เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่๒ หมอผี ๑/๒

เมื่อตะวันเริ่มคล้อยต่ำ แสงสีบนผืนฟ้าเปลี่ยนเป็นชมพูอมส้ม เจ้าของ Wedding Studio ริมถนนแห่งนั้นก็ผลักประตูร้านเข้ามาพร้อมถุงผ้าพะรุงพะรังเต็มสองมือ สาวตาคมดัดผมเป็นหลอดล้อมกรอบใบหน้ารูปไข่เดินยิ้มกว้างเข้ามา เสื้อลายกวางน้อยระบายเหลืองอ่อนกับกระโปรงสีหวานเข้ารูปสีชมพูสดทำให้ดวงหน้าแอร่มมีชีวิตชีวายิ่งกว่าปกติ หล่อนได้ยินเสียงรุ่นน้องผมหางม้าบ่นอะไรหงุดหงิดกับ Wedding Planner คนสำคัญของร้าน ตั้งแต่ผลักประตูเข้ามา ประโยคหนึ่งในนั้นคือ..

“คนอะไร..อีโก้สูงเป็นบ้า ไม่เคยแคร์ความรู้สึกใครเลย”

หล่อนหัวเราะเสียงสดใสตามแบบฉบับคนอารมณ์ขัน ไม่คิดอะไรมาก หญิงสาววางถุงผ้าเหล่านั้นลงกองบนเก้าอี้เบาะหนังตัวที่เหลือ ก่อนจะเดินอ้อมไปพักมือบนไหล่เพื่อนซี้ กวาดตามองรายละเอียดในจอคอมพ์แล้วอมยิ้ม เรื่องที่เอ่ยไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานของเพทายแม้แต่น้อย

“บ่นคิดถึงหมอชัดกันอยู่นี่เอง..ระวังนะจ๊ะฝอยทองจ๋า บ่นถึงมากๆเดี๋ยวจะตกหลุมรักเขาไม่รู้ตัวนา..พี่เตือนด้วยความหวังดี”

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะพี่เมรี..ไม่ยักได้ยินเสียงเปิดประตู”

เปี่ยมรักเอ่ยถามด้วยความข้องใจ หล่อนทำตาค้อนใส่รุ่นพี่คนสวย ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยินข้อความเย้าแหย่เมื่อครู่ แต่หล่อนไม่อยากพูดถึงประเด็นนี้อีก

“ก็แหม..เรามัวแต่ตั้งหน้าพูดเป็นต่อยหอยอยู่ยังงี้ โจรเข้ามาขโมยของคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ”
เมรีเหน็บทีเล่นทีจริง

เพทายมองเพื่อนสนิทอีกคนด้วยแววตาขันๆ นิสัยอย่างหนึ่งของเมรีที่เข้ากันได้กับหล่อนก็นี่แหละ เหน็บนิด กวนหน่อย แต่เพื่อนสาวถนัดแค่พูดเล่นหยอกล้อ ไม่เคยโกรธใครจริงจัง หรือประชดประชันด้วยความประสงค์จะให้เจ็บลึกไปถึงใจ ผิดกับตัวหล่อนที่หลายๆโอกาส หากไม่ถูกหู ไม่ถูกชะตาคนไหน คนนั้นก็จะกลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่น่าสงสารไปโดยปริยาย หญิงสาวเป็นคนโกรธใครแล้วโกรธจริง ถ้าใครคนนั้นยังไม่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น หรืองัดข้อดีของตนออกมาต่อรอง ก็อย่าหวังว่าหล่อนจะพูดดีด้วย ..จิกกัดจนวันตายเลยทีเดียว

เมรีเป็นเพื่อนสนิทเพทายมาก่อนนลัศ หญิงสาวสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่ชั้นประถม เรียกได้ว่าเป็น buddy ตัวติดกันเลยถึงจะถูก ส่วนนลัศเพิ่งมารู้จักกันตอนเรียนชั้นมัธยมสาม ด้วยความขยันของเพทายและเมรีที่มีมากขึ้นตามลำดับจนอาจารย์ย้ายกลุ่มให้มารวมกับเด็กห้องคิง มัธยมปลายก็เรียนต่อสายวิทย์มาด้วยกัน ไม่มีใครคิดว่าอาชีพของแต่ละคนจะแทบไม่มีอะไรเกี่ยวกับสายที่เรียนมาครั้งวัยแรกดรุณเลยจนนิดเดียว มีเพียงนลัศที่เป็นข้อยกเว้น เขาฉลาดเสมอต้นเสมอปลาย และมีเป้าหมายในชีวิตชัดเจน จึงได้เรียนในสายวิชาชีพที่เชื่อมโยงกันเป็นอย่างดี

