ม่านพรหม
เมขลา น้องสาวคนเล็กของผู้การจิรวัติ เธอผู้มีซิกเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ สามารถยั่งรู้อนาคตของคนอื่นได้บ้าง..เมขลา ต้องพบกับภัยคุกคามจาก กฤษณะ อดีตคนรักของลูกค้า เพราะเธอไปดูว่า กฤษณะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอคนนั้น...จากเรื่องสนุก ๆ ที่ได้รู้อนาคตคนอื่น เมขลา เริ่มเครียด และเขาก็ค่อย ๆ ทำให้เธอรู้ว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้นั้น ไม่ได้เกิดจาก รู้ดวงชะตา..
Tags: นายรถไฟ กับยายซิกเซ้นส์

ตอน: )))))))))) ตอนจบ....((((((((((((((

หลังจากมีเรี่ยวแรงพอลุกขึ้นนั่งเดินเหินได้ วิจิตรศราพาเมขลานั่งรถเข็นมาเยี่ยมกฤษณะที่ยังอยู่ในห้องพักฟื้น และพอเห็นศีรษะที่มีผ้าขาวพันไว้ เมขลาก็ใจคอไม่ดีขึ้นมาอีก แม่กุหลาบของกฤษณะกรากเข้ามาเมขลา เมขลายันกายลุกขึ้นจากรถเข็นเข้าสวดกอดด้วยความดีใจ..

“หนูนาฟื้นแล้ว ทำไมถึงหลับไปยาวเลยละลูก”

“นะเขาเป็นอย่างไรบ้างค่ะ” เมขลาเปลี่ยนไปถามเรื่องที่เธอทุกร้อนใจมากกว่าแทนจะตอบคำถามนั้น

“เขาฟื้นลืมตาได้แล้ว แต่ว่า...ยังจำใครไม่ได้เลย จำไม่ได้แม้แต่แม่..” บอกเมขลาแล้วคนเป็นแม่ก็สะอื้นฮัก ๆ…

“ทำใจดี ๆ ไว้ค่ะ เดี๋ยวมันก็ต้องดีขึ้น” เมขลาปลอบแม่ของชายหนุ่มและปลอบใจตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

“ตอนนี้หลับ ยังหลับ ๆ ตื่น ๆ”

“แล้วหมอว่าอย่างไรบ้าง”

“กะโหลกร้าว สมองถูกกระทบกระเทือน สมองบวม หนังศีรษะที่เปิดก็เย็บเรียบร้อยแล้วแต่เขาจะค่อย ๆ ดีขึ้น ซึ่งมันต้องใช้เวลา”

เมขลาขืนตัวไปเกาะที่ขอบเตียง วิจิตรศราเลื่อนเก้าอี้มาให้เมขลานั่งลงเพราะรู้สึกว่าเมขลานั้นยังไม่ค่อยมีกำลัง พอนั่งลงแล้ว เมขลาก็คว้ามือของกฤษณะมากุมไว้ถ่ายทอดความห่วงใยอย่างไม่ได้สนใจสายตาของแม่กุหลาบและวิจิตรศรา ...เห็นดังนั้นวิจิตรศราจึงพยักหน้าให้แม่กุหลาบออกไปจากห้องนั้นเพราะอยากให้เมขลาได้อยู่กับกฤษณะตามลำพัง...

“คุณน้าได้ยินเสียงฉันไหม” พออยู่ตามลำพังทำนบน้ำตาของเมขลาก็พังทลาย...การที่เธอดึงเขากลับมาได้แบบนี้ มันจะเป็นการทรมานเขาหรือเปล่านะ เมขลาเริ่มคิดมาก และคิดรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง ซึ่งทั้งหมดมันก็เกิดขึ้นเพราะเธอมีเขาอยู่เต็มหัวใจนั่นเอง

“คุณน้า นี่ ฉันเรียกชื่อคุณอย่างที่คุณต้องการแล้วนะ ได้ยินเสียงฉันไหม คุณน้า นายคะน้า” นิ้วมือข้างซ้ายทั้งห้านิ้วของกฤษณะเริ่มขยับ...เปลือกตาที่มีขนตางอนค่อย ๆ ลืมขึ้น..เมขลาลุกขึ้นแล้วขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กับหน้าของเขา..
“คุณน้า..ฉันหนูนา ฉันมาเยี่ยม เห็นฉันไหม..”

ดวงตากลมกลอกไปมาแล้วก็หลับลงอย่างเหนื่อยอ่อน...

“คุณต้องสู้นะ ฉันจะอยู่ข้าง ๆ คุณ ฉันจะสู้กับคุณ..ได้ยินเสียงฉันไหม..” ปลายนิ้วของเขาที่เมขลากุมไว้หลวม ๆ ขยับบอกให้หญิงสาวว่าเขารับรู้ในเรื่องที่เมขลาพูด..



หลังจากลางานไปสามวัน เมขลาก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม ซึ่งเรื่องการตายของแหววกับเพื่อนที่ตามไปแก้แค้นจนเกิดเรื่องนั้นจนตัวตายนั้นทำให้คนที่รู้เรื่องต่างมองเมขลาด้วยสายตาแปลก ๆ...และเมื่อได้ยินกับหูเมขลาถึงกลืนข้าวลงคออย่างอยากลำบาก...

“แม่มดแน่ ๆ เลย”

“อย่าไปสนใจคนพวกนี้เลยเม” นรบดีที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยพูดเพื่อให้เมขลาสบายใจ

“แต่มันก็น่าคิดนะคะ”

“ไม่เอา ไม่พูดเรื่องนี้อีก..เย็นนี้ให้พี่ขับรถไปส่งนะ เมดูไม่สดชื่นเลย นั่งรถพี่ไปดีกว่าจะได้ไม่อ่อนเพลียมากไปกว่านี้”

“ขอบคุณค่ะ แต่เมแข็งแรงดี...”

“น่า ขอให้พี่ไปส่ง...ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครมาเข้าใจผิดหรอก อีกตั้งหลายปีกว่าเนื้อคู่พี่จะมา”

“พี่เชื่อ”

“เชื่อสิ...รอคอยอย่างมีความหวัง...แต่ก็ดีนะ ช่วงนี้พี่ไม่วอกแวกกับใครเลย”
นรบดีเชื่อคำทำนายของเธอ เมขลาก็เชื่อในเรื่องที่รัตนาเมขลาแย้มออกมาทั้งที่เจ้าตัวไม่อยากจะบอก...ลองได้เธอสามารถแลกความเป็นคนพิเศษกับชีวิตกฤษณะได้แบบนี้ ก็แสดงว่าเขา เขาเป็นคนสำคัญของเธออย่างไม่ต้องสงสัย..ความรักที่เธอมีในครั้งนี้ มันจะต้องถูกพิสูจน์เช่นกันอย่างนั้นหรือ?...

