มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา

Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี

ตอน: ตอนที่ 6 (ครบ 100% แล้วค่ะ)



มาครบแล้วค่ะ มีแก้ไขเพิ่มเติมนะคะ อ่านตั้งแต่แรกจะได้อรรถรสมากกว่าค่ะ ^______^ อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นต์นะคะ ขอบคุณค่ะ

ตอนที่ 6



หลังจากเปิดภาคเรียนใหม่ได้เพียงสองสัปดาห์ ก็มีข่าวลือไปทั่วมหา’ลัยว่ารุ่นพี่สุดหล่อที่เรียนอยู่ปีสุดท้ายของคณะเศรษฐศาสตร์ซึ่งมีดีกรีเรื่องความเจ้าชู้ติดอันดับนั้นได้ตกลงคบหาดูใจกับรุ่นน้องสาวสวยปี 2 คณะอักษรศาสตร์อย่างเป็นทางการแล้ว ข่าวลือนี้เป็นที่สนใจของนิสิตทั้งชายและหญิง เพราะมีคนที่ต้องผิดหวังและอกหักจากทั้งคู่ไปไม่น้อยทีเดียว แถมบรรดานิสิตหญิงจำนวนหนึ่งต่างก็เฝ้ารอว่าเมื่อไรหญิงสาวที่โชคดีคนนั้นจะถูกทิ้งเหมือนคู่ควงคนอื่น ๆ ที่ผ่านมาของชายหนุ่ม เผื่อว่าพวกเธอจะมีโอกาสได้เสียบต่อบ้าง

อย่างไรก็ตามข่าวลือก็ย่อมเป็นข่าวลืออยู่วันยังค่ำ เพราะพริมายังไม่ได้ตกปากรับคำใด ๆ กับภัทร์ ที่มาที่ไปของข่าวลือนี้ก็เพราะชายหนุ่มปี 4 คนดังกล่าวเล่นเทียวไปเทียวมาที่คณะของหญิงสาวอยู่ทุกวันเพื่อทำให้ข่าวลือกลายเป็นข่าวจริง จนใคร ๆ ก็เลยสรุปกันเอาเองว่า คนทั้งคู่คงตกลงใจคบหาและเป็นแฟนกันแล้ว ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะจากเหตุการณ์ในวันลอยกระทงที่ผ่านมา ทุกคนที่ได้รับรู้เรื่องราวในวันนั้นต่างก็ฟันธงกันไว้แล้วว่ามันจะต้องลงเอยแบบนี้ จะแปลกหน่อยก็ตรงที่คราวนี้ฝ่ายชายท่าจะเอาจริง เพราะนับจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาจนถึงวันนี้ก็ร่วม ๆ 7 เดือนเข้าไปแล้วซึ่งนับว่าเป็นสถิติใหม่และนานที่สุดของภัทร์ในการจีบสาวก็ว่าได้

ส่วนชายหนุ่มและหญิงสาวที่ตกเป็นข่าวอยู่นั้น กำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารอิตาเลี่ยนมีชื่อในห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ทั้งคู่มารับประทานอาหารเที่ยงโดยมื้อนี้ก็มี กอ ขอ คอ ตามมาอีกเช่นเคย กอ ภัทรา ขอ วรปรัชญ์ และคอ พิชญธิดา ‘ครบองค์ประชุม’ อย่างที่ภัทร์แอบเรียกในใจ อันที่จริงต้องพูดว่าภัทร์ต่างหากที่ตามมาเป็น กอ ขอ คอ เพราะเมื่อชายหนุ่มรู้ว่าน้องสาวและกลุ่มเพื่อนสนิทจะออกมาทานข้าวเที่ยงนอกมหา’ลัยเนื่องจากช่วงบ่ายไม่มีเรียน ชายหนุ่มที่แวะไปหาหวานใจก็รีบฉวยโอกาสแนะนำร้านนี้ให้ทุกคนและขอตามมาด้วยในทันที ซึ่งก็ไม่มีใครขัดข้อง เพราะต่างก็ชอบใจสโลแกนของวรปรัชญ์ที่ว่า ‘อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ’

‘จะทานอะไรกันดีล่ะ เอาพิซซ่าไหม เอามาแชร์กัน ฉันกลัวทานคนเดียวไม่หมด’ วรปรัชญ์พูดขึ้นโดยไม่ยอมละสายตาจากเมนูที่กำลังดูอยู่ในมือ

‘อย่างแกนี่นะ ทานไม่หมด ฉันไม่เชื่อหรอก’ พิชญธิดาเหน็บเพื่อนสนิท

‘แหม! ก็อาหารมันน่าทานทั้งนั้นเลยนี่นา ฉันก็ว่าจะทานอย่างละนิดอย่างละหน่อยไง เอามาหลาย ๆ จาน เราก็จะได้ชิมกันทุกจานไง ไม่ดีเหรอ’

‘ดีค่าคุณวรปรัชญ์ แหม! ไม่คิดจะเกรงใจเจ้าภาพเขาบ้างเลยนะแก’ พิชญธิดาแหย่เพื่อนซี้

‘จะสั่งอะไรก็สั่งเถอะ ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก ที่นี่อร่อยทุกอย่าง พี่การันตี’ ภัทร์บอกกับทุกคน

‘มาบ่อยละสิ’ เสียงน้องสาวดักคอ

‘ก็มา 3 – 4 ครั้งแล้ว’ ภัทร์ตอบอย่างพาซื่อ

‘มากับสาว ๆ ชัวร์!!!’ ภัทราลอยหน้าลอยตาพูดใส่พี่ชายที่กำลังลอบมองหวานใจอยู่ และเมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว ชายหนุ่มก็รีบแก้ตัวในทันที

