เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 32





บทที่ 31


บ้านไม้สักทองหลังใหญ่ยังคงเหมือนเดิมอย่างที่ศรินดาเคยอยู่ ข้างในนั้นยังมีคนที่รักเธอมากกว่าใครในโลกนี้กำลังรอการกลับมาของเธออย่างใจจดใจจ่อ บุคคลที่เธอเรียกว่า...แม่ ร่างบางก้าวพ้นธรณีประตูแล้วก็ต้องหยุดกึกในฉับพลันเมื่อเห็นคนที่ยืนรอเธอทั้งน้ำตา

“แม่!”

“ริน!”

สองแม่ลูกโผเข้ากอดกันด้วยความคิดถึงที่เปี่ยมล้น ศิรสาสำรวจร่างกายลูกสาวตัวเองว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือไม่ เพราะไม่แน่ใจว่าการหายไปกับธนาดลครั้งนี้ลูกสาวสิ่งที่เปรียบดั่งดวงใจของตัวเองจะโดนทำอะไรมาบ้าง

“เป็นยังไงบ้างริน เจ็บตรงไหนไหมลูก”

รินส่ายหน้า ยิ้มให้มารดาทั้งน้ำตา “รินไม่เป็นอะไรค่ะแม่”

“แน่นะริน รินไม่เจ็บตรงไหนแน่นะลูก”

“แน่ค่ะแม่ แล้วแม่ล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง พี่ต้นบอกรินว่าแม่ล้มป่วย”

“แม่ไม่เป็นไรแล้ว แค่เห็นว่ารินปลอดภัย แค่นี้แม่ก็โล่งใจแล้ว” มารดาเอื้อมมือขึ้นมาแตะที่พวงแก้มของลูกสาวเบาๆ

“หมดเคราะห์หมดโศกสักที่นะริน” พ่อเลี้ยงธฤตเอ่ยปลอบใจลูกเลี้ยงสาวเบาๆก่อนจะเบนสายตาไปทางลูกชายคนเล็กที่เป็นก่อเรื่องทั้งหมด

“ว่ายังไง...มีอะไรจะแก้ตัวหรือเปล่าดล” ผู้เป็นบิดาถามลูกชายเสียงเข้ม

“ไม่มีครับ” ธนาดลตอบกลับอย่างผึ่งผาย “ถ้าพ่อจะลงโทษผมก็ทำได้เลย”

“แล้วจะให้พ่อลงโทษดลยังไง” บิดาย้อนถามกลับ

“ตามแต่พ่อจะเห็นสมควรครับ”

“งั้นถ้าพ่อจะบอกว่าทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกจะได้ไหม ถ้าดลจะแก้แค้นริสาด้วยการไปลงกับรินแบบนี้ ดลมาแก้แค้นกับพ่อนี่เพราะคนที่ผิดที่สุดคือพ่อ ไม่ใช่ริสา”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนพอได้ยินบิดาออกตัวปกป้องศิรสาขนาดนี้ ธนาดลคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและอาละวาดไปแล้ว หากตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่รู้สึกว่าสมควรจะโกรธหรือสมควรจะแก้แค้น

“ผมไม่อยากพูดเรื่องนั้นอีก” ธนาดลตัดบทง่ายๆ ถึงแม้ว่าจะไม่โกรธเรื่องราวในอดีตแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับศิรสาตอนนี้

“พ่อเข้าใจดล เข้าใจดี มันยากที่จะเปิดใจยอมรับริสาตอนนี้ แต่พอ่ก็หวังว่าสักวันดลจะยอมรับริสา”

“ผมไม่รับปากแล้วกันนะครับ”

พ่อเลี้ยงธฤตเอื้อมมือมาตบบ่าลูกชายคนเล็กเบาๆ “ไม่เป็นไร”

“พ่อครับ...แล้วเรื่องพ่อเลี้ยงนพดล” พนาดรแทรกคำถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าบิดาคุยกับน้องชายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศรินดาที่ยืนอยู่ข้างมารดาหันมาสนใจทันทีเมื่อพี่ชายเริ่มเรื่องของครอบครัวนนทนัฐ คงมีแต่ธนาดลเท่านั้นที่ยืนทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินคำพูดของพี่ชาย

“พรุ่งนี้พ่อนัดพ่อเลี้ยงนพดลมาคุยเรื่องแต่งงาน แล้วพ่ออยากให้รินขอโทษทางโน้นด้วย...ได้ไหม” ประโยคหลังพ่อเลี้ยงธฤตหันมาถามศรินดาที่ยืนฟังอยู่ไม่ไกล

“ได้ค่ะ...คุณพ่อ” หญิงสาวยอมรับปากแต่โดยดี เพราะถ้าเธอไม่ขอโทษฝ่ายโน้นด้วยตัวเธอเอง พ่อเลี้ยงนพดลคงไม่พอใจเท่าใดนัก

“พ่อครับ ผมว่าหมั้นไว้ก่อนดีไหมครับแล้วอีกปีสองปีค่อยแต่ง” พนาดรยังคงหาหนทางที่จะกีดกัน
นนทนัฐไม่ให้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวเต็มที่ ความจริงเขากะจะบอกว่าอีกสิบปีค่อยแต่งด้วยซ้ำ ให้มันรอไปจนแก่ตายเลย

“รินตัดสินใจแล้วนะต้น ต้นควรจะเคารพการตัดสินใจของน้อง” พ่อเลี้ยงธฤตต้องรีบปราม

“นนท์เป็นคนดีค่ะพี่ต้น อาจจะไม่ดีในสายตาพี่ต้น แต่นนท์ก็เป็นคนดีในสายตาริน” หญิงสาวช่วยเสริมคำพูดของพ่อเลี้ยงธฤต ช่วยย้ำเน้นให้ใครบางคนในที่นี้ไดรู้ว่าเธอตัดสินใจแต่งงานกับนนทนัฐและเธอ...จะไม่เปลี่ยนใจ

แม้จะทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินได้ฟังในคำพูดสักเพียงไร แต่คำพูดพวกนั้นก็ยังลอยเข้ามาในโสตประสาทก่อนจะส่งไปให้สมองประมวลผลออกมาเป็นความหมาย และพอรู้ความหมายหัวใจมันก็เหมือนถูกบีบให้เจ็บปวดจนแทบทนไม่ได้

...ฉันรู้ว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่มีวันที่จะกลับคำพูดของตัวเอง ทั้งๆที่รู้...แต่ฉันก็ยังเสียใจมาก...อยู่ดี...