“กินข้าวอีกสิเมไม่กินแล้วจะมีแรงทำงานหรือ” นรบดีคะยั้นคะยอเมขลาเกลี่ยข้าวใส่ช้อนอย่างเนือย ๆ และจังหวะที่จะยกช้อนเข้าปาก พี่พนักงานในแผนกคนหนึ่งก็เดินรี่เข้ามาหาเมขลาพร้อมกับทรุดตัวนั่งลงข้าง ๆ

“มีอะไรหรือคะ” เมขลาจึงได้ทีวางช้อนข้าว

“พี่มีเรื่องรบกวนหน่อย”

“ตอนนี้เมเขากำลังทานข้าวนะครับ” นรบดีนั้นไม่อยากให้เวลาส่วนตัวของเมขลาในเวลาพักกลางวันนี้ต้องถูกเบียดบังไป เขาจึงต้องขวางไว้ แต่ว่าคนที่จะเอาประโยชน์กลับค้อนให้นรบดี เพราะถือว่าไม่ได้ทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกัน

“ช่วยดูให้พี่หน่อยสิ...พี่ไปสมัครงานทิ้งไว้ มีเรียกสัมภาษณ์ ตำแหน่งสูงขึ้นน่ะ พี่จะไปดีไหม แต่มันไกลจากที่พักไม่น้อยเลย”

เมขลาถอนหายใจเบา ๆ...เรื่องแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนั้นมันไม่ยากสำหรับเธอ และมันก็เป็นเรื่องดีมาก หากใครจะรู้อนาคตที่ยากจะตัดสินใจแบบนี้ไว้ แต่ว่าตอนนี้ เมขลาไม่กล้าที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสกับมือบางที่หงายรอไว้บนโต๊ะอาหาร เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเซ้นส์ที่เคยมีนั้นถูกตัดขาดจากเบื้องบนไปแล้ว...

“คุณเมจะทานข้าวนะครับ”

“เมอิ่มแล้วค่ะ” ว่าแล้วเมขลาก็รวบรวมความกล้า เธอจะต้องเผชิญกับความจริงและคนอื่น ๆ ก็ต้องยอมรับในความเป็นเธอได้เช่นกัน.. และเมื่อเอื้อมมือไปแตะที่มือของอีกฝ่าย...แล้วเมขลาก็พบเพียงความว่างเปล่า เมขลาถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“มีอะไร ไปแล้วดีหรือไม่ดี”

“คือ เมมองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ”

“เป็นไปได้อย่างไร”

“เป็นไปแล้วค่ะ เมมองไม่เห็นอะไรเลย เมไม่สามารถมองเห็นอนาคตใครได้อีกแล้ว”

คนที่มาหวังพึ่งพา เมื่อไม่ได้ดังใจ จึงมีปฏิกิริยา

“อยากได้เท่าไหร่”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”

“งั้นก็บอกมาซี่ ว่าพี่จะไปดีหรือไม่”

“เมไม่รู้ไม่เห็นจริง ๆ ค่ะ”

“ทำไมเป็นอย่างนั้นละ”

“คะคะ..” เมขลาอึก ๆ อัก ๆ ไม่รู้จะบอกเล่าให้คนอื่นรับรู้เรื่องที่เธอเอา ความเป็นคนพิเศษนี้ไปแลกกับชีวิตของกฤษณะได้อย่างไร...และยังไม่ทันที่เมขลาจะปั้นเรื่องมาอธิบาย โทรศัพท์มือถือของเมขลาก็ดังขึ้น พอเห็นหน้าจอเมขลาก็ถึงกับใจคอไม่ดีหนักขึ้นไปอีก...

“เมขลาหรือจ๊ะ บ่ายโมงเชิญที่ห้องท่านประธานหน่อยนะ...มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”




จุดประสงค์ของคุณนายที่เรียกให้ไปทำนายในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องตัวเอง แต่เป็นการพาเพื่อน ๆ มาให้ชื่นชมกับบุญบารมีของตนที่มีคนพิเศษมาอยู่ในบริษัทเสียมากกว่า และเมขลาก็จำต้องบอกไปตามความเป็นจริงไปว่า

“ดิฉัน...ไม่สามารถมองเห็นชะตาชีวิตของใครได้อีกแล้วค่ะ”

พอถูกปฏิเสธ คุณนายจ้องหน้าเมขลาก่อนจะถามด้วยเสียงเค้น ๆ ว่า

“เกิดอะไรขึ้นรึ...เรื่องที่เขาถามมันก็ไม่ยากเย็นอะไรเลย”

“คะ..คะ คะคือ ตอนนี้ดิฉัน...ไม่สามารถ มองอะไรไม่เห็น”


“ทำไม”

“บอกไม่ได้ค่ะ”

“...คนเคยรู้เคยเห็น จะไม่เห็นได้อย่างไร”

“แต่มันเป็นไปแล้วค่ะ”

“ต้องการเท่าไหร่บอกมา” คุณนายเสนอผลประโยชน์ด้วยสีหน้าบึ้งตึง เมขลาก้มหน้าดูมือตัวเอง...ยอมนิ่งดีกว่าต้องอธิบายที่มาที่ไปของเรื่องนี้

“งั้นก็ออกไปทำงาน เสียเวลาจริง ๆ”

ออกจากห้องที่อยู่ด้านในสุดมาแล้วเมขลาก็ตัดสินใจลาป่วย..และอยู่ตามลำพังในห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก เมขลาก็โทรหาเดชาพงษ์พี่ชายคนรองทันที

“พี่กล้วย หนูนามีเรื่องปรึกษาหน่อย...ตั้งใจฟังนะคะ” เมขลาเล่าเรื่องตั้งแต่มณีเมขลาเข้ามาในนิมิตรจนกระทั่งถึงวันที่เธอเอาความที่เป็นคนพิเศษไปแลกกับชีวิตของกฤษณะ

“มันก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยเราสวรรค์ก็ยังปราณีแก่น้อง บอกให้ใบ้ให้รู้แล้วว่า อนาคตนั้นใครคือคนสำคัญของน้อง”

“แล้วถ้าเขากลับมาไม่เหมือนเดิม”

“ตรงนั้นก็ต้องถามตัวเอง แต่พี่ว่า บุญบวชที่เขาจะต้องทำในอนาคตนั้นจะทำให้เขากลับมาได้เหมือนเดิมนะ...คนที่มีร่างกายไม่สมบูรณ์บวชไม่ได้หรอก”

ความสว่างประจักษ์แก่ใจเมขลา..

