เล่ห์รักรัญจวนใจ
เมื่อความรักเกิดขึ้นในหัวใจ ชายหนุ่มจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อพาตัวเองเข้าไปใกล้ชิด เขาต้องการกระชับพื้นที่ทุกตารางนิ้วในหัวใจเธอ แม้ว่าจะต้องใช้เล่ห์กลสักกี่ร้อยเล่มเกวียน "ภมร" ก็จะงัดขึ้นมาใช้ให้หมด เพื่อทำให้ "หิรัญญิการ์" รู้ว่า เธอไม่มีทางหนีเขาพ้น
Tags: รักโรแมนติก
ตอน: บทที่ 1 บัณฑิตใหม่
*****(คำแนะนำก่อนอ่าน : สำคัญมากค่ะ)*****
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านทุกท่าน
ก่อนที่คุณผู้อ่านจะเริ่มเข้าสู้โลกแห่งจินตนาการสำหรับนวนิยายเรื่อง “เล่ห์รักรัญจวนใจ”
ญาณนันต์คงต้องแจ้งให้คุณผู้อ่านทราบก่อนค่ะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกดองเค็มไว้ในขวดโหลเป็นเวลาหลายล้านปีแสงแล้ว(นานเกิ๊น)
จึงไม่แน่ใจว่าเนื้อหาภายในเรื่องนี้จะเป็นที่ถูกตาต้องใจคุณผู้อ่านกันหรือไม่ เพราะตัวญาณนันต์เองยังไม่มั่นใจเลยค่ะว่ามันจะออกมาสนุก
เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณผู้อ่านจะเริ่มต้นเข้าสู่บทที่ 1 โปรดเตรียมใจไว้เลยว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านพึงพอใจก็ได้ค่ะ
แต่ถ้าคุณผู้อ่านหลงเข้าไปอ่านแล้ว(หุหุ) ก็สามารถติชมได้ตามสะดวกนะคะ ญาณนันต์ยินดีน้อมรับเสมอค่ะ
ความจริงที่เอามาโพสก็เพราะต้องการจะทราบความคิดเห็นของคุณผู้อ่านด้วยเหมือนกันค่ะ
ว่าเรื่องนี้มันพอจะไปวัดไปวากับเขาได้หรือเปล่า อย่างไรก็ขอฝากเล่ห์รักรัญจวนใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของคุณผู้อ่านอีกสักเรื่องนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาช่วยกันขับเคลื่อนจินตนาการค่ะ
ญาณนันต์
...................................................
บทที่ 1 บัณฑิตใหม่
เสียงบูมของนักศึกษาจากคณะต่างๆ ดังก้องไปทั่วทั้งลานกว้างซึ่งวันนี้เป็นวันที่นักศึกษาจบใหม่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ผู้คนมากมายต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ ทั้งญาติสนิทมิตรสหาย รวมถึงรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสถาบัน ผู้คนจึงค่อนข้างจะหนาแน่นเป็นพิเศษ
ร่างสูงใหญ่บึกบึนไปด้วยมัดกล้ามอย่างผู้ที่ดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดีของภมร นฤกรินทร์ก้าวเดินด้วยย่างก้าวที่มั่นคงโดยมีชายฉกรรจ์รูปร่างใกล้เคียงกับเขาอีกสองคนเดินขนาบซ้ายขวา ไปยังคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังตั้งกล้องถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน บัณฑิตสาวคณะวิศวกรรมศาสตร์ยืนยิ้มแป้นอยู่ท่ามกลางหนุ่มๆ เพื่อนร่วมคณะ เป็นภาพที่ทำให้ภมรรู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย หากเขาทำได้เพียงหยุดยืนมองจนหญิงสาวถ่ายรูปเสร็จแล้วเดินตรงเข้ามาหา
หิรัญญิการ์ยกมือขึ้นไหว้เขาตามมารยาทก่อนจะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจระคนสงสัย
“คุณมาที่นี่ทำไมคะ?”
“ก็มารับเธอ”
ภมรตอบเรียบๆ ขณะกวาดสายตามองบัณฑิตใหม่ที่อยู่ในชุดครุย ใบหน้าสวยถูกแต่งแต้มอย่างประณีตดูแปลกตากว่าทุกครั้งที่พบกัน
“เฮ้ยกา เสร็จจากนี่เราจะไปกินกันต่อ แกไปด้วยไหมวะ”
ธิปกซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของหญิงสาวเดินเข้ามาถาม พอเห็นภมรก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยกมือไหว้เมื่อคิดว่าเป็นญาติของเพื่อนสนิท
“จะไปไหนกัน?” ภมรเอ่ยถามก่อนที่หิรัญญิการ์จะทันได้ตอบเสียอีก
“ก็ไปฉลองกันตามประสาค่ะ คุณกลับไปเถอะ ญิการ์ไม่ไปกับคุณหรอก” หิรัญญิการ์เป็นคนตอบแล้วทำท่าจะเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนแต่ถูกภมรรั้งเอาไว้
“ไม่ได้ ยังไงวันนี้เธอก็ต้องย้ายไปอยู่กับฉัน” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม ตวัดสายตามองธิปกเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะขยับเข้าหาหิรัญญิการ์
“เอ่อ...กา เดี๋ยวเราไปถ่ายรูปต่อนะ เรื่องคืนนี้เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้” ธิปกเห็นท่าไม่ดีจึงรีบผละออกไปก่อน
“เฮ้ยปก นายอย่าทิ้งเราสิ” หิรัญญิการ์ร้องตามแล้วทำท่าจะเดินตามเพื่อนไปแต่ติดที่แขนถูกภมรรั้งไว้จึงไปไหนไม่ได้
“ไม่ต้องตามเพื่อนไป มีแต่พวกผู้ชายทั้งนั้น จะไปกินกับเขาได้ยังไง”
“แต่มันสำคัญกับญิการ์มาก ญิการ์อยากเลี้ยงฉลองวันแห่งความสำเร็จนี้กับเพื่อน แล้วกรุณาปล่อยมือญิการ์ด้วย เพื่อนๆ กำลังมองอยู่”
หิรัญญิการ์พยายามคุยกับเขาอย่างใจเย็นเพราะสำนึกอยู่เสมอว่าเขาไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นถึงอดีตเจ้านายของพี่ชายที่เสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน และเขายังเคยช่วยเหลือทั้งเธอและพี่ชายเอาไว้ไม่น้อย จะเรียกว่าเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องรักษามารยาทกับชายหนุ่มอยู่เสมอ ทั้งที่ตอนนี้ใจเธอกำลังเดือดปุดๆ
“วันนี้เธอต้องขนของไปอยู่บ้านของฉัน ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น” เสียงทรงอำนาจสั่งเด็ดขาด แต่ถึงกระนั้นก็ยังยอมปล่อยมือออกจากข้อมือเล็ก
“เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เราคุยกันหลายรอบแล้วนะคะ และญิการ์ก็เบื่อเต็มทีแล้วค่ะ”
เวลาพูดกับภมร หิรัญญิการ์จะไม่นำคำพูดห่ามๆ อย่างที่เธอชอบใช้กับเพื่อนๆ มาใช้กับเขา ดังนั้นทุกคำพูดที่ออกมาจึงหวานหูแม้จะขัดกับท่าทางของหญิงสาวก็ตาม
“ก็เอาสิ ถ้าวันนี้เธอไม่ยอมไปกับฉันดีๆ ฉันก็จะอุ้มเธอออกไปเดี๋ยวนี้” หิรัญญิการ์รู้ว่าเขาขู่ และไม่เชื่อว่าเขาจะกล้าทำอย่างที่พูดจึงขัดขึ้น
“คุณไม่ทำแบบนั้นแน่ คนเยอะออกอย่างนี้”
“ทำแน่ จะลองดูไหมล่ะ?” แววตาของเขาบอกว่าเอาจริง และเขาก็ไม่สนใจด้วยว่าใครจะมองและคิดเช่นไรเมื่อต้องเห็นเขาอุ้มคนตรงหน้าฝ่าฝูงชนออกไป
“เอาเป็นว่าขอญิการ์ไปถ่ายรูปกับเพื่อนให้เสร็จก่อน คุณก็ไปรอที่ด้านหน้า เสร็จแล้วญิการ์จะตามออกไป” หญิงสาวกล่าวเป็นการตัดบท ไม่ได้อาจหาญจะไปสั่งเขาจึงมองตอบชายหนุ่มด้วยแววตาร้องขอ เพราะตอนนี้บรรดาเพื่อนๆ ของเธอต่างก็จ้องมองมาทางนี้เป็นตาเดียว
“แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่เบี้ยว”
“สัญญาค่ะว่าไม่เบี้ยว”
“ฉันให้เวลายี่สิบนาที และจะไม่รอถ้าหากช้าไปกว่านี้ เพราะฉันจะกลับมาพาเธอออกไปเอง” ภมรบอกเสียงเข้มก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันทีพร้อมกับบอดีการ์ดของเขาที่ก้าวตามไปติดๆ
หิรัญญิการ์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อหันกลับไปทางกลุ่มเพื่อนๆ ก็ต้องไหวไหล่เบาๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไรเมื่อเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นนั้น