“ก็ได้...พี่ยอมรับในการตัดสินใจของริน แต่พี่ก็ขอบอกรินไว้ก่อนเลยว่าพี่ไม่มีวันยอมรับมันเป็นน้องเขยเด็ดขาด!” พนาดรประกาศด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่นก่อนที่ร่างสูงจะก้าวเดินออกจากบ้านไปโดยไม่สนใจสายตาเชิงตำหนิของบิดาเลยแม้แต่น้อย

“อย่าคิดมากเลยริน เดี๋ยวต้นก็เข้าใจ”

“รินเข้าใจค่ะคุณพ่อว่าพี่ต้นเป็นห่วงริน รินไม่คิดมากหรอกค่ะ” หญิงสาวเข้าใจดีว่าพนาดรทั้งรักและห่วงเธอแค่ไหน เธอก็ได้แต่หวังลึกๆว่าไม่นานพี่ต้นคงเข้าใจการตัดสินใจของเธอ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ” ธนาดลบอกบิดา ร่างสูงหันหลังเดินขึ้นชั้นบนของบ้านอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวดล” หากก็ต้องชะงักเมื่อบิดาเอ่ยเสียงรั้งไว้

“ครับ?” ถามไปอย่างนั้นเพราะใจจริงรู้ดีว่าบิดาจะพูดเรื่องอะไร...คงไม่พ้นเรื่องวันพรุ่งนี้เป็นแน่

“พรุ่งนี้พ่ออยากให้ดลมาขอโทษพ่อเลี้ยงนพดลด้วย”

“พ่อมั่นใจนะครับว่าจะให้ผมมาขอโทษ ถ้าพ่อมั่นใจผมก็จะทำให้” ลูกชายตอบคำถามแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป

...ผมขอโทษให้ได้ครับพ่อ แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นพูดจาอะไรที่ไม่ดีกับผมทุกคำพูด ผมก็จะตอกกลับไปให้หงายเหมือนกัน!...












โทรศัพท์มือถือเครื่องสวยส่งเสียงดังเพื่อเป็นสัญญาณให้เจ้าของเครื่องรู้ว่าตอนนี้มีคนโทรเข้า พนาดรหยิบโทรศัพท์ที่ทั้งร้องทั้งสั่นขึ้นมาดู ชื่อของคนคุ้นตาปรากฏชัดบนหน้าจอ คิ้วเข้มขมวดชิด แววสงสัยเกิดขึ้นเต็มดวงตา สลิลธารไม่เคยโทรเข้าเครื่องเขามานานหลายเดือน แต่ทำไมครั้งนี้...ถึงโทรมา

“ครับ” พนาดรตัดสินใจกดรับสาย เสียงทุ้มกรอกใส่โทรศัพท์เบาๆ

“น้ำรบกวนพี่ต้นหรือเปล่าคะ” น้ำเสียงของอีกฝ่ายที่ถามกลับมาก็ดูเกรงใจอยู่ไม่น้อย

“ไม่ครับ”

“พี่ต้น...ว่างไหมคะ”

“ทำไมครับ” พนาดรพยายามบังคับน้ำเสียงตัวเองให้ฟังดูเย็นชาและห่างเหิน

“น้ำอยากเจอพี่ต้นจะได้ไหม”

“คงไม่ดี...”

“น้ำขอร้องนะคะพี่ต้น ช่วยออกมาเจอน้ำที” ปลายสายร้องขอด้วยน้ำเสียงเว้าวอนจนพนาดรใจเริ่มแกว่งอยากจะรับปากแต่ก็...ไม่กล้า

“พี่ว่า...”

“เลิกปฏิเสธน้ำสักทีได้มั้ยคะพี่ต้น น้ำไม่เคยขออะไรพี่ต้นเลย แต่ตอนนี้น้ำขอแค่ให้พี่ต้นมาเจอน้ำสักครั้งได้หรือเปล่า”

พนาดรถอนหายใจออกยาวเหยียด กำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น เอนหลังเข้ากับพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อล้าราวกับว่าการตัดสินใจครั้งนี้ใช้ความคิดมากกว่าครั้งไหนๆที่คนอย่างเขาเคยตัดสินใจมา

“ตกลงครับ น้ำจะให้พี่ไปเจอที่ไหน” แล้วคำตอบรับก็ออกมาจากปากชายหนุ่ม

“ลานกว้างที่ไร่ของพี่ต้นก็ได้ค่ะ น้ำอยากไปที่นั่นอีกครั้ง”

“ได้ครับ พี่จะไปเจอน้ำที่นั่น” ...ที่ที่พี่เคยพาน้ำไปเมื่อครั้งนานมาแล้ว











ลานกว้างของไร่ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเขียวสด ต้นก้ามปูต้นใหญ่สูงเด่นอยู่กลางลานหญ้า พนาดรในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เดินตัดลานกว้างมายังต้นก้ามปูเมื่อสายตาดันเห็นใครบางคนนั่งพิงหลังอยู่ใต้ต้นไม้ต้นนั้น รางสูงย่อตัวให้ระดับความสูงอยู่ระดับพอๆกันเพื่อที่จะได้คุยกันได้ง่ายๆ

