เพรงนาง
หนึ่ง...ให้ความตายปลดปล่อยพันธนาการที่เจ็บปวด
อีกหนึ่ง...ให้ความตายพันธนาการตนเอง
...เพื่อที่จะกลับมา เป็นตัวเชื่อมให้เธอและเขา กลับมา "รัก" กันอีกครั้ง
Tags: พีเรียด

ตอน: ตอนที่ ๑๕ อวสาน

ตอนที่ ๑๕
เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ ภูริตและสิชลได้กลับเข้ากรุงเทพฯ ไปอีกครั้ง หลังจากได้ข้อมูลของงานวิจัยในภาคเรียนสุดท้ายจนครบทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ก่อนไปเขาได้เข้าไปเยี่ยมคุณย่าบัวคำและสอบถามความจากคุณย่าถึงเรื่องของจันทร์เจ้าที่รู้จักกับเขาโดยบังเอิญ เช่นเดียวกับคุณย่าบัวคำที่คอยลุ้นอยู่ในใจ ก่อนจะบอกว่าบ้านของหญิงสาวอยู่ไม่ไกลกันนัก

เหมือนความฝันอย่างไรอย่างนั้น จู่ๆ คนที่ไม่เคยรู้จักกันก็รู้จักกันได้ แถมยังเป็นคนที่ใกล้ชิดกับคุณย่าของเขาอีก

ภูริตเข้าไปทักทายนางเพ็ญพร้อมกับของฝาก ชายหนุ่มเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีเป็นทุนอยู่แล้ว จึงทำให้นางเพ็ญรักและเอ็นดูเขาในระยะเวลาแค่เพียงสั้นๆ เท่านั้น

หลังจากที่ได้พบเจอกับจันทร์เจ้าอีกครั้ง ชายหนุ่มก็มิวายที่จะขอเบอร์ของเธอเพื่อจะติดต่อ เหมือนอย่างกับจะมีบางสิ่งบางอย่างคอยเตือนและช่วยกระซิบบอกอยู่ไม่ห่างมากนัก แล้วจากนั้นเขาก็กลับกรุงเทพฯ ไป

การจากไปของภูริต ทำให้จันทร์เจ้ารู้สึกเศร้าใจพอสมควรเหมือนอย่างกับตอนที่เจ้าจันทร์งามต้องจากเจ้าน้อยภูมินทร์เพื่อจะไปยังดินแดนม่านรามัญกับเจ้าแสนเมือง มันเหมือนอย่างกับว่าระยะเวลาของการรู้จักของทั้งสองต้องหยุดแค่เพียงเท่านั้น และอาจจะ...ไม่ได้พบเจอกันอีก

แต่มันก็ทำให้จันทร์เจ้าค่อยชื่นใจลงไปบ้าง เมื่อชายหนุ่มโทรมาพูดคุยแลกเปลี่ยนเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนนานเข้าบางสิ่งบางอย่างจากสิ่งเล็กๆ ก็เริ่มจะขยายใหญ่ขึ้นเป็นความคุ้นเคยอันมากล้น จนในที่สุดก็กลับกลายเป็นความรักไปอย่างรวดเร็ว

เนื่องเพราะมีความรู้สึกที่ติดตัวมาแต่ครั้งอดีต อีกทั้งทุกค่ำคืนทั้งสองหนุ่มสาวก็ถวิลหากันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ความรัก...แม้ว่าจะผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์เสียมากกว่าจึงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก

จันทร์เจ้ายอมรับว่ารักเขา แต่ก็ยังไม่แสดงให้เขารู้ในเวลานั้น ตรงกันข้ามกับภูริตที่ดูจะห่วงหญิงสาวมากกว่าที่ผ่านมามาก

เขาเฝ้าโทรมาหาหญิงสาวแทบจะทุกวันและทุกชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ จนเหล่าเพื่อนๆ ของจันทร์เจ้าอดที่จะแซวกลับไปไม่ได้ว่า พ่อของชายหนุ่มจะต้องเป็นเจ้าของเครือข่ายโทรศัพท์อย่างแน่นอน ถึงได้ให้ลูกชายโทรหาเพื่อนสาวของพวกเธอให้ต้องอิจฉาแทบจะทุกชั่วโมง

และทุกครั้ง เหล่าเพื่อนๆ ของจันทร์เจ้าก็จะได้รับสายตามองค้อนของเธอกลับไป พร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ที่ตอบกลับมา

เป็นเวลากว่าสี่เดือนแล้วกระมัง ที่ทั้งสองหนุ่มสาวได้รู้จักกันและพูดคุยแลกเปลี่ยนกันแบบจริงๆ จังๆ จนชายหนุ่มได้บอกกับหญิงสาวว่า ปิดเทอมใหญ่ปีนี้ เขาจะขึ้นมาเที่ยวที่น่านและจะพาหญิงสาวไปเที่ยวยังจังหวัดเชียงราย ย้อนรอยสู่ผาลั่นจันทร์เสี้ยว อันเป็นชายแดนเขตแคว้นเมืองล้านนา

