หวานรักละมุนใจ
เรื่องราวแสนวุ่นเกิดขึ้นเมื่อน้องสาวขี้หวงประกาศลั่นไม่ยอมให้พี่ชายมีแฟน "ชาตินี้ทั้งชาติโต๋จะต้องอยู่กับเค้า ดูแลเค้าไปตลอดชีวิต!" ติณณะกุมขมับ โธ่ เขาอายุสามสิบแล้วนะ ไม่มีแฟนตอนนี้จะให้ไปมีตอนไหนวะ ?!
Tags: โต๋, เต๋, มณชยาภา,หวาน,นิยายหวาน,พี่ชาย,น้องสาว,น่ารัก
ตอน: I : เลขาคนใหม่
ร้านกาแฟ ‘Tin-na’ ซึ่งตั้งอยู่ภายใต้อาคารธารารินเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา เพราะเป็นช่วงเวลาเที่ยงกว่า พนักงานในบริษัทธารารินและพนักงานจากบริษัทอื่นที่เช่าพื้นที่ออฟฟิศในอาคารจับจองโต๊ะนั่งจิบกาแฟละเลียดขนมหวานหลังอาหารจนเต็มร้าน
พนักงานในร้านกาแฟ Tin-na รวมเจ้าของร้านคนสวยมีอยู่สี่ชีวิต ทุกคนต่างช่วยกันเสิร์ฟกาแฟ เค้กหอมกรุ่น แยมโรลสีหวาน คุ้กกี้ ขนมไทย และอีกมากมายสารพัดจนมือเป็นระวิง
ร่างโปร่งระหงสมส่วนกำลังชงคาปูชิโนร้อนเพื่อเสิร์ฟคนพิเศษของเธอ
ส่วนคนพิเศษของเจ้าหล่อนซึ่งอยู่ในชุดสูทสุดเท่สีเทาเข้มกำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนรักที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ
ติณณาเหล่ตามองท่าทางคุยโทรศัพท์พร้อมกับหัวเราะคิกคักของเขา ก่อนจะรีบยกคาปูชิโนมาเสิร์ฟถึงโต๊ะและไม่ยอมลุกไปไหน นั่งปักหลักรอฟังอีกฝ่ายทำท่าระริกระรี้มากระหว่างการสนทนา แต่พอเธอมานั่ง เขารีบตัดบท หากประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับคนปลายสายคือ ‘เดี๋ยวไปหานะ อืม...แล้วไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน...ที่เดิม’ ไม่อาจรอดพ้นสายตาของติณณาไปได้
ก็...มีพิรุธขนาดนั้น เธอจะเชื่อได้ยังไงว่าเขาไม่ได้กำลังจีบผู้หญิงคนไหนอยู่
“ตัวคุยกับใครน่ะโต๋ แล้วจะไปไหน ไปกับใคร ทำไมจะต้องไป”
“เต๋...” คนถูกถามส่ายหัวอ่อนอกอ่อนใจกับคำถามของ...น้องสาว...ที่ทำท่าหวงเขานักหนา จนเพื่อนหลายคนแซวว่าติณณาเป็นแม่ของเขาอีกคน “ทำไมต้องถาม นี่มันเรื่องส่วนตัวของโต๋นะ”
แม้อายุของติณณะและติณณาจะห่างกันถึงแปดปี แต่คนเป็นน้องไม่ยอมเรียกพี่ชายว่าพี่...แต่เรียกชื่อเฉยๆ เช่นเดียวกับคนเป็นพี่ที่ไม่ยอมแทนตัวเองว่าพี่เหมือนกัน
“เรื่องส่วนตัวของโต๋ทุกเรื่อง เค้ามีสิทธิ์รู้” เจ้าหล่อนพูด หน้าง้ำหน้างอ ท่าทางเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ
ใช่...ติณณะรู้ดีว่าน้องสาวของเขาร้ายกาจแค่ไหน แต่พักหลังรู้สึกว่าความร้ายกาจของติณณาจะมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว จงอางหวงไข่ หมาแม่ลูกอ่อนหวงลูกอย่างไร ติณณาเป็นได้มากกว่านั้น
ตัวอย่างเช่นเมื่ออาทิตย์ก่อน เขานั่งจิบกาแฟอยู่ดีๆ สร้อยสุรางค์เลขาสาวสวยทรงสะบึมของเขาเข้ามาคุยเรื่องงานด่วน แถมท้ายด้วยการชวนเขาไปดินเนอร์สองต่อสอง แม่เจ้าประคุณแอบมาได้ยินเท่านั้นแหละ...เรื่องมันจึงเกิด
จริงๆ แล้วแผนการร้ายของติณณาในวันนั้นไม่มีอะไรมาก เธอแค่จ้างกะเทยสุดตุ้งติ้งมาหนึ่งคนและปฏิบัติการฉีกหน้าเขาต่อหน้าเลขาสาวกลางร้านอาหารสุดหรู...ซึ่งผลของแผนการนั้นดีเกินความคาดหมาย แม้เขาจะอธิบายอย่างไร สร้อยสุรางค์ก็ไม่ยอมเข้าใจ ขอลาออกจากงานและชีวิตเขาทันที
ติณณะได้แต่อ่อนใจ แต่ด้วยความที่รักน้องสาวเกินกว่าจะติเตียน เขาจำต้องทนทุกข์ระทมจากการไร้คู่ไปเรื่อยๆ ยิ่งเห็นการ์ดเชิญไปงานวิวาห์ของเหล่าบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นคนแล้วคนเล่า เขาก็ยิ่งอิจฉา เฝ้าฝันว่าจะมีสักวันที่ติณณาจะยอมรับผู้หญิงของเขาสักคน
แต่ก่อนที่จะหาคู่ครอง...เขาควรหาเลขาก่อนจะดีกว่า เพราะตั้งแต่สร้อยสุรางค์ลาออกไป ชีวิตของเขาก็วุ่นวายเหลือแสน
“ไม่ต้องรู้หรอก...แล้วพรุ่งนี้โต๋จะต้องให้เต๋ไปคัดเลือกเลขาของโต๋ด้วยไหม”
ติณณาพยักหน้าทันที
“มันชัวร์อยู่แล้ว คราวที่แล้วใครจะไปรู้ว่ายัยสร้อยสยองนั่นมาเหนือเมฆ หนอย...ตอนมาสมัครหน้าอกแค่คัพเอ แต่พอทำงานไปทำงานมา เกิดปอดบวมหน้าอกเปลี่ยนเป็นคัพเอฟขึ้นมา โต๋ของเค้าเลยไขว้เขว เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้าจะคัดเลือกเลขาให้ตัวอย่างสุดฝีมือเลยล่ะ”
คนเป็นพี่ลอบถอนหายใจที่เบี่ยงประเด็นความสนใจจากติณณาเรื่องไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนรักตอนเย็นพรุ่งนี้ได้แล้ว ก่อนจะต้องมาภาวนาในใจว่า...ขอให้เต๋เลือกเลขาให้เขาดีๆ เอาแบบพอดูได้ ไม่ต้องขี้เหร่ชนิดที่ว่าเหลือบไปมองแล้วตกเก้าอี้ด้วยเถอะ...สาธุ!