“รอนานหรือเปล่าครับ” พนาดรถามคนที่หลับตาพริ้มอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เบาๆเพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับอยู่หรือไม่ สลิลธารส่ายหัวไปมา แต่ตายังคงกลับสนิทไม่ยอมเปิด

“แล้วจะหลับตาคุยกันอย่างนี้หรือ” พนาดรแกล้งถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลับ ส่วนคำตอบที่ได้กลับมานั้นคือการพยักหน้าเบาๆเพื่อตอบว่า...ใช่

“ไม่อยากเห็นหน้าพี่ขนาดนี้เชียว” ไม่มีแววล้อเล่นอยู่ในน้ำเสียงเพราะมันเจือไปด้วยความน้อยใจเห็นอยู่ชัดๆ

“ไม่ใช่ไม่อยากเห็น แต่ถ้าเห็นพี่ต้นคิดเหรอคะว่าน้ำจะลืมพี่ต้นได้ แค่น้ำไม่เห็น น้ำยังตัดพี่ต้นออกไปจากหัวใจไม่ได้เลย” สลิลธารตอบเบาๆพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆจนพนาดรอดที่จะละอายใจไม่ได้ อยากเหลือเกินที่จะรั้งคนที่นั่งพิงต้นไม้มาพิงไว้ที่บ่าตนเองแต่ก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน

“งั้นพี่หลับตาคุยกับน้ำด้วยดีมั้ย จะได้ยุติธรรม” ชายหนุ่มเสนอ หากสลิลธารปฏิเสธ

“พี่ต้นลืมตานั่นแหละดีแล้ว พี่ต้นจะได้ไม่ลืมน้ำไงคะ น้ำอยากให้พี่ต้นมองหน้าน้ำไว้ พี่ต้นจะได้ไม่ลืม” น้ำเสียงหวานแม้เจ้าตัวจะบังคับให้มันไม่สั่นพลิ้วแต่ก็ทำได้ไม่ดีนักเมื่อมันสั่นจนคนฟังจับพิรุจได้

พนาดรเบิกตากว้าง ตกใจปนไม่คาดคิดว่าสลิลธารจะพูดอะไรแบบนี้ เขารู้อยู่เต็มหัวใจว่าผู้หญิงคนนี้รักเขามากแค่ไหน แล้วก็รู้อยู่เต็มหัวใจเช่นกันว่าเขาเองรักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน รู้ดี...แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

...อย่าพูดแบบนี้ได้ไหมน้ำ อย่าพูดว่าพี่จะลืมน้ำ เพราะต่อให้ตายพี่ก็ไม่มีวันลืม...ไม่มีวัน...

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ พี่จะลืมตาคุยกับนำอย่างนี้ดีไหม” พนาดรทอดเสียงอ่อนถาม

“ดีค่ะ”

“แล้วน้ำเรียกพี่ออกมาน้ำมีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่ครับ”

“ไม่มีค่ะ” คำตอบของสลิลธารทำเอาพนาดรถึงกับเลิกคิ้วสูง

“ไม่มีแล้วเรียกพี่ออกมาทำไมครับ” น้ำเสียงที่ถามออกไปนั้นไม่มีแววตำหนิเลยแม้แต่น้อย ถ้าจะมีคงมีแต่แววสงสัยเท่านั้นเอง

“น้ำแค่อยากเจอพี่ต้น ก่อนที่น้ำจะ...” เสียงหวานขาดห้วงลงเพราะไม่อยากจะพูดต่อจนจบประโยคให้มันเจ็บปวดทั้งตัวเธอเอง ทั้งพนาดร และทั้งนายแพทย์สิขเรศ

“...หมั้นกับหมอเขต อย่างนั้นใช่ไหม” หากพนาดรก็ยังใจดีช่วยต่อคำพูดที่หายไปในประโยคให้สมบูรณ์

“น้ำรู้มั้ยว่าพี่สัญญากับพ่อน้ำไว้ว่าอะไร พี่สัญญากับท่านว่าพี่จะไม่เจอน้ำอีก แต่พี่ก็ไม่เคยทำได้อย่างที่พี่สัญญาเลยสักครั้ง” ชายหนุ่มตัดสินใจเล่าเรื่องที่บิดาสลิลธารสั่งให้ตนเลิกพบลูกสาวท่านให้เจ้าตัวได้รับรู้ สลิลธารเมื่อได้ยินความจริงจากปากของพนาดร ความโกรธ ความน้อยใจที่เคยมีให้เขาในตอนแรกก็เบาบางจนเกือบจางหาย เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขากระทำกับเธอทั้งหมดเป็นเพียงสิ่งที่บิดาเธอบังคับให้เขาต้องทำ

“แล้วทำไมพี่ต้นถึงไม่ทำตามคำพูดของป๊าล่ะคะ” สลิลธารแกล้งถาม หวังไว้ลึกๆว่าคำตอบมันคงจะเป็น...เพราะพี่รักน้ำ...

