำ แต่สายตาน่ะมันทำนำหน้าไปตั้งเยอะแล้ว ปั๊ปเห็นนะตอนที่ปริมเข้ามาไหว้พี่น่ะ สายตาแบบนั้น แบบที่พี่ชอบใช้มองผู้หญิงสวย ๆ แล้วหว่านเสน่ห์ให้เขามาติดกับดักน่ะ แต่ขอโทษนะคะปริมมันไม่รู้สึกอะไรด้วยหรอก ขนาดพี่เอพยายามจีบมันมาเป็นเดือนแล้ว มันยังไม่ทีท่ารู้สึกรู้สาอะไรเลย” ทันทีที่ภัทร์ได้ยินว่าเพื่อนของน้องสาวคนที่เป็นประเด็นในหัวข้อสนทนาอยู่นี้มีชายหนุ่มรุ่นพี่มาขายขนมจีบให้แล้ว เขาก็เกิดอาการหวงของและอยากเอาชนะฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล อันที่จริงคงเป็นเพราะลึก ๆ แล้วภัทร์เองก็มีใจให้สาวเจ้าอยู่บ้าง ถึงจะไม่มากมายขนาดเรียกว่ารักได้ แต่ก็มีมากพอให้รู้สึกถึงความอยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ยิ่งพอได้ยินว่าคนอื่นจะมาเอาของที่ตัวเองหมายปองไป อารมณ์อยากเอาชนะก็เลยเกิดขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัวตามประสาผู้ชายที่เห็นแก่ตัวทั่ว ๆ ไป
‘รักไม่รักค่อยว่ากันอีกที แต่เรื่องอะไรจะปล่อยให้คนอื่นได้ชื่นชมของสวย ๆ งาม ๆ ก่อนเรา ใครยอมก็โง่แล้ว’
“แล้วถ้าพี่ชอบเขาจริงล่ะปั๊ป” ชายหนุ่มลองหยั่งเชิงน้องสาวดู
“อะไร! เมื่อกี้ยังบอกไม่ได้คิดอะไรอยู่นี่นา” ภัทรารีบดักคอ
“ก็ถามเผื่อไว้ ปริมเขาน่ารักออกแถมปั๊ปก็คอนเฟิร์มว่านิสัยดี ปั๊ปไม่คิดจะเชียร์พี่เชียร์เชื้อบ้างเหรอ” คาสโนว่าภัทร์เริ่มเดินหมากทันทีเพื่อที่จะได้จบเกมได้ก่อนคู่ต่อสู้ที่รู้ตัว
“ก็บอกแล้วไง ถ้าไม่รักจริงหวังแต่งอย่ายุ่งกับเขาเด็ดขาด คนนี้ปั๊ปขอล่ะ ปริมเขาน่ารัก ทั้งหน้าตาก็สวยและนิสัยก็ดี แต่ถ้าพี่โป๊ปชอบจริงตามที่พูด พี่ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ปั๊ปเห็นก่อน ถ้าผ่าน ปั๊ปก็จะเชียร์และช่วยเต็มที่เลย” ภัทราบอกผู้เป็นพี่เพราะเธอเองก็เคยแอบคิดเล่น ๆ ถ้าได้เพื่อนสนิทมาเป็นพี่สะใภ้คงจะมีความสุขดีเพราะมีเพื่อนรู้ใจมาอยู่ในบ้านด้วย
“สัญญาแล้วนะว่าจะช่วยพี่น่ะ” ภัทร์ย้ำ
“ถ้าพี่ชอบเขาจริง” ภัทราย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ไม่ได้คิดแค่หลอกฟันเหมือนกับคนอื่น ๆ นะ” ภัทราตบท้ายด้วยการสรุปอย่างตรงประเด็นและชัดเจนด้วยน้ำเสียงทรงพลังและสายตาที่ดุดัน
“คร้าบบบบบคุณน้องบังเกิดเกล้า” ชายหนุ่มผู้เป็นพี่รับปากไปอย่างนั้นเอง ภัทร์อยากลองดูว่าระหว่างเขากับรุ่นพี่ร่วมคณะที่พ่วงตำแหน่งหัวหน้าทีมแบดมินตันด้วยนั้นพริมาจะเลือกใคร ชายหนุ่มแค่อยากชนะฝ่ายตรงข้ามก็เท่านั้นเอง ภัทร์ไม่ได้นึกเลยว่าคาสโนว่าอย่างเขาจะมาตกหลุมบ่วงเสน่ห์ของสาวน้อยใสๆ อย่างพริมาจนถอนตัวไม่ขึ้น