“งั้นบุญที่จะสร้างหอฉันในครั้งนี้ เมอุทิศให้เขาได้ใช่ไหมคะ”

“ได้สิ...เอาบุญนี้ช่วย เขาจะได้ฟื้นคืนเป็นปกติได้เร็ว ๆ...”

คุยกันเรื่องบุญกุศลพอให้ใจสบายแล้วเมขลาก็ปรึกษาพี่ชายถึงเรื่องที่ทำงานที่ตัว
เองรู้สึกว่าไม่อยากกลับไปให้ใครมองหรือวิพากษ์วิจารณ์อะไรอีกแล้ว..

“จริง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เพิ่งเริ่มต้น..แต่ถ้าจะลาออกพักผ่อนให้สบายใจสักพัก แล้วก็ค่อยหางานใหม่ ไปอยู่ในที่ ที่ไม่มีใครรู้จักอดีตเรา...พี่ว่ามันก็ดีนะ”

“เอาอย่างนั้นนะคะ”

“เอาความสุขของตัวเองไว้ก่อน ช่วงที่ยังไม่ได้ทำงานขาดเหลืออะไรก็บอกมาแล้วกัน”

“ไม่หรอกค่ะ หนูนาพอมี ลาออกก็ลาออกค่ะ”


หลังจากลาออกจากงานแล้วเมขลารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก...ไม่มีเมื่อวาน ไม่มีสายตาเคลือบแคลงของใครทั้งสิ้น ที่ร้านบ้านนางฟ้า วิจิตรศราก็จัดการกับคนที่ติดต่อมาดูดวงได้ไม่ยากเย็น ด้วยวิจิตรศราบอกกับทุก ๆ คนว่า เมขลานั้นขอเป็นคนธรรมดาไปตลอดชีวิต..และช่วงว่างเว้นจากงานประจำและยังไม่ได้คิดจะหางานใหม่ เมขลาก็ขัดใจวิจิตรศราโดยการไปดูแลกฤษณะที่บ้านแม่ของเขาแทบจะทุกวัน...

“เมมั่นใจแล้วใช่ไหมว่าเขาคือคนที่เมจะฝากชีวิตไว้ด้วย เมเชื่อคำอธิษฐานจิตอย่างนั้นหรือ..”

“ตรงนั้นก็ส่วนหนึ่งนะวิ แต่ความรู้สึกของเม มันมากกว่านั้น..เมรักเขา...ด้วยความรู้สึกของเมเอง..อย่างที่เขาเคยบอกไง...”

“แล้วเด็กจอยนั่นละ”

“เมเชื่อใจเขา คงไม่ใช่”

“ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ๆ ขึ้นมาล่ะ เมจะทำอย่างไร”

“ก็ค่อยว่ากัน ตอนนี้ขอให้เขาหายดีก่อนเถอะ”

อาการของกฤษณะค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างอัศจรรย์...กระทั่งถึงวันที่เมขลากับสมัครพรรคพวกจะกลับไปทอดผ้าป่าสร้างหอฉันที่บ้าน แม่ของกฤษณะนำเงินจำนวนสามพันบาทมาใส่มือกฤษณะ..

“ทำบุญกับหนูนานะลูก..”

“บุญ อะไร หรือ” เขายังพูดไม่ค่อยชัด สมองยังสั่งการอย่างเชื่องช้า

“ทำบุญกับพระไง พระ พระสงฆ์สร้างที่ฉันข้าว” พอลูกชายป่วยต้องได้รับการทำกายภาพบำบัดนางกุหลาบก็ตัดสินใจลาออกจากงานมาดูแลลูกชาย...กำหนดผ่าตัดก็ถูกเลื่อนออกไป นางจึงต้องเจ็บทั้งกายและใจเป็นทับทวีคูณ

“แม่ไม่น่าเลื่อน น่าจะปรึกษาหนูนาก่อนนะคะ ช่วงแม่ผ่าหนูนาดูเขาให้ได้ค่ะ”
“ถ้าผ่าแล้วไม่กลับมาเป็นอย่างเดิมล่ะ คนที่ลำบากก็คือพ่อของเขานะหนูนา”

“ใช่ค่ะ แม่พูดถูก..”

“แค่นี้แม่ก็ไม่รู้จะตอบแทบหนูนาอย่างไรแล้ว ปลื้มใจเหลือเกิน”

“แม่ต้องหายเป็นปกติ นะก็ต้องหายเป็นปกติเหมือนกัน เพียงต้องใช้เวลา” แม้จะไม่มีรัตนาเมขลามาบอกแต่เมขลาก็เชื่อในความรู้สึกของตน

“หนูรู้สึกอย่างนั้นหรือ”

“ความหวังและกำลังใจ มันทำให้เรามีแรงสู้ชีวิตค่ะ”

“ใช่ เราต้องมีกำลังใจค่ะ มีความหวัง ไม่งั้นเราก็สู้กับอุปสรรคไม่ได้..”



และหลังจากกลับมาจากทอดผ้าป่า เมขลาก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่า จอยกับหน่องเพื่อนของกฤษณะนั่งรออยู่ในร้าน...

“พี่หนูนา จอยมีเรื่องจะสารภาพ”

“เรื่องอะไร”

“จอยกับพี่น้าไม่มีอะไรกันหรอกค่ะ..พี่น้าเขาไม่เคยมองจอยด้วยความเสน่หาสักนิด”

เมขลานิ่งฟังด้วยใจปกติ

“ตอนนี้จอยท้องกับหน่อง...หน่องเขาจะรับผิดชอบชีวิตจอย เราจะอยู่ด้วยกันฉันผัวเมีย พี่ไม่ต้องกังวลเรื่องจอยอีกต่อไปนะ...”

“จ้ะ พี่ดีใจด้วยนะ”

“แล้วกับพี่นะ พี่จะดูแลเขาไปอย่างนี้หรือ..พี่จะรอเขาเหรอ..” เมขลาพยักหน้าน้อย ๆ ...และคำพูดสุดท้ายก่อนที่จอยจะกลับบ้านก็ทำให้เมขลาได้ครุ่นคิด

“เป็นบุญของพี่น้าเขานะ ที่ได้รับความรักจากพี่ เป็นจอยเอง คงรอให้เขากลับมาเป็นปกติไม่ไหวหรอก”



ตอนที่ 22
ตอนจบ

“สวัสดีครับคุณวิ..”

