วนาลีสีดำ
ปริศนา..ฆาตกรรม หนามชนวนชั้นดีกำลังรอคอยการล้างลบมลทินครั้งสำคัญ ความสะพรึงกลัวยังคงคละคลุ้งในเงามืด..เพราะ "มัน"..พรางตัวอยู่ ณ ที่แห่งนั้น..วนาลี!!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๓ คดีคู่หมั้น

ชายหาดยามสาย สะท้อนเม็ดทรายสีขาวละเอียดจากเงาแดดเป็นสีทองอ่อน พลอยกุมภาอยู่ในยังอยู่ในชุดนอนผ้าแพรตัวยาวถึงเข่า วันนี้เป็นวันแห่งการพักผ่อนวันแรกของเธอ โดยไม่ต้องเฝ้าเวรหรือรับจ๊อบให้วุ่นที่ไหนอีก ตั้งแต่ได้มาปฏิบัติงานที่ตัวอำเภอเล็กๆ แต่เริ่มเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวอย่าง ปราณบุรี เขตที่ชาวบ้านแถบนี้เรียกกันว่า ปากน้ำปราณ

หญิงสาวเลือกมาทำงานที่นี่ เนื่องจากเคยมีความประทับใจสมัยเด็ก กับทะเลคลื่นสวยในจังหวัดประจวบคีรีขันธุ์ แต่ก่อนเมืองนี้ยังสงบ ไม่วุ่นวาย ห่างไกลความเจริญ แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างเริ่มขยับขยาย ความเป็นเมืองเริ่มทอดตัวเป็นเงาแห่งความเจริญทางวัตถุ แต่ก็นั่นแหละ ถึงอย่างไร ปากน้ำปราณแห่งนี้ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ที่ต่างออกไปจากทะเลเมืองอื่น


พลอยกุมภาตื่นมาเดินเล่นเตะทรายตั้งแต่ท้องฟ้ายังเป็นสีหม่นปนส้ม คงเป็นเพราะเมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับสนิทดีกระมัง ถึงแม้จะทำงานในห้องศพเกือบทั้งวันเลยก็ตามที เพชรธันวาพาคู่หมั้นออกไปเที่ยวป่าลึกลับนั่นตั้งแต่รุ่งสางของวันก่อน จบบัดนี้เธอก็ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากพี่ชาย ป่านนี้คงอยู่ในช่วงอิ่มเอมกับฮันนีมูนก่อนแต่งสบายใจจนลืมว่ายังมีน้องสาวคนเดียวคนนี้เป็นห่วงอยู่ทั้งคน ความคิดแรกคือ น้อยใจ...หากวินาทีถัดมาคือความห่วงใยและกังวลในใจอย่างประหลาด...ถึงตอนนี้พลอยกุมภาก็ไม่เคยมั่นใจ ในความปลอดภัยของ วนาลี


ผมยาวสีมะเกลือปลิวไสวตามแรงลม ถึงแม้แดดจะแรงขึ้นทุกทีตามการเคลื่อนไหวของสุริยา แต่ลมแดดในช่วงกลางวันของเมืองเล็กๆแห่งนี้ ก็เป็นสภาพภูมิอากาศที่ไม่เคยเปลี่ยนจากเดิม ลมร้อนจากแดดทำให้แก้มนวลฉีดสีเลือดฝาด พลอยกุมภาห่อตัว ลูบความระอุร้อนออกจากท่อนแขน ก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับจากริมหาด เธอเดินย้อนมาขึ้นบันไดหินที่เชื่อมขึ้นไปสู่ทางยกระดับที่เปลี่ยนจากผืนทรายเป็นพื้นหญ้า บ้านริมหาดส่วนตัวตั้งเด่นอยู่ไม่ไกล สภาพทั่วไปคือบ้านพักทันสมัยชั้นเดียวแต่มีสามห้องติดกัน มีความเป็นส่วนตัวสูงด้วยขอบเขตที่กั้นรอบรั้วไม้ไว้เป็นสัดส่วน บิดาของเธอมอบบ้านหลังนี้ให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อหลายปีก่อน


กำลังจะผลักประตูเข้าไปในบ้าน ก็ทันได้ยินเสียงตะโกนเรียกคุ้นหูดังแว่วมาทางด้านหลัง ตามด้วยเสียงวิ่งกุกกักเข้ามาอย่างรีบร้อน


“เรียกตั้งนาน...เพิ่งจะได้ยินหรือแม่คุณ”พิพัฒน์ต่อว่าน้ำเสียงไม่จริงจัง ปกเสื้อฮาวายสีเจ็บตาชุ่มไปด้วยเหงื่อ บ่งบอกให้รู้ว่าควบเท้ามาจากระยะไกลพอดู ในมือข้างหนึ่งหิ้วตะกร้าปิ๊กนิกติดมาด้วย ส่วนข้างตรงข้ามอุ้มแมวพันธุ์ไทยตาแป๋วตัวหนึ่งกระชับไว้แนบอก พลอยกุมภาหัวเราะขันกับท่าทางและสภาพของเพื่อนซี้ ลักยิ้มบุ๋มทั้งสองข้างแก้มปรากฎขึ้นอย่างที่จิตแพทย์หนุ่มเคยเห็นจนชินตา