“ใครน่ะกา เราไม่เคยเห็นเลย ญาติฝ่ายไหนของนายเหรอวะ” ธิปกเป็นคนเดินเข้ามาถามเมื่อยังค้างคาใจ เพราะเขาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทแท้ๆ แต่กลับไม่เคยเห็นผู้ชายที่เข้ามาหาหิรัญญิการ์เมื่อครู่เลย
“เปล่า ไม่ใช่ญาติเรา แต่เป็นอดีตเจ้านายพี่วีร์”
“อ้าวเหรอ แล้วเขามายุ่งอะไรกับนายวะ เห็นจับมือถือแขนกันด้วย นี่อย่าบอกนะว่านายแอบมีแฟนแต่ไม่ยอมบอกเรา”
“เฮ้ย...บ้าน่า คนนั้นน่ะอายุห่างกับเราเป็นสิบปีเชียวนะ แล้วเขาก็เป็นเจ้านายพี่วีร์ เรากับเขารู้จักกันมาตั้งแต่เราอายุสิบเจ็ดได้มั้ง เขาดีกับเราแล้วก็พี่วีร์มาก เพราะฉะนั้นนายอย่ามาคิดอกุศล แล้วเราก็ไม่คิดเอาคนอายุมากกว่าเราเป็นสิบปีมาทำพันธุ์หรอก...แก่ไป ยังเตะปี๊บไหวอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ว่ะ”
หญิงสาวหัวเราะร่วนเมื่อพูดประโยคสุดท้ายจบลง เธอกล้าพูดแต่ลับหลังภมรเท่านั้นล่ะ เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ต้องทำตัวสงบเสงี่ยมรักษามารยาทด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิที่ต่างกัน
“แล้วตกลงคืนนี้นายจะไปกับพวกเราไหม?”
“อยากไปนะ แต่เขาห้ามเราไป เอ่อ...เราอาจจะต้องย้ายไปอยู่บ้านเขา”
หญิงสาวบอกเสียงอุบอิบในตอนท้าย กลัวว่าเพื่อนจะคิดอกุศลอีก และมันก็จริง
“เฮ้ยๆ ไหนว่าไม่มีอะไรไงวะ แล้วทำไมนายต้องย้ายเข้าไปอยู่บ้านเขาด้วยกา”
“เลิกถามสักทีน่า เราจะไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ต่อ เขาให้เวลาเรายี่สิบนาที ส่วนเรื่องคืนนี้เดี๋ยวเราโทรหา พวกนายก็ไปกันก่อนก็แล้วกัน ถ้าเราได้ไปจะตามไปทีหลัง แต่ถ้าไม่ก็ถ่ายรูปมาให้ดูด้วยก็แล้วกัน”
หญิงสาวตัดบทก่อนจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ เพราะเธอต้องทำเวลา ไม่อยากจะเสี่ยงกับคนอย่างภมรเพราะเธอก็พอจะรู้ว่าคนอย่างเขาคงทำได้ทุกอย่างที่พูดแน่
กว่าหิรัญญิการ์จะฝ่าคลื่นฝูงชนออกมาพบเขาที่ด้านหน้าได้ก็กินเวลาไปนานพอสมควร ดังนั้นเมื่อหญิงสาวไปถึงรถชายหนุ่มก็เห็นว่าเขาเองก็เพิ่งก้าวลงจากรถทำท่าเหมือนจะออกมาตามเธอ แต่เมื่อเห็นว่าเธอเดินใกล้เข้ามาเขาก็กลับขึ้นไปในรถอีกครั้ง
รักษิตบอดีการ์ดคนหนึ่งของเขาเป็นผู้เดินมาเปิดประตูให้หญิงสาวขึ้นไปนั่งตอนหลังคู่กับภมร ส่วนเตชัสบอดีการ์ดอีกหนึ่งคนของภมรก็ทำหน้าที่เป็นสารถีประจำอยู่ที่นั่งด้านคนขับ เมื่อรักษิตเข้าไปนั่งตอนหน้าคู่กับเตชัสรถก็เคลื่อนตัวออกจากบริเวณนั้นทันที
“เธอช้าไปสิบนาที”
“ขอโทษค่ะ คนเยอะญิการ์ต้องเดินฝ่าออกมา”
เธอขอโทษแล้วกล่าวแก้ตัว ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก ตอนนี้หิรัญญิการ์ถอดชุดครุยออกแล้วและพาดมันไว้ที่แขนด้านหนึ่งเมื่อขึ้นมานั่งบนรถก็กลายเป็นกอดมันเอาไว้ ส่วนกระเป๋าเป้ใบเล็กที่ถือติดมือมาด้วยก็วางไว้ที่ว่างข้างๆ ตัว
“แล้วนี่เราจะไปไหนกันคะ?”
“ไปคอนโดฯ ของเธอ ไปเก็บของ”
“ยังไงวันนี้คุณก็จะให้ญิการ์ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านคุณให้ได้เลยใช่ไหมคะ”
หญิงสาวพูดเหมือนประชดกลายๆ มารยาทที่พยายามรักษาเมื่ออยู่กับเขาที่ทำอย่างเคร่งครัดมาตลอดตามที่พี่ชายเคยสอนเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ก็หย่อนยานลง คงเพราะความเดือดดาลในอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นกระมัง
“แน่นอน และเธอก็ห้ามบ่ายเบี่ยง เพราะฉันเองก็เบื่อที่จะฟังเต็มทน”
ภมรเอาคำพูดของเธอมาย้อนบ้าง มันทำให้หิรัญญิการ์ไม่กล้าพูดอะไรอีกจนเมื่อรถมาหยุดตัวลงที่หน้าคอนโดฯ ของเธอในชั่วโมงต่อมา หญิงสาวรีบเปิดประตูลงไปทันทีที่รถหยุดเพราะไม่อย่างนั้นเตชัสหรือไม่ก็รักษิตจะต้องมาเปิดประตูให้ ซึ่งเธอรู้สึกกระดากและไม่ชอบที่พวกเขาปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้ เธอไม่รู้ว่าภมรเป็นคนสั่งหรือพวกเขาทำตามมารยาทของสุภาพบุรุษที่ดี แต่จะเป็นเพราะเหตุผลไหนหญิงสาวก็ไม่ชอบทั้งนั้น
“พวกนายกลับไปก่อน ทิ้งรถไว้ที่นี่แหละเดี๋ยวฉันขับกลับไปเอง” ภมรหันไปสั่งลูกน้องคนสนิท
“จะดีเหรอครับนาย ผมว่ามันอาจจะ...” เตชัสทำท่าจะพูดบางอย่างออกมาแต่ก็ถูกภมรยกมือขึ้นห้าม
“ตอนนี้พวกนั้นเงียบไปแล้ว นานถึงสองปีแล้วด้วย พวกนายอย่าห่วงนักเลย”
ภมรตัดบทก่อนจะเดินตามหิรัญญิการ์เข้าไปด้านใน ไปทันหญิงสาวที่หน้าลิฟต์พอดี และก่อนจะถึงห้องของหิรัญญิการ์เขายังดึงชายเสื้อของเธอเอาไว้ให้หญิงสาวกลับมาเดินเคียงไม่ยอมให้เธอเดินนำ เมื่อมาถึงก็ปล่อยออกแล้วยืนรอให้เธอไขกุญแจ
“คุณรอตรงนี้ก็ได้ค่ะ ญิการ์เก็บของแป๊บเดียว” หญิงสาวไม่อยากอยู่กับเขาในที่รโหฐานตามลำพังจึงคิดว่าไม่เหมาะถ้าหากเขาจะเข้าไปกับเธอด้วย
“ฉันหิวน้ำ”
“งั้นก็ได้ค่ะ แต่คุณต้องรอข้างนอกที่โซฟา ห้ามเข้าไปในห้องนอนญิการ์”
เธอกำชับก่อนจะขยับออกจากประตูเล็กน้อยเป็นเชิงให้เขาเข้าไปก่อน ส่วนตัวเองก็ยืนทำใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินตามเข้าไป
คอนโดฯ แห่งนี้พันธวีร์พี่ชายของเธอเป็นคนซื้อเอาไว้นานแล้ว และก็ใช่ว่าภมรจะไม่เคยมา แต่ทุกครั้งจะมีพันธวีร์อยู่ด้วย ไม่เหมือนครั้งนี้ที่มีเพียงเขาและเธอตามลำพัง ทำให้หิรัญญิการ์รู้สึกแปลกๆ ชอบกลเพราะเธอไม่เคยอยู่ตามลำพังแบบสองต่อสองกับเขามาก่อน เธอไม่เคยประหม่าเลยสักครั้งเมื่อต้องอยู่กับผู้ชายเพราะตัวเองมีแต่เพื่อนๆ ที่เป็นผู้ชายทั้งนั้น และไม่ว่าจะเป็นผู้ชายคนไหนเธอก็ไม่เคยรู้สึกประหม่าเท่ากับนายภมร นฤกรินทร์คนนี้มาก่อนเลย
“น้ำค่ะ” หิรัญญิการ์บอกเมื่อยกแก้วน้ำมาให้เขา
“รีบเก็บของนะ เดี๋ยวจะไปถึงที่โน่นเย็น”
“เอ่อ...คุณภมรคะ ญิการ์ว่าเรามาคุยเรื่องนี้กันใหม่ดีไหมคะ” หญิงสาวเสนอออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก
“คุยอะไร ไม่เห็นจะมีอะไรต้องคุยอีก ในเมื่อยังไงวันนี้เธอก็ต้องย้ายไปอยู่กับฉัน”
“อยู่ที่บ้านคุณ” หิรัญญิการ์กล่าวแก้เมื่อเขาพูดผิดไปเล็กน้อย
“นั่นแหละ ไปเก็บของได้แล้ว”
หิรัญญิการ์ตั้งท่าจะพูดอะไรอีกแต่เมื่อคิดว่าพูดไปก็เท่านั้นจึงตัดสินใจลุกเดินเข้าห้องนอนไป แต่ใจนั้นยังต่อต้านเขาอยู่เงียบๆ
“วันนี้มันวันซวยของแกหรือไงวะญิการ์ ตาลุงนี่ถึงได้ตามไม่เลิกนัก คนไม่อยากจะไปก็ยังบังคับจะให้ไปอยู่ได้” บ่นพึมพำขณะนำชุดครุยไปแขวนไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนจะขยับออกมาแล้วยืนมองมันด้วยความภาคภูมิใจพลางนึกไปถึงพี่ชายที่ถ้าตอนนี้เขาอยู่ด้วยกันเธอก็คงจะมีความสุขกว่านี้มาก
พันธวีร์พี่ชายคนเดียวของเธอเป็นหลานรหัสของภมรเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และเมื่อเรียนจบยังเข้าทำงานในบริษัทของภมรซึ่งทำบริษัทเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ใครๆ ต่างก็รู้จักดีในนาม พี เอ็น กรุ๊ป จำกัด จนเมื่อพี่ชายเธอเสีย ภมรถึงได้อ้างสิทธิ์ในความเป็นปู่รหัสและเป็นเจ้านายของพี่ชายเธอเข้ามาก้าวก่ายกับชีวิตของเธอแบบติดหนึบชนิดไม่ปล่อยเลยทีเดียว
