เพลิงรักอาญา
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ ๕ ผลงานชั้นเยี่ยม!
บทที่ ๕ ผลงานชั้นเยี่ยม
เกวลินนั่งดูแผนงานที่ได้รับมาจากบิดา อาทิตย์ก่อนเธอกำลังจะได้เริ่มงานใหญ่งานแรกที่ได้รับมอบหมายให้ แต่แล้วลูกค้ากลับเลื่อนกำหนดการออกไปกะทันหัน เธอจึงต้องรับดูแลงานอื่นภายในรีสอร์ตไปพลางๆ
โต๊ะทำงานของหญิงสาวถูกเคาะเบา ใบหน้าหวานจึงพับแฟ้มปิดและเงยหน้าขึ้นมอง
“มีอะไรหรอคะ” เกวลินเอ่ยด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม
“รุ้งเข้าไปหาพ่อที่ห้องหน่อยลูก”
“ค่ะคุณตรัย” เกวลินฉีกยิ้มกว้างให้บิดาที่หันมาทำหน้าดุเล็กน้อยเมื่อลูกสาวใช้สรรพนามเรียกเขาเช่นเดียวกันพนักงานคนอื่นๆ หญิงสาวรีบกระตือรือร้นเดินเข้าไปในห้องทำงานใหญ่
“คุณพ่อมีอะไรหรือคะ” ร่างบางทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามบิดา
“เรื่องงานเลี้ยงกลางรีสอร์ตที่ลูกค้าเลื่อนนัดเราครั้งก่อน เขาขอคอนเฟิร์มมาแน่แล้วว่าเป็นวันศุกร์หน้า แกเริ่มเตรียมงานได้เลย พ่ออยากให้แกดูแลงานนี้ด้วยตัวเองทุกอย่างต้องเพอร์เฟกที่สุด เข้าใจไหม” คุณตรัยบอกพร้อมกับวางเอกสารการจัดเลี้ยงที่ลูกค้าระบุมาให้ตรงหน้า
หญิงสาวเอื้อมือบางหยิบขึ้นมาเปิดดุคร่าวๆ ก่อนจะรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“รับทราบค่ะ รุ้งจะทำงานนี้ให้ดีที่สุด”
ศิฐาพยักหน้าและเอ่ยเตือนลูกสาว
“อย่าเก่งแต่คุย พ่อไม่อยากให้แกถูกพนักงานคนอื่นมองว่าไม่ได้เรื่องหลังงานเสร็จหรอกนะ”
“แล้วถ้างานนี้สุดยอดที่สุด ดิฉันจะได้โบนัสทัวน์ยุโรปสักเดือนหรือเปล่าล่ะคะ คุณตรัย” ร่างบางลุกจากเก้าอี้แล้วยิ้มหวานให้กับบิดา ก่อนจะเดินเข้าไปนวดไหล่เอาใจ เพื่ออ้อนเอารางวัล
คุณตรัยลุกขึ้นยืน แล้วหันมายีผมลูกสาวเบาๆ
“มากไปแล้ว ทำงานไม่ทันไร แกก็จะขอเที่ยวเป็นเดือนเชียวหรอ ถ้าจะเอาแบบนั้น ฉันจ้างคนใหม่ไม่ดีกว่าหรือไง”
“โธ่ รุ้งก็นึกว่าคุณพ่อจะใจดีเสียดีเสียอีกค่ะ”
“เอาไว้งานสำเร็จพ่อจะลองคิดดูดีอีกที”
“จริงนะคะ”
“อืม” ตรัยพยักหน้ารับ
“คุณพ่อใจดีที่สุดเลย” เกวลินกอดเอวบิดาแน่นด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบเดินไปหยิบเอกสารที่วางไว้แล้วเดินไปที่ประตู
“รุ้งไปทำงานก่อนนะคะ เจ้านาย”
คุณตรัยมองตามลูกสาวคนเดียวเดินออกไปด้วยความสุขใจ เกวลินเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ถ้าหากลูกสาวทำงานนี้ได้สำเร็จ เขาก็จะยอมวางมือและมอบหน้าที่การบริหารรีสอร์ตให้กับเกวลินอย่างเต็มตัว
ทางด้านของชายหนุ่มที่กำลังยุ่งอยู่กับอาการป่วยของน้องสาว เขาก็ยังไม่ทิ้งเรื่องงาน โทรศัพท์สอบถามความคืบหน้าเรื่องงานที่มอบหมายให้ลูกน้องจัดการให้ด้วย
“เรื่องที่ให้ไปทำเป็นยังไงบ้างปรีติ”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีเกินความคาดหมายอีกครับคุณรเมศ”
“โอเค แล้วพรุ่งนี้ผมจะเข้าไป” มือหนากดปิดโทรศัพท์มือถือ แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยที่น้องสาวของเขานอนซึมอยู่บนเตียงผู้ป่วยนั่น
รเมศเอื้อมไปจับมือขาวซีดเผือดของทอไหมมากุมไว้
“ฟื้นสักทีสิไหม จะหลับไปอย่างนี้อีกนานแค่ไหนกัน พี่เป็นห่วงนะรู้ไหมคนดี ช่วงที่พี่ไม่อยู่ ไหมห้ามดื้อกับหมอนะรู้ไหม ห้ามเป็นอะไรไปมากกว่านี้จนกว่าพี่จะกลับมา เชื่อพี่นะ แล้วพี่จะรีบมาหาไหมให้เร็วที่สุด พี่จะรอไหมฟื้นขึ้นมาบอกพี่ว่าใครทำให้ไหมต้องเจ็บตัวแบบนี้ พี่จะรอไหมนะ คนดีของพี่” ริมฝีปากของเขาประทับลงบนหน้าหลังมือของทอไหม ก่อนจะวางลงไว้ที่เดิม
“พี่ไปก่อนนะแล้วจะรีบกลับมา”
เกวลินได้รับคำเชิญจากปรีติให้มาร่วมงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าของทางบริษัทด้วย ในฐานะที่เธอเป็นผู้จัดเตรียมงานทั้งหมดในคืนนี้
หญิงสาวในชุดราตรีสั้นสีโอรสสดใสก้าวเดินฉับๆไปทั่วงานเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยสมบูรณ์ของงานเลี้ยงในคำค่ำคืนนี้อีกครั้งอย่างละเอียด
“วันนี้คุณรุ้งสวยมากเลยครับ” เสียงทุ้มเอ่ยชมจากทางด้านหลัง ทำให้หญิงสาวหันกลับมามองพร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
“ขอบคุณค่ะ คุณปรีติเล่นชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ดิฉันก็เขินแย่สิคะ” เกวลินเห็นประกายตาวิบวับจากชายหนุ่มก็ต้องหลบสายตาตัวเองมองไปบรรยากาศรอบงานเลี้ยง