“มันไม่สำคัญหรอก” แล้วพนาดรก็ทำความหวังของเธอพังทลายลงอีกครั้ง ดวงตาเรียวลืมตาขึ้นทันทีเพื่อจะมองผู้ชายตรงหน้าให้เต็มตา

“แล้วแบบไหนถึงเรียกว่าสำคัญคะพี่ต้น อย่างไหนที่พี่ต้นเรียกว่าสำคัญ”

พนาดรหลบสายตาอีกฝ่ายเป็นพัลวัน ชายหนุ่มไม่กล้าพอที่จะสบดวงตาคู่นั้นที่กำลังมองมาอย่างคาดคั้น แค่คำตอบกลับผุดชัดขึ้นกลางใจว่าอะไรที่เรียกว่าสำคัญ

...น้ำไงครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตพี่ คำตอบนั้นดังลั่นอยู่ภายในใจเป็นคำตอบที่พนาดรไม่สามารถตอบออกไปได้


“ไม่มีครับ สำหรับพี่ไม่มีอะไรที่สำคัญ”

สิ้นคำตอบของพนาดร ความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวังก็ก่อตัวขึ้นเป็นกำแพงสูง เพราะไม่ว่าสลิลธารจะพยายามไขว่คว้าสักแค่ไหน พยายามวิ่งตามสักเพียงไร เธอก็ไม่สามารถได้หัวใจของผู้ชายคนนี้มาได้เสียที

“น้ำก็ไม่สำคัญใช่ไหมคะ น้ำก็ไม่มีความหมายในสายตาพี่ต้นใช่ไหมคะ” แม้จะได้ยินคำตอบจากปากของพนาดรชัดแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังอยากได้ยิน...ยังอยากได้ยินคำพูดที่แสนร้ายกาจนั่นอีกครั้ง

พนาดรเงยหน้าขึ้นสบตาดวงตาคู่เรียวสวย ตอบคำถามในสิ่งที่สลิลธารอยากรู้ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับจะตอกย้ำให้อีกฝ่ายจดจำว่าไม่ว่ายังไงคำตอบมันก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“พี่บอกแล้วไงครับว่าสำหรับพี่ไม่มีอะไรที่สำคัญ น้ำก็เหมือนกัน น้ำ...ไม่สำคัญสักนิดเดียว”

คำตอบของพนาดรทำเอาคนที่นั่งฟังอยู่ใต้ต้นไม้ยกมือขึ้นมาเตรียมฝากรอยนิ้วมือไว้บนใบหน้าคมสักที แต่ก็ต้องชะงักค้างเมื่อหัวใจมันสั่งให้หยุด...เธอทำร้ายเขาไม่ลง เธอทำไม่ได้ มือบางตกลงข้างลำตัวพร้อมๆกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมา

“จะใจร้ายกับน้ำอย่างนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่คะพี่ต้น กลับมาเป็นพี่ต้นคนเดิม คนที่น้ำเจอเมื่อวันแรกไม่ได้เหรอคะ” สลิลธารถามทั้งน้ำตา เธอยังจำวันแรกที่พบกับพนาดรได้ดี ผู้ชายที่แต่งตัวเซอร์ๆ ผมยุ่งๆ ทว่าพอผู้ชายคนนี้ยิ้มกลับทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด เหมือนเขาเป็นเสมือนแสงแดดอ่อนๆที่สาดส่องให้ความอบอุ่นยามเช้า

“พี่ก็เป็นเหมือนเดิม ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อก่อน”

“ไม่จริง! พี่ต้นไม่เหมือนเดิม พี่ต้นเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน พี่ต้นเย็นชา ไม่ใจดีเหมือนอย่างเคย”

“พี่ก็เป็นอย่างนี้ น้ำจะเชื่อหรือไม่พี่คงบังคับน้ำไม่ได้” พนาดรบอกเสียงเรียบ เขาไม่อยากรื้อฟื้นอะไรขึ้นมาอีก สลิลธารกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่ดี เธอกำลังมีความสุขกับคนดีๆเพราะฉะนั้นเขาก็ควรที่จะยินดีถ้าเธอจะมีความสุข

“พี่ต้น...”

“พี่ต้องกลับแล้วครับ ยินดีด้วยนะน้ำที่น้ำกำลังจะหมั้นกับหมอเขต พี่คงไม่มีของขวัญให้ นอกจากคำอวยพร...พี่ดีใจกับน้ำจริงๆ”

น้ำตาที่ไหลออกมาในตอนแรกไหลออกมามากขึ้นเมื่อคำอวยพรของพนาดรจบลง ดวงตาเรียวสวยที่ตอนนี้แดงน้อยๆเพราะเจ้าตัวกำลังร้องไห้อย่างหนักมองไปที่พนาดรด้วยสายตาเจ็บปวด เธอไม่อยากฟังคำอวยพรจากคนที่เธอรัก ไม่อยากฟังเพราะมันตอกย้ำให้เธอยิ่งเจ็บ ตอกย้ำให้เธอรู้ว่าความรักของเธอจะไม่มีวันสมหวัง

“พี่ต้นใจร้าย! ใจร้ายที่สุด!! น้ำคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกหมอเขต น้ำคิดไม่ผิดที่เลือกเขา! คิดไม่ผิดที่เลือกหมอเขตไม่ใช่พี่ต้น!!!” สลิลธารตะโกนใส่พนาดรสุดเสียงจนดังไปทั่วบริเวณนั้นก่อนที่ร่างบางจะลุกขึ้นและวิ่งจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้พนาดรนั่งนิ่งอยู่ใต้ต้นก้ามปูต้นใหญ่อยู่คนเดียว

...น้ำคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกหมอเขต น้ำคิดไม่ผิดที่เลือกเขา! คิดไม่ผิดที่เลือกหมอเขตไม่ใช่พี่ต้น!!!...

ประโยคเมื่อครู่ที่สลิลธารพูดยังคงดังก้องอยู่ในหัว ทุกคำพูดมันเหมือนกับยังลอยอยู่รอบๆตัวเขาไม่ไปไหน ริมฝีปากหยัดลึกกระตุกขึ้นยิ้มหยันกับความสมเพชของตัวเอง

...น้ำคิดไม่ผิดหรอกครับที่เลือกหทอเขต น้ำคิดถูกแล้วจริงๆที่เลือกเขา...ไม่ใช่พี่ที่ไม่เอาไหนสักอย่างเดียว...