“สวัสดีค่ะ..” วิจิตรศราที่ง่วนจัดสินค้าอยู่ทักทายคนที่เดินเข้ามาในร้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม...และยิ้มที่วิจิตรศรามีให้กฤษณะนั้นก็เป็นยิ้มอย่างเป็นมิตรและเป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยความยินดีที่ได้เจอหน้าของเขา..เพราะนอกจากปัจจุบันกฤษณะจะเป็นคนรักของเมขลาเพื่อนรักของเธอ กฤษณะยังเป็นตัวแทนจำหน่ายโทนเนอร์และสบู่จันทร์เจ้าฉายที่เธอกับศุภนิมิตรจดทะเบียนในรูปแบบห้างหุ้นส่วน จำกัด โดยมีเมขลาเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย ส่วนกฤษณะหลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมารักษาตัวจนกระทั่งหายดีกลับเข้าไปทำงานแล้วลางานไปบวชแก้บน เขาก็ออกมาลุยงานขาย ชนิดทำยอดขายให้ผลิตภัณฑ์จันทร์เจ้าฉายอย่างถล่มทลาย จนกระทั่งสามารถนำกำไรไปผ่อนรถมือหนึ่งที่แม่เขาดาวน์ไว้ให้ก่อนที่เขาจะกลับมาทำงานได้อย่างสบาย ๆ
นอกจากนั้นเขาก็แสดงความรัก ความเอาใจใส่เมขลา จนถึงวิจิตรศราเองพอใจ วางใจว่าต่อไปชีวิตของเมขลานั้นจะพบแต่ความสุขกายสุขใจ...เพราะนอกจากความรักที่ได้รับจากกฤษณะแล้ว พ่อแม่ของเขาก็รักและเอ็นดูเมขลาเป็นอย่างมาก เมขลาเองก็เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวสิริสุขได้อย่างไม่เคอะเขิน และตลอดเวลาเมขลาจะมีเสียงหัวเราะรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้าเพราะกฤษณะเองนั้นก็เป็นคนขี้เล่นชอบกระเซ้าเหย้าแหย่ และในขณะเดียวกัน เขาก็กลับเป็นคนใจบุญที่สามารถไปวัดไปวากับเมขลาได้อีกด้วย

“หนูนาแต่งตัวเสร็จหรือยังครับ”

“น่าจะเสร็จแล้วมั่ง นั่งรอก่อน..”

“วันนี้คุณวิไม่ออกไปไหนเหรอครับ”

“ว่าจะไปกินข้าวเย็นกับพี่มิตร”

“จะแต่งกันเมื่อไหร่” ถามวิจิตรศราแล้วเขาก็เดินไปหยุดมองเมนูที่ผนัง...วิจิตรศรามองร่างสูงของเขาที่อยู่ในชุดกางเกงสแลคเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำแดงลายสก๊อตที่สะดุดตาก็คือสร้อยคอทองคำกับหลวงพ่อโสธรที่อยู่ติดคอของเขา..

“ถามจริง ถามจัง ก็บอกไปแล้วว่ารอให้หนูนาแต่งไปก่อน”

“หนูนาเขาก็บอกว่ารอให้คุณวิแต่งก่อนเหมือนกัน ผมถึงต้องเซ้าซี้ถามอยู่นี่ไง”

“ก็จะรีบแต่งไปไหนล่ะ อายุก็เพิ่งเท่านี้เอง สักสามสิบค่อยแต่ง”

“แม่ผมอยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว อยู่บ้านว่างๆ แล้วเหงา”

“ออกขายสบู่ไม่เว้นวัน ยังมีเหงาอีกเหรอ” เหตุที่กฤษณะขอเป็นตัวแทนจำหน่ายเพราะเห็นว่าแม่ของเขาที่ลาออกจากงานมาดูแลเขาในเบื้องต้นกับรักษาตัวเองในตอนหลังนั้นรู้สึกเหงา เมื่อเห็นว่าผลิตภัณฑ์จันทร์เจ้าฉายใช้ดี จึงได้ฆ่าเวลาด้วยการก็นำสินค้าออกแนะนำคนที่รู้จักทั้งที่ทำงานเก่าและในหมู่บ้าน ตามตลาดนัดใกล้ ๆ กระทั่งเขาเห็นว่าสินค้าเดินตลาดได้ดี มีงานแสดงสินค้าที่รัฐบาลจัดขึ้น เขาก็ติดต่อให้แม่ไปนั่งขาย โดยการสนับสนุนของวิจิตรศรากับศุภนิมิต ขายหลาย ๆ งานเข้า แม่ของเขาเริ่มติดใจกับอาชีพใหม่ เพราะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ จึงได้ให้พ่อลาออกจากงานมาช่วย เขาเองเมื่อว่างเว้นจากเวลาราชการเขาก็ลุยช่วยพ่อกับแม่ชนิดตัวเป็นเกลียวเช่นกัน

“ขายสบู่ก็อยู่ส่วนขายสบู่ แต่งสะใภ้เข้าบ้านก็อีกเรื่องหนึ่ง”

“แล้วถ้ามีหลาน ใครจะขายสบู่ตามงาน แม่ตัวเองก็ต้องเลี้ยงหลาน เพราะหนูนาก็ต้องทำงาน”

“พ่อผมก็มีนี่ คนช่วยขาย จ้างเขาเอาก็ได้..ให้ปัญหานั้นเกิดก่อนเถอะค่อยคิดแก้”
“อืม...ล้ำลึก..แล้วนี่หนูนาไม่ได้บอกหรือว่า ถ้าพี่กล้วยยังไม่แต่งเขาก็แต่งไม่ได้...”

“โอ้ววว..จริง ๆ หรือนี่ หนูนาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผมเลย”

“รู้แล้ว ก็ไปคะยั้นคะยอทางฝ่ายพี่กล้วยซะดีกว่า..ได้ยินมาว่ายังไม่มีแฟนเลย แล้วมันจะได้แต่งในเร็ววันไหมเนี่ย...”

“งานใหญ่ของผมซะแล้วซิเนี่ย..”

“ก็น่าจะใช่นะ”

“เซ็งเลย..” ว่าแล้วเขาก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ด้วยเขาอ้วนท้วนขึ้นใบหน้าผ่องใส ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าปีที่แล้ว วิจิตรศรารู้สึกว่ากฤษณะดูดีกว่าตอนที่รู้จักกันครั้งแรกเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะยาที่ใช้รักษาอาการทางสมองและร่างกายของเขา กับส่วนหนึ่งวิถีชีวิตใหม่ของเขามีเมขลาเข้าไปเกี่ยวข้องปรับเปลี่ยนทัศนะคติรสนิยมตามประสาคนรักกัน...แต่ถึงกระนั้นนิสัยปากจัดปากไวปากกล้าก็ยังมีคงอยู่กับเขาเช่นเดิม

“ดื่มอะไรไหม”

“น้ำเปล่าแล้วกันครับ”

“งั้นก็ลุกไปรินกินเองแล้วกัน ในตู้เย็นในครัวเลยนะ”

“แล้วจะถามทำไม”

“ก็เผื่อจะสั่งอะไรที่เป็นเงินเป็นทองเข้าร้านวิมั่งนะสิ...”