“คนต่อไป...คุณตรีญดา นาถวารี เชิญเข้าสัมภาษณ์ได้ค่ะ”
เสียงเรียกของพนักงานหน้าห้องทำให้หญิงสาวร่างโปร่งบางลุกขึ้น พลางก้มลงสำรวจตัวเองนิดๆ เมื่อเห็นว่าพร้อมดีแล้ว จึงก้าวเข้าไปในห้อง
ตรีญดาค่อนข้างแปลกใจที่เห็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ แม้ว่าเธอจะสวมแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลอันใหญ่ก็ตาม มันไม่ได้ทำให้ดูเข้มขรึมอย่างที่เจ้าตัวอยากให้เป็นเลย...ในสายตาของตรีญดา...เธอมองว่าอีกฝ่ายหน้าตาน่ารักมากๆ พินิจใบหน้าแล้วอายุน่าจะไม่เกินยี่สิบสอง แก้มใสแดงเปล่งปลั่งตูมนิดๆ ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อเม้มเข้าหากัน ดวงตากลมโตอ่านเอกสารการสมัครของเธออย่างตั้งอกตั้งใจ และเมื่อคนใส่แว่นเงยหน้าขึ้นมา ตรีญดาถึงกับขมวดคิ้ว...เพราะคุ้นเคยกับใบหน้านี้อย่างบอกไม่ถูก
“หมุนตัวหน่อยค่ะ” ติณณาบอกเสียงห้วน ไม่ได้ใส่ใจมองคนเข้ามาใหม่เท่าไหร่นัก...สาเหตุเพราะติณณะหาว่าเธอเรื่องมาก สัมภาษณ์มาตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงบ่ายสามยังไม่ถูกใจใครสักคน
“คะ?” ตรีญดางุนงงกับการสัมภาษณ์ของสาวน้อยวัยใส คิดเล่นๆ ว่าเธอคงเป็นลูกสาวของประธานบริษัทธารารินล่ะมั้ง...มิเช่นนั้นคงไม่ได้มานั่งโก้ในห้องท่านประธานแบบนี้หรอก
แม้จะงุนงงและสงสัยเพียงใด แต่ด้วยความอยากได้งานทำ ตรีญดาจึงค่อยๆ หมุนตัวช้าๆ
ติณณามองร่างโปร่งตรงหน้าอย่างค่อนข้างพอใจ หน้าตาหมวย ขาว ผิดเสปกพี่ชายมากๆ โดยเฉพาะรูปร่างบอบบาง น่าทะนุถนอมแบบนี้...อย่างติณณะน่ะเหรอ ต้องอวบอึ๋มหุ่นสะบึมแบบแม่พันธุ์โคนม
“ดิฉันอยากทราบว่าคุณ...เอ่อ...ตรีญดา มีแนวโน้มจะศัลยกรรมส่วนไหนของร่างกายไหมคะ”
คนถูกสัมภาษณ์วางหน้าไม่ถูก บริษัทธารารินส่งออกเมล็ดกาแฟและผลิตภัณฑ์แปรรูปไม่ใช่เหรอ...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการศัลยกรรมด้วยล่ะ
สาวน้อยใส่แว่นคงจะดูออกว่าเธอกำลังงง จึงขยายความให้อีกนิด “คำตอบข้อนี้เป็นคะแนนค่ะ เป็นคำถามจิตวิทยา”
ถึงเธอจะอธิบายว่าอย่างนั้นก็เถอะ...ตรีญดาก็ยังไม่คลายความสงสัยอยู่ดี
“ดิฉันพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ค่ะ ไม่เคยคิดหรือมีความคิดเกี่ยวกับการศัลยกรรมเลย”
ติณณาลอบมองอีกฝ่ายอย่างพึงพอใจสาวจอแบนตรงหน้า เท่าที่ดูจากประวัติส่วนตัว เธอชอบผู้หญิงคนนี้...การศึกษาก็ดี จบคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ...เอ๊ะ! โต๋ก็เรียนที่นี่นี่นา แถมจบปีเดียวกันด้วย
“คุณจบมาจากจุฬา รู้จักคนชื่อ...ติณณะหรือเปล่าคะ”
แววตาของตรีญดาสั่นไหววูบหนึ่ง ก่อนจะเจ้าหล่อนจะยิ้มบางๆ “ติณณะ...ชื่อคุ้นนะคะ”
“ติณณะ ธาราริน เรียนคณะพาณิชย์ฯ ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรู้จักไหม”
ตรีญดาทำท่านึก...ทั้งๆ ที่จำใบหน้าหล่อเหลาและรอยยิ้มมีเสน่ห์ของติณณะได้แม่นยำ...ไม่เคยลืม
“ดิฉันจำไม่ได้ค่ะว่ามีเพื่อนร่วมรุ่นชื่อนี้ อืม...เรียนคนละคณะด้วยสิคะ”
คนถามพอใจกับคำตอบของอีกฝ่ายยิ่งนัก ติณณาถอดแว่นตาเก๊กขรึมออก แล้วลุกขึ้นยืนยิ้มกว้างอย่างยินดี
“ยินดีด้วยค่ะ บริษัทธารารินรับคุณเข้าทำงานแล้วนะคะ”
ตรีญดาพยักหน้าน้อยๆ ค่อนข้างโล่งใจที่อีกฝ่ายรับเธอเข้าทำงาน แม้จะอยากรู้มากๆ เลยว่าสาวน้อยคนนี้เป็นอะไรกับบุคคลที่เจ้าหล่อนเอ่ยถึงเมื่อสักครู่ แต่ไม่กล้าละลาบละล้วง เธอไม่อยากตกงานหลังจากที่เพิ่งได้งานทำเมื่อหนึ่งนาทีที่แล้วหรอก
“คุณตรีญดาพร้อมจะเข้าทำงานวันไหนคะ วันจันทร์หน้าโอเคไหม”
“ดิฉันขอเริ่มวันพรุ่งนี้เลยดีกว่าค่ะ จะได้เรียนรู้งานเร็วๆ...”