ร่างสูงลุกขึ้นยืน มือหนาปัดเศษหญ้าเศษดินที่ติดตามขากางเกงออกให้หมดก่อนจะหันไปมองตามทางที่สลิลธารเพิ่งจะวิ่งจากไป มอง...เพราะไม่อาจที่จะวิ่งตามไปเรียกให้กลับมาและไม่อาจที่จะไปคว้า...มาแนบกาย












เช้าวันใหม่ท้องฟ้าเป็นสีหม่นทำท่าว่าฝนจะตกอยู่รำไร มือบางเอื้อมไปแง้มเปิดม่านเพื่อสำรวจสภาพอากาศภายนอกว่าเป็นเช่นไรจะหม่นหมองเช่นใจเธอหรือไม่ซึ่งก็ไม่ต่างกันเลย ก้อนเมฆก้อนใหญ่ขมุกขมัวเป็นสีเทา ยิ่งดูยิ่งรู้สึกหดหู่อย่างไรบอกไม่ถูก หดหู่...จนไม่อยากทำอะไรเลยแม้แต่พบบิดาของนนทนัฐ

ความจริงหญิงสาวรู้อยู่เต็มหัวใจว่าทำไมวันนี้เธอถึงไม่สดใสอย่างที่ควรจะเป็น เหตุผลง่ายๆ...เพราะเธอไม่อยากแต่งงานกับนนทนัฐ เธอไม่อยากลงไปพบพ่อเลี้ยงนพดลเพื่อคุยเรื่องแต่งงาน แต่ทำไมเธอถึงต้องบังคับจิตใจตัวเอง นั่นก็เพราะตัวเธอเองเช่นกัน เธอตัดสินใจไปแล้วที่จะแต่งงานกับนนทนัฐ เธอจะไม่กลับกลอกเปลี่ยนคำพูดเด็ดขาด นนทนัฐเป็นคนดีที่เธอสมควรแล้วที่จะแต่งงานด้วย

เสียงเคาะประตูปลุกหญิงสาวให้ออกจากห้วงความคิด ร่างบางก้าวเดินไปใหล้ประตูก่อนที่จะเอ่ยถามเบาๆ

“ใครคะ”

“พ่อเลี้ยงให้มาบอกคุณรินว่าให้ลงไปได้แล้วเจ้า”

“เดี๋ยวรินลงไปเอื้อง” หญิงสาวบอกสาวใช้ร่างเล็กเบาๆ ไม่อยากจะปฏิเสธว่าในใจกำลังภาวนาให้วันนี้ไม่มาถึง

ศรินดาสูดหายใจเข้าปอดก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ลูกบิดประตูและเปิดมันออกเพื่อยอมรับชะตากรรมที่ต้องดำเนินไป จังหวะเดียวกับที่ธนาดลเองก็ออกจากห้องมาพอดี ร่างบางชะงักกึก รู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตให้หยุดนิ่งขยับเขยื้อนไม่ได้

อาการนั้นคงไม่ต่างจากธนาดลเท่าใดนัก ชายหนุ่มที่กำลังจะลงไปพบบิดาชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดินเมื่อสายตาดันสบเข้ากับร่างบางที่ออกจากห้องด้านตรงข้ามพอดี ชายหนุ่มรู้ดีว่าศรินดากำลังจะไปไหน รู้ดี...ว่าวันนี้เป็นวันอะไร และรู้ดี...ว่าวันนี้ตัวเองต้องเสียอะไรไป ใบหน้าคมผินหน้าหนีทำเป็นไม่มองดวงหน้าหวานที่กำลังมองมา ชายหนุ่มเสทำตัวเป็นปกติ เดินลงบันไดบ้านด้วยอาการที่ไม่มีพิรุจแม้แต่น้อย ทั้งๆที่ความเป็นจริงข้างในหัวใจมันจะเศร้าแสนเศร้าก็ตาม

และเมื่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำเป็นไม่สนใจศรินดาเองก็รู้สึกเจ็บปวดใจอยู่ลึกๆ ทั้งๆที่เมื่อคืนเธอนอนคิดมาทั้งคืนแล้วว่าเธอต้องทำใจให้ได้ว่าไม่ว่าอย่างไรความรักของเธอก็ไม่มีทางเป็นจริง ทั้งๆที่พร่ำบอกตัวเองว่าต้องทำใจ แต่พอเห็นธนาดลทำทีว่าไม่ใยดีเธอ มันก็อดที่จะเสียใจไม่ได้จริงๆ

ร่างบางเดินลงมาจนถึงห้องรับแขกที่วันนี้กลายเป็นห้องรับแขกสมชื่อเพราะมีทั้งพ่อเลี้ยงนพดล นนทนัฐและคนในครอบครัวของเธอทุกคน ทั้งพ่อเลี้ยงธฤต มารดา พนาดร และธนาดล ศรินดาเดินเข้ามาในห้องรับแขกด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อย หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้พ่อเลี้ยงนพดลอย่างอ่อนหวาน

“สวัสดีค่ะคุณอา”

“กลับมาได้แล้วรึหนูริน ไปเที่ยวมาน่ะสนุกไหม” ไม่ว่าใครมาฟังก็รู้ว่าน้ำเสียงของพ่อเลี้ยงนพดลนั้นแฝงไปด้วยความประชดประชันอย่างชัดเจนจนคนที่ถูกประชดเริ่มหน้าเจื่อนลงทันตา