“งกไม่เคยเลิก...”

“เลิกงกก็ไม่รวยขึ้น ๆ นะสิ”

“คุณวิ..ผมอยากแต่งงานกับหนูนาใจจะขาดแล้วนะครับ” กฤษณะวกกลับมาที่เรื่องสำคัญอีก

“อ้าว...ก็คุยกันเองซิ”

“คุณวิช่วยพูดกับพี่กล้วยให้หน่อยสิ ทำอย่างไรก็ได้ให้พี่กล้วยแต่งงาน”

“จัดหาเจ้าสาวไปให้เขาแต่งอย่างนั้นเหรอ..แต่เท่าที่รู้มานะ ตอนที่หนูนายังดูดวงได้นะ หนูนาเคยทำนายไปแล้วว่าพี่กล้วยจะได้แต่งงานในเร็ววันนี้แหละ เพียงแต่ว่าไม่ได้ถามไถ่หนูนาอีกว่า คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว” พอกฤษณะเอ่ยแทนตัวเมขลาว่าหนูนาวิจิตรศราก็ต้องกล่าวถึงเมขลาว่าหนูนาไปด้วย..

“เดี๋ยวผมจะขอเบอร์พี่กล้วยจากหนูนา...แล้วจะโทรไปคุยเอง ถ้ามีแว๊บ ๆ เข้ามาบ้างจะได้เทรนด์ให้ซะเลย”

“จ้า...เอาเลย ๆ”

“คุยอะไรกันเหรอ” เมขลาที่อยู่ในชุดแซคสีชมพูเดินมาจากชั้นบนแล้วร้องถามเพื่อนกับคนรักของตัวเอง ซึ่งวันนี้เป็นวันเกิดของเขา เขาจึงจะมารับเธอออกไปฉลองกันสองต่อสอง โดยที่พ่อกับแม่ของเขานั้นไม่ยอมไปด้วย เพราะอยากให้เธอกับกฤษณะได้อยู่กันตามลำพังตามประสาหนุ่มสาว ที่ต่างมีงานประจำทำ จึงทำให้มีเวลาอยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องผ่านเครื่องมือสือสารอย่างจำกัด

“อะ ว้าว..ชุดนี้สวยที่สุดเลยครับ”

“ชมกันทุกวันไม่เบื่อบ้างเหรอ” วิจิตรศราขัดขึ้นมาทุกครั้งที่เห็นกฤษณะทึ่งกับความน่ารักของเมขลา

“ผมมันพวกปากเปราะนิ..” ว่าแล้วกฤษณะก็มองเมขลาด้วยดวงตาหวานฉ่ำก่อนจะชมซ้ำอีกรอบ...

“หนูนาสวยจังเลยครับ ชุดนี้เข้ากับหนูนามาก ผมนี่ตาถึงจริง ๆ”
คนถูกชมยิ้มเอียงอาย วิจิตรศราก็เลยได้ที

“วิรู้สึกว่าเมเหมือนมีปีกนางฟ้าอย่างไรก็ไม่รู้ ตัวลอยตลอดเลย”

“อิจฉาหนูนาละซิ...เอาอย่างนี้แล้วกันคุณวิ วันหลังผมจะเทรนด์พี่มิตรให้นะ”

“ไม่ต้อง...ให้เขาบื้อ ๆ แบบนั้นแหละดีแล้ว วิชอบแทะเล็มเขาเอง”

“เบื่อสองคนนี่จริง ๆ เจอกันเมื่อไหร่เป็นได้แง๊บ ๆ กันตลอด” เมขลาขัดขึ้นมา...

แล้ววิจิตรศรากับกฤษณะก็จ้องหน้ากันถลึงตาใส่กันก่อนจะหัวเราะขำที่แม้จะอายุมากขึ้นอีกหนึ่งปีแล้วแต่ว่าก็ยังต่อล้อต่อเถียงกันได้เหมือนเด็กรุ่น ๆ



“หนูนาไม่เห็นบอกกับน้าเลยว่า ถ้าพี่กล้วยยังไม่แต่งงานหนูนาก็ยังแต่งงานไม่ได้” กฤษณะเปิดปากถามเมื่อขับรถพาเมขลาออกมาจากหน้าร้านบ้านนางฟ้ามุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่ได้จองไว้

“ก็ตัวเองเคยถามเค้าเปล่าละ”

“ยอกย้อนนะ”

เมขลาหันไปยิ้มกับบรรยากาศนอกรถที่สามารถยั่วอารมณ์เขาได้..

“หันหน้ามาทางนี้”

“จะให้หันไปทำไม..แดดมันส่อง”

“เอามือมาด้วย” ปกติเวลาขับรถไปเขาจะชอบคว้ามือเมขลามากุมไว้ และบางทีเมขลาก็แกล้งซุกมือไว้กับตักตัวเองบ้างหรือซุกไว้ในกระเป๋าบ้างแต่ในที่สุดเขาก็จะบีบบังคับเอามือไปกุมไว้ข้างหนึ่งจนได้..

และครั้งนี้เมขลาก็ต้องยอมส่งมือขวาไปวางไว้บนหน้าขาของเขา...และเขาก็ละมือข้างซ้ายจากพวงมาลัยรถมาจับมือของเมขลาไว้ในทันที ซึ่งการจับมือถือแขนกันนี้ เมขลาก็มีขอบเขต ถ้าอยู่ในห้างสรรพสินค้าหญิงสาวจะไม่ยอมให้จับมือเดินดูของเด็ดขาด แต่ถ้าอยู่ในโรงภาพยนตร์ที่อากาศเย็น ๆ ก็พอจะอ่อนโอนผ่อนตามให้บ้าง และบ่อยครั้งเขาก็แสดงความต้องการของบุรุษเพศคือยกมือของเมขลาขึ้นไปดอมดมซึ่งเมขลาก็จะไม่ว่าอะไรหากแต่ว่าล่วงเกินถึงใบหน้า...เธอก็จะงอนแสดงอาการไม่พอใจให้เขาได้รับรู้ไว้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็พยายามหาเศษหาเลยตามประสาคนรักกัน..