“ยังมีน่ามาหัวเราะอีกนะ ใจลอยไปถึงไหน ฉันเรียกตั้งแต่เธอยังยืนอยู่ที่หาด ไม่ยักได้ยินสักที”ชายหนุ่มบ่นกระปอดกระแปด แมวตัวนั้นร้องเหมียวแทรกขึ้นมาเหมือนอยากประท้วงให้รู้ว่ารำคาญเสียงเขาเต็มแก่


“พูดมากจริง..ขนาดแมวยังรำคาญ”พลอยกุมภาอ่านใจเจ้าเหมียวน้อยได้ตรงทีเดียว มันจึงเงียบเสียงลง ก่อนปัดหางไปมาอย่างเป็นมิตร


“ไปขโมยแมวใครเขามาอีกล่ะคราวนี้ ฉันไม่ช่วยรับหน้าให้แกอีกแล้วนะ”คุณหมอสาวกอดอกทำหน้าเบื่อหน่าย ด้วยคาดว่าเพื่อนรักคงจะไปคว้าเหมียวข้างบ้านที่เผลอเดินหลงทางออกมาในเขตรั้วบ้านของเขาโดยบังเอิญ อย่างที่เคยทำสมัยเรียนด้วยกันที่เมืองไทย พิพัฒน์เป็นคนรักสัตว์หน้าขนเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะแมว แต่ชายหนุ่มก็เป็นคนชอบของฟรี ไม่เคยไปหาซื้อมาเลี้ยงจากร้านจริงๆจังๆ ได้แต่เก็บแมวแถวบ้านมาเล่นบ้าง ให้อาหารบ้าง ไปเที่ยวบ้านวันนั้น พลอยกุมภาถึงกับเข็ดขยาด เจ้าของแมวตัวจริงมาตาทวงของรักถึงที่ เกือบโดนมีดอีโต้เฉาะหัวกันถ้วนหน้าเลยทีเดียว คนก่อเรื่องได้แต่อ้ำอึ้งจนคนโผงผางอย่างพลอยกุมภาทนไม่ได้ ต้องออกรับหน้าแทน ด้วยการคืนแมวตัวนั้นแล้วไล่เจ้าของออกจากบ้านข้อหาบุกรุกยามวิกาล พิพัฒน์แก้ตัวเสียงอ่อยกับเธอว่า แมวไม่มีปลอกคอ เดินสุ่มสี่สุ่มห้ามาหน้าบ้านให้เขาเอ็นดูทำไม เขาก็ต้องรับเลี้ยงตามประสาผู้ใจบุญเป็นธรรมดา นึกถึงวีรกรรมในอดีตของเพื่อนหน้าสลอนคนนี้แล้วมันก็น่านักเชียว..


“เปล่านา...หลวงพ่อที่วัดแถวบ้านท่านให้มาน่ะตัวนี้”พิพัฒน์รีบโบกมือปฏิเสธ ก่อนอธิบายให้กระจ่าง


“ให้มันแน่เหอะ อย่าเดือดร้อนมาถึงฉันก็แล้วกัน”พลอยกุมภายังไม่วายเอ่ยเตือนเป็นครั้งที่สอง หญิงสาวสะบัดมือเป็นเชิงให้รออยู่ที่ม้านั่งบนลานหินกรวด เธออยากเข้าไปอาบน้ำให้สดชื่นขึ้นมาเสียที เหนียวตัวแทบแย่


“ฉันฝากมันไว้กับเธอที่นี่ได้ไหมพลอย”เท้าขวาที่กำลังก้าวล้ำเข้าไปพ้นเขตธรณีประตูถึงกับชะงักก่อนหดกลับทันควัน หญิงสาวหันขวับด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ


“ไอ้บ้า...ฉันเลี้ยงแมวเป็นที่ไหน หาเรื่องยุ่งให้แล้วไหมล่ะ”


หญิงสาวโบกมือหนักแน่น


“ไม่ล่ะ ที่นี่ไม่ใช่สถานสงเคราะห์สัตว์เลี้ยงตกยาก”


“ไอ้แป๋วตกยากเสียที่ไหน..ฉันเพียงแต่มีธุระไปดูงานราชการที่ฝรั่งเศส เอาเจ้านี่ไปด้วยคงไม่เวิร์คนัก”


“เวิร์คหรือไม่มันก็เรื่องของแก ไอ้ฉันเป็นคนมีน้ำใจโดยเนื้อแท้ แต่เรื่องนี้ขอยกเว้นไว้หนึ่งก็แล้วกัน”พลอยกุมภายังคงยืนกรานคำเดิม แต่พอเหลือบเห็นดวงตาสีเหลืองสุกใสนั่นหงอยลงไปถนัดใจ ราวกับฟังมนุษย์พูดกันรู้เรื่อง หญิงสาวก็เริ่มรู้สึกสงสารเจ้าเหมียวตัวนั้นขึ้นมาหน่อย


“อย่าดูถูกเชียวนา...สักวันเธอจะเห็นคุณค่าของเจ้าแป๋วมัน”พิพัฒน์พยายามหาแรงจูงใจ เขายังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ราวกับถ้าไม่เคลียร์เรื่องนี้ให้จบจะไม่ยอมขยับเท้าไปไหนแน่นอน


