เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๑ ศัลยแพทย์ปากจัด

นาฬิกาเรือนใหญ่บนฝาผนังเลื่อนเข็มบอกเวลาเคารพธงชาติ เสียงเพลงท่วงทำนองและเนื้อร้องคุ้นหู กระจายเสียงไปตามลำโพงจนดังทั่วอาณาบริเวณ ในเขตโรงพยาบาลรัฐประจำจังหวัดแห่งนั้น

เช้าวันจันทร์มีคนเจ็บป่วยเดินสวนกันขวักไขว่จนเหล่าบุคลากรเห็นเป็นเรื่องปกติ และชินตา โดยเฉพาะเก้าอี้ที่จัดไว้สำหรับคนไข้และญาติหน้าคลินิกผู้ป่วยนอกแผนกศัลยกรรม จะดูหนาตา แออัดเป็นพิเศษ อาจด้วยเหตุที่หมอเฉพาะทางประจำวันนี้ มีเคสนัดตรวจติดตามมากกว่าใครๆ หรือปากต่อปากบอกสรรพคุณบางอย่างของผู้ตรวจ ส่งผลให้จำนวนคนไข้มากขึ้นแทบทุกเดือนจนน่าตกใจ

ทันทีที่เสียงเพลงประจำชาติจบลง พยาบาลวิชาชีพ และบรรดาผู้ช่วย ก็รีบนั่งลงจับกลุ่มพูดคุยกันจอแจ หนึ่งในนั้นหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางที่ซื้อมาใหม่ขึ้นมาอวด

“นี่ๆ เธอ เมื่อวานฉันไปเวิร์คช็อปของชาแนลมาแหละ ดูซิได้อะไรมาเยอะแยะ”

คนพูดวาดหน้าทาปากแบบจัดเต็ม บอกให้รู้ว่าเป็นคนรักสวยรักงามเกินพิกัด เสียดายที่หล่อนเริ่มย่างเข้าวัยกลางคน เครื่องสำอางบนใบหน้าจึงไม่ช่วยให้พื้นหลังดูดีขึ้นเท่าใด

“เหรอจ๊ะ..แหม ของแพ้ง แพง ซื้อเข้าไปได้”

พนักงานช่วยการพยาบาลเสื้อเหลืองวัยไล่เลี่ยกันเอ่ยอย่างนึกหมั่นไส้

“โอย ลำพังเงินเดือนกัดก้อนเกลือกินของฉัน ก็ไม่กล้าซื้อหรอกจ้ะ ทีนี้โชคดี มีลูกชายเป็นอภิชาตบุตร”

หล่อนหมายถึงบุตรชายหัวแก้วคนเดียวที่เรียนจบเป็นหมอ ทำงานใช้ทุนในโรงพยาบาลรัฐทางใต้มาเกือบสามปี ได้เงินมาเท่าไหร่ก็ส่งเสียให้มารดาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกือบทั้งหมด

“เฮ้ย!..พวกเรา รีบกลับไปนั่งประจำที่เถอะ หมอชัดเจนเดินมาโน่นแล้ว”

ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นด้วยความร้อนรน เมื่อนายแพทย์คนคุ้นตากำลังเดินก้าวขาเร็วๆใกล้เข้ามาตามแบบฉบับบุคลิกหนุ่มไฟแรง เคราะห์ดีที่เขาหยุดแวะคุยกับเพื่อนสนิทผู้สวนทางมา จึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีความชุลมุนเกิดขึ้นหน้า OPD หรือคลินิกตรวจผู้ป่วยนอกของแผนกศัลยกรรม

“เรียกคนไข้ไว้ให้ผมหรือยัง?”

ชายหนุ่มหน้าตาคมสัน มีไรหนวดเขียวจางเหนือริมฝีปากเอ่ยถามแทนคำทักทาย เมื่อเดินมาถึงหน้าโต๊ะพยาบาลชุดขาวคนที่เพิ่งหยิบชาแนลขึ้นมาอวดเมื่อครู่ หล่อนยิ้มแห้งๆก่อนตอบ

“กำลังจะเรียกคนแรกพอดีเลยค่ะ..คุณหมอ”

ชัดเจน ตวัดสายตาในกรอบเรียวใหญ่ใต้คิ้วดำเข้ม มองคนพูด พยาบาลผู้นั้นสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยเมื่อหล่อนปะทะเข้ากับไฟในดวงตาคู่นั้น เสียงห้าวทุ้มที่เวลาพูดกันธรรมดาก็ทำให้คนฟังเยียบเย็นตามขุมขนอยู่แล้ว บัดนี้แข็งกร้าวเล็ดลอดไรฟันออกมา เพื่อนร่วมงานที่นั่งใกล้ๆพากันหัวหดทันที..