ซึ่งการเล่นเอาล่อเอาเถิดแบบนี้ เมขลารู้สึกสนุกอยู่ไม่น้อย..และบ่อยครั้งที่เขาอ้อนขอแต่งงานด้วย เมขลาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้บ้างเปลี่ยนเรื่องคุยบ้าง หรือไม่ก็อ้างวิจิตรศราไปบ้าง...ด้วยเห็นว่าตัวเองยังเด็กกับเขาเองก็เพิ่งผ่านพ้นวิกฤษการณ์ของชีวิตมา กับยังอยากใช้ชีวิตวันสาวอีกสักพัก แต่ว่าหลังจากที่เขาลาสิกขาออกมาเขาก็รบเร้าหนักขึ้น ๆ จนเมขลาชักจะใจอ่อน

“ขับรถด้วยจับมือเขาด้วยมันอันตรายนะ”

“ไม่กลัว”

“ดื้อด้าน”

“มือนุ่มจัง..หอมด้วย” ว่าแล้วเขาก็ใช้นิ้วของเขาขยับไปมา..

“มีแหวนแต่งงานติดมือสักวงนะ..”

“เพชรซักกี่กระรัตดี”

“ตอนนี้อย่ามาท้าน้านะ น้ามีเงินนะ”

“จ้า..พ่อค้าคนกลาง”

“แต่งงานแล้วเราจะมีลูกสักกี่คนดี”

“แล้วพรุ่งนี้มีทำขบวนไปไหน”

“อย่าเปลี่ยนเรื่องคุย”

“หิวข้าวจะแย่แล้ว ปล่อยมือ ตั้งใจขับรถ...” เมขลาขยับมือและดึงมือออกมาจากการเกาะกุมของเขาได้..เขาใช้สองมือประคองพวงมาลัยรถ สายตาที่หันมาหาเมขลานั้นเต็มไปด้วยความเสน่หาจนเมขลารู้สึกหวาบหวามใจเลือดในกายสาวสูบฉีดไปทั่วตามธรรมชาติของเพศหญิง แต่ว่าเมขลาก็ใจแข็งพอที่จะอดทนให้ถึงวันสำคัญของชีวิตคู่

“ขอเบอร์พี่กล้วยหน่อยสิ”

“ยังเด็กอยู่เลย จะรีบร้อนไปทำไม...”

“แม่อยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว..”

“น่าจะชวนแม่กับพ่อมาด้วยเนอะ”

“อยากให้เราอยู่กันสองคน...ลำพัง..แบบนี้”

“ตึกหลังนี้ขึ้นเร็วนะ เผลอเดี๋ยวเดียวเอง น้าดูซิ..”

ระหว่างทาง กระทั่งถึงร้านอาหาร เขาและเธอก็เหมือนคุยกันคนละเรื่องอยู่อย่างนั้น เพราะเส้นทางรักที่จะทอดยาวไปจนถึงการแต่งงานกันนั้น สำหรับเมขลาคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอย่างไรเสียก็ต้องให้พี่ชายคนรองออกเรือนไปเสียก่อน




“สุขสันต์วันเกิดค่ะ..”...หลังจากบริกรนำเค้กผลไม้ปักเทียนที่จุดไว้แล้วหนึ่งเล่มมาวางบนโต๊ะอาหารมื้อค่ำ เมขลาที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามก็บอกเจ้าของวันเกิดตรงหน้าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะรู้สึกเขินทั้งเจ้าของวันเกิดที่นั่งจ้องตาอยู่ตรงกันข้ามกับแขกโต๊ะอื่น ๆ ที่หันตามเค้กก้อนเล็ก ๆ นั้นมายังมุมที่มีหนุ่มกับสาวนั่งกันอยู่

“ร้องเพลงให้นะด้วยซี่”

“เดี๋ยวค่อยไปร้องให้ฟังบนรถได้เปล่า...”

“ก็ได้...ว่าไปก็อายเหมือนกัน เขิน ๆ ไม่เคยทำอย่างนี้สักทีนะเนี่ย แต่ว่าอวยพรให้น้าหน่อยสิ” พอกฤษณะบอกอย่างนี้เมขลาก็ยืดตัวตรงดึงมือของตัวเองทั้งสองข้างมาประกบกันทำเหมือนจะยกพนมแต่ว่าก็แค่วางไว้บนโต๊ะก่อนจะบอกว่า

“ขอให้น้ามีสุขภาพร่างกายแข็งแรง การงานเจริญก้าวหน้า เป็นที่รักของเจ้านาย หัวหน้างานเพื่อนร่วมงานทุก ๆ คน แล้วก็ขอให้มีแต่ความสุขความเจริญ”

“อีกนิด” ตาของเขาเป็นประกายของความสุขปนอยู่กับความเสน่หาในตัวเธออย่างเปิดเผยจนเมขลารู้สึกได้อยู่ตลอดเวลา

“พอแล้ว เป่าเค้ก”

เจ้าของวันเกิดไม่ยอมเป่าเทียนบนเค้กแต่จ้องตาของเมขลา ริมฝีปากที่มีหนวดขึ้นหรอมแหรมนั้นก็กระตุกนิด ๆ จนเมขลาต้องหลบสายตาของเขาไปมองทางอื่น..

“มองอะไรแบบนั้น”

“ก็หนูนาสวย...สวยทั้งตัวและหัวใจ ที่น้าได้มาเป่าเค้กวันเกิดในปีที่ 26 ของชีวิตนี้ก็เป็นเพราะหนูนานะ..” เมื่อความทรงจำกลับมาเหมือนเดิม เขาก็ได้บอกเล่าเรื่องที่เขาไปเห็นสวรรค์ได้คุยกับรัตนาเมขลารวมถึงเหตุการณ์ที่เขามองเห็นจากสวรรค์ ให้พ่อแม่และเมขลาได้รับรู้ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่า เมขลานั้นรักเขามากถึงเพียงไหน ทั้งที่เมขลานั้นไม่เคยปริปากบอกรักเขาอย่างตรง ๆ เช่นนั้นอีกเลย ทั้งที่เขาก็พยายามเซ้าซี้ตามนิสัย แต่ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้น รวมถึงวันที่ผ่าน ๆ มา เขารู้ดีว่า ความรักนั้นบางทีมันแสดงออกได้ทางการกระทำ ซึ่งมันก็แสดงความจริงใจได้มากกว่าทางวาจาเสียด้วยซ้ำ...แต่ว่าเขานั้นชอบที่จะพูดและกระทำไปพร้อม ๆ กันแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ เพราะถือเป็นความสุขของตัวเอง..

