นางโลมเจ้าหัวใจ
เป็นเรื่องราวในปลายสมัยเอโดะ (ค.ศ.1864-69)ประเทศญี่ปุ่น
ความรักที่เหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานท่ามกลางคมดาบและไฟสงคราม
สาวน้อยโอยรัน หญิงคณิกาชั้นสูงกับซามูไรหนุ่มรูปงาม
ท่ามกลางพายุแห่งการเปลี่ยนแปลงที่พาดผ่าน
คนทั้งคู่จะผ่านมันไปได้อย่างไร?...
(ชื่อเก่า -เพียงรักร้อยบุปผา:ฮานะ)
Tags: ซามูไร โอยรัน ฮิจิคาตะ โทชิโซ ชินเซ็นกุมิ

ตอน: ดอกไม้ในงานเลี้ยง

เคยลงแล้วในชื่อ เพียงรักร้อยบุปผา ฮานะ ค่ะ
เอากลับมาลงใหม่
ฉบับนี้ รีไรท์+แก้คำผิด/คำทับศัพท์+เขียนเพิ่มช่วงกลาง+ท้ายเรื่องค่ะ
ประมาณ 15 เปอร์เซนต์ได้ที่ปรับแก้ไป
เนื่องจากรีไรท์เสร็จแล้ว จะลงวันละ 2 ตอนค่ะ
ช่วงเช้า 1 ตอน
ช่วงบ่ายแก่ๆ อีก 1 ตอน ค่ะ (ถ้าไม่ติดธุระอะไร)

ส่วนนิยายทำมือเริ่มพิมพ์ตอนต้นเดือนกรกฎาคมนี้แล้วค่ะ ^^
ส่วนนิยายเรื่องใหม่ ยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ จึงขออภัยทุกท่านที่รออ่านด้วยค่ะ
.....................................................

บทที่ 1
ดอกไม้ในงานเลี้ยง

ข้ายังจำได้ดีเสมอถึงความรู้สึกที่หัวใจของข้าแทบหยุดเต้น...

วันที่ข้าได้พบเขาเป็นครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในช่วงปลายฤดูร้อน ปีบุงเคียวที่ 3

ณ ร้านมิกะ ย่านชิมาบาระ สถานเริงรมย์ยามราตรีในเมืองเกียวโต

“พี่อากาเนะ วันนี้ใครมาหรือเจ้าคะ” ข้าพูดถามขึ้นมาขณะที่ช่วยพี่อากาเนะเกล้าผม ทั้งที่ปกติข้าไม่ค่อยสนใจว่าใครจะไปใครจะมา ‘ที่นี่’ สักเท่าไหร่

แต่เพราะวันนี้พี่อากาเนะดูแปลกไป เหมือนจะตื่นเต้นกระมัง ทำให้ข้าเข้าใจว่าแขกที่มาคงเป็นคนใหญ่คนโตไม่น้อย

“ชินเซ็นกุมิ น่ะ” พี่อากาเนะตอบขณะที่หยิบกระจกขึ้นมามองภาพสะท้อนของตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของทรงผมและเครื่องประดับอันหลากหลาย

“ชินเซ็นกุมิ? กลุ่มซามูไรที่เขาเรียกกันว่าหมาป่าแห่งมิบุน่ะเหรอเจ้าคะ” ข้าย้อนถาม ความเข้าใจเกี่ยวกับพวกซามูไรที่เข้ามาอยู่ในเกียวโตนั้นแทบจะเป็นไม่มีเลย ทั้งๆ ที่เขตมิบุกับชิมาบาระนั้นอยู่ไม่ไกลกันนักเท่าไหร่

“ฮานะ เจ้าต้องจดจำเรื่องพวกนี้ไว้ให้มากกว่านี้นะ ถึงอย่างไรแขกที่มาหาพวกเราก็มีหลายชนชั้น หากใครถามแล้วไม่รู้จัก เจ้าจะแย่เอาได้ อีกอย่างหากไม่สนใจเลยแล้วเจ้าจะตามหาพี่ชายเจ้าได้อย่างไรกัน” พี่อากาเนะเตือนข้าด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ พร้อมกับหยิบเอาปิ่นดอกไม้ขึ้นไปปักแซมบนมวยผมของตน

