หวานรักละมุนใจ
เรื่องราวแสนวุ่นเกิดขึ้นเมื่อน้องสาวขี้หวงประกาศลั่นไม่ยอมให้พี่ชายมีแฟน "ชาตินี้ทั้งชาติโต๋จะต้องอยู่กับเค้า ดูแลเค้าไปตลอดชีวิต!" ติณณะกุมขมับ โธ่ เขาอายุสามสิบแล้วนะ ไม่มีแฟนตอนนี้จะให้ไปมีตอนไหนวะ ?!
Tags: โต๋, เต๋, มณชยาภา,หวาน,นิยายหวาน,พี่ชาย,น้องสาว,น่ารัก

ตอน: II : รักครั้งแรก


ตรีญดาเบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะเดินตัวลีบ เลี่ยงหนีมาอีกทางอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว เธอพยายามลืมเขาแล้ว...แต่ยิ่งลืม หัวใจกลับยิ่งจำ

มือบางสั่นระริกยกขึ้นปาดน้ำใสๆ ออกจากดวงตา

ชายหนุ่มกลับคิดไปอีกทาง

เขายกมือกุมศีรษะตัวเอง พลางหมุนตัวกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน
“ผมขอโทษที่ทำรุ่มร่ามกับคุณนะเตย...เอ่อ...คุณตรีญดา...คุณคงรู้สึกผิดกับคนรักของคุณ ผมขอโทษอีกครั้ง”

“ค่ะ...” ตรีญดาตอบรับคำขอโทษด้วยน้ำเสียงแผ่วหวิว อยากจะปฏิเสธคำพูดของเขาเหลือเกิน แต่ต้องกลืนมันลงคอเพราะเธอเองไม่ใช่เหรอ...ที่โกหกเขาไปแบบนั้น...ตอนเช้าวันนั้น

ติณณะขบฟันอย่างโกรธๆ...รักครั้งแรกของเขาคล้ายกับลูกอม รสหวาน อร่อย แต่อมได้ประเดี๋ยวเดียวมันก็ละลาย

“แล้วคนรักของคุณคิดยังไง ถึงปล่อยให้คุณมาทำงานที่นี่ได้ เขาไม่โกรธเหรอที่คุณมาทำงานกับผม”

“เอ่อ...คือ...” หญิงสาวอึกอักพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าเขาจะถามคำถามนี้ “คือ...ไม่โกรธค่ะ...เขารู้ดีว่างานก็คืองาน”

งานก็คืองาน...งั้นเหรอ!

ติณณะลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานอีกครั้ง สืบเท้าเข้ามาจนใกล้ร่างบางถอยกรูดจนหลังติดกำแพง

ชายหนุ่มไม่ลืมลงกลอนประตูห้องทำงานอย่างแน่นหนา ก่อนจะยิ้มพอใจที่เห็นว่าเธอหมดทางหนีเขาได้

แขนแข็งแรงทาบลงบนกำแพงคล้ายกับกักขังเธอไว้ในอ้อมกอด พลางโน้มหน้าเข้ามาจนเกือบจะชิด ตรีญดารีบเบือนหน้าหลบ...พยายามไม่สนใจลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดแก้ม

“คุณรู้ไหมว่าเป็นเลขาของผมต้องทำอะไรบ้าง” เขาถามเสียงแหบพร่า...ดวงตาคมไล่มองตั้งแต่ริมฝีปากอวบอิ่มสีสวยที่เขารู้ดีว่ารสชาติมันหวานล้ำแค่ไหน ซอกคอขาวเนียนที่เขาไม่เคยลืมเลยว่ามันหอมกรุ่นเพียงใด

ตรีญดาประหม่าระคนขัดเขินกับสายตาโลมเลียของอีกฝ่าย แม้เวลาจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เธอยังไม่เคยลืมสัมผัสของเขาได้เลย

นิ้วใหญ่ยกขึ้นไล้ไปตามพวงแก้มนุ่มละมุน ตรีญดาหลับตาปี๋

“กลัวผมเหรอเตย”

หญิงสาวค่อยๆ ลืมตา ก่อนจะพบว่าดวงตาของอีกฝ่ายฉายแววเจ็บปวดมากแค่ไหน เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่าเขา...รู้สึกแบบนี้ ทุกครั้งที่สบตากับติณณะเธอจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ...เป็นที่หนึ่งเสมอ...ยกเว้นก็แต่...เช้าวันนั้น

“ไม่ได้กลัวค่ะ เพียงแต่ฉัน...เอ่อ...มีเรื่องอยากจะถามคุณ”

“ว่า...”