“มันอาจมีส่วนช่วยไขคดีบางอย่างให้เธอก็ได้ ฉันว่าเจ้านี่มันจมูกไวใช่ย่อย ฉลาด ไม่เหมือนแมวธรรมดาทั่วไป”


“เพ้อเจ้อน่ะแก พอเหอะ สรุปว่าฉันไม่เอา”พลอยกุมภาตัดบท ทำท่าจะผลักประตูหนีเข้าบ้านไปเสียเดี๋ยวนั้น


“ถ้าเธอช่วยรับเลี้ยงมันแค่เพียงเวลาไม่เกินหนึ่งเดือน ฉันสัญญาว่าเธอได้กินอาหารจากภัตตาคารฟรีไปเลยหนึ่งปี”ข้อเสนอนั้นได้ผลชะงัด ใครจะไปเชื่อว่าคุณหมอนิติเวชคนเก่งอย่างพลอยกุมภาจะให้ความสำคัญกับเรื่องกินเป็นอันดับต้นๆของชีวิต


“ชัวร์หรือมั่วนิ่มวะ”พิพัฒน์เห็นทีท่าว่าปลาตัวสวยจะวิ่งเข้าฮุบเบ็ดอยู่รอมร่อ จึงรีบรับคำสำทับ


“จริงซีวะ...หลังจากฉันกลับมา แกจะเรียกหาร้านอาหารถูกใจที่ไหนในประเทศก็ได้ฉันยินดี”จิตแพทย์หนุ่มยิ้มหวาน เห็นฟันขาว “ตัวนี้ฉันรักของฉันมาก ไม่งั้นไม่ยอมถอนขนหน้าแข้งตัวเองให้โง่หรอก”


ข้อนี้พลอยกุมภาเชื่อสนิทใจ เห็นเป็นคนเจ้าสำอางตามแบบฉบับหนุ่มสะอาดอย่างนี้ ยอมเสียเงินแค่เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมเท่านั้นแหละ เรื่องอื่นอย่าหวังว่าชายหนุ่มจะใจป้ำได้เทียมเท่า


“เอาวะ!..เลี้ยงก็เลี้ยง เพื่อกิน เอ้ย เพื่อเพื่อนสุดที่รักอย่างแก”


นั่นแหละ จิตแพทย์หนุ่มจอมหว่านล้อมจึงยอมถอยหลักกลับไปนั่งพักเสียได้ แมวต้นเรื่องถูกปล่อยลงเดินเล่นบนลานหินแถวนั้น หน้ากลมขาวๆของมันเต็มไปด้วยประกายซุกซน แววตามีความอยากรู้อยากเห็น หูหางตั้งชันทุกครั้งเพียงได้ยินเสียง หรือความเคลื่อนไหวจากสรรพสิ่งรอบด้าน ขนสีขาวยาวแนบลำตัว แซมลายน้ำตาลทองเป็นด่างวงประปราย สี่เท้าปราดเปรียว และบั้นท้ายเอียงๆขณะวิ่งของมัน พอจะทำให้พลอยกุมภาเอ็นดูกับสัตว์หน้าขนที่เรียกว่าแมวขึ้นมาได้บ้าง หญิงสาวถอนใจยาวหนึ่งครั้ง ก่อนจะละทิ้งทัศนียภาพตรงหน้าเข้าห้องไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวให้เสร็จสิ้นเสียที


เที่ยงวันนั้นพลอยกุมภาได้รับอานิสงส์จากพิพัฒน์เป็นอาหารกลางวันมื้ออร่อย ที่หน้าตาง่ายๆ รับประทานสบายอยู่ท้องอย่างข้าวผัดอเมริกัน และขนมนมเนยอีกหลายอย่าง ที่เตรียมมาในตระกร้าปิ๊กนิกใบนั้น หนุ่มสาวปูเสื่อนั่งสนทนากันในเรื่องสัพเพเหระใต้ต้นมะพร้าวในมุมหนึ่งของชายหาดส่วนตัว


“เที่ยวไหนบ้างยังนอกจากมานี่”พลอยกุมภาเอ่ยถามเพื่อนชาย หลังจากที่ขนมขาไก่ชิ้นสุดท้ายเพิ่งเข้าปากไปไม่นาน


“ยังเลย..วันนี้ก็กะมาหวังพึ่งเธอนำเที่ยวสักหน่อย”พิพัฒน์ตอบก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเสื่อผืนนั้น “ฉันอยากไปที่ที่มันง่ายๆ ไม่มีนักท่องเที่ยววุ่นวายเกินไปนัก อย่าได้แนะนำรีสอร์ท หรือเกาะสวยที่ไหนเลยนะ ฉันไปมาหมดแล้ว”


“ก็นั่นน่ะสิ ที่จริงแกต้องเป็นไกด์พาฉันเที่ยวเสียมากกว่า”คุณหมอสาวบอกด้วยความหมั่นไส้ “แต่เอาเถอะ ไหนๆก็จะได้กินอาหารภัตตาคารฟรีทั้งปีแล้ว ขอให้ฉันได้ตอบแทนอะไรสักอย่างเป็นการมัดจำล่วงหน้าบ้างก็ดี”หญิงสาวหัวเราะชอบใจไม่หยุดเมื่อเห็นเพื่อนตัวดีหน้าเจื่อนลงไป..คงนึกเสียดายขนหน้าแข้งของตัวเองขึ้นมากบ้างแล้ว


