เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 31


บทที่ 31



เช้าวันใหม่ทุกอย่างกำลังจะกลับเข้าสู่สภาพปกติ ศรินดายืนรอคนที่กำลังเก็บของอยู่ในห้องก่อนที่จะเดินออกมาพร้อมๆกับเจ้าของบ้าน หากแต่เสียงเปิดประตูบานที่กั้นระหว่างนอกชานกับบันไดทางขึ้นเรือนไทยด้านหน้าก็ทำให้ทั้งสองหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว แววตาตกใจเหลือประมาณเกิดขึ้นในดวงตาของศรินดาเพียงคนเดียวเพราะแววตาของอีกคนที่ยืนอยู่เคียงข้างกันไม่มีแววตกใจเลยสักน้อย มันเยือกเย็นและชินชา ราวกับว่า ธนาดลนั้นทำใจยอมรับเหตุการณ์ที่จะเกิดในวันนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว

“นนท์!”

ศรินดาทำหน้าเลิกลั่ก จะกลืนก็ไม่เข้าจะคายก็ไม่ออกเมื่อพบกับนนทนัฐตัวเป็นๆ เธอยังไม่ได้ทำใจหรือตั้งตัวด้วยซ้ำที่จะเจอกับนนทนัฐในเวลานี้ แล้วที่แน่ๆเธอไม่อยากให้ทั้งธนาดลและนนทนัฐต้องเผชิญหน้ากันในสถานการณ์เช่นนี้เลย

“นะ...นนท์...มา...มาได้ยังไง” หญิงสาวละล่ำละลักถาม มองหน้านนทนัฐทีธนาดลที

“มาไม่ยากหรอกริน เพราะยังไงนนท์ก็ต้องหารินให้เจออยู่แล้ว” นนทนัฐตอบคำถาม มองหน้าธนาดลอย่างอาฆาต อยากเหลือเกินที่จะเข้าไปขย่ำมันให้ตายคามือนัก

“ไง...ไอ้แมวขโมย มีความสุขมากมั้ยที่ลักพาตัวว่าที่เจ้าสาวของคนอื่นแบบนี้” นนทนัฐแค่นเสียงถาม ดวงตาคู่คมจ้องสายตาของธนาดลอย่างไม่วางตา

“แกก็มองหน้าฉันชัดๆสิว่ามีความสุขมากไหม” ธนาดลตอบกลับเสียงเย็น กระตุกมุมปากทั้งสองข้างยิ้มเยาะ กางวงแขนข้างหนึ่งออกเพื่อรั้งศรินดามาไว้ข้างตัว กิริยาเหล่านั้นเล่นเอานนทนัฐถลาเข้าไปหวังจะฝากรอยหมัดหนักๆไว้ที่โหนกแก้มของธนาดลสักที

“ไอ้ดล!”

“นนท์!” ศรินดาเอาตัวเข้าขวางหมัดของนนทนัฐอย่างไม่เกรงกลัว ยังดีที่ชายหนุ่มยั้งมือไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นหมัดลุ่นๆนั่นคงได้ฝากรอยไว้ที่ใบหน้านวลเป็นแน่

“รินขอ...อย่ามีเรื่องกันเลยนะ ยังไงวันนี้รินก็ได้กลับบ้านแล้ว อย่ามีเรื่องเลยนะนนท์” หญิงสาวเอาน้ำเย็นเข้าลูบ หวั่นอยู่เหมือนกันว่านนทนัฐจะคิดยังไงที่เธอออกปกป้องธนาดลแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่ห้ามถ้านนทนัฐจะทำร้ายธนาดลด้วยการกระทำหรือคำพูด แต่ตอนนี้ถ้าเธอเห็นเขาเจ็บตัว เธอคงทนไม่ได้

“รินปกป้องมันเหรอ” นนทนัฐถามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไม่เชื่อว่าผู้หญิงที่ตนรักจะกล้าออกตัวปกป้องศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างธนาดล!

“รินไม่ได้ปกป้อง” ศรินดาปฏิเสธหากนนทนัฐไม่ยอมฟัง

“ไม่ได้ปกป้อง แล้วที่ทำอยู่นี่หมายความว่ายังไง! รินรู้มั้ยว่านนท์แทบบ้าพอรู้ว่ารินหายไป วันๆได้แต่ออกตามหารินจนทั่ว แล้วรินรู้บ้างหรือเปล่าว่าพ่อนนท์ต้องเสียหน้ามากแค่ไหนที่จู่ๆผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับลูกชายก็หายตัวไป แล้วผลสุดท้ายเป็นยังไง สุดท้าย...รินกลับมาปกป้องมันที่สร้างความวุ่นวายอย่างนี้น่ะเหรอ!” นนทนัฐตะคอกใส่หญิงสาวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“รินไม่ได้ปกป้องใคร! นนท์มีเหตุผลหน่อยได้มั้ย” ศรินดาเองก็เริ่มที่จะขึ้นเสียงเหมือนกัน หญิงสาวไม่ยอมให้ใครมาข่มเธอฝ่ายเดียวแน่

