ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: เรียกน้ำย่อย
นวนิยาย
ในสวนศิลป์
เฟื่องนคร
บทที่ 1
หญิงสาวผมหยิกยาวสีน้ำตาลอ่อนอันเกิดจากการทำสี ปรายตาไปยังประตูทางเข้าร้านอาหารเมื่อคนที่ได้นัดหมายผลักประตูเข้ามา และเมื่อคนร่างสูงที่อยู่ในชุดกางเกงสแลคสีครีมเอวต่ำสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวออกเหลือง ๆ พอดีตัวเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะที่เจ้าหล่อนนั่งอยู่หญิงสาวก็เอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงแข็ง ๆ ใบหน้าบึ้งตึงบ่งออกให้รู้ว่าเจ้าหล่อนนั้นเป็นคนอาแต่ใจตัวเองอย่างชนิดร้ายกาจทีเดียว
“นั่งค่ะ”
“เป็นอะไรหน้าตาดูไม่ได้เลย” ชายหนุ่มที่มีอายุแก่กว่าทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวตรงกันข้ามพลางร้องถามด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ อย่างคนรู้ใจกัน
“ยิ้มไม่ออก”
“ก็ยิ้มให้มันออก”
“เบื่อ...”
“ใครทำให้เบื่อ การประชุมเป็นอย่างไรบ้าง”
หญิงสาวผินหน้าไปหากระจกมองถนนที่มีรถวิ่งไปมา ถนนเส้นนั้นมีฝุ่นพอรู้สึกได้ เป็นถนนเส้นหลักกลางตลาด สภาพคนเดินถนนนั้นเล่าก็แต่งตัวเหมือนอยู่กับบ้าน หาความเจริญหูเจริญตาไม่ได้สักนิด แม้แต่ร้านที่นั่งรอเอกรินทร์นี่ก็เหมือนกัน ถึงมันจะดูดีกว่าร้านอื่น ๆ ในถนนเส้นเดียวกัน แต่ว่าหญิงสาวก็ยังรู้สึกว่ามันธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่ถ้าให้ไปหาที่นัดเจอกันที่ดีกว่านี้มันก็ไม่มี ดังนั้นแม้จะนั่งรอเขาร่วมห้านาทีแล้วใจของหญิงสาวก็หาได้เย็นลงเหมือนน้ำเปล่าใส่น้ำแข็งที่วางอยู่ตรงหน้า
“ถามก็ไม่ตอบ..”
“อยากฆ่าคน”
“โห...ขนาดนั้นเลย ฆ่าใคร ใครกล้าขัดใจคุณหนูจรินนา” เขายิ้มนิด ๆ
“พี่เอกคิดดูนะ” หญิงสาวหันกลับมาระบายเรื่องที่อัดแน่นอยู่ในอก.. “โรงแรมใหม่ที่ป๊าจะให้จินนั่งแท่นเป็นผู้บริหาร จะมีคอนเซ็ปเป็นสรวงสวรรค์ มีพวกกินรี กินนร นางฟ้า เทวดา มีผลไม้ต้นไม้ในวรรณคดีไทย แต่งแต้มบนผนังปูน”
“ก็ดีนี่”
“ดีตรงไหน..เชยบรม”
“แล้วคนที่เขาคิดคอนเซ็ปให้ เขาอธิบายว่าอย่างไรบ้าง” เอกรินทร์ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าคนที่จรินนาอยากฆ่าทิ้งเป็นใคร เขายิ้ม ๆ ขณะคุยไปด้วย ซึ่งจรินถลึงตาให้ก่อนจะบอกว่า
“อย่าบอกนะว่า แอบมีใจให้อีตานั่น”
“เขาชื่อออกจะเพราะ หน้าตารึก็พอไปวัดไปวาได้”
“ได้ข่าวว่าหากินอยู่กับวัดอยู่แล้ว”
“หูเร็วตาเร็วเหมือนกันนี่”