และจากคำนั้นของชายหนุ่ม ทำให้จันทร์เจ้าดูจะดีใจและสนใจเป็นอย่างมาก เพราะตลอดมา เธอเคยได้ยินแต่ชื่อของที่นั่น ไม่เคยไปเห็นสถานที่จริงสักที ส่วนในเรื่องความฝันนั้น ก็เห็นแต่เพียงความเจ็บปวด ซึ่งหญิงสาวไม่อยากจะคิดให้มันเจ็บปวดมากไปกว่านี้อีกแล้ว

แต่ก็แปลกตั้งแต่วันที่มาปรากฏตัวให้เธอเห็น วิญญาณของเจ้าแสนเมืองไม่เคยมาให้เธอเห็นอีกเลย เหมือนอย่างจะปล่อยให้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์หัวใจของหญิงสาวและภูริต เมื่อวันที่เธอยอมรับความรักจากชายหนุ่ม วันนั้นจึงจะเป็นการปลดปล่อยพันธนาการของตัวเจ้าแสนเมืองเอง

นึกแล้วก็เศร้าใจที่เธอเห็นแก่ตัวและเป็นต้นเหตุให้เจ้าแสนเมืองต้องเป็นเช่นนั้น เธอจึงพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะสร้างความรักกับภูริตอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้เขารู้ แม้ว่าเขาจะเพียรขอความรักจากเธอมากเท่าไร แต่หญิงสาวก็ปฏิเสธเสมอมาและบอกให้กับชายหนุ่มรอไปอีกสักนิด รอเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้นและเข้าที่เสียก่อน เธอถึงจะยอมตอบรับเขา

แล้วอีกนานเท่าไรล่ะ...

อีกนานเท่าไรที่พันธนาการของเจ้าแสนเมืองจะหลุดพ้น



หลายเดือนผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว...

จันทร์เจ้าเรียนจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสถาบันที่เธอเฝ้าใฝ่ฝันมาตลอด เหลืออีกไม่เท่าไร งานรับปริญญาก็จะเริ่มขึ้น มันได้สร้างความปลาบปลื้มให้กับใครหลายๆ คนเป็นยิ่งนัก ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ญาติพี่น้องและมิตรสหาย ทั้งหมดทั้งมวลก็รวมไปถึงภูริตที่เขาก็จบจากสถาบันของเขาเช่นเดียวกัน

อีกไม่เท่าไรงานรับปริญญาจะเริ่มขึ้นแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงว่าง ภูริตจึงขึ้นเหนือมาเยี่ยมคุณย่าบัวคำอีกครั้งและเลยไปถึงใครบางคนที่เขาเฝ้าถวิลหามาตลอด

จันทร์เจ้า...นางในฝันของเขา

ภูริตเคลื่อนรถส่วนตัวเข้ามาจอดภายในบ้านไม้เรือนไทยทรงโบราณ หลังลงจากรถชายหนุ่มก็รีบโผเข้าไปโอบกอดหญิงชราในทันที

“สวัสดีครับคุณย่า สบายดีหรือเปล่าครับ”

“ย่าสบายดี แล้วภูล่ะเป็นยังไงบ้าง แล้วตากฤษณ์กับแม่ของเราล่ะเป็นยังไง ปีนี้ไม่เห็นขึ้นมาเยี่ยมย่าบ้างเลย”

หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนตัดพ้อ คนแก่อยู่คนเดียวไม่มีลูกมีหลานมาเยี่ยมเยือนย่อมจะน้อยใจเป็นธรรมดา

“คุณพ่อติดภารกิจครับ ท่านทั้งสองบอกว่าเดือนหน้าจะตามขึ้นมา คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”

“แล้วภูล่ะ จะมากี่วัน” นางบัวคำยกมือขึ้นลูบศีรษะหลานชายอย่างเอ็นดู ก่อนจะพากันเข้าไปนั่งยังศาลาซุ้มพวงชมพู

“มาหลายวันแน่นอนครับ อาจจะกลับพร้อมๆ กับคุณพ่อคุณแม่นู้นเลยก็ได้”

“เออ...ดีๆ ย่าจะได้ไม่เหงา”

“ครับผม...มาคราวนี้ ผมจะพาคุณย่าไปเที่ยวด้วย คุณย่าจะไปไหมครับ”

“พาหนูจันทร์ไปด้วยสิ รายนั้นก็เพิ่งเรียนจบเหมือนกัน คงอยากจะเที่ยว”

“ครับ...มาคราวนี้ผมกะว่าจะพาจันทร์เจ้าไปเที่ยวเหมือนกันครับ อยากจะชวนคุณย่าไปด้วย”

“จะดีหรือ หนุ่มสาวไปเที่ยวกันเอาย่าไปด้วยมันจะเกะกะเปล่าๆ นะ”

“ไม่หรอกครับ คุณน้าเพ็ญก็ไปด้วย คุณย่าไม่เหงาหรอกครับ”