“พี่ชายที่ไม่รู้ว่าอยู่ไหนน่ะหรือเจ้าคะ” ข้ายิ้มหยัน
ตัวข้านั้นเป็นลูกสาวคนเล็กตระกูลซามูไรชั้นล่าง พี่ชายของข้าถูกคนรับไปเป็นลูกบุญธรรมเห็นว่าอยู่ที่เมืองเอโดะ แต่ข้าจำไม่ได้ว่าตระกูลที่รับไปนั้นคือตระกูลอะไร หลังจากนั้นไม่นานหมู่บ้านที่ข้าอาศัยอยู่เกิดโรคอหิวาต์ระบาด ตัวข้ารอดมาได้แต่พ่อกับแม่ตาย ข้าถูกญาติรับไปเลี้ยงทว่าพวกเขาทนรับภาระที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว ข้าจึงถูกขายให้พ่อค้าทาสเสียก่อนและสุดท้ายก็มาลงเอยยังร้านมิกะแห่งนี้

“เด็กดี ข้าเชื่อว่าสักวันหนึ่งเจ้าจะได้พบกับพี่ชายตัวเอง ไม่ต้องมาจมปลักอยู่ในสถานที่แบบนี้” พี่อากาเนะมองข้าผ่านกระจกด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย

“ถึงจะโชคดีได้พบกันจริง แต่ข้าก็เป็นคนของร้านนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นหญิงนางโลม พี่ชายข้าเขาจะยอมรับข้าได้หรือ พี่อากาเนะ” ข้าเปรยๆ ความกังวลใจออกมา

“อย่ามาทำเป็นอ้อนต่อหน้าข้านะ ข้าไม่ชอบเลยที่เจ้าถอดใจเช่นนี้ เหมือนกับว่าเจ้าไม่เห็นความหวังดีของข้าเลย” พี่อากาเนะทำเป็นดุ แต่ข้าไม่กลัวสักนิดด้วยรู้ดีว่านางเอ็ดเพราะอยากเห็นข้าได้ดีกว่านี้และอยากให้ข้าได้เจอกับญาติที่พลัดพรากจากกันไป ทว่าใครๆ ย่อมรู้ดีว่าที่ชิมาบาระคือสถานที่แบบใด และหญิงที่จะออกไปจากที่นี่ได้นั้นจะมีสถานะใด

ชิมาบาระคือความฝันแสนหวานยามราตรีของเหล่าบุรุษเป็นแน่แท้ แต่กับสตรีนั้นเล่าคือสถานที่เช่นใดกัน? เป็นสถานที่ซึ่งจะทำให้นางโดดเด่นยิ่งกว่าใครในโลกหล้าหากสามารถปีนป่ายมาถึงขั้นนางคณิกาชั้นสูงได้ หรือจะเป็นสถานที่ซึ่งจะทำให้นางตกต่ำยิ่งกว่าใคร เป็นแค่สัตว์บำเรอใคร่ข้างถนน แม้ตายก็ไร้ที่กลบฝํง ข้าหมดหวังไปแสนนานแล้ว ด้วยกำลังตัวเองที่มีตอนนี้ทำได้แค่ยื้อเวลาที่ข้าจะเข้าเป็นนางคณิกาเต็มตัวเท่านั้น

“ขอโทษเจ้าค่ะ ต่อไปข้าจะตั้งใจตามหาพี่ชายข้าให้มากขึ้น”

“เฮ้อ เด็กโง่ นี่หากข้าตายไปแล้วเจ้าจะทำอย่างไร หากว่าเจ้าต้องการออกไปจากที่นี่จริงๆ ตอนที่เจ้ายังพอมีแรงมีเวลาก็ต้องพยายามอีกให้มากกว่านี้”

“เจ้าค่ะ” ข้าก้มหัวลง น้อมรับคำสั่งสอนด้วยความยินดีเพราะสำนึกว่าตัวเองมีนิสัยไม่เหมาะที่จะเป็นโอยรัน เหมือนพี่อากาเนะ

คนที่เป็นโอยรันนั้นนอกจากหน้าตาและรูปร่างจะต้องสวยงามแล้วยังต้องรอบรู้และแตกฉานในเรื่องศิลปะหลากหลายแขนง รวมไปถึงเรื่องการเมืองด้วย ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่โอยรันจะไม่ชวนแขกคุยเรื่องการเมืองก็เถอะ แต่การรู้ทิศทางลมและไม่กล่าววาจาให้ระคายหูแขกก็เป็นเรื่องที่ต้องจำใส่ใจไว้ ข้าที่เป็นคนปากกับใจตรงกันนั้นจึงไม่เหมาะสำหรับงานบริการคน

“ฮานะ เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วนะ”

“สิบหกปีแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อข้าตอบไป พี่สาวผู้น่ารักของข้าก็ทำหน้านิ่ว ความวิตกกังวลปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด

“แล้วท่านแม่ว่าอย่างไรบ้าง เร่งรัดเรื่องที่จะให้เจ้าเข้าเป็นโอยรันฝึกหัดรึยัง” ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่ข้าควรเป็นกังวลแท้ๆ แต่คนที่เป็นกังวลแทนกลับเป็นพี่อากาเนะเสียนี่ และมันก็ทำให้ข้าซาบซึ้งใจมาก

แม้จะไม่ได้ผูกพันกันทางสายเลือดแต่พี่อากาเนะก็รักและเอ็นดูข้านัก ตอนที่นางเมาเคยเล่าให้ข้าฟังว่านางกับน้องสาวมาจากหมู่บ้านที่ยากจน ระหกระเหินร่อนเร่จากถิ่นทุรกันดาร ดิ้นรนมายังเมืองใหญ่เพื่อที่จะให้ตัวเองมีชีวิตรอด แต่พอมาถึงเกียวโตได้ น้องสาวที่เหลือเพียงคนเดียวของนางก็เสียชีวิตไป

ครั้นพบกับข้า นางก็เลยรู้สึกเหมือนน้องสาวกลับมามีชีวิตอีกครั้งจึงรู้สึกอยากดูแลข้าให้ดีที่สุด นางไม่อยากให้ข้าต้องขายตัวจึงช่วยต่อรองกับท่านแม่เรื่อยมา ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นของข้ากลายเป็นโอยรันฝึกหัดกันไปหมดแล้ว แต่ข้ากลับไม่ขยับฐานะเลื่อนจากเด็กรับใช้มาเป็นโอยรันเสียที

“ท่านแม่บอกว่าข้ายังฝึกปรือฝีมือได้ไม่ดีพอ หากให้ขึ้นเป็นโอยรัน ร้านคงได้ขายหน้าแขกเหรื่อแน่นอน”

“หึ! ข้าเพิ่งรู้ว่าความซุ่มซ่ามของเจ้าก็เป็นประโยชน์เหมือนกันนะ” พี่อากาเนะยกมือขึ้นปิดปากขำ ข้ามองกิริยาของนางด้วยความอิจฉาเล็กๆ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรนางมักจะงดงามและดูดีอยู่เสมอ ต่างจากข้าที่ซุ่มซ่ามและซอมซ่อไม่เหมือนสตรีในชิมาบาระแม้สักเสี้ยว ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางอย่างไรชอบกล

“พี่อากาเนะ” ข้าย่นจมูกใส่นางด้วยความเคืองอยู่นิดๆ จนนางต้องยกมือมาตบไหล่ข้าเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ

“เอาน่า หากเติบใหญ่กว่านี้ เจ้าอาจจะหายซุ่มซ่ามก็ได้” พี่อากาเนะแย้มยิ้มให้ข้า ข้ามองคนงามในชุดกิโมโนสีสันสดใสด้วยความคิดที่ว่า วันนี้ใครกันนะที่จะเป็นคนได้นางไปครองหรือจะไม่มีใครได้เชยชมนางเลย

“พี่อากาเนะ คืนนี้ท่านสวยมากเลย” ข้าเอ่ยชมออกมาด้วยความจริงใจ
ในร้านมิกะ พี่อากาเนะถือว่าเป็นหญิงงามแถวหน้า เป็นหนึ่งในทายู ของร้าน เวลารับแขกท่านแม่ยังต้องเกรงใจนางอยู่ไม่น้อย หากว่านางไม่เต็มใจ ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้นางมีความสัมพันธ์ด้วยได้

“ปากหวานนะเรา งั้นขอให้แขกในคืนนี้คิดเหมือนเจ้าก็แล้วกัน” พี่อากาเนะส่งยิ้มเอ็นดูและลูบผมข้าไปมา
……………………………

ข้าเดินตามหลังเพื่อนเด็กรับใช้เข้ามาในห้องจัดเลี้ยง พอจะทราบคร่าวๆ จากพรรคพวกแล้วว่าซามูไรพวกนี้เป็นกลุ่มที่คอยลาดตระเวนรอบๆ เมืองเกียวโตและเข้ามาเลี้ยงฉลองกันตามประสาทำงานเสร็จ พวกเขาไม่ใช่กลุ่มซามูไรจรทั่วไปเพราะมีกลุ่มนักรบแคว้นไอซึคอยหนุนหลังอยู่