ตรีญดาสูดลมหายใจนิดหนึ่ง

“ฉันอยากรู้ว่าทำไมคุณต้องทำหน้าหนักใจ...หลังจาก...เอ่อ...หลังจากเรื่องคืนนั้น”

ติณณะจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตที่ยังแฝงไว้ด้วยความอ่อนหวาน หมองเศร้า และเด็ดเดี่ยวซึ่งเขารู้สึกว่ามันช่างมีเสน่ห์เย้ายวน น่าค้นหาไม่เสื่อมคลาย...จ้องมองกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ

“ทำไมคุณถึงอยากรู้...เรื่องคืนนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว”

“ใช่ค่ะ มันเป็นอดีตไปแล้ว” ตรีญดาเจ็บในอกราวกับมีใครเอาเข็มแหลมๆ มาทิ่มแทง แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจให้เธอพูดออกไป “แต่ถ้าคุณบอกฉัน...เราอาจจะมีปัจจุบันด้วยกัน”

ติณณะหันมามองอีกฝ่ายอย่างคาดคะเนท่าที

“คุณเสียใจใช่ไหมที่...เอ่อ...ที่เรามีอะไรกัน”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ตรีญดาไม่มีทางถามคำถามนี้กับเขาได้แน่นอน ทว่าเวลานี้มันแตกต่างกับเช้าวันนั้น

เรียกว่า...มันไม่มีอะไรจะเสียแล้วมากกว่า

“ไม่เลย ผมไม่เคยเสียใจที่มีอะไรกับคุณ” เขาบอกเสียงขรึม “อย่าบอกนะว่าคุณคิดเองเออเองว่าผมเสียใจเรื่องคืนนั้น ให้ตายเถอะ! เพราะคุณไปเองแบบนี้ใช่ไหมคุณถึงโกหกผมว่าคุณมีคนรักอยู่แล้ว...ทั้งที่จริงๆ แล้วคุณไม่มีใคร”

น้ำตาร้อนๆ ไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย...ริมฝีปากบางยิ้มกว้างอย่างยินดี ขณะพยักหน้ายอมรับ

เสียดายวันเวลาซึ่งถูกปล่อยผ่านมาเนิ่นนาน เพียงแค่วันนั้นกล้าที่จะเปิดปากถามออกไป ทั้งเขาและเธอคงไม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างทนทุกข์ทรมานเพราะความคิดถึงกันและกันแบบนี้หรอก

“ผู้หญิงบ้า! คิดเองเออเอง ทำไมไม่ถามผมก่อน” ติณณะว่าพลางใช้มือค่อยๆ เช็ดน้ำตาออกจากแก้มนวลอย่างอ่อนโยน “ถ้าคุณถามผม เรื่องของเรามันคงไม่จบแบบวันนั้น”

หญิงสาวพยักหน้า โผเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่น

“เราจะเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหมคะโต๋”

คนตัวสูงกว่านิ่งอึ้งไปอย่างจนคำตอบ จริงอยู่ที่เขารักเธอมาก...แต่ถ้าหากเธอคบกับเขา...เธอจะสามารถรอดพ้นจากเงื้อมือของติณณาได้หรือเปล่า

“คุณทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว” ตรีญดาขมวดคิ้วด้วยความหวั่นใจ แต่คราวนี้เธอจะไม่คิดเองเออเองอีก “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

ติณณะถอนหายใจยาว

“ไม่เชิงว่ามีเรื่องอะไรหรอก...เพียงแต่ผม...”