“ก็คุณรุ้งสวยจริงๆนี่ครับ นี่ขนาดไม่ค่อยแต่งหน้าเท่าไรยังสวยเสียขนาดนี้” ปรีติจ้องมองหญิงสาวเหมือนตกตะลึง เขาทั้งชื่นชมและชื่นชอบสตรีที่ทั้งสวยและเก่งคนนี้นักหนา
“พอเถอะค่ะ เลิกยอรุ้งได้แล้ว งานวันนี้ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยตัดบทด้วยการถามถึงเรื่องงานทันที
“ไม่มีครับ ลูกค้าของผมเอ่ยชมกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะทั้งอาหาร สถานที่ การบริการต่างๆ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าประทับใจมาก”
เกวลินยิ้มกว้างอย่างพอใจในคำชม
“ได้ยินแบบนี้ก็รุ้งค่อยโล่งใจหน่อยค่ะ”
“สบายใจได้เลยครับ คุณรุ้งเตรียมการได้ดีเยี่ยมเกินกว่าที่เราต้องการเสียอีก ขอบคุณคุณรุ้งมากนะครับ”
“ยินดีค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วรุ้งขอตัวไปดูทางอื่นหน่อยนะคะ” เมื่อชายหนุ่มพยักหน้าเกวลินจึงเดินออกมาด้านนอกของงาน ยืนชื่นชมความสำเร็จของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ
“คุณพ่อต้องดีใจแน่ๆ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” ร่างบางถอยหลังมาเหยียบเท้าคนข้างหลังเต็มๆ แต่พอหันกลับมามองหน้าเขา เธอก็ต้องตกตะลึง
“คุณ!”
“ขวัญอ่อน ตกใจที่เห็นว่าเป็นผมหรือไง” รเมศมองหญิงสาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาของเขาจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
เกวลินไม่ตอบโต้ ตัดสินใจเดินหนีไปให้พ้นสายตาเขา แต่เมื่อก้าวขามือแข็งแรงกลับคว้าต้นแขนของเธอเอาไว้แน่น
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” ร่างบางพยายามเบี่ยงตัวออกให้พ้นจากมือเขา
“จับนิดจับหน่อยทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว จะรีบไปไหนล่ะ คืนนี้จับผู้ชายรวยๆได้สักคนหรือยัง” คำกระแทกแดกดันทำให้หญิงสาวชะงักก่อนจะถามย้อนกลับ
“คุณหมายถึงใคร”
“รุ้ง!” เสียงเข้มที่เรียกลูกสาวของคุณตรัยทำให้เกวลินถูกปล่อยมืออย่างง่ายดาย
“คุณพะ...คุณตรัย มีอะไรหรอคะ” เกวลินรีบขยับไปยืนข้างบิดา ตรัยมองหน้า
ลูกสาวสลับกับชายหนุ่มไปมา
“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับคุณ” ตรัยสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติจากสายตาชายหนุ่มที่มองลูกสาวของเขาจึงเอ่ยถาม
“ไม่มีครับ เชิญคุณสองคนตามสบาย” สิ้นคำพูด รเมศจึงเดินเข้าไปในงาน เมื่อเข้ามาในเขตที่ผู้คนพลุกพล่าน เขาก็หันไปมองทางเดิมอีกครั้ง เห็นสองคนพ่อลูกยังคงยืนคุยกันที่เดิม รเมศก็มีอคติกับหญิงสาวมากขึ้นกว่าเดิม
“ฮึ! แก่คราวพ่อ เธอก็ยังไม่เว้นนะ”
ตรัยหันมาเอ่ยถามกับลูกสาวที่กำลังยืนมองตามชายหนุ่ม
“รู้จักกับเขารึเปล่า“
เกวลินหันมองหน้าบิดาแล้วก็ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่รู้จักค่ะ”
ตรัยได้ฟังคำตอบของลูกสาวแล้วก็เดินกลับไปคนละทางกับชายหนุ่มอีกคน
เกวลินนึกถึงคำพูดของเขา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ดูถูกเธอสารพัดทั้งที่เธอกับเขาเจอกันได้แค่เพียงสองครั้ง
ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงรเมศก็ถูกเชิญขึ้นไปกล่าวเปิดงานและกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้อีกทั้งแสดงวิสัยทัศน์ในการบริหารงานของเขา ก่อนจะกลับลงมาพูดคุยพบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตา
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุด รเมศเกือบจะประคองสติและตัวเองไม่ไหว เขานั่งดื่มต่ออยู่ที่โต๊ะทั้งที่แขกทุกคนกลับหมดแล้ว จะมีก็เพียงปรีติลูกน้องคนสนิทของเท่านั้นที่นั่งเป็นเพื่อน
เกวลินเห็นแล้วก็อยากจะเข้าไปถามไถ่กับปรีติแต่ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยทำให้เธอชะงักฝีเท้า
“คุณรุ้งครับ ลูกค้ายังไม่ยอมลุก เราจะเคลียร์สถานที่ได้ยังไงดี” พนักงานของรีสอร์ตคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม
เธอเข้าใจว่าทุกคนเหนื่อยกับการเตรียมงานมาทั้งวันแล้วก็อยากให้งานเสร็จไว เพื่อที่ทุกคนจะได้ไปพักผ่อน แต่เมื่อลูกค้ายังอยู่จะให้พนักงานเข้าไปเก็บของเคลียร์สถานที่เห็นทีคงไม่เหมาะสม
“ฉันว่ารออีกสักพักแล้วกันนะ เขาคงอยู่อีกไม่นานหรอก” หญิงสาวเอ่ยกับพนักงาน