“ไม่ได้อยากรู้จักหรอก...ตอบมาก่อน นายนั่นเป็นแบบพี่ด้วยใช่ไหม ปิ้งกันอยู่ใช่ไหม” แม้ไม่อยากรู้จัก แต่ในข้อมูลในแฟ้มที่เลขานุการของคุณพ่อนำมาให้เธอได้ศึกษาก็มีข้อมูลของเขาพร้อม ตั้งแต่ ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์ และสถานภาพทางการศึกษา ประสบการณ์ทำงานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงรูปถ่ายหน้าตรงของเขาที่ดูเหมือนจะมีแววยิ้มเยาะให้กับเธอเสียด้วย...ซึ่งเธอเองต้องอ่าน ต้องรู้จักเขาไว้ เพราะในตอนนี้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นผู้มีอิทธิพลกับความคิดของพ่อเธอเป็นอย่างมาก
...มากจนเธอไม่สามารถคันค้านกับเรื่องที่เห็นว่ามัน ‘ไม่ใช่’ ได้เสียด้วย ซึ่งเธอจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาด เพียงแต่วันนี้ในที่ประชุม เธอยังไม่อยากแผลงฤทธิ์แผลงเดชให้คนเก่าคนแก่ได้เห็น แต่คนอย่างเธอจะไม่มีวันยอมแพ้..และยิ่งพี่เอกรินทร์ที่กลับมาจากอเมริกามาก่อนเธอหนึ่งปีมีทีท่าหูตาแพรวพราวอย่างนี้ด้วย ก็แสดงว่าน่าจะเป็นพวกเดียวกันซึ่งคนพวกนี้คงไม่ยากที่จะคุยกันเป็นการส่วนตัว...
“เขาก็เป็นเขา...แบบที่จินเห็น”
“แต่ จินก็ไม่ได้มีตาดวงที่สามแบบพี่นี่..”
“พี่ว่าเขาแมนเต็มร้อยนะ...”
“พวกอยู่กับงานศิลป์ไว้ใจไม่ได้หรอก”
“อย่าไปเหมาเลย จริง ๆ มันแฝงตัวอยู่ทุกวงการแหละ...แต่คนนี้ พี่รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง แต่ขณะเดียวกัน พี่ก็รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยธรรมดา มีเสน่ห์ซ่อนเร้นอย่างบอกไม่ถูก”
“ตรงไหน..” ริมฝีปากบางได้รูปเคลือบลิปสติคเนื้อดีสีชมพูอ่อนเบะออก ดวงตารียาวหางตาชี้ขึ้นนั้นเล่าก็ดูแคลนคนที่เธอหาได้รู้สึกสนใจในแบบเสน่หาสักนิด..
“สูงใหญ่ไหล่กว้าง ตาเขาสวยนะ ได้มองตาเขาบ้างหรือเปล่า..ไหนจะมีเครา มีหนวดอีก เคยเจอเขาตอนไม่ได้โกนหนวดโกนเคราหรือยัง?..”
“เห็นหน้าครั้งแรกก็ไม่ต้องชะตาแล้ว..แต่งตัวไม่รู้กาลเทศะ เสื้อลายผ้าขาวม้า กางเกงยีนขาด ๆ”
“อ้าว ก็เขาศิลปิน”
“ดีนะผมไม่ยาวรุงรัง..”
“อาจจะเคยไว้ยาวรุงรังก็ได้ แต่ก็คงน่าดูอยู่เหมือนกัน รูปหน้าเขาสวยนะ จมูกโด่ง ตาเหมือนแขกผมหนาดีด้วย”
“หยุดชมโฉมเขาสักทีเถอะ..น่าเบื่อชะมัด...” ตัดบทแล้วจรินนาก็ถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะระบายความในใจว่า “ตัวโครงสร้างหลักราคาวัสดุก็แพงเว่อร์อยู่แล้ว แค่ทาสีอย่างเดียว หรือติดวอลเปเปอร์ลงไป ทุกอย่างก็จบแล้ว จ้างช่างมาวาดภาพลงไปพี่คิดดูเถอะว่ามันจะเสียเวลาแค่ไหนแล้วค่าใช้จ่ายอีกตั้งเท่าไหร่ แล้วถามจริง ๆ มันทำให้โรงแรมดูมีรสนิยมตรงไหน....เป็นอาร์ตโมเดิร์นก็ว่าไปอย่าง อยากได้ศิลป์แต่งแต้มโรงแรมพวกจิตรกรหัวสมัยใหม่ที่พร้อมขายงานมีเยอะแยะ”
“แต่อาเจ๊กก็ตัดสินใจไปแล้ว ใครก็ขวางไม่ได้ เพราะงานนี้ แยกทำตามลำพัง...”
“แล้วก่อนหน้านั้นอาแปะรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
