ขอบฟ้าแห่งใจ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 2

ยังไม่ได้แก้ไขสำนวนหรือตรวจคำผิดใดใดทั้งสิ้น
ขออภัยด้วยนะครับ
แว้บไปทำงานก่อน :)

วาต์
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

บทที่ 2
งานเลี้ยงต้อนรับนักแสดงและทีมงานภาพยนตร์เรื่อง ‘ขอบฟ้าแห่งใจ’ ถูกจัดขึ้นที่โถงเลี้ยงรับรองที่เคยใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในช่วงที่ทัสคานยังคงปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ แม้วันเวลาจะผันเปลี่ยน จนบัดนี้ทัสคานหันมายึดหลักการประชาธิปไตยเต็มตัว แต่วังเก่าแห่งนี้ยังมีมนต์ขลัง เหลียวมองไปทางใดภัทธิดาก็กระหวัดนึกถึงยุคเก่าก่อนที่วังแห่งนี้มีชีวิต มีมหาราชา ราชินี เสียงดนตรีและเหล่าธารกำนัล มันคงเป็นบรรยากาศที่หาดูไม่ได้อีก ต่อให้สร้างหนังสร้างละครขึ้นมาเทียบ ก็ยากนักที่จะให้อารมณ์เสมือนจริง

มาร์ค ทวินส์พาเธอเดินชมชาวามาฮาลเรียบร้อยตั้งแต่รอบบ่าย วังเก่าแห่งนี้ประกอบไปด้วยหมู่อาคารใหญ่สองส่วน ส่วนหน้าด้านทิศตะวันออกที่ติดกับถนนเป็นอาคารขนาดใหญ่ทรงสามเหลี่ยมฐานกว้างบีบตัวแคบขึ้นจนถึงชั้นห้าซึ่งเป็นชั้นบนสุด ความสวยงามคือบานหน้าต่างรวงผึ้งที่ออกแบบให้แตกต่างกันในแต่ละห้อง ให้เจ้าของผู้อาศัยภายในเฝ้ามองความเป็นไปของโลกภายนอกได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น ปัจจุบันอาคารเอกหลังนี้แปลงโฉมเป็นโรงแรมระดับห้าดาวไว้คอยบริการนักธุรกิจต่างชาติและนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก ถัดมาทางด้านหลังเป็นลานกว้าง มีอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ขนาดย่อมใช้จัดแสดงลายผ้า ของใช้โบราณ และเครื่องแต่งกายของกษัตริย์ยุคก่อน นอกจากนั้นยังมีร้านขายของที่ระลึก ให้นักท่องเที่ยวซื้อติดไม้ติดมือ ก่อนจะเดินผ่านซุ้มประตูเข้ามาสู่ลานด้านใน ที่ประกอบไปด้วยอาคารรายรอบทั้งสี่ทิศ ตรงกลางของลานขนาดเท่าสนามฟุตบอลคืออาคารโอ่โถงที่กำลังใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงในวันนี้

ภัทธิดาเข้าพักในอาคารด้านซ้าย อันประกอบไปด้วยห้องพักงามเลิศทั้งสิ้นเพียงห้าห้อง ด้านขวาฟากกระโน้นเป็นส่วนของท้องพระโรงเก่าที่องค์กษัตริย์ใช้เป็นสถานที่ราชการ ปัจจุบันเก็บรักษาเอาไว้เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา ส่วนอาคารสูงสามชั้นด้านหลังสุด เป็นที่ประทับของเจ้าหญิงและเชื้อพระวงศ์ที่ยังคงเป็นเจ้าของวังแห่งนี้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตรงประตูทางเข้าของอาคารประดับด้วยปืนใหญ่น่าเกรงขาม นอกจากนั้นยังมีทหารยามหนวดแหลมยืนถือปืนเฝ้าประตูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ห้ามบุคคลภายนอกล่วงล้ำเข้าไปโดยเด็ดขาด