เมื่อมองจากด้านหลังข้าเห็นพี่อากาเนะได้เข้าไปนั่งประจำที่ข้างผู้ชายคนหนึ่งที่ไว้ผมยาวต่างจากคนอื่นๆ ในกลุ่มซึ่งส่วนใหญ่จะไว้ผมทรงซากายากิ และหากดูจากตำแหน่งที่พี่อากาเนะเข้าไปนั่งแล้ว ข้าคะเนในใจว่าคนผู้นี้อาจจะไม่ใช่ผู้มีตำแหน่งสำคัญ เพราะว่าผู้ที่นั่งเป็นประธานนั้นเป็นชายวัยประมาณสามสิบกว่าปีที่มีรูปร่างสูงใหญ่สองคน คนหนึ่งชื่อเซริซาวะ อีกคนชื่อคอนโด

และเมื่อชายผมยาวหันมาคุยกับพี่อากาเนะ... วินาทีนั้นข้าเพิ่งเข้าใจคำว่าละสายตาไม่ได้เป็นครั้งแรก

เสี้ยวหน้าที่ข้าเห็นนั้นเป็นใบหน้าอันงดงามราวกับอิสตรี หากทว่ายังคงความแข็งกร้าวดุดันเฉกเช่นบุรุษ เมื่อมาประกอบเข้ากับเรือนผมยาวสลวยแล้ว เขากลายเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นมากที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา พี่อากาเนะก็คงคิดเช่นเดียวกัน เพราะข้ามองออกว่าคืนนี้นางมีความสุขมากกว่าปกติ ในดวงตาของนางนั้นหวานชื่นนัก ยิ้มแย้มชวนแขกคุยอยู่ตลอดเวลา

และแล้วข้าก็รู้ว่า คนผู้นี้ชื่อสกุลฮิจิคาตะ เป็นรองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็น พี่อากาเนะเรียกเขาว่า ฮิจิคาตะเซ็นเซ และมีบางคนเรียกเขาว่าฮิจิคาตะซัง ข้าได้ยินชายผู้ที่อาจจะเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ชื่อคอนโดเรียกฮิจิคาตะซังว่า ‘โทชิ’ ด้วย คงจะสนิทสนมกันมากถึงเรียกชื่อต้นได้แบบนี้

เท่าที่เห็นฮิจิคาตะซังเหมือนจะดื่มเหล้าแค่เพียงจอกสองจอกแต่เน้นจิบชามากกว่า ดูผิดแผกจากคนอื่นจึงทำให้ข้านึกประหลาดใจ

มีใครที่ไหนเข้ามาในย่านชิมาบาระแล้วมาดื่มชากันบ้างเล่า? นับว่าหาได้น้อยนัก และถึงแม้จะอยู่กับพี่อากาเนะ ข้าก็เห็นเขายิ้มเพียงเล็กน้อย ข้าจึงเดาเอาเองว่าเขาเป็นคนเงียบขรึมพอตัว

ตอนที่ฮิจิคาตะซังปรายตามองมายังข้าเป็นครั้งแรก หัวใจข้าพลันเต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ข้ารีบก้มหน้าลงเล็กน้อยราวกับไม่รู้จะทำเช่นไรดีเพื่อหลบสายตาคมกริบของเขา ครู่เดียวข้าก็เหลือบตามองเขาอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้มองข้าอีกต่อไป ตอนนี้เขาเริ่มส่งสายตาอ่อนหวานให้พี่อากาเนะเสียแล้ว

พอข้าคิดต่อไปว่า คืนนี้พี่อากาเนะคงจะอยู่กับฮิจิคาตะซังเป็นแน่ หัวใจข้าก็พลันแปลบปลาบ... อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาร้อนผ่าวคล้ายๆ กับว่าอยากร้องไห้

“... นะ ฮานะ โอคิตะซังเรียกน่ะ” เสียงเด็กรับใช้เรียกข้าพร้อมกับสะกิดข้ายิกๆ

“หะ... หา” ข้าที่มัวแต่เหม่อเริ่มได้สติและมองเยื้องไปทางด้านซ้ายมือทันที มีจอกเหล้าเปล่าๆ ใบหนึ่งยื่นมาหาข้า

ชายคนนี้มีอายุราวยี่สิบต้นๆ เขาส่งยิ้มให้ข้าอย่างอ่อนโยน ท่าทางใจดี ด้วยความตกใจที่ทำให้เขารอ ข้ารีบรินเหล้าให้ทันที... แต่โรคเก่าของข้ากำเริบ ข้าซุ่มซ่ามทำเหล้าหกใส่มือผู้ชายคนนี้