เพทายชอบงานที่ใช้ไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์ เป็นอิสระไม่ผูกมัด เรื่องความสวยความงาม หล่อนก็ชอบเป็นพิเศษ ถึงแม้จะไม่ใช่คนตบแต่งตัวเองแบบจัดเต็มก็เถิด หญิงสาวเป็นคนแต่งตัวตามโอกาสและกาลเทศะ มีรสนิยมเป็นเอกลักษณ์ ไม่ตามแฟชั่น ฉลาดที่จะเลือกว่าสิ่งไหนเหมาะ หรือไม่เหมาะกับตัวเอง

คนบางคนเลือกใช้แต่ของแบรนด์เนม เน้นแพงเข้าว่า แต่สำหรับเพทาย หล่อนไม่จำเป็นต้องเฟ้นหาเสื้อผ้า หรือเครื่องสำอางราคาแพงลิ่วมาประดับตนเอง หล่อนมีเอกลักษณ์ทางความคิดเพียงพอที่จะทำให้สินค้าราคาประหยัดทั้งหลาย ดูโดดเด่นสะดุดตาเมื่อมาอยู่บนตัวหล่อน ของที่ดูเกลื่อนกลาดตามท้องตลาด เมื่อนำมาดัดนิดแปลงหน่อย ก็ดูเก๋ไก๋มีสไตล์ หล่อนทำให้เสื้อผ้าทุกชิ้นที่ตัวเองใส่มีราคาเกินจริงขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ เพื่อนหลายคนเคยออกปากชม

“ยายเพมัน taste ดี ใส่อะไรก็เลิศ มองไม่เบื่อเลย..ฉันนะอิจฉาสุดๆ”

พูดถึงงานที่ทำมาเกือบสี่ปี หล่อนก็ทำด้วยใจรัก ทำอย่างอิสระ ไม่มีใครกล้าเข้ามาควบคุมบงการความคิดของหล่อนได้ หล่อนเลือกที่จะเป็น Wedding planner แบบฟรีแลนซ์ ไม่สังกัดค่าย หรือสตูดิโอไหน ผลงานที่ผ่านมา ไปจัดงานแต่งให้ลูกค้าเกือบทั่วประเทศ ก็มีแต่คนติดต่อมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเห็นไอเดียคลาสสิคไม่ซ้ำแบบใคร หญิงสาวจะแชร์ไอเดียวกับลูกค้าก่อนว่าต้องการคอนเซ็ปงานแบบไหน ธีมใด แล้วหล่อนจะเป็นคนจัดการประสานให้ตามที่ตกลงกัน สถานที่ งบประมาณ การ์ดเชิญ รูปแบบอาหาร และอีกหลายสิ่งที่จำเป็นต้องมีในงานแต่ง แทบจะไม่ซ้ำแบบ ในลูกค้าแต่ละราย

มีเพียงเสื้อผ้าหน้าผม และตากล้องสำหรับถ่ายภาพ Pre-wedding เท่านั้นแหละ ที่หล่อนมักจะแนะนำให้ลูกค้ามาใช้บริการร้านของเมรี เหตุผมสำคัญไม่ใช่เพราะหล่อนเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของร้าน แต่คุณภาพและความหลากหลายของงานต่างหาก ที่หญิงสาวให้ความเชื่อถือและยอมรับ ประเด็นสำคัญที่ลูกค้าถูกอกถูกใจกันเป็นพิเศษคือ งบประมาณที่ใช้ไปกับ ชุดแต่งงาน และช่างภาพมืออาชีพ มันเป็นราคาที่แสนประหยัด สุดคุ้ม