“แพทตีทางนี้ ผมจะพาคุณไปรู้จักพระเอกของผม เขาเป็นทายาทเจ้าของชาวามาฮาลแห่งนี้ คุณน่าจะเคยเจอเขาแล้วนะ ที่งานเทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพ”
ภัทธิดาปล่อยให้ผู้กำกับเดินจูงมือแหวกผู้ร่วมงานคนอื่นตรงไปยังมุมด้านขวาสุดของอาคารจัดเลี้ยงที่มีกลุ่มพวกผู้ชายยืนอยู่
แม้จะอยู่กันหลายคน แต่รัศมีแห่งความทรงสง่ายังส่องประกายฉายเด่นออกมาจากคนอื่น ทั้งความสูงที่โดด และใบหน้าที่คมคายทรงเสน่ห์
ใช่... เธอจำเขาได้ และต้องยอมรับว่าตัวจริงเขาดูดีกว่าในรูปถ่าย หญิงสาวก้าวตามมาร์ค ทวินส์ไปอย่างไม่รู้ตัว จนตอนนี้เธอเดินผ่านผู้คนมาอยู่ตรงหน้าเขา
...อเล็กซานเดอร์ อาร์ชวิน ซิงส์...
“อเล็กซ์ นี่ไงแพทตี นางในฝันของผม”
คนถูกเรียกหยุดบทสนทนาที่กำลังดำเนินอยู่ ลดสายตาพราวลงมองหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนยิ้มน้อยตรงหน้า เขาเปิดยิ้มบ้างแล้วยื่นมือให้สัมผัส “ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับ”
เป็นครั้งแรกที่ภัทธิดารู้สึกขลาดกลัวการทักทายแบบตะวันตก รอยยิ้มและแววตาของเขาน่ากลัวเกินไป มันทำให้เธอนึกถึงแววตาและอุ้งเท้าของพญาเหยี่ยว ที่กำลังทะยานลงมาข่มขวัญลูกหนูกลางทุ่งกว้าง
ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเกร็ง แต่ภัทธิดาก็ไม่สามารถคุมตัวเองได้ วูบแรกที่ฝ่ามือสัมผัสกัน เธอก็รู้สึกวูบวาบมาถึงสันหลัง ยิ่งเขาบีบมือเธออย่างจงใจ พลังอันเร้ารัญจวนก็ก่อตัวขึ้นจนหญิงสาวนึกตำหนิตัวเอง แค่เพียงสัมผัสมือกับเขา หัวใจของเธอก็ล่องละลิ่ว ฝ่ายอเล็กซ์เองก็ไม่มีความพยายามที่จะปิดบังความรู้สึก เขาหลิ่วตามองเธออย่างมีความหมาย รอยยิ้มน้อยที่ปรากฏบนใบหน้าก็เปิดเผยชัดเจนถึงความสนใจ
ภัทธิดาถอนตัวออกจากความรู้สึกแปลกประหลาดโดยการดึงมือออก เธอขยับตัวอย่างขัดเขิน “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะอเล็กซ์”
เสียงกังวานของเธอดึงเขาออกมาจากห้วงความคิดอันยาวไกล “เช่นกันครับ ผมเคยเห็นคุณที่งานภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพ แต่คราวนั้นคนจอแจจนผมไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักคุณ”
ไม่เพียงแค่เอ่ย หากเขายังส่งกระแสบางอย่างทะลุอากาศเข้ามาที่หน่วยตาของเธอ ให้ประสาทของภัทธิดาเกิดความตึงเครียดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอพยายามสะกดลมหายใจแล้วดำเนินบทสนทนาให้เป็นไปตามปกติ
บทบาทที่ท้าทายในขณะนี้ คือการที่เธอต้องซ่อนเร้นความรู้สึกวูบไหวที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม หากคุณต้องการอะไร กรุณาแจ้งความประสงค์ต่อชีลาห์ เธอทำงานคล่องแคล่ว หวังว่าคงไม่ทำให้คุณขัดใจ”