“จริงหรือ แล้วจะไปที่ไหนล่ะ” คนแก่คลี่ยิ้มอย่างสนใจ

“ผมว่าจะชวนทุกๆ คนไปเที่ยวยังจังหวัดเชียงรายน่ะครับ คุณย่าจะได้ขึ้นเสลี่ยงขึ้นไปเที่ยวมองทิวเขาบนยอดผาจันทร์เสี้ยวด้วยอย่างไรล่ะครับ”

เขาบอกถึงจุดประสงค์นี้ให้กับหญิงชราได้ทราบ จนคนอยากไปอดจะเอ่ยขึ้นด้วยเพราะอยากไปเป็นที่สุดไม่ได้

“ดีจริงๆ แก่จนปานนี้ ได้ไปเที่ยวเชียงรายเสียบ้างก็ดีไปอย่าง ไปคราวนี้ภูพาย่าไปไหว้พระธาตุดอยตุงด้วยนะ คงจะเป็นบุญหัวละที่ได้ไปที่นั่นสักครั้ง” ทั้งคุณย่าและหลานต่างมองหน้ากัน แล้วพากันเปิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสมใจ



หลังจากที่ได้พูดคุยกับย่าบัวคำเรียบร้อยแล้ว ภูริตจึงชวนคุณย่ามาที่บ้านของจันทร์เจ้า พร้อมกับของฝากอีกมากมาย

“ออกมาเดินแบบนี้เสียบ้าง คุณย่าจะได้ไม่เหงานะครับ”

“อืม...ก็ดี อ่ะ แม่เพ็ญมานู้นแล้ว” นางบัวคำที่นั่งรอเจ้าของบ้านอยู่ที่ม้าหินอ่อนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของบ้านเดินออกมาพอดี

“อ้าวนึกว่าใคร ที่แท้ก็คุณย่าน่ะเอง ภูริตด้วยมาตั้งแต่เมื่อไรกันจ๊ะ”

“สวัสดีครับคุณน้า ผมเพิ่งมาถึงครับ สบายดีหรือเปล่าครับ”

“จ๊ะ...น้าสบายดี ได้ยินข่าวจากหนูจันทร์ว่าภูจะมา แต่ก็ไม่รู้ว่ามาเมื่อไหร่เหมือนกันว่าแต่สบายดีเหมือนกันใช่ไหมจ๊ะ”

ด้วยเพราะเปิดทางให้กับบุตรสาวและชายหนุ่มให้ทั้งสองคบกันและจันทร์เจ้ากับภูริตยินดีที่จะเปิดเผยเรื่องของตัวเองให้กับผู้ใหญ่ทราบ นางเพ็ญในฐานะของผู้เป็นแม่จึงพอที่จะรู้ความเคลื่อนไหวของทั้งสองได้พอสมควร

“ครับ ผมก็สบายดีเหมือนกันครับ นี่ครับของฝากจากกรุงเทพฯ” เขาเลื่อนของฝากหลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่ตรงหน้าให้กับนางเพ็ญจนอีกฝ่ายยิ้มรับขอบคุณอย่างเกรงใจ

“แหม...เยอะขนาดนี้น้าก็เกรงใจแย่”

“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”

“ยังไงก็ขอบใจมากนะจ๊ะ”

“เอ่อ...แล้วจันทร์เจ้าล่ะครับ” ชายหนุ่มเปิดประเด็น ก่อนจะชะเง้อมองเข้าไปในบ้านเพื่อค้นหาหญิงสาว

“จันทร์ออกไปข้างนอกจ้ะ เดี๋ยวก็คงจะมาละรอสักประเดี๋ยวนะ” พูดแล้วนางเพ็ญก็หันไปสนทนากับคุณย่าบัวคำต่อโดยปล่อยให้ชายหนุ่มคลี่ยิ้มและนั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ



สายลมเย็นพัดเอื่อยเฉื่อย หมู่แมกไม้ใบบังพัดกวัดไกวตามแรงลมที่พัดผ่าน จันทร์เจ้าและภูริตกวาดสายตามองไปยังภาพตรงหน้า หัวใจพลันปลื้มปีติที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง

วัดเชียงหมิ่น...

แม้จะเป็นวัดร้าง หากทุกสิ่งทุกอย่างภายในความทรงจำของทั้งสองยังคงเดิม ภาพสวยที่ตราตรึงในหัวใจยังคงเป็นอยู่เช่นนั้นและตลอดไป

“แปลกจังนะคะ ทำไมเรื่องราวอดีตชาติ มันถึงได้เกิดกับเราสองคนได้”

จันทร์เจ้าเปรยขึ้นหลังจากนั้น ขณะภูริตได้แต่ยิ้มรับแม้ว่าไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เพราะสิ่งนั้นมันได้เกิดกับเขาแล้วเช่นกัน

“อาจจะเพราะพระพรหมท่านได้ลิขิตเอาไว้กระมังครับ ท่านต้องการให้เรารู้เพื่อที่จะแก้ไขอดีต”

“ช่วยเหลือเจ้าแสนเมืองหรือคะ”

“ใช่แล้วครับ”