พนักงานคนเดิมพยักรับแล้วเดินจากไป แล้วทุกอย่างก็เป็นจริงตามที่เกวลินคาดไว้ ปรีติช่วยประคองรเมศกลับไปยังที่พักซึ่งห่างจากสถานที่จัดงานไม่มากนัก
รเมศเดินไม่ค่อยตรงทางแต่ก็ไม่ยอมให้ปรีติช่วยประคอง ลูกน้องจึงต้องคอยเดินหลังไปห่างๆจนกระทั่งถึงหน้าบ้านพัก
“นายกลับไปพักผ่อนได้แล้วปรีติ”
“ครับ” ปรีติรับคำแล้วก็ทำตามเพราะเขาเองก็เริ่มตาจะปิดเข้าไปทุกที
รเมศมองตามหญิงสาวรูปร่างคุ้นตา ในความมืดสลัวพอเข้าเขตแสงไฟจ้า เขาก็จำสีชุดของผู้หญิงคนนั้นได้ จึงรีบเดินตามเกวลินไป
หญิงสาวเดินมาเกือบจะถึงหน้าบ้านของเธออยู่แล้ว แต่เสียงฝีเท้าคนเดินทำให้เธอเหลียวหลังกลับไปมอง
“ ดึกดื่นป่านนี้ยังจะมาเดินอ่อยเหยื่ออยู่อีกหรือไง” รเมศต่อว่าเธอแบบไม่ละเว้น
“คุณนั่นเอง จะเดินตามฉันมาทำไม่ทราบ เมาแล้วยังไม่รู้จักเจียม”
“ก็แค่จะมาดูว่าเหยื่อรายต่อไปของคุณจะเป็นใคร เผื่อผมจะได้ช่วยเตือนสติให้เขาระวังผู้หญิงอย่างคุณเอาไว้” สายตาฉ่ำปรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์สามารถดวงตาสีเข้มแข็งกร้าวขึ้นมาได้ไม่แพ้เมื่อตอนที่เขายังปกติ
“เสียใจด้วยนะคะ ที่นี่ไม่มีใครเขาเชื่อคุณหรอก” เกวลินโต้กลับอย่างมั่นใจ
รเมศสาวเท้าเข้ามาใกล้จับไหล่ไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวบีบมือแน่นพูดเน้นย้ำจนแทบจะชิดหน้าเธอ
“เขาต้องเชื่อ เพราะผมจะทำให้เขาเชื่อว่าผู้หญิงอย่างคุณน่ะมันอันตรายแค่ไหน”
“ใครอันตรายมิทราบ บอกผมได้ไหมครับคุณรเมศ” ตรัยเดินออกมาจากมุมมืดเขากำลังรอลูกสาวกลับบ้านแล้วก็เห็นชายหนุ่มคนเมื่อหัวค่ำเดินตามหลังเธอมา จึงกลัวว่าลูกสาวจะได้รับอันตรายเขาจึงเดินออกมารับ
รเมศปล่อยมือจากเกวลินทันที
“ที่แท้ก็คุณนั่นเอง” เขาหมายถึงผู้ชายที่เข้ามาทักเกวลินเมื่อตอนหัวค่ำ
“เมื่อกี้คุณว่าใครกันที่อันตราย” ตรัยถามย้ำอีกครั้ง
“ถ้าคุณอยากรู้ ผมจะบอกให้ก็ได้” เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวข้างกาย ““ผู้หญิงคนเธอไม่ธรรมดาอย่างที่คุณเห็นนะ หน้าตาสวยๆใสๆแบบนี้สามารถทำร้ายครอบครัวน้องสาวผมให้แตกแยกได้เลยเชียว”
“หมายความว่ายังไง” ตรัยถามแล้วหันมองหน้าลูกสาวที่ยืนฟังอยู่ด้วยกันกำลังส่ายหน้าปฏิเสธ
“เธอแย่งสามีน้องสาวผมแล้วเธอก็คิดจะฆ่าน้องสาวผมด้วย...” สีหน้าจริงจังและจบปวดของชายหนุ่มทำให้ตรัยเริ่มจะเชื่อ
“หยุดพูดเรื่องตลกของคุณเสียที” เกวลินตะโกนออกมาดังด้วยความโกรธจัด เธอไม่สามรถทนฟังเรื่องโกหกของเขาต่อไปได้ แล้วชายหนุ่มก็ตะโกนเสียงดังแข่งขึ้นมาไม่แพ้กัน ขณะนั้นคุณบุษบาแม่ของหญิงสาวก็เดินมาร่วมในเหตุการณ์ได้ยินพอดี
“ผมพูดเรื่องจริง คุณยอมรับมันไม่ได้ต่างหากล่ะ”
“ไม่จริง ฉันบอกให้คุณหยุดพูด หยุด!”
“หยุดทั้งคู่นั่นแหละ!” เสียงมีอำนาจของคนกลางอย่างตรัยพูดแทรกขึ้นบ้าง เขาหันมาถามลูกสาวเสียงสั่น
“จริงเหรอยัยรุ้ง”
“ไม่จริงค่ะ รุ้งไม่รู้เรื่อง แล้วรุ้งก็ไม่รู้จักน้องสาวเขาด้วย” เกวลินยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็งเพราะนั่นไม่สิ่งที่เธอพึงจะทำและไม่เคยแม้แต่จะคิด
“คนที่กลัวความผิดไม่มีใครเขายอมรับความจริงกันหรอก” รเมศยังคงตอกย้ำ
“หยุดพูดเรื่องของคุณได้แล้ว! ฉันบอกว่าฉันไม่รู้เรื่องยังไงล่ะ” หญิงสาวตวาดใส่เขากำมือตัวเองเข้าหากันแน่นด้วยโมโห
“ไม่รู้เรื่อง เพราะคุณกลัวคนอื่นเขาจะรู้ว่าคุณฆ่าน้องสาวผมอย่างนั้นใช่ไหม”
“ตายแล้ว...จริงเหรอรุ้ง” บุษบายกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ
“ไม่จริง ฉันไม่รู้เรื่อง” เกวลินส่ายหน้าตะโกนบอกเขาก่อนหันไปทางพ่อกับแม่ “ไม่จริงนะคะพ่อ ไม่จริงนะคะแม่” หญิงสาวกำลังส่งสายตาขอร้องให้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่เธอพูด แต่ดูเหมือนพ่อของเธอจะมีใจให้กับคนโกหกที่ชอบแต่งเรื่องมาใส่ร้ายเธออย่างเขามากกว่า
ตรัยปักใจเชื่อไปกว่าครึ่งกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าเรื่องทั้งหมดที่เขาบอกมันไม่มูลความจริง ผู้ชายที่ไหนเขาจะเที่ยวเอาเรื่องแบบนี้มาพูดให้ผู้หญิงเสียหาย แล้วถ้าสองคนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเรื่องเมื่อหัวค่ำจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าเกวลินทำได้ถึงขนาดนี้ลูกเขาก็ไม่มีจิตใจความเป็นคนหลงเหลืออยู่แล้ว
เผียะ!!!