“ทำไมถึงคิดว่าน้องฝอย..เอ้ย ฝอยทอง” เพทายรีบเติมชื่อเล่นเปี่ยมรักให้เต็มยศ เมื่อเห็นสายตาค้อนขวับของรุ่นน้องคนสนิท ก่อนเอ่ยต่อยิ้มๆ “จะตกหลุมรักพระเอกปากร้ายคนนั้นล่ะจ๊ะ..เกลียดเข้าไส้เสียขนาดนี้”

นัยน์ตาสีนิลของเมรีมีแววเครียดขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อนึกถึงประวัติความรักแสนเศร้าของใครคนหนึ่งในอดีต

“ก็มันเคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้มาแล้วนะซี..ฉันไม่ได้พูดพล่อยๆนะ”
เจ้าของร้านคนสวยถอนหายใจเบาๆ

“ฉันพูดเพราะเป็นห่วงน้องฝอยทองต่างหากล่ะ เห็นว่าเป็นคนสนิท ไม่อยากให้เสียท่าตาหมอผีคนนั้น”
เปี่ยมรักย่นจมูก รีบสั่นศรีษะเชิดหน้าด้วยความมั่นใจ

“ไม่มีทางหรอกค่ะ..คนอย่างฝอยทองไม่ยอมเสียท่าใครเด็ดๆ โดยเฉพาะหมอนั่น”
“ยังไงกันเนี่ย..ยายเม ตานั่นเคยทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับหรือไง”

เพทายรีบหันหน้าไปซักเพื่อนซี้ นัยน์ตาระยิบระยับด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้..” เมรีเริ่มรู้สึกว่าหล่อนต้องร่ายเพลงยาว จึงย้ายถุงผ้าลงไปวางบนพื้น แล้วตัวเองก็หย่อนก้นนั่งปักหลักบนเก้าอี้แทน

“ฉันรู้จักหมอศัลย์ที่เป็นผู้หญิงคนนึง เธอเป็นเพื่อนสนิทพี่ชายฉันเอง เข้าออกบ้านฉันบ่อยมาก มีอะไรก็มาเล่าให้ฟังเกือบทุกอย่าง เหมือนเธอไงเพ..มีอะไรก็ปรึกษานัททุกเรื่อง ฉันสนิทกับเธอมาก่อนแท้ๆ ยังรู้ไม่เท่าครึ่งนึงของนัทเลย..”

เมรีหันมาแขวะเพื่อนสาวนิดหนึ่ง แล้วหล่อนก็เล่าเรื่องต่อเรื่อยๆ ไม่มีใครสังเกตว่าเพทายมีสีเลือดฉีดขึ้นที่แก้ม หญิงสาวทำเป็นเสมองไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนอาการไม่พึงประสงค์นั้น

“ทีนี้..ฉันก็ได้ยินพี่แก..บ่นๆๆ ถึงหมอผีชัดเจนบ่อยๆ ว่าไม่ชอบอย่างงั้นอย่างงี้ พูดจาน่าเกลียด จิกกัดผู้หญิง แล้วก็บลาๆๆ”

เปี่ยมรักยกมือขึ้นขัดจังหวะคนเล่า หล่อนเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย

“ทำไมพี่ถึงเรียกเขาว่า..หมอผี เขาเล่นคุณไสยหรือไงคะ?”
เมรีปล่อยก๊ากออกมาเสียงดังจนเพทายต้องรีบเอามืออุดหู

“เอาน่า..ฟังฉันให้จบแล้วจะรู้เอง แต่บอกไว้ก่อนว่าไม่เกี่ยวกับคุณไสย หรือเสกข้าวสารอะไรหรอกย่ะ”

เมื่อเมรีระงับเสียงหัวเราะของตัวเองได้แล้ว หล่อนก็เล่าต่อ

“มีอยู่วันนึง ประมาณสองสามเดือนให้หลัง พี่แกไปหลงเสน่ห์ รึเห็นความดีของหมอชัดท่าไหนไม่ทราบ จากที่เคยก่นด่า ก็กลายเป็นชื่นชม..เขาดีอย่างนั้น อย่างนี้ เป็นผู้ชายสุดโรแมนติก เข้าใจผู้หญิง โอ๊ย ตอนนั้นฉันละงงเป็นไก่ตาแตกเลยเธอ”

“มันเป็นไปได้ขนาดนั้น?”
เพทายถามแทรกเข้ามาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง


“อย่าให้เซดเลยเธอ...ตั้งแต่วันนั้นนะพี่แก เออ ฉันลืมบอกไป พี่เค้าชื่อเพลงฟ้า ชื่อเล่นชื่อเพลง..พี่เพลงเอาของฝากจากหมอชัดมาอวดพี่ชายฉันทุกอาทิตย์ บอกว่าคุณชัดใจดี นึกถึงเธอตลอด ไปประชุมต่างประเทศ หรือไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็มีของติดไม้ติดมือมาฝาก..”