“นั่งทำอะไรอยู่ตั้งนาน..คนไข้ผมมารอตั้งแต่ตีสี่ตีห้า”

“เอ่อ....ขอโทษค่ะหมอชัด นฤมลเขาไม่ค่อยสบาย เพิ่งมาถึงสักครู่นี้เอง”

พยาบาลวัยใกล้เกษียณผมเริ่มแซมสีดอกเลา หาข้ออ้างมาช่วยแก้ต่างให้รุ่นน้อง หล่อนมักใจดี และยืดหยุ่นกับเพื่อนร่วมงานเสมอ ใครมีปัญหาอะไรก็พากันมาปรึกษาให้ช่วยหาทางออกเกือบทุกครั้ง

“คนเราจะแก่ ก็ให้แก่ความน่านับถือ แก่ความรู้และคุณวุฒิ ไม่ใช่เพราะอยู่นาน เหนียงยานแบบไร้ประโยชน์”

ชัดเจนจ้องหน้าจำเลยเขม็ง คำแก้ต่างเมื่อครู่เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่มีผลให้อารมณ์เขาพลุ่งพล่านน้อยลงเลยสักนิด เขายังแผ่รังสีบางอย่างส่งผ่านออกมาจากนัยน์ตาแข็งกร้าว ใครก็ตามที่มองตอบจะรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบรัดจนเกือบแหลกเป็นจุน

พยาบาลนาม “นฤมล” หน้าซีดเผือด มือไม้เย็น จนผู้ช่วยอีกคนต้องเอามือแตะหลังเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ

“คราวหน้า อย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก”

ชายหนุ่มเอ่ยทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็รีบเดินเท้าไฟตรงไปยังห้องตรวจด้านหลัง บุคลากรวัยคุณป้าเหล่านั้นเกือบจะได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก็พอดีเขาผลักประตูค้างเอาไว้แล้วหันมาถามเสียงเครียด

“อินเทิร์นของผม มาถึงหรือยัง?”
เขาหมายถึง Intern หรือแพทย์ใช้ทุนปีแรก ที่วนมาปฏิบัติงานแผนกศัลยกรรมเดือนนี้

“มารอตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งแล้วค่ะคุณหมอ อยู่ข้างในค่ะ”

ผู้ช่วยคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าห้องซึ่งติดกับห้องตรวจของหมอชัดเจนรีบละล่ำละลักบอก

ชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ ไม่เอ่ยอะไร.. ไม่แม้แต่จะแสดงสีหน้าพอใจกับคำตอบนั้น เขาก้าวเข้าไปนั่งในห้องตรวจของตัวเองโดยไม่สนใจใครอีก

“อกอีแป้นจะแตก..ฉันล่ะเบื่อจริง อีตาหมอคนนี้ คราวหน้าจะไม่ทน..แลกเวรออกเสียให้รู้แล้วรู้รอด”

ป้าแก่ชุดเหลืองคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออดพลางถอนหายใจ นฤมลรีบตีแขนเพื่อนร่วมงานเป็นเชิงเตือนไม่ให้ส่งเสียงดัง

“อยากโดนระเบิดลงอีกลูกหรือไงเจ๊”

ป้าแก่คนนั้นยักไหล่ เสียงใสแจ๋วของเด็กฝึกงานชุดนักศึกษาผู้มาใหม่แทรกถามขึ้นมา หล่อนยืนแอบดูเหตุการณ์เงียบๆอยู่ตรงประตูห้องตรวจด้านหลัง

“ปากจัดจริงนะคะคุณหมอคนนี้..ทีแรกหนูมองแกเคลิ้มเลย หน้าตา รูปร่างยังกับบอยแบนด์เกาหลี”

