ร้อยเล่ห์ แสนรัก
ดาดาริน...นางแบบสาวสุดฮอต วางแผนพิลึกพิลั่นเพื่อให้ ทองทิมหลงเสน่ห์ สาเหตุมาจากเธอเข้าใจว่าเขากำลังจะแย่งผู้หญิงจากผู้ชายที่เธอหลงปลื้ม

ด้วยแผนการเหล่านี้ ทำให้เกิดความสัมพันธ์อลหม่าน ระหว่างนางแบบสาวกับทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์


เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ปรินเซสแล้วนะคะ จะลงแค่ 70% ที่เหลือช่วยอุดหนุนหนังสือกันด้วยนะ ><
Tags: รัก,โรแมนติกคอมมาดี้

ตอน: บทที่ 13

“ตกลงว่า...รถฉันเป็นอะไร” เสียงเอ่ยถามจากคนที่เท้า เอว มองดูชายหนุ่มง่วนอยู่กับเครื่องยนต์หน้ากระโปรงรถสปอร์ตคันหรู

“ขั้วแบตเตอร์รี่มันหลวม เลยสตาร์ทไม่ติด” เขาตอบก่อนเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับปิดฝากระโปรงหน้ากลับดังเดิม

“ผมจัดการให้แล้ว คราวหน้าคุณก็ตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางด้วยละกันนะครับ จะได้ไม่ต้องมาดับกลางทางอย่างนี้”

เขาแนะนำด้วยความหวังดี ในขณะที่ยาใจมองอย่างหมั่นไส้

“ก็รถฉันมันไม่ได้เก่าบุโรทั่งเหมือนคุณ นี่ ฉันจะได้เชี่ยวชาญในการตรวจสภาพรถอย่างคุณ”

ผู้จัดการสาวตอบแทนความ มีน้ำใจของตากล้องหนุ่ม ด้วยคำพูดกระแหนะกระแหน ยาใจมีนิสัยเสียบางอย่างที่ขนาดดาดารินยังตำหนิ คือเธอไม่ชอบรับความช่วยเหลือใครหน้าไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าฝ่ายนั้นเป็นผู้ชาย

มันเป็นความทรงจำในวัยเด็ก ของยาใจที่ดาดารินรับรู้ แต่ไม่เข้าใจ... ใครเลยจะอยู่ได้เพียงลำพังในสังคม ในขณะที่ยาใจคิดอยู่เสมอว่าทางเดียวที่จะมีชีวิตรอดได้ คือต้องรู้จักพึ่งแต่ตัวเองเท่านั้น

และนั่นทำให้ผู้จัดการสาวรู้สึก ว่า เธอไม่น่ารับความช่วยเหลือจากตากล้องหนุ่มตั้งแต่ทีแรก น่าจะปล่อยให้เขาขับรถเก่าๆ ของตัวเองผ่านไป แล้วรอเรียกช่างมาซ่อมดีกว่า
“จะ เก่าหรือใหม่ แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหายนี่ครับ”

“คุณพูดเหมือนเป็นความ ผิดของฉันเลยนะ คนเราจะต้องรอบรู้ทุกอย่างเลยหรือไง ฉันไม่ได้เป็นช่างซ่อมรถนี่ จะได้เปิดกระโปรงออกมาแล้วรู้เลยว่ามันเสียอะไรตรงไหน ถ้าฉันเก่งอย่างนั้นฉันไปเปิดอู่เลยไม่ดีกว่าหรือไง”

ยาใจโวยวายยาวเหยียด ทั้งๆ ที่ธีร์กล่าวเพียงไม่กี่คำ มันทำให้เขามองเธอด้วยความขบขัน

“คุณเป็นอย่างนี้เสมอเลยหรือเปล่า”

“เป็นอะไร?” เธอถามเสียงห้วน ไม่ไว้ใจ

“ก็... มองโลกในแง่ร้าย... ผมยังไม่ทันว่าอะไร คุณก็คิดเองไปซะไกล”

“ฉันไม่ได้คิดไปเองนะ คุณนั่นแหละที่ว่าฉัน” หญิงสาวยังคงเถียงหัวชนฝา จนธีร์เห็นว่าเปล่าประโยชน์ที่จะแย้ง