“นี่รินว่านนท์ไม่มีเหตุผลหรือครับ รินจะบอกว่านนท์ผิดใช่ไหมที่พลิกแผ่นดินตามหาริน”

"มันไม่ใช่อย่างนั้น...ตอนนี้นนท์กำลังโกรธ รินไม่อยากคุยกับนนท์ด้วยอารมณ์"

ศรินพยายามที่จะสงบอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลง เพราะตอนนี้นนทนัฐกำลังร้อน ถ้าเธอร้อนไปด้วยอีกคนมีหวังคงได้ระเบิดกันบ้าง

“ไม่อยากคุยกับนนท์ก็บอกกันตรงๆได้นี่ครับ รินไม่เห็นจะต้องหาเหตุผลมันให้ยุ่งยากเลย” นนทนัฐประชดหญิงสาวเข้าให้อีกหนึ่งที

“มีเหตุผลหน่อยได้มั้ยนนท์!” ความที่จะเก็บอารมณ์ไม่ให้พวยพุ่งออกมาก็ดันแตกดังโพละเมื่ออีกฝ่ายหาเรื่องได้อย่างข้างๆคูๆไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย

“รินว่านนท์ไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ นี่รินเห็นมันดีกว่านนท์ใช่มั้ย! ริน...”

“นนทนัฐ!!” หญิงสาวตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด “นนท์เป็นคนไร้เหตุผลอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นคนที่ไม่ฟังเหตุผลคนอื่นแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน” พูดไปน้ำตามันก็พาลจะไหล เธอรู้จักกับนนทนัฐมานานหลายปี ไม่เคยเลยสักครั้งที่ผู้ชายคนนี้จะกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลไม่ยอมฟังใครแบบนี้ และไม่มีสักครั้งเช่นกันที่นนทนัฐจะขึ้นเสียงกับเธออย่างคราวนี้ที่เขาทำ

“แล้วรินล่ะครับ...” นนทนัฐเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ดวงตาทอความเศร้าให้อีกคนที่กำลังมองอยู่รู้สึกสงสารจับใจ “...รินเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เปลี่ยนไปเป็นรินที่นนท์แทบไม่รู้จักเลยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

เมื่อเจอคำถามที่แทงใจเข้าเต็มๆ หญิงสาวถึงกับนิ่งทำอะไรหรือพูดอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่ อยากจะปฏิเสธไปว่าเธอไม่ได้เปลี่ยน แต่พอจะพูดก็เหมือนน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออกเพราะความจริงมันเป็นอย่างที่นนทนัฐพูด ไม่มีเท็จเลยแม้แต่น้อย

...เธอเปลี่ยนไปจริงๆ เปลี่ยนไป...เมื่อรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอมีใครอยู่ในหัวใจ

“เงียบทำไมริน เงียบนี่แสดงว่ายอมรับใช่ไหม รินยอมรับใช่ไหมว่ารินเปลี่ยนไปเพราะมัน!” นนทนัฐใช้นิ้วชี้ชี้ไปยังธนาดลที่ยืนอยู่ข้างหญิงสาวที่เขารักดั่งดวงใจ

“นนท์...มันไม่ใช่อย่างนั้น...”

“ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วมันอย่างไหนล่ะริน รินบอกมาสิว่ามันอย่างไหน! บอกมาเลยว่ารินรักมัน!!”

“ไม่ใช่!!” คำปฏิเสธดังลั่นทั่วอาณาบริเวณ คำปฏิเสธที่ออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตา คำปฏิเสธที่พูดออกไปแล้วทำให้เธอรู้ว่าใจมันจะขาดเสียให้ได้ที่พูดออกไปแบบนั้น

“ไม่ใช่...ไม่ใช่...ไม่ได้รัก...ริน...ไม่ได้รัก” เสียงหวานเอ่ยติดขัดเมื่อต้องพูดไปกลั้นเสียงสะอื้นไป แม้ปากจะบอกปฏิเสธทั้งที่ความจริงในใจกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยสักน้อย แต่ถ้าเธอไม่พูดไปอย่างนั้น ธนาดลคงต้องเป็นอันตรายแน่ ถึงนนทนัฐจะดีกับเธอ แต่ศรินดาก็รู้ดีว่าคนอย่างนนทนัฐจะไม่ยอมเสีย ‘ของรัก’ ให้คนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนๆนั้นคือธนาดล

ธนาดลมองคนตัวเล็กด้วยแววตาโศก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยฟังคำปฏิเสธแบบนี้ของเธอ เขาเคยฟังคำพูดแบบนี้มาหลายรอบหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะรู้สึกสะเทือนใจได้เท่าครั้งนี้ แม้จะรู้ว่าใจจริงศรินดาไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูด แม้จะรู้ว่าเธอนั้น ‘รัก’ แต่ถึงจะรู้...ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะศรินดา ‘เลือก’ ที่จะแต่งงานกับนนทนัฐ เธอเลือกที่จะอยู่กับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เขา