“ไม่เลยค่ะ ทุกอย่างเพอร์เฟ็ค ฉันชอบทัสคานค่ะ”
มาร์คสังเกตเห็นแววตาของอเล็กซ์แล้วแอบยิ้มขัน เขาหันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง แสร้งทักทายทีมงานที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบ ทว่าประสาททางการได้ยินของมาร์คยังทำงานอย่างดีเยี่ยม
“วันนี้คุณได้ออกไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างหรือยัง ถ้ายัง”
“ฉันไปเดินตลาดเก่ารอบวังมาค่ะ มีแต่ของแฮนด์เมดน่ารักทั้งนั้น เดินไม่เต็มชั่วโมงดี ชีลาห์ก็บ่นอุบเรื่องที่ต้องมาช่วยฉันขนของ”
ยังไม่ทันที่ภัทธิดาจะได้หุบรอยยิ้ม นางเอกสาวที่เพิ่งบินมาจากฮอลลิวูดก็เดินกรุยกรายเข้ามาอย่างระเหิดระหง เธอมาในชุดราตรียาวเกาะอกหางปลา สีแดงเจิดจ้าก็เรียกความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานให้จับตามองเธอเพียงคนเดียว
“สวัสดีค่ะอเล็กซ์” ปารีส แพทเทอร์สันเดินเข้ามาโอบแล้วสัมผัสแก้มกับอเล็กซ์อย่างชิดเชื้อ “คุณจะรู้ไหมว่าฉันคิดถึงคุณแค่ไหน” เธอกล่าวด้วยเสียงฉะอ้อน หลังจากโอ้โลมชายหนุ่มจนเป็นที่พอใจ เธอก็ถอนตัวออกจากเขา “ไฮ มาร์ค คุณมาถึงตั้งแต่วันไหนคะ”
ผู้กำกับหนุ่มส่งมือ “ผมมาได้สองสัปดาห์แล้ว คุณได้รับบทที่ผมแก้ส่งให้แล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยค่ะ ฉันอ่านดูแล้ว ขอบคุณมากที่ยอมแก้บทให้” เสร็จธุระจากมาร์ค นางเอกสาวผู้เย่อหยิ่งจึงบ่ายหน้ามาทางดาราสาวชาวเอเชียที่ยืนประดับวงสนทนาอยู่
“สวัสดีค่ะ” ปารีสยกคิ้วสูงเป็นเชิงถามว่าเธอคือใคร
ภัทธิดายื่นมือให้พร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร “ฉันภัทธิดาค่ะ หรือคุรจะเรียกแพทเฉยๆก็ได้”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะแพท ฉันปารีส คุณน่าจะรู้จักฉันแล้วกระมัง”
เป็นธรรมดาของนักแสดงมีชื่อที่ค่อนข้างจะถือตัวและเย่อหยิ่ง ภัทธิดาอยู่ในวงการนี้มานานแล้วก็เข้าใจกฎข้อนี้ดี “แน่นอนค่ะ ยินดีมากค่ะที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงมากความสามารถอย่างคุณ”
ภัทธิดาไม่ได้แกล้งพูดเอาใจ เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
หากปารีสก็เห็นเป็นคำเยินยอที่ไม่สำคัญอะไร ใครๆก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น เธอชันคอแล้วหรี่ตาว่า “หวังว่าการร่วมงานของเราครั้งแรกจะเป็นไปอย่างราบรื่นนะคะ”
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ”