“หรือจริงๆ แล้วคุณไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับฉัน ใช่สิ...เรื่องคืนนั้นมันผ่านมาตั้งสิบปีแล้ว ฉันจะมาเรียกร้องเอาอะไรจากคุณได้อีกล่ะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะเตย” เขารั้งร่างบางมากอดไว้...จะไม่ยอมให้เธอหนีไปจากเขาอีกแล้ว

“ผมรักคุณ และคิดถึงคุณตลอดจริงๆ แต่...” ติณณะเว้นระยะครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “ผมมีน้องสาว”

“น้องสาว...” หญิงสาวทวนคำ “อ๋อ...น้องเต๋ คนที่ตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักๆ เปิดร้านกาแฟอยู่ชั้นล่างใช่ไหมคะ”

“นั่นแหละ น้องตัวแสบของผมและเป็นตัวปัญหาสำหรับความรักของเรา”

“เท่าที่ฉันเห็น น้องเต๋ก็น่ารักดีออกนะคะ ไม่เห็นท่าทางเธอจะร้ายกาจเลยสักนิด”

“ผมจะบอกให้ว่ายายเด็กนั่น...เดวิลตัวแม่เลยล่ะ!”

ตรีญดาส่ายหน้าช้าๆ ไม่เชื่อคำพูดของชายหนุ่มเลยสักนิด

ก็ใครจะไปเชื่อล่ะว่าเด็กสาวหน้าตาน่ารักๆ อย่างติณณาจะเป็นเดวิลตัวแม่...เจ้านายซึ่งพ่วงตำแหน่งคนรักหมาดๆ กล่าวเกินจริงมากเกินไป ใส่ร้ายน้องสาวตัวเองได้หน้าตาเฉย

“เชื่อผมเถอะนะเตย...เรื่องของเราควรจะเป็นความลับ ผมขอเวลาเกลี้ยกล่อมเต๋สักพัก”

“ได้ค่ะ” เธอจำเป็นต้องเออออตามเขาไปก่อน เพราะเรื่องที่เขาพูด...มันเชื่อยากจริงๆ

ติณณะยิ้มกว้างพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น “อดทนหน่อยนะเตย ถ้าผ่านด่านเต๋ไปได้ ความรักของเราจะต้องราบรื่นแน่ๆ”

คนในอ้อมกอดหัวเราะขำกับท่าทางระแวงและหวาดหวั่นน้องสาวตัวเองเกินเหตุของเขา

“ขนาดนั้นเชียวหรือคะ”

“ยิ่งกว่าที่ผมพูดอีกเตย...ไม่มีใครรู้จักเต๋ดีเท่าผมอีกแล้ว”

“เท่าที่เห็น น้องเต๋เธอก็ไม่ได้ร้ายขนาดที่คุณพูดเลยนะโต๋ คุณพูดเกินจริงไปหรือเปล่าคะ” ตรีญดาเงยหน้าขึ้นมาค้าน

ติณณะถอนหายใจ “เอาเถอะ ถ้าคุณยังไม่เชื่อก็เป็นไร แต่ผมขอนะเตย...อย่าเพิ่งพูดเรื่องของเราให้ใครรู้...ห้ามไม่ให้ใครรู้สักคนเลยนะแม้แต่ที่ทำงานนี่ก็ด้วย”

คนถูกสั่งห้ามถึงกับอมยิ้มขำขันท่าทางขึงขังของเขา แต่เพื่อความสบายใจ...เธอจึงพยักหน้าเบาๆ

“ค่ะ...ฉันไม่บอกใครหรอกน่า...ย้ำอยู่นั่นเอง”

เมื่อได้ยินคำสัญญาจากริมฝีปากบาง ติณณะจึงคลายความกังวลไปหนึ่งเปลาะ



-------------------------------------



เดวิลตัวแม่ของติณณะเกิดคันจมูกขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย รู้สึกเหมือนกับว่า...มีใครบ่นถึงอย่างนั้นแหละ

จะมีใครบ่นถึงเธอนอกจากพี่ชายคนดีศรีสโมสร

นิ้วเรียวหยิบถาดขนมหวานถาดใหม่ออกจากห้องครัวด้านหลังเพื่อจัดเรียงใส่กล่องให้ลูกค้าซึ่งนัดจะมารับในอีกสิบห้านาที