“คนเคยไม่ชอบกันเนี่ยนะ..”
เปี่ยมรักแทรกขึ้นมาบ้างด้วยความขัดหู

“นั่นแหละ อีกหนึ่งเดือนต่อมา ฉันถึงได้เห็นกับตาว่าเขาเริ่มมีอะไรๆลึกซึ้งกันเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน พี่เพลงไม่ได้โม้อยู่ฝ่ายเดียว..วันนั้นเป็นงานวันเกิดพี่เพลง ฉันกับพี่ชายก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานที่บ้านเขา จัดเป็นปาร์ตี้ริมสระตอนค่ำๆ หรูอย่าบอกใครเชียว บ้านเขาออกใหญ่โต ลูกมหาเศรษฐีผู้ดีเก่าแท้ๆล่ะ”
ผู้ฟังทั้งสองคนพยักหน้าหงึกหงักอย่างพอนึกภาพออก

“โอ้โหเธอ..หมอชัดแกมาเซอร์ไพรส์ด้วยของขวัญกล่องเบ้อเร่อ แถมดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ให้อีก พี่เพลงงี้หน้าบาน ยิ้มทั้งคืนเลย เท่านั้นไม่พอนะ ฉันเห็นสองคนนี้เขาเต้นรำกันทั้งคืน ใครๆก็มองอย่างอิจฉา..เธอไม่รู้อะไรเวลาหมอชัดเขามองผู้หญิงที่รู้สึกพิเศษด้วย นัยน์ตานี่วาววับ หยดเยิ้มเชียวล่ะ ฉันเคยได้ยินได้ฟังกิตติศัพท์ไม่ค่อยงามหน้าของแกมาก่อน คืนนั้นนะลืมไปเลย คนอะไร้ มองผู้หญิงราวกับว่าเธอเป็นคนสำคัญที่สุดของฉันแค่เพียงคนเดียว ไม่มีเศษเสี้ยววินาทีจะวอกแวกไปมองคนอื่น หรือสนใจสิ่งรอบข้างเลย ฉันเคลิ้มสุดๆ อยากจะถอดวิญญาณเข้าไปสิงร่างพี่เพลงเสียตอนนั้น”

“จะอ้วก..”
เปี่ยมรักขัดขึ้นอีกอย่างทนไม่ได้

“แล้วเกี่ยวกับหมอผีตรงไหน..ฉันยังไม่เห็นเค้า”
เพทายแทรกขึ้นอีกคน หล่อนรู้สึกว่าเมรีชักจะพูดจาน้ำท่วมทุ่ง ออกทะเล ไม่ยอมเข้าประเด็นเสียที

“ก็นี่ไงกำลังจะเข้าเรื่อง..หลังจากคืนนั้น ฉันก็เห็นหมอชัดแทบทุกครั้ง เวลาพี่เพลงมาที่บ้านเราท่าทางสนิทสนมกันสุดๆ แต่กับคนอื่นนะ มองอย่างเสียไม่ได้ ฉันพูดด้วยก็ถามคำตอบคำ ยังดีที่ไม่ออกลายปากจัดต่อหน้าพี่เพลง”

เมรีถอนใจยาวเมื่อเล่ามาถึงตอนสุดท้าย

“พี่เพลงหลงเค้ามาก ทำตาลอยๆตลอดเวลาพูดถึง ยังกับโดนสะกดจิต ทีนี้ยังไงไม่ทราบ แค่อาทิตย์กว่าๆ เย็นนั้นพี่ชายนัดไปกินข้าว นอกบ้าน ฉันก็ติดสอยห้อยตามเขาไปด้วย นั่งรอตั้งนาน พี่เพลงมาเลทตั้งครึ่งชั่วโมง มาถึงงี้หน้าอย่างคนเบื่อโลก แววตาเหมือนผีดิบตายซากยังไงยังงั้น”

“เกิดอะไรขึ้นล่ะ?”