“ทางนี้ดีกว่าแพท ผมจะพาคุณไปรู้จักทีมแสตนด์อิน มาจากจากเอเชียหลายคนเลย” มาร์คฉวยข้อมือของเธอ ลากออกไปจากรัศมีความร้ายกาจของปารีส ชื่อเสียงที่มีอยู่ทำให้เธอมักเบ่งกล้ามข่มคนอื่น มาร์คไม่อยากให้การทำงานตลอดสี่เดือนครึ่งนับจากนี้มีปัญหา ในฐานะผู้กำกับเขาไม่อยากให้นักแสดงมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน ...ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอ

งานเลี้ยงดำเนินไปจนเกือบเที่ยงคืน กว่าจะสิ้นเสียงชนแก้วและบทสนทนา ภัทธิดาก็แทบจะสิ้นลมล้มลงกลางงาน ตั้งแต่คืนก่อนที่จัดกระเป๋าเตรียมตัวมาทัสคาน หญิงสาวจำได้ว่าเธอยังไม่ได้นอนอย่างเต็มหลับเลย
เหนื่อยมาก ร่างกายระหงอ่อนล้าเกินกว่าจะเดินเข้าห้องน้ำไปเช็ดหน้าเช็ดตา เมื่อเป็นดังนั้น เธอจึงทุ่มตัวลงบนที่นอน เบิกตามองเพดานคิดอะไรเรื่อยเปื่อย และก็เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวได้ตั้งคำถามกับการเดินทางของชีวิต เธอก้าวข้ามอุปสรรคและตั้งหน้าตั้งตาสะสมประสบการณ์มาทีละเล็กทีละน้อย ทั้งงานเล็กงานใหญ่ภัทธิดารับหมดไม่เคยอิดออด ตั้งแต่เดินแบบรับเงินไม่กี่พัน ถ่ายแฟชั่นร้านเสื้อผ้าระดับล่าง ไปงานเปิดตัวสินค้าตามต่างจังหวัด แสดงหนังแสดงละคร ตั้งแต่บทตัวประกอบมีประโยคพูดไม่กี่คำ จนถึงบทเด่นระดับตัวเอกของเรื่อง ภัทธิดารับหมด ใครจะครหาว่าเธอไม่เลือกงานนั่นเป้นผลทำให้ตัวเองราคาตก ภัทธิดาไม่เคยใส่ใจ ก็เพราะเธอไม่เรื่องมากไม่ใช่หรือ จึงทำให้เด็กสาวหน้าหมวยตามโมเดลลิ่งอย่างเธอ มีงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่โดดแต่ก็มีงานมีเงินไม่ขาดมือ

แล้วอนาคตข้างหน้าล่ะ?
มันเป็นคำถามที่คนในครอบครัวยัดเยียดให้ หากหญิงสาวไม่ใส่ใจที่จะคิด
ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะมันทำให้เธอปวดหัว ตอนนี้ภัทธิดานึกออกแต่เพียงว่าจะหาเงินก้อนโตเก็บไว้ในบัญชี เพียงพอที่จะดูแลพ่อแม่ และเลี้ยงหลานแฝดสามที่เกิดจากความพลาดพลั้งของพิมมาดาน้องสาวของเธอ เธอคิดแค่นั้น ส่วนเรื่องอื่น ภัทธิดาขอสารภาพว่าไม่เคยคิดวางแผนเอาไว้เลย
ก็มีแต่เตี่ยกับแม่เท่านั้นที่คอยชี้แนะและขีดเส้นไว้ให้ ตัวภัทธิดาเองก็คอยตามใจ ด้วยเห็นว่าน้องสาวเคยทำให้ครอบครัวร้าวฉานมาแล้ว ข้อที่พิมมาดาเรียนไม่จบ ต้องออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมาดูแลลูกแฝดทั้งสาม ให้ความรับผิดชอบและความคาดหวังทั้งหมดตกมาอยู่ที่ตัวภัทธิดาอย่างช่วยไม่ได้ เตี่ยว่าอย่างไรเธอก็ว่าอย่างนั้น ครั้นจะหันไปพึ่งแม่ แม่ก็มักจะไม่มีความเห็น เตี่ยเป็นใหญ่มาตลอดอย่างที่เคยเป็น คอยบงการทุกคนตั้งแต่เรื่องความคิด ไปจนถึงเรื่องจิปาถะในบ้าน
ขี้คร้านจะงัดข้อ พวกผู้หญิงจึงได้แต่ก้มหน้า ภัทธิดาเองก็เช่นกัน สักวันหนึ่งที่งานในวงการซาลง เธอเองก็คงต้องแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่เตี่ยคัดไว้ให้
และมันก็คงจะเป็นไปอย่างนั้น
เธอจำเป้นต้องรักเขาไหม?
เตี่ยตอบแทนแล้วว่าไม่