“ขะ... ขอโทษเจ้าค่ะ” ข้ารีบก้มหัวลงกับพื้นกล่าวขอโทษขอโพยทันที

คราวที่แล้วข้าก็เคยทำเหล้าหกแค่กระเซ็นเปื้อนชุดฮากามะ ของแขกเท่านั้นกลับถูกตบเสียจนหน้าหันจนพี่อากาเนะต้องรีบขอโทษแขกช่วยข้าอีกแรง แล้วนี่ข้าถึงขนาดทำเหล้าหกรดใส่มือของแขก ในใจข้าชักสงสัยว่าตัวเองจะถูกฟันตายคาห้องนี้หรือไม่เพราะได้ข่าวว่าหมาป่าแห่งมิบุนั้นเป็นกลุ่มซามูไรกระหายเลือด มีการต่อสู้เกิดขึ้นกันทุกวันและมีคนตายเสมอ ตัวข้าเองอาจมีชีวิตไม่พ้นห้องนี้ก็เป็นได้

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวจนตัวสั่นแบบนั้นก็ได้ เรื่องเล็กน้อยน่ะ” น้ำเสียงสดใสกึ่งปลอบประโลมของโอคิตะซังทำให้ข้ารู้สึกใจชื้นจึงเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาแล้วกล่าวขอบคุณซ้ำๆ ตอนแรกบรรยากาศในงานเลี้ยงเงียบลงไปถนัดใจ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนก็กลับไปให้ความสนใจกับงานรื่นเริงและสตรีที่อยู่ข้างกายแทน
แวบหนึ่งข้าเห็นฮิจิคาตะซังผู้มีใบหน้างดงามมองมาที่ข้าแล้วก็เบือนหน้ากลับไปหาพี่อากาเนะตามเดิม

รอยยิ้มโล่งอกโล่งใจของข้าเริ่มจืดเจื่อนและใบหน้าของข้าที่เพิ่งจะมีสีเลือดนั้นก็กลับไปเป็นสีขาวซีดตามเดิม ข้าอยากให้ตัวเองดูดีในสายตาของเขา แต่จากเหตุการณ์เมื่อครู่ข้าก็ทราบแล้วว่า หากมีคำจำกัดความใดสำหรับข้า มันก็คงเป็นคำว่า ‘ซุ่มซ่าม’ อย่างแน่นอน ข้าอับอายมากจนอยากไปให้พ้นจากห้องนี้แต่ก็ทำไม่ได้
อีกทั้งเมื่อคิดถึงว่าต่อไปฮิจิคาตะซังกับพี่อากาเนะคงอยู่ร่วมกัน หัวใจของข้าก็พลันหดหู่และปวดร้าวโดยไม่ทราบสาเหตุ

“นี่ๆ เลิกเศร้าได้แล้วมารินเหล้าให้ข้าดีกว่า” โอคิตะซังส่งยิ้มสดใสให้อีกหน ความจริงใจของเขาทำให้ข้ารู้สึกดี แต่ก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะยังมึนงงไม่หายว่าทำไมโอคิตะซังถึงมาให้ข้ารินเหล้าให้ อีกอย่างคือโอยรันที่ชื่อยูมิซึ่งสมควรอยู่ข้างกายเขา ไฉนถึงได้ไปเอาอกเอาใจแขกอีกคน แม้ถึงความสงสัยของข้าจะเต็มอกแต่ข้าก็รินเหล้าให้เขาใหม่ คราวนี้ข้าพยายามเต็มที่ ในที่สุดมันก็ไม่หกออกมานอกจอก

“เขยิบเข้ามาใกล้ๆ ข้าหน่อยสิ เจ้าน่ะ เอ... ชื่ออะไรน่ะ เป็นโอยรันฝึกหัดหรือเปล่า” โอคิตะซังกวักมือเรียก

“ปละ... เปล่าเจ้าค่ะ ข้าเป็นเพียงเด็กรับใช้เท่านั้น”

“แต่เจ้าโตกว่าเพื่อนเลยนี่นา ข้านึกว่าอายุสิบสี่ก็เป็นโอยรันฝึกหัดได้แล้วเสียอีก”

“อันที่จริงสักสิบสี่สิบห้าก็เป็นโอยรันฝึกหัดได้แล้วเจ้าค่ะ แต่ว่าข้ายังด้อยการอบรมเลยต้องเป็นเด็กรับใช้ต่อไปเจ้าค่ะ” ข้ายิ้มแหยๆ ให้กับความแปลกแยกของตัวเอง