“แล้วพอแกอ้างปากล่ะ..เรารู้สีกยังไง?”
พยาบาลรุ่นป้าอีกคนถามขึ้นหลังจากเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อบนหน้าผากเรียบร้อย

“ไม่ไหวเลยค่ะ..หล่อแบบนี้ใครเขาอยากรับประทาน”

เด็กฝึกงานสาวรุ่นส่ายศีรษะระรัว ก่อนเอ่ยด้วยความระแวงเมื่อนึกถึงแพทย์ใช้ทุนผู้กำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่ในห้องตรวจด้านหลัง

“ไม่รู้หมอฝอยทองจะเป็นยังไงนะคะ..แกจะทนได้รึเปล่า”

ใครคนหนึ่งตอบสวนกลับมากลั้วเสียงหัวเราะ

“โอ๊ย..รายนั้นเค้าชินแล้ว คู่ฟัดคู่เหวี่ยงกันมาตั้งแต่ต้นเดือน..เห็นหน้าใสๆอย่างนั้น ถึงคราวสู้ก็สู้ไม่ถอยทีเดียวล่ะจ้ะ”


“คุณลุงอย่าลืมมาทำแผลทุกวันนะครับ กินยาเบาหวานที่หมออายุกรรมเขาจัดให้ครบด้วย”

ชัดเจนยื่นบัตรประวัติผู้ป่วยและใบสั่งยาคืนคนไข้ผู้มาตรวจแผลเรื้อรังที่เท้า น้ำเสียงและแววตาของเขาอ่อนโยนเป็นคนละคนกับเมื่อสักครู่ที่อยู่นอกห้อง พยาบาลผู้มายืนรอคำสั่งถึงกับนึกอิจฉาคุณลุงคนนั้นที่ได้ความเมตตาไมตรีเต็มเปี่ยมจากศัลยแพทย์ปากร้าย

“ลุกไหวไหมครับ..เดี๋ยวผมช่วยดีกว่า” ชัดเจนรีบผุดลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมไปประคองแขนลุงชราให้ลุกขึ้นยืนทรงตัวได้ เขาเอื้อมไปหยิบไม้เท้าที่วางพิงตรงกรอบผนังมาใส่มือผู้ป่วย บริการเปิดประตูให้อย่างดี พลางกำชับเสียงนุ่มนวล

“อยู่บ้านพยายามใส่รองเท้าตลอดนะครับ..ปลายประสาทลุงเสื่อม ไปเหยียบของมีคมเข้าก็ไม่รู้สึก เดี๋ยวจะได้แผลกลับมาอีก”

คุณลุงคนเก่าเพิ่งเดินกลับออกไปไม่ทันไร เอมอร..พยาบาลวัยสามสิบต้นๆก็ต้องสะดุ้ง เมื่อหล่อนเผลอทำหน้าเหม่อลอย ไม่ได้ยินเสียงคุณหมอหนุ่มเอ่ยถามถึงคนไข้รายต่อไปเพียงชั่วเวลาเดียว

“ผมถามไม่ได้ยินหรือไง..ยืนทำมิวสิคอยู่ได้ อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว”

เอมอรรีบประนมมือแนบอกพลางขอโทษขอโพย

“ขอโทษค่ะหมอชัด..เมื่อกี้ว่าอะไรนะคะ”

ชัดเจนสั่นศีรษะ ถอนหายใจพรืดใหญ่ด้วยความเอือมระอา

“ผมถามว่า..เรียกคนไข้ไว้กี่คน”
“สี่ค่ะ..”

ศัลยแพทย์หนุ่มพยักหน้ารับคำ กลอกตาไปมาเหมือนกำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่าง ครู่เดียวก็เอ่ยปากเหมือนตัดสินใจได้

“โอนไปให้อินเทิร์นตรวจพลางๆก่อน ผมต้องเข้าโออาร์”

เขาหมายถึง OR หรือ ห้องผ่าตัด

“มีเคสด่วนหรือคะ?”