นนทนัฐมองหน้าศัตรูคู่อาฆาตด้วยแววตาที่มีชัยเหนือกว่า ชายหนุ่มรู้สึกสะใจอย่างที่ไม่เคยสะใจมาก่อน สะใจที่เห็นนายน้อยธนาดลหนาซีดเผือด ยืนนิ่งราวกับถูกสาป ไม่ก้าวไปไหน ไม่พูดอะไร ทำได้แค่เพียงยืนนิ่งๆอยู่กับที่...แค่นั้น

“ได้ยินชัดรึยังไอ้ดล ได้ยินชัดหรือยัง! ว่ารินไม่ได้รักแก! ไม่ได้รัก!!” นนทนัฐตะโกนใส่หน้าธนาดลเสียงดังแต่ธนาดลก็ไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งราวกับรูปปั้นหิน ไม่ไหวติงกับคำพูดและสายตาเย้ยหยันนั่นเลย

“แล้วยังไง” น้ำเสียงราวกับไม่ใส่ใจกับพูดที่เพิ่งผ่านพ้นไปและสายตาเยือกเย็นราวน้ำแข็งจ้องมองไปยังนนทนัฐราวกับจะกัดกร่อนให้สลายไปต่อหน้าต่อตา

“ผู้หญิงคนนี้จะรักหรือไม่รักฉันแล้วยังไง ทำไมฉันจะต้องสนใจด้วยว่าศรินดาจะรักหรือไม่รักฉัน ฟังให้ดีๆนะนนทนัฐว่าฉันไม่รักผู้หญิงคนนี้! ไม่ได้รัก...และไม่เคยรัก!!” ธนาดลแค่นเสียงให้ออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก ดันร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆให้เดินไปข้างหน้าอย่างแรงจนแทบล้มคะมำถ้าหลักไม่ดีพอ

“อยากได้นักใช่มั้ย อยากได้นักก็เอาไปเลย เอาไปสิ! ไปเลย!!” ธนาดลใช้แรงทั้งหมดดันตัวรินให้ออกไปพ้นตัว ดันออกไปคล้ายกับจะผลักไสให้ออกไปนอกหัวใจ...อย่าได้กลับมา

ผลักร่างเล็กบางไปอย่างนั้นคนตัวโตก็เจ็บไม่แพ้กัน แต่อย่างน้อยชายหนุ่มก็ต้องทำให้นนทนัฐมั่นใจว่าท้ายที่สุดแล้วคนที่ศรินดาเลือกและรักนั้นไม่ใช่ตนเองแต่เป็นนนทนัฐ เพราะอย่างน้อย...ในอนาคตข้างหน้า นนทนัฐจะได้ไม่ระแวงในตัวของศรินดา นนทนัฐจะต้องรักและดูแลผู้หญิงคนนี้ด้วยหัวใจที่ไร้ซึ่งความสงสัย ดูแล...ศรินดาแทนในส่วนที่ผู้ชายชื่อธนาดลไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ดูแล

หยาดน้ำตาอุ่นๆไหลรินจากดวงตาคู่โตสวย เสียงสะอื้นปิ่มจะขาดใจร้องออกมาอย่างไม่อายใคร นนทนัฐรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด ปลอบประโลมด้วยคำพูดอ่อนหวาน...อบอุ่นเบาๆ

“อย่าร้องนะริน ไม่ต้องไปสนใจคำพูดของมัน มันไม่มีค่าขนาดที่รินจะต้องเสียน้ำตา” นนทนัฐมองผู้หญิงในอ้อมกอดด้วยแววตาอ่อนโยน หากก็แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวทันทีเมื่อหันมามองหน้าธนาดล

“แกมันเลวไอ้ดล แกทำเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง แกทำร้ายผู้หญิงคนนี้อย่างแสนสาหัสขนาดนี้ได้ยังไง!”

ธนาดลไหวไหล่เล็กน้อยอย่างไม่ยี่หร่ะ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่ารินจะเป็นยังไง จะร้องไห้จนนน้ำตาเป็นสายเลือดหรือไม่ ชายหนุ่ม ‘แกล้ง’ กลับมาเป็นธนาดลทีไม่สนใจศรินดาคนเดิมและ ‘แกล้ง’ กลับมาเป็นธนาดลที่เกลียดศรินดาคนเดิม...เช่นกัน

“แล้วแกจะทำอะไรฉัน จะอัดฉันรึไง จะแก้แค้นให้ผู้หญิงคนนี้งั้นเหรอ เอาซี้...เอาเลย เชิญแก้แค้นให้สบาย เพราะฉันเจ็บแค่ไหนมันก็ยังน้อยกว่าสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ได้รับ!”

“ไอ้ดล!!”