ชายหนุ่มผิวเข้มมองดูหน้าบูดบึ้งของอีกฝ่าย ไม่ต้องหวังว่าจะได้ยินคำขอบคุณ เอาแค่ให้เธอพูดจาดีๆ กับเขาสักครั้งยังเป็นเรื่องยาก เขาไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจตั้งแต่เมื่อไร เธอจึงไม่เคยญาติดีกับเขาสักครั้ง

“แล้วดาไม่มาด้วยหรือครับ” เขาเปลี่ยนเรื่อง ก่อนที่คนตัวเล็กตรงหน้าจะหาเรื่องโวยวายมากไปกว่านี้

“แล้ว ห็นหรือเปล่าล่ะ” ยาใจรวนอย่างหงุดหงิด แต่เมื่อนึกถึงความดีที่เขายื่นมาเข้ามาช่วย (แบบไม่เต็มใจนัก) หญิงสาวก็พยายามสะกดอารมณ์ของตัวเองไว้

“ดามันไปกินข้าวกับเพื่อน ตอนแรกมันจะให้ฉันไปรับ แต่ว่ารถดันเสียซะก่อน”

“อ้าว!! แล้วอย่างนี้ดาจะกลับยังไง ดึกมากแล้วด้วย คุณไม่ต้องรีบไปรับดาหรอ” ธีร์ถามด้วยความเป็นห่วง น้ำเสียงร้อนรนจนคนฟังรู้สึกแปลก

“ดูคุณ เป็นห่วงดาจังเลยนะ ทำไม เริ่มหวั่นไหวแล้วหรือไง”

เป็นคำถามที่ทำ ให้ชายหนุ่มชะงัก เขานิ่งเงียบไปเหมือนคำพูดของเธอทิ่มแทงใจอย่างจัง

“ถ้า ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวเลยกลับก่อน” เขาตัดบทสั้นๆ ก่อนกลับเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในกระดองแคบๆ

ยาใจรู้ว่ามีบางอย่างที่เขา ซุกซ่อนไว้ แต่เธอไม่อาจแน่ใจนักว่ามันคืออะไร

“เดี๋ยว...” ยาใจเรียกก่อนที่เขาจะเดินไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดอยู่ด้านหน้า

“ยังไง ก็ขอบคุณนะที่ช่วย ถือว่าหายกันกับที่ฉันเคยขับรถไปส่งคุณละกัน”

--------------------------------------------

ดาดารินนั่งถอนหายใจอย่างอึดอัดอยู่ตรงข้ามกับเด็กหนุ่มที่ยิ้มร่า ขณะนั่งเขี่ยอาหารรสเลิศในจานไปมาอย่างสุดเซ็ง

แม้ว่าบรรยากาศรอบกายแสนจะหรูหรา เสียงไวโอลินเบาๆ ขับกล่อมสร้างความผ่อนคลายอยู่ใกล้ๆ แต่หญิงสาวกลับรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน

“ดา ครับ เดี๋ยวผมไปเข้าห้องน้ำแปปนึงนะครับ” พลพรรคเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ อยากไปไหนก็ไปเถอะ... เธอจะยินดีมากถ้าเขาไปแล้วไปลับ ไม่กลับมานั่งจ้องหน้าสร้างความอึดอัดให้เธออีก

เมื่ออยู่เพียงลำพัง ดาดารินอดไม่ได้ ที่จะเหลือบสายตาแลหาคนร่างสูงใหญ่ที่บังเอิญเจอกันหน้าห้องน้ำ เขาจะอยู่ในห้องอาหารเดียวกับเธอหรือไม่ แล้วตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของเด็กหนุ่มที่วางอยู่บนโต๊ะก็กรีดเสียงร้องจนนางแบบสาวสะดุ้ง เธอมองอย่างชั่งใจ ไม่อยากถือวิสาสะรับสายให้เขา แต่เสียงกริ่งของมันก็ดังรบกวนจนลูกค้าโต๊ะอื่นๆ หันมามองอย่างตำหนิ

ในที่สุดดาดารินก็คว้ามันขึ้นมา หน้าจอแสดงชื่อว่า ‘devil’ ใครกันชื่อประหลาดอย่างนี้ หญิงสาวกดรับ แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยอะไร ปลายสายก็กรอกเสียงกลับมาจนเธอโต้แย้งไม่ทัน