เพทายถามเข้าประเด็น ไม่ปล่อยให้พื่อนพรรณนายืดยาว

“ก็พี่ชายฉันน่ะสิ..นึกครึ้มอะไรไม่รู้ จู่ๆก็ถามพี่เพลงว่าเมื่อไหร่จะ wedding เขารอการ์ดเชิญอยู่นะ..เท่านั้นแหละ พี่คนสวยก็ปล่อยโฮออกมายกใหญ่ ฉันถึงกับช็อกไปเลยเธอ..พี่เพลงสะอึกสะอื้นบอกว่า ไม่มีแล้ว ไม่มีงานแต่งอะไรทั้งนั้น..คนผีทะเล”

“ทะเลาะกันล่ะสิ รึไม่ตานั่นก็เผลอออกลาย พูดจาไม่ดีกับพี่เขา”
เปี่ยมรักคาดเดาไปตามเรื่อง เมรีส่ายศีรษะช้าๆ ก่อนเฉลย

“เขาไม่เคยทะเลาะกัน แล้วหมอชัดนะ อาจจะพูดจาไม่ดีกับคนอื่น แต่ตอนที่คบกับพี่เพลง ฉันก็เห็นเขาทำตัวสุภาพ พูดจาเพราะพริ้ง แต่เรื่องที่พี่เพลงเธอปล่อยโฮก็เพราะ ไปถามเขาตรงๆ ว่าคิดยังไงกับเธอ หมอชัดแกก็ตอบหน้าตาเฉย ว่านับพี่เพลงเป็นน้องสาว ไม่เคยคิดอย่างคนรัก”
เพทายตบโต๊ะเสียงดัง

“นั่นไง..ฉันว่าแล้วเชียว”

เมรียิ้มขื่น เมื่อนึกถึงดวงตาเจ็บร้าวของหมอเพลงฟ้า ผู้น่าสงสาร หล่อนกินข้าวไม่ลงไปทั้งเดือน กลายเป็นคนปิดตัวเอง วิ่งหนีผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ หักโหมแต่งาน เปลี่ยนเป็นคนละคนกับหญิงสาวแสนสวยช่างเจรจาอย่างที่เมรีเคยคุ้นทุกเมื่อเชื่อวัน

“เข้าใจรึยังล่ะ..ทำไมถึงเรียกว่าหมอผี”

“อื้ม..พอจะเข้าใจ ปกติเขาเข้ากับใครไม่ได้ รู้สึกฝอยทองจะเคยบอกว่าเขาไม่ถูกกับผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ แต่พอรู้ว่ามีผู้หญิงน่าโง่มาหลงรัก ตานั่นก็โปรยเสน่ห์แพรวพราว ทำเขาโงหัวไม่ขึ้น แล้วสุดท้ายก็ตลบหลังด้วยการบอกว่าที่ผ่านมา เธอรักเขาข้างเดียว...อืม ฉันว่าน่าเรียก ผีบ้า ฟังดูเข้าท่ากว่ากันเยอะ”

เมรีปรบมือเสียงดัง พยักหน้าอย่างพอใจ


“เก่งจริง..เธอนี่เข้าใจอะไรง่ายเหมือนกันนะ” ชื่มชมเพื่อนรักเสร็จ หล่อนก็หันไปชายตามองรุ่นน้องเป็นเชิงขอความเห็น เปี่ยมรักทำหน้ายับยู่บ่นอะไรพึมพำคนเดียวฟังไม่ได้สรรพ

“น่าเบื่ออะพี่เมรี..หยุดพูดถึงเขาเสียที หนูไม่อยากฟัง”
เมรียิ้มยั่วก่อนถามเสียงยานคาง

“แล้วองค์หญิงเปี่ยมรักอยากฟังเรื่องไหนล่ะค้า..อิฉันจะได้เล่าถวาย”
“ของขวัญที่หนูฝากไว้กับพี่..วันนี้ไม่ลืมเอามาด้วยใช่ไหม”

แววตาของเปี่ยมรักอ่อนโยนลง มีประกายความสุขบางอย่างซ่อนอยู่ เมื่อเอ่ยถึง “ของขวัญ” เพทายสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จึงรีบถามเพื่อนซี้

“ของขวัญใครหรือ?”