‘เปล่า พี่มากับเพื่อน ๆ น่ะ’

‘อมพระวัดไหนอยู่คะพี่โป๊ป’ วรปรัชญ์แซวขึ้น ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนที่โดนแซวที่แกล้งหัวเราะกลบเกลื่อนอาการเขินที่ถูกจับโกหกได้ต่อหน้าต่อตา ก่อนที่จะหันไปอ้อนหญิงสาวข้างตัวว่า

‘ปริม อย่าไปเชื่อนะครับ พี่ถูกใส่ร้าย’

‘แหวะ! อย่ามาทำหวานแถวนี้พี่โป๊ป เลี่ยนพอแล้ว’ ภัทราขัดคอผู้เป็นพี่ชาย ก่อนที่จะเอ่ยถามเพื่อนสนิทว่า

‘ปริม ตกลงแกจะกินอะไร เห็นเลือกอยู่ตั้งนานสองนานแล้ว’

‘ไม่รู้สิ เลือกไม่ถูก อย่างที่ปรัชญ์ว่า น่ากินไปหมดเลย’ พริมาตอบ

‘น้องปริมชอบอาหารทะเล งั้นลองกินสปาเก็ตตี้หมึกดำซีฟู้ดไหม ของที่นี่อร่อยนะเพราะเส้นเขาเหนียวกำลังดี พวกกุ้ง หอย และปลาหมึกที่เขาใส่ก็สด’ ภัทร์แนะนำอย่างคนรู้จริง

‘โห! พี่โป๊ป รู้จริงแฮะ’ วรปรัชญ์พูดขึ้น

‘ก็พี่เขาบอกแล้วไง ว่ามาทานที่นี่หลายครั้งแล้ว แกไม่ได้ยินเหรอนังปรัชญ์’ พิชญธิดาที่ไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทจะเล่นมุกจึงหน้าแตก เมื่อวรปรัชญ์พูดต่อขึ้นว่า

‘ฉันหมายถึง พี่โป๊ปเขารู้จริงว่าปริมมันชอบกินซีฟู้ดต่างหากล่ะยะ ซื่อบื้อจริงแกเนี่ย’

‘อ้าว เหรอ แหะๆๆ’ พิชญธิดาบอกด้วยเสียงอ่อย ๆ พร้อมทำหน้าแหย ๆ ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะในความใสซื่อของเธอจากทุกคนได้ ไม่เว้นแม้แต่พริมาที่ออกอาการเขินอายจากคำพูดของวรปรัชญ์อยู่ ก็ยังอดหัวเราะร่วมกับเพื่อน ๆ ไม่ได้

‘งั้นปริมเอาที่พี่โป๊ปแนะนำก็ได้ค่ะ’ พริมาบอกเพราะอยากลองรับประทานอาหารจานดังกล่าวซึ่งก็สร้างรอยยิ้มให้คนแนะนำได้หน้าบาน และก็สร้างความหมั่นไส้ให้เพื่อนร่วมโต๊ะในเวลาเดียวกัน

‘แหม! พี่เขาว่าอะไรก็ว่าตามเชียวนะนังปริม ไม่ทันไรก็เป็นช้างเท้าหลังเสียแล้วนะ’ มีหรือที่วรปรัชญ์จะปล่อยโอกาสงาม ๆ ในการกัดเพื่อนให้หลุดลอยไปง่าย ๆ

‘บ้าเหรอปรัชญ์! ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย ฉันแค่อยากลองกินดูจริง ๆ ต่างหากล่ะ’ พริมารีบแย้งเพราะกลัวเพื่อน ๆ จะเข้าใจเธอผิด

‘ว้า! งั้นพี่ก็คิดผิดนะสิ’ ภัทร์หันมาตัดพ้อกับพริมา

‘คิดผิดยังไงคะ’ พริมาตกหลุมพรางของภัทร์ในที่สุด

‘ก็คิดว่าเราใจตรงกันยังไงล่ะครับ’ ทันทีที่สิ้นเสียงภัทร์ เพื่อน ๆ ของพริมาก็พร้อมใจกันประสานเสียงขึ้นว่า

‘ฮิ้วววววว’ แล้วตามมาด้วย

‘แหม! วันนี้พวกเรามากินข้าวได้ถูกร้านจริง ๆ ทั้งหวานทั้งเลี่ยนของแท้’ วรปรัชญ์พูดพร้อมหันไปทำหน้าล้อพริมาที่กำลังออกอาการเขิน

‘น้อย ๆ หน่อยนะพี่โป๊ป แหม! ทำมาใจตรงกัน ชิ! ปริมมันยังไม่ได้เป็นอะไรกับพี่เลยนะ อย่าเว่อร์ให้มันมากนัก’ ภัทราหมั่นไส้พี่ชายที่แกล้งอ้อนเพื่อนสนิทต่อหน้าต่อตาอย่างไม่เกรงใจใคร ๆ

‘ใครบอกว่ายังไม่เป็นฮะปั๊ป’ ภัทร์ถามด้วยสีหน้ากวน ๆ เหมือนคนที่กำลังกำความลับอันยิ่งใหญ่อยู่

‘หมายความว่าไงพี่โป๊ป ปริมว่ายังไงยะ’ ภัทราหันมาซักเพื่อนสาวแทนแต่ก็ไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสีชมพู

‘น้องปริมก็บอกทุกคนไปสิครับ’ ภัทร์พูดให้คนฟังได้ลุ้น

‘ว่าไงนังปริม บอกมาเร็ว ๆ นะ ไหนแกบอกฉันว่าข่าวลือนั่นมันไม่จริงไง แกบอกฉันเมื่อวานเองนี่นา’ วรปรัชญ์ลุ้นจนแทบนั่งไม่ติดเพราะความอยากรู้

‘ก็นั่นมันเมื่อวานนี่นา’ ในที่สุดพริมาก็ตอบออกมาด้วยเสียงอู้อี้ ซึ่งทำให้เพื่อนสนิททั้งสามต้องตั้งใจฟังมากยิ่งขึ้น ส่วนชายหนุ่มคู่กรณีก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนน่าหมั่นไส้

‘หมายความว่าไงปริม พูดมาให้เคลียร์เลยนะ’ ภัทราออกคำสั่ง

‘นั่นสิ แกหมายความว่าไงอะ อะไรเมื่อวาน ๆ พูดให้มันชัด ๆ เคลียร์ ๆ สิ’ วรปรัชญ์สำทับอีกคน

‘ถ้าแกไม่บอกฉันนะ ฉันก็จะไม่บอกแกเวลาที่พี่โป๊ปมันมีกิ๊ก จะปล่อยให้แกโดนหลอกไปเลย’ ภัทราแกล้งขู่เพื่อนสาว

‘อะไรกันปั๊ป! มีก๊งมีกิ๊กอะไร! ปั๊ปนี่ มาชักใบให้เรือเสียอยู่เรื่อย’ ภัทร์ต่อว่าน้องสาวก่อนที่จะหันมาหาพริมาแล้วพูดว่า

‘น้องปริมก็บอกเพื่อน ๆ ไปสิครับว่าปริมตกลงเป็นแฟนกะพี่แล้ว’ ภัทร์เฉลยในที่สุด

‘จริงเหรอปริม’ เพื่อน ๆ ทั้งสามถามขึ้นพร้อมกันด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดัง และตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจเมนูอาหารในมือกันอีกแล้ว

‘อือ’ แต่พริมายังคงเป็นคนเดียวที่ยังไม่ยอมละสายตาจากเมนูอาหาร หญิงสาวก้มหน้างุดเพราะเธอต้องการซ่อนความอาย ไม่อยากให้เพื่อน ๆ ล้อมากไปกว่านี้ หญิงสาวคงไม่อายขนาดนี้หากภัทร์จะลุกไปไหนสักพัก และเปิดโอกาสให้เธอได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อน ๆ ฟัง

ฝ่ายภัทร์นั้นก็กลับอยากนั่งดูแฟนสาวหมาด ๆ เขินอายเพราะสำหรับเขาแล้ว เวลาพริมาเขินนั้นช่างดูน่ารักนัก นอกจากนั้นชายหนุ่มก็อยากเอาคืนแฟนสาวที่ปล่อยให้เขารอคำตอบซึ่งเกินกำหนดมาตั้งสองอาทิตย์ พริมาพยายามบ่ายเบี่ยงและเลี่ยงทุกครั้งที่จะตอบตกลงเป็นแฟนกับเขา ดังนั้นในวันนี้ภัทร์จึงถือโอกาสระหว่างเดินทางมาร้านอาหารซึ่งได้อยู่กันสองต่อสองในรถ ถามคำถามเดิมกับหญิงสาวอีกครั้ง และเธอก็ต้องตอบตกลงเพราะเจอคำขู่แบบมัดมือชกที่ว่า ‘ถ้าวันนี้พี่ได้คำตอบที่ไม่น่าพอใจ พี่จะไม่ให้ปริมลงจากรถพี่อย่างเด็ดขาด!!!’

‘เมื่อไรอะปริม ก็เมื่อวานแกยังบอกว่าไม่ใช่อยู่นี่นา แล้วไปมายังไงวันนี้ถึงบอกว่าใช่แล้วอะ’ วรปรัชญ์ทำหน้าที่สอบสวนราวกับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ

‘ว่าไงละปริม อย่ามัวอมพะนำอยู่สิ’ ภัทราช่วยเร่งอีกคน

‘ค่อยเล่าได้ไหม ฉันหิวข้าวแล้ว’ พริมาจบประเด็นอย่างห้วน ๆ และไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ซักไซ้อะไรได้อีกโดยการเรียกพนักงานให้มารับรายการอาหารในทันที



************************



ต้นรักของภัทร์และพริมาค่อย ๆ เติบโตขึ้นทีละเล็กทีละน้อยอย่างงดงาม เพราะต่างฝ่ายต่างก็ดูแลและเอาใจใส่ต้นรักต้นนี้เป็นอย่างดี ฝ่ายชายไปรับและมาส่งพริมาถึงคอนโดฯทุกเช้าและเย็น ปิดโอกาสที่จะให้หนุ่มคนอื่น ๆ ได้ทำคะแนนบ้างอย่างว่าที่คุณหมอคณิตินเป็นต้น เพราะถึงแม้จะได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากพี่ชายฝ่ายหญิงแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกกลางระหว่างคู่รักคู่นี้ได้เลย