“อย่าไปพูดถึงมันเลย ผ่านแล้ว แล้วไป”

“แต่น้าผ่านไปแล้วไม่ได้หรอก หนูนาเสียประโยชน์ไปเพื่อน้าไม่น้อย ชีวิตที่เหลืออยู่ของน้า นอกจากพ่อแม่แล้ว น้าก็จะมีแต่หนูนาคนเดียว และน้าก็สัญญากับแม่ กับตัวเองว่า ต่อไปจะไม่ให้หนูนาต้องลำบากลำบนอีก งานการไม่ต้องทำ อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนมีหน้าที่กินกับนอนอย่างเดียว..”

“เว่อร์” พอเห็นว่าเขาทำซึ้งเพื่อประโยชน์ของตัวเองเมขลาก็ค้อนน้อย ๆ ให้

“ลาออกจากงาน แล้วแต่งงานกันนะ...น้าเลี้ยงหนูนาและลูกได้..เงินเดือนน้ามี กำไรสินค้าก็ไปได้ดี ตอนนี้น้ามีเงินเก็บเยอะแล้วนะ” น้ำเสียงและสีหน้าของเขาจริงจังขึ้น

“ก็บอกแล้วรอให้พี่กล้วยแต่งไปก่อน”

“แล้วทำไมต้องรอด้วยเล่า ของแบบนี้มันข้ามพี่ข้ามน้องได้”

“เป่าเทียนก่อน”

“เป่าแล้วตกลงแต่งงานกันนะ”

“ไม่แต่งแล้วจะเป็นอะไรไหมล่ะ อยู่กันไปแบบนี้แหละดีแล้ว...”

“ก็..เห็นใจน้าบ้างซินะ...นับวันหนูนาก็สวยขึ้น ๆ น้ากลัวคนอื่นมาแย่งไป”

“ไม่ไว้ใจกัน”

“ไว้ใจ...แกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ อย่างอน..”

“เป่าเทียนซิ”

“แต่งงานกันนะ นะครับ นะครับคนดี..”

เมขลาเบือนหน้าไปยิ้ม ๆ ส่ายหัวกับกระจกที่มองเห็นเงาตัวเองลางเลือน แต่ว่าสายตาของเขาในเงากระจกก็หาได้ทำให้เมขลาหลบความรู้สึกเสน่หาของเขาพ้น

“คุณหนูนาครับ..” เมขลาหันกลับมาก็เห็นว่า เขาลุกจากโต๊ะมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างเก้าอี้ของตัวเอง และเมขลาถึงกับหน้าตาเหรอหราด้วยการกระทำของเขานี้กลายเป็นจุดสนใจของพนักงานในร้านและโต๊ะอื่นๆ ที่เมียงมองดูอยู่

“มานั่งทำไมตรงนี้” เมขลาดุเขาเบา ๆ แต่ว่าเขาทำมือ “โอเค” ให้กับน้องพนักงานในร้าน แล้วเพลง ‘หากันจนเจอ’ ก็ดังขึ้นมาจากลำโพงของร้านแทนเพลงบรรเลงเบา ๆ ที่เปิดคลอไว้ก่อนหน้านั้น...ไฟในร้านถูกลาแสง แสงเทียนที่ปักอยู่บนเค้กจึงทำหน้าที่ให้ความสว่าง และเมขลาก็รู้สึกว่าเธอตัวชาไร้ความรู้สึกไปชั่วขณะ เมื่อเขาดึงตลับสีแดงออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วเปิดตลับเผยให้เห็นแหวนเพชรเม็ดงามเล่นกับแสงเทียน...

“แต่งงานกับผมนะครับ...ผมสัญญาว่าจะดูแลหนูนาให้สุดกำลังของผม จะดูแลตราบจนกระทั่งเราทั้งสองคนได้กลับไปอยู่บนสรวงสรรค์ด้วยกัน...นะครับ” มีเสียงปรบมือดังขึ้นจากแขกในร้านที่เห็นฉากรักโรแมนติกนี้...เมขลายิ้มบาง ๆ อาย ๆ ให้กฤษณะ แล้วแหวนวงนั้นก็ถูกกฤษณะสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายพร้อมกับที่เขาก้มลงจูบเนิ่นนาน...ซึ่งเมขลาก็ตัดสินใจได้ทันทีเช่นกันว่า ถ้าอีกหนึ่งปีพี่ชายคนรองของเธอยังไม่เข้าสู่ประตูวิวาห์เธอจะขอลัดคิวแต่งงานกับเขาก่อนอย่างแน่นอน...


จบบริบูรณ์
เรือนจิตรา 11:32 30 5 2555




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มิ.ย. 2555, 08:06:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มิ.ย. 2555, 08:26:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 3091





<< 21.1 “ที่นี่เป็นที่ท่านจะได้อยู่เสวยสุขเป็นเวลานานเท่านาน ทำไมท่านไม่อยากอยู่ละ”   
จุฬามณีเฟื่องนคร 6 มิ.ย. 2555, 08:08:42 น.
ขอได้รับความขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจที่มีให้กันตลอดมานะครับ...//อย่างไรแล้วก็ขอเสียงอีกสักรอบสำหรับนิยายเรื่องนี้แล้วกันครับ // จุ๊บ ๆ ....


จุฬามณีเฟื่องนคร 6 มิ.ย. 2555, 08:09:59 น.
ประชาสัมพันธ์ทริปกระชับมิตรหน่อยนะครับ ///ทริปกระชับมิตร อีกสักครั้ง ตามคำเรียกร้อง วันที่ 17 มิถุนายน 2555 ไหว้พระ 9 วัดครับ เริ่มต้นที่ วัดป่าสว่างบุญ(เจดีย์ 500 ยอด)//วัดพรามหมณี(หลวงพ่อปากแดง) //วัดใหญ่ทักขิณาราม // วัดบุญนาครักขิตาราม //วัดโพธินายก //วัดถ้ำสาลิกา//วัดพระพุทธฉาย(วัดเขาชะโงก โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเก้า)/วัดทองย้อย // วัดช้าง (บ้านนา) ไหว้พระ 9 วัดหนึ่งวันราคา 900 บาทพร้อมอาหารกลางวันหนึ่งมื้อ... ออกเดินทางเวลา 0630 น. อนุสาวรีย์ชัยที่เดิมฮะว์...เพราะถ้ามีเวลาก็จะได้แวะเที่ยวนั่นนี่ได้ฮะว์..โปรแกรมเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมนะฮะว์..//ติดต่อได้ที่ f_nakhon@hotmail.com หรือ ข้อความในเฟส หรือ ที่นี่นะครับ


จุฬามณีเฟื่องนคร 6 มิ.ย. 2555, 08:16:35 น.
ขอประชาสัมพันธ์ข่าวบุญอีกข่าวนะครับ..