“ถึงรู้ก็ไม่สนใจอะไรหรอก...โต ๆ กันแล้ว อาเจ๊กก็คงมีเหตุผลของเขา ตัวเองเป็นลูกก็ถามเองสิ..”
“ยังไม่มีอารมณ์จะถาม...คิดแต่จะแก้ไขสถานการณ์อยู่เนี่ย”
“ก็ทำใจยอมรับไป”
“ไม่..อย่าลืมนะว่าจินจะต้องดูแลที่นั่นไปอีกนานทีเดียว..เห็นแล้วมันแสลงลูกตา”
“เขายังไม่ทันได้วาดเลย”
“แต่เขากำลังจะเอาช่างมาลงมือในวันสองวันนี้แล้วนะพี่...เบิกเงินก้อนแรกไปแล้วด้วย”
“ก็ให้รีบกลับมาพร้อมกัน ก็มัวโอ้เอ้อยู่นั่นแหละ...แล้วเป็นไงสุดท้ายก็ ไม่ใช่อยู่ดี”
“อย่าไปพูดถึงมันเลย ถ้าไม่อยู่ต่อ ก็ไม่รู้หรอกว่า เขาเจ้าชู้ขนาดไหน ดีนะไม่ถลำตัว”
“แต่ก็เสียใจใช่ไหมละ”
“คิดซะว่าไม่มีเวรมีกรรมต่อกัน..”
“เข็ดไหม”
“ไม่เข็ดหรอก แต่ถ้าจะเผลอใจไปรักใครใหม่ง่ายๆ อีก ก็เห็นจะไม่มีทาง”
“เนื้อคู่จินอาจจะเป็นคนที่นี่ก็ได้ จินก็เลยต้องว่างเพื่อกลับมาเจอเขา...”
“นครสวรรค์เนี่ยนะ” จรินนาเบะปากอย่างดูแคลนอีกครั้ง
“ออกงานสังคมบ่อย ๆ เดี๋ยวก็เจอ และถึงแม้ไม่อยากเจอเดี๋ยวแม่พี่ก็จัดการพามาให้ดูตัว”
“หมดยุคคลุมถุงชนแล้ว...หาเองได้ ถ้าหาไม่ได้ก็อยู่คนเดียวไป..สั่งอะไรมากินดีกว่าค่ะ..หิวแล้ว” จรินนาตัดบทง่าย ๆ ก่อนจะหันหน้าไปหาเจ้าของร้านที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ ซึ่งพยายามจ้องเข้ามารับออเดอร์ตั้งแต่ที่เอกรินทร์เข้ามาในร้าน...
ในสวนศิลป์
เฟื่องนคร
บทที่ 1
หญิงสาวผมหยิกยาวสีน้ำตาลอ่อนอันเกิดจากการทำสี ปรายตาไปยังประตูทางเข้าร้านอาหารเมื่อคนที่ได้นัดหมายผลักประตูเข้ามา และเมื่อคนร่างสูงที่อยู่ในชุดกางเกงสแลคสีครีมเอวต่ำสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวออกเหลือง ๆ พอดีตัวเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะที่เจ้าหล่อนนั่งอยู่หญิงสาวก็เอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงแข็ง ๆ ใบหน้าบึ้งตึงบ่งออกให้รู้ว่าเจ้าหล่อนนั้นเป็นคนอาแต่ใจตัวเองอย่างชนิดร้ายกาจทีเดียว
“นั่งค่ะ”
“เป็นอะไรหน้าตาดูไม่ได้เลย” ชายหนุ่มที่มีอายุแก่กว่าทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวตรงกันข้ามพลางร้องถามด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ อย่างคนรู้ใจกัน
“ยิ้มไม่ออก”
“ก็ยิ้มให้มันออก”
“เบื่อ...”
“ใครทำให้เบื่อ การประชุมเป็นอย่างไรบ้าง”
หญิงสาวผินหน้าไปหากระจกมองถนนที่มีรถวิ่งไปมา ถนนเส้นนั้นมีฝุ่นพอรู้สึกได้ เป็นถนนเส้นหลักกลางตลาด สภาพคนเดินถนนนั้นเล่าก็แต่งตัวเหมือนอยู่กับบ้าน หาความเจริญหูเจริญตาไม่ได้สักนิด แม้แต่ร้านที่นั่งรอเอกรินทร์นี่ก็เหมือนกัน ถึงมันจะดูดีกว่าร้านอื่น ๆ ในถนนเส้นเดียวกัน แต่ว่าหญิงสาวก็ยังรู้สึกว่ามันธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่ถ้าให้ไปหาที่นัดเจอกันที่ดีกว่านี้มันก็ไม่มี ดังนั้นแม้จะนั่งรอเขาร่วมห้านาทีแล้วใจของหญิงสาวก็หาได้เย็นลงเหมือนน้ำเปล่าใส่น้ำแข็งที่วางอยู่ตรงหน้า