“ที่ง่ายๆ เหรอ อืม..ขอฉันนึกดูก่อน”พลอยกุมกาเคาะนิ้วนึกรายการนำเที่ยวอย่างพิจารณา ก่อนจะดีดนิ้วดังเปาะเมื่อค้นพบคำตอบ “ตลาดในเมืองสิแก ฉันได้หาซื้อปลอกคอให้เจ้าแป๋วที่กำลังจะมาอยู่ในการดูแลของฉันด้วย เอาที่มีกระดิ่งกิ๊งใสเลยนะ ไปไหนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ขยับทีก็มีเสียงเตือน น่ารักดีออก”


“นั่นนะหรือที่เที่ยวของเธอ แล้วคิดยังไงว่าตลาดจะมีที่ขายปลอกคอสัตว์”พิพัฒน์ทำหน้าแหย ชักรู้สึกว่าตนคิดผิดที่ไว้ใจให้พลอยกุมภาเสนอไอเดีย


“ตลาดก็ต้องมีร้านค้า ร้านขายของชำเบ็ดเตล็ดอะไรบ้างซี ไปเหอะ ไปเดี๋ยวนี้เลย ฉันไม่ได้เดินจ่ายตลาดมานาน จนเกือบลืมบรรยากาศไปซะแล้ว”พูดจบก็หุนหันลุกยืน ฉุดข้อมือเพื่อนตัวโตที่กำลังนอนสบายให้ลุกตามขึ้นมา เรี่ยวแรงเจ้าหล่อนมหาศาลจนจิตแพทย์หนุ่มเกือบล้มคะมำหัวปักพื้นทราย


“เฮ้ย เดี๋ยวแกตามฉันไปที่รถแล้วกัน ไปดูไอ้แป๋วก่อน ไม่รู้หายตัวไปไหนเนี่ย เผลอแป๊บเดียว”บทจะปล่อยก็ปล่อยโดยไม่ทันให้สัญญาณเตือนล่วงหน้า คนทำท่าจะล้มหัวคะมำเมื่อครู่จึงกลายเป็นหงายหลังล้มตึงไปได้ไม่ยาก พิพัฒน์คลำบั้นท้ายตัวเองป้อยๆ รู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจผิดขึ้นมาอีกหนึ่งประเด็น


“ฉันจะอายุสั้นไหมเนี่ย ที่คบเธอเป็นเพื่อน ยัยพลอยบ้าพลังเอ๊ย!”


คำสรรเสริญอีกหลายตลบตะโกนกลับมาทันควัน พิพัฒน์จึงได้แต่แอบบ่นพึมพำต่อเพียงในใจ





ตลาดกลางเมืองปราณฯที่มีแหล่งชุมชนอาศัยประปรายอยู่รายล้อม ในบ่ายวันนี้ค่อนข้างเงียบเหงา คนเดินตลาดค่อนข้างบางตากว่าเมื่อหลายปีก่อนที่พลอยกุมภาเคยมาแวะเที่ยวกับครอบครัว โซนขายผลไม้จากพ่อค้าแม่ขายที่ส่วนใหญ่เป็นชาวสวน เป็นโปรแกรมถัดมาที่หญิงสาวเลือกมาแวะเวียน หลังจากที่วิ่งวุ่นหาร้านค้าขายปลอกคอแมวอยู่นาน กว่าจะได้สินค้าที่ต้องการมาสวมใส่ให้เจ้าเหมียวตาใส สองหนุ่มสาวต้องเดินขาลากถามชาวบ้านชาวเลแถวนั้นไปตามทางอยู่นานทีเดียว กว่าจะเจอของที่อยากได้สักร้านก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสองโมง


เสียงกรุ๋งกริ๋งดังขึ้นพร้อมๆกับทุกย่างก้าวที่พลอยกุมภาเดินไป แป๋วน้อยอยู่ในอ้อมแขน ดวงตาซุกซนของมันเสาะส่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็น


“นิ่งๆสิลูก”เจ้าของหน้าหวานถึงกับต้องก้มลงเอ็ดพร้อมตบก้นเบาๆ ให้สัตว์เลี้ยงตัวดื้ออยู่ในโอวาท พลอยกุมภาแทบไม่มีสมาธิเลือกแตงโมใบสวยสักลูก เมื่อมันเอาแต่ขยับหยุกหยิกอยู่ตลอดเวลา


“รับเป็นลูกแล้วหรือเธอ เห็นตอนแรกทำท่ารังเกียจ”พิพัฒน์เย้าขันๆ ได้ค้อนวงเบ้อเริ่มจากเพื่อนสาวตอบกลับมาเป็นรางวัล


“อะ..เอาไป พูดมากดีนัก ดูแลให้ดีๆด้วยล่ะ เดี๋ยวได้วิ่งซนไปไหนอีก”จิตแพทย์หนุ่มเลยต้องรับภาระอุ้มแมวมาไว้แทนโดยไม่ทันตั้งตัว มือข้างหนึ่งก็หอบหิ้วถุงมะม่วงกับถุงส้มสายน้ำผึ้งที่พลอยกุมภาเลือกซื้อมาหลายกิโล ลำบากที่เขาอีกนั่นแหละ ต้องมาเดินถือของพะรุงพะรังตามเธอต้อยๆ แม่ค้าแถวนั้นไม่รู้จักสองหนุ่มสาวมาก่อน ก็พากันส่งสายตายิ้มเอ็นดูมาให้ ทำนองว่า สองผัวเมียคู่นี้มันรักกันดี