เขาอ้างว่าพี่ชายเธอฝากเธอให้เขาดูแลเพราะเหลือเพียงตัวคนเดียว ซึ่งหิรัญญิการ์ก็ไม่รู้อีกแหละว่าพันธวีร์ไปฝากเธอกับภมรตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ในเมื่อเขาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำแล้วเสียชีวิตในทันที ขนาดจะสั่งเสียเธอซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ ก็ยังไม่มีเลย แล้วเขาไปสั่งเสียกับภมรตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ญิการ์ เก็บของด้วย” ภมรโผล่หน้าเข้ามาบอก เมื่อเห็นเธอยังยืนเฉย
“ญิการ์ไม่อยากไป” หญิงสาวบอกเขา ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาในห้องนอนของเธอแล้วยกมือขึ้นกอดอกมองด้วยใบหน้ายุ่ง
“คุณเข้ามาทำไมเนี่ย” หิรัญญิการ์เดินเข้าไปผลักเขาจะให้ออกพ้นประตูไป แต่ชายหนุ่มกลับยื้อไว้แล้วเป็นฝ่ายล็อกตัวหญิงสาวเอาไว้แทน
“นี่มาจับญิการ์ไว้ทำไม ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” หิรัญญิการ์ร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขาล็อกตัวเอาไว้ รู้สึกตกใจนิดๆ เพราะเขาไม่เคยทำแบบนี้กับเธอมาก่อน
“ตกใจอะไร ฉันแค่จับไว้ไม่ให้เธอดันฉันออกไปได้เท่านั้นเอง”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำท่าตกใจชายหนุ่มจึงอธิบายเรียบๆ ก่อนจะปล่อยหิรัญญิการ์ออกจากวงแขน แวบหนึ่งแววตาของเขาอ่อนแสงลงเมื่อทอดมองดวงหน้าหวานละมุนของคนตรงหน้า
“คุณภมร ญิการ์ขออยู่ที่นี่เถอะนะคะ”
“อย่าดื้อนักเลยญิการ์ ฉันไม่ได้ใจดีแบบนี้ตลอดหรอกนะ” ภมรเตือนเสียงขรึม เพราะเวลานี้เขาต้องใช้ความอดทนกับเธอเป็นอย่างมาก และความอดทนของคนเรามันก็มีขีดจำกัด
“ทำไมคุณถึงอยากให้ญิการ์ไปอยู่บ้านคุณนัก”
“เพราะพี่ชายเธอฝากเธอไว้กับฉันน่ะสิ”
“ฝาก...พี่วีร์ไปฝากญิการ์ไว้กับคุณตอนไหนคะ?”
“วีร์พูดกับฉันตลอดว่าเขาห่วงเธอ ถ้าไม่มีเขาเธอก็ต้องอยู่ตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก แค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่าเขาคงไม่อยากให้เธอต้องอยู่ตามลำพังอย่างที่เธอพยายามจะทำอยู่ตอนนี้”
“แต่ญิการ์โตพอจะเลี้ยงตัวเองได้แล้วนะคะ แล้วตอนนี้ญิการ์ก็เรียนจบแล้วด้วย เรื่องงานญิการ์ก็หาได้แล้ว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่ญิการ์จะต้องไปอาศัยคุณ ญิการ์ไม่อยากเป็นภาระของบ้านคุณ”
หญิงสาวพยายามอธิบายให้เขาฟังด้วยเหตุผลว่าถ้าหากเธอต้องเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของเขาก็เท่ากับว่าเธอต้องไปเป็นภาระให้กับเขา
“เธอเป็นน้องวีร์ ก็เหมือนเป็นน้องฉัน ไม่เห็นจะต้องคิดมากอะไรขนาดนั้น”
ภมรบอกอย่างอ่อนใจ เพราะหิรัญญิการ์ใช้เหตุผลนี้อ้างกับเขามาถึงสองปีนับแต่พันธวีร์เสียไป และเขาก็ยอมให้เรื่อยมาเพราะเธอบอกว่าบ้านของเขาไกลจากมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ทำให้เดินทางลำบาก แต่เมื่อเรียนจบแล้วหิรัญญิการ์ก็ยังคงใช้เหตุผลเดิมๆ มาอ้างกับเขาอีกว่าเพราะกลัวเป็นภาระให้กับเขา
‘...ช่างไม่รู้อะไรเลยนะญิการ์ ว่าเขาน่ะอยากจะให้ไปเป็นภาระจะแย่แล้ว’
“แต่...”
“จะเก็บเองหรือจะให้ฉันเก็บให้” ภมรแทรกขึ้นก่อนที่หิรัญญิการ์จะทันได้คัดค้าน
“ก็ได้ค่ะ ก็ได้ วันนี้ญิการ์ยอมคุณก็ได้ เพราะไม่อย่างนั้นวันหลังคุณคงไปตามญิการ์ถึงที่ทำงานแน่ๆ ญิการ์อายเขา” ในที่สุดหญิงสาวก็ต้องยอมจำนน เพราะเหนื่อยเหลือเกินที่จะต้องมาถกเถียงเรื่องนี้กับเขา ซึ่งเธอไม่เคยชนะสักที
“ทำงานที่ไหน?”
“ก็บริษัทรับเหมาก่อสร้างนั่นแหละค่ะ ญิการ์เป็นวิศวกรนี่นา” หิรัญญิการ์บอกเขาพร้อมกับเริ่มจัดการเก็บข้าวของบางส่วนลงกระเป๋าเดินทางใบหย่อม
“นี่ก็เหมือนกัน อะไรดลใจให้เธอเลือกเรียนวิศวกรรมโยธาหือ ญิการ์”
“ญิการ์ชอบค่ะ”
“เก็บแค่นั้นก็พอแล้วล่ะ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจะซื้อให้ใหม่” ภมรรีบบอกเมื่อเห็นเธอเก็บเสื้อผ้าเข้ากระเป๋าไปสองสามชุดแล้ว
“ญิการ์ไม่เก็บไปเยอะหรอกค่ะ” เพราะเธอจะไม่อยู่กับเขานานนักหรอก...หญิงสาวต่อในใจ ก่อนจะรูดซิปกระเป๋าแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเขา
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ทีนี้จะพาไปไหนก็เชิญตามสบาย”
“อย่าประชดฉันญิการ์ ฉันอยากให้เธอไปอยู่ที่บ้านฉันด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ไปอยู่เพราะถูกฉันบังคับ” หิรัญญิการ์ฉุนกึก เขาช่างพูดออกมาได้ว่าต้องการให้เธอไปอยู่กับเขาด้วยความเต็มใจ ทั้งที่เขาเองก็กำลังบังคับเธออยู่
“แต่คุณรู้ตัวไหมคะ ว่าคุณกำลังบังคับญิการ์อยู่”
“ฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าเธอจะต้องเต็มใจ” ชายหนุ่มบอกอย่างคนที่เอาแต่ใจ ก่อนจะคว้าเอากระเป๋าของหญิงสาวมาถือไว้แล้วเดินนำออกไปก่อน
หิรัญญิการ์ชูหมัดขึ้นตามหลังเขาแล้วบ่นอะไรพึมพำยืดยาว แต่สุดท้ายก็ต้องก้าวตามเขาออกไปอยู่ดีเพราะรู้ว่าถึงอย่างไรเสียไม่วันใดก็วันหนึ่งเธอก็จะต้องย้ายไปอยู่บ้านเขาอยู่ดี จะช้าหรือเร็วอย่างไรก็คงไม่ต่างกันเท่าไรนักหรอก และดูเหมือนว่าเขาเองก็พยายามเสียเหลือเกินที่จะให้เธอย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านเขาให้ได้
เสียงรถคุ้นหูแล่นเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์นฤกรินทร์ ทำให้อัมเรศผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวของเจ้าของรถต้องเดินออกไปต้อนรับผู้มาใหม่และเมื่อเห็นว่าน้องชายพาใครมาด้วยก็ต้องอมยิ้ม
“ไม่อยากจะเชื่อ ภมรพายายญิการ์มาได้จริงๆ หรือเนี่ย” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาไม่ได้บ่งบอกว่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อย
“กว่าจะพามาได้ ผมต้องออกแรงไปตั้งเท่าไรพี่เรศไม่รู้หรอก” ภมรพูดพร้อมกับก้มมองคนข้างกายที่ยกมือไหว้อัมเรศสวยกว่าที่ไหว้เขาเมื่อตอนที่พบกันเสียอีก
“มาเถอะญิการ์ ฉันจะพาไปดูห้อง” อัมเรศดึงหิรัญญิการ์ให้ตามตัวเองเข้าบ้านไปพร้อมกับเอ่ยถามไปด้วย
“แล้วไปยังไงมายังไง ถึงได้ไปพลาดท่าภมรเขาได้ล่ะ?”
“เอ่อ...ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ น้องชายคุณเรศบังคับญิการ์มา” หิรัญญิการ์รู้สึกแปลกๆ กับคำถามของอัมเรศไม่น้อยจึงตอบทั้งรอยยิ้มเจื่อนๆ
หญิงสาวพูดคุยกับอัมเรศได้อย่างสนิทใจเพราะรู้จักมักคุ้นกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยพี่ชายของเธอเข้าทำงานที่ พี เอ็น กรุ๊ป ใหม่ๆ แม้ว่าคนบ้านนี้จะถือได้ว่าเป็นเจ้านายของพันธวีร์ แต่พวกเขากลับมองเหมือนเธอเป็นญาติสนิท อัมเรศยังเคยจัดงานวันเกิดให้เมื่อสมัยที่หิรัญญิการ์อายุได้ 18 ปี
“อย่าไปถือสาเลย ภมรเขาก็เป็นของเขาแบบนี้แหละ มาดูห้องเธอดีกว่าว่าสวยไหม” ประโยคท้ายพูดพร้อมกับผลักบานประตูสีขาวออก แล้วพาหิรัญญิการ์เข้าไปด้านใน