“ชื่อล่ะ” โอคิตะซังถามย้ำอีกครั้ง

“ฮานะเจ้าค่ะ”

“ชื่อน่ารักดี สมตัวเจ้าเลย” ว่าแล้วโอคิตะซังก็ยกมือลูบผมข้าเล่น ข้าตกใจเป็นอันมากและเริ่มกังวลว่าเขาจะเข้าใจไหมว่าข้าไม่ใช่โอยรันฝึกหัด ฉะนั้นข้าไม่ได้ขายเรือนร่างของตนเอง และข้าที่เป็นเพียงเด็กรับใช้ไร้ตำแหน่งไม่มีสิทธิ์ข้ามหน้าข้ามตาผู้อื่น

‘... แต่ถ้าท่านแม่ให้ข้ารับแขก บางทีข้าอาจจะต้องทำ’

“ฮานะจัง เจ้าอายุเท่าไหร่”

“สิบหกปีเจ้าค่ะ” ข้ารีบตอบออกไป ยิ่งนึกสงสัยว่าโอคิตะซังผู้นี้มีใจนิยมชมชอบเด็กสาวหรือไม่ แต่พอข้าชำเลืองมองดวงตาของเขาก็พบว่าเขาแค่อยากได้เพื่อนคุยเท่านั้น ข้าจึงสบายใจมากยิ่งขึ้นและเริ่มชวนโอคิตะซังคุยได้อย่างสนิทใจ

ข้าเขยิบขึ้นไปนั่งชิดกับโอคิตะซังเพื่อให้สะดวกเวลารินเหล้า แล้วเพิ่งมารู้ทีหลังว่าที่พี่ยูมิไปปรนนิบัติคนอื่นแทนนั้นเป็นเพราะโอคิตะซังรำคาญที่นางชอบเอามือมาวางที่หน้าตักของเขา พอขาดโอยรันผู้รินเหล้า เขาก็เลยเรียกข้ามาทำหน้าที่นี้แทน

ครั้นข้าได้ขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกับพี่อากาเนะจึงได้ยลโฉมฮิจิคาตะซังง่ายขึ้น เขามีใบหน้าเรียวงดงามผิดแผกไปจากคนอื่นๆ คิ้วไม่เข้มนักแต่เรียวโค้งรับกันอย่างพอเหมาะ ดวงตาดำสนิทเหมือนผิวน้ำในสระยามค่ำคืน ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงก้นบึ้งและยังแฝงกลิ่นอายของความเย่อหยิ่งทระนงองอาจอยู่ไม่น้อย จมูกโด่งของเขาเป็นสัน ริมฝีปากอันบางเฉียบบอกให้รู้ว่าเป็นคนมีฝีปากคมคาย…

แต่บรรยากาศรอบกายของเขาดูห่างเหินราวกับมีกำแพงน้ำแข็งบางๆ กั้นอยู่ ทั้งที่โดยรวมแล้วก็กลมกลืนกันดีกับบุคคลทั่วไป และจากสายตาของข้า ข้าเชื่อว่าเขาต้องไม่ใช่คนประเภทตรงไปตรงมาอย่างแน่นอน

“นี่เจ้าสนใจฮิจิคาตะซังงั้นเหรอ” โอคิตะซังกระซิบเบาๆ ข้างหู ทำให้ข้าตกใจรีบหันกลับมามอง ใบหน้าของข้าตอนนี้คงน่าตลกนักเพราะว่าดวงตาทั้งสองเบิกกว้างและอ้าปากค้าง พอได้สติอีกครั้งข้าก็มองไปรอบๆ กลัวว่าจะมีใครมาล่วงรู้ข้อความนี้ แต่ปรากฏว่าในงานเลี้ยงนี้ไม่มีใครสนใจข้าเลย ข้าจึงผินหน้ากลับไปมองเขาอีกครั้งแล้วปฏิเสธเสียงเบาหวิว

“ปละ... เปล่าเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นสักหน่อย”

“ฮานะจัง เจ้านี่ตลกดีจริงๆ นะ” โอคิตะซังยกมือลูบหัวข้าเล่นและก้มลงมากระซิบบอกข้าว่า “เจ้าจะชอบฮิจิคาตะซังมันก็ไม่แปลกหรอก แต่อย่าไปหลงรักล่ะ เขาไม่ใช่คนที่ผู้หญิงจะฝากชีวิตเอาไว้ได้ เห็นเงียบๆ แบบนั้นแต่เขาเสน่ห์แรง มีผู้หญิงมาติดพันมากมายทว่าเขาก็ไม่เคยจริงจังกับใครเลย”