“ยัยงก..เมื่อไหร่จะซื้อๆไปเสียที ฉันเห็นเธอเคาะอยู่นานแล้วนะ แตงโมงเนี่ย”พิพัฒน์ชักเมื่อย ไหนจะแมวไหนจะผลไม้ เต็มมือไปหมด “เดี๋ยวแม่ค้าเขาก็ด่าให้หรอก ดูสิ จ้องเธอเขม็งเชียว”พิพัฒน์ก้มลงกระซิบข้างหูหญิงสาว เจ้าหล่อนยักไหล่แบบไม่ยี่หระ


“สิทธิผู้บริโภคย่ะ..เออนี่แกยืนรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนแล้วกัน”พลอยกุมภาสั่ง


“เธอจะไปไหนอีก ไม่รีบซื้อให้เสร็จ”


หญิงสาวไม่ตอบอะไร พิพัฒน์มองตามสายตาคมเหยี่ยวของเพื่อนสาวก็เห็นเธอกำลังชะเง้อมองแตงโมงลูกโตฝั่งตรงข้ามด้านหน้า แค่นี้ก็พอเดาออกแล้วว่าเพื่อนตัวดีกำลังจะทำอะไร


“อายเขามั่งเถอะ จะเปรียบเทียบอะไรนักหนาวะ ราคาต่างกันสักแค่ไหนเชียว”


“พูดมาก..บอกให้รอก็รอ เดี๋ยวมา”พลอยกุมภาสั่งทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะผละจากไป พิพัฒน์ทำหน้าเซ็งก่อนจะหันมาพบแม่ค้าร้านแตงโมมองจ้องกลับมาอย่างเอาเรื่อง


“หาเรื่องให้ตูอีกแล้ว ยัยพลอยเอ๊ย”








พลอยกุมภาตั้งหน้ามุ่งตรงไปยังร้านฝั่งตรงข้าม แตงโมร้านเมื่อกี้ก็โอเคอยู่หรอก แต่มันดันแพงไปนิดในความรู้สึกเธอ เลือกมาก็นานแล้ว ขอไปถามราคาอีกที่ให้สบายใจว่าราคาไม่ต่างกันจริงๆ จะได้กลับไปซื้อร้านเดิม แล้วไปเดินหาซื้อกล้วยน้ำว้าโซนต่อไป ด้วยใจและสายตาที่จดจ่ออยู่กับกองแตงโมงลูกโตที่ปรากฎอยู่แต่ไกล จึงไม่ทันระวังมองว่าทางข้างหน้าจะมีใครเดินสวนออกมาบ้าง รู้ตัวอีกทีก็ชนเข้าอย่างจังกับแผงอกของใครบางคน ความรุนแรงในการปะทกันไม่เท่าไหร่ หญิงสาวจึงแค่เพียงเซถอยไปสองก้าว แน่ล่ะว่าแม้กายไม่เสียหายมาก แต่ใครก็ตามที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือมาชนเธอคงต้องได้รับการตักเตือนเสียบ้าง...ทั้งที่จริงตัวเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายซุ่มซ่ามไม่ดูทาง


“เดินยังไงน่ะคุณ ทำไม..”เสียงของหญิงสาวถูกกลืนหายไปในลำคออย่างเฉียบพลัน เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วกลับพบเจ้าของใบหน้าขรึมเข้ม..คนที่เธอไม่คาดคิด และไม่ได้เตรียมใจเผื่อไว้ว่าจะต้องได้เจอเขาอีกในชาตินี้


คนไม่ดูตาม้าตาเรือในความคิดของพลอยกุมภา ยืนนิ่งไปพักใหญ่ เงาในดวงตาของเขาบอกความประหลาดใจบางอย่าง อาจเป็นเพราะสีหน้าตกตะลึงเกินเหตุของหญิงสาว ที่ทำเสมือนหนึ่งเห็นผีมากกว่าเห็นคน แม้ใบหน้าโดดเด่นกับมาดนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวของเขาจะสำรวมเอาไว้อย่างดี เพื่อปกปิดการแสดงออกทางอารมณ์ใดๆที่ไม่จำเป็นก็ตาม


“ขอโทษครับ”เสียงเรียบนิ่งแต่แฝงแววสำนึกผิดอยู่ในที “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”


แม้ความหมายในถ้อยคำจะแสดงถึงความเป็นห่วง ทว่าความเรียบเฉยของท่าทีทำให้พลอยกุมภารู้สึกไม่พอใจ หญิงสาวแอบคิดในใจว่า หากมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นโดยยังจับมือใครดมไม่ได้ เขานี่แหละ จะตกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งของเธอเลยทีเดียว


“นายครับ..คุณสิงขรมารอที่รถตามนัดแล้วครับ”เสียงห้าวของชายคนหนึ่งชิงแทรกตัดหน้าคุณหมอสาวเสียก่อน ไม่ทันให้เธอได้ต่อว่าอะไรออกไปตามใจนึก ชายไร้อารมณ์คนนั้นก้มหน้าเป็นเชิงขอโทษให้เธออีกครั้งก่อนจะเบี่ยงตัวตามชายอีกคนที่เพิ่งก้าวมาทางด้านหลัง จากการคาดคะเนของพลอยกุมภา พ่อหนุ่มผมยาวคนนั้นคงเป็นลูกจ้างหรือไม่ก็คนขับรถของชายหนุ่มคู่กรณี