เรื่องราวระหว่างเจ้าแสนเมืองกับจันทร์เจ้า หญิงสาวได้เล่าให้กับเขาได้รู้หลังจากนั้นไม่นาน และชายหนุ่มก็บอกว่าเขาก็ยินดีช่วยให้วิญญาณต่างภพดวงนั้นได้หลุดพ้น

โดยการขอความรักจากจันทร์เจ้า...และรอให้อีกฝ่ายตอบรับ

บัดนั้นดวงวิญญาณก็จะถูกปลดปล่อย

“ผมมีบางสิ่งบางอย่างที่อยากจะบอกคุณ มาทางนี้เถอะครับ”

ภูริตจูงมือหญิงสาวให้ตามเขาเข้าไปภายในอาณาบริเวณวัดแห่งนั้น จันทร์เจ้าจำได้ว่าเธอถูกชายหนุ่มจูงมือมายังใต้ต้นไทรใหญ่ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเบิกขึ้นเมื่อบนแคร่ไม้ มีร่างของใครคนหนึ่งนั่งรออยู่

“มากันแล้วรึโยม”

“แม่ชี...”

จันทร์เจ้าอุทาน ก่อนจะต้องตกตะลึงเป็นเท่าทบทวี เมื่อเห็นว่าแม่ชีนางนั้นคือคนเดียวกับที่เธอเคยเจอนางในความฝัน ในชาติภพที่เป็นเจ้าจันทร์งาม รูปหน้านั้นแม้จะเปลี่ยนไปบ้างแต่หญิงสาวยืนยันว่าคือคนๆ เดียวกัน

ทั้งสองหนุ่มสาวขยับเข้าไปก้มกราบแม่ชีนางนั้น ก่อนจะเปลี่ยนท่ามาเป็นนั่งพับเพียบกับพื้นจ้องมองหญิงในชุดขาวตรงหน้า

“เจอกันอีกแล้วนะ เจ้านาง...” เป็นคำแรกที่แม่ชีนางนั้นเอ่ยบอกกับหญิงสาว

“เอ่อ...ค่ะ”

แม้ไม่อยากจะเชื่อและเหมือนว่าตนได้กลับไปฝันอีกครั้ง หากทุกสิ่งที่เด่นชัดกลับบ่งบอกหญิงสาวว่านั่นคือความจริง

เป็นไปได้อย่างไรกัน...

ระยะเวลาผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว เหตุใดหญิงนางนี้ถึงยังอยู่ได้อีก

“การที่เราจะเจอกันได้นั้น มันอยู่ที่การเปิดรับของทั้งสองฝ่ายและเป็นความต้องการของทั้งสองด้วยเช่นกัน”

“หมายความว่า...” เธอกำลังคิดว่าสิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นอาจจะเป็นวิญญาณหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่เหนือกาลเวลา

“ใช่แล้วจ้ะ ตามที่หนูเข้าใจ” แม่ชียิ้มรับ ขณะจันทร์เจ้าที่อดจะตกตะลึงต่อเรื่องที่พบเจอไม่ได้ เธอนั่งนิ่งแล้วคลี่ยิ้มอยู่เช่นนั้น

จากนั้นแม่ชีนางนั้นก็เล่าถึงบางสิ่งบางอย่าง ที่นางได้ช่วยให้ภูริตระลึกชาติได้นั้นก็เพราะเคยมีบุญมีกรรมทำร่วมกันมา นางมีหน้าที่มาช่วยทางฝ่ายของภูริต ส่วนทางด้านของจันทร์เจ้ามีสิ่งเหนือมิติคอยช่วยเหลืออยู่แล้ว กรรมและบุญที่เคยทำร่วมกันมา จึงทำให้ทั้งหมดกลับมาได้พบเจอกันอีกครั้งและเพื่อที่จะช่วยเหลือในการปลดปล่อยพันธนาการแห่งความเจ็บปวดเหล่านั้นให้กับเจ้าแสนเมือง

“เขาเจ็บปวดมานานแล้วล่ะกับการรอคอย ชาติภพนี้เขาจึงสมใจที่ลูกทั้งสองได้เกิดมาในชาติภพที่ตรงกันอีกครั้ง...เขารอลูกๆ มานาน เวลานี้มันคงจะถึงเวลาแล้วล่ะที่ลูกจะช่วยปลดปล่อยให้เขาได้พ้นทุกข์สักที”

แม่ชีเอ่ยเสียงเนิบช้า จันทร์เจ้ายกมือขึ้นพนมน้อมรับต่อคำกล่าวบอกและเปิดทางนั้นของแม่ชราตรงหน้า

มันคงจะถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่เธอจะต้องช่วยเหลือเขา...