************************

ณ ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีผสมกันเพื่อตอบสนองความต้องการตามกระแสของผู้บริโภค ภัทร์พารุ่นน้องคณะอักษรศาสตร์มาเลี้ยงปลอบใจที่แข่งแบดมินตันได้ที่ 2
“ที่จริงพี่ภัทร์ไม่ต้องพาพวกเรามาเลี้ยงก็ได้ค่ะ เพราะที่ตกลงกันไว้ จะเลี้ยงก็ต่อเมื่อพวกเราแข่งชนะนี่คะ” พิชญธิดากล่าวขึ้นระหว่างรออาหารชุดปิ้งย่างที่สั่ง
“นั่นสิคะ พวกเราเกรงใจพี่โป๊ปจังค่ะ” พริมาที่นั่งติดกับพิชญธิดาพูดต่อ หญิงสาวที่ยังอยู่ในชุดกีฬา ‘แฝดสยาม’ เธอยังคงสดใสแม้ว่าจะเพิ่งผ่านการแข่งขันแบดมินตันที่แสนจะดุเดือด เพราะทั้งสองทีมต่างผลัดกันรับและรุกจนทำให้เหล่าผู้ชมต้องลุ้นกันจนนั่งไม่ติดอยู่ตลอดเวลา ผลการแข่งขัน คือ ฝ่ายพริมาและวรปรัชญ์จากคณะอักษรศาสตร์แพ้คณะครุศาสตร์ไป 1 ต่อ 2 เซ็ท
“ก็มาเลี้ยงที่ชนะไงครับ ได้ตั้งที่ 2 ยังไม่เรียกว่าชนะอีกเหรอครับ เขาแข่งกันตั้งหลายคณะนะครับน้องปริมได้ที่ 2 นี่พี่ว่าก็เก่งมากแล้วนะ” ภัทร์อธิบาย
“น้องปริมคนเดียวที่ไหนล่ะครับพี่โป๊ป อย่าลืมน้องปรัชญ์อีกคนสิฮะ” วรปรัชญ์รีบแทรกขึ้นมาทันที
“พี่โป๊ปเขาหมายถึงที่ปริมมันแข่งเดี่ยวต่างหากย่ะ” พิชญธิดาดักคอเพื่อนชายใจสาว
“พี่พูดรวม ๆ กันหมดนั่นแหละครับ ไม่ใช่แค่น้องปริมคนเดียว ยิ่งเล่นประเภทคู่ยิ่งต้องอาศัยความสามารถมากขึ้นไปอีก เพราะถ้าเล่นไม่เข้าขากัน ถึงต่างคนจะเก่งแค่ไหนก็พาทีมไปไม่ถึงฝั่งหรอกครับ” ภัทร์เข้าใจดีถึงความสำคัญของ ‘ทีมเวิร์ค’ เพราะเขาก็เป็นนักฟุตบอลของคณะ ดังนั้นคำพูดของเขาจึงทำให้วรปรัชญ์ยิ้มจนหน้าบาน
“ขอบคุณนะฮะพี่โป๊ปที่ไม่ลืมปรัชญ์ ไม่เหมือนนังพวกนี้ที่มาโยนความผิดให้ปรัชญ์คนเดียว” วรปรัชญ์ซึ่งน้อยใจที่โดนกล่าวหาว่าเป็นคนทำให้ทีมแพ้แกล้งเรียกคะแนนสงสาร
“โอ้ย! ไม่ต้องมาดราม่าเลยแก ถ้าไม่ใช่เพราะแกสาระแนไปรับลูกที่ฝ่ายโน้นเขาตีออกตั้งสองสามครั้งนั่นนะ ป่านนี้เราก็มีสิทธิ์ได้ดิวและอาจจะชนะไปแล้วก็ได้” พิชญธิดาหันมาพูดใส่วรปรัชญ์
“ก็ฉันกลัวว่ามันจะลงเส้นพอดีนี่นา วิ่งถอยหลังแทบตายนะนั่น ฮึ! แต่ดันไม่มีใครเห็นความดีความชอบของปรัชญ์เลย พี่เอพี่โป๊ปปรัชญ์ผิดด้วยเหรอฮะที่ทำเพื่อทีมขนาดนั้น” วรปรัชญ์หันมาเสียงสนับสนุนจากรุ่นพี่ทั้งสอง
“เอาน่า กีฬาก็ต้องมีแพ้มีชนะเป็นธรรมดา อย่าไปซีเรียสน่ะ ได้ตั้งที่ 2 ทั้งประเภทหญิงเดี่ยว และคู่ผสมก็ถือว่าเก่งมากแล้ว เพราะทีมที่เราแพ้นั่นน่ะครุฯพละเชียวนะปรัชญ์” พี่เอให้กำลังใจรุ่นน้องที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างตัวเขาและเพื่อนใหม่จากคณะเศรษฐศาสตร์แต่กลับส่งรอยยิ้มและสายตาหวานฉ่ำไปให้หญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างเปิดเผย จน ‘เพื่อนใหม่’ ที่แอบตั้งตำแหน่ง ‘คู่แข่ง’ ให้เขาไปแล้วนั้นชักจะมีอารมณ์ขุ่น ๆ เพราะรู้สึกขวางหูขวางตาชอบกล