คราวนี้ติณณายิ้มแฉ่งยิ่งกว่าเดิม...เธอเลือกคนไม่ผิดแน่แล้ว ทั้งรูปร่างหน้าตาไม่ตรงเสปกพี่ชายเลยสักกะผีกริ้น แถมยังเอาการเอางานอีกด้วย
“พี่มีชื่อเล่นไหมคะ”
จู่ๆ สาวน้อยหน้าหวานก็ถามขึ้น ตรีญดาปรับอารมณ์ตามไม่ทัน อึกอักเอ้ออ้าไปนิดก่อนจะตอบ “เอ่อ...ค่ะ...มีค่ะ ดิฉัน...เอ่อ...พี่ชื่อเล่นว่าใบเตยค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่ใบเตย...เต๋เปิดร้านกาแฟอยู่ข้างล่างตึกนี่เองนะคะ ถ้าหากว่าทานข้าวกลางวันเสร็จแล้ว ไปแวะนั่งพักทานกาแฟได้เลยค่ะ โปรโมชั่นพนักงานของบริษัทธาราริน เต๋มอบส่วนลดพิเศษสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ วันพรุ่งนี้เจอกันนะคะ เต๋ต้องลงไปร้านก่อน เสียเวลามาทั้งวันแล้ว”
ติณณาเรียกอีกฝ่ายว่าพี่อย่างสนิทสนม อาจจะเป็นเพราะเธอถูกชะตากับตรีญดาล่ะมั้ง...ติณณาคิดระหว่างเดินออกไปจากห้องทำงานของพี่ชาย
ตรีญดาเป่าลมหายใจออกจากปาก นึกเอ็นดูเด็กสาวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวดีใจที่เธอได้งานนี้ เงินเดือนที่นี่ก็สูงพอจะไว้ใช้จ่ายในบ้านได้สบาย เธอคิดอย่างมีความสุขก่อนจะยกกระเป๋าสะพายขึ้นไหล่เตรียมตัวกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวมาทำงานในวันรุ่งขึ้น
ติณณะโบกมือให้เพื่อนรักรู้ว่าเขานั่งอยู่ตรงไหนของร้านอาหารร้านประจำ จักราวุธยิ้ม ก่อนจะโบกมือตอบเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเห็นแล้ว
“โห...ไอ้โต๋ ไม่รอบ้างเลยนะ มาถึงก็ดวดเบียร์เชียว”
“กลุ้มว่ะ”
“เฮ้ย! กลุ้มอะไร ฉันเพิ่งกลับมาแท้ๆ แถมคิดถึงแกเป็นคนแรกด้วย แต่แกกลับทำกลุ้ม ว่าแต่เป็นอะไรวะไอ้โต๋ ส้วมที่บ้านเต็มหรือไง”
ติณณะตวัดสายตาเขียวปั๊ดมองคนถามอย่างหงุดหงิด พลางตอบ “ถ้าส้วมเต็มคงจะดี เต๋มันคงจะทำอะไรฉันไม่ได้ แต่นี่...เฮ้อ”
“ไง...โดนอีกแล้วสิ” คนเป็นเพื่อนเย้า เพราะรู้จักนิสัยใจคอของน้องสาวเพื่อนรักดี
“อื้อ” ติณณะพยักหน้า “คุณสร้อยโทรมาด่าฉันสามวันแบบไม่ซ้ำเลยนะเว้ย คราวนี้เต๋เล่นแรงเกินไปจริงๆ”
“แกจะทำยังไงได้วะโต๋ ในเมื่อเต๋หวงแกขนาดนี้ ชาตินี้อย่าหวังเลยว่ะว่าจะมีเมียเลยแก”
ชายหนุ่มทำหน้าเหมือนเบียร์ที่ถืออยู่บูดเน่าหรือมีหนอนขึ้น
“อดเหล้ามิตายดอก แต่จะตายเพราะอดเสน่หา...แกว่าฉันควรจะทำยังไงดีวะไอ้วุธ แกเข้าใจไหมว่าฉันเองก็อยากมีแฟนเหมือนคนอื่นๆ อายุฉันก็สามสิบแล้วนะโว้ย ยังไม่เคยคบใครได้เกินหนึ่งอาทิตย์เลยสักคน”
จักราวุธหัวเราะตัวงอ กิตติศัพท์เรื่องหวงพี่ชายของ ‘เจ้าแม่เต๋’ เป็นเรื่องเล่าลือลั่นสนั่นมหาวิทยาลัยของติณณะกันเลยทีเดียว
“ถึงแกจะหล่อสู้ฉันไม่ได้ แต่ฉันก็ยอมรับนะว่าหน้าตาแกก็พอดูได้” คนเป็นเพื่อนกล่าวแซวยิ้มๆ ส่งผลให้คนถูกแซวหน้างอ “น้องไม่ให้มี แล้วทำไมไม่แอบมีล่ะวะ”
“ไอ้เวร ยังกับฉันทำได้อย่างนั้นแหละ” ติณณะค้อนเพื่อนตาคว่ำตาหงาย
“แน่ะ...มีค้อนฉันด้วย ตกลงเป็นตุ๊ดก็บอกมา”
ติณณะขบฟันกรอด ชี้หน้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่จริงจังนัก
“เออ ฉันเป็นตุ๊ด แกระวังตูดเอาไว้ให้ดีเหอะ”
“อุ๊ยต๊ายตาย!” จักราวุธยกมือทาบอก ดีดดิ้นสุดฤทธิ์ “คืนนี้เลยไหมฮ้า...เดี๊ยนพร้อมเสมอ”
เมื่อเห็นว่าจะไปกันใหญ่ ติณณะรีบปราม “พอเลยไอ้วุธ ฉันกำลังจะอ้วก”
จักราวุธยิ้มขำเพื่อนรักตัวดีที่ทำเป็นสยดสยองกับท่าทางตุ้งติ้งของเขา ชายหนุ่มส่ายหน้า พลางเหลือบตามองสาวสวยชุดลายเสือซึ่งหันมากะพริบตาทอดสะพานให้
ติณณะเหลียวหน้าไปตามสายตาของจักราวุธ แล้วเขาก็ถอนหายใจ “แกนี่ไม่เลิกนะ นิสัยเจ้าชู้ประตูดิน”
“ช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็ฉันเกิดมาหล่อ” คนหล่อว่า พร้อมกับขยับคอเสื้อให้ดูดี “เฮ้ย! แกนั่งคนเดียวได้นะ เดี๋ยวฉันขอตัวไปทำความรู้จักเธอก่อน”
“เออๆ โชคดี แกไปเหอะ เดี๋ยวฉันนั่งดื่มสักพักก็กลับแล้ว”
“แล้วเจอกันว่ะไอ้โต๋ ขอให้พรุ่งนี้แกเจอเนื้อคู่นะเว้ย แล้วก็ขอให้เต๋ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ระแวง” จักราวุธให้พรเพื่อนรักเป็นชุด ก่อนจะลุกจากเก้าอี้นั่งเดินตรงไปยังแม่เสือสาวที่ขยันส่งสายตาให้เขาไม่หยุดหย่อน
ติณณะส่ายหน้าเบาๆ กับความเจ้าชู้สุดลิ่มทิ่มประตูของเพื่อนรัก...แต่อีกขณะก็อดอิจฉามันไม่ได้ที่ทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง...ไม่ต้องมีใครคอยห้ามหรือขัดขวาง
คิดแล้วก็ต้องปลงเพราะติณณาเป็นสิ่งสำคัญ...เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา...นั่นก็ไม่แปลกอะไรถ้าหากติณณาจะคิดว่าเขาคือคนสำคัญ เป็นสิ่งที่สำคัญไม่ยอมให้ใครมาพรากจากไปได้
เฮ้อ...คงต้องเตรียมไม้ดีๆ มาพาดทำบันไดปีนคานสักอันแล้วเรา
เช้านี้...ติณณะเข้ามาในร้านกาแฟของน้องสาวด้วยท่าทางเนือยๆ เขาสั่งเอสเปรสโซร้อนมาหนึ่งแก้ว
แม่น้องสาวตัวแสบรีบโผล่หน้ามาหาเขาที่โต๊ะ...จะเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่ซักฟอกเรื่องที่เขาออกไปข้างนอกเมื่อคืนนี้
“บอกเค้ามาซะดีๆ ว่าเมื่อคืนตัวไปไหน และไปกับใคร ทำไมจะต้องแอบไป ไม่บอกไม่กล่าวเค้าก่อน บอกพี่ตั้งโอ๋ไว้สักนิดก็ได้”
“เต๋” คนเป็นพี่เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงขรึมๆ พร้อมกับคลึงขมับไปด้วย ท่าทางค่อนข้างหงุดหงิด “โต๋จะไปไหน ไปกับใคร เต๋ก็น่าจะให้อิสระโต๋บ้างนะ โต๋โตมากแล้วด้วย โตพอที่ควรจะมีครอบครัวได้แล้วนะ และถ้าเต๋ไม่มาคอยกีดกัน ป่านนี้โต๋คงจะมีลูก มีครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นไปแล้ว”
คนถูกว่าสะอึกอึ้ง น้ำตาร้อนๆ ที่ไม่รู้มาจากไหนร่วงเผาะอาบแก้ม ด้วยความที่พี่ชายไม่เคยพูดจาลักษณะนี้กับเธอมาก่อน...