“คุณน้องเต๋คะ ลูกค้าคนโน้นเขาบอกว่าไม่มีเงินจ่ายค่ะ จะให้พี่ตั้งโอ๋ทำยังไงดีคะ” ตั้งโอ๋...แม่บ้านสาวประเภทสองจีบปากจีบคอถามเจ้านายสาว “จะให้พี่ตั้งโอ๋โทรแจ้งตำรวจไหมคะ เอ...หรือว่าจะเรียก รปภ. หน้าตึกมาจัดการดี”

ติณณาขมวดคิ้วขณะมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มคนที่อีกฝ่ายรายงานว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเครื่องดื่มและขนมหวาน

“ผู้ชายใส่เสื้อคอปกสีเขียวนั่นใช่ไหมคะพี่ตั้งโอ๋...คนที่ว่าไม่มีเงินจ่ายน่ะ”

“ใช่เลยค่า คุณน้องเต๋จะเอายังไงบอกพี่ตั้งโอ๋เลยนะคะ เดี๋ยวพี่ตั้งโอ๋จะจัดเต็ม จัดหนัก เอ๊ย! จัดการให้ หรือจะให้โทรตามคุณโต๋ดี...”

“ไม่ต้อง...” มือบางโบกห้ามแม่บ้านสาวที่วันนี้ตามมาช่วยงานที่ร้านกาแฟ “เต๋จัดการเองได้น่าพี่ตั้งโอ๋ มือชั้นนี้แล้ว...พี่ตั้งโอ๋ช่วยจัดขนมใส่กระเช้าให้ลูกค้าต่อนะคะ” ติณณาบอกขณะตีหน้าโหด และเดินตรงไปยังโต๊ะของลูกค้าเจ้าปัญหา

“ไม่น่ามาบอกคุณน้องเต๋เลย” ตั้งโอ๋กระซุบกระซิบงุบงิบกับตัวเองอย่างแสนเสียดายเมื่อเห็นว่าเจ้านายสาวจะลุยเอง “อดนัวเนียคนหล่อเลย เซ็ง...”


---------------------------------------


“คุณลูกค้าคะ ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่ากาแฟ แล้วคุณลูกค้าจะเข้ามาสั่งเครื่องดื่มและขนมทำไมคะ” เจ้าของร้านสาวเอ่ยถาม...อันที่จริงปัญหานี้เป็นปัญหาแรกของเธอเลยล่ะ...ตั้งแต่เปิดร้าน ‘Tin-na’ มา...แต่ไม่เป็นไรติณณาเสียอย่าง จัดการได้ทุกอย่างอยู่แล้ว

คุณลูกค้าตัวปัญหาเงยหน้าขึ้น สบตากับเจ้าของร้านสาวในระยะไม่ห่างกันมากนัก แต่มันก็ทำให้หญิงสาวที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยได้ไม่ถึงสองปี แถมไม่ค่อยได้เข้าใกล้เพศตรงข้ามมากนักสะท้านเขินพอสมควร

ทำไมคุณลูกค้า...โอ้แม่เจ้า! คุณลูกค้าช่างหล่อกระชากลากไส้สุดๆ ไปเลย

ดวงตาคมเข้มมีแววหวานวิบวับยามทอดมองมาที่ติณณา ใบหน้านวลแดงก่ำอย่างช่วยไม่ได้ ลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“เออ...จริงๆ แล้ว ถ้าคุณไม่มีเงิน...คุณควรจะบอกฉันดีๆ”

“ถ้าบอก จะให้กินฟรีเหรอ” เขาถาม พลางส่งยิ้มละลายใจให้เจ้าของร้านสาว

ติณณากะพริบตาปริบๆ ความงกกลับเข้าครอบงำจิตใจ...ถึงเขาจะหล่อแค่ไหน ก็ไม่ควรมา ‘เกรียน’ ใส่เธอในร้านของเธอ