ตรัยเงื้อมือตบหน้าลูกสาวด้วยความโมโหจัดจนไม่ยอมฟังคำอธิบายใดๆของลูกสาว
“คุณคะอย่าทำลูก!” บุษบาร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเช่นนั้น
ใบหน้าของเกวลินสะบัดไปตามแรงตบ ผื่นสีแดงแย่งกันบนแก้มขาวขึ้นเต็มรอยฝ่ามือ
“คุณพ่อตบหน้ารุ้งทำไมคะ” เกวลินถามด้วยความสับสน งุนงงและความน้อยเนื้อต่ำใจ นี่มันเป็นความผิดของเธองั้นหรือ
“นังลูกไม่รักดี! ทำไมแกถึงได้เป็นคนแบบนี้”
“รุ้งไม่ได้ทำนะคะ รุ้งไม่รู้จักพวกเขาด้วยซ้ำ” ใบหน้าหญิงสาวรื้นไปด้วยน้ำตา เธอเสียใจอย่างสุดซึ้งที่แม้แต่พ่อของเธอก็ไม่ยอมฟัง สายตาอาฆาตจึงตกมาที่รเมศ ชิษณุพงศ์ ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งดูเหตุการณ์ไม่ไหวติง ไม่พูดจาอะไรสักคำ
เขาคงสะใจที่ใส่ร้ายเธอได้สำเร็จ...
“ไปพ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้ ไป!” ตรัยเอ่ยปากไล่ลูกสาว
“ทำไมคุณพ่อไม่เชื่อลูกตัวเอง คุณพ่อเชื่อคนโกหกชอบแต่งเรื่องใส่ร้ายคนอื่นแบบผู้ชายคนนี้มากกว่าลูกตัวเองงั้นหรอคะ” เกวลินขึ้นเสียงใส่ตรัย
เขาจึงตบหน้าลูกสาวอีกครั้ง
เผียะ!!!
“พอค่ะ!” บุษบาห้ามสามี ด้วยความเป็นแม่เธอทนเห็นลูกสาวถูกพ่อตบตีต่อไปอีกไม่ได้ “ รุ้งไปให้พ้นจากสายตาคุณพ่อนะลูก เดี๋ยวแม่จะค่อยๆคุยกับพ่อเอง” บุษบาบอกกับลูกสาว
“คุณพ่อเชื่อคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง รุ้งไม่ได้ทำ คุณพ่อได้ยินไหมคะ ว่ารุ้งไม่ได้ทำ!” เกวลินเอ่ยด้วยน้ำตาไหลพราก จนคนเป็นพ่อเป็นแม่หัวเข่าแทบทรุดที่เห็นลูกวิ่งตะโกนใส่แล้ววิ่งไปหนี
“ยัยรุ้ง!” ตรัยร้องเรียกลูกสาวหวังจะให้กลับมา แต่ก็ไม่ทัน เขาจึงเดินกลับเข้าบ้าน
บุษบาหันมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความขุ่นเคืองก่อนจะเอ่ยถามออกมาตามตรง
“คุณเห็นมากับตาเจอมากับตัวใช่ไหม ว่าลูกสาวฉันทำแบบนั้น”
รเมศเงียบไม่ตอบ
“ถ้าทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริงทำไมถึงตอบฉันไม่ได้ล่ะคะ” บุษบาเช็ดน้ำตาบนแก้มของเธอ นึกเสียใจที่ตรัยไม่ยอมไตร่ถามอะไรให้ดีเสียก่อนที่จะลงโทษลูก
“ผมขอโทษที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้” เขาไม่คิดว่าเรื่องที่พูดจะลงเอยเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่านี่คือบุพการีของหญิงสาว
“คุณควรจะขอโทษลูกสาวฉันมากกว่าจะขอโทษที่ทำให้เรื่องมันเป็นนี้” พูดจบบุษบาก็เดินตามสามีไปอีกคน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
จบตอนแล้วค่ะ ขออภัยที่หายไปนานมากเลยค่ะ
ดีใจนะคะที่คนชอบนิยายเรื่องนี้ค่ะ
แต่จบตอนนี้ต้องมีคนไม่ชอบพระเอกของเราแน่เลย
ฝากติดตามด้วยนะคะ
เกวลินนั่งดูแผนงานที่ได้รับมาจากบิดา อาทิตย์ก่อนเธอกำลังจะได้เริ่มงานใหญ่งานแรกที่ได้รับมอบหมายให้ แต่แล้วลูกค้ากลับเลื่อนกำหนดการออกไปกะทันหัน เธอจึงต้องรับดูแลงานอื่นภายในรีสอร์ตไปพลางๆ
โต๊ะทำงานของหญิงสาวถูกเคาะเบา ใบหน้าหวานจึงพับแฟ้มปิดและเงยหน้าขึ้นมอง
“มีอะไรหรอคะ” เกวลินเอ่ยด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม
“รุ้งเข้าไปหาพ่อที่ห้องหน่อยลูก”
“ค่ะคุณตรัย” เกวลินฉีกยิ้มกว้างให้บิดาที่หันมาทำหน้าดุเล็กน้อยเมื่อลูกสาวใช้สรรพนามเรียกเขาเช่นเดียวกันพนักงานคนอื่นๆ หญิงสาวรีบกระตือรือร้นเดินเข้าไปในห้องทำงานใหญ่
“คุณพ่อมีอะไรหรือคะ” ร่างบางทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามบิดา
“เรื่องงานเลี้ยงกลางรีสอร์ตที่ลูกค้าเลื่อนนัดเราครั้งก่อน เขาขอคอนเฟิร์มมาแน่แล้วว่าเป็นวันศุกร์หน้า แกเริ่มเตรียมงานได้เลย พ่ออยากให้แกดูแลงานนี้ด้วยตัวเองทุกอย่างต้องเพอร์เฟกที่สุด เข้าใจไหม” คุณตรัยบอกพร้อมกับวางเอกสารการจัดเลี้ยงที่ลูกค้าระบุมาให้ตรงหน้า
หญิงสาวเอื้อมือบางหยิบขึ้นมาเปิดดุคร่าวๆ ก่อนจะรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“รับทราบค่ะ รุ้งจะทำงานนี้ให้ดีที่สุด”
ศิฐาพยักหน้าและเอ่ยเตือนลูกสาว
“อย่าเก่งแต่คุย พ่อไม่อยากให้แกถูกพนักงานคนอื่นมองว่าไม่ได้เรื่องหลังงานเสร็จหรอกนะ”