“นี่...พล นายอยู่ไหน ทำไมไม่รับสายฉัน แล้วทำไมวันนี้ไม่มาเรียน รู้ไหมถ้านายขาดวิชานี้อีกครั้ง อาจารย์จะไม่ให้นายสอบแล้วนะ ระวังเถอะ ฉันจะฟ้องพ่อนายว่านายโดดเรียนไปตามผู้หญิง นี่.... ทำไมเงียบไปล่ะ ฟังฉันอยู่หรือเปล่า”

นางแบบสาวนิ่งอึ้ง เธอไม่ได้ตกใจที่โดนรัวใส่เป็นชุด แต่คำพูดของคนที่โทรมามากกว่าทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก

“ฟังอยู่ค่ะ แต่ว่าตอนนี้พลไม่อยู่นะคะ”

“อุ๊ย!!” ปลายสายอุทานด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าจะมีสาวเสียงหวานมารับสายเพื่อนชายเธอเช่นนี้ “ขอโทษค่ะ”

“น้องเป็นเพื่อนกับพลหรอคะ” ดาดารินเอ่ยถามต่อ ไม่ยอมวางสายง่ายๆ
“ค่ะ...” ฝ่ายนั้นตอบแต่เพียงสั้นๆ รู้สึกประดักประเดิกจนไม่สามารถกล่าวอะไรได้
“วันนี้พลโดดเรียนหรอคะ”

แล้วถ้อยคำที่ตอบกลับจากอีกฝ่ายทำให้ดาดารินพูด อะไรไม่ออก พลพรรคโดดเรียนเพื่อมาหาเธอจริง ซึ่งมันไม่ใช่ครั้งแรกเสียด้วย หญิงสาววางสายไปแล้ว ตอนที่เด็กหนุ่มเดินหน้าบานกลับมาที่โต๊ะ เธอจ้องเขาอย่างโกรธเคืองโดยไม่รอให้เขานั่งลงด้วยซ้ำ

“วันนี้ทำไมพลไม่ยอมไปเรียน”

พลพรรคชะงักด้วยความตกใจ เขาค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งพร้อมสีหน้าเจื่อน

“ใครบอกดา” เขาถาม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะขึ้นมาสำรวจ และเมื่อเห็นว่าเบอร์ล่าสุดที่ปรากฏขึ้นคือใคร เขาก็สถบขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“ยัยตัวแสบ... บอกแล้วว่าไม่ให้มายุ่ง”

“พล... เพื่อนพลเขาหวังดีนะ เขาถึงได้ทำอย่างนี้ และถ้าเขาไม่โทรมา ดาก็คงไม่รู้ว่าพลไม่ยอมไปเรียนหนังสือ ดาไม่ชอบเลยจริงๆ ที่พลโดดเรียนมาหาดาอย่างนี้”

“ดาอย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กได้ไหม ผมโตแล้วนะ เรื่องแค่นี้มันไม่เป็นไรหรอกน่า”

“ไม่เป็นไรหรอ พลพูดออกมาได้ยังไงว่าไม่เป็นไร พลโดดเรียนเลยนะ รู้ไหมว่าถ้าพลทำอย่างนี้อีกครั้งพลจะไม่มีสิทธิ์สอบแล้ว แล้วดาจะรู้สึกยังไง ถ้าเกิดว่าพลสอบไม่ได้เพราะว่าดา คิดว่าดาจะเลี้ยงฉลองด้วยความดีใจหรอ ถ้าพลไม่ได้สอบเพราะดา...ดาคงรู้สึกผิดมากที่เป็นตัวทำลายอนาคตของพล” ดาดารินเอ่ยอย่างจริงจังจนพลพรรคเถียงไม่ออก

“พลบอกว่าพลโตแล้ว คนที่โตแล้วก็ต้องรู้ว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร แล้วก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองด้วย ถ้าพลยังดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วพลจะมาดูแลดาได้หรอ... ดาจะไม่ขอให้พลกลับไปเรียนเพื่อดา แต่ถ้าพลโดดเรียนอีก ดาจะไม่มีวันคุยกับพลอีกเลย”
นางแบบสาวว่าก่อน ลุกขึ้น เอ่ยเสียงเด็ดขาด จนเด็กหนุ่มซึ่งไม่เคยเชื่อฟังใครทั้งสิ้นไม่กล้าโต้แย้ง