หากเขาคนนั้นมีฐานะ รักเธอ และสามารถดูแลเธอได้ เตี่ยก็พร้อมจะยกลูกสาวให้ และตอนนี้ผู้ชายที่มีคุณสมบัติดังว่าก็เสนอตัวเข้ามาแล้ว เขาเป็นลูกเสี่ยใหญ่เจ้าของโรงงานอาหารกระป๋องส่งนอก อาณาจักรของเขาอยู่มหาชัย แต่ขยันเทียวมากรุงเทพจนทางทรุด ทุกครั้งก็มีแต่เตี่ยเท่านั้นที่คุยกับเขา ตัวภัทธิดาเองกลับถึงบ้านก็อ่อนล้าไม่มีแก่ใจจะเสวนาด้วย แต่เขาก็ไม่ถือสา ป่านนี้คงเข้าใจว่าเธอเห็นชอบ ตกลงปลงใจจะแต่งงาน ซึ่งเขาก็คงเข้าใจถูกกระมัง เพราะแม้แต่ตัวภัทธิดาเองก็ไม่ได้มีความเห็นต่อต้านแต่อย่างใด
พื้นฐานที่ว่ามาคงเป็นสาเหตุหลักที่ตีกรอบความคิดของหญิงสาวในวันนี้ ลมหายใจอุ่นที่วนเข้าเวียนออกคือเพื่อนที่ดีที่สุด ปัจจุบันคือสิ่งที่เธอยึดไว้มั่น คล้ายสวรรค์ส่งเธอมาเพื่อช่วยเหลือครอบครัวและตามใจคนอื่น ซึ่งมันก็ดีแล้วนะ ดีแล้วจริงๆ


กว่าจะปิดโปรแกรมความคิดแล้วหลับตาลงนอนได้ ภัทธิดาจำได้ว่านาฬิกาที่ข้างฝาบอกเวลาเกือบตีสี่ เช้านี้เธอจึงนอนโอ้เอ้อยู่บนเตียงเกินความจำเป็น ตอนที่เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้นนั่นแหละ เธอจึงระลึกได้ว่ามีนัดเดินชมตลาดกับผู้กำกับชาวอเมริกันนามมาร์ค ทวินส์
“รอสักครู่นะคะมาร์ค ขอโทษจริงๆ เมื่อคืนฉันคิดว่าตัวเองดื่มหนักไปหน่อย” ความจริงเธอดื่มไปเพียงครึ่งแก้ว แต่พอรู้ว่าตัวเองสาย สมองก็นึกหาข้อแก้ตัวขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ
มาร์คหัวเราะออกมาอย่างเข้าใจ “ผมรออยู่ที่ห้องอาหารนะ ไม่ต้องกังวล ไม่มีความจำเป็นที่เราต้องรีบ”
“ค่ะ” ภัทธิดาเหวี่ยงหูโทรศัพท์แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ เธอวิ่งผ่านน้ำด้วยความรวดเร็ว พอวิ่งออกมาได้ก็พบกับควมจริงข้อที่ว่าเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางยังไม่ได้รีด งานนี้จึงต้องพึ่งเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ตัวเก่ง หญิงสาวงัดเอามันออกมาสะบัด จัดการยัดตัวเองเข้าไปอย่างเร็วรี่ ส่วนเรื่องการแต่งหน้า สำหรับนักแสดงที่เข้าวงการมาตั้งแต่อายุสิบเจ็ดอย่างเธอไม่คิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ ต่อให้มีเวลาแค่สามนาทีแล้วให้เธอหลับตา ภัทธิดายังทำได้สบายมาก
ยี่สิบนาทีหลังจากนั้นภัทธิดาก็กระหืดกระหอบลงไปถึงห้องอาหารหรูหราบริเวณชั้นล่างของอาคารใหญ่ด้านหน้าสุด
มาร์คไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว มีเพียงบริกรสาวหน้าตาดีที่เข้ามาแจ้งว่ามาร์คมีธุระด่วน ให้ภัทธิดานั่งรับประทานอาหารรอสักครู่ และก็ครู่เดียวจริงๆ ยังไม่ทันที่เธอจะตักอาหารเข้าปากให้อิ่ม บริกรคนเดิมก็เดินเข้ามาโค้งแล้วบอกให้ทราบว่า มาร์ครออยู่ที่ลานจอดรถ
“เมอร์ซีเดสคันเดิมที่เคยไปรับคุณที่สนามบินนะคะ” หญิงสาวมองภัทธิดาด้วยความชื่นชมอย่างโจ่งแจ้ง ในประเทศที่คนผิวสีเข้มอย่างทัสคานนี้ เห็นขาวสวยหมวยเก๋อย่างภัทธิดา คนก็อดที่จะนิยมไม่ได้
“ขอบคุณมากค่ะ” ภัทธิดายื่นทิปตามมารยาท
เด็กสาวยอบตัวลงพร้อมกล่าวคำขอบคุณ “เที่ยวให้สนุกนะคะ”
“เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”