แม้ว่าจะตกปากรับคำกับแม่ชีแล้วว่าหญิงสาวยินดีจะช่วยเหลือ หากแต่เธอก็ยังไม่ยอมจะพูดอะไรต่อจากนั้น ด้วยเพราะรู้ทุกอย่างมันยังไม่ถึงเวลาที่สมควร แล้วชายหนุ่มกับหญิงสาวจึงได้พากันกลับเข้าเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้ตกลงกันแล้วว่าอีกสามวันข้างหน้าจะพากันเดินทางไปเที่ยวยังจังหวัดเชียงรายตามที่ได้ตกลงกัน

ซึ่งสิ่งนี้ได้สร้างความดีใจให้คนทั้งหมดเป็นอย่างมากที่จะได้เดินทางไปเที่ยวกันให้สมใจ

วันเดินทางมาถึง...ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมภูริตก็ขับรถพาคนทั้งหมดมุ่งตรงสู่เมืองเชียงราย นครแห่งพ่อขุนเม็งรายในทันที ใช้เวลาหลายชั่วโมงทั้งหมดก็เดินทางมาถึง ก่อนจะพากันเดินทางเที่ยวตระเวนไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายภายในจังหวัดในวันต่อๆ มา

ห้าวันผ่านไป สถานที่สุดท้ายซึ่งภูริตพาคนทั้งหมดไปเที่ยวก็คือ ผาจันทร์เสี้ยวอันมีประวัติการณ์ยาวนาน

คุณย่าบัวคำดูจะตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการที่ตนได้นั่งเสลี่ยงเดินทางขึ้นไปบนสันดอย อันเป็นที่ตั้งของหน้าผางามรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว

“อืม...สวยจริงๆ สวยอย่างคำที่เขาร่ำลือเลยนะเพ็ญ”

หันมาสนทนากับมารดาของจันทร์เจ้า หลังจากที่ลงจากเสลี่ยงหลวง แม้จะเป็นเพียงหน้าผาแผ่นหนึ่งและมีอีกแผ่นคล้ายรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ดูธรรมดาแล้ว ทว่าทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้า นั่นก็คือตัวเมืองเชียงรายทั้งหมดกลับเป็นภาพที่ตื่นตาตื่นใจมากที่สุด

“ใช่ค่ะ คุณย่า สวยจริงๆ”

“บุญพาวาสนาส่งให้ฉันได้มาเห็นสถานที่แห่งนี้แล้ว สถานที่ซึ่งฝากฝังร่างของเจ้านางจันทร์งาม...” หญิงชรายกมือขึ้นกุมกันอย่างสมหวัง ก่อนจะชวนนางเพ็ญเดินตรงไปยังจุดที่ตั้งของแผ่นผาจันทร์เสี้ยว



บทส่งท้าย...

“รู้สึกว่าคุณย่ากับคุณแม่ของคุณจะดีใจมากๆ เลยนะครับ” ภูริตหันมามองกรอบหน้าสวยของหญิงสาว หลังจากลงเสลี่ยงแล้ว เขาและเธอก็เดินจูงมือกันตามญาติผู้ใหญ่ทั้งสองเข้าไปข้างใน

“ค่ะ...ฉันก็เหมือนกันตื่นเต้นที่สุดเลยค่ะ” จันทร์เจ้าคลี่ยิ้ม กรอบหน้าสวยแดงซ่านบ่งบอกซึ่งความพึงใจไม่แพ้กัน

โอ...บัดนี้เธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้งแล้วหรือ...ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าตนจะได้กลับมายังที่แห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง

“ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะคะ”

เธอปรายตาคู่สวยทอดมองไปยังภาพสวยเบื้องหน้า อันเป็นที่สถิตตั้งของแผ่นผารูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวซึ่งวางนิ่งซ้อนกันอยู่เหนือหน้าผาอันสูงชัน ท้าทายต่อความดึงดูดของพื้นโลกเป็นยิ่งนัก

“ผมว่าเราเข้าไปดูใกล้ๆ กันเถอะครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยชวนแล้วพาหญิงสาวให้เข้าไปยังสถานที่แห่งนั้น ซึ่งมีแท่นบูชาตั้งเอาไว้ เขาและเธอยกมือพนมไหว้ตามศรัทธาที่คนรุ่นต่อมาได้สร้างเอาไว้ ก่อนจะร่วมกันทำบุญที่ตู้รับบริจาคซึ่งใช้ในการพัฒนาสถานที่แห่งนั้น

สถานที่แห่งนี้ เธอเคยมาอย่างเจ็บปวดและชาตินี้เธอได้กลับมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าความรู้สึกจะแตกต่างกันมากนัก

บัดนี้เธอกลับมายังหน้าผาจันทร์เสี้ยวด้วยความสุข พร้อมกับชายคนรักที่ดูแลเธออย่างใกล้ชิด

จันทร์เจ้าหลับตาพร้อมกับตั้งจิตอธิฐานพร้อมกับวาดมือไปลูบแผ่นผาแผ่นนั้นอย่างที่เธอสัมผัสรู้ว่าเคยทำเช่นนี้มาก่อน

เพียงชั่วมือบางทาบและลูบไปด้านข้างอย่างเชื่องช้านั้น พลันก็ก่อเกิดเสียงคล้ายดนตรีกาลดังขึ้นหนึ่งครั้งแล้วค่อยๆ จางหายไป