อาวุธสีดำถูกหยิบออกมาจากเสื้อแจ็กเก็ต เล็งเป้าหมายไปยังศัตรูตรงหน้า รินที่ยืนร้องไห้อยู่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่านนทนัฐจะพกปืนและยิ่งไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกล้ายกปืนขึ้นมาขู่แบบนี้

“ขอโทษรินเดี๋ยวนี้” นนทนัฐสั่งเสียงเข้ม

“นอกจาก พ่อ แม่ พี่ต้น ฉันไม่เคยฟังคำสั่งใคร”

“ฉันบอกให้แกขอโทษ”

“ฉันไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งแก” ธนาดลตอบอย่างหาญกล้า ไม่มีแววหวาดกลัวในดวงตาคู่คมเลยแม้แต่น้อย

“ไอ้ดล! ฉันบอกให้แกขอโทษรินเดี๋ยวนี้!!” นนทนัฐเหนี่ยวไกปืนก่อนจะเลื่อนปากกระบอกไปยังขมับของอีกฝ่าย ธนาดลเหลือบตามองกระบอกปืนที่กำลังจ่อขมับของตัวเองแล้วรอยยิ้มที่แสนเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก

“ลั่นไกสิ...แค่ลั่นไกฉันก็จะตายอย่างที่แกอยากให้เป็น” ธนาดลท้า

“อย่าคิดว่าฉันไม่กล้า” นนทนัฐตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

“ถ้ากล้า แกก็ลั่นไกสิ แค่ปั้งเดียว” แต่ธนาดลกลับไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อยกับอาวุธปืนที่จ่ออยู่บริเวณขมับ

นิ้วชี้ที่เตรียมจะลั่นไกค่อยๆขยับ ธนาดลยังคงทำสีหน้าเรียบเฉยไม่รู้สึกรู้สาว่าอีกไม่กี่วินาทีตัวเองอาจจะต้องตาย แต่แว่บหนึ่งชายหนุ่มเหลือบไปเห็นผู้หญิงอีกคนที่ยืนหน้าซีดเผือดน้ำตาไหลพราก ตัวสั่นระริกด้วยความกลัว

...กลัวอะไรนะริน ตัวสั่นงกแบบนั้น เธอกลัวอะไร กลัวว่าฉันจะตายหรือกลัวว่าไอ้นนท์จะเป็นฆาตกรฆ่าคน

ชายหนุ่มคิดไปต่างๆนานา ไม่ได้รู้เลยว่าแท้ที่จริง...ศรินดานั้นเป็นห่วงเขามากเพียงใด ไม่รู้เลยว่าเธอกลัวแค่ไหน กลัว...ว่าเขาจะเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาเธอ

“ถ้าแกอยากตาย ฉันก็จะสงเคราะห์ให้”

ปัง!

“ไม่!!” ศรินดากรีดร้องลั่นเมื่อได้ยินเสียงปืน น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ สติแตกกระเจิดกระเจิงหายไปไหนก็ๆไม่รู้ได้ หากพอสักพักที่เจ้าตัวรวบรวมสติทั้งหมดกลับมาก็ต้องตกใจจนถึงขีดสุดเมื่อเห็นธนาดลไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นนนทนัฐที่มีเลือดออกที่แขนแทน

“วางปืนของนายซะ” พนาดรที่เข้ามาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบสั่งเสียงเข้ม ใช้ปืนที่ยิงเมื่อครู่ขู่ให้อีกฝ่ายยอมจำนน นนทนัฐค่อยๆวางปืนลงพื้น ชายหนุ่มกัดฟันแน่นทนบาดผลที่พนาดรเพิ่งฝากไว้สดๆร้อนๆ...รอยถากของกระสุนปืน

“ถ้าฉันเอาจริงมันจะไม่ใช่แค่ถากแขนซ้าย แต่มันจะตัดขั้วหัวใจนาย เพราะฉะนั้นอย่าคิดไม่ซื่อกับคนในครอบครัวฉัน ถ้านายไม่เชื่อจะหาว่าฉันไม่ดีไม่ได้”

นนทนัฐหัวเราะเบาๆในลำคอ รู้สึกว่าตัวเองมองพนาดรไปผิดถนัด ชายหนุ่มไม่คิดว่าผู้ชายที่เงียบขรึมจริงจังกับงานอย่างพนาดรจะกล้าถือปืนและเลือกยิงคนได้อย่างใจเด็ดขนาดนี้

“ผมมองพี่ต้นผิดไปเยอะเลย ไม่คิดว่าคนอย่างพี่ต้นจะกล้ายิงใคร...”

“ถ้าคนๆนั้นไม่มายุ่งหรือทำร้ายคนในครอบครัวฉัน ฉันก็จะไม่ทำ แต่นายกำลังจะยิงน้องชายฉัน”พนาดรสวนกลับเสียงเย็น ความจริงอยากจะเล็งให้ตัดขั้วหัวใจมันด้วยซ้ำไปแต่ก็กลัวจะโดนข้อหาฆ่าคนตายเสียเปล่าๆ

“โอเคครับ...ถือว่าผมพลาดไปที่ไม่ระงับอารมณ์ตัวเอง แผลแค่นี้ผมจะถือว่าเป็นบทเรียนแล้วกันนะครับเพราะอีกไม่นานเราก็จะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว” นนทนัฐบอกพร้อมรอยยิ้มที่ยังเผื่อแผ่มาถึงธนาดล มืออีกข้างยังคงจับแผลที่แขนซ้ายไว้แน่น ชายหนุ่มไม่ถือสาที่พนาดรตัดสินใจทำร้ายแบบนี้ เพราะรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่ายังไงพนาดรก็ต้องตามมาช่วยน้องชายของตัวเองได้ทัน