“แล้วถ้างานนี้สุดยอดที่สุด ดิฉันจะได้โบนัสทัวน์ยุโรปสักเดือนหรือเปล่าล่ะคะ คุณตรัย” ร่างบางลุกจากเก้าอี้แล้วยิ้มหวานให้กับบิดา ก่อนจะเดินเข้าไปนวดไหล่เอาใจ เพื่ออ้อนเอารางวัล
คุณตรัยลุกขึ้นยืน แล้วหันมายีผมลูกสาวเบาๆ
“มากไปแล้ว ทำงานไม่ทันไร แกก็จะขอเที่ยวเป็นเดือนเชียวหรอ ถ้าจะเอาแบบนั้น ฉันจ้างคนใหม่ไม่ดีกว่าหรือไง”
“โธ่ รุ้งก็นึกว่าคุณพ่อจะใจดีเสียดีเสียอีกค่ะ”
“เอาไว้งานสำเร็จพ่อจะลองคิดดูดีอีกที”
“จริงนะคะ”
“อืม” ตรัยพยักหน้ารับ
“คุณพ่อใจดีที่สุดเลย” เกวลินกอดเอวบิดาแน่นด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบเดินไปหยิบเอกสารที่วางไว้แล้วเดินไปที่ประตู
“รุ้งไปทำงานก่อนนะคะ เจ้านาย”
คุณตรัยมองตามลูกสาวคนเดียวเดินออกไปด้วยความสุขใจ เกวลินเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ถ้าหากลูกสาวทำงานนี้ได้สำเร็จ เขาก็จะยอมวางมือและมอบหน้าที่การบริหารรีสอร์ตให้กับเกวลินอย่างเต็มตัว
ทางด้านของชายหนุ่มที่กำลังยุ่งอยู่กับอาการป่วยของน้องสาว เขาก็ยังไม่ทิ้งเรื่องงาน โทรศัพท์สอบถามความคืบหน้าเรื่องงานที่มอบหมายให้ลูกน้องจัดการให้ด้วย
“เรื่องที่ให้ไปทำเป็นยังไงบ้างปรีติ”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีเกินความคาดหมายอีกครับคุณรเมศ”
“โอเค แล้วพรุ่งนี้ผมจะเข้าไป” มือหนากดปิดโทรศัพท์มือถือ แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยที่น้องสาวของเขานอนซึมอยู่บนเตียงผู้ป่วยนั่น
รเมศเอื้อมไปจับมือขาวซีดเผือดของทอไหมมากุมไว้
“ฟื้นสักทีสิไหม จะหลับไปอย่างนี้อีกนานแค่ไหนกัน พี่เป็นห่วงนะรู้ไหมคนดี ช่วงที่พี่ไม่อยู่ ไหมห้ามดื้อกับหมอนะรู้ไหม ห้ามเป็นอะไรไปมากกว่านี้จนกว่าพี่จะกลับมา เชื่อพี่นะ แล้วพี่จะรีบมาหาไหมให้เร็วที่สุด พี่จะรอไหมฟื้นขึ้นมาบอกพี่ว่าใครทำให้ไหมต้องเจ็บตัวแบบนี้ พี่จะรอไหมนะ คนดีของพี่” ริมฝีปากของเขาประทับลงบนหน้าหลังมือของทอไหม ก่อนจะวางลงไว้ที่เดิม
“พี่ไปก่อนนะแล้วจะรีบกลับมา”
เกวลินได้รับคำเชิญจากปรีติให้มาร่วมงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าของทางบริษัทด้วย ในฐานะที่เธอเป็นผู้จัดเตรียมงานทั้งหมดในคืนนี้
หญิงสาวในชุดราตรีสั้นสีโอรสสดใสก้าวเดินฉับๆไปทั่วงานเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยสมบูรณ์ของงานเลี้ยงในคำค่ำคืนนี้อีกครั้งอย่างละเอียด
“วันนี้คุณรุ้งสวยมากเลยครับ” เสียงทุ้มเอ่ยชมจากทางด้านหลัง ทำให้หญิงสาวหันกลับมามองพร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
“ขอบคุณค่ะ คุณปรีติเล่นชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ดิฉันก็เขินแย่สิคะ” เกวลินเห็นประกายตาวิบวับจากชายหนุ่มก็ต้องหลบสายตาตัวเองมองไปบรรยากาศรอบงานเลี้ยง
“ก็คุณรุ้งสวยจริงๆนี่ครับ นี่ขนาดไม่ค่อยแต่งหน้าเท่าไรยังสวยเสียขนาดนี้” ปรีติจ้องมองหญิงสาวเหมือนตกตะลึง เขาทั้งชื่นชมและชื่นชอบสตรีที่ทั้งสวยและเก่งคนนี้นักหนา
“พอเถอะค่ะ เลิกยอรุ้งได้แล้ว งานวันนี้ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยตัดบทด้วยการถามถึงเรื่องงานทันที
“ไม่มีครับ ลูกค้าของผมเอ่ยชมกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะทั้งอาหาร สถานที่ การบริการต่างๆ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าประทับใจมาก”
เกวลินยิ้มกว้างอย่างพอใจในคำชม
“ได้ยินแบบนี้ก็รุ้งค่อยโล่งใจหน่อยค่ะ”
“สบายใจได้เลยครับ คุณรุ้งเตรียมการได้ดีเยี่ยมเกินกว่าที่เราต้องการเสียอีก ขอบคุณคุณรุ้งมากนะครับ”
“ยินดีค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วรุ้งขอตัวไปดูทางอื่นหน่อยนะคะ” เมื่อชายหนุ่มพยักหน้าเกวลินจึงเดินออกมาด้านนอกของงาน ยืนชื่นชมความสำเร็จของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ
“คุณพ่อต้องดีใจแน่ๆ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” ร่างบางถอยหลังมาเหยียบเท้าคนข้างหลังเต็มๆ แต่พอหันกลับมามองหน้าเขา เธอก็ต้องตกตะลึง
“คุณ!”