ตึง..งง

จันทร์เจ้าหันมามองภูริตด้วยรอยยิ้มบาง หากว่าหูของเธอไม่แว่ว เธอยืนยันได้ว่าตนได้ยินอย่างชัดเจนว่าแผ่นผางามนั้นลั่นอย่างที่ใจปรารถนา

“คุณภู...ผาลั่นค่ะ หน้าผาลั่นแล้ว”

“ครับ...ผมก็ได้ยิน แม้จะแผ่วเบา แต่ผมก็แน่ใจว่ามันดังในตอนที่คุณลูบมัน”

ภูริตยิ้มอย่างยินดี ชายหนุ่มขยับเข้าไปจนใกล้กับเธอ ก่อนจะหลับตาตั้งจิตอธิฐานแล้ววาดมือลูบลงบนแผ่นผาอีกครั้ง

ตึง...งง

มันเป็นเช่นเดียวกับที่หญิงสาวทำ เพียงแค่ทาบฝ่ามือแล้วลูบอย่างแผ่วเบาเท่านั่น เสียงดังตึงก็ดังขึ้น หากสิ่งที่เขาคิดไม่ผิดและตามตำนานที่เป็นไปแล้ว ในครั้งใดที่ผู้ขอเสี่ยงทายและอธิฐานทำให้ผางามลั่นได้ คำอธิฐานนั้นก็จะสมหวัง

หรือว่า...สิ่งที่เขาและเธอขอมันจะเป็นจริงในไม่ช้านี้แล้ว



หลังจากที่ได้ทำอย่างที่ได้ตั้งใจกันไว้แล้ว ภูริตจึงพาจันทร์เจ้ามายังสถานที่ซึ่งจัดให้เป็นจุดชมวิวของนักท่องเที่ยว

ที่แห่งนั้น มีนักท่องเที่ยวเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเพราะยังถือว่าเช้าอยู่ บรรยากาศโดยรอบจึงมีสายหมอกเส้นบางๆ ลอยอวลเป็นเส้นสายอย่างสวยงาม เช่นเดียวกับความอุ่นซ่านของพระอาทิตย์ในยามเช้าซึ่งสาดแสงอุ่นมาแต่เพียงน้อยนิดอย่างสมกัน

สายลมเย็นยังคงพัดโชยเย็นสบาย ภาพภูเขาน้อยใหญ่ที่วางตัวลดหลั่นสลับกันไปช่างเป็นภาพสวยงามยิ่งนัก มีเหล่าต้นไม้ใบหญ้าที่กำลังกวักไกวยอดไม้ยอดใบกันไปตามสายลมพัดผ่าน จันทร์เจ้ารู้สึกสดชื่นกับสิ่งที่เห็น ถือได้ว่ามันเป็นอีกสิ่งหนึ่ง หลังการมาเที่ยวเธอเลยก็ว่าได้

“เมื่อกี้คุณภูอธิฐานว่าอะไรคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม ดวงตาคู่สวยเบิกขึ้นอย่างใคร่รู้

“ผมหรือครับ...เอ้ จะบอกว่าอะไรดีนะ” ภูริตยิ้ม ก้มลงมองกรอบหน้าขาวเนียนของหญิงสาว พร้อมกับเอื้อมมือกุมมือบางของคนที่ค้อนให้เขาไปหลายวง “แล้วคุณล่ะครับ เมื่อกี้อธิฐานว่าอะไรเอ่ย”

“จันทร์หรือคะ...อ่ะ จันทร์ถามก่อน คุณภูจะต้องบอกจันทร์ก่อนว่าคุณอธิฐานว่าอะไร” กรอบหน้าสวยแดงซ่าน จันทร์เจ้าก้มหน้ามองพื้นด้วยความเอียงอายเมื่อภูริตก้มลงมากระซิบที่ข้างหู

“ผมหรือครับ...ผมอธิฐานว่า ถ้าจันทร์เจ้าเป็นเนื้อคู่ของผม ขอให้ผางามลั่น”

“คุณภู...”

ดวงตาคู่สวยเบิกขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เธอเงยหน้ามองลูกคางสะอาดเกลี้ยงมนก่อนจะเลยขึ้นไปยังจมูกซึ่งโด่งจนเป็นสันแล้วไปหยุดยังดวงตาคู่คมซึ่งไหวระริกอย่างเชื่องช้า ทุกสิ่งที่ประกอบเป็นกรอบหน้าของเขาช่างเหมือนกับเจ้าน้อยภูมินทร์เป็นยิ่งนัก

“ผมบอกคุณไปแล้ว...แล้วคุณล่ะครับ เมื่อกี้อธิฐานว่าอะไรเอ่ย...”