“ชอบไหมญิการ์ นี่แหละห้องของเธอ ภมร...เอ่อ...ฉันจัดไว้ให้ตั้งนานแล้วล่ะ เพราะคิดว่าสักวันเธอก็ต้องมา แล้วเธอก็มาจริงๆ ด้วย ฉันดีใจนะที่เธอมา” อัมเรศพูดเป็นนัยๆ แต่หิรัญญิการ์ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยเพราะมัวแต่เดินดูห้องที่ต่อไปเธอจะต้องใช้มันเป็นที่หลับนอน
ห้องโทนสีฟ้า สีโปรดของหิรัญญิการ์ ทั้งผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่มครบชุด รวมถึงผ้าม่านและโซฟาตัวสวยที่วางชิดอยู่ที่มุมห้องด้านหนึ่งตรงข้ามกับเตียงนอนหลังใหญ่ รูปดอกไม้ประจำตัวคือดอกหิรัญญิการ์ถูกวาดเอาไว้บนผืนผ้าใบแขวนโชว์อยู่ตรงหัวนอน ทำให้หญิงสาวคลี่ยิ้มออกมาบางเบาเพราะปลื้มใจกับดอกไม้ชื่อนี้นักหนา
“ชอบใช่ไหมญิการ์?”
“ชอบค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็พักผ่อนให้สบายเถอะนะ เดี๋ยวเด็กคงยกกระเป๋าเธอขึ้นมาให้ ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็บอกเด็กรับใช้ได้เลยจ้ะ” อัมเรศสั่งความไว้แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไป แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงหันกลับมาพูดอีกครั้ง
“อ้อ ยินดีกับบัณฑิตใหม่ด้วยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ” อัมเรศยิ้มให้สมาชิกคนใหม่ของบ้านเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกจากห้องนั้นไป
หิรัญญิการ์เดินไปทรุดนั่งที่ปลายเตียง สายตากวาดมองห้องนอนใหม่แล้วต้องถอนหายใจเฮือก มันสวยก็จริงอยู่ แล้วก็กว้างขวางกว่าห้องที่คอนโดฯ ของเธอมาก แต่สำหรับหิรัญญิการ์แล้วคับที่น่ะอยู่ง่าย แต่คับใจนี่สิที่ไม่รู้ว่าจะทนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ๆ นี้ได้นานสักแค่ไหน เพราะพึงระลึกอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นภาระสำหรับคนที่นี่
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องพร้อมกับใบหน้าอ่อนใสของสาวใช้ในชุดฟอร์มสะอาดก็เยี่ยมหน้าเข้ามาเพราะเมื่อครู่อัมเรศออกไปโดยไม่ได้ปิดประตูให้สนิทเพียงแง้มไว้เท่านั้น
“หนูเอากระเป๋าขึ้นมาให้ค่ะ” เด็กสาวบอกแล้วถือกระเป๋าใบหย่อมของหิรัญญิการ์เข้ามาในห้อง
“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันเก็บเข้าตู้เอง” หิรัญญิการ์ร้องบอกเมื่อเห็นว่าเด็กรับใช้กำลังรูดซิปกระเป๋าแล้วทำท่าจะเอาข้าวของออกมาจัดเรียงให้
“แต่คุณภมรสั่งให้หนูเป็นคนทำค่ะ แล้วเธอยังสั่งอีกว่าให้คุณญิการ์อาบน้ำแล้วลงไปพบเธอที่ห้องสมุดด้านล่างค่ะ”
“คุณภมรน่ะหรือสั่ง?”
“ค่ะ” เด็กสาวรับคำก่อนจะทำหน้าที่ของตัวเองตามที่ถูกสั่งการมาขะมักเขม้น
หิรัญญิการ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคิดถึงภมร แต่แทนที่จะทำตามดังคำพูดของเด็กรับใช้ที่ถูกภมรสั่งการมาอีกทีหญิงสาวกลับเอนกายลงนอนราบบนเตียงนอนหนานุ่ม กางแขนทั้งสองข้างออกแล้วพลิกตัวเกลือกกลิ้งไปมา
“เอ่อ...คุณญิการ์ไม่ไปอาบน้ำหรือคะ” เด็กสาวเอ่ยถามกล้าๆ กลัวๆ
“เดี๋ยวฉันไป เธอจัดของเสร็จแล้วก็ออกไปเถอะ”
“ค่ะ”
เมื่อเด็กรับใช้ออกไปแล้วหิรัญญิการ์ก็เลื่อนตัวเองขึ้นไปนอนขวางอยู่บนเตียง ยกมือขึ้นปิดปากหาวอยู่สองสามครั้งก่อนจะหลับตาลงตั้งใจจะพักสายตาชั่วครู่ แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆ หิรัญญิการ์กลับเผลอหลับไปเสียสนิทด้วยความเพลีย เพราะวันนี้เป็นวันรับปริญญาที่เธอต้องบอกกับตัวเองอย่างหมดสภาพเลยว่าเหนื่อยแทบขาดใจ
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านทุกท่าน
ก่อนที่คุณผู้อ่านจะเริ่มเข้าสู้โลกแห่งจินตนาการสำหรับนวนิยายเรื่อง “เล่ห์รักรัญจวนใจ”
ญาณนันต์คงต้องแจ้งให้คุณผู้อ่านทราบก่อนค่ะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกดองเค็มไว้ในขวดโหลเป็นเวลาหลายล้านปีแสงแล้ว(นานเกิ๊น)
จึงไม่แน่ใจว่าเนื้อหาภายในเรื่องนี้จะเป็นที่ถูกตาต้องใจคุณผู้อ่านกันหรือไม่ เพราะตัวญาณนันต์เองยังไม่มั่นใจเลยค่ะว่ามันจะออกมาสนุก
เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณผู้อ่านจะเริ่มต้นเข้าสู่บทที่ 1 โปรดเตรียมใจไว้เลยว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านพึงพอใจก็ได้ค่ะ
แต่ถ้าคุณผู้อ่านหลงเข้าไปอ่านแล้ว(หุหุ) ก็สามารถติชมได้ตามสะดวกนะคะ ญาณนันต์ยินดีน้อมรับเสมอค่ะ
ความจริงที่เอามาโพสก็เพราะต้องการจะทราบความคิดเห็นของคุณผู้อ่านด้วยเหมือนกันค่ะ
ว่าเรื่องนี้มันพอจะไปวัดไปวากับเขาได้หรือเปล่า อย่างไรก็ขอฝากเล่ห์รักรัญจวนใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของคุณผู้อ่านอีกสักเรื่องนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาช่วยกันขับเคลื่อนจินตนาการค่ะ
ญาณนันต์
...................................................
บทที่ 1 บัณฑิตใหม่
เสียงบูมของนักศึกษาจากคณะต่างๆ ดังก้องไปทั่วทั้งลานกว้างซึ่งวันนี้เป็นวันที่นักศึกษาจบใหม่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ผู้คนมากมายต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ ทั้งญาติสนิทมิตรสหาย รวมถึงรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมสถาบัน ผู้คนจึงค่อนข้างจะหนาแน่นเป็นพิเศษ
ร่างสูงใหญ่บึกบึนไปด้วยมัดกล้ามอย่างผู้ที่ดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดีของภมร นฤกรินทร์ก้าวเดินด้วยย่างก้าวที่มั่นคงโดยมีชายฉกรรจ์รูปร่างใกล้เคียงกับเขาอีกสองคนเดินขนาบซ้ายขวา ไปยังคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังตั้งกล้องถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน บัณฑิตสาวคณะวิศวกรรมศาสตร์ยืนยิ้มแป้นอยู่ท่ามกลางหนุ่มๆ เพื่อนร่วมคณะ เป็นภาพที่ทำให้ภมรรู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย หากเขาทำได้เพียงหยุดยืนมองจนหญิงสาวถ่ายรูปเสร็จแล้วเดินตรงเข้ามาหา
หิรัญญิการ์ยกมือขึ้นไหว้เขาตามมารยาทก่อนจะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจระคนสงสัย
“คุณมาที่นี่ทำไมคะ?”
“ก็มารับเธอ”
ภมรตอบเรียบๆ ขณะกวาดสายตามองบัณฑิตใหม่ที่อยู่ในชุดครุย ใบหน้าสวยถูกแต่งแต้มอย่างประณีตดูแปลกตากว่าทุกครั้งที่พบกัน
“เฮ้ยกา เสร็จจากนี่เราจะไปกินกันต่อ แกไปด้วยไหมวะ”
ธิปกซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของหญิงสาวเดินเข้ามาถาม พอเห็นภมรก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยกมือไหว้เมื่อคิดว่าเป็นญาติของเพื่อนสนิท
“จะไปไหนกัน?” ภมรเอ่ยถามก่อนที่หิรัญญิการ์จะทันได้ตอบเสียอีก
“ก็ไปฉลองกันตามประสาค่ะ คุณกลับไปเถอะ ญิการ์ไม่ไปกับคุณหรอก” หิรัญญิการ์เป็นคนตอบแล้วทำท่าจะเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนแต่ถูกภมรรั้งเอาไว้