“ก็สนุกดีครับถ้าพ่อเลี้ยงว่างไว้ผมจะพาไป” ธนาดลตอบกลับไปให้อีกฝ่ายเจ็บๆคันๆเล่น ชายหนุ่มไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าผู้ใหญ่จะคิดอย่างไรเพราะคนอย่าเขาคงไม่ยอมให้ใครมาพูดจาด้วยถ้อยคำเสียดสีอยู่ฝ่ายเดียว

พ่อเลี้ยงนพดลหันมามองที่ธนาดลตาขวาง อ้าปากจะต่อว่าหากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายก็เป็นกรรมการห้ามทัพก่อนที่จะต่อปากต่อคำกันไปมากกว่านี้

“คุณพ่อครับ เรามาคุยเรื่องแต่งงานกันนะครับ” เมื่อได้ยินลูกชายขอร้อง พ่อเลี้ยงนพดลจึงยอมสงบศึกแต่โดยดี

“ไหนๆรินก็กลับมาแล้ว ผมเลยถือโอกาสมาคุยเรื่องแต่งงานเลยแล้วกันนะครับคุณลุง” แล้วคนที่เป็นฝ่ายเริ่มเรื่องก็ป็นนนทนัฐเพราะเจ้าตัวคงคิดว่าถ้าขืนปล่อยให้บิดาคุยวันนี้คงไม่จบเป็นแน่ ไหนจะต้องต่อล้อต่อเถียงกับธนาดล สมมติถ้าผ่านคงต้องเจอด่านพนาดรอีก เพราะฉะนั้นเขาเป็นคนเริ่มเองน่ะดีแล้ว เพราะเขาต้องการแต่งงานกับศรินดาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

“ได้สิ...แต่ยังไงลุงก็ขอโทษเรื่องที่ผ่านมาด้วยละกันนะนนท์” พ่อเลี้ยงธฤตนำร่องเพื่อที่จะให้ทั้งศรินดาและธนาดลกล่าวขอโทษพ่อเลี้ยงนพดลในเรื่องที่ผ่านมา

“รินขอโทษนะคะคุณลุง” รินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดจากใจจริงผิดกับอีกคน...

“ขอโทษครับ” ที่น้ำเสียงที่แม้จะมีหางเสียงยังไงก็ยังฟังดูห้วนๆอยู่ดี

“ถ้าไม่เต็มใจขอโทษก็ไม่ต้อง” คำพูดนั้นเหมือนจะมอบให้ธนาดลเสียมากกว่าที่จะมอบให้ศรินดา

“ผมขอโทษแล้ว ถ้าพ่อเลี้ยงไม่เต็มใจรับก็ไม่ต้องรับครับ ผมไม่ถือ” ธนาดลเองก็พอจะฟังออกว่าประโยคเมื่อครู่พ่อเลี้ยงนพดลจงใจจะพูดกับตนมากกว่าที่จะพูดกับศรินดาจึงจัดการตอบกลับไปอย่างไม่ยี่หร่ะ จน
นนทนัฐที่นั่งอยู่ข้างบิดาต้องแปลงร่างเป็นกรรมการเพื่อห้ามทัพอีกครั้งโดยมีพ่อเลี้ยงธฤตช่วยเสริม

“พอแล้วครับคุณพ่อ”

“ระวังคำพูดด้วยดล”

ต่างฝ่ายต่างเตือนคนของตนเองไม่ให้ก่อสงครามย่อมๆกันกลางห้อง พ่อเลี้ยงธฤตรู้ดีวู่กชายคนตนเป็นคนเช่นไร ถ้าพ่อเลี้ยงนพดลยังคงพูดเสียดสีกันอยู่อย่างนี้ธนาดลคงไม่อยู่เฉยเป็นแน่ นี่ยังไม่รวมพนาดรที่นั่งอยู่เฉยๆที่ไม่รู้จะโดดมาร่วมวงสงครามนี้ตอนไหน

“เราจะคุยกันได้หรือยังครับพ่อเลี้ยง” แล้วพนาดรที่นั่งนิ่งสังเกตการสงครามย่อมๆระหว่างพ่อเลี้ยงนพดลกับน้องชายก็พูดขึ้นมาบ้าง

“ก็เอาสิ” พ่อเลี้ยงนพดลบอก เอนหลังพิงกับพนักโซฟาหันไปพยักหน้าให้ลูกชายเพื่อบอกเป็นสัญญาณว่าให้พูดต่อ

“ผมว่าจะหมั้นกับแต่งวันเดียวกันเลย จัดงานที่โรงแรมทั้งคู่จะได้ไม่เสียเวลา”

“ฉันว่า...”

“ต้น” พ่อเลี้ยงธฤตปรามลูกชายเสียงเข้ม ก่อนจะหันมาคุยกับนนทนัฐ “ลุงก็ว่าดี นนท์หาสถานที่แล้วหรือ”

“หาแล้วครับ” นนทนัฐบอกพร้อมรอยยิ้ม

“แล้วนนท์จะแต่งวันไหน อาทิตย์หน้าเลยหรือ”

“ครับ”

“เร็วไป” พนาดรพูดแทรกขึ้นมาเสียงแข็ง จนบิดาต้องส่งสายตามาปราม

“ริสาคิดว่าเร็วไปไหม” พ่อเลี้ยงธฤตหันมาถามความเห็นของมารดาว่าที่เจ้าสาว

“ถามรินดีกว่าค่ะคุณธฤต” ศิรสาหันไปหาลูกสาว

“ว่าไงริน แต่งอาทิตย์หน้า รินขัดข้องไหม”

“ไม่ค่ะคุณพ่อ รินยังไงก็ได้” หญิงสาวตอบเนือยๆ ไม่ว่าจะช้าจะเร็วเธอก็ต้องแต่ง เพราะฉะนั้นแต่งๆมันไปให้เสร็จไปก็ดี เธอจะได้ลืมภาพของใครบางคนให้หมดไปจากหัวใจเสียที

“งั้นตกลงเป็นอาทิตย์หน้าแล้วกันนะนนท์”

“ครับ แล้วเรื่องสินสอด...”