‘ทำไมเพื่อนพี่ชายปริมคนนั้น ถึงต้องมาที่คอนโดฯปริมบ่อย ๆ ด้วยล่ะ’ ภัทร์ซึ่งรู้สึกไม่ถูกชะตากับคณิตินทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนเอ่ยถามพริมาในรถระหว่างเดินทางไปโรงภาพยนตร์เพื่อดูหนังรอบดึกในคืนวันศุกร์ด้วยกัน ภัทร์เริ่มสังเกตว่าเพื่อนพี่ชายคนนี้มักวนเวียนมาหาพี่ชายแฟนสาวอยู่บ่อยครั้งจนน่าแปลกใจ ชายหนุ่มรู้สึกอิจฉาว่าที่คุณหมอคนดังกล่าวที่สามารถเข้านอกออกในที่พักของแฟนสาวได้อย่างง่ายดาย เพราะตัวเขายังไม่เคยขึ้นไปส่งพริมาถึงห้องพักเลยสักครั้ง การกระทำของพริมาชัดเจน สำหรับเธอ เขาเป็น ‘คู่รัก’ ไม่ใช่ ‘คู่นอน’

‘พี่ว่า....ถ้าเขาไม่ชอบปริมก็ต้องชอบพี่ชายของปริมแล้วล่ะ’

‘บ้า! พวกเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียหน่อย’ พริมาร้องทักท้วงขึ้นอย่างเสียงหลง

‘ก็พี่ตินเขาต้องมาอ่านหนังสือและทำพวกรายงานกับพี่เปรมนี่คะ’ พริมาตอบเท่าที่รู้จากปากของพี่ชาย

‘นายตินอะไรนั่นเขาเรียนคนละสาขากับเปรมไม่ใช่เหรอ’ ภัทร์แย้งเพราะรู้มาจากแฟนสาวว่าเปรมเรียนสาขาเกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง เพราะชายหนุ่มตั้งความหวังว่าจะเป็นแพทย์ทางด้านประสาทศัลยศาสตร์ต่อไปในอนาคต ภัทร์ไม่เรียกเปรมว่าพี่เพราะอันที่จริงเปรมก็มีอายุรุ่นราวเดียวกันกับเขา เพราะภัทร์ได้พักการเรียนชั่วคราวในปีหนึ่ง เพราะสอบผ่านและได้รับเลือกให้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศตั้งแต่อยู่ชั้น ม.6 ชายหนุ่มจึงเรียนช้ากว่าเพื่อนร่วมรุ่นไปหนึ่งปี ส่วนคณิตินนั้นเรียนสาขาสูตินารีเวชวิทยา

‘ค่ะ แต่คงมีพวกวิชาพื้นฐานที่เหมือน ๆ กันมั้งคะ’

‘ปริมเชื่ออย่างนั้นเหรอ พี่ว่าที่นายตินมาที่นี่บ่อย ๆ ก็เพราะเขาชอบปริมมากกว่า พี่เป็นผู้ชายด้วยกัน ทำไมจะไม่รู้’ ภัทร์บอกพริมาตรง ๆ เพราะรู้สึกไม่ชอบใจที่ต้องรับรู้ว่าคณิตินมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ คนรัก ยิ่งรู้ว่าพี่ชายของแฟนสาวคอยเชียร์หนุ่มหน้าตี๋ว่าที่คุณหมออยู่ด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งไม่พอใจ

‘แต่ปริมไม่ได้ชอบพี่ตินนี่คะ’ พริมาพยายามพูดให้แฟนหนุ่มสบายใจและคลายความหวงลง

‘ชอบไม่ชอบ พี่ก็ไม่อยากเห็นใครมาแอบมองแฟนพี่ พี่หวงปริมนะ แถมพี่ชายปริมก็ชอบเขามากกว่าชอบพี่ด้วย พี่ยิ่งไม่ไว้ใจ’ ภัทร์สรุปเอาเอง

‘พี่โป๊ปไม่ไว้ใจปริมเหรอคะ’ พริมาถามพร้อมทั้งหันมาจ้องหน้าแฟนหนุ่มรุ่นพี่ที่คบกันมากว่า 4 เดือนแล้ว

‘ปริมทำอะไรให้พี่โป๊ปไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจเหรอคะ’ พริมาถามและทำให้คนฟังถึงกับสะอึก

‘เปล่า พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น พี่ไว้ใจปริมเสมอ แต่พี่หมายถึงนายตินโน่นต่างหากที่ไม่น่าไว้ใจ’

‘ในเมื่อพี่โป๊ปไว้ใจปริม เชื่อใจปริม งั้นพี่โป๊ปจะแคร์คนอื่นทำไมคะ’ คาสโนว่าอย่างภัทร์ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อเจอคำพูดน่าคิดจากคนรัก

‘ความรักอยู่ที่คนสองคนนะคะ ถ้าเราจับมือกันแน่นพอ แล้วใครจะแทรกเข้ามาได้.....เว้นเสียแต่ว่า จะมีใครปล่อยมือใครอีกคนก่อน’ นักรักรุ่นน้องอย่างพริมาริอ่านสอนบทเรียนให้กับรุ่นพี่เจนเวทีอย่างภัทร์

‘โอเคครับ ๆ งั้นพี่ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแล้ว เพราะพี่จะจับมือปริมไว้แน่น ๆ ไม่มีวันปล่อยอย่างเด็ดขาด’ ภัทร์พูดพร้อมกับยื่นมือมาจับมือของพริมาไปกุมไว้อย่างแนบแน่น เพื่อยืนยันคำพูดของตน

‘ขอให้จริงเถอะค่ะ เพราะปริมก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยมือพี่โป๊ปก่อนแน่ ๆ ยกเว้นว่ามืออีกข้างของพี่โป๊ปจะไปจับมือคนอื่นก่อน’