“ไม่ได้ ยังไงวันนี้เธอก็ต้องย้ายไปอยู่กับฉัน” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม ตวัดสายตามองธิปกเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะขยับเข้าหาหิรัญญิการ์
“เอ่อ...กา เดี๋ยวเราไปถ่ายรูปต่อนะ เรื่องคืนนี้เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้” ธิปกเห็นท่าไม่ดีจึงรีบผละออกไปก่อน
“เฮ้ยปก นายอย่าทิ้งเราสิ” หิรัญญิการ์ร้องตามแล้วทำท่าจะเดินตามเพื่อนไปแต่ติดที่แขนถูกภมรรั้งไว้จึงไปไหนไม่ได้
“ไม่ต้องตามเพื่อนไป มีแต่พวกผู้ชายทั้งนั้น จะไปกินกับเขาได้ยังไง”
“แต่มันสำคัญกับญิการ์มาก ญิการ์อยากเลี้ยงฉลองวันแห่งความสำเร็จนี้กับเพื่อน แล้วกรุณาปล่อยมือญิการ์ด้วย เพื่อนๆ กำลังมองอยู่”
หิรัญญิการ์พยายามคุยกับเขาอย่างใจเย็นเพราะสำนึกอยู่เสมอว่าเขาไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นถึงอดีตเจ้านายของพี่ชายที่เสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน และเขายังเคยช่วยเหลือทั้งเธอและพี่ชายเอาไว้ไม่น้อย จะเรียกว่าเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องรักษามารยาทกับชายหนุ่มอยู่เสมอ ทั้งที่ตอนนี้ใจเธอกำลังเดือดปุดๆ
“วันนี้เธอต้องขนของไปอยู่บ้านของฉัน ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น” เสียงทรงอำนาจสั่งเด็ดขาด แต่ถึงกระนั้นก็ยังยอมปล่อยมือออกจากข้อมือเล็ก
“เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เราคุยกันหลายรอบแล้วนะคะ และญิการ์ก็เบื่อเต็มทีแล้วค่ะ”
เวลาพูดกับภมร หิรัญญิการ์จะไม่นำคำพูดห่ามๆ อย่างที่เธอชอบใช้กับเพื่อนๆ มาใช้กับเขา ดังนั้นทุกคำพูดที่ออกมาจึงหวานหูแม้จะขัดกับท่าทางของหญิงสาวก็ตาม
“ก็เอาสิ ถ้าวันนี้เธอไม่ยอมไปกับฉันดีๆ ฉันก็จะอุ้มเธอออกไปเดี๋ยวนี้” หิรัญญิการ์รู้ว่าเขาขู่ และไม่เชื่อว่าเขาจะกล้าทำอย่างที่พูดจึงขัดขึ้น
“คุณไม่ทำแบบนั้นแน่ คนเยอะออกอย่างนี้”
“ทำแน่ จะลองดูไหมล่ะ?” แววตาของเขาบอกว่าเอาจริง และเขาก็ไม่สนใจด้วยว่าใครจะมองและคิดเช่นไรเมื่อต้องเห็นเขาอุ้มคนตรงหน้าฝ่าฝูงชนออกไป
“เอาเป็นว่าขอญิการ์ไปถ่ายรูปกับเพื่อนให้เสร็จก่อน คุณก็ไปรอที่ด้านหน้า เสร็จแล้วญิการ์จะตามออกไป” หญิงสาวกล่าวเป็นการตัดบท ไม่ได้อาจหาญจะไปสั่งเขาจึงมองตอบชายหนุ่มด้วยแววตาร้องขอ เพราะตอนนี้บรรดาเพื่อนๆ ของเธอต่างก็จ้องมองมาทางนี้เป็นตาเดียว
“แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะไม่เบี้ยว”
“สัญญาค่ะว่าไม่เบี้ยว”
“ฉันให้เวลายี่สิบนาที และจะไม่รอถ้าหากช้าไปกว่านี้ เพราะฉันจะกลับมาพาเธอออกไปเอง” ภมรบอกเสียงเข้มก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันทีพร้อมกับบอดีการ์ดของเขาที่ก้าวตามไปติดๆ
หิรัญญิการ์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อหันกลับไปทางกลุ่มเพื่อนๆ ก็ต้องไหวไหล่เบาๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไรเมื่อเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นนั้น
“ใครน่ะกา เราไม่เคยเห็นเลย ญาติฝ่ายไหนของนายเหรอวะ” ธิปกเป็นคนเดินเข้ามาถามเมื่อยังค้างคาใจ เพราะเขาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทแท้ๆ แต่กลับไม่เคยเห็นผู้ชายที่เข้ามาหาหิรัญญิการ์เมื่อครู่เลย
“เปล่า ไม่ใช่ญาติเรา แต่เป็นอดีตเจ้านายพี่วีร์”
“อ้าวเหรอ แล้วเขามายุ่งอะไรกับนายวะ เห็นจับมือถือแขนกันด้วย นี่อย่าบอกนะว่านายแอบมีแฟนแต่ไม่ยอมบอกเรา”
“เฮ้ย...บ้าน่า คนนั้นน่ะอายุห่างกับเราเป็นสิบปีเชียวนะ แล้วเขาก็เป็นเจ้านายพี่วีร์ เรากับเขารู้จักกันมาตั้งแต่เราอายุสิบเจ็ดได้มั้ง เขาดีกับเราแล้วก็พี่วีร์มาก เพราะฉะนั้นนายอย่ามาคิดอกุศล แล้วเราก็ไม่คิดเอาคนอายุมากกว่าเราเป็นสิบปีมาทำพันธุ์หรอก...แก่ไป ยังเตะปี๊บไหวอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ว่ะ”
หญิงสาวหัวเราะร่วนเมื่อพูดประโยคสุดท้ายจบลง เธอกล้าพูดแต่ลับหลังภมรเท่านั้นล่ะ เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ต้องทำตัวสงบเสงี่ยมรักษามารยาทด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิที่ต่างกัน
“แล้วตกลงคืนนี้นายจะไปกับพวกเราไหม?”
“อยากไปนะ แต่เขาห้ามเราไป เอ่อ...เราอาจจะต้องย้ายไปอยู่บ้านเขา”
หญิงสาวบอกเสียงอุบอิบในตอนท้าย กลัวว่าเพื่อนจะคิดอกุศลอีก และมันก็จริง
“เฮ้ยๆ ไหนว่าไม่มีอะไรไงวะ แล้วทำไมนายต้องย้ายเข้าไปอยู่บ้านเขาด้วยกา”
“เลิกถามสักทีน่า เราจะไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ต่อ เขาให้เวลาเรายี่สิบนาที ส่วนเรื่องคืนนี้เดี๋ยวเราโทรหา พวกนายก็ไปกันก่อนก็แล้วกัน ถ้าเราได้ไปจะตามไปทีหลัง แต่ถ้าไม่ก็ถ่ายรูปมาให้ดูด้วยก็แล้วกัน”
หญิงสาวตัดบทก่อนจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ เพราะเธอต้องทำเวลา ไม่อยากจะเสี่ยงกับคนอย่างภมรเพราะเธอก็พอจะรู้ว่าคนอย่างเขาคงทำได้ทุกอย่างที่พูดแน่
กว่าหิรัญญิการ์จะฝ่าคลื่นฝูงชนออกมาพบเขาที่ด้านหน้าได้ก็กินเวลาไปนานพอสมควร ดังนั้นเมื่อหญิงสาวไปถึงรถชายหนุ่มก็เห็นว่าเขาเองก็เพิ่งก้าวลงจากรถทำท่าเหมือนจะออกมาตามเธอ แต่เมื่อเห็นว่าเธอเดินใกล้เข้ามาเขาก็กลับขึ้นไปในรถอีกครั้ง
รักษิตบอดีการ์ดคนหนึ่งของเขาเป็นผู้เดินมาเปิดประตูให้หญิงสาวขึ้นไปนั่งตอนหลังคู่กับภมร ส่วนเตชัสบอดีการ์ดอีกหนึ่งคนของภมรก็ทำหน้าที่เป็นสารถีประจำอยู่ที่นั่งด้านคนขับ เมื่อรักษิตเข้าไปนั่งตอนหน้าคู่กับเตชัสรถก็เคลื่อนตัวออกจากบริเวณนั้นทันที
“เธอช้าไปสิบนาที”
“ขอโทษค่ะ คนเยอะญิการ์ต้องเดินฝ่าออกมา”
เธอขอโทษแล้วกล่าวแก้ตัว ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก ตอนนี้หิรัญญิการ์ถอดชุดครุยออกแล้วและพาดมันไว้ที่แขนด้านหนึ่งเมื่อขึ้นมานั่งบนรถก็กลายเป็นกอดมันเอาไว้ ส่วนกระเป๋าเป้ใบเล็กที่ถือติดมือมาด้วยก็วางไว้ที่ว่างข้างๆ ตัว
“แล้วนี่เราจะไปไหนกันคะ?”
“ไปคอนโดฯ ของเธอ ไปเก็บของ”
“ยังไงวันนี้คุณก็จะให้ญิการ์ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านคุณให้ได้เลยใช่ไหมคะ”
หญิงสาวพูดเหมือนประชดกลายๆ มารยาทที่พยายามรักษาเมื่ออยู่กับเขาที่ทำอย่างเคร่งครัดมาตลอดตามที่พี่ชายเคยสอนเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ก็หย่อนยานลง คงเพราะความเดือดดาลในอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นกระมัง
“แน่นอน และเธอก็ห้ามบ่ายเบี่ยง เพราะฉันเองก็เบื่อที่จะฟังเต็มทน”
ภมรเอาคำพูดของเธอมาย้อนบ้าง มันทำให้หิรัญญิการ์ไม่กล้าพูดอะไรอีกจนเมื่อรถมาหยุดตัวลงที่หน้าคอนโดฯ ของเธอในชั่วโมงต่อมา หญิงสาวรีบเปิดประตูลงไปทันทีที่รถหยุดเพราะไม่อย่างนั้นเตชัสหรือไม่ก็รักษิตจะต้องมาเปิดประตูให้ ซึ่งเธอรู้สึกกระดากและไม่ชอบที่พวกเขาปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้ เธอไม่รู้ว่าภมรเป็นคนสั่งหรือพวกเขาทำตามมารยาทของสุภาพบุรุษที่ดี แต่จะเป็นเพราะเหตุผลไหนหญิงสาวก็ไม่ชอบทั้งนั้น