“ลุงไม่คิดมากหรอกกับเรื่องแค่นั้น นนท์ตัดสินใจเองแล้วกันว่าสมควรจะให้ทางเราเท่าไหร่ยังไง เรื่องนี้ลุงไม่บังคับ ขออย่างเดียวขอให้นนท์รักรินก็พอ” ที่บอกไปแบบนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่รักลูกเลี้ยงคนนี้ แต่กับเรื่องสินสอด ถ้าได้กับไม่ได้มันคงไม่ได้ช่วยเสริมฐานะอะไรมากนัก คนเป็นพ่อลูกสาวจะแต่งงานคงไม่ขออะไรนอกจากความสุขที่ลูกสาวจะได้รับหลังแต่งงาน

“ครับคุณลุง ผมสัญญาว่าผมจะรักรินคนเดียวแล้วจะรักตลอดไปครับ” คำมั่นสัญญาของนนทนัฐหนักแน่นจนสร้างความพอใจให้กับพ่อเลี้ยงธฤตและศิรสา จะมีอยู่สองคนในบ้านเท่านั้นกระมังที่ไม่รู้สึกยินดีกับเรื่องนี้เลยสักน้อย คงไม่ใช่ใครถ้าไม่ใช่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบ้าน

“ถ้าอย่างนั้นเป็นอันว่าตกลงตามนี้นะครับพ่อเลี้ยง” พ่อเลี้ยงธฤตหันไปถามพ่อเลี้ยงนพดลเพื่อเป็นการยืนยัน

“ได้สิครับ ผมไม่เคยขัดลูกชายอยู่แล้ว” พ่อเลี้ยงนพดลตอบตกลง ไม่ใช่ว่าท่านไม่ชอบริน แต่เมื่อเจอเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นทำให้ท่านเสียหน้าจนมาวันนี้ยังรู้สึกไม่พอใจคนบ้านนี้อยู่นิดๆ

“งั้นพรุ่งนี้นนท์มารับรินไปลองชุดแต่งงานนะครับ”

“ไม่ต้องหรอกนนท์ รินอยากไปกับน้ำ นนท์ไม่ว่าอะไรใช่ไหม” แม้ว่าจะเป็นการแปลกไปสักหน่อยที่ไปลองชุดเจ้าสาวกับเพื่อน แต่หญิงสาวก็ยังอยากที่จะไปกับสลิลธารเพราะมันรู้สึกสบายใจมากกว่า

“เราต้องไปถ่ายรูปอีกนะครับ” แม้จะไม่ปฏิเสธแต่คำพูดของนนทนัฐก็แปลออกมาได้คร่าวๆว่า...ไม่

“ถ่ายทีหลังก็ได้นี่นนท์ เรื่องการ์ดนนท์เลือกไปเองเลยก็ได้ ส่วนเรื่องชุดรินขอเลือกกับน้ำได้ไหม ถือว่ารินขอเป็นของขวัญวันแต่งงานนะนนท์” เมื่อเห็นว่าขอกันดีๆแล้วคงจะไม่ได้ หญิงสาวจึงงัดเอากลยุทธ์สุดท้ายมาใช้ แล้วก็สำเร็จเมื่อนนทนัฐพยักหน้ายอมแพ้แต่โดยดี

“ก็ได้ครับ ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์แล้วกันครับว่าผมจะได้เห็นเจ้าสาวที่สวยแค่ไหน” นนทนัฐบอกยิ้มๆ

“เจ้าบ่าวไม่ไปดูชุดด้วยอย่างนี้มีที่ไหนกันนนท์” แต่คนที่ขัดขึ้นมาอีกหนึ่งคนกลับเป็นพ่อเลี้ยงนพดลแทน

“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณพ่อ” ลูกชายบอกบิดาด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันมาลาเจ้าของบ้าน

“ผมกลับนะครับคุณลุง คุณน้า” พ่อเลี้ยงธฤตพยักหน้าเบาๆเป็นการรับคำ ส่วนศรินดานั้นลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมที่จะไปส่งนนทนัฐและพ่อเลี้ยงนะดลที่หน้าบ้าน

“ไม่ต้องไปส่งหรอกริน” นนทนัฐรีบบอกเมื่อเห็นหญิงสาวเตรียมที่จะไปส่ง

“สวัสดีค่ะคุณอา” เมื่ออีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้องไปส่ง หญิงสาวจึงทำแค่เพียงยกมือไหว้ตามมารยาทและบอกลาเท่านั้น

“ขับรถดีๆนะนนท์”

“ครับ” นนทนัฐยิ้มหวานให้หญิงสาว จนคนบางคนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดอย่างไรบอกไม่ถูก อยากจะอ้วกขึ้นมาเมื่อสายตามันพาลไปมองพอดี

...อยากจะอ้วก!! อะไรมันจะหวานขนาดนั้นวะ!

เมื่อแขกกลับไปจนหมดคงเหลือเพียงแค่บุคคลในครอบครัวเท่านั้น พนาดรเป็นคนแรกที่ขอตัวออกไปทำงาน ตามติดด้วยธนาดลที่แทบจะตามที่ชายออกไปติดๆเพราะไม่อยากที่จะทนอยู่ต่อไปให้มันช้ำใจเล่น คนสุดท้ายที่ขอตัวคงไม่พ้น ‘ว่าที่เจ้าสาว’ ที่ขอตัวขึ้นไปนอนบนห้องเพราะบอกว่าปวดหัว ทั้งที่ความจริงแล้วหญิงสาวไม่อยากจะคุยเรื่องแต่งงานต่อกับมารดาต่างหากจึงหาทางบ่ายเบี่ยงขึ้นไปเสียก่อน

...ไม่อยากคุยเพราะไม่อยากตอกย้ำว่าอีกไม่กี่วันเธอจะต้อง...แต่งงาน...