“วันนี้ดาจะกลับเอง อย่าตามมา แล้วก็อย่าโทรมาหา จนกว่าพลจะสอบเสร็จ”

พลพรรคไม่มีโอกาสทักท้วง เพราะดาดารินจากไปไกลเสียแล้ว เขารู้สึกผิดได้เพียงไม่ถึงนาทีจากนั้นก็หงุดหงิด โยนความผิดไปให้คนที่โทรศัพท์เข้ามา

ชายหนุ่มรีบต่อสายไปหา ‘ยัยปิศาจ’ ที่พาความเดือดร้อนมาให้

“เธอจะบ้าแล้วหรือไงแก้ว คิดจะแกล้งฉันใช่ไหม ถึงได้บอกดาเรื่องที่ฉันโดดเรียนวันนี้” เขากรอกเสียงไปอย่างโมโหทันทีที่ฝ่ายนั้นรับสาย

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะบอกเขาเสียหน่อย ฉันโทรไปหานายแล้วเขารับสายพอดี ทำไม...ทะเลาะกันหรือไง” ลูกแก้วว่ากลับอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจของเด็กหนุ่ม

“ก็ใช่นะสิ ดาโกรธจนไม่ยอมพูดกับฉันอีก เธอต้องการอะไรของเธอกันแน่ ทำไมชอบหาเรื่องปวดหัวมาให้ฉันตลอดเลยเนี่ย” พลพรรคว่ากลับไปอย่างโกรธจัด แต่ลูกแก้วก็ไม่สนใจอารมณ์ของเขาอยู่ดี

“ฉันไม่ได้หาเรื่องปวดหัวมาให้นาย นายทำตัวของนายเองต่างหาก อยากโดดเรียนไปตามตื้อผู้หญิงเนี่ย ฉันไม่บอกพ่อนายก็ดีเท่าไรแล้ว นี่ ถ้าพรุ่งนี้นายไม่มาเรียน นายได้ลงวิชานี้ใหม่อีกรอบแน่ อยากโวยวายอะไรก็เชิญนะ แต่ยังไงพรุ่งนี้นายก็ต้องมาเรียน เข้าใจ๋... แค่นี้นะ”

แล้วเธอก็วางสายไป โดยไม่ยอมเปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มได้พูดอะไรทั้งสิ้น พลพรรคกระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเพื่อเป็นการระบายความหงุดหงิด ลูกแก้วถือว่าตัวเองเป็นลูกสาวเพื่อนสนิทของพ่อหรือไง หรือคิดว่าตัวเองรู้จักกับเขาตั้งแต่สมัยเด็ก จึงได้วางท่า ทำราวกับเป็นแม่เขาอย่างนี้

ถ้าพรุ่งนี้เขาไปเรียนก็ไม่ใช่เพราะคำสั่งของเธอหรอก แต่เป็นเพราะคำพูดของดาดารินต่างหาก รู้ไว้ซะด้วย ยัยปิศาจ!!

--------------------------------------------------

ประตูลิฟต์โดยสารกำลังจะปิดลงตอนที่ดาดารินเดินไปถึง หญิงสาวรีบร้องห้าม ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยโดยไม่เงยหน้ามองผู้ร่วมเดินทางอีกคนที่ยืนอยู่ก่อนหน้า เพราะมัวแต่ง่วนอยู่กับการควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพาย

“จะกลับแล้วหรอครับ” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นใกล้ๆ ดาดารินสะดุ้งด้วยความตกใจ ช่างสมจริงสมจังเสียเหลือเกินในความคิดของชายหนุ่ม เธอคงรีบวิ่งมาเพื่อให้ได้ร่วมลิฟต์เดียวกับเขาสินะ

“ค่ะ” นี่เขาลงทุนดักรอเพื่อจะกลับพร้อมเธอเลยหรือไง สงสัยอยากจะไปส่งเธอแน่ๆ “คุณทองทิมก็เพิ่งกลับหรอคะ”