จุฬามณีเฟื่องนคร 6 มิ.ย. 2555, 08:16:42 น.
วัน เสาร์ ที่ 21 ก.ค 2555
ร่วมสืบสานอริยะประเพณี กับ ชมรมบุญรักษา
ถวายเทียนจำนำพรรษา ผ้าอาบน้ำฝน ผ้าป่าสามัคคี สังฆทาน
แด่วัดทั้ง 9 ปีที่ 8 (ไม่ซ้ำวัดเดิมที่เคยไป)

ดังนี้ 1.วัดหนองกรด 2.วัดธรรมจริยาวาส 3.วัดใหม่หนองกรด 4. วัดคลองธรรม 5.วัดคลองมงคล(คลองเคียน) 6.วัดทุ่งสนามชัย 7.วัดเวฬุวัน 8.วัดวังกระสูบ 9.วัดบ้านพลัง
(เส้นอ.บรรพตพิสัย รอยต่อจังหวัดพิจิตร)
กำหนดการ 07.00 น.เดินทางออกจากหน้าวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ โดยรถตู้ 15 ที่นั่ง รวมบุญค่ารถตู้ ที่นั่งละ 300 บาท
รถสองแถว 140 บาท(รายได้ที่เหลือจากค่ารถร่วมทำบุญทั้งหมด)

เจ้าภาพต้นเทียนศรัทธา ต้นละ 1000 บาท (นำเงินมาซื้อเทียน ของอื่น ๆ แล้วนำเงินที่เหลือหารเฉลี่ยถวายวัดทั้งหมด) เจ้าภาพจะถูกประกาศรายชื่อและเป็นตัวแทนของคณะถวายสิ่งของ ((หรือร่วมบุญได้ตามกำลังศรัทธา))

อาหารกลางวัน เป็นข้าวหม้อแกงหม้อที่ทางเราจะเตรียมไปเอง ไม่ได้ขอให้วัดใดวัดหนึ่งจัดเลี้ยง ดังนั้น หากมีจิตศรัทธาทำอาหารหวานคาวไปร่วมด้วยช่วยกัน แจ้งความประสงค์ได้นะครับ คาดว่ามีผู้ร่วมเดินทางไปทำบุญด้วยกัน ประมาณ 150 คน



sai 6 มิ.ย. 2555, 09:37:42 น.
น่ารักอ่ะ ^_______________^


Orathai 6 มิ.ย. 2555, 10:33:54 น.
คนเราพอไม่มีผลประโยชน์ให้กันก็ปฎิบัติต่อกันไม่ดีเลยเนอะ ดีแล้วทีหนูนาลาออกจากที่เดิมนะ
จบได้น่ารักดีค่ะ..สรุปกฤษณะก็รอไปอีกปีละ
อยากอ่านเรื่องพ่อกล้วยแล้ว...


nutcha 6 มิ.ย. 2555, 10:46:15 น.
จบได้หวานมั๊ก มากค่ะคุณเฟื่อง อิจฉาหนูนาจัง


tuktuk 6 มิ.ย. 2555, 10:54:52 น.
มาสาธุ...โมทนาบุญกันก่อนค่ะ และทวงถามถึงพี่กล้วยด้วย ให้น้องเมออกมาไวๆ นะจะรอค่ะคุณเฟื่อง


จุฬามณีเฟื่องนคร 6 มิ.ย. 2555, 11:18:46 น.
จริง ๆ ถ้า แฟนคลับพี่ต้นกล้า ซื้อ ....บ็อกเซ็ท ภารกิจรัก ไปซึ่งในนั้นจะมีแถมตอนพิเศษ คือตอนแต่งงานของพี่ต้นกล้ากับน้องแพรว คู่ของต้นกล้วยกับนางเอกออกมานิดหน่อยแล้วครับ... ตอนนี้ถ้าอยากรู้ว่า คู่ของพี่ต้นกล้วยจะมีแววน่ารักเพียงใด ลองหาแบบบ็อกเซ็ทหรือลงชื่อไว้ตรงนี้สัก 20 ชื่อ รับรองเลยว่า ผมจะโพสต์ให้อ่านอย่างแน่นอน...คริคริ


nunoi 6 มิ.ย. 2555, 11:41:27 น.
คะน้า น่ารักมากก อิจฉาหนูนาจังเลย


anOO 6 มิ.ย. 2555, 15:31:29 น.
ดีนะที่เมลาออกจากงาน ไม่งั้นคงปวดหัวตายเลย


OPUS 6 มิ.ย. 2555, 17:36:30 น.
แหม..คุณเฟื่องนี่มีหลายงานจริง ๆ นะทั้งนักเขียน ทั้งไกด์นำทัวร์ แล้วยังเป็นนักขายอีก ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่ทำให้คลายเครียดจากงานประจำบ้าง


คิมหันตุ์ 6 มิ.ย. 2555, 19:22:10 น.
ถ้าเจ้าบ่าวน่ารักขนาดนี้ ลัดคิวไปเถอะเนาะ อิอิ


lookAme 6 มิ.ย. 2555, 20:01:57 น.
ลาออกได้ก็ดีแล้ว หวานๆน่ารักๆกับตอนท้าย


มะกัน 7 มิ.ย. 2555, 04:12:55 น.
โหหห น่ารักมากเลยค่ะ ว่าแต่ทริปทำบุญนี้ น่าสนใจมากเลยค่ะ ขอให้จัดเรื่อยๆนะค่ะ เผื่อว่าปีหน้าจะไปร่วมด้วย ตอนนี้จะเข้าวัดทำบุญลำบากค่ะ อยู่ไกลเมืองไทยเหลือเกิน


Zephyr 9 มิ.ย. 2555, 17:50:31 น.
หวานที่สุดเลย ไม่คิดเลยว่าคะน้าจะเปลี่ยนไป ฮ่าๆๆๆ แต่ปากไม่เคยเปลี่ยน อิอิ
ลาออกซะได้ก็ดี ว่าแล้วว่าพอความวิเศษหายกลายเป็นคนธรรมดา หนูนาจะต้องเจอแบบนั้น
ขอบคุณคุณเฟื่องนะคะ ที่แต่งเรื่องน่ารักๆดีๆให้อ่าน รอต่อพี่ต้นกล้วยยยยยยยยยยยยยยย


pseudolife 16 มิ.ย. 2555, 11:27:30 น.
แพ้คารมและความรักของนายนะจนได้สิน่า


AHA 29 ก.ย. 2555, 15:57:23 น.
ตามมาอ่าน หวานมากกกกกก คันตัวไปมหด โดนมดกัดอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account