“ขวัญอ่อน ตกใจที่เห็นว่าเป็นผมหรือไง” รเมศมองหญิงสาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาของเขาจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
เกวลินไม่ตอบโต้ ตัดสินใจเดินหนีไปให้พ้นสายตาเขา แต่เมื่อก้าวขามือแข็งแรงกลับคว้าต้นแขนของเธอเอาไว้แน่น
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” ร่างบางพยายามเบี่ยงตัวออกให้พ้นจากมือเขา
“จับนิดจับหน่อยทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว จะรีบไปไหนล่ะ คืนนี้จับผู้ชายรวยๆได้สักคนหรือยัง” คำกระแทกแดกดันทำให้หญิงสาวชะงักก่อนจะถามย้อนกลับ
“คุณหมายถึงใคร”
“รุ้ง!” เสียงเข้มที่เรียกลูกสาวของคุณตรัยทำให้เกวลินถูกปล่อยมืออย่างง่ายดาย
“คุณพะ...คุณตรัย มีอะไรหรอคะ” เกวลินรีบขยับไปยืนข้างบิดา ตรัยมองหน้า
ลูกสาวสลับกับชายหนุ่มไปมา
“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับคุณ” ตรัยสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติจากสายตาชายหนุ่มที่มองลูกสาวของเขาจึงเอ่ยถาม
“ไม่มีครับ เชิญคุณสองคนตามสบาย” สิ้นคำพูด รเมศจึงเดินเข้าไปในงาน เมื่อเข้ามาในเขตที่ผู้คนพลุกพล่าน เขาก็หันไปมองทางเดิมอีกครั้ง เห็นสองคนพ่อลูกยังคงยืนคุยกันที่เดิม รเมศก็มีอคติกับหญิงสาวมากขึ้นกว่าเดิม
“ฮึ! แก่คราวพ่อ เธอก็ยังไม่เว้นนะ”
ตรัยหันมาเอ่ยถามกับลูกสาวที่กำลังยืนมองตามชายหนุ่ม
“รู้จักกับเขารึเปล่า“
เกวลินหันมองหน้าบิดาแล้วก็ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่รู้จักค่ะ”
ตรัยได้ฟังคำตอบของลูกสาวแล้วก็เดินกลับไปคนละทางกับชายหนุ่มอีกคน
เกวลินนึกถึงคำพูดของเขา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ดูถูกเธอสารพัดทั้งที่เธอกับเขาเจอกันได้แค่เพียงสองครั้ง
ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงรเมศก็ถูกเชิญขึ้นไปกล่าวเปิดงานและกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้อีกทั้งแสดงวิสัยทัศน์ในการบริหารงานของเขา ก่อนจะกลับลงมาพูดคุยพบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตา
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุด รเมศเกือบจะประคองสติและตัวเองไม่ไหว เขานั่งดื่มต่ออยู่ที่โต๊ะทั้งที่แขกทุกคนกลับหมดแล้ว จะมีก็เพียงปรีติลูกน้องคนสนิทของเท่านั้นที่นั่งเป็นเพื่อน
เกวลินเห็นแล้วก็อยากจะเข้าไปถามไถ่กับปรีติแต่ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยทำให้เธอชะงักฝีเท้า
“คุณรุ้งครับ ลูกค้ายังไม่ยอมลุก เราจะเคลียร์สถานที่ได้ยังไงดี” พนักงานของรีสอร์ตคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม
เธอเข้าใจว่าทุกคนเหนื่อยกับการเตรียมงานมาทั้งวันแล้วก็อยากให้งานเสร็จไว เพื่อที่ทุกคนจะได้ไปพักผ่อน แต่เมื่อลูกค้ายังอยู่จะให้พนักงานเข้าไปเก็บของเคลียร์สถานที่เห็นทีคงไม่เหมาะสม
“ฉันว่ารออีกสักพักแล้วกันนะ เขาคงอยู่อีกไม่นานหรอก” หญิงสาวเอ่ยกับพนักงาน
พนักงานคนเดิมพยักรับแล้วเดินจากไป แล้วทุกอย่างก็เป็นจริงตามที่เกวลินคาดไว้ ปรีติช่วยประคองรเมศกลับไปยังที่พักซึ่งห่างจากสถานที่จัดงานไม่มากนัก
รเมศเดินไม่ค่อยตรงทางแต่ก็ไม่ยอมให้ปรีติช่วยประคอง ลูกน้องจึงต้องคอยเดินหลังไปห่างๆจนกระทั่งถึงหน้าบ้านพัก
“นายกลับไปพักผ่อนได้แล้วปรีติ”
“ครับ” ปรีติรับคำแล้วก็ทำตามเพราะเขาเองก็เริ่มตาจะปิดเข้าไปทุกที
รเมศมองตามหญิงสาวรูปร่างคุ้นตา ในความมืดสลัวพอเข้าเขตแสงไฟจ้า เขาก็จำสีชุดของผู้หญิงคนนั้นได้ จึงรีบเดินตามเกวลินไป
หญิงสาวเดินมาเกือบจะถึงหน้าบ้านของเธออยู่แล้ว แต่เสียงฝีเท้าคนเดินทำให้เธอเหลียวหลังกลับไปมอง