“ถามก็ไม่ตอบ..”
“อยากฆ่าคน”
“โห...ขนาดนั้นเลย ฆ่าใคร ใครกล้าขัดใจคุณหนูจรินนา” เขายิ้มนิด ๆ
“พี่เอกคิดดูนะ” หญิงสาวหันกลับมาระบายเรื่องที่อัดแน่นอยู่ในอก.. “โรงแรมใหม่ที่ป๊าจะให้จินนั่งแท่นเป็นผู้บริหาร จะมีคอนเซ็ปเป็นสรวงสวรรค์ มีพวกกินรี กินนร นางฟ้า เทวดา มีผลไม้ต้นไม้ในวรรณคดีไทย แต่งแต้มบนผนังปูน”
“ก็ดีนี่”
“ดีตรงไหน..เชยบรม”
“แล้วคนที่เขาคิดคอนเซ็ปให้ เขาอธิบายว่าอย่างไรบ้าง” เอกรินทร์ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าคนที่จรินนาอยากฆ่าทิ้งเป็นใคร เขายิ้ม ๆ ขณะคุยไปด้วย ซึ่งจรินถลึงตาให้ก่อนจะบอกว่า
“อย่าบอกนะว่า แอบมีใจให้อีตานั่น”
“เขาชื่อออกจะเพราะ หน้าตารึก็พอไปวัดไปวาได้”
“ได้ข่าวว่าหากินอยู่กับวัดอยู่แล้ว”
“หูเร็วตาเร็วเหมือนกันนี่”
“ไม่ได้อยากรู้จักหรอก...ตอบมาก่อน นายนั่นเป็นแบบพี่ด้วยใช่ไหม ปิ้งกันอยู่ใช่ไหม” แม้ไม่อยากรู้จัก แต่ในข้อมูลในแฟ้มที่เลขานุการของคุณพ่อนำมาให้เธอได้ศึกษาก็มีข้อมูลของเขาพร้อม ตั้งแต่ ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์ และสถานภาพทางการศึกษา ประสบการณ์ทำงานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงรูปถ่ายหน้าตรงของเขาที่ดูเหมือนจะมีแววยิ้มเยาะให้กับเธอเสียด้วย...ซึ่งเธอเองต้องอ่าน ต้องรู้จักเขาไว้ เพราะในตอนนี้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นผู้มีอิทธิพลกับความคิดของพ่อเธอเป็นอย่างมาก
...มากจนเธอไม่สามารถคันค้านกับเรื่องที่เห็นว่ามัน ‘ไม่ใช่’ ได้เสียด้วย ซึ่งเธอจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาด เพียงแต่วันนี้ในที่ประชุม เธอยังไม่อยากแผลงฤทธิ์แผลงเดชให้คนเก่าคนแก่ได้เห็น แต่คนอย่างเธอจะไม่มีวันยอมแพ้..และยิ่งพี่เอกรินทร์ที่กลับมาจากอเมริกามาก่อนเธอหนึ่งปีมีทีท่าหูตาแพรวพราวอย่างนี้ด้วย ก็แสดงว่าน่าจะเป็นพวกเดียวกันซึ่งคนพวกนี้คงไม่ยากที่จะคุยกันเป็นการส่วนตัว...
“เขาก็เป็นเขา...แบบที่จินเห็น”
“แต่ จินก็ไม่ได้มีตาดวงที่สามแบบพี่นี่..”
“พี่ว่าเขาแมนเต็มร้อยนะ...”
“พวกอยู่กับงานศิลป์ไว้ใจไม่ได้หรอก”
“อย่าไปเหมาเลย จริง ๆ มันแฝงตัวอยู่ทุกวงการแหละ...แต่คนนี้ พี่รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง แต่ขณะเดียวกัน พี่ก็รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยธรรมดา มีเสน่ห์ซ่อนเร้นอย่างบอกไม่ถูก”