“เอ็งจำคุณนกยูงได้ไหม ญาติคุณน้ำนิ่งคนนั้นน่ะ”แม้ค้าขายขนมหวานไม่ไกลจากตำแหน่งที่หญิงสาวยืนอยู่เอ่ยขึ้นกับใครอีกคน “กลายเป็นศพในวนาลีไปแล้ว”


“คุณพระช่วย”เสียงตอบแหลมเล็กแสดงความตกใจชัดเจน พลอยกุมภาหันไปมองตามเสียงพบว่าเป็นแม่ค้าขายข้าวเหนียวมะม่วงที่อยู่ร้านติดกัน หญิงวัยกลางคนนั้นยกมือขึ้นทาบอก บอกให้รู้ว่าไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน


“เพิ่งเห็นแกอยู่หลัดๆเมื่อสามสี่วันก่อนนี่เอง มาเหมามะม่วงฉันไปตั้งหลายโล”หญิงคนนั้นชี้แจง หน้าเสียลงไปถนัดตา “ไม่น่าอายุสั้นเล้ย...เธอออกนิสัยดีน่ารัก แม่ค้าในตลาดทุกคนชอบเธอกันหมด ไม่เคยถือตัวว่าร่ำรวย พูดจาก็เป็นกันเองกับฉันมากเลย”แม่ค้าเอ่ยชื่นชมจากใจจริง


“แต่ก่อนข้าก็เคยคิดแบบเอ็งนั่นแหละ ใครจะรู้ ที่แท้ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรงชัดๆ”คนเปิดประเด็นหรี่เสียงลง แต่ก็ยังดังพอที่จะเผื่อแผ่มาถึงหูพลอยกุมภาอยู่ดี


“ไปแอบมีผัวเป็นลูกนักเลงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ คุณน้ำนิ่งเธอรู้ตอนแรกคงแทบลมจับแน่เชียว”หญิงคนนั้นเสริมอย่างออกรสออกชาติ


“จริงเรอะ ตาย..ฉันจะเป็นลม”


“ยังไม่หมดเท่านั้นน่ะซี...เขาว่าคุณนกยูงเธอมากผัว ไปแอบเป็นชู้กับใครต่อใครอีกไม่รู้ สุดท้ายผัวคนแรกเลยยิงโป้งเข้าให้”


“เข้าคุกไปแล้วซี ไอ้นักเลงคนนั้น”แม้ค้ามะม่วงเอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ ทีแรกก็ทำเศร้าอยู่หรอก แต่พอรู้ว่าเรื่องราวเข้มข้นเหมือนนิยายหลังข่าวที่เจ้าหล่อนเคยดู เรื่องเศร้าเลยกลายเป็นเรื่องสนุกปากขึ้นมา พลอยกุมภาเดาได้ทันทีว่าอีกไม่นานข่าวฉาวเน่าๆนี่ คงแพร่สะพัดไปอยู่ในวงนินทาของชาวบ้านกันทั่วทั้งจังหวัด


“เข้าค้ง เข้าคุกอาร้าย ยิงโป้งคุณนกยูงเสร็จ มันก็ยิงตัวเองตายหนีความผิดเอาง่ายๆน่ะซี”


บทสนทนาเผ็ดร้อนเหล่านั้นค่อยๆเลือนหายไปจากโสตประสาท พลอยกุมภาถอยกลับไปยังร้านแตงโมร้านแรกแล้วรีบจ่ายเงินให้แม่ค้าคนเก่า หมดอารมณ์เดินจ่ายตลาดต่อไปอย่างที่ตั้งใจแต่เดิมเสียสนิท ก่อนจะเอ่ยปากชวนพิพัฒน์ที่ยืนแบกของรอจนหมดพลังงานไปกว่าครึ่งให้กลับบ้านเสียเดี๋ยวนั้น จิตแพทย์หนุ่มปรับอารมณ์แทบไม่ทันก่อนจะลากสังขารอันโรยแรงของตนตามเพื่อนสาวไปที่รถ


“ของขึ้นอะไรมาอีกล่ะยัยพลอย เห็นไม่พูดไม่จามาตั้งแต่ออกจากตลาดแล้ว”พิพัตน์เอ่ยถามขึ้นแบบยียวนเล็กๆ หลังจากหอบถุงพะรุงพะรังวางลงบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านจนหมดแล้ว ชายหนุ่มหย่อนตัวลงบนม้านั่งฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนสาว มองพลอยกุมภาเท้าคางทำตาลอยๆด้วยความแปลกใจ


“แกว่าถ้าฉันตายไปสักคน จะมีใครกล่าวสรรเสริญ ยกย่องความดีของฉันบ้างไหม”คุณหมอสาวเปรยขึ้น นัยน์ตายังคงทอดไกลออกไปสุดท้องน้ำสีครามยามอาทิตย์อัสดง พิพัฒน์เลิกคิ้วด้วยความฉงน


“เป็นบ้าอะไรของเธอ ถามแปลกๆ”