เมื่อตั้งสติได้ เธอก็ยิ้มหวานส่งให้ชายหนุ่มบ้าง

“ไม่ค่ะ ร้านเราไม่มีนโยบายให้ลูกค้ากินฟรี” หญิงสาวมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าปลอดคนเธอจึงฉวยแก้วกาแฟที่ลูกค้าเจ้าปัญหายังดื่มไม่หมดขึ้นมา “แต่ถ้าอยากกินฟรี...คุณควรจะกินแบบนี้ค่ะ”

น้ำกาแฟสีดำสนิทค่อยๆ ไหลออกจากปากแก้วรดบนเสื้อสีเขียวอย่างตั้งใจ ติณณาพยายามจะไม่มองเสี้ยวหน้าคมคาย หล่อลากไส้ลากดินขณะปฏิบัติภารกิจ ‘สั่งสอน’ ลูกค้าไม่มีเงินจ่ายค่ากาแฟของเธอ

“เฮ้ย!”

ลูกค้าหนุ่มไม่ขำด้วย เขาลุกพรวดขึ้นจนเต็มความสูง และนั่นทำให้ติณณาต้องแหงนคอตั้งบ่าเพื่อจะทวงบุญคุณเขาอีก

“คุณควรจะขอบใจฉันนะที่ไม่เอาเรื่องถึงตำรวจ”

“ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วยฮะ...ยายเด็กบ้า!”

“ถ้าฉันเป็นเด็กบ้า คุณคงจะเป็นผู้ใหญ่เกรียน! ถึงได้มาหลอกกินกาแฟฟรีน่ะ” ติณณาเถียงสู้อย่างไม่ยอมแพ้...งานนี้มันต้องตายกันไปข้างหนึ่งล่ะ

ผู้ใหญ่เกรียนอึ้งไปนิด ดวงตาวาววับกรุ่นโทสะของสาวน้อยตรงหน้าช่างไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด ร้ายอย่างไรก็ร้ายอย่างนั้น...คงเส้นคงวา...หากแต่พวงแก้มเนียนละเอียด ริมฝีปากอิ่มแดงที่กำลังว่าเขาฉอดๆ รับกันดีกับดวงตากลมโต...ก็ยังคงน่ารักอย่างไรก็น่ารักก็น่ารักอย่างนั้น...คงเส้นคงวาเหมือนกัน

“เกรียน?” เขาทวนคำตาใส ก่อนจะยกมือลูบศีรษะตัวเอง “ไม่ได้เกรียนสักหน่อย”

ติณณาเป่าลมออกจากปาก...นี่เธอกำลังต่อกรกับชาวนาเม็กหรืออย่างไร ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจความหมายของคำนี้...ทั้งๆ ที่เป็นคำฮอตฮิตติดปากวัยรุ่นแท้ๆ หรือถึงจะไม่เคยใช้...ก็ควรจะผ่านหูผ่านตามากบ้างน่า

แต่นี่ไม่ใช่เวลามาสอนภาษายอดฮิตให้ใครฟัง ในเมื่อเขาไม่มีเงินจ่ายค่ากาแฟและเธอก็เอาคืนสาแก่ใจไปแล้ว เจ้าของร้านสาวจึงไม่พูดไม่จา แถมยังสะบัดหน้า เชิดใส่เขา ระหว่างเดินกลับเคาน์เตอร์อีกต่างหาก

ทว่าคนโดนเก็บค่ากาแฟแบบพิสดารไม่ยอมง่ายๆ เขาฉวยต้นแขนนุ่มเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะหนี

“ราดกาแฟใส่จนเสื้อผ้าเลอะเทอะขนาดนี้ ยังลอยหน้าลอยตาไม่สนใจอีกนะ”

ติณณาเบ้ปาก หรี่ตามองแขนที่โดนจับไม่ปล่อย จึงแบมืออีกข้างทิ่มไปจ่อหน้าเขา “คุณก็จ่ายมาสิ...ค่ากาแฟน่ะ แล้วฉันจะจ่ายค่าซักเสื้อให้ อ้อ...จะเอาเสื้อใหม่เลยก็ได้นะ ว่าไง! จ่ายมาซะดีๆ!”