ติณณะตกใจที่เห็นน้องสาวร้องไห้ ก่อนจะรู้สึกตัวเอื้อมมือไปกุมมือบางเอาไว้
“โต๋ขอโทษนะเต๋ พอดีโต๋กำลังเครียดๆ น่ะ พอเต๋มาถามมากๆ โต๋เลยอารมณ์เสีย”
ติณณาเบะปาก
“จริงๆ แล้วโต๋รำคาญเค้ามากใช่ไหมล่ะ โต๋คงอยากจะมีแฟน มีลูก อยากจะมีชีวิตที่ไม่มีเค้า”
“คิดอะไรอย่างนั้นยายตัวแสบ โต๋ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ”
“ถ้าอย่างนั้นโต๋สัญญากับเค้าได้ไหมล่ะว่าจะรักเค้าตลอดไป”
“ถ้าโต๋ให้สัญญากับเต๋แล้ว เต๋จะยอมให้โต๋มีแฟนป่ะล่ะ” พี่ชายถาม ดวงตาวามวาว
คนเป็นน้องพยักหน้า พร้อมกับสูดน้ำมูกแรงๆ
“ได้สิ โต๋จะมีแฟนก็ได้นะ”
ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้มอย่างยินดีที่น้องสาวตัวแสบเปิดไฟเขียวอนุญาตให้เขามีแฟนได้แล้ว!
“แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องผ่านการยอมรับจากเค้าก่อน...มาตรฐานเค้าไม่ค่อยสูงเท่าไหร่หรอกโต๋ รับรองถ้าเค้าเลือกแฟนให้ตัวนะ...สุดยอด!”
หลังจากฟังจบรอยยิ้มของพี่ชายจางหายไป เหลือไว้แต่ร่างไร้วิญญาณเช่นเคย
ตรีญดามาถึงที่ทำงานตั้งแต่เช้า พยายามเรียนรู้งานจากเพื่อนร่วมงานอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ โชคดีที่เจ้านายโดยตรงของเธอยังไม่ขึ้นมา เธอจึงยังพอมีเวลาศึกษาตารางงานของเขาอีกสักพัก พร้อมกับเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับเจ้านายคนใหม่
อีกครู่หนึ่งติณณะก็เดินหน้าบูดหน้างอออกมาจากลิฟต์ เขากระชับเสื้อสูท ก่อนจะปั้นหน้าขรึมและเดินเข้าห้องทำงานโดยไม่ทันสังเกตร่างบางซึ่งกำลังนั่งตะลึงอยู่หน้าห้อง
โต๋!...เขามาทำอะไรที่นี่
และแล้วคำถามในใจก็ได้รับคำตอบ เมื่อรุ่นพี่สะกิดแขนเธอเบาๆ
“ตามคุณโต๋เข้าไปสิจ๊ะน้องใบเตย หนูต้องเข้าไปรายงานตารางงานแต่ละวันให้คุณโต๋ทราบจ้ะ อ้อๆ อย่าลืมถามด้วยนะจ๊ะว่าคุณโต๋ต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า”
“ค่ะๆ” เลขาคนใหม่รับคำ “คุณ...เอ่อ...คุณโต๋คือเจ้านายของเตยเหรอคะ”
คนทำงานที่นี่มาก่อนพยักหน้าหงึกหงัก
“อ้าว...น้องใบเตยไม่รู้เหรอคะว่าเจ้าของบริษัทนี้คือคุณโต๋...เมื่อวานคุณเต๋...เอ่อ...น้องสาวของคุณโต๋น่ะค่ะเป็นคนสัมภาษณ์งานให้น้องใบเตยเองนี่นา”
“ค่ะ แต่เตยไม่ทราบค่ะว่าเจ้านายที่ต้องดูแลคือคุณ...โต๋”
“งั้นก็ทราบเลยนะจ๊ะ เร็วเถอะจ้ะ...ประเดี๋ยวค่อยออกมาถามพี่ต่อนะ ปล่อยให้เจ้านายรอนานไม่ดี”
ตรีญดารับคำเบาๆ พลางสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก ตระเตรียมสมุดจดงานมากอดไว้ ทำใจนิดๆ และยกมือเคาะประตูห้องทำงาน
เสียงเข้มขรึมตอบว่าให้เข้ามาได้ ตรีญดาจึงเปิดประตูเข้าไป...เห็นเขากำลังก้มหน้าก้มตาขีดเขียนอะไรบางอย่างบนโต๊ะทำงาน
“สวัสดีค่ะคุณ...เอ่อ...คุณติณณะ ดิฉัน...ตรีญดาค่ะ เป็นเลขาคนใหม่ของคุณ” แม้จะประหม่าเพราะความตื่นเต้นที่ได้เจอกันอีกครั้ง แต่เธอก็สามารถแนะนำตัวต่อหน้าเขาได้อย่างไม่ค่อยตะกุกตะกักเท่าไหร่ “เอ่อ...ดิฉันจะรายงานตารางงานให้คุณทราบนะคะ”
ติณณะพยักหน้า แต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะ
เลขาคนใหม่จึงรายงานตารางเวลาให้เขาฟัง แต่ยังอ่านไม่ทันจบ เจ้านายหนุ่มก็เงยหน้า ดวงตาคมมีแววประหลาดใจที่เห็นร่างบอบบางในชุดทำงานเรียบเก๋ยืนอยู่ตรงหน้า ติณณะผุดลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินเข้ามาหาอีกฝ่ายเพื่อจะได้มองหน้าชัดๆ
“เตย...” เขาพึมพำเสียงแผ่ว “นี่คุณจริงๆ ใช่ไหม...”
หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ ลดสมุดตารางเวลางานในมือลง เบือนหน้าหลบไปอีกทาง “ค่ะ...ดิฉันชื่อใบเตย แต่คุณควรจะเรียกฉันว่าตรีญดานะคะ”
“ผมจำชื่อจริงคุณได้...ไม่มีวันลืม” มือใหญ่เอื้อมไปแตะแก้มใสอย่างแผ่วเบา ก่อนจะอดใจไม่ไหว รั้งร่างบางเข้ามากอดไว้แนบแน่น “ใครจะลืมรักครั้งแรกของตัวเองได้...จริงไหม”
ตรีญดาน้ำตาซึม เห็นด้วยกับคำพูดของเขา...ไม่มีใครลืมรักแรกของตัวเองได้หรอก...เธอเองก็เช่นกัน
“ค่ะ...แต่ตอนนี้ดิฉันเป็นเลขาของคุณ คุณไม่ควรทำรุ่มร่ามแบบนี้กับเลขานะคะ”
ชายหนุ่มจึงปล่อยเธอออกจากอ้อมกอดอย่างแสนเสียดาย...ตรีญดาเป็นรักครั้งแรกซึ่งเขาไม่มีวันลืมเธอได้เลย...เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของเขาที่เต๋ไม่รู้จัก
“โอเค ผมเข้าใจว่านี่มันเป็นเวลางาน” ติณณะว่า “ถ้าอย่างนั้นนอกเวลางานผมกอดคุณได้เหมือนเดิมใช่ไหม...เตย”
-------------------------------------------------------------------
ฝากพี่โต๋กับน้องเต๋ด้วยนะคะ ><
มณชยาภา
พนักงานในร้านกาแฟ Tin-na รวมเจ้าของร้านคนสวยมีอยู่สี่ชีวิต ทุกคนต่างช่วยกันเสิร์ฟกาแฟ เค้กหอมกรุ่น แยมโรลสีหวาน คุ้กกี้ ขนมไทย และอีกมากมายสารพัดจนมือเป็นระวิง
ร่างโปร่งระหงสมส่วนกำลังชงคาปูชิโนร้อนเพื่อเสิร์ฟคนพิเศษของเธอ
ส่วนคนพิเศษของเจ้าหล่อนซึ่งอยู่ในชุดสูทสุดเท่สีเทาเข้มกำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนรักที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ
ติณณาเหล่ตามองท่าทางคุยโทรศัพท์พร้อมกับหัวเราะคิกคักของเขา ก่อนจะรีบยกคาปูชิโนมาเสิร์ฟถึงโต๊ะและไม่ยอมลุกไปไหน นั่งปักหลักรอฟังอีกฝ่ายทำท่าระริกระรี้มากระหว่างการสนทนา แต่พอเธอมานั่ง เขารีบตัดบท หากประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับคนปลายสายคือ ‘เดี๋ยวไปหานะ อืม...แล้วไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน...ที่เดิม’ ไม่อาจรอดพ้นสายตาของติณณาไปได้
ก็...มีพิรุธขนาดนั้น เธอจะเชื่อได้ยังไงว่าเขาไม่ได้กำลังจีบผู้หญิงคนไหนอยู่
“ตัวคุยกับใครน่ะโต๋ แล้วจะไปไหน ไปกับใคร ทำไมจะต้องไป”
“เต๋...” คนถูกถามส่ายหัวอ่อนอกอ่อนใจกับคำถามของ...น้องสาว...ที่ทำท่าหวงเขานักหนา จนเพื่อนหลายคนแซวว่าติณณาเป็นแม่ของเขาอีกคน “ทำไมต้องถาม นี่มันเรื่องส่วนตัวของโต๋นะ”
แม้อายุของติณณะและติณณาจะห่างกันถึงแปดปี แต่คนเป็นน้องไม่ยอมเรียกพี่ชายว่าพี่...แต่เรียกชื่อเฉยๆ เช่นเดียวกับคนเป็นพี่ที่ไม่ยอมแทนตัวเองว่าพี่เหมือนกัน
“เรื่องส่วนตัวของโต๋ทุกเรื่อง เค้ามีสิทธิ์รู้” เจ้าหล่อนพูด หน้าง้ำหน้างอ ท่าทางเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ
ใช่...ติณณะรู้ดีว่าน้องสาวของเขาร้ายกาจแค่ไหน แต่พักหลังรู้สึกว่าความร้ายกาจของติณณาจะมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว จงอางหวงไข่ หมาแม่ลูกอ่อนหวงลูกอย่างไร ติณณาเป็นได้มากกว่านั้น
ตัวอย่างเช่นเมื่ออาทิตย์ก่อน เขานั่งจิบกาแฟอยู่ดีๆ สร้อยสุรางค์เลขาสาวสวยทรงสะบึมของเขาเข้ามาคุยเรื่องงานด่วน แถมท้ายด้วยการชวนเขาไปดินเนอร์สองต่อสอง แม่เจ้าประคุณแอบมาได้ยินเท่านั้นแหละ...เรื่องมันจึงเกิด
จริงๆ แล้วแผนการร้ายของติณณาในวันนั้นไม่มีอะไรมาก เธอแค่จ้างกะเทยสุดตุ้งติ้งมาหนึ่งคนและปฏิบัติการฉีกหน้าเขาต่อหน้าเลขาสาวกลางร้านอาหารสุดหรู...ซึ่งผลของแผนการนั้นดีเกินความคาดหมาย แม้เขาจะอธิบายอย่างไร สร้อยสุรางค์ก็ไม่ยอมเข้าใจ ขอลาออกจากงานและชีวิตเขาทันที
ติณณะได้แต่อ่อนใจ แต่ด้วยความที่รักน้องสาวเกินกว่าจะติเตียน เขาจำต้องทนทุกข์ระทมจากการไร้คู่ไปเรื่อยๆ ยิ่งเห็นการ์ดเชิญไปงานวิวาห์ของเหล่าบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นคนแล้วคนเล่า เขาก็ยิ่งอิจฉา เฝ้าฝันว่าจะมีสักวันที่ติณณาจะยอมรับผู้หญิงของเขาสักคน
แต่ก่อนที่จะหาคู่ครอง...เขาควรหาเลขาก่อนจะดีกว่า เพราะตั้งแต่สร้อยสุรางค์ลาออกไป ชีวิตของเขาก็วุ่นวายเหลือแสน
“ไม่ต้องรู้หรอก...แล้วพรุ่งนี้โต๋จะต้องให้เต๋ไปคัดเลือกเลขาของโต๋ด้วยไหม”
ติณณาพยักหน้าทันที
“มันชัวร์อยู่แล้ว คราวที่แล้วใครจะไปรู้ว่ายัยสร้อยสยองนั่นมาเหนือเมฆ หนอย...ตอนมาสมัครหน้าอกแค่คัพเอ แต่พอทำงานไปทำงานมา เกิดปอดบวมหน้าอกเปลี่ยนเป็นคัพเอฟขึ้นมา โต๋ของเค้าเลยไขว้เขว เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้าจะคัดเลือกเลขาให้ตัวอย่างสุดฝีมือเลยล่ะ”
คนเป็นพี่ลอบถอนหายใจที่เบี่ยงประเด็นความสนใจจากติณณาเรื่องไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนรักตอนเย็นพรุ่งนี้ได้แล้ว ก่อนจะต้องมาภาวนาในใจว่า...ขอให้เต๋เลือกเลขาให้เขาดีๆ เอาแบบพอดูได้ ไม่ต้องขี้เหร่ชนิดที่ว่าเหลือบไปมองแล้วตกเก้าอี้ด้วยเถอะ...สาธุ!