‘ไม่มีทางครับ พี่ให้สัญญา!’ ภัทร์รับคำอย่างหนักแน่น ณ เวลานั้น โดยไม่รู้ว่าคำพูดของพริมาจะเป็นจริงขึ้นมาในวันหนึ่ง และเขาก็ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้ในวันนั้นไว้ได้

‘จำเอาไว้นะคะ ว่าพี่โป๊ปพูดอะไรกับปริมบ้างในวันนี้ เพราะถ้ามันเกิดเป็นจริงขึ้นมาแล้วล่ะก็ ถึงพี่โป๊ปไม่ยอมปล่อยมือปริม ปริมนี่แหละจะยอมตัดมือตัวเองทิ้ง’ พริมากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมเข้ม เพื่อให้เขารู้ว่าเธอพูดจริงทำจริง

‘โห! น้องปริมพูดเสียน่ากลัวจัง ไม่ต้องขู่ขนาดนี้ พี่ก็กลัวแล้วครับ’ ภัทร์แกล้งทำท่าขยาด ก่อนที่จะออดอ้อนด้วยการดึงมือของพริมาขิ้นมาจูบเบา ๆ

‘ต้องขู่ไว้ก่อนสิคะ ก็พี่โป๊ปน่ะเจ้าชู้จะตาย’ พริมาปรับน้ำเสียงจากดุดันให้ดูอ่อนหวานเหมือนเดิม หญิงสาวหน้าแดงเรื่อที่ถูกเอาเปรียบแต่ก็ยอม เพราะรู้ว่าชายหนุ่มต้องการประทับรอยจูบบนในหน้าเธอมากกว่าซึ่งมันยังไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง

‘พี่เลิกเจ้าชู้แล้วนะ ไม่เห็นเหรอว่าตั้งแต่คบกับปริม พี่ก็ไม่มองใครอีกเลยนะ’

‘ไม่มองตอนที่ปริมอยู่ด้วยน่ะสิ ลองปริมไม่อยู่ด้วยสิ คงทำมากกว่ามอง’ พริมาค่อนขอดแฟนหนุ่มที่เธอรู้ดีว่าเขายังไม่ทิ้งลายเสียทั้งหมด ระยะเวลาที่คบกันมา 4 เดือนนั้นยังไม่สามารถทำให้เธอเชื่อใจแฟนหนุ่มรุ่นพี่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเขาจะเลิกนิสัยเจ้าชู้ได้ หญิงสาวยังแอบเผื่อใจไว้หากต้องมีอะไรเกิดขึ้น เธอก็จะไม่เจ็บมาก นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พริมายังหวงเนื้อหวงตัว ไม่ปล่อยกายปล่อยใจให้เตลิดไปกับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น ไม่เหมือนกับคู่รักหนุ่มสาวคู่อื่น ๆ ที่สร้างสัมพันธ์ทางกายให้ไปพร้อมกับความผูกพันธ์ทางใจซึ่งมีให้เห็นอยู่มากมายในสังคมทุกวันนี้ พริมาถูกมารดาอบรมมาตั้งแต่เล็กด้วยคำคมที่ว่า ‘ผู้หญิงจะมีค่า ถ้าทำตัวเองให้มีค่า อย่าทำให้คุณค่าของตัวเองหมดไปก่อนถึงเวลาอันสมควรนะลูก’

‘ไม่จริง ถ้าพี่อยากทำ ก็อยากทำกับปริมคนเดียวเท่านั้น’ ภัทร์พูดทีเล่นทีจริงพร้อมส่งสายตาแพรวพราวสื่อความนัย แถมยังยักคิ้วทะเล้นให้เธออีก

‘เผียะ! ทะลึ่ง’ พริมาฟาดฝ่ามือลงบนต้นแขนของแฟนหนุ่ม

‘ฮ่า ๆๆ ก็ทะลึ่งกับปริมคนเดียวนี่แหละ’

‘ได้คืบจะเอาศอก’ พริมาหมายถึงการอนุญาตให้ชายหนุ่มได้จับและจูงมือเธอเมื่อครบกันได้สักพัก หญิงสาวยินยอมชายหนุ่มให้ถูกเนื้อถูกตัวเธอได้เพียงแค่นั้น เพราะเธอเชื่อในสำนวนที่ว่า ‘น้ำตาลใกล้มด’

‘ฮ่า ๆๆ พี่ยอมให้ปริมคนเดียวหรอกนะ พี่ไม่เคยยอมให้ใครมาก่อนนะ’ ภัทร์บอกอย่างไม่อ้อมค้อมซึ่งก็ทำให้พริมาถึงกับพูดไม่ออกเมื่อรู้ถึงความต้องการของชายหนุ่ม หญิงสาวที่หน้าแดงเรื่อรีบหันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ

‘ขอชื่นใจบ้างไม่ได้เหรอครับ’ ภัทร์ยังคงรุกต่อตามประสาชายหนุ่มที่มีแฟนสาว ยิ่งแฟนสวยแบบนี้ใครเลยจะอดใจไหว

‘ไปขอจากคนอื่นเถอะค่ะ ถ้ารอไม่ไหว ก็ไปหาคนใหม่ได้เลย ปริมไม่ว่าหรอก ปริมเข้าใจดี’ พริมาตอบโดยไม่หันมามองหน้าผู้ฟัง เลยไม่ได้เห็นว่าชายหนุ่มกำลังยิ้มพราวทั้งใบหน้าเพราะสนุกที่ได้แหย่ให้แฟนสาวหึงตนบ้าง