“ผมเพิ่งคุยกับลูกค้าเสร็จนะครับ แล้วนี่แฟนคุณไปไหนเสียล่ะ”

“ฉันบอกแล้วไงว่าพลไม่ใช่แฟนฉัน พลอาจจะหวงฉันมากเกินไปหน่อย แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันก็คิดกับเขาได้แค่น้องชายเท่านั้น” ดาดารินรีบอธิบายเพราะไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด ในขณะที่ทองทิมคิดว่าเธอคงกลัวเรตติ้งตัวเองจะตก

“ไม่ใช่แฟนก็ไม่ใช่ แฟน แล้วเขาไปไหนละ ไม่ไปกับคุณหรอไง”

“ฉันแยกกับเขาแล้ว เดี๋ยวคงโทรให้ยาใจมารับ หรือไม่ก็เรียกแท็กซี่กลับเองน่ะค่ะ”
ลองพูดอย่างนี้ ผู้ชายร้อยทั้งร้อยต้องรีบเสนอตัวไปส่งเธอแน่ แต่ดาดารินลืมอะไรไปหรือเปล่า ทองทิมไม่ใช่ผู้ชายในจำนวนหนึ่งร้อยนั้น ต่อให้เธอรอแล้วรอเล่า เขาก็ไม่มีวันเอ่ยในสิ่งที่เธอหวังจะได้ยิน

เสียใจด้วยนะครับคุณนางแบบ มุกตื้นๆ แค่นี้ใช้กับเขาไม่ได้หรอก

ลิฟต์หยุด ลงตรงชั้นที่ทองทิมจอดรถไว้ เขาแอบยิ้มอย่างสะใจเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังจากหญิงสาว ตอนที่เขาเอ่ยคำลา

“นายทองเทียม นายซื่อบื้อ นอกจากไร้มารยาทแล้วยังแล้งน้ำใจอีก ปล่อยให้ผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวได้ยังไง จำไว้เลยนะ ฉันจะต้องสั่งสอนเขาให้เข็ด” ดาดารินพูดกับตัวเองขณะก้าวออกจากลิฟต์ ก่อนเดินมาหยุดหน้าประตูโรงแรม

ถ้าบอกให้ยาใจมารับคงต้องรออีกนาน ไม่รู้ว่าป่านนี้เพื่อนสาวซ่อมรถเสร็จหรือยังด้วย
นางแบบสาวหันไปหา พนักงานเปิดประตูที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เพื่อบอกให้เขาเรียกรถแท็กซี่ให้เธอ นานมากแล้วที่ดาดารินไม่ต้องไปไหนต่อไหนด้วยตัวเอง ยาใจจะต้องตกใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าเธอนั่งรถโดยสารกลับมาเพียงลำพัง เธอจะเล่าให้ฟังให้หมดเลยว่านายทองเทียมเสียมารยาทอะไรกับเธอไว้บ้าง เธอจะต้องเอาคืนเขาให้สาสม

ในขณะที่ดาดารินคิดแผนการแก้แค้นอย่างหมายมั่น แลนโลเวอร์คันใหญ่ก็ปราดเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูโรงแรม ตรงหน้าที่เธอยืนอยู่พอดิบพอดี เสียงล้อเบียดถนนดังจนเธอสะดุ้ง ชายหนุ่มที่นั่งประจำที่คนขับก้าวลงมา พร้อมรอยยิ้มยียวนปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม

“ขึ้นรถสิครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”

ดาดารินเหลือบมอง เพิ่งมารู้สึกตัวหรอว่าสุภาพบุรุษต้องทำอย่างไร

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันให้พนักงานของคุณเรียกแท็กซี่ให้แล้ว” เธอเอ่ยอย่างไว้ตัว สมน้ำหน้า...มีโอกาสแต่ไม่รีบคว้าไว้

“ถ้าอย่างนั้นก็คิดว่าผมเป็นแท็กซี่ที่คุณเรียกก็ได้ ถือเป็นบริการพิเศษจากทางโรงแรมไงครับ” เขาว่าอย่างเชิญชวน ใครจะรู้ว่าชายหนุ่มเองก็มีแผนการของตัวเองอยู่ในใจ เขาเพิ่งคิดเรื่องนี้ออกตอนขับรถวนอยู่ในลานจอด