“คนต่อไป...คุณตรีญดา นาถวารี เชิญเข้าสัมภาษณ์ได้ค่ะ”
เสียงเรียกของพนักงานหน้าห้องทำให้หญิงสาวร่างโปร่งบางลุกขึ้น พลางก้มลงสำรวจตัวเองนิดๆ เมื่อเห็นว่าพร้อมดีแล้ว จึงก้าวเข้าไปในห้อง
ตรีญดาค่อนข้างแปลกใจที่เห็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ แม้ว่าเธอจะสวมแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลอันใหญ่ก็ตาม มันไม่ได้ทำให้ดูเข้มขรึมอย่างที่เจ้าตัวอยากให้เป็นเลย...ในสายตาของตรีญดา...เธอมองว่าอีกฝ่ายหน้าตาน่ารักมากๆ พินิจใบหน้าแล้วอายุน่าจะไม่เกินยี่สิบสอง แก้มใสแดงเปล่งปลั่งตูมนิดๆ ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อเม้มเข้าหากัน ดวงตากลมโตอ่านเอกสารการสมัครของเธออย่างตั้งอกตั้งใจ และเมื่อคนใส่แว่นเงยหน้าขึ้นมา ตรีญดาถึงกับขมวดคิ้ว...เพราะคุ้นเคยกับใบหน้านี้อย่างบอกไม่ถูก
“หมุนตัวหน่อยค่ะ” ติณณาบอกเสียงห้วน ไม่ได้ใส่ใจมองคนเข้ามาใหม่เท่าไหร่นัก...สาเหตุเพราะติณณะหาว่าเธอเรื่องมาก สัมภาษณ์มาตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงบ่ายสามยังไม่ถูกใจใครสักคน
“คะ?” ตรีญดางุนงงกับการสัมภาษณ์ของสาวน้อยวัยใส คิดเล่นๆ ว่าเธอคงเป็นลูกสาวของประธานบริษัทธารารินล่ะมั้ง...มิเช่นนั้นคงไม่ได้มานั่งโก้ในห้องท่านประธานแบบนี้หรอก
แม้จะงุนงงและสงสัยเพียงใด แต่ด้วยความอยากได้งานทำ ตรีญดาจึงค่อยๆ หมุนตัวช้าๆ
ติณณามองร่างโปร่งตรงหน้าอย่างค่อนข้างพอใจ หน้าตาหมวย ขาว ผิดเสปกพี่ชายมากๆ โดยเฉพาะรูปร่างบอบบาง น่าทะนุถนอมแบบนี้...อย่างติณณะน่ะเหรอ ต้องอวบอึ๋มหุ่นสะบึมแบบแม่พันธุ์โคนม
“ดิฉันอยากทราบว่าคุณ...เอ่อ...ตรีญดา มีแนวโน้มจะศัลยกรรมส่วนไหนของร่างกายไหมคะ”
คนถูกสัมภาษณ์วางหน้าไม่ถูก บริษัทธารารินส่งออกเมล็ดกาแฟและผลิตภัณฑ์แปรรูปไม่ใช่เหรอ...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการศัลยกรรมด้วยล่ะ
สาวน้อยใส่แว่นคงจะดูออกว่าเธอกำลังงง จึงขยายความให้อีกนิด “คำตอบข้อนี้เป็นคะแนนค่ะ เป็นคำถามจิตวิทยา”
ถึงเธอจะอธิบายว่าอย่างนั้นก็เถอะ...ตรีญดาก็ยังไม่คลายความสงสัยอยู่ดี
“ดิฉันพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ค่ะ ไม่เคยคิดหรือมีความคิดเกี่ยวกับการศัลยกรรมเลย”
ติณณาลอบมองอีกฝ่ายอย่างพึงพอใจสาวจอแบนตรงหน้า เท่าที่ดูจากประวัติส่วนตัว เธอชอบผู้หญิงคนนี้...การศึกษาก็ดี จบคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ...เอ๊ะ! โต๋ก็เรียนที่นี่นี่นา แถมจบปีเดียวกันด้วย
“คุณจบมาจากจุฬา รู้จักคนชื่อ...ติณณะหรือเปล่าคะ”
แววตาของตรีญดาสั่นไหววูบหนึ่ง ก่อนจะเจ้าหล่อนจะยิ้มบางๆ “ติณณะ...ชื่อคุ้นนะคะ”
“ติณณะ ธาราริน เรียนคณะพาณิชย์ฯ ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรู้จักไหม”
ตรีญดาทำท่านึก...ทั้งๆ ที่จำใบหน้าหล่อเหลาและรอยยิ้มมีเสน่ห์ของติณณะได้แม่นยำ...ไม่เคยลืม
“ดิฉันจำไม่ได้ค่ะว่ามีเพื่อนร่วมรุ่นชื่อนี้ อืม...เรียนคนละคณะด้วยสิคะ”
คนถามพอใจกับคำตอบของอีกฝ่ายยิ่งนัก ติณณาถอดแว่นตาเก๊กขรึมออก แล้วลุกขึ้นยืนยิ้มกว้างอย่างยินดี
“ยินดีด้วยค่ะ บริษัทธารารินรับคุณเข้าทำงานแล้วนะคะ”
ตรีญดาพยักหน้าน้อยๆ ค่อนข้างโล่งใจที่อีกฝ่ายรับเธอเข้าทำงาน แม้จะอยากรู้มากๆ เลยว่าสาวน้อยคนนี้เป็นอะไรกับบุคคลที่เจ้าหล่อนเอ่ยถึงเมื่อสักครู่ แต่ไม่กล้าละลาบละล้วง เธอไม่อยากตกงานหลังจากที่เพิ่งได้งานทำเมื่อหนึ่งนาทีที่แล้วหรอก
“คุณตรีญดาพร้อมจะเข้าทำงานวันไหนคะ วันจันทร์หน้าโอเคไหม”
“ดิฉันขอเริ่มวันพรุ่งนี้เลยดีกว่าค่ะ จะได้เรียนรู้งานเร็วๆ...”