“ตรงไหน..” ริมฝีปากบางได้รูปเคลือบลิปสติคเนื้อดีสีชมพูอ่อนเบะออก ดวงตารียาวหางตาชี้ขึ้นนั้นเล่าก็ดูแคลนคนที่เธอหาได้รู้สึกสนใจในแบบเสน่หาสักนิด..
“สูงใหญ่ไหล่กว้าง ตาเขาสวยนะ ได้มองตาเขาบ้างหรือเปล่า..ไหนจะมีเครา มีหนวดอีก เคยเจอเขาตอนไม่ได้โกนหนวดโกนเคราหรือยัง?..”
“เห็นหน้าครั้งแรกก็ไม่ต้องชะตาแล้ว..แต่งตัวไม่รู้กาลเทศะ เสื้อลายผ้าขาวม้า กางเกงยีนขาด ๆ”
“อ้าว ก็เขาศิลปิน”
“ดีนะผมไม่ยาวรุงรัง..”
“อาจจะเคยไว้ยาวรุงรังก็ได้ แต่ก็คงน่าดูอยู่เหมือนกัน รูปหน้าเขาสวยนะ จมูกโด่ง ตาเหมือนแขกผมหนาดีด้วย”
“หยุดชมโฉมเขาสักทีเถอะ..น่าเบื่อชะมัด...” ตัดบทแล้วจรินนาก็ถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะระบายความในใจว่า “ตัวโครงสร้างหลักราคาวัสดุก็แพงเว่อร์อยู่แล้ว แค่ทาสีอย่างเดียว หรือติดวอลเปเปอร์ลงไป ทุกอย่างก็จบแล้ว จ้างช่างมาวาดภาพลงไปพี่คิดดูเถอะว่ามันจะเสียเวลาแค่ไหนแล้วค่าใช้จ่ายอีกตั้งเท่าไหร่ แล้วถามจริง ๆ มันทำให้โรงแรมดูมีรสนิยมตรงไหน....เป็นอาร์ตโมเดิร์นก็ว่าไปอย่าง อยากได้ศิลป์แต่งแต้มโรงแรมพวกจิตรกรหัวสมัยใหม่ที่พร้อมขายงานมีเยอะแยะ”
“แต่อาเจ๊กก็ตัดสินใจไปแล้ว ใครก็ขวางไม่ได้ เพราะงานนี้ แยกทำตามลำพัง...”
“แล้วก่อนหน้านั้นอาแปะรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
“ถึงรู้ก็ไม่สนใจอะไรหรอก...โต ๆ กันแล้ว อาเจ๊กก็คงมีเหตุผลของเขา ตัวเองเป็นลูกก็ถามเองสิ..”
“ยังไม่มีอารมณ์จะถาม...คิดแต่จะแก้ไขสถานการณ์อยู่เนี่ย”
“ก็ทำใจยอมรับไป”
“ไม่..อย่าลืมนะว่าจินจะต้องดูแลที่นั่นไปอีกนานทีเดียว..เห็นแล้วมันแสลงลูกตา”
“เขายังไม่ทันได้วาดเลย”
“แต่เขากำลังจะเอาช่างมาลงมือในวันสองวันนี้แล้วนะพี่...เบิกเงินก้อนแรกไปแล้วด้วย”
“ก็ให้รีบกลับมาพร้อมกัน ก็มัวโอ้เอ้อยู่นั่นแหละ...แล้วเป็นไงสุดท้ายก็ ไม่ใช่อยู่ดี”
“อย่าไปพูดถึงมันเลย ถ้าไม่อยู่ต่อ ก็ไม่รู้หรอกว่า เขาเจ้าชู้ขนาดไหน ดีนะไม่ถลำตัว”
“แต่ก็เสียใจใช่ไหมละ”
“คิดซะว่าไม่มีเวรมีกรรมต่อกัน..”
“เข็ดไหม”
“ไม่เข็ดหรอก แต่ถ้าจะเผลอใจไปรักใครใหม่ง่ายๆ อีก ก็เห็นจะไม่มีทาง”
“เนื้อคู่จินอาจจะเป็นคนที่นี่ก็ได้ จินก็เลยต้องว่างเพื่อกลับมาเจอเขา...”
“นครสวรรค์เนี่ยนะ” จรินนาเบะปากอย่างดูแคลนอีกครั้ง
“ออกงานสังคมบ่อย ๆ เดี๋ยวก็เจอ และถึงแม้ไม่อยากเจอเดี๋ยวแม่พี่ก็จัดการพามาให้ดูตัว”
“หมดยุคคลุมถุงชนแล้ว...หาเองได้ ถ้าหาไม่ได้ก็อยู่คนเดียวไป..สั่งอะไรมากินดีกว่าค่ะ..หิวแล้ว” จรินนาตัดบทง่าย ๆ ก่อนจะหันหน้าไปหาเจ้าของร้านที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ ซึ่งพยายามจ้องเข้ามารับออเดอร์ตั้งแต่ที่เอกรินทร์เข้ามาในร้าน...