เมื่อเดินผ่านกำแพงส่วนในออกมาได้ ภัทธิดาก็เหลือบเห็นรถที่สตาร์ทเครื่องยนต์รออยู่ จังหวะที่คนขับมองเห็นเธอ เขาก็บีบแตรปิ๊น ส่งสัญญาณให้หญิงสาววิ่งขึ้นมาเพราะรถจอดขวางทางคนอื่นอยู่
“ขอโทษนะคะที่ฉันสาย” เธอหอบหายใจแล้วขยับตัวเพื่อวางกระเป๋าแทรกลงบนเบาะ และจังหวะนั้นเอง ที่การรับรู้ของสายตารายงานสู่สมองว่าเธอขึ้นรถผิดคัน
“ขอโทษค่ะ ฉันเข้าใจว่านี่คือรถของมาร์ค”
“หยุดก่อน” เสียงของเขานุ้มทุ่ม หากมีความเข้มแข็งอยู่ในที “มาร์คต้องไปดูสถานที่ถ่ายทำใหม่ ที่ที่เราเลือกไว้มีปัญหา พอดีวันนี้ผมว่าง เลยอาสามาทำหน้าที่รับรองคุณ”
แค่เขาพูดกับเธอธรรมดา ภัทธิดายังรู้สึกร้อนฉ่าที่ข้างแก้ม เธอรู้สึกหวาดหวั่น กลั้นหายใจพูดออกมาตะกุกตะกัก “งั้นฉันไม่รบกวนคุณดีกว่าค่ะ”
“ไม่เลยครับคุณผู้หญิง”
อเล็กซ์ไม่เปิดโอกาสให้เธอต่อต้านหรือปฏิเสธ เขาล็อครถปิดทางเลือกและความเห็นของหญิงสาวด้านข้าง
เวลาของเธอทั้งวันนับจากนี้ อยู่ในมือของพระเจ้าอย่างเขาแล้ว
ดังนั้นพระเจ้าว่าอย่างไร เธอต้องว่าตาม


...........



วาต์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มิ.ย. 2555, 14:31:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มิ.ย. 2555, 14:32:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1300





<< ขอบฟ้าแห่งใจ 1   ตอนที่สาม >>
anOO 18 มิ.ย. 2555, 17:14:12 น.
พระเอกเราออกแนวน่ากลัว น่าเกรงขามนะเนี้ย
หรือว่าแพทจะตื่นตูมไปเอง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account