ชายหนุ่มทำหน้าเป็นเชิงบอกว่าเหลือทน เขาเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะเดินไปเลื่อนประตูกระจกที่กั้นระหว่างห้องของเขากับแพทย์ใช้ทุน

“คุณมีหน้าที่อะไร?..มีสิทธิ์มาใช้คำถามนี้กับผมรึ”

เปี่ยมรักละสายตาจากเกมในไอโฟนของหล่อนทันที เมื่อแว่วเสียงกระฟัดกระเฟียดของเขา หล่อนเพิ่งตรวจคนไข้เสร็จไปพักใหญ่ๆ ช่วงนี้กำลังว่าง ไม่มีเคสใหม่ส่งเข้ามา โดยมากจะเป็นคนไข้เก่าของชัดเจนมาตรวจตามนัด

สาวนัยน์ตากลมโตผิวสีน้ำผึ้งอ่อนเงยหน้าขึ้นถาม

“มีอะไรหรือคะพี่?”

“พอดีผมมีเคสที่ไอซียู ต้องรีบผ่าตัดด่วน..ฝากน้องตรวจคนไข้ที่เหลือไปก่อน มีอะไรโทรconsultได้ตลอดนะ”

หล่อนนึกค่อนขอดในใจ ว่ามีทางเลือกอื่นด้วยหรือนอกจากตอบรับอย่างอ่อนน้อมว่า

“ค่ะพี่..”

หลังจากเขาเดินออกไปไม่นาน เปี่ยมรักก็มีเคสให้ต้องโทรรายงานอย่างปฏิเสธไม่ได้ หญิงสาวอึดอัดในใจทุกครั้งที่ต้องติดต่อพุดคุย ไม่ว่าธุระเรื่องไหนกับผู้ชายคนนี้ หล่อนไม่ถูกชะตะเขาตั้งแต่วันที่สองของการเข้ามาฝึกเพิ่มพูนทักษะในแผนกศัลยกรรมแล้ว

“ฮัลโหล..นั่น อินเทิร์นเปี่ยมรักใช่ไหม?” คำแนะนำตัวในโทรศัพท์วันนั้นเอ่ยแบบห้วนๆ เสียงเขาดังชัดเจนสมชื่อ “ผม..ชัดเจน”

หญิงสาวจำได้ว่าหล่อนกำลังรีบเดิน round ward หรือตรวจคนไข้บนตึกผู้ป่วยใน รอบเช้าด้วยความเร่งรีบ ไม่ใช่ว่าหล่อนจำไม่ได้ว่าหัวหน้าภาคอย่างเขา กำชับไว้ในวันแรกที่จัดให้มีชั่วโมงพูดคุยรายละเอียดของการทำงานแผนกศัลยกรรม.. ว่าให้ตรวจคนไข้บน ward ให้เสร็จก่อนทำกิจกรรมอื่นๆตอนสาย แต่วันนั้นหล่อนโชคร้าย ตื่นไม่ทันเวลาจริงๆ

“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าให้ round คนไข้ให้เสร็จก่อนเก้าโมง แล้วมอบหมายให้คุณ round ห้องพิเศษด้วย ทำไมคุณไม่ทำตาม”

เปี่ยมรักเพิ่งมาเรียนรู้วันหลังๆว่า หากเขาใช้สรรพนามแทนใครว่า “คุณ” นั่นบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่สู้ปกตินัก หล่อนจำได้แต่ว่า ตัวเองทำเสียงละห้อยตอบทำนอง..ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ หนูจะปฏิบัติตามค่ะพี่

ทว่าหากเป็นเรื่องวิชาการความรู้ ที่หล่อนมั่นใจว่าตนเองคิดถูก ตัดสินใจถูก หล่อนจะกล้าโต้แย้ง และทุ่มเถียงเต็มที่ อย่างในวันนี้เป็นต้น

“มีเคสconsultค่ะพี่ ผู้ป่วยหญิงอายุ 6๐ ปี 4 เดือนก่อนมา รพ. คลำได้ก้อนที่เต้านมข้างขวา ก้อนโตขึ้นเรื่อยๆ กดไม่เจ็บ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด 10 กิโล ใน 3 เดือน...”

“ก้อนขนาดเท่าไหร่ อยู่ตำแหน่งไหน”

ชัดเจนขัดขึ้นในสายโทรศัพท์ เสียงเครื่องดูดเก็บน้ำเลือดน้ำหนองดังสนั่นแทรกเข้ามา หล่อนจึงพอเดาได้ว่าเขาคงง่วนอยู่กับการผ่าตัด

“ประมาณสี่เซ็นค่ะ ตรง upper outer ก้อนไม่ fix , move ได้...”