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2555, 10:14:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 มิ.ย. 2555, 23:16:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 3199
1.คุณหนูจรินนา & อาจารย์เดชาพงษ์ >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 8 มิ.ย. 2555, 10:16:13 น.
พี่ต้นกล้า ราชนาวีที่รัก น้องหนูนา เมขลา ม่านพรหม สุดท้าย พี่ต้นกล้วย ในสวนศิลป์..ชุดนี้ผมให้ชื่อชุดอย่างไม่เป็นทางการว่า "ลิขิตพรหม".....วันนี้เอามาลงเรียกน้ำย่อย อย่างไรก็ขอเสียงแฟนคลับ สามพี่น้องตระกูล สุกปลั่ง หน่อยนะฮะว์....
พี่ต้นกล้า ราชนาวีที่รัก น้องหนูนา เมขลา ม่านพรหม สุดท้าย พี่ต้นกล้วย ในสวนศิลป์..ชุดนี้ผมให้ชื่อชุดอย่างไม่เป็นทางการว่า "ลิขิตพรหม".....วันนี้เอามาลงเรียกน้ำย่อย อย่างไรก็ขอเสียงแฟนคลับ สามพี่น้องตระกูล สุกปลั่ง หน่อยนะฮะว์....

tuktuk 8 มิ.ย. 2555, 10:23:23 น.
ให้มากกว่า 1 เสียงได้มั้ยคะ คุณเฟื่อง
ให้มากกว่า 1 เสียงได้มั้ยคะ คุณเฟื่อง