“ทำแผลให้นนทนัฐซะริน” แม้จะเกลียดขี้หน้าอีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่พนาดรก็ยังมีมนุษยธรรมมากพอที่จะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนเจ็บอยู่โดยไม่ช่วยเหลืออะไร

“ส่วนดลตามพี่มา พี่มีอะไรจะคุยด้วย” โดยไม่รอให้น้องชายตอบรับหรือตอบปฏิเสธคนเป็นพี่ก็เดินลิ่วลงจากเรือนไทยหลังงาม ธนาดลเหลือบมองไปยังนนทนัฐและศรินดาที่ยืนเคียงคู่กัน เสี้ยวเวลาหนึ่งดวงตาสองคู่ประสานกันพอดี หากธนาดลกลับเป็นฝ่ายที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เรื่องไปเสียเฉยๆ มีเพียงหญิงสาวเท่านั้นที่มองตามแผ่นหลังกว้างนั่นเพียงฝ่ายเดียว

...กลับสู่โลกความจริงแล้วใช่ไหมคุณดล รินกับคุณ...เรา...ต้องตื่นจากความฝันแล้วใช่ไหม

“เจ็บมากไหมนนท์” ศรินดาหันมาถามนนทนัฐที่ยืนเอามือห้ามเลือดอยู่

“นิดหน่อยน่ะ” แม้ปากจะพูดออกไปแบบนั้นแต่แผลที่โดนก็เจ็บเอาการ

“เดี๋ยวรินทำแผลให้” หญิงสาวประคองร่างสูงให้นั่งลงก่อนจะเดินไปหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พอมีติดบ้านออกมา

“เลือดออกเยอะนะ” เสียงหวานบอกเมื่อเห็นว่าเลือดยังไหลไม่น้อยลงเลย

“ยังดีที่แค่ถาก” นนทนัฐบอกยิ้มๆ จ้องร่างบางที่กำลังนั่งทำแผลให้อย่างเอ็นดู

“นนท์ไม่น่า...”

“เอาปืนขึ้นมาขู่ไอ้ดลใช่ไหม” นนทนัฐช่วยต่อคำพูดของรินจนจบ หญิงสาวพยักหน้า มือยังทำหน้าที่ห้ามเลือดที่แขนของนนทนัฐเอาไว้

“นนท์แค่ทนไม่ได้ที่มันทำกับรินแบบนี้”

“แต่นนท์ไม่น่าจะใช้ปืน...มันอันตราย” ศรินดาบอกเสียงเบาพร้อมกับตรวจดูแผลว่าเลือดหยุดไหลหรือยัง

“กลัวมันตายหรือริน” นนทนัฐตั้งคำถาม ดวงตาทั้งคู่ยังจ้องใบหน้านวลไม่วางตา

“ปะ...เปล่า...ไม่ใช่” ศรินดาปฏิเสธเสียงแผ่ว มือไม้เริ่มสั่นจับอะไรไม่ค่อยติดมือจนกระปุกสำลีร่วงลงพื้นกลิ่งขลุกๆมาตรงหน้านนทนัฐ ชายหนุ่มหยิบกระปุกสำลีส่งคืนให้ริน หญิงสาวรับมาพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเบาๆ

“ไอ้ดลมันไม่ตายหรอกริน ปืนไม่มีกระสุน ต่อให้ยิงยังไงก็ไม่ตาย” นนทนัฐยืนยันคำตอบด้วยการให้หญิงสาวเห็นกับตาว่าปืนไม่ได้บรรจุกระสุนเอาไว้ เมื่อเห็นว่าความจริงเป็นเช่นไรรินถึงกับอึ้งไปพักเหมือนลืมปากไว้ที่ไหนสักแห่ง

“นนท์แค่จะขู่มันเฉยๆแต่ไม่คิดว่าพี่ต้นจะเอาจริง” ชายหนุ่มยิ้มแหยๆถึงแม้จะพอคาดได้ว่าพนาดรน่าจะตามมาทันแต่ก็คาดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนั้นจะกล้ายกปืนขึ้นมายิงใคร

…แต่ถ้ามีคราวหน้า...ถ้าไอ้ดลมันยังกล้าที่จะทำอย่างนี้อีก ปืนกระบอกนี้จะไม่ใช่ปืนกระบอกเปล่าๆแต่มันจะถูกบรรจุกระสุนไว้เต็ม! และจะเขาจะไม่ทำแค่ขู่แต่จะยิงมันจริงๆ...

...ถ้ามีคราวหน้า...