“พวกนายกลับไปก่อน ทิ้งรถไว้ที่นี่แหละเดี๋ยวฉันขับกลับไปเอง” ภมรหันไปสั่งลูกน้องคนสนิท
“จะดีเหรอครับนาย ผมว่ามันอาจจะ...” เตชัสทำท่าจะพูดบางอย่างออกมาแต่ก็ถูกภมรยกมือขึ้นห้าม
“ตอนนี้พวกนั้นเงียบไปแล้ว นานถึงสองปีแล้วด้วย พวกนายอย่าห่วงนักเลย”
ภมรตัดบทก่อนจะเดินตามหิรัญญิการ์เข้าไปด้านใน ไปทันหญิงสาวที่หน้าลิฟต์พอดี และก่อนจะถึงห้องของหิรัญญิการ์เขายังดึงชายเสื้อของเธอเอาไว้ให้หญิงสาวกลับมาเดินเคียงไม่ยอมให้เธอเดินนำ เมื่อมาถึงก็ปล่อยออกแล้วยืนรอให้เธอไขกุญแจ
“คุณรอตรงนี้ก็ได้ค่ะ ญิการ์เก็บของแป๊บเดียว” หญิงสาวไม่อยากอยู่กับเขาในที่รโหฐานตามลำพังจึงคิดว่าไม่เหมาะถ้าหากเขาจะเข้าไปกับเธอด้วย
“ฉันหิวน้ำ”
“งั้นก็ได้ค่ะ แต่คุณต้องรอข้างนอกที่โซฟา ห้ามเข้าไปในห้องนอนญิการ์”
เธอกำชับก่อนจะขยับออกจากประตูเล็กน้อยเป็นเชิงให้เขาเข้าไปก่อน ส่วนตัวเองก็ยืนทำใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินตามเข้าไป
คอนโดฯ แห่งนี้พันธวีร์พี่ชายของเธอเป็นคนซื้อเอาไว้นานแล้ว และก็ใช่ว่าภมรจะไม่เคยมา แต่ทุกครั้งจะมีพันธวีร์อยู่ด้วย ไม่เหมือนครั้งนี้ที่มีเพียงเขาและเธอตามลำพัง ทำให้หิรัญญิการ์รู้สึกแปลกๆ ชอบกลเพราะเธอไม่เคยอยู่ตามลำพังแบบสองต่อสองกับเขามาก่อน เธอไม่เคยประหม่าเลยสักครั้งเมื่อต้องอยู่กับผู้ชายเพราะตัวเองมีแต่เพื่อนๆ ที่เป็นผู้ชายทั้งนั้น และไม่ว่าจะเป็นผู้ชายคนไหนเธอก็ไม่เคยรู้สึกประหม่าเท่ากับนายภมร นฤกรินทร์คนนี้มาก่อนเลย
“น้ำค่ะ” หิรัญญิการ์บอกเมื่อยกแก้วน้ำมาให้เขา
“รีบเก็บของนะ เดี๋ยวจะไปถึงที่โน่นเย็น”
“เอ่อ...คุณภมรคะ ญิการ์ว่าเรามาคุยเรื่องนี้กันใหม่ดีไหมคะ” หญิงสาวเสนอออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก
“คุยอะไร ไม่เห็นจะมีอะไรต้องคุยอีก ในเมื่อยังไงวันนี้เธอก็ต้องย้ายไปอยู่กับฉัน”
“อยู่ที่บ้านคุณ” หิรัญญิการ์กล่าวแก้เมื่อเขาพูดผิดไปเล็กน้อย
“นั่นแหละ ไปเก็บของได้แล้ว”
หิรัญญิการ์ตั้งท่าจะพูดอะไรอีกแต่เมื่อคิดว่าพูดไปก็เท่านั้นจึงตัดสินใจลุกเดินเข้าห้องนอนไป แต่ใจนั้นยังต่อต้านเขาอยู่เงียบๆ
“วันนี้มันวันซวยของแกหรือไงวะญิการ์ ตาลุงนี่ถึงได้ตามไม่เลิกนัก คนไม่อยากจะไปก็ยังบังคับจะให้ไปอยู่ได้” บ่นพึมพำขณะนำชุดครุยไปแขวนไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนจะขยับออกมาแล้วยืนมองมันด้วยความภาคภูมิใจพลางนึกไปถึงพี่ชายที่ถ้าตอนนี้เขาอยู่ด้วยกันเธอก็คงจะมีความสุขกว่านี้มาก
พันธวีร์พี่ชายคนเดียวของเธอเป็นหลานรหัสของภมรเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย และเมื่อเรียนจบยังเข้าทำงานในบริษัทของภมรซึ่งทำบริษัทเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ใครๆ ต่างก็รู้จักดีในนาม พี เอ็น กรุ๊ป จำกัด จนเมื่อพี่ชายเธอเสีย ภมรถึงได้อ้างสิทธิ์ในความเป็นปู่รหัสและเป็นเจ้านายของพี่ชายเธอเข้ามาก้าวก่ายกับชีวิตของเธอแบบติดหนึบชนิดไม่ปล่อยเลยทีเดียว
เขาอ้างว่าพี่ชายเธอฝากเธอให้เขาดูแลเพราะเหลือเพียงตัวคนเดียว ซึ่งหิรัญญิการ์ก็ไม่รู้อีกแหละว่าพันธวีร์ไปฝากเธอกับภมรตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ในเมื่อเขาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำแล้วเสียชีวิตในทันที ขนาดจะสั่งเสียเธอซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ ก็ยังไม่มีเลย แล้วเขาไปสั่งเสียกับภมรตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ญิการ์ เก็บของด้วย” ภมรโผล่หน้าเข้ามาบอก เมื่อเห็นเธอยังยืนเฉย
“ญิการ์ไม่อยากไป” หญิงสาวบอกเขา ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามาในห้องนอนของเธอแล้วยกมือขึ้นกอดอกมองด้วยใบหน้ายุ่ง
“คุณเข้ามาทำไมเนี่ย” หิรัญญิการ์เดินเข้าไปผลักเขาจะให้ออกพ้นประตูไป แต่ชายหนุ่มกลับยื้อไว้แล้วเป็นฝ่ายล็อกตัวหญิงสาวเอาไว้แทน
“นี่มาจับญิการ์ไว้ทำไม ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” หิรัญญิการ์ร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขาล็อกตัวเอาไว้ รู้สึกตกใจนิดๆ เพราะเขาไม่เคยทำแบบนี้กับเธอมาก่อน
“ตกใจอะไร ฉันแค่จับไว้ไม่ให้เธอดันฉันออกไปได้เท่านั้นเอง”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำท่าตกใจชายหนุ่มจึงอธิบายเรียบๆ ก่อนจะปล่อยหิรัญญิการ์ออกจากวงแขน แวบหนึ่งแววตาของเขาอ่อนแสงลงเมื่อทอดมองดวงหน้าหวานละมุนของคนตรงหน้า
“คุณภมร ญิการ์ขออยู่ที่นี่เถอะนะคะ”
“อย่าดื้อนักเลยญิการ์ ฉันไม่ได้ใจดีแบบนี้ตลอดหรอกนะ” ภมรเตือนเสียงขรึม เพราะเวลานี้เขาต้องใช้ความอดทนกับเธอเป็นอย่างมาก และความอดทนของคนเรามันก็มีขีดจำกัด
“ทำไมคุณถึงอยากให้ญิการ์ไปอยู่บ้านคุณนัก”
“เพราะพี่ชายเธอฝากเธอไว้กับฉันน่ะสิ”
“ฝาก...พี่วีร์ไปฝากญิการ์ไว้กับคุณตอนไหนคะ?”
“วีร์พูดกับฉันตลอดว่าเขาห่วงเธอ ถ้าไม่มีเขาเธอก็ต้องอยู่ตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก แค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่าเขาคงไม่อยากให้เธอต้องอยู่ตามลำพังอย่างที่เธอพยายามจะทำอยู่ตอนนี้”
“แต่ญิการ์โตพอจะเลี้ยงตัวเองได้แล้วนะคะ แล้วตอนนี้ญิการ์ก็เรียนจบแล้วด้วย เรื่องงานญิการ์ก็หาได้แล้ว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่ญิการ์จะต้องไปอาศัยคุณ ญิการ์ไม่อยากเป็นภาระของบ้านคุณ”
หญิงสาวพยายามอธิบายให้เขาฟังด้วยเหตุผลว่าถ้าหากเธอต้องเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของเขาก็เท่ากับว่าเธอต้องไปเป็นภาระให้กับเขา
“เธอเป็นน้องวีร์ ก็เหมือนเป็นน้องฉัน ไม่เห็นจะต้องคิดมากอะไรขนาดนั้น”
ภมรบอกอย่างอ่อนใจ เพราะหิรัญญิการ์ใช้เหตุผลนี้อ้างกับเขามาถึงสองปีนับแต่พันธวีร์เสียไป และเขาก็ยอมให้เรื่อยมาเพราะเธอบอกว่าบ้านของเขาไกลจากมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่ทำให้เดินทางลำบาก แต่เมื่อเรียนจบแล้วหิรัญญิการ์ก็ยังคงใช้เหตุผลเดิมๆ มาอ้างกับเขาอีกว่าเพราะกลัวเป็นภาระให้กับเขา
‘...ช่างไม่รู้อะไรเลยนะญิการ์ ว่าเขาน่ะอยากจะให้ไปเป็นภาระจะแย่แล้ว’
“แต่...”
“จะเก็บเองหรือจะให้ฉันเก็บให้” ภมรแทรกขึ้นก่อนที่หิรัญญิการ์จะทันได้คัดค้าน
“ก็ได้ค่ะ ก็ได้ วันนี้ญิการ์ยอมคุณก็ได้ เพราะไม่อย่างนั้นวันหลังคุณคงไปตามญิการ์ถึงที่ทำงานแน่ๆ ญิการ์อายเขา” ในที่สุดหญิงสาวก็ต้องยอมจำนน เพราะเหนื่อยเหลือเกินที่จะต้องมาถกเถียงเรื่องนี้กับเขา ซึ่งเธอไม่เคยชนะสักที
“ทำงานที่ไหน?”
“ก็บริษัทรับเหมาก่อสร้างนั่นแหละค่ะ ญิการ์เป็นวิศวกรนี่นา” หิรัญญิการ์บอกเขาพร้อมกับเริ่มจัดการเก็บข้าวของบางส่วนลงกระเป๋าเดินทางใบหย่อม