คนโดนทวงค่ากาแฟกัดฟันกรอด ไม่คิดเลยว่าแผนการทำเซอร์ไพรส์ของเขาจะล้มเหลวได้ถึงขนาดนี้...ยายเด็กตัวแสบนี่จำเขาไม่ได้ไม่พอ ยังลอยหน้าลอยตาเถียงเขาฉอดๆ อีก

แบบนี้ต้องสั่งสอน!

ชายหนุ่มกระชากร่างบอบบางเขามาใกล้ตัว พลางใช้มือข้างที่ว่างจับขนมเค้กที่ยังทานไม่หมดขึ้นมา แล้วขยี้ลงบนผมยาวสีน้ำตาลเข้มอย่างไม่ปราณีปราสัย

ติณณากรี๊ดลั่น...ไอ้บ้านี่มันกล้าดียังไง!

“อุ๊ยต๊ายตาย! มายบุดดาเบส! คุณน้องเต๋ของคุณพี่ตั้งโอ๋!” แม่บ้านสาวประเภทสองวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ ยกมือทาบอกและอุทานด้วยความตกใจที่เห็นเจ้านายสาวโดนลูกค้าหนุ่มสุดหล่อจับตัวไว้และยีผมด้วยเค้กโรลสีหวาน

“แก...แกทำฉันขนาดนี้เลยเหรอ แกต้องไม่ตายดีแน่!” ติณณาคำรามลั่น หน้าตาบึ้งตึง แค้นใจที่ตัวเตี้ยกว่าเลยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ...แต่ไม่ทุกอย่างหรอกน่า

ดวงตากลมหรี่มองหาจุดอ่อนของไอ้บ้าตรงหน้าซึ่งกำลังยักคิ้ว หลิ่วตา แลบลิ้นท้าทายเธอ ก่อนจะกระแทกเข่าเข้าที่หว่างขาของอีกฝ่ายอย่างจัง แต่โชคดีที่เขารู้ทัน...ชายหนุ่มจึงจับต้นขาเล็กไว้ ติณณาเสียหลักพุ่งเข้ากระแทกหน้าอกกว้างอย่างจัง มือบางกำหมัดแน่น แล้วตัดสินใจเสยปลายคางเขาทันที

คนตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์แทบหงายหลัง และเห็นดาวระยิบระยับเต็มไปหมด ดูเหมือนว่าติณณายังไม่สะใจ เธอก้มหน้าลงหมายจะกัดมือเขาให้จมเขี้ยว แต่เสียงดังๆ ของพี่ชายดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

“เกิดอะไรขึ้นเต๋...ไอ้วุธ...”

สภาพที่ติณณะเห็นคือจักราวุธกำลังกอดรัดน้องสาวเขาจากด้านหลังด้วยสภาพเละเทะ ทั้งกาแฟและขนมเค้ก เปื้อนผม หน้า และเสื้อผ้าด้วยกันทั้งคู่

คนเนื้อตัวสะอาดส่ายหน้าไปมาอย่างระอา

“แกจะบ้าหรือไงไอ้วุธ เล่นกันเป็นเด็กๆ ไปได้...ดูสิเลอะเทอะหมดแล้ว”

ติณณาตาโต เอี้ยวตัวไปมองคนที่กอดเธอแน่น ก่อนจะพึมพำเสียงแผ่ว

“พี่วุธ...งั้นเหรอ”

“ก็เออน่ะสิ ยายเด็กบ้า! จำพี่ไม่ได้ แถมยังเอากาแฟมาราดพี่อีก...มันน่าตีนัก” จักราวุธต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก

ส่วนคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่เข้ามาคลี่คลายสถานการณ์กระแอมตัดบท “คือ...ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ ถ้าจะดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง” เขายกริมฝีปากยิ้มหวานให้เพื่อนรัก “แต่แกควรจะปล่อยเต๋ก่อน ที่แกกอดอยู่นั่น...น้องฉันนะเฟ้ย!”

-------------โปรดติดตามตอนที่ 3 ค่ะ-----------------------



มณชยาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2555, 11:11:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2555, 11:40:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1340





<< I : เลขาคนใหม่   III : Sweet Love (1) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account