‘ไม่อาววว พี่จะเอาจากปริมคนเดียว นานแค่ไหนก็จะรอ’ ภัทร์ยังสนุกที่ได้แหย่ต่อ ชายหนุ่มแกล้งบีบมือแฟนสาวให้กระชับยิ่งขึ้นพร้อมรอยยิ้มกริ่มแฝงนัยก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาชวนมองนั้น

‘งั้นก็รอต่อไปนะคะ เพราะความประพฤติยังไม่ผ่าน’ พริมาบอกด้วยเสียงหวาน เธอแอบดีใจกับคำตอบแสนหวานของชายหนุ่ม จึงหันมาคลี่ยิ้มหวานให้กับเขา

‘ไม่ผ่านตรงไหนครับ’ ภัทร์หุบยิ้มและถามกลับในทันที

‘ก็ตรงที่ทะลึ่งแบบนี้อยู่ไงล่ะคะ’ พริมาหันมาและบีบจมูกชายหนุ่มไปหนึ่งครั้งด้วยความหมั่นไส้ หญิงสาวจ้องหน้าแฟนหนุ่มรุ่นพี่ด้วยดวงตาเป็นประกาย เพราะต้องการที่จะสื่อความหมายในใจให้เขาได้รับรู้ด้วยหัวใจของเขา เธอแน่ใจว่าได้หลงรักภัทร์อย่างหมดใจไปแล้ว ถึงแม้จะพยายามเผื่อใจไว้บ้างก็ตาม ชายหนุ่มเป็นคนที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ เขาหล่อและดูดี เดินไปไหนด้วยกันก็มีสาว ๆ คอยทิ้งสายตาให้อยู่ตลอด แถมภัทร์ยังดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี หญิงสาวที่เพิ่งลงสนามรักอย่างเธอจึงมอบหัวใจให้เขาไปครอบครองทั้งดวงจนไม่เหลือที่ว่างไว้ให้ใครได้อีกแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เคยบอกรักเขาอย่างตรง ๆ สักที และถึงแม้พริมาจะไม่เคยบอกรักกับชายหนุ่มตรงหน้าด้วยวาจา แต่เธอก็ได้ใช้ดวงตาบอกความรู้สึกที่แท้จริงให้เขาได้รับรู้อยู่เสมอ คาสโนว่าอย่างภัทร์รู้ดีว่าได้หัวใจของคนรักมาหมดแล้ว และเขาก็รู้สึกแบบเดียวกันกับพริมา....แปลกที่ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ครั้งนี้มันแตกต่างจากทุกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าเวลาคบกันเพียงไม่นานจะทำให้เขารู้สึกพิเศษกับหญิงสาวข้างกายได้มากมายขนาดนี้ รู้สึกพิเศษทั้งที่ ‘ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ’ ไม่น่าเชื่อจริง ๆ

‘พี่รักปริมนะ’ ภัทร์พูดออกมาจากหัวใจด้วยน้ำเสียงเว้าวอนและอ่อนหวาน ดวงตาคมส่อแววหวานยามเมื่อมองมาที่คนรัก ชายหนุ่มยังใช้นิ้วโป้งคลึงมือของหญิงสาวไปมาช้า ๆ เพื่อที่จะถ่ายทอดความรู้สึกวาบหวามในหัวใจไปยังหญิงสาวที่ยังคงนิ่งงันหลังได้ยินคำบอกรักอย่างไม่รู้ตัวมาก่อน พริมาไม่นึกว่าแฟนหนุ่มรุ่นพี่จะเอ่ยคำรักออกมาให้ได้ยิน หญิงสาวพยายามกลบอาการเขินและดีใจด้วยการถามออกไปว่า

‘พี่โป๊ปบอกกับผู้หญิงทุกคนที่คบด้วยหรือเปล่าคะ’

‘ไม่นะ พี่ไม่เคยบอกกับใคร’ ภัทร์ตอบทันทีด้วยความสัตย์จริง เพราะที่ผ่านมาสาว ๆ พวกนั้นก็ ‘ง่าย’ กับเขาทั้งนั้น คบกันไม่นานก็รู้จัก ‘แบบถึงเนื้อถึงตัว’ ได้ไม่ยาก เขายังไม่ทันพูดคำว่าชอบเสียด้วยซ้ำ

‘พี่รู้สึกแบบนั้นกับปริมเพียงคนเดียว และพี่ก็บอกกับปริมเป็นคนแรก’ ภัทร์ย้ำอย่างหนักแน่น

‘งั้นปริมขอให้พี่โป๊ปบอกกับปริมเป็นคนสุดท้ายด้วยได้ไหมคะ’ พริมาขอด้วยน้ำเสียงเว้าวอนออดอ้อนเช่นกัน พวงแก้มใสระเรื่อขึ้นจนเห็นได้ชัด เธอหันไปมองหน้าภัทร์ ดวงตาของคนทั้งคู่ประสานสบตากันอย่างลึกซึ้ง พริมารอคำตอบด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่หัวใจข้างในกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ ณ เวลานั้น เธอก็ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มที่เธอได้มอบหัวใจให้ไปหมดแล้วนั้นพูดความจริง หรือเป็นเพียงคำหลอกลวงของคนเจ้าชู้ที่ต้องการให้แฟนสาวอย่างเธอเชื่อใจและยอมศิโรราบให้เขาทั้งกายและใจเหมือนกับคู่ควงคนอื่น ๆ ที่ผ่านมาของเขา ยากที่จะหยั่งลึกถึงหัวใจของคนอื่นแต่พริมาก็ยังอยากฟังคำตอบจากภัทร์อยู่ดี แม้ว่ามันอาจเป็นเพียงลมปากก็ตาม