เขาขัดขึ้นอีกตามเคย

“ทำไมจะไม่ fix ประวัติมาแบบนี้ พี่ไม่เห็นคนไข้ก็หลับตาฟันธงได้เลย”

Fix หมายถึง ก้อนขยับให้เคลื่อนไหวไม่ได้ ติดอยู่กับที่ มักพบว่าเป็นลักษณะหนึ่งของก้อนเนื้อร้ายโดยมาก

“แต่มันไม่ fix จริงๆนะคะพี่ หนูตรวจแล้ว”
เปี่ยมรักเถียงกลับอย่างไม่เกรงกลัว หล่อนมั่นใจในสิ่งที่ตรวจพบกับมือ และเห็นด้วยตาตนเอง

“fix!”
ชัดเจนยังยืนยันเสียงหนักแน่น ทั้งที่ไม่ได้เห็นคนไข้
“ไม่ fix!”

“ก็ผมบอกว่า fix!”
หล่อนยังเถียงเขาเสียงหนักแน่น
“ก็หนูบอกว่า ไม่ fix!”

ยักแย่ยักยันกันอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครยอมใคร จนสุดท้ายชัดเจนต้องเป็นฝ่ายตัดบทด้วยประโยคสุดท้าย

“เออ..ตรวจเคสอื่นไปก่อน ผมออกจาก OR เมื่อไหร่ จะลงไปดูเอง!”


ในร้าน wedding studio กรุกระจกใสโดยรอบแห่งนั้น ทำเลอยู่ติดถนนใหญ่ มองผ่านเข้าไปจะเห็นชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์สวมอยู่บนหุ่นหลายตัว ตั้งโชว์โดดเด่น มีหลายแบบให้เลือก ชุดสูทของผู้ชายก็มีวางสลับกันอย่างเป็นระเบียบ ตบแต่งภายในร้านอย่างหรูหรา เน้นสีคลาสสิก

Wedding planner สาวสวยกำลังนั่งจดจ่ออยู่หลังจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หล่อนเอนหลังพิงพนักคลายความเมื่อยขบ เอามือลูบคางมนแหลมอย่างครุ่นคิด มือข้างที่เหลือก็กดแป้นคีย์บอร์ด เลื่อนสไลต์ presentation ของสถานที่ในบรรยากาศต่างๆกัน ซึ่งเตรียมไว้เสนอลูกค้าหลายราย

ผมซอยสั้นระต้นคอแบบสาวสมัยใหม่ ทำให้รูปร่างเล็กสมส่วนของหล่อนดูโฉบเฉี่ยวปลิวลมยิ่งกว่าเดิม กรอบตาเรียวยาวที่กำลังชื่นชมผลงานในจอคอมพ์ ไม่กลมใหญ่นัก ทว่าเหมาะเจาะได้สัดส่วนกับใบหน้าซึ่งค่อนข้างกลม มีหน้าผากมน พวงแก้มเต็มอิ่มไล่โค้งลงมาจากสองด้าน จนบรรจบกันเป็นคางแหลมมนรับกับริมฝีปากบางเฉียบสีแดงเรื่อและจมูกโด่งเรียวตรงปลายเชิดรั้น สีผิวของหล่อนค่อนข้างขาวนวล แต่ไม่ขาวจัดอย่างน้องสาวคนเล็ก

เพทายยิ้มมุมปากอย่างที่เคยชิน เมื่ออยู่ในอารมณ์พึงพอใจสิ่งใดก็ตาม ภาพ Location ของลูกค้าสามรายแรก เป็น Theme น้ำตก ป่าเขียวขจี และทะเลสาบ สุดแสนโรแมนติก ตามลำดับ จนกระทั่งมาถึงลูกค้าวีไอพีรายสุดท้าย..