“ ดึกดื่นป่านนี้ยังจะมาเดินอ่อยเหยื่ออยู่อีกหรือไง” รเมศต่อว่าเธอแบบไม่ละเว้น
“คุณนั่นเอง จะเดินตามฉันมาทำไม่ทราบ เมาแล้วยังไม่รู้จักเจียม”
“ก็แค่จะมาดูว่าเหยื่อรายต่อไปของคุณจะเป็นใคร เผื่อผมจะได้ช่วยเตือนสติให้เขาระวังผู้หญิงอย่างคุณเอาไว้” สายตาฉ่ำปรือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์สามารถดวงตาสีเข้มแข็งกร้าวขึ้นมาได้ไม่แพ้เมื่อตอนที่เขายังปกติ
“เสียใจด้วยนะคะ ที่นี่ไม่มีใครเขาเชื่อคุณหรอก” เกวลินโต้กลับอย่างมั่นใจ
รเมศสาวเท้าเข้ามาใกล้จับไหล่ไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวบีบมือแน่นพูดเน้นย้ำจนแทบจะชิดหน้าเธอ
“เขาต้องเชื่อ เพราะผมจะทำให้เขาเชื่อว่าผู้หญิงอย่างคุณน่ะมันอันตรายแค่ไหน”
“ใครอันตรายมิทราบ บอกผมได้ไหมครับคุณรเมศ” ตรัยเดินออกมาจากมุมมืดเขากำลังรอลูกสาวกลับบ้านแล้วก็เห็นชายหนุ่มคนเมื่อหัวค่ำเดินตามหลังเธอมา จึงกลัวว่าลูกสาวจะได้รับอันตรายเขาจึงเดินออกมารับ
รเมศปล่อยมือจากเกวลินทันที
“ที่แท้ก็คุณนั่นเอง” เขาหมายถึงผู้ชายที่เข้ามาทักเกวลินเมื่อตอนหัวค่ำ
“เมื่อกี้คุณว่าใครกันที่อันตราย” ตรัยถามย้ำอีกครั้ง
“ถ้าคุณอยากรู้ ผมจะบอกให้ก็ได้” เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวข้างกาย ““ผู้หญิงคนเธอไม่ธรรมดาอย่างที่คุณเห็นนะ หน้าตาสวยๆใสๆแบบนี้สามารถทำร้ายครอบครัวน้องสาวผมให้แตกแยกได้เลยเชียว”
“หมายความว่ายังไง” ตรัยถามแล้วหันมองหน้าลูกสาวที่ยืนฟังอยู่ด้วยกันกำลังส่ายหน้าปฏิเสธ
“เธอแย่งสามีน้องสาวผมแล้วเธอก็คิดจะฆ่าน้องสาวผมด้วย...” สีหน้าจริงจังและจบปวดของชายหนุ่มทำให้ตรัยเริ่มจะเชื่อ
“หยุดพูดเรื่องตลกของคุณเสียที” เกวลินตะโกนออกมาดังด้วยความโกรธจัด เธอไม่สามรถทนฟังเรื่องโกหกของเขาต่อไปได้ แล้วชายหนุ่มก็ตะโกนเสียงดังแข่งขึ้นมาไม่แพ้กัน ขณะนั้นคุณบุษบาแม่ของหญิงสาวก็เดินมาร่วมในเหตุการณ์ได้ยินพอดี
“ผมพูดเรื่องจริง คุณยอมรับมันไม่ได้ต่างหากล่ะ”
“ไม่จริง ฉันบอกให้คุณหยุดพูด หยุด!”
“หยุดทั้งคู่นั่นแหละ!” เสียงมีอำนาจของคนกลางอย่างตรัยพูดแทรกขึ้นบ้าง เขาหันมาถามลูกสาวเสียงสั่น
“จริงเหรอยัยรุ้ง”
“ไม่จริงค่ะ รุ้งไม่รู้เรื่อง แล้วรุ้งก็ไม่รู้จักน้องสาวเขาด้วย” เกวลินยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็งเพราะนั่นไม่สิ่งที่เธอพึงจะทำและไม่เคยแม้แต่จะคิด
“คนที่กลัวความผิดไม่มีใครเขายอมรับความจริงกันหรอก” รเมศยังคงตอกย้ำ
“หยุดพูดเรื่องของคุณได้แล้ว! ฉันบอกว่าฉันไม่รู้เรื่องยังไงล่ะ” หญิงสาวตวาดใส่เขากำมือตัวเองเข้าหากันแน่นด้วยโมโห
“ไม่รู้เรื่อง เพราะคุณกลัวคนอื่นเขาจะรู้ว่าคุณฆ่าน้องสาวผมอย่างนั้นใช่ไหม”
“ตายแล้ว...จริงเหรอรุ้ง” บุษบายกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ
“ไม่จริง ฉันไม่รู้เรื่อง” เกวลินส่ายหน้าตะโกนบอกเขาก่อนหันไปทางพ่อกับแม่ “ไม่จริงนะคะพ่อ ไม่จริงนะคะแม่” หญิงสาวกำลังส่งสายตาขอร้องให้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่เธอพูด แต่ดูเหมือนพ่อของเธอจะมีใจให้กับคนโกหกที่ชอบแต่งเรื่องมาใส่ร้ายเธออย่างเขามากกว่า
ตรัยปักใจเชื่อไปกว่าครึ่งกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าเรื่องทั้งหมดที่เขาบอกมันไม่มูลความจริง ผู้ชายที่ไหนเขาจะเที่ยวเอาเรื่องแบบนี้มาพูดให้ผู้หญิงเสียหาย แล้วถ้าสองคนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเรื่องเมื่อหัวค่ำจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าเกวลินทำได้ถึงขนาดนี้ลูกเขาก็ไม่มีจิตใจความเป็นคนหลงเหลืออยู่แล้ว
เผียะ!!!