“นี่ก็เหมือนกัน อะไรดลใจให้เธอเลือกเรียนวิศวกรรมโยธาหือ ญิการ์”
“ญิการ์ชอบค่ะ”
“เก็บแค่นั้นก็พอแล้วล่ะ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจะซื้อให้ใหม่” ภมรรีบบอกเมื่อเห็นเธอเก็บเสื้อผ้าเข้ากระเป๋าไปสองสามชุดแล้ว
“ญิการ์ไม่เก็บไปเยอะหรอกค่ะ” เพราะเธอจะไม่อยู่กับเขานานนักหรอก...หญิงสาวต่อในใจ ก่อนจะรูดซิปกระเป๋าแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเขา
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ทีนี้จะพาไปไหนก็เชิญตามสบาย”
“อย่าประชดฉันญิการ์ ฉันอยากให้เธอไปอยู่ที่บ้านฉันด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ไปอยู่เพราะถูกฉันบังคับ” หิรัญญิการ์ฉุนกึก เขาช่างพูดออกมาได้ว่าต้องการให้เธอไปอยู่กับเขาด้วยความเต็มใจ ทั้งที่เขาเองก็กำลังบังคับเธออยู่
“แต่คุณรู้ตัวไหมคะ ว่าคุณกำลังบังคับญิการ์อยู่”
“ฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าเธอจะต้องเต็มใจ” ชายหนุ่มบอกอย่างคนที่เอาแต่ใจ ก่อนจะคว้าเอากระเป๋าของหญิงสาวมาถือไว้แล้วเดินนำออกไปก่อน
หิรัญญิการ์ชูหมัดขึ้นตามหลังเขาแล้วบ่นอะไรพึมพำยืดยาว แต่สุดท้ายก็ต้องก้าวตามเขาออกไปอยู่ดีเพราะรู้ว่าถึงอย่างไรเสียไม่วันใดก็วันหนึ่งเธอก็จะต้องย้ายไปอยู่บ้านเขาอยู่ดี จะช้าหรือเร็วอย่างไรก็คงไม่ต่างกันเท่าไรนักหรอก และดูเหมือนว่าเขาเองก็พยายามเสียเหลือเกินที่จะให้เธอย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านเขาให้ได้
เสียงรถคุ้นหูแล่นเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์นฤกรินทร์ ทำให้อัมเรศผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวของเจ้าของรถต้องเดินออกไปต้อนรับผู้มาใหม่และเมื่อเห็นว่าน้องชายพาใครมาด้วยก็ต้องอมยิ้ม
“ไม่อยากจะเชื่อ ภมรพายายญิการ์มาได้จริงๆ หรือเนี่ย” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาไม่ได้บ่งบอกว่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อย
“กว่าจะพามาได้ ผมต้องออกแรงไปตั้งเท่าไรพี่เรศไม่รู้หรอก” ภมรพูดพร้อมกับก้มมองคนข้างกายที่ยกมือไหว้อัมเรศสวยกว่าที่ไหว้เขาเมื่อตอนที่พบกันเสียอีก
“มาเถอะญิการ์ ฉันจะพาไปดูห้อง” อัมเรศดึงหิรัญญิการ์ให้ตามตัวเองเข้าบ้านไปพร้อมกับเอ่ยถามไปด้วย
“แล้วไปยังไงมายังไง ถึงได้ไปพลาดท่าภมรเขาได้ล่ะ?”
“เอ่อ...ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ น้องชายคุณเรศบังคับญิการ์มา” หิรัญญิการ์รู้สึกแปลกๆ กับคำถามของอัมเรศไม่น้อยจึงตอบทั้งรอยยิ้มเจื่อนๆ
หญิงสาวพูดคุยกับอัมเรศได้อย่างสนิทใจเพราะรู้จักมักคุ้นกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยพี่ชายของเธอเข้าทำงานที่ พี เอ็น กรุ๊ป ใหม่ๆ แม้ว่าคนบ้านนี้จะถือได้ว่าเป็นเจ้านายของพันธวีร์ แต่พวกเขากลับมองเหมือนเธอเป็นญาติสนิท อัมเรศยังเคยจัดงานวันเกิดให้เมื่อสมัยที่หิรัญญิการ์อายุได้ 18 ปี
“อย่าไปถือสาเลย ภมรเขาก็เป็นของเขาแบบนี้แหละ มาดูห้องเธอดีกว่าว่าสวยไหม” ประโยคท้ายพูดพร้อมกับผลักบานประตูสีขาวออก แล้วพาหิรัญญิการ์เข้าไปด้านใน
“ชอบไหมญิการ์ นี่แหละห้องของเธอ ภมร...เอ่อ...ฉันจัดไว้ให้ตั้งนานแล้วล่ะ เพราะคิดว่าสักวันเธอก็ต้องมา แล้วเธอก็มาจริงๆ ด้วย ฉันดีใจนะที่เธอมา” อัมเรศพูดเป็นนัยๆ แต่หิรัญญิการ์ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยเพราะมัวแต่เดินดูห้องที่ต่อไปเธอจะต้องใช้มันเป็นที่หลับนอน
ห้องโทนสีฟ้า สีโปรดของหิรัญญิการ์ ทั้งผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่มครบชุด รวมถึงผ้าม่านและโซฟาตัวสวยที่วางชิดอยู่ที่มุมห้องด้านหนึ่งตรงข้ามกับเตียงนอนหลังใหญ่ รูปดอกไม้ประจำตัวคือดอกหิรัญญิการ์ถูกวาดเอาไว้บนผืนผ้าใบแขวนโชว์อยู่ตรงหัวนอน ทำให้หญิงสาวคลี่ยิ้มออกมาบางเบาเพราะปลื้มใจกับดอกไม้ชื่อนี้นักหนา
“ชอบใช่ไหมญิการ์?”
“ชอบค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็พักผ่อนให้สบายเถอะนะ เดี๋ยวเด็กคงยกกระเป๋าเธอขึ้นมาให้ ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็บอกเด็กรับใช้ได้เลยจ้ะ” อัมเรศสั่งความไว้แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไป แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงหันกลับมาพูดอีกครั้ง
“อ้อ ยินดีกับบัณฑิตใหม่ด้วยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ” อัมเรศยิ้มให้สมาชิกคนใหม่ของบ้านเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกจากห้องนั้นไป
หิรัญญิการ์เดินไปทรุดนั่งที่ปลายเตียง สายตากวาดมองห้องนอนใหม่แล้วต้องถอนหายใจเฮือก มันสวยก็จริงอยู่ แล้วก็กว้างขวางกว่าห้องที่คอนโดฯ ของเธอมาก แต่สำหรับหิรัญญิการ์แล้วคับที่น่ะอยู่ง่าย แต่คับใจนี่สิที่ไม่รู้ว่าจะทนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ๆ นี้ได้นานสักแค่ไหน เพราะพึงระลึกอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นภาระสำหรับคนที่นี่
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องพร้อมกับใบหน้าอ่อนใสของสาวใช้ในชุดฟอร์มสะอาดก็เยี่ยมหน้าเข้ามาเพราะเมื่อครู่อัมเรศออกไปโดยไม่ได้ปิดประตูให้สนิทเพียงแง้มไว้เท่านั้น
“หนูเอากระเป๋าขึ้นมาให้ค่ะ” เด็กสาวบอกแล้วถือกระเป๋าใบหย่อมของหิรัญญิการ์เข้ามาในห้อง
“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันเก็บเข้าตู้เอง” หิรัญญิการ์ร้องบอกเมื่อเห็นว่าเด็กรับใช้กำลังรูดซิปกระเป๋าแล้วทำท่าจะเอาข้าวของออกมาจัดเรียงให้
“แต่คุณภมรสั่งให้หนูเป็นคนทำค่ะ แล้วเธอยังสั่งอีกว่าให้คุณญิการ์อาบน้ำแล้วลงไปพบเธอที่ห้องสมุดด้านล่างค่ะ”
“คุณภมรน่ะหรือสั่ง?”
“ค่ะ” เด็กสาวรับคำก่อนจะทำหน้าที่ของตัวเองตามที่ถูกสั่งการมาขะมักเขม้น
หิรัญญิการ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคิดถึงภมร แต่แทนที่จะทำตามดังคำพูดของเด็กรับใช้ที่ถูกภมรสั่งการมาอีกทีหญิงสาวกลับเอนกายลงนอนราบบนเตียงนอนหนานุ่ม กางแขนทั้งสองข้างออกแล้วพลิกตัวเกลือกกลิ้งไปมา
“เอ่อ...คุณญิการ์ไม่ไปอาบน้ำหรือคะ” เด็กสาวเอ่ยถามกล้าๆ กลัวๆ
“เดี๋ยวฉันไป เธอจัดของเสร็จแล้วก็ออกไปเถอะ”
“ค่ะ”
เมื่อเด็กรับใช้ออกไปแล้วหิรัญญิการ์ก็เลื่อนตัวเองขึ้นไปนอนขวางอยู่บนเตียง ยกมือขึ้นปิดปากหาวอยู่สองสามครั้งก่อนจะหลับตาลงตั้งใจจะพักสายตาชั่วครู่ แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆ หิรัญญิการ์กลับเผลอหลับไปเสียสนิทด้วยความเพลีย เพราะวันนี้เป็นวันรับปริญญาที่เธอต้องบอกกับตัวเองอย่างหมดสภาพเลยว่าเหนื่อยแทบขาดใจ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2555, 12:12:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2555, 12:12:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 4251
บทที่ 2 + 3 >> |