“รินก็ไม่คิดว่าเสียงปืนจะมาจากพี่ต้น” ศรินดาจัดการทำแผลอย่างเบามือเมื่อเห็นว่าเลือดที่ไหลนั้นหยุดแล้ว

“ริน” นนทนัฐเรียกชื่อหญิงสาวเบาๆ เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามอง เลิกคิ้วสูงเชิงถาม

“ขอโทษนะครับ ขอโทษที่นนท์งี่เง่า ขอโทษที่นนท์ไม่มีเหตุผล แล้วก็ขอโทษ...ที่นนท์ตวาดริน”

ศรินดายิ้มบางๆ เธอรู้อยู่แล้วว่าไม่ว่ายังไงนนทนัฐก็ต้องเป็นฝ่ายขอโทษเธอก่อน แต่เธอก็ให้อภัยเขาได้ทุกครั้ง เพราะความจริงคนที่ควรจะขอโทษน่าจะเป็นเธอมากกว่า ควรจะเป็นเธอที่ขอโทษ ขอโทษที่ให้คำว่ารักกลับคืนตอบแทนไปไม่ได้

“อย่าพูดอย่างนั้นเลยนนท์ ต่อไป...นนท์อย่าขอโทษรินอีกได้ไหม” ...เพราะมันเป็นรินต่างหากที่สมควรจะขอโทษ...ไม่ใช่นนท์...

“ได้สิครับ...ต่อไปนนท์จะไม่ขอโทษรินอีก เพราะต่อไปนนท์จะไม่มีทางทำให้รินเสียใจ นนท์จะทำให้รินมีความสุข นนท์จะทำให้รินมีความสุขที่สุดที่แต่งงานกับนนท์”

ศรินดายิ้มน้อยๆกับคำพูดนั้น หญิงสาวก้มหน้าก้มตาทำแผลเพื่อซ่อนรอยบางอย่างในดวงตาไม่ให้ นนทนัฐได้เห็นว่าในดวงตาเธอมีน้ำใสๆคลออยู่

...นั่นสินะ...เธอต้องแต่งงานกับนนท์ มันเป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องเดินไปตามทางที่เธอเลือก เธอต้องไม่หันกลับ ไม่สิ...เธอหันกลับไม่ได้แล้วต่างหาก











สายลมอ่อนๆพัดผ่านมาเบาๆระหว่างพี่น้องสองคนที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้คนละต้น เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาไกลๆทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ชายทั้งสอง

“ผมขอโทษ” แล้วก็เป็นน้องชายที่เอ่ยคำขอโทษขึ้นมาก่อน

“รักรินใช่ไหมดล ดลรักรินแบบผู้ชายรักผู้หญิงใช่ไหม” พนาดรถามน้องชายเสียงเรียบ เขาไม่เคยมองคนพลาด โดยเฉพาะถ้าคนๆนั้นเป็นน้องชายตัวเอง

ธนาดลนิ่งไปเล็กน้อย ชายหนุ่มรู้อยู่แล้วว่าสักวันพี่ชายคนมองออก เพราะมีอยู่ไม่กี่คนบนโลกที่จะมองตนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง คนหนึ่งคือมารดา ส่วนอีกคนก็คือ...พี่ชาย ร่างสูงยืดตัวขึ้นตรงมองตาพี่ชายที่เหมือนกับดวงตาของตัวเองไม่มีผิดเพี้ยน

“ใช่ครับ...ผมรัก” คำตอบนั้นหนักแน่นชัดเจนจนพนาดรต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนพูดต่อ

“แล้วดลรู้ไหมว่ามันเป็นไปไม่ได้ ถ้าพ่อรู้ดลรู้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้น พ่อไม่มีทางยอม”

“รู้ครับ...ผมรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่พี่ต้น ถ้าผมเลือกได้ผมก็คงจะเลือกที่จะเกลียดผู้หญิงคนนั้นเหมือนเดิม เลือกที่จะแก้แค้นผู้หญิงคนนั้นเหมือนเดิม เลือกที่จะไม่รัก”

พนาดรเดินเข้าไปหาน้องชาย เอื้อมมือแตะไหล่กว้างนั่นเบาๆ

“บางครั้งความรักมันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปนะดล ไม่ได้สวยหรู หอมหวาน”

“ผมรู้ครับพี่ต้น แต่มันเจ็บนะฮะ เจ็บจนไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะหายใจต่อไปยังไง”

“เวลาจะช่วยรักษาดลเอง” คนเป็นพี่ชายก็ไม่รู้ที่จะปลอบโยนน้องชายว่าอย่างไรเหมือนกันเพราะตอนนี้ตัวเขาเองก็รอที่จะให้เวลารักษาบาดแผลที่หัวใจเช่นกัน

“นานแค่ไหนครับพี่ต้น นานแค่ไหนถึงจะไม่รู้สึกเจ็บ” เมื่อมีใครคนหนึ่งยอมรับฟังปัญหา ธนาดลจึงระบายสิ่งที่อัดอั้นมานานออกมา

“คงนาน” พนาดรตอบน้องชายสั้นๆ เพราะไม่รู้จริงๆว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะหาย อาจเป็น หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือตลอดไป

“อกหักพร้อมกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะครับ” น้องชายพูดขึ้นมาลอยๆ