“คนเรานี่พอตอนเห็นกันเป็นๆก็พูดจาด้วยมิตรไมตรี แต่พอตายจากไปแล้ว กลับเอามานินทากันให้สนุกปาก แกว่าฉันจะมีโอกาสเป็นหนึ่งในนั้นไหมวะ”


“ไม่เห็นแปลก ไม่มีใครในโลก ที่ไม่เคยถูกนินทา”จิตแพทย์หนุ่มยื่นหน้าเข้าไปตอบใกล้ๆหูเพื่อนสาวอย่างนึกหมั่นไส้ “ไม่เคยได้ยินหรือไงยัยเบ๊อะ”


พลอยกุมภาหันขวับมาอย่างรวดเร็ว พิพัฒน์แทบจะหดหัวกลับเข้าไปไม่ทัน หญิงสาวตะโกนเสียงก้องแก้วหูแทบระเบิด


“โอ๊ย...น่าเบื่อที่สุด”


ระบายอารมณ์แค่นั้นก็สะบัดก้นลุกเดินออกไป ทำเอาพิพัฒน์งงอีกเป็นรอบที่ร้อย


“เบื่ออะไรของเธอวะ คงไม่ได้หมายถึงฉันนะ”เพื่อนตัวดีตะโกนถามไล่หลัง เสียงปิดประตูกระแทกปังอย่างบอกอารมณ์เจ้าของบ้านได้ดี เสียงแหลมดังกลับออกมาโดยไม่ต้องเห็นตัว


“เบื่อมนุษย์!”





ดึกแล้ว ไม่มีใครหลงเหลือให้ระบายอารมณ์ใส่อีกในที่ส่วนตัว พลอยกุมภานอนทำตาสะลึมสะลืออยู่บนเตียงนอนสีขาว ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดกว้างถูกออกแบบให้โปร่งสบาย ระบายอากาศดีรอบทิศทางโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศเลย หากชอบความเย็นจากลมธรรมชาติในยามค่ำคืนอยู่แล้ว กลิ่นอายความเค็มจากทะเลภายนอกโชยพัดเข้ามาผ่านบานเกล็ดหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบรีโมทบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาปิดโทรทัศน์ เตรียมพักผ่อนเอาแรงมาสู้กับความท้าทายของงานประจำในวันถัดไป..ซึ่งไม่อาจบอกได้เลยว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรอีกบ้างในเมืองเล็กแห่งนี้ เสียงกรุ๋งกริ๋งของเจ้าแป๋วเงียบไปแล้ว พลอยกุมภาชะโงกหน้าลงไปดูให้แน่ใจว่าแมวพันธุ์ไทยตัวโปรดของพิพัฒน์ยังคงมีชีวิตอยู่ในห้องนั้น และเธอก็พบว่ามันกำลังนอนอ้าซ่าหลับปุ๋ยอย่างมีความสุขบนพรมเช็ดเท้าหน้ากรอบประตูนั้นเอง


เสียงโทรศัพท์มือถือบนหัวเตียงดังขึ้น ในขณะที่หญิงสาวเกือบหลุดเข้าสู่โลกนิทรารมย์อีกเพียงแค่เสี้ยววินาที ถึงแม้จะขัดใจ และขี้เกียจเอื้อมมือไปควานหาอยู่สักหน่อย ทว่าด้วยความที่ถูกฝึกให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หญิงสาวจึงฝืนใจเอาชนะความขี้เกียจไปได้ไม่ยาก


“พี่โทรมารบกวนเรารึเปล่า ยัยพลอย”เสียงทุ้มนุ่มแฝงความอารมณ์ดีของพี่ชายดังแว่วมาตามสาย ทำให้ความง่วงงุนของพลอยกุมภาแทบสลายลงเป็นปลิดทิ้ง


“พี่เพชรหรือคะ...พลอยนึกว่าพี่ลืมน้องสาวคนนี้ไปซะแล้ว เป็นไงคะ ฮันนีมูนกับคู่หมั้นมีความสุขดีหรือ”หญิงสาวเอ่ยแกมตัดพ้ออยู่ในที เสียงหัวเราะของเพชรธันวาแทบจะเป็นคำตอบให้เธอได้มากกว่าคำบอกเล่าใดๆเสียอีก เสียงจิ้งหรีดร้องดังระงมแว่วมาตามสาย เสียงคิกคักแปร่งหูของว่าที่พี่สะใภ้ดังแทรกเข้ามาด้วย


“สนุกมาก..เบลลี่เขาชอบ เขาชมใหญ่เลยว่าเมืองไทยเรานี้ มีของดีแยะ”พี่ชายเธอบอก


พลอยกุมภารีบขัดขึ้นมาทันที


“วนาลีน่ะหรือของดีที่ว่า ไม่ใช่สำหรับพลอยแล้วกันค่ะ เชิญใครชื่นชมกันตามสบายไปเถิด”


“วานาลีซวยหมากม้ากค่ะ นองพลอย”เสียงมิสมอร์แกนแหลมขึ้นมาแทนที่เพชรธันวา คุณหมอสาวเหยียดริมฝีปากเป็นเส้นตรง ไม่เคยนึกถูกชะตากับแม่ดาราคนนี้เลยตั้งแต่ทีแรกจนบัดนี้