“โอคิตะซังเตือนข้าทำไมเจ้าคะ”

“ก็เจ้าน่ารักดี ข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้าน่ะ” โอคิตะซังส่งยิ้มหวานมาให้อีกครา มาตอนนี้ข้ากล้ารับประกันแล้วว่าเขาต้องเป็นที่รักของเพื่อนฝูงแน่นอน เพราะเขาดูใจดีแล้วก็เป็นมิตรไปกับทุกคน ไม่เหมือนฮิจิคาตะซังที่เหมือนจะเข้าใกล้ลำบาก แต่ข้าในเวลานี้ไม่รู้ว่าความรู้สึกรักเช่นชายหญิงนั้นเป็นเช่นใด และไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด ข้าที่เป็นเพียงหญิงรับใช้ต่ำต้อยจะไปมีใจชอบพอฮิจิคาตะซังได้อย่างไร

“โอคิตะซังเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่มีความคิดลามปามแบบนั้น แต่เป็นเพราะว่าฮิจิคาตะซังมีหน้าตางดงามมากก็เลยอดไม่ได้ที่จะมองอย่างชื่นชม” ข้าตอบอย่างระมัดระวัง โอคิตะซังยกมือลูบคางเกลี้ยงเกลาพลางครุ่นคิด

“งั้นหรือ? ข้าเห็นผู้หญิงคนไหนมองฮิจิคาตะซังแบบนั้นทีไร วันต่อมาก็ส่งจดหมายรักให้เขาทุกที ฮานะจัง ข้าว่าแววตาของเจ้าก็เหมือนแววตาของพวกผู้หญิงเหล่านั้นนะ แบบว่า... ลุ่มหลง? อืม... พึงพอใจ ชอบพอ? รักใคร่? อะไรทำนองนี้” โอคิตะซังขมวดคิ้ว หลับตาเหมือนกำลังเฟ้นหาถ้อยคำที่เหมาะกับแววตาของผู้หญิงที่สื่อออกมายามมองฮิจิคาตะซัง

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ! ข้ามิได้เป็นเช่นนั้น!” ข้ายังยืนยันเสียงแข็ง

“เอ้า! ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ถือว่าข้าดูผิด มา! มาดื่มเหล้ากันต่อดีกว่า” โอคิตะซังคงไม่อยากทำให้ข้าลำบากใจเลยไม่เค้นคอข้าต่อ หรือไม่เขาก็คงจะรู้ว่าถึงจะเถียงเรื่องนี้กันต่อไปก็คงไม่ได้ประโยชน์อันใด
ระหว่างที่สรวลเสเฮฮากันอยู่นั้น คอนโดซังกับเซริซาวะซังก็พาทายูออกไปพร้อมกับที่ฮิจิคาตะซังเดินออกไปกับพี่อากาเนะ

ข้า... แปลกใจที่ในอกนั้นร้อนรุ่มอย่างแปลกประหลาดทั้งที่เวลาพี่อากาเนะรับแขกคนใด ข้าก็ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้เลย ความร้อนรุ่มใจนี้ทำให้ข้ารู้สึกเลื่อนลอยไร้สติ จนกระทั่งในเวลาต่อมาข้าพบว่าตัวข้าและโอคิตะซังได้ร่ำสุรากันอยู่สองคน ในขณะที่เพื่อนๆ ของเขาบางคนเมากลิ้งล้มไม่เป็นท่า บางคนที่มีหญิงงามในครอบครองก็ไปเปิดห้องกันหมด

และเพราะว่าข้าคอแข็งอีกทั้งยังดื่มไปน้อยกว่าโอคิตะซัง ตอนงานเลี้ยงเลิกข้าจึงมีสติพอที่จะช่วยเพื่อนๆ พยุงเขาที่กำลังเมามายและคนอื่นๆ ออกมานอกร้าน โดยระหว่างนั้นเขาก็พยายามขยี้ผมข้าอีกหลายครั้ง พอข้าเอียงหัวหลบ เขาก็ยังตามมากลั่นแกล้ง ทั้งดึงแก้มข้าสองข้าง ทั้งเอาหมึกที่ใช้วาดเล่นกันมาป้ายหน้าข้า ข้าสนุกจนลืมเลือนความเศร้าไปชั่วขณะ เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง

ตอนกลับเขาทำผมข้ายุ่งเป็นครั้งสุดท้ายจนข้าอดคิดไม่ได้ว่าดูท่าเขาจะชอบขยี้ผมของข้าเอามากๆ ก่อนที่เขาจะกล่าวอำลาด้วยเสียงอ้อแอ้ว่า

“ไปก่อนนะฮานะจัง แล้วเจอกันใหม่ แม่หนูคอแข็ง” ว่าแล้วก็เดินกอดคอกับเพื่อนอีกคนที่ชื่อโทโดซังกลับไปยังเรือนพักของตนพร้อมกับพรรคพวกที่เมามายไม่ต่างกัน

ข้าเดินกลับเข้ามาในร้าน ตอนนี้หน้าที่ที่เหลือก็คือการรับใช้โอยรันหลังจากรับแขกเสร็จ ข้ารู้สึกไม่อยากไปเสียดื้อๆ ทั้งที่ข้าก็ไม่เคยละทิ้งหน้าที่และเห็นเรื่องราวเหล่านี้จนชินชาเสียแล้ว สองเท้าของข้าหยุดอยู่กับที่ราวกับมีอะไรมาตรึงไว้กับพื้น จนมีเสียงดุมาจากท่านแม่ ข้าจึงจำใจต้องออกเดินไปยังเรือนที่แยกเอาไว้ใช้สำหรับรับรองแขกที่มานอนกับโอยรัน

ข้าเดินเข้ามานั่งรออย่างเงียบๆ อยู่นอกห้องตามหน้าที่ แต่ความรู้สึกข้ากลับเบลอๆ เหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เสียงครวญครางที่ดังลอดออกมาจากในห้องทำให้ข้ารู้ว่าทั้งสองคนนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ ลำคอของข้าแห้งผากและรสขมปร่านั้นกระจายอยู่เต็มปาก
... กว่าข้าจะคืนสติมาอีกที ข้าก็พบว่าดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ เสียแล้ว

ข้าร้องไห้ทำไมนะ?

แต่ข้าก็ยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับการกระทำไร้เหตุผลของตัวเองครั้งนี้ได้ และแล้วในห้องก็เงียบเสียงลง หัวใจของข้าที่ร้อนรุ่มก็พลันสงบลงเช่นกัน…

สักพักใหญ่ๆ ประตูห้องก็ถูกเลื่อนออกมา ทำเอาข้าที่กำลังเหม่อสะดุ้งโหยง เงยหน้าขึ้นมามองผู้ที่ยืนหันข้างอยู่ตรงหน้า ฮิจิคาตะซังมองข้าอยู่ครู่เดียวแล้วบอกว่า

“ปิ่นเจ้าตกพื้นน่ะ” ข้ายกมือขึ้นคลำผมตัวเอง แล้วก็พบว่าปิ่นไม้ที่ควรเสียบไว้บนมวยผมอันยุ่งเหยิงของข้าหายไป ข้าถึงได้ก้มหน้าลงมองหาปิ่นกับพื้นด้วยท่าทางอันเงอะงะ

“เอ้า! นี่... เป็นเด็กผู้หญิงก็อย่าปล่อยให้ผมเผ้าเสียทรงสิ” มือใหญ่ที่ยื่นมามอบปิ่นให้ ทำให้ข้าตกใจอีกหน ข้ารีบรับปิ่นนั้นมาด้วยมือไม้สั่น หัวใจของข้าเต้นรัวเร็วและแรงคล้ายจะโดดออกมาจากอก

“ไม่เห็นต้องกลัวเลย ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก” รอยแย้มยิ้มถูกแต่งแต้มลงบนใบหน้าอันงดงามของฮิจิคาตะซัง ข้าได้แต่เหม่อมองอย่างตกตะลึงแล้วปล่อยให้เขาเดินจากไปโดยมิได้เอ่ยแม้กระทั่งคำขอบคุณ

เพียงแค่รอยยิ้มบางๆ จากเขา ข้าก็ปล่อยให้หัวใจตัวเองล่องลอยไปไกล... ปล่อยให้ตัวเองตกลงสู่ท้องทะเลอันบ้าคลั่งที่มีชื่อว่าความลุ่มหลง

……………………………..




ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มิ.ย. 2555, 03:50:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มิ.ย. 2555, 03:50:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1754





   ดอกไม้หอมในเงามืด >>
Siang 18 มิ.ย. 2555, 09:23:16 น.
รออ่านตอนต่อไปค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account