“ไม่บอก...” จันทร์เจ้ายิ้ม แล้วแสร้งเบี่ยงกายหันไปทางอื่น จนร้อนถึงภูริตที่ต้องรีบขยับไปยืนดักหน้าพร้อมกับถาม

“ขี้โกงนี่ครับ หลอกให้ผมบอกแล้วคุณก็เบี้ยว”

“ใครว่าเบี้ยวล่ะคะ จันทร์ไม่ได้บอกคุณสักหน่อยว่าจะบอกคุณหรือไม่นี่” จันทร์เจ้าหัวเราะคิก เห็นหัวคิ้วที่ย่นเข้าหากันของเขาเธอก็ยิ่งขำ

“คุณน่ะแหละเบี้ยวผม นิสัยไม่ดี”

“อ้าว...จันทร์ไม่ได้นิสัยไม่ดีสักหน่อย”

“คนขี้โกง...มาเลย มาให้ทำโทษซะดีๆ” ชายหนุ่มโผเข้าไปหาหญิงสาว ขณะจันทร์เจ้ารีบหลบไปได้อย่างรวดเร็ว

“แน่จริงก็ตามให้ทันสิคะ...”

แล้วหญิงสาวก็วิ่งไปรอบๆ โดยมีภูริตคอยตามวิ่งไล่จับ เสียงหัวเราะของทั้งสองหนุ่มสาวทำให้อีกหลายสายตาอดมองมาอย่างอิจฉาไม่ได้ จันทร์เจ้าวิ่งไปหยุดยังที่สุดท้าย ซึ่งภายในสัมผัสความรู้สึกของเธอบอกว่า ที่ตรงนี้คือจุดที่เจ้าจันทร์งามกระโดดลงไปยังหุบผาด้านล่าง สายลมที่พัดเข้ามาทำให้หญิงสาวต้องห่อไหล่ด้วยความหนาว ภูริตที่ตามมาทันจึงโอบกอดร่างของเธอเอาไว้พร้อมกับขโมยจูบเสียฟอดใหญ่

“นี่แน่ะจับได้แล้ว...” หอมแก้มแล้วชายหนุ่มจึงก้มลงมองกรอบหน้าสวยที่แดงซ่าน ทว่ากรอบหน้าสวยนั้นกลับเศร้าสลดลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เขารีบถามเธออย่างรวดเร็ว

“จันทร์เจ้า นั่นคุณเป็นอะไรครับ”

หญิงสาวไม่ตอบ หากแต่ยิ้มแล้วมองเลยลงไปยังพื้นเบื้องล่างซึ่งบัดนี้เห็นยอดต้นไม้น้อยใหญ่โบกสะบัดกวัดไกวอยู่เบื้องล่าง เช่นเดียวกับสายลมเย็นซึ่งพัดพาเข้ามาในที่แห่งนั้นแผ่วเบา

“ในนิมิต จันทร์เคยมาที่นี่อย่างเจ็บปวดและได้ตายที่นี่ จันทร์ดีใจนะคะที่ได้กลับมายังที่แห่งนี้อีกครั้งและได้กลับมาอย่างมีความสุข ไม่ได้ทุกข์ใจเหมือนชาติที่แล้วของเจ้านางจันทร์งาม”

จันทร์เจ้าทอดถอนใจแล้วเอ่ยบอกเขา ถึงความรู้สึกบางอย่างที่มันเต็มตื้นและวิ่งแล่นอยู่ภายในหัวใจและร่างกาย

“จันทร์เจ้าครับ...แต่นี้เป็นต้นไปผมจะไม่ยอมปล่อยให้คุณต้องผจญอยู่กับความเจ็บปวดอย่างเดียวดายอีกต่อไปอีกแล้ว แม้ว่าชาติที่แล้วเจ้าน้อยภูมินทร์จะดูแลเจ้านางจันทร์งามได้ไม่ดีพอ ผมสัญญาครับว่าชาตินี้ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด จะไม่มีวันทำให้คุณต้องเจ็บปวดอย่างกับชาติของเจ้าจันทร์งามอีกต่อไปผมสัญญา...”

“คุณภู...”

“คุณแต่งงานกับผมเถอะนะครับ ที่รักของผม” จันทร์เจ้าคลี่ยิ้ม กรอบหน้าสวยเข้มขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเวลาที่มันผ่านผันไปเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวด บัดนี้เห็นทีเธอคงจะต้องยอมรับมันเสียที

สายลมเย็นพัดเข้ามาภายในบริเวณนั้น เหมือนจะเป็นพยานให้กับคำพูดอีกประโยคของหญิงสาวที่จะดังขึ้น

“ภูริตคะ...ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่จันทร์ไม่ยอมตอบรับคุณก็เพราะรู้ว่ามันยังคงไม่ถึงเวลา ในตอนนี้คุณได้ขอกับจันทร์อีกครั้ง เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม จันทร์ก็ยินดีจะตอบรับคุณ...ค่ะ จันทร์ยินดีที่จะแต่งงานกับคุณนะคะ”

“จันทร์เจ้า...ขอบคุณครับ ขอบคุณที่คุณรับรักผม ผมรักคุณมากที่สุดเลย สัญญาว่าผมจะรักคุณแบบนี้ตลอดไป”

ภูริตกระชับร่างบางนั้นเอาไว้แนบอกแน่น ความยินดีและปลาบปลื้มปีติแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย จนไม่อาจจะบอกและกะปริมาณได้ว่ามันจะมากเท่าไร