ภาพตรงหน้าคือ ภาพจากสถานที่จริง ในโรงแรมระดับห้าดาว ของหาดใหญ่ การตกแต่งเน้นดอกไม้สีขาว และประดับประดาองค์ประกอบโดยรอบด้วยสี Tiffany Blue ซึ่งเป็นความต้องการของน้องสาวเจ้าบ่าว ของตบแต่งส่วนใหญ่ล้วนเป็น Handmade เนื่องจากโทนสีแบบนี้ไม่นิยมในเมืองไทย

นึกถึงลูกค้ารายนี้ขึ้นมาก็อดขันไม่ได้ ว่าที่เจ้าบ่าว เป็นเพื่อนชายของหล่อนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย ใครๆก็รู้จักดีในนามของ ประธานชมรมปลูกป่า “นลัศ” เป็นเด็กเรียนดี และมีความมุมานะสุดขีด มาแต่ไหนแต่ไร หล่อนจึงไม่แปลกใจเลย เมื่อเขาเอนทรานส์ติดคณะแพทยศาสตร์ตามที่ใฝ่ฝัน พอเรียนจบหกปี ใช้ทุนเสร็จสรรพ ก็ตัดสินใจเรียนต่อเฉพาะทางเป็นสูติแพทย์ตามความถนัด

นลัศไปเรียนสาขาปลีกย่อยเกี่ยวกับเวชศาสตร์มารดาและทารกต่อที่อเมริกา อีกพักใหญ่ เพทายยังติดต่อเขาทางอีเมลล์บ้าง โทรทางไกลบ้างสองสามเดือนครั้ง เขาเป็นเพื่อนที่หล่อนไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง เขายินดีเป็นที่ปรึกษาให้หล่อนเกือบทุกเรื่อง

เพิ่งมาต้นปีนี้เอง หล่อนไปรับเขาที่สนามบิน ถึงได้รู้ว่าเขาคบผู้หญิงคนหนึ่งตั้งแต่อยู่อเมริกาจนถึงขนาดวางแผนแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว เธอชื่อ..ปรียดา เป็นลูกสาวผู้ดีเก่า ฐานะ และชื่อเสียงในวงสังคม อยู่ในระดับเดียวกันกับนรัศ ทั้งทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ งดงาม สมเป็นกิ่งทองใบหยก ราวกับเทพอุ้มสมกันมาแต่ชาติปางไหน

อีกคนที่หล่อนอดนึกถึงและเป็นห่วงไม่ได้คือ..เปี่ยมรัก น้องสาวของนรัศ หญิงสาวรู้จักมานานพอๆกับที่รู้จักชายหนุ่ม เวลาไปทำรายงานกลุ่ม หรือแวะไปเยี่ยมเยียนที่บ้านตามประสาคนคุ้นเคย ก็มักจะพบสาวน้อยตากลมคนนี้แทบทุกครั้ง...หล่อนถูกชะตากับเปี่ยมรัก พอๆกับที่เปี่ยมรักชอบพอหล่อน

ยิ่งช่วงหลังๆ เปี่ยมรักเพิ่งเรียนจบแพทย์ตามรอยพี่ชาย เข้าทำงานเป็นแพทย์ใช้ทุนในโรงพยาบาลรัฐมาสามสี่เดือน ดูเหมือนเปี่ยมรักจะเริ่มมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน และอาจารย์รุ่นพี่บางแผนก จึงมีเรื่องให้ต้องโทรมาระบาย กับหล่อนเกือบทุกอาทิตย์..และชื่อของผู้ชายคนหนึ่งมักจะติดโผเข้ามาในโสตประสาทหล่อนทุกครั้ง จนบางครั้งเก็บเอาไปฝัน ทั้งที่ไม่เคยเจอตัวจริง..เคยแต่ได้ยินกิตติศัพท์แย่ๆของเขา จากคำบอกเล่าของน้องสาวเพื่อนสนิท

“อีตาชัดเจนนั่นเอาอีกแล้ว..”