teaw 21 มิ.ย. 2555, 12:29:17 น.
รอตอนต่อไป
รอตอนต่อไป

น้ำค้าง 21 มิ.ย. 2555, 12:30:42 น.
เนื้อเรื่องชวนให้ติตามตอนต่อไป แต่ว่าชื่อตัวละครคุ้นๆ นักเขียนเลยลงทีไหนมาก่อนหรือเปล่าอ่ะ
เนื้อเรื่องชวนให้ติตามตอนต่อไป แต่ว่าชื่อตัวละครคุ้นๆ นักเขียนเลยลงทีไหนมาก่อนหรือเปล่าอ่ะ

wane 21 มิ.ย. 2555, 14:16:59 น.
ลงชื่อรอตอนต่อไปค๊าาาา
ลงชื่อรอตอนต่อไปค๊าาาา

panon 21 มิ.ย. 2555, 15:03:24 น.
รอตอนต่อไปจ๊ะ
รอตอนต่อไปจ๊ะ

หมูอ้วน 21 มิ.ย. 2555, 15:17:37 น.
ปูเสื่อรอค่าา
ปูเสื่อรอค่าา

ป้าภา 21 มิ.ย. 2555, 15:21:55 น.
ขอพิจารณาก่อน ค่อยวิจารนะ
ขอพิจารณาก่อน ค่อยวิจารนะ

innam 21 มิ.ย. 2555, 16:24:23 น.
ลงชื่อรอ และตามเป็นกำลังใจ
ลงชื่อรอ และตามเป็นกำลังใจ


Zephyr 21 มิ.ย. 2555, 19:13:52 น.
อ่ะ ท้าทาย เดี๋ยวได้ตามมาลากถึงห้องแน่ๆ หึหึ
อืม มีวัว กะมีหญ้าอ้อนอ่อนนะ เอ หรือเลี้ยงต้อยดีน้าาา
อ่ะ ท้าทาย เดี๋ยวได้ตามมาลากถึงห้องแน่ๆ หึหึ
อืม มีวัว กะมีหญ้าอ้อนอ่อนนะ เอ หรือเลี้ยงต้อยดีน้าาา

lovemuay 21 มิ.ย. 2555, 19:17:59 น.
ท่าทางจะไม่ได้อยากเป็นแค้เจ้านายและเพื่อนรักของพี่ชายหล่ะม้าง อิอิ
ท่าทางจะไม่ได้อยากเป็นแค้เจ้านายและเพื่อนรักของพี่ชายหล่ะม้าง อิอิ

Setia 21 มิ.ย. 2555, 19:54:45 น.
อือ น่าสนใจดีค่่ะ ภมรออกจะดูเผด็จการไปหน่อยนะ เป็นเราก็คงต่อต้านเหมือนกัน
แต่การตายของพี่ชายดูแปลกๆไปหน่อยนะ
อือ น่าสนใจดีค่่ะ ภมรออกจะดูเผด็จการไปหน่อยนะ เป็นเราก็คงต่อต้านเหมือนกัน
แต่การตายของพี่ชายดูแปลกๆไปหน่อยนะ

Malassia 21 มิ.ย. 2555, 20:09:39 น.
รอต่อคะ
รอต่อคะ

ลูกกวาดสีส้ม 21 มิ.ย. 2555, 21:01:30 น.
อืม...น่าสนใจๆ
อืม...น่าสนใจๆ

ของขวัญ 21 มิ.ย. 2555, 21:25:48 น.
น่าติดตามค่ะ ท่าทางคุณภมรจะหลงรักหนูญิการ์มานานแล้วสิเนี่ย
น่าติดตามค่ะ ท่าทางคุณภมรจะหลงรักหนูญิการ์มานานแล้วสิเนี่ย

117 21 มิ.ย. 2555, 23:47:15 น.
ชอบค่ะ น่าอ่านมากชอบพล็อตเรื่องประมาณนี้ ตอนต่อไปมาเร็วๆน๊า...
ติดตามค่ะ
ชอบค่ะ น่าอ่านมากชอบพล็อตเรื่องประมาณนี้ ตอนต่อไปมาเร็วๆน๊า...
ติดตามค่ะ

kaero 22 มิ.ย. 2555, 12:05:41 น.
เผลอหลับตายแน่ๆๆๆ ณิการ์เอ๋ย
เผลอหลับตายแน่ๆๆๆ ณิการ์เอ๋ย

XaWarZd 10 ก.ค. 2555, 09:01:44 น.
อ่านแล้วรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันห้วนๆ ไปนิด น่าจะมีบ่งบอกความเป็นมาอีกสักหน่อย อยู่ๆ ก็เปิดเรื่องมาแบบมาจิกเอาไปเลย ถ้ามีย้อนความนิดๆ ปรับการเขียนให้ดูรื่นอีกหน่อยก็แจ๋วเลยจ๊า
อ่านแล้วรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันห้วนๆ ไปนิด น่าจะมีบ่งบอกความเป็นมาอีกสักหน่อย อยู่ๆ ก็เปิดเรื่องมาแบบมาจิกเอาไปเลย ถ้ามีย้อนความนิดๆ ปรับการเขียนให้ดูรื่นอีกหน่อยก็แจ๋วเลยจ๊า