‘ได้สิ พี่จะไม่บอกรักใครอีก นอกจากปริมเพียงคนเดียว’ ดวงตาคมเข้มของชายหนุ่มอ่อนเชื่อมและทอประกายความรักออกมาอย่างเต็มเปี่ยม......ไม่มีใครบังคับแววตาได้ พริมามั่นใจ ภัทร์ยังตอกย้ำคำพูดด้วยการดึงมือของแฟนสาวขึ้นไปจุมพิตอีกครั้งเหมือนเป็นการผนึกคำมั่นสัญญาที่มีให้กัน............และก็เป็นสัญญาที่เขาสามารถรักษาไว้ได้ตลอดทั้งชีวิต พริมารู้สึกว่าหัวใจของเธออบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด.....นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกกันว่ารัก หญิงสาวต้องหลบดวงตาคมเข้มคู่นั้นที่ยังจ้องมองเธอมา ก่อนที่หัวใจของเธอจะเผลอไผลไปมากกว่านี้



************************



หนึ่งเดือนต่อมา ก่อนปิดภาคเรียนแรกของการเป็นนิสิตปีสุดท้ายของภัทร์ วันนี้คณะเศรษฐศาสตร์ของสองมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐมีนัดแข่งฟุตบอลกระชับมิตรกัน ภัทร์ในฐานะหัวหน้าทีมร่วมลงแข่งในตำแหน่งศูนย์หน้า ทุกครั้งที่ชายหนุ่มได้ลูกก็จะมีเสียงเชียร์ของบรรดาสาว ๆ ทั้งจากมหา’ลัยของเขาและจากฝั่งตรงกันข้ามที่แอบเทคะแนนให้ชายหนุ่มตั้งแต่แรกเห็น

‘ยิงเลยค่ะ ๆๆ’

‘โห! เก่งมากค่ะ แย่งลูกได้อีกแล้ว’

‘เท่ห์จังเลย สู้ ๆ นะคะเบอร์ 7’

‘อุ้ย! เป็นกัปตันทีมด้วยอะ’

รวมทั้งบรรดาเสียงกระซิบกระซาบจากทั้งหญิงแท้และหญิงเทียมเกี่ยวกับตัวเขาให้ได้ยินเซ็งแซ่ไปทั่วสนาม

‘แกว่า เขามีแฟนหรือยังอะ’

‘หล่อจังอะ เบอร์ 7 อะ’

‘ฉันชอบอะ ต้าย ตาย ทั้งล่ำทั้งหล่อ’

‘ดูสิ เหงื่อไหลเป็นทางเลย เซ็กซี่ม้าก มาก’

‘ได้ยินว่าเป็นลูกเจ้าของธนาคารนะ ได้ยินตอนประกาศชื่อนักกีฬาไหม นามสกุลดังเชียว’

‘หล่อแบบนี้ท่าจะมีแฟนแล้ว ว่าไหม’

‘นั่นสิ ดูแมนแบบนี้ จะเหลือเหรอ ประชากรชายยิ่งมีน้อยลงทุกวัน ๆ’

‘ได้ยินว่าชื่อโป๊ป อยู่ปี 4 นะ ที่สำคัญมีแฟนแล้วอะ แฟนเขาสวยเสียด้วย อย่าไปแย่งเขาเลย ไปหาใหม่เอาข้างหน้าเถอะ โลกใบนี้ผู้ชายไม่ไร้เท่าใบพุทราหรอกยะ’ ประโยคสุดท้ายมาจากปากช่างฉอเลาะของวรปรัชญ์ที่ต้องการกำจัดพวกชะนีทั้งหลายที่แอบใช้การดูบอลมาบังหน้า แต่แท้จริงแล้วจะมาดูนักบอลกันเสียมากกว่า

‘ปรัชญ์! เงียบน่า’ พริมาดุเพื่อนชายใจสาว ถึงเธอจะไม่ชอบใจนักที่ใคร ๆ ก็พากันหลงใหลได้ปลื้มแฟนหนุ่มของเธอ เพราะเธอก็หึงก็หวงเป็นเหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากให้วรปรัชญ์มีเรื่องกับใครในที่นี้ เพราะนี่เป็นการแข่งขันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองมหาวิทยาลัย

‘เออ! เงียบอย่างที่ปริมมันว่าเถอะ เขาหันมามองแกกันหมดแล้ว แกไม่อาย แต่พวกฉันอายอ่ะ’ ภัทราที่นั่งอยู่อีกข้างของพริมาเตือนวรปรัชญ์อีกครั้ง วันนี้ ‘องค์ประชุม’ ไม่ครบ เพราะขาดพิชญธิดาซึ่งไม่ชอบดูฟุตบอลสักเท่าไร แถมเธอก็ไม่อยากโดดเรียนเหมือนเพื่อนทั้งสาม หญิงสาวจึงต้องนั่งเรียนตามลำพังและตามคำสั่งของวรปรัชญ์ที่ว่า

‘อัณณ์ แก จดเล็คเชอร์ให้ละเอียดนะ เดี๋ยวฉันมาเอาไปถ่ายเอกสารเอง เขียนให้มันอ่านง่าย ๆ ล่ะ พวกฉันขอตัวไปเชียร์พี่โป๊ปสุดหล่อก่อนนะ ไปล่ะ แมคซีโบกู นะจ๊ะ’