แค่คิดก็สนุกจะแย่ เขาจะปล่อยโอกาสนั้นหลุดลอยไปได้อย่างไร

สำหรับดาดาริน เธอไม่ชอบเล่นตัวให้มากความ ในเมื่อเขามาง้อแล้วจะทำท่ามากไปก็เสียเวลา ดังนั้นหญิงสาวจึงก้าวลงจากบันได ตรงไปยังที่นั่งด้านหลัง ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของชายหนุ่ม

“ปกติเวลานั่งแท็กซี่ฉันก็นั่ง ด้านหลังอย่างนี้แหละคะ มีอะไรไม่พอใจหรือเปล่าคะ” ดาดารินว่าอย่างผู้ชนะ เปิดประตูเข้าไปนั่งโดยไม่ฟังเสียงอะไรอีก

เอาเถอะๆ เขาจะปล่อยให้เธอปลาบปลื้มกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ไปก่อน เพราะถ้าถึงตาเขาแล้ว เธอคงจุกจนพูดไม่ออกเชียวล่ะ

--------------------------------------------------------------------------

ไฟสีส้มจากร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามคอนโดมิเนียมของเขายังสว่าง ไสว แม้จะเลยเวลาปิดร้านมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่เพราะแผนการแก้เผ็ดคุณนางแบบที่เขาบังเอิญคิดออก ก็ทำให้ชายหนุ่มโทรศัพท์ไปขอร้องให้เจ้าของร้าน ว่าอย่าเพิ่งกลับไปไหน

ทองทิมชำเลืองมองหญิงสาวที่นั่งเพลินอยู่ด้านหลัง อยากรู้จริงๆ ว่าเธอจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

“ผมส่งคุณตรงนี้นะ คุณเดินเข้าไปเองได้ใช่ไหม พอดีผมจะแวะไปดื่มกาแฟรอบดึกเสียหน่อย ไม่ได้มาตั้งหลายวัน คิดถึ๊ง คิดถึง” เขาแกล้งเน้นเสียง ก่อนเฝ้ามองปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับดาดาริน จากเงาสะท้อนในกระจกอย่างตั้งใจ

นางแบบสาวเบ้ปาก ไม่ได้มาหลายวัน คิดถึ๊ง คิดถึงอย่างนั้นหรอ แหวะ...เลี่ยนจะแย่ เดี๋ยวก็จัดให้ไปอยู่โรงลิเกเดียวกับพลพรรคเสียเลยนี่

“ถ้า อย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ ฉันก็อยากหาอะไรอุ่นๆ รองท้องก่อนเข้านอนเหมือนกัน จอดเลยสิคะ ตรงหน้าร้านว่างอยู่พอดี” ดาดารินออกคำสั่งอย่างจงใจ ก่อนจะกรีดกรายก้าวลงจากรถทันทีที่เขาดับเครื่อง

มาดูกันดีกว่า ว่าศึกครั้งนี้ใครจะยอมยกธงขาวก่อนกัน



***********************************
มาต่อแล้วน้า ไม่รู้ว่าจะลืมกันหรือยัง ขอให้สนุกนะจ๊ะ



ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ค. 2555, 19:10:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ค. 2555, 19:10:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1616





<< บทที่ 10   บทที่ 14 >>
issbel 1 ก.ค. 2555, 21:15:48 น.
ติตามอยู่น้าค้า + อยากอ่านเรื่องพลกับลูกแก้วจังค่ะเคยลงรึยังคะอยากอ่านจัง


pattisa 1 ก.ค. 2555, 21:52:34 น.
นายพลกับลูกเเกก้ว น่าสนใจจังค่ะ ส่วนตอนหน้าคงสนุกเเน่ อิอิ


nunoi 1 ก.ค. 2555, 23:28:14 น.
รอดูว่าเกมนี้ใครจะชนะ


โฉมฉาย 2 ก.ค. 2555, 16:24:30 น.
แวะมาอ่าน เมื่อไหร่จะมีเรื่องใหม่ รอติดตามอยู่นะ


ling 2 ก.ค. 2555, 16:28:19 น.
เป็นคู่ปรับกันจริงๆนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account