----------------------------------------------------------------------------------------

ย่องเบาๆมาอัพ...ก่อนจะค่อยๆย่องกลับไปตอบเมนท์
ขอโทษที่มาช้า (มากกกกกกกกก) ค่า
หวังว่ายังไม่ลืมกันน้าาา :)
ขอบคุณทุกคน...ด้วยใจดวงน้อยๆของปอแก้ว
^_____________^

// ปล. ปอแก้วยังมีชีวิตอยู่นะคะ -_____-!!! ที่หายไปเพราะตอนนี้เรียนโทต่ออ่ะค่ะ แล้วมันต้องปรับตัวมากๆเลยเพราะเปลี่ยนสายที่เรียนจากตอน ป.ตรี เหมือนหน้ามือกับหลังมือ =___= รายงานก็ถาโถม...ช่วงนี้มาช้าแต่ไม่ทิ้งนิยายทั้งสองเรื่องที่ลงไว้แน่นอนค่ะ!


ตอบเมนท์ค่าาาา...

คุณ ดาวคันชั่ง : งานนี้สงสัยจะเอาไปเก็บยากแล้วล่ะค่ะ

คุณ roseolar : ขอบคุณสำหรับความคิดถึงค่ะ ปอแก้วหายไปนานเลย ส่วนเรื่องนนทนัฐ...อย่างที่เคยบอกค่ะ...ว่าถึงจะร้ายกับคนอื่นแต่กับริน นนทนัฐจะดีเสมอค่ะ ปอแก้วก็เลยรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้ร้ายอะไรเท่าไหร่นี่น้าาา ฮ่าๆๆๆๆ

คุณ หมูบูลิน : ฮ่าาาาาาา มีแต่คนอย่างเอานายนนท์ไปเก็บแฮะ :P

คุณ nunoi : น้ำตาเริ่มท่วมอีกแล้วค่าาาา

คุณ MYsister : น้ำตาเริ่มมาอีกแว้ววววว

คุณ lovemuay : มีใจแต่มีอุปสรรคก็เจ็บได้เหมือนกันค่ะ T^T

คุณ Amata : ไม่อยากเศร้านานเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวปอแก้วจะเศร้าตาม

คุณ tutas : ปอแก้วจมน้ำตาแล้วค่ะ T^T

คุณ anOO : แต่บางทีรินอาจจะหูตาสว่าง (เอ๊ะ!ยังไง?? อิอิอิ)

คุณ Kazalong : แข็งสุดๆๆๆเลยค่ะ



ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2555, 18:48:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2555, 19:07:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 2730





<< บทที่ 31   
หมูบูลิน 4 ก.ค. 2555, 20:08:31 น.
นายดล จับ นานนนท์ไปปาดคอทีได้ม่ะเนี่ยย ขัดใจๆ


MYsister 4 ก.ค. 2555, 20:10:26 น.
Rin's stupid! !!!


lovemuay 4 ก.ค. 2555, 20:38:40 น.
เฮ้อ...ไม่ได้มาอัพนาน แต่ยังบีบคั้นจิตใจเหมือนเดิมเลยค่ะ
ส่วนนึงทั้งคู่ ทั้งริน ทั้งพี่ต้นก็ทำตัวเองทั้งคู๋ เหอะๆๆ
ริน..เอาแต่สงสารนนท์ แล้วตัวเองหล่ะ? ถ้ารู้ว่านนท์คิดทำร้ายครอบครัวตัวเอง แล้วจะยังสงสารอยู่มั๊ย?
ส่วนนายต้น ไม่คิดจะสู้เลย เป็นเราเป็นพ่อตา ก็คงไม่คิดจะยกลูกสาวให้คนที่ทั้งอ่อนแอ ทั้งขี้ขลาดแบบนี้หรอกค่ะ
สรุป..เรื่องนี้จะได้อ่านตอนหวานๆบ้างมั๊ยคะเนี่ย อิอิ


nunoi 4 ก.ค. 2555, 22:05:46 น.
โอ๊ยยย บีบคั้นหัวใจที่สุด แล้วอีกแค่อาทิตย์เดียวจะมีเหตุการณ์อะไรให้งานแต่งล้มได้ไหมเนี๊ยะ


ดาวคันชั่ง 4 ก.ค. 2555, 23:29:04 น.
ไม่รู้จะพูดอะไร มันเศร้าเกินไป คุณปอแก้วใจร้าย


anOO 5 ก.ค. 2555, 15:22:32 น.
นายนนท์มันจะรีบไปไหนน๊า จะแต่งกันอาทิตย์หน้าเลยเหรอ


Amata 5 ก.ค. 2555, 18:20:11 น.
จะเศร้าไปถึงไหน ห๊า....

เป็นกำลังใจให้นะคะ


Kazalong 5 ก.ค. 2555, 19:51:02 น.
โหยยยยยเศร้าจังอ่าคะตอนนี้ ปากแข็งอีกแล้ว บอกไปเลย


goldensun 5 ก.ค. 2555, 20:23:49 น.
ช้ำทั้งพี่ทั้งน้องเลย


tutas 7 ก.ค. 2555, 10:03:38 น.
ถ้าคุณปอแก้วยังจะให้เศร้าแบบนี้ต่อไปตู่จะเลิกอ่านแล้ว


WallyValent 8 ก.ค. 2555, 20:58:18 น.
ตอนพิเศษษษษ PLEASE!! xD


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account