‘ฉันปล่อยให้แกทำคะแนนนำไปก่อน เดี๋ยวฉันค่อยลงมือเก็บทีละ 3 แต้ม รับรองไล่แกทันและคงทิ้งห่างได้ไม่ยาก รู้จักภัทร์ พัฒนภิรมย์น้อยไปซะแล้ว’ ภัทร์คิดเข้าข้างตัวเองด้วยความมั่นใจเพราะเขาไม่เห็นว่าพริมาจะรู้สึกพิเศษอะไรกับการแสดงออกที่ชัดเจนของรุ่นพี่ร่วมคณะ ‘หญิงสาวไม่ตบมือด้วยเสียอย่าง แล้วมันจะมีเสียงดังได้อย่างไร’ และในที่สุด ‘คาสโนว่าตัวพ่อ’ อย่างภัทร์ก็สามารถอาสาไปส่ง ‘เหยื่อ’ อย่างพริมาที่คอนโดได้อย่างสำเร็จงดงาม......แผนขั้นที่ 1 ผ่านฉลุย
“พอคีคอนโดน้องปริมอยู่ทางผ่าน เดี๋ยวพี่ไปส่งปริมเองละกัน” ภัทร์บอกทุกคนเมื่อเดินออกจากร้าน เพราะชายหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทีกระโตกกระตากแต่อย่างใด จึงไม่มีใครกังขาในความหวังดีของชายหนุ่มแม้แต่น้อย ยกเว้น.....ภัทราผู้เป็นน้องสาวที่รู้ความจริงอยู่คนเดียว ‘คนละทางเลยนะนั่น มันทางผ่านตรงไหนอะพี่โป๊ป’ ภัทราเริ่มไม่ไว้ใจในตัวพี่ชายและแอบห่วงสวัสดิภาพของเพื่อนสนิท ‘ปริมมันยิ่งซื่อ ๆ กับเรื่องแบบนี้อยู่ จะตามเกมพี่โป๊ปทันเหรอ พี่โป๊ปนะพี่โป๊ป เดี๋ยวต้องจัดการ!’
ทั้งหมดแยกย้ายกันกลับบ้านและคอนโด โดยภัทราที่วันนี้ขับรถมาเองเพราะเป็นวันศุกร์ซึ่งหญิงสาวจะต้องกลับบ้าน ‘คฤหาสน์พัฒนภิรมย์’ ไม่ใช่คอนโดหรูที่เธออาศัยอยู่กับพี่ชายซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลมากนักจากมหาวิทยาลัย หญิงสาวขับ ‘มินิ’ ซึ่งได้เป็นของขวัญจากบิดาเมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้และอาสาไปส่งพิชญธิดาที่บ้านซึ่งอยู่เส้นทางเดียวกันจริง ๆ ไม่ได้มั่วนิ่มเหมือนพี่ชาย ดังนั้นพี่เอจึงต้องฝืนใจไปส่งสาวเทียมเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ที่สถานีรถไฟฟ้า ชายหนุ่มหัวหน้าทีมแบดมินตันรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้ไปส่งหญิงสาวรุ่นน้องร่วมคณะที่เขาแอบหมายปองตามที่ได้วางแผนไว้ในใจ เมื่อภัทร์มีเหตุผล เขาก็ไม่กล้าค้านและเสนอตัวเป็นสารถีให้กับพริมา ‘เฮ้อ! อุตส่าห์ตามมากินเลี้ยงด้วย นึกว่าจะได้ไปส่งน้องปริมแล้วเชียว เอาน่า! เอ ยังไงเราก็เรียนคณะเดียวกันได้เจอน้องปริมทุกวันอยู่แล้ว วันนี้คงไม่ใช่วันของเรา ไม่ใช่วันนี้ก็ต้องมีสักวันล่ะน่ะ’ แต่พี่เอของน้อง ๆ อักษรศาสตร์ไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้เลยว่า เมื่อ ‘อ้อย’ อย่างพริมาได้เข้าปาก ‘ช้าง’ อย่างภัทร์ไปแล้วนั้น ไม่มีทางที่มันจะคายออกมา หรือใคร ๆ ก็ไม่สามารถบังคับมันได้ เพราะ ‘ช้าง’ ตัวนี้ไม่เคยไม่ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ!!!

************************

อ่านจบแล้ว ขอคอมเม้นต์ด้วยนะคะ



อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2555, 20:22:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มิ.ย. 2555, 20:22:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 2077





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
หมูอ้วน 6 มิ.ย. 2555, 13:26:00 น.
รอติดตาม ตอนต่อไปค่ะ
ชอบเพื่อนซี้ ป. ทั้งสองคนเลยค่าา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account