“สงสัยชาติที่แล้วจะทำบุญมาไม่ดีเลยอาภัพเรื่องความรักล่ะมั้ง” พนาดรสนับสนุนแถมคาดเดาสาเหตุเล่นๆอีกต่างหาก

“แต่ผมคงแย่กว่าพี่ต้นเพราะไม่ว่ายังไงผมคงไม่สมหวังใช่ไหมครับ”

แม้จะไม่อยากตอบให้น้องชายเสียใจไปมากกว่านี้ แต่บางครั้งคนเราก็หนีความจริงไม่พ้นจึงต้องเปิดใจยอมรับความจริงนั่นแต่โดยดี

“ดลคงต้องตัดใจ อาจจะยากหน่อยแต่ก็ต้องทำ”

“คุณแม่คงผิดหวังที่ผมแก้แค้นไม่สำเร็จ” คนเป็นน้องชายเอ่ยพร้อมๆกับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตนเองคิดว่ามารดาคงขึ้นไปอยู่บนนั้น

“แม่ไม่ผิดหวังหรอกดลที่ดลแก้แค้นไม่สำเร็จ แต่แม่คงผิดหวังถ้าดลยังคงจมอยู่กับความแค้นแบบนี้ พี่ไม่รู้หรอกว่าดลต้องเห็นแม่เจ็บแค่ไหน ต้องเห็นแม่ทรมานแค่ไหนก่อนท่านจะสิ้นลม แต่ถ้าแม่ยังอยู่พี่เชื่อว่าแม่จะไม่แก้แค้นน้าริสา จริงอยู่ที่แม่อาจจะโกรธ อาจะจะเกลียดน้าริสา แต่คนอ่อนโยนอย่างแม่คงตัดใจทำร้ายใครไม่ลงหรอก...จริงไหม”

ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้นจากธนาดล เพราะคำพูดของพนาดรนั้นล้วนถูกต้องทุกคำ แม่เป็นคนอ่อนโยน แม่เป็นคนใจดี ถึงตอนนั้นแม่จะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากแม่ไป แต่แม่ก็ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงคนนั้นสักครั้ง...ไม่เคยเลยสักครั้งเดียว

...อโหสิใช่ไหมครับแม่ ผมควรที่จะอโหสิไม่คิดแค้นผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมครับ แต่มันยากนะครับแม่ ยากมากที่ผมจะลบภาพที่ผมเห็นแม่ทรมานก่อนตายแล้วหันไปดีกับผู้หญิงคนนั้น...ยากมากจริงๆ

“ผมจะพยายาม” แม้ไม่ได้รับปากอย่างเต็มคำพูดแต่ก็จะพยายามลบเลือนความแค้นออกให้หมดจากหัวใจ

“ไป...กลับบ้านกัน พ่อเป็นห่วงมากนะ”

“ครับ” น้องชายรับคำเบาๆก่อนจะเดินเคียงคู่พี่ชายที่ความสูงไล่เลี่ยกันกลับไปยังที่ที่ไม่ว่ายังก็ไม่เคยหนีไปไหน ที่ที่มีคนที่รักเรามากที่สุดรออยู่ ที่ที่เรียกว่า... ‘บ้าน’











“รินกลับกับพี่” พนาดรสั่งน้องสาวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด จนคนโดนสั่งเริ่มแสดงอาการอึกอัก ใจหนึ่งก็อยากทำตามคำสั่งพี่ชายแต่อีกใจก็อดที่จะเป็นห่วงนนทนัฐไม่ได้เพราะอีกฝ่ายแขนเจ็บจะขับรถสะดวกหรือเปล่าก็ไม่รู้

“แต่นนท์แขนเจ็บนะคะขับรถคนเดียวรินกลัวจะ...”

“นนทนัฐขับมาเองก็ขับกลับเองได้” พนาดรพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่น้องสาวจะพูดจบ ตาคู่คมเหล่มองมาที่นนทนัฐอย่างไม่ใยดีเสียเท่าไหร่ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่านนทนัฐจะสามารถขับรถกลับถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

“ไม่เป็นไรหรอกริน แผลแค่นี้นนท์ขับรถกลับเองได้สบายอยู่แล้ว” นนทนัฐยิ้มยืนยัน มองหน้าพนาดรกลับด้วยสายตาประมาณว่า...งานนี้สู้ไม่ถอย

“งั้นก็กลับกันได้แล้วคุณพ่อกับน้าริสาเป็นห่วงเรามาก” พูดจบผู้เป็นพี่ชายก็เดินลงจากเรือนไทยหลังสวยโดยมีน้องสาวเดินตามหลังไปติดๆ แว่บหนึ่งหญิงสาวเห็นว่าธนาดลมองมาทางเธอแต่พอเธอมองตอบกลับไปเขากลับทำสีหน้าเฉยเมินไม่สนใจ