คราวนี้ติณณายิ้มแฉ่งยิ่งกว่าเดิม...เธอเลือกคนไม่ผิดแน่แล้ว ทั้งรูปร่างหน้าตาไม่ตรงเสปกพี่ชายเลยสักกะผีกริ้น แถมยังเอาการเอางานอีกด้วย
“พี่มีชื่อเล่นไหมคะ”
จู่ๆ สาวน้อยหน้าหวานก็ถามขึ้น ตรีญดาปรับอารมณ์ตามไม่ทัน อึกอักเอ้ออ้าไปนิดก่อนจะตอบ “เอ่อ...ค่ะ...มีค่ะ ดิฉัน...เอ่อ...พี่ชื่อเล่นว่าใบเตยค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่ใบเตย...เต๋เปิดร้านกาแฟอยู่ข้างล่างตึกนี่เองนะคะ ถ้าหากว่าทานข้าวกลางวันเสร็จแล้ว ไปแวะนั่งพักทานกาแฟได้เลยค่ะ โปรโมชั่นพนักงานของบริษัทธาราริน เต๋มอบส่วนลดพิเศษสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ วันพรุ่งนี้เจอกันนะคะ เต๋ต้องลงไปร้านก่อน เสียเวลามาทั้งวันแล้ว”
ติณณาเรียกอีกฝ่ายว่าพี่อย่างสนิทสนม อาจจะเป็นเพราะเธอถูกชะตากับตรีญดาล่ะมั้ง...ติณณาคิดระหว่างเดินออกไปจากห้องทำงานของพี่ชาย
ตรีญดาเป่าลมหายใจออกจากปาก นึกเอ็นดูเด็กสาวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวดีใจที่เธอได้งานนี้ เงินเดือนที่นี่ก็สูงพอจะไว้ใช้จ่ายในบ้านได้สบาย เธอคิดอย่างมีความสุขก่อนจะยกกระเป๋าสะพายขึ้นไหล่เตรียมตัวกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวมาทำงานในวันรุ่งขึ้น
ติณณะโบกมือให้เพื่อนรักรู้ว่าเขานั่งอยู่ตรงไหนของร้านอาหารร้านประจำ จักราวุธยิ้ม ก่อนจะโบกมือตอบเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเห็นแล้ว
“โห...ไอ้โต๋ ไม่รอบ้างเลยนะ มาถึงก็ดวดเบียร์เชียว”
“กลุ้มว่ะ”
“เฮ้ย! กลุ้มอะไร ฉันเพิ่งกลับมาแท้ๆ แถมคิดถึงแกเป็นคนแรกด้วย แต่แกกลับทำกลุ้ม ว่าแต่เป็นอะไรวะไอ้โต๋ ส้วมที่บ้านเต็มหรือไง”
ติณณะตวัดสายตาเขียวปั๊ดมองคนถามอย่างหงุดหงิด พลางตอบ “ถ้าส้วมเต็มคงจะดี เต๋มันคงจะทำอะไรฉันไม่ได้ แต่นี่...เฮ้อ”
“ไง...โดนอีกแล้วสิ” คนเป็นเพื่อนเย้า เพราะรู้จักนิสัยใจคอของน้องสาวเพื่อนรักดี
“อื้อ” ติณณะพยักหน้า “คุณสร้อยโทรมาด่าฉันสามวันแบบไม่ซ้ำเลยนะเว้ย คราวนี้เต๋เล่นแรงเกินไปจริงๆ”
“แกจะทำยังไงได้วะโต๋ ในเมื่อเต๋หวงแกขนาดนี้ ชาตินี้อย่าหวังเลยว่ะว่าจะมีเมียเลยแก”
ชายหนุ่มทำหน้าเหมือนเบียร์ที่ถืออยู่บูดเน่าหรือมีหนอนขึ้น
“อดเหล้ามิตายดอก แต่จะตายเพราะอดเสน่หา...แกว่าฉันควรจะทำยังไงดีวะไอ้วุธ แกเข้าใจไหมว่าฉันเองก็อยากมีแฟนเหมือนคนอื่นๆ อายุฉันก็สามสิบแล้วนะโว้ย ยังไม่เคยคบใครได้เกินหนึ่งอาทิตย์เลยสักคน”
จักราวุธหัวเราะตัวงอ กิตติศัพท์เรื่องหวงพี่ชายของ ‘เจ้าแม่เต๋’ เป็นเรื่องเล่าลือลั่นสนั่นมหาวิทยาลัยของติณณะกันเลยทีเดียว
“ถึงแกจะหล่อสู้ฉันไม่ได้ แต่ฉันก็ยอมรับนะว่าหน้าตาแกก็พอดูได้” คนเป็นเพื่อนกล่าวแซวยิ้มๆ ส่งผลให้คนถูกแซวหน้างอ “น้องไม่ให้มี แล้วทำไมไม่แอบมีล่ะวะ”
“ไอ้เวร ยังกับฉันทำได้อย่างนั้นแหละ” ติณณะค้อนเพื่อนตาคว่ำตาหงาย
“แน่ะ...มีค้อนฉันด้วย ตกลงเป็นตุ๊ดก็บอกมา”
ติณณะขบฟันกรอด ชี้หน้าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่จริงจังนัก
“เออ ฉันเป็นตุ๊ด แกระวังตูดเอาไว้ให้ดีเหอะ”
“อุ๊ยต๊ายตาย!” จักราวุธยกมือทาบอก ดีดดิ้นสุดฤทธิ์ “คืนนี้เลยไหมฮ้า...เดี๊ยนพร้อมเสมอ”
เมื่อเห็นว่าจะไปกันใหญ่ ติณณะรีบปราม “พอเลยไอ้วุธ ฉันกำลังจะอ้วก”
จักราวุธยิ้มขำเพื่อนรักตัวดีที่ทำเป็นสยดสยองกับท่าทางตุ้งติ้งของเขา ชายหนุ่มส่ายหน้า พลางเหลือบตามองสาวสวยชุดลายเสือซึ่งหันมากะพริบตาทอดสะพานให้
ติณณะเหลียวหน้าไปตามสายตาของจักราวุธ แล้วเขาก็ถอนหายใจ “แกนี่ไม่เลิกนะ นิสัยเจ้าชู้ประตูดิน”
“ช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็ฉันเกิดมาหล่อ” คนหล่อว่า พร้อมกับขยับคอเสื้อให้ดูดี “เฮ้ย! แกนั่งคนเดียวได้นะ เดี๋ยวฉันขอตัวไปทำความรู้จักเธอก่อน”
“เออๆ โชคดี แกไปเหอะ เดี๋ยวฉันนั่งดื่มสักพักก็กลับแล้ว”
“แล้วเจอกันว่ะไอ้โต๋ ขอให้พรุ่งนี้แกเจอเนื้อคู่นะเว้ย แล้วก็ขอให้เต๋ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ระแวง” จักราวุธให้พรเพื่อนรักเป็นชุด ก่อนจะลุกจากเก้าอี้นั่งเดินตรงไปยังแม่เสือสาวที่ขยันส่งสายตาให้เขาไม่หยุดหย่อน
ติณณะส่ายหน้าเบาๆ กับความเจ้าชู้สุดลิ่มทิ่มประตูของเพื่อนรัก...แต่อีกขณะก็อดอิจฉามันไม่ได้ที่ทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง...ไม่ต้องมีใครคอยห้ามหรือขัดขวาง
คิดแล้วก็ต้องปลงเพราะติณณาเป็นสิ่งสำคัญ...เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา...นั่นก็ไม่แปลกอะไรถ้าหากติณณาจะคิดว่าเขาคือคนสำคัญ เป็นสิ่งที่สำคัญไม่ยอมให้ใครมาพรากจากไปได้
เฮ้อ...คงต้องเตรียมไม้ดีๆ มาพาดทำบันไดปีนคานสักอันแล้วเรา
เช้านี้...ติณณะเข้ามาในร้านกาแฟของน้องสาวด้วยท่าทางเนือยๆ เขาสั่งเอสเปรสโซร้อนมาหนึ่งแก้ว
แม่น้องสาวตัวแสบรีบโผล่หน้ามาหาเขาที่โต๊ะ...จะเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่ซักฟอกเรื่องที่เขาออกไปข้างนอกเมื่อคืนนี้
“บอกเค้ามาซะดีๆ ว่าเมื่อคืนตัวไปไหน และไปกับใคร ทำไมจะต้องแอบไป ไม่บอกไม่กล่าวเค้าก่อน บอกพี่ตั้งโอ๋ไว้สักนิดก็ได้”
“เต๋” คนเป็นพี่เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงขรึมๆ พร้อมกับคลึงขมับไปด้วย ท่าทางค่อนข้างหงุดหงิด “โต๋จะไปไหน ไปกับใคร เต๋ก็น่าจะให้อิสระโต๋บ้างนะ โต๋โตมากแล้วด้วย โตพอที่ควรจะมีครอบครัวได้แล้วนะ และถ้าเต๋ไม่มาคอยกีดกัน ป่านนี้โต๋คงจะมีลูก มีครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นไปแล้ว”
คนถูกว่าสะอึกอึ้ง น้ำตาร้อนๆ ที่ไม่รู้มาจากไหนร่วงเผาะอาบแก้ม ด้วยความที่พี่ชายไม่เคยพูดจาลักษณะนี้กับเธอมาก่อน...