ภาพในห้วงคำนึงมลายหายไป เปลี่ยนเป็นความคมชัดของสาวน้อยตรงหน้า เปี่ยมรัก..ผลักประตูร้านเข้ามาเมื่อไหร่หล่อนไม่ทันสังเกต คงเป็นเพราะหญิงสาวมัวแต่นึกอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ในหัว..และคนที่กำลังนึกถึงก็บังเอิญมายืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียด้วย

“เป็นอะไรจ๊ะแม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ..อารมณ์บ่จอยอีกแล้วหรือ”
เพทายมักจะล้อเลียนชื่อเล่นของสาวผมหางม้าแบบนี้เสมอ

“ฝอยทอง ตะหาก..เลิกล้อหนูซะทีน่าพี่เพ คนยิ่งกลุ้มๆ”
“แล้วเป็นอะไรล่ะเรา ทำหน้ายังกะเต้าหู้บด”

เปี่ยมรักปล่อยกิ๊กออกมาเมื่อได้ยินคำเปรียบเปรยของสาวปากเก่ง แม้จะอยู่ในอารมณ์ไม่สู้ดี แต่เพทายมักมีคำพูดขันๆมาหยอกล้อให้หล่อนรู้สึกผ่อนคลายได้ทุกครั้ง

“หนูว่านะ..ถ้าหมอนั่นกับพี่เพเจอกันสักครั้ง คงสนุกไม่หยอก”
เพทายเลิกคิ้วฉงน

“สนุกยังไงยะ..”
เปี่ยมรักยิ้มกริ่ม ก่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“คอยดูละกัน..งานแต่งพี่นัทที่หาดใหญ่ เขาก็ไปด้วย”

“ใคร..นายปากจัดคนนั้นน่ะหรือ?”

สาวผมหางม้าพยักหน้าหงึกหงัก

“ใช่!..นายชัดเจนนั่นแหละ..งานนี้พี่เพต้องเอาคืนให้ฝอยทองด้วยนะ ไม่งั้นไม่ยอมเด็ด”


เพทายทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้กลืนของแสลง
“เฮ้ย!..แล้วฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย!”



















ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ค. 2555, 00:33:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2555, 10:02:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 3259





   บทที่๒ หมอผี ๑/๒ >>
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 5 ก.ค. 2555, 09:13:54 น.
เรื่องน่าสนใจ ติดตามดี ว่าหมดชัดเจนปากจะร้าย ไปถึงไหน เมื่อเจอกะ เพทาย


Edelweiss 5 ก.ค. 2555, 10:22:23 น.
เย้ พี่เพเป็นนางเอกสักที :D


pattisa 5 ก.ค. 2555, 14:30:47 น.
น่าสนุกค่ะ พระเอกปากจัดจริง
เเล้วก็เปี่ยมรักบอกว่าไม่ fix ไม่ไช่เหรอค่ะ เเต่ทะเลาะไปมา ไหงกลายเป็น fix ซะได้


ศิลาริน 5 ก.ค. 2555, 16:26:54 น.
ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ
และขออภัยด้วยค่ะ คนเขียนพิมพ์ไป มึนไป เลยพิมพ์ผิด จริงๆต้อง เปี่ยมรักต้องบอกว่า ไม่ fix เดี๋ยวจะแก้ให้ค่ะ


แล่นแต๊ 5 ก.ค. 2555, 18:26:06 น.
มีคนบอกว่าหมอศัลย์มักจะหล่อและปากจัด ท่าจะจริง อิอิ น่าสนุกนะคะเรื่องนี้ เมื่อคนปากจัดสองคนมาเจอกัน


ศิลาริน 5 ก.ค. 2555, 18:53:52 น.
คอนเฟิร์มค่ะ..เรื่องปากจัด แต่เรื่องหล่อ ก็ไม่ทุกคน ^^


roseolar 6 ก.ค. 2555, 13:47:53 น.
อ่านแล้วรู้สึกเพลียแทนนางเอก ปากจัดแบบนี้ทำให้นึกถึงหมอศัลย์บางคนที่โรงบาล
เคสเตรียมไม่ดีอาจโดนเม้ง ด่าแหลก


ศิลาริน 6 ก.ค. 2555, 16:10:54 น.
จริงค่ะ หมอศัลย์หลายๆคน ปากจัดยิ่งกว่านี้อีก อิอิ


wane 7 ก.ค. 2555, 07:49:58 น.
ชัดเจนต้องปากแบบนี้จริงๆ เหรอ ..มันเหมือนไม่เคารพความเป็นอาวุโส ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเลยอ่ะ ...ดูไม่น่ารักเลย


ศิลาริน 7 ก.ค. 2555, 13:05:28 น.
ในชีวิตจริงมีคนยิ่งกว่านี้อีกค่ะ แหะๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account