“เห็นไหม แฟนพี่เขาชอบที่นี่มากจริงๆ เราน่ะยังไม่เคยลองมาเที่ยวด้วยตัวเองน่ะสิ ว่างๆเดี๋ยวพี่จะหาโอกาสพามาบ้างนะ หรืออยากจะชวนพิพัฒน์มาเที่ยวด้วยกันก่อนก็ตามใจ”พี่ชายคนเก่งได้ทีชักชวนใหญ่


“สำหรับที่นั่น มีโอกาสหลีกเลี่ยงได้เมื่อไหร่ พลอยจะรีบคว้าไว้ทันทีเลยค่ะ”หญิงสาวตอบกลับไปแบบต้องการปฏิเสธข้อเสนอชัดเจน “ว่าแต่พี่เพชรเถอะ จะอยู่กันอีกสักกี่วันคะ แล้วจะแวะมาหาพลอยอีกไหม”


“เรานี่ชักจะทำงานมากไปจนมองโลกเป็นสีดำไปหมดแล้ว”พี่ชายต่อว่าเข้าให้ แต่ไม่จริงจังนัก “พี่คงกลับพรุ่งแล้วล่ะ ถ้าไม่มีอะไรขัดข้อง ที่จริงเบลลี่เขาอยากอยู่ต่ออีกสักสองอาทิตย์ แต่เสียดายพี่ดันติดงานใหญ่ที่กรุงเทพเสียนี่ เป็นว่าพรุ่งนี้จะแวะหาไปขอข้าวเที่ยวกินจากเราก่อน แล้วค่อยกลับกรุงเทพฯ”


อะไรๆ ก็เบลลี่ พลอยกุมภานึกน้อยใจอยู่ในที แต่ก็พูดอะไรได้ไม่มากไปกว่ารับคำพี่ชายอย่างไม่มีข้อขัดข้องใด


“ค่ะ...แล้วพลอยจะรอ ถ้าไม่มีใครโทรมาเรียกตัวเสียก่อนในตอนเช้านะคะ”








และเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จหมาดๆ นาฬิกาเรือนสวยบอกเวลาแปดโมงเศษ วันนี้หญิงสาวต้องไปเข้าเวรในตอนบ่าย แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่เธอภาวนาอย่าให้เกิดในตอนเช้ามันก็เกิดขึ้นมาจนได้ เมื่อหมายเลขที่ส่งเสียงเข้ามา ปรากฎเป็นชื่อบนหน้าจอว่า รพ.ปราณบุรี


หญิงสาวพยายามทำใจให้หนักแน่น ตั้งมั่นกับตัวเองไว้ว่า จะปฏิเสธงานตัวตายตัวแทนให้ถึงที่สุด ในเมื่อเช้านี้ตามหมายกำหนดการไม่ใช่หน้าที่งานของเธอ แต่จะถูกเรียกตัวก็ต่อเมื่อแพทย์เวรตอนเช้าติดธุระ หรือไม่ก็เป็นงานใหญ่ระดับช้างจริงๆที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษอย่างเธอเท่านั้นในการปฏิบัติหน้าที่


“วันนี้พลอยขอเถอะนะคะ ถ้าไม่ใช่คดีฆาตกรรม หรือฆ่าตัวตาย พี่กุ๊กส่งเจ้าหน้าที่ของเราไปแทนก็ได้ หรือไม่ก็โทรไปตามแพทย์เวรคนเมื่อวานเถอะค่ะ รู้จักให้เขารับผิดชอบหน้าที่เสียบ้าง”พลอยกุมภาเอ่ยนำไปก่อน ขณะที่ปลายสายยังไม่ทันพูดอะไรเป็นเรื่องเป็นราว


“ไม่ได้หรอกค่ะ แพทย์เวรไม่ได้หนี แต่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจากกรุงเทพเขาเฉพาะเจาะจงให้เป็นคุณหมอพลอยกุมภา กุ๊กจนปัญญาจริงๆค่ะ เข้าใจเหมือนกันว่าพี่พลอยเหนื่อยมากแล้วจากวันก่อน”เจ้าหน้าที่สาวใหญ่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเกรงใจ


“ทำไมยังงั้นล่ะ แพทย์เวรอยู่แล้วเรื่องอะไรต้องเรียกฉัน”พลอยกุมภาข้องใจ และชักจะฉุนกึกขึ้นมาตะหงิด


“ไม่ทราบสิคะ พนักงานสอบสวนเขายื่นเรื่องมาอย่างนี้ กุ๊กก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เห็นว่าเป็นคำสั่งจากเจ้านาย”


“อืม..งั้นช่างเถอะ”พลอยกุมภาบอกปัดอย่างขี้เกียจจะถามให้ได้ความ “คดีใหญ่สินะ กองพิสูจน์หลักฐานถึงถ่อกันมาได้ ที่ไหนล่ะบอกมา”


“วนาลีค่ะคุณหมอ ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเป็นคดีฆาตกรรม”คำบอกกล่าวของเจ้าหน้าที่กระตุกใจหญิงสาวขึ้นมาชั่ววูบ ลางสังหรณ์ประหลาดเริ่มทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง


“ผู้ตายเป็นถึงดาราฮอลลีวู้ดเลยค่ะคุณหมอ”




ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2555, 11:57:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2555, 11:57:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1227





<< บทที่ ๒ อิสซาเบล มอร์แกน   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account