ติณณะตกใจที่เห็นน้องสาวร้องไห้ ก่อนจะรู้สึกตัวเอื้อมมือไปกุมมือบางเอาไว้
“โต๋ขอโทษนะเต๋ พอดีโต๋กำลังเครียดๆ น่ะ พอเต๋มาถามมากๆ โต๋เลยอารมณ์เสีย”
ติณณาเบะปาก
“จริงๆ แล้วโต๋รำคาญเค้ามากใช่ไหมล่ะ โต๋คงอยากจะมีแฟน มีลูก อยากจะมีชีวิตที่ไม่มีเค้า”
“คิดอะไรอย่างนั้นยายตัวแสบ โต๋ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ”
“ถ้าอย่างนั้นโต๋สัญญากับเค้าได้ไหมล่ะว่าจะรักเค้าตลอดไป”
“ถ้าโต๋ให้สัญญากับเต๋แล้ว เต๋จะยอมให้โต๋มีแฟนป่ะล่ะ” พี่ชายถาม ดวงตาวามวาว
คนเป็นน้องพยักหน้า พร้อมกับสูดน้ำมูกแรงๆ
“ได้สิ โต๋จะมีแฟนก็ได้นะ”
ริมฝีปากหยักได้รูปยกยิ้มอย่างยินดีที่น้องสาวตัวแสบเปิดไฟเขียวอนุญาตให้เขามีแฟนได้แล้ว!
“แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องผ่านการยอมรับจากเค้าก่อน...มาตรฐานเค้าไม่ค่อยสูงเท่าไหร่หรอกโต๋ รับรองถ้าเค้าเลือกแฟนให้ตัวนะ...สุดยอด!”
หลังจากฟังจบรอยยิ้มของพี่ชายจางหายไป เหลือไว้แต่ร่างไร้วิญญาณเช่นเคย
ตรีญดามาถึงที่ทำงานตั้งแต่เช้า พยายามเรียนรู้งานจากเพื่อนร่วมงานอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ โชคดีที่เจ้านายโดยตรงของเธอยังไม่ขึ้นมา เธอจึงยังพอมีเวลาศึกษาตารางงานของเขาอีกสักพัก พร้อมกับเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับเจ้านายคนใหม่
อีกครู่หนึ่งติณณะก็เดินหน้าบูดหน้างอออกมาจากลิฟต์ เขากระชับเสื้อสูท ก่อนจะปั้นหน้าขรึมและเดินเข้าห้องทำงานโดยไม่ทันสังเกตร่างบางซึ่งกำลังนั่งตะลึงอยู่หน้าห้อง
โต๋!...เขามาทำอะไรที่นี่
และแล้วคำถามในใจก็ได้รับคำตอบ เมื่อรุ่นพี่สะกิดแขนเธอเบาๆ
“ตามคุณโต๋เข้าไปสิจ๊ะน้องใบเตย หนูต้องเข้าไปรายงานตารางงานแต่ละวันให้คุณโต๋ทราบจ้ะ อ้อๆ อย่าลืมถามด้วยนะจ๊ะว่าคุณโต๋ต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า”
“ค่ะๆ” เลขาคนใหม่รับคำ “คุณ...เอ่อ...คุณโต๋คือเจ้านายของเตยเหรอคะ”
คนทำงานที่นี่มาก่อนพยักหน้าหงึกหงัก
“อ้าว...น้องใบเตยไม่รู้เหรอคะว่าเจ้าของบริษัทนี้คือคุณโต๋...เมื่อวานคุณเต๋...เอ่อ...น้องสาวของคุณโต๋น่ะค่ะเป็นคนสัมภาษณ์งานให้น้องใบเตยเองนี่นา”
“ค่ะ แต่เตยไม่ทราบค่ะว่าเจ้านายที่ต้องดูแลคือคุณ...โต๋”
“งั้นก็ทราบเลยนะจ๊ะ เร็วเถอะจ้ะ...ประเดี๋ยวค่อยออกมาถามพี่ต่อนะ ปล่อยให้เจ้านายรอนานไม่ดี”
ตรีญดารับคำเบาๆ พลางสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก ตระเตรียมสมุดจดงานมากอดไว้ ทำใจนิดๆ และยกมือเคาะประตูห้องทำงาน
เสียงเข้มขรึมตอบว่าให้เข้ามาได้ ตรีญดาจึงเปิดประตูเข้าไป...เห็นเขากำลังก้มหน้าก้มตาขีดเขียนอะไรบางอย่างบนโต๊ะทำงาน
“สวัสดีค่ะคุณ...เอ่อ...คุณติณณะ ดิฉัน...ตรีญดาค่ะ เป็นเลขาคนใหม่ของคุณ” แม้จะประหม่าเพราะความตื่นเต้นที่ได้เจอกันอีกครั้ง แต่เธอก็สามารถแนะนำตัวต่อหน้าเขาได้อย่างไม่ค่อยตะกุกตะกักเท่าไหร่ “เอ่อ...ดิฉันจะรายงานตารางงานให้คุณทราบนะคะ”
ติณณะพยักหน้า แต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะ
เลขาคนใหม่จึงรายงานตารางเวลาให้เขาฟัง แต่ยังอ่านไม่ทันจบ เจ้านายหนุ่มก็เงยหน้า ดวงตาคมมีแววประหลาดใจที่เห็นร่างบอบบางในชุดทำงานเรียบเก๋ยืนอยู่ตรงหน้า ติณณะผุดลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินเข้ามาหาอีกฝ่ายเพื่อจะได้มองหน้าชัดๆ
“เตย...” เขาพึมพำเสียงแผ่ว “นี่คุณจริงๆ ใช่ไหม...”
หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ ลดสมุดตารางเวลางานในมือลง เบือนหน้าหลบไปอีกทาง “ค่ะ...ดิฉันชื่อใบเตย แต่คุณควรจะเรียกฉันว่าตรีญดานะคะ”
“ผมจำชื่อจริงคุณได้...ไม่มีวันลืม” มือใหญ่เอื้อมไปแตะแก้มใสอย่างแผ่วเบา ก่อนจะอดใจไม่ไหว รั้งร่างบางเข้ามากอดไว้แนบแน่น “ใครจะลืมรักครั้งแรกของตัวเองได้...จริงไหม”
ตรีญดาน้ำตาซึม เห็นด้วยกับคำพูดของเขา...ไม่มีใครลืมรักแรกของตัวเองได้หรอก...เธอเองก็เช่นกัน
“ค่ะ...แต่ตอนนี้ดิฉันเป็นเลขาของคุณ คุณไม่ควรทำรุ่มร่ามแบบนี้กับเลขานะคะ”
ชายหนุ่มจึงปล่อยเธอออกจากอ้อมกอดอย่างแสนเสียดาย...ตรีญดาเป็นรักครั้งแรกซึ่งเขาไม่มีวันลืมเธอได้เลย...เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของเขาที่เต๋ไม่รู้จัก
“โอเค ผมเข้าใจว่านี่มันเป็นเวลางาน” ติณณะว่า “ถ้าอย่างนั้นนอกเวลางานผมกอดคุณได้เหมือนเดิมใช่ไหม...เตย”
-------------------------------------------------------------------
ฝากพี่โต๋กับน้องเต๋ด้วยนะคะ ><
มณชยาภา
มณชยาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2555, 11:06:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2555, 11:39:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 1609
II : รักครั้งแรก >> |