nutcha 8 มิ.ย. 2555, 10:41:27 น.
มายกมือให้หนึ่งเสียงค่า ได้พี่ต้นกล้ามากอดแล้วรอหนูนากับคะน้าค่ะ ส่วนพี่กล้วยคงอีกนาน คุณเฟื่องพิมพ์ชื่อ จรินนา เป็น จินตนาอยู่หนึ่งที่ค่ะ "นครสวรรค์เนี่ยนะ" จินตนาเบะปากอย่างดูแคลนอีกครั้ง
มายกมือให้หนึ่งเสียงค่า ได้พี่ต้นกล้ามากอดแล้วรอหนูนากับคะน้าค่ะ ส่วนพี่กล้วยคงอีกนาน คุณเฟื่องพิมพ์ชื่อ จรินนา เป็น จินตนาอยู่หนึ่งที่ค่ะ "นครสวรรค์เนี่ยนะ" จินตนาเบะปากอย่างดูแคลนอีกครั้ง


nateetip 8 มิ.ย. 2555, 10:54:47 น.
^.^
^.^


โซดา 8 มิ.ย. 2555, 12:27:20 น.
มาส่งเสียงอีก1ค่ะ
มาส่งเสียงอีก1ค่ะ


overtime 8 มิ.ย. 2555, 15:27:42 น.
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ ขอเยอะๆยาวๆนะคะ
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ ขอเยอะๆยาวๆนะคะ


Orathai 8 มิ.ย. 2555, 19:54:43 น.
"เขาเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ในขณะเดียวกันพี่ก็รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยธรรมดา มีเสน่ห์ซ่อนเร้นอย่างบอกไม่ถูก" บรรยายได้จนรู้สึกว่า เขาน่าค้นหาจริงๆค่ะ ชอบ
"เขาเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ในขณะเดียวกันพี่ก็รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยธรรมดา มีเสน่ห์ซ่อนเร้นอย่างบอกไม่ถูก" บรรยายได้จนรู้สึกว่า เขาน่าค้นหาจริงๆค่ะ ชอบ

ณจรร 8 มิ.ย. 2555, 21:59:28 น.
มาปูเสื่อรอลุงเฟื่องงงค้าบบบมาต่อเร็วๆ
มาปูเสื่อรอลุงเฟื่องงงค้าบบบมาต่อเร็วๆ

loveleklek 9 มิ.ย. 2555, 09:41:51 น.
ต่ิอเลยเฟื่อง แต่สงสัยนิดนึง กางเกงสแลคมีแบบเอวต่ำด้วยเหรอ แล้วปิ๊งนะ ไม่ใช่ปิ้ง
ต่ิอเลยเฟื่อง แต่สงสัยนิดนึง กางเกงสแลคมีแบบเอวต่ำด้วยเหรอ แล้วปิ๊งนะ ไม่ใช่ปิ้ง

innam 9 มิ.ย. 2555, 11:00:00 น.
ตามติดพี่คนรอง/ต้นกล้วย
ตามติดพี่คนรอง/ต้นกล้วย

Zephyr 9 มิ.ย. 2555, 18:39:17 น.



มาตบให้สามครั้งเพราะมีสามพี่น้อง อิอิ
นายหัวศิลป์นั่น พี่ต้นกล้วยพระเอกของพวกเราใช่ม้าาาา
ส่วนคุณหนูหัวสูง ท่าทางขี้วีนคนนี้ คือเนื้อคู่ที่หนูนาว่าไว้เหรอ อืม ท่าจะฉะกันมันทีเดียว โฮะๆ



มาตบให้สามครั้งเพราะมีสามพี่น้อง อิอิ
นายหัวศิลป์นั่น พี่ต้นกล้วยพระเอกของพวกเราใช่ม้าาาา
ส่วนคุณหนูหัวสูง ท่าทางขี้วีนคนนี้ คือเนื้อคู่ที่หนูนาว่าไว้เหรอ อืม ท่าจะฉะกันมันทีเดียว โฮะๆ