...รินต้องยอมรับความจริงแล้วใช่ไหมคุณดล ยอมรับความจริงว่า ‘เรา’ รักกันไม่ได้

“ไหนๆก็ไหนๆแล้วฉันขอเชิญแกมางานแต่งงานของฉันกับรินเลยแล้วกันนะ” แม้ปากจะพูดออกไปแบบนั้นแต่สายตาของนนทนัฐที่ฉายออกมามันไม่ได้เป็นอย่างคำที่พูดออกมาเลย สายตาของนนทนัฐมันดูเย้ยหยัน เยาะเย้ยราวกลับต้องการจะเหยียบธนาดลให้จมดิน

“ขอบคุณ แต่ถ้าฉันจะไปฉันก็จะไปเอง ไม่จำเป็นที่จะต้องมีใครมาเชิญ” ธนาดลหันหลังเดินลงจากบ้านของตัวเองทันที เพราะถาขืนอยู่ต่อไปคงอดไม่ได้ที่จะต้องฝากรอยหมัดไว้บนใบหน้ากวนๆของนนทนัฐสักสองสามหมัด ชายหนุ่มไม่เคยแพ้นนทนัฐไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เพราะนนทนัฐไม่เคยเทียบเคียงเขาได้เลยสักเรื่อง แต่พอเรื่องของหัวใจ กลับเป็นเขาที่ไม่สามารถเทียบเคียงนนทนัฐได้เลย เป็นเขาที่ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีทางเพราะต่อให้สู้ยังไง สุดท้าย...ก็ต้องแพ้อยู่ดี


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขออนุญาตตอบคอมเมนท์รวมๆนะคะ...

ขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ ตอนที่แล้วเหมือนจะเป็นตอนหวานตอนสุดท้ายค่ะ ฮืออออ เพราะตอนนี้เศร้าอีกแล้ว และเรื่องก็ใกล้จบแล้วเช่นกันค่ะ

ปอแก้วหายไปนานต้องขอโทษจริงๆค่ะ เพราะตอนนี้ปอแก้วกำลังเรียนโทอยู่อ่ะค่ะ
อะไรๆมันก็ยังไม่ลงตัว ตารางเรียนยังไม่ลงตัวเลย ถ้าทุกอย่างมันเข้าที่แล้วคิดว่าคงจะกลับมาอัพนิยายได้เหมือนเดิม

ต้องขอโทษทุกคนมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

และขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ยังไม่ลืมกันค่ะ (คิดถึงงงงงง...)

ปล. ตอนแรกว่าจะเอาพี่อาร์มลงก่อนแต่ยังไม่เสร็จค่ะ เอาคุณดลไปก่อนเนอะ :)


** ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยค่ะ เพิ่งแก้เสร็จเมื่อกี้นี้เอง **



ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มิ.ย. 2555, 21:47:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 มิ.ย. 2555, 21:47:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 2211





<< บทที่ 30   บทที่ 32 >>
ดาวคันชั่ง 12 มิ.ย. 2555, 22:14:40 น.
เอานายนนท์ไปเก็บทีไ้ด้มั้ยคะ สงสารคุณดลกับรินอ่ะ


roseolar 12 มิ.ย. 2555, 22:38:03 น.
แอบรู้สึกว่าถึงนายนนท์จะนิสัยไม่เข้าท่า แต่ความรักที่มีให้รินมันก็ของจริงนี่นา ถ้าบทไม่ส่งให้เป็นผู้ร้าย ก็คงจะเป็นพระเอกกับเขาได้อย่างสบายๆ อย่างคุณชายธมกานต์ ของป้าวลัย นวาระ นั่นก็เข้าเค้าอยู่เหมือนกัน ไอ้ประเภทโหดร้ายปากเสียพาลชาวบ้านเค้าไปทั่ว แต่ก็ดีกับนางเอกอย่างที่สุดเหมือนกัน อืมม น่ากรี๊ดใช่เล่นนะ
คิดถึงคุณปอแก้วค่ะ. จุ๊บบบ


หมูบูลิน 12 มิ.ย. 2555, 22:41:36 น.
ยิงนายนนท์ทิ้งเลยไม่ได้หลอเนี่ย


nunoi 13 มิ.ย. 2555, 00:57:30 น.
ตอนนี้อกหักทั้งพี่ทั้งน้อง ตอนหน้าขอสมหวังทั้งพี่ทั้งน้องนะคะ


MYsister 13 มิ.ย. 2555, 05:36:54 น.


lovemuay 13 มิ.ย. 2555, 07:54:56 น.
จะเรียกว่าอกหัดได้หรอ ในเมื่อฝ่ายหญิงมีใจให้
เฮ้อ ไม่ทันไรก็ดราม่าต่ออีกแล้ว


Amata 13 มิ.ย. 2555, 10:42:43 น.
เศร้าเล้ย อย่าเศร้านานเลยน๊า...


tutas 13 มิ.ย. 2555, 11:01:38 น.


anOO 13 มิ.ย. 2555, 15:23:54 น.
เซ็งเลย งานนี้เจ็บกันระนาว ปวดใจกันถ้วนหน้า


Kazalong 17 มิ.ย. 2555, 18:15:08 น.
ปากแข็งอยู่ได้ เฮ้อออออออ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account