“ค่ะ...จันทร์ก็รักคุณค่ะ ภูริต”

รอยยิ้มหวานของเธอช่างตราตรึงหัวใจของเขาเป็นยิ่งนัก ภูริตดึงร่างบางออกจากตัวแล้วหมุนกายให้เธอหันมาสบตากับเขาแบบเต็มๆ อีกครั้ง ประกายตาสุกใสมันยังคงแน่นติดตรึงในหัวใจของเขาเสมอมา สัญญาว่าจะยังคงอยู่เช่นนั้นตลอดไป

ชายหนุ่มก้มลงจุมพิตยังหน้าผากมนของหญิงสาวหนึ่งครั้งเป็นการปลอบขวัญ ก่อนจะดึงร่างบางของเธอเข้ามาโอบกอด อกอุ่นของเขาจากนี้เป็นต้นไปจะมีให้เธอผู้นี้ได้ซบซุกและมันจะปกป้องคุ้มครองเธอตลอดไป...

สายลมพัดวูบมาอีกครั้ง ปรากฏเงาเลือนรางของเจ้าแสนเมืองไม่ห่างจากนั้นมากนัก ภูริตและจันทร์เจ้าหันกลับไปมองด้วยรอยยิ้มยินดีที่ได้เห็นเงาร่างนั้นอีกครั้ง แม้ว่าจะเลือนรางและไม่ชัดเจนก็ตาม

“ขอบใจ๋เจ้าทั้งสองที่จ้วยปลดปล่อยพันธนาการแห่งข้า...จากนี้เป๋นต้นไปขอหื้อเจ้าทั้งสองได้ครองฮักอย่างสมหวังตลอดไปทุกจาดทุกภพ นี่คือคำอวยพรของเฮา เจ้าแสนเมือง...”

เสียงนั้นจบสิ้นลง พร้อมกับร่างนั้นค่อยๆ จางหายไปกับสายลมที่พัดพาเข้ามา รอยยิ้มสุดท้ายที่เจ้าแสนเมืองส่งมอบให้กับคนทั้งสอง เขาและเธอยอมรับว่าเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนและเปี่ยมสุขเป็นยิ่งนัก

ทั้งจันทร์เจ้าและภูริตเชื่อ พันธนาการแห่งความรักได้ปลดปล่อยซึ่งความเจ็บปวดของเจ้าแสนเมืองแล้ว...

หลังสิ่งมหัศจรรย์เหนือมิติที่เกิดขึ้นเพียงชั่ววูบไหวหายไปหมดสิ้น ภูริตและจันทร์เจ้าจึงได้หันหน้าเข้ามาหากันอีกครั้งด้วยความปลื้มปีติเป็นยิ่งนัก ชายหนุ่มดึงร่างบางเข้ามาสวมกอดแนบอกแน่น นับแต่นี้เป็นต้นไปสองหัวใจจะหลอมรวมกันเป็นดวงเดียว ความรักจะตราติดตรึงและมั่นคงเช่นนี้ตลอดไปไม่ว่าภพนี้หรือภพหน้าที่ทอดยาวไกล...

ด้วยอำนาจบารมีแห่งกุศลกรรมที่ได้ร่วมสร้างกันมา องค์เทพไท้เทวาอินทร์แถนชั้นฟ้าจะอำนวยอวยพร...

เจ้า...งามดั่งแว่นฟ้า วาวงาม
นาง...งามดั่งจันทร์อร่าม กลางหาว

จันทร์...นาฏนางกายงาม หอมกลิ่น เจ้าเฮย

งาม...แก้มน้องนางน้าว ติดเจ้าตรึงใจ

*****จบ*****
ก่อนจบ...
สุดท้ายแล้วความรักแท้คืออะไร หากเป็นคุณ คุณจะเลือกสิ่งไหน ระหว่าง "ความรัก" กับ "ความเสียสละ"

แล้ว...ภายในเนื้อเรื่องนี้ ตัวละครตัวไหนน่าเห็นใจมากที่สุด...เม้นท์มาคุยกันได้นะครับ

และ....ติดตามภาคต่อของชุดนี้ได้ในเรื่อง วังวนริษยา เร็วๆ นี้ครับ



พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มิ.ย. 2555, 22:17:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มิ.ย. 2555, 22:17:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 2427





<< ตอนที่ ๑๔ นางในฝัน   
ใบบัวน่ารัก 7 มิ.ย. 2555, 09:40:04 น.
อืม มีต่อ ก็อ่านนะ


ทองหลาง 7 มิ.ย. 2555, 18:36:50 น.
ถึงเม้นน้อยก็ใช่ว่าไม่มีคนอ่านนะ


ปอยอะนะ 8 มิ.ย. 2555, 20:13:20 น.
จบได้อิ่มใจดีค่ะ


ปอปลาตากลม 14 มิ.ย. 2555, 22:18:54 น.
รอติดตามต่ออยู่นะค่ะ


ChaCha 6 ก.ค. 2556, 19:20:15 น.
สนุกมากค่ะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account