ตรัยเงื้อมือตบหน้าลูกสาวด้วยความโมโหจัดจนไม่ยอมฟังคำอธิบายใดๆของลูกสาว
“คุณคะอย่าทำลูก!” บุษบาร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเช่นนั้น
ใบหน้าของเกวลินสะบัดไปตามแรงตบ ผื่นสีแดงแย่งกันบนแก้มขาวขึ้นเต็มรอยฝ่ามือ
“คุณพ่อตบหน้ารุ้งทำไมคะ” เกวลินถามด้วยความสับสน งุนงงและความน้อยเนื้อต่ำใจ นี่มันเป็นความผิดของเธองั้นหรือ
“นังลูกไม่รักดี! ทำไมแกถึงได้เป็นคนแบบนี้”
“รุ้งไม่ได้ทำนะคะ รุ้งไม่รู้จักพวกเขาด้วยซ้ำ” ใบหน้าหญิงสาวรื้นไปด้วยน้ำตา เธอเสียใจอย่างสุดซึ้งที่แม้แต่พ่อของเธอก็ไม่ยอมฟัง สายตาอาฆาตจึงตกมาที่รเมศ ชิษณุพงศ์ ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งดูเหตุการณ์ไม่ไหวติง ไม่พูดจาอะไรสักคำ
เขาคงสะใจที่ใส่ร้ายเธอได้สำเร็จ...
“ไปพ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้ ไป!” ตรัยเอ่ยปากไล่ลูกสาว
“ทำไมคุณพ่อไม่เชื่อลูกตัวเอง คุณพ่อเชื่อคนโกหกชอบแต่งเรื่องใส่ร้ายคนอื่นแบบผู้ชายคนนี้มากกว่าลูกตัวเองงั้นหรอคะ” เกวลินขึ้นเสียงใส่ตรัย
เขาจึงตบหน้าลูกสาวอีกครั้ง
เผียะ!!!
“พอค่ะ!” บุษบาห้ามสามี ด้วยความเป็นแม่เธอทนเห็นลูกสาวถูกพ่อตบตีต่อไปอีกไม่ได้ “ รุ้งไปให้พ้นจากสายตาคุณพ่อนะลูก เดี๋ยวแม่จะค่อยๆคุยกับพ่อเอง” บุษบาบอกกับลูกสาว
“คุณพ่อเชื่อคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง รุ้งไม่ได้ทำ คุณพ่อได้ยินไหมคะ ว่ารุ้งไม่ได้ทำ!” เกวลินเอ่ยด้วยน้ำตาไหลพราก จนคนเป็นพ่อเป็นแม่หัวเข่าแทบทรุดที่เห็นลูกวิ่งตะโกนใส่แล้ววิ่งไปหนี
“ยัยรุ้ง!” ตรัยร้องเรียกลูกสาวหวังจะให้กลับมา แต่ก็ไม่ทัน เขาจึงเดินกลับเข้าบ้าน
บุษบาหันมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความขุ่นเคืองก่อนจะเอ่ยถามออกมาตามตรง
“คุณเห็นมากับตาเจอมากับตัวใช่ไหม ว่าลูกสาวฉันทำแบบนั้น”
รเมศเงียบไม่ตอบ
“ถ้าทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริงทำไมถึงตอบฉันไม่ได้ล่ะคะ” บุษบาเช็ดน้ำตาบนแก้มของเธอ นึกเสียใจที่ตรัยไม่ยอมไตร่ถามอะไรให้ดีเสียก่อนที่จะลงโทษลูก
“ผมขอโทษที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้” เขาไม่คิดว่าเรื่องที่พูดจะลงเอยเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่านี่คือบุพการีของหญิงสาว
“คุณควรจะขอโทษลูกสาวฉันมากกว่าจะขอโทษที่ทำให้เรื่องมันเป็นนี้” พูดจบบุษบาก็เดินตามสามีไปอีกคน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
จบตอนแล้วค่ะ ขออภัยที่หายไปนานมากเลยค่ะ
ดีใจนะคะที่คนชอบนิยายเรื่องนี้ค่ะ
แต่จบตอนนี้ต้องมีคนไม่ชอบพระเอกของเราแน่เลย
ฝากติดตามด้วยนะคะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ค. 2554, 03:35:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ค. 2554, 03:35:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 2346
<< บทที่ ๔ รักร้าว |

lovemuay 6 พ.ค. 2554, 10:28:40 น.
มาต่อเร็วๆนะคะ
ไม่เกลียดพระเอกหรอกค่ะ ก็อะไรๆก็ดูจะชี้ไปทางนางเอกหมดนินา ต้องบอกว่านางเอกซวยมากกว่าคะ หลังจบเรื่อง อย่าลืมชวนไปทำบุญสะเดาะเคราะห์นะคะ อิอิ
มาต่อเร็วๆนะคะ
ไม่เกลียดพระเอกหรอกค่ะ ก็อะไรๆก็ดูจะชี้ไปทางนางเอกหมดนินา ต้องบอกว่านางเอกซวยมากกว่าคะ หลังจบเรื่อง อย่าลืมชวนไปทำบุญสะเดาะเคราะห์นะคะ อิอิ

หมูบิน 6 พ.ค. 2554, 10:31:58 น.
ก็แอบไม่ชอบพระเอกนิดๆ ค่ะแต่ว่าสั้นไปหน่อยหนึ่งอะค่ะ แต่ก็ขอบคุณมากๆ นะค่ะ
ก็แอบไม่ชอบพระเอกนิดๆ ค่ะแต่ว่าสั้นไปหน่อยหนึ่งอะค่ะ แต่ก็ขอบคุณมากๆ นะค่ะ

pattisa 7 พ.ค. 2554, 09:19:35 น.
นางเอกซวยจริงจัง O: แต่คุณพ่อก็ใจร้ายจัง ตบหน้าเลย :S
นางเอกซวยจริงจัง O: แต่คุณพ่อก็ใจร้ายจัง ตบหน้าเลย :S

ChaCha 15 มี.ค. 2555, 15:51:23 น.
หายไปนานจัง คิดถึง อยากอ่านต่อนะค่ะ :)
หายไปนานจัง คิดถึง อยากอ่านต่อนะค่ะ :)