วรปรัชญ์สะบัดหน้าใส่เพื่อนสาวทั้งสอง แล้วพูดว่า

‘อ้าว! ทำไมละยะ จะเงียบทำไม แกไม่อยากให้ใคร ๆ รู้เหรอว่าพี่เขาเป็นแฟนแกน่ะ’ วรปรัชญ์หันมาถามพริมา

‘ก็ทำไมต้องไปประกาศให้คนอื่นเขารู้ด้วยล่ะ’ พริมาตอบเบา ๆ

‘ก็เขาจะได้รู้ไงว่าผู้ชายคนนั้นน่ะมีเจ้าของแล้ว หรือแกชอบที่มีสาว ๆ มาคลั่งไคล้และตามกรี๊ดแฟนแกแบบนี้ ฮะ ปริม’

‘เปล่า เพียงแต่ฉันไม่เห็นว่ามันจะช่วยอะไรได้ ถ้าคนเขาจะชอบ จะคลั่งไคล้ ต่อให้มีแฟนแล้ว เขาก็ยังชอบอยู่นั่นแหละ เหมือนที่แกคลั่งไคล้พวกดารา นายแบบ และพระเอกหล่อ ๆ ไงล่ะ’ พริมาขยายความ

‘เออ ใช่ ๆ ปริมพูดถูก ที่สำคัญนะพี่ชายฉันเขารักเดียวใจเดียวย่ะ ตั้งแต่คบกับปริมก็เลิกเจ้าชู้ไก่แจ้แล้ว แกไม่เห็นเหรอ’ ภัทราพูดอย่างลอยหน้าลอยตา

‘ระวังจะดีแตกนะสินังปั๊ป อ้อ! แล้วมันก็ไม่เหมือนกันหรอกย่ะ ฉันน่ะแค่บ้าอยู่นอกจอ ไม่ได้เข้าไปหาถึงในจอเสียหน่อย ไม่เหมือนนังพวกนี้กับแฟนแก มันไม่มีจอสี่เหลี่ยมมาขวางกั้นนะยะ มันไม่ใช่เรื่องไกลตัว แกคอยดูนะ แข่งเสร็จเมื่อไร แฟนแกพี่แกมีคนเข้ามาถึงหน้าจอแน่ ๆ ฉันฟังธง!!!’ พริมาใจแป้วทันทีกับคำพูดของวรปรัชญ์ และมันก็เป็นจริงอย่างที่เพื่อนเธอว่า เพราะทันทีที่สิ้นสุดการแข่งขันก็มีบรรดาสาวแท้และสาวเทียมใจกล้ากลุ่มหนึ่งที่สวมชุดอีกมหา’ลัยเดินตรงปรี่เข้าไปหาภัทร์ที่กำลังยืนซับเหงื่อ และดื่มน้ำดับกระหายอยู่ข้างสนาม พริมาไม่มีโอกาสที่จะได้ยินบทสนทนาเพราะเธออยู่ไกลเกินไป หญิงสาวทำได้แต่เพียงจ้องมองเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยใจระทึก และภาวนาอย่าให้มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งเห็นสีหน้าและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าของแฟนหนุ่ม ไหนจะแววตาระยิบระยับคู่นั่นอีก พริมาก็ยิ่งหวาดหวั่น ทันใดนั้นเองหนึ่งในสาว ๆ กลุ่มนั้นก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับภัทร์ ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังทำอะไร

‘เห็นไหมนังปริม ฉันพูดผิดเสียที่ไหนกัน เป็นไงล่ะแก หน้าซีดหน้าเซียวเลยล่ะทีนี้’ วรปรัชญ์

‘พี่โป๊ปนะพี่โป๊ป เสียแรงอุตส่าห์ไว้ใจ’ ภัทราพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น

‘กลับกันเถอะ’ พริมาพูดขึ้น และออกเดินนำไปทันทีโดยไม่ได้เห็นว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองตามมาอย่างมีเลศนัย



************************



ฝากถามผู้อ่านให้ช่วยตอบหน่อยนะคะว่าแต่ละตอนยาวไปหรือเปล่า ผู้เขียนวางโครงไว้คร่าว ๆ ที่ 30 ตอน ซึ่งหากแต่ละตอนยาวเกินไป (เพราะลองเปรียบเทียบกับนักเขียนท่านอื่น ๆ) ก็จะตัดให้แต่ละตอนสั้นลง หมายถึงจะปัดส่วนท้ายให้ไปขึ้นเป็นตอนใหม่ ไม่ได้ตัดทิ้งนะคะ เนื่องจากคราวที่แล้ว เรื่อง ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ก็ยาวมาก (มี 35 ตอน) หนังสือออกมาค่อนข้างหนาเลยทีเดียว
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ



ไปให้กำลังใจที่ facebook กันได้นะคะ

http://www.facebook.com/ภารกิจรักภารกิจแค้น










อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ค. 2555, 15:08:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ค. 2555, 15:08:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1965





<< ตอนที่ 6 (40%)   eBook ภารกิจรัก ภารกิจแค้น ค่ะ >>
violette 3 ก.ค. 2555, 18:17:40 น.
ไม่ยาวไปค่ะ กำลังอ่านจุใจพอดี :)
อยากอานตอนปัจจุบันเยอะๆจัง อดีตมันหวานขชื่นเนอะ (คนอ่านเรื่องมากเองนะคะ แหะๆ)


sunflower 3 ก.ค. 2555, 19:09:44 น.
ไม่ยาวเลยค่ะ อ่านเพลินดี^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account