“ของหมอศิระน่ะ..เธอคงไม่รู้จักหรอกเพ”

เพทายเลิกคิ้วฉงน เมรีก้มลงควานหาถุงผ้าบรรจุของขวัญดังกล่าว ครู่เดียวก็หิ้วขึ้นมาวางตรงหน้ารุ่นน้อง หล่อนอธิบายไปพลาง

“เขาเป็นหมอศัลย์โรงพยาบาลเดียวกับหมอชัดนั่นแหละ สนิทกับนัทสมัยเรียนตั้งแต่ปีหนึ่ง รายนี้เขาสุภาพ อ่อนหวาน ผิดกับตาหมอผีคนนั้น น้องเราเลยหลงเสน่ห์เขาหัวปักหัวปำ”
เปี่ยมรักรีบแหวขึ้นมาอย่างร้อนตัว

“อะไรกันคะ..ใครหลงเสน่ห์ ฝอยทองไม่ได้หลงเสน่ห์พี่เต้เสียหน่อย”
“หมอศัลย์..รุ่นเดียวกับหมอชัดน่ะหรือ?”
เพทายถามอย่างสนใจ เมรีพยักหน้าแทนคำตอบ

“แหม..เดี๋ยวนี้น้องเรารู้จักข้ามรุ่นกะเขาแล้ว อินเลิฟกะ Young Staff หรือไงฝอยทอง..รักต่างวัยหัวใจเดียวกันซะด้วย”

หล่อนหมายถึง แพทย์เฉพาะทางที่เพิ่งจบใหม่ไม่นาน อายุยังน้อย หน้าที่ส่วนหนึ่งคือดูแลการเพิ่มพูนทักษะของแพทย์ใช้ทุนที่ไปวนแผนกของตัวเอง

“ไม่ใช่ยังงั้นซะหน่อยพี่เพก็..หนูแค่ปลื้มพี่เขา พี่เขาดูแลคนไข้ดีเหมือนดูแลญาติตัวเอง แถมยังชอบสอน ชอบแนะนำ พูดจากับเราๆดีมาก ฝีมือผ่าตัดก็ยอดเซียน..พี่เพเห็นก็ต้องชอบเหมือนกัน”

“แน้..เอาพี่เข้าไปพ่วงด้วยทำไมจ๊ะ”

“อย่าไปเชื่อเลยเพ..ถ้าไม่คิดอะไรกะเขา ทำไมต้องพิถีพิถันเลือกของขวัญขนาดนี้..เธอรู้ไหมเพ น้องเรานี่รู้รายละเอียดส่วนตัวหมอศิระเยอะมาก เสื้อsize เท่าไหร่ยังรู้เลยเธอคิดดู ฉันไปซื้อของเป็นเพื่อนวันนั้นถึงได้รู้ เลือกแล้วเลือกอีก เสื้อเชิ้ตของนอกสีคลาสสิคเสียด้วย ยืนเลือกตั้งนานสองนาน วิ่งไปร้านนู้นที ร้านนี้ที โอยฉันแทบลมจับ”

เพทายพยักหน้ายิ้มๆ เมื่อเห็นเปี่ยมรักนั่งก้มหน้างุด แก้มสีน้ำตาลอ่อนเริ่มแดงปลั่ง

“ใกล้วันเกิดเขาแล้วหรือ?”
หล่อนหันไปถามเพื่อนซี้

“ฉลองงานแต่งนายนัทที่หาดใหญ่พอดีเธอ...วันนั้นน้องเรากะเซอร์ไพรส์เขา”

เสียงหัวเราะของพี่สาวช่างยั่วทั้งสองไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ เปี่ยมรักควบคุมสีหน้าตัวเองให้กลับเป็นปกติไม่ได้เลยตลอดคืนนั้น


เหมือนหลับตาข้ามคืนไปแค่ไม่กี่ครั้ง กลิ่นอายของหาดสวยฟ้าใสก็สลับฉากเข้ามาแทนที่ความวุ่นวายและมลพิษในเมืองหลวง

เพทายมาถึงงานก่อนแขกทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว หล่อนต้องรีบมาตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานที่ ลำดับงาน การตกแต่งเตรียมพร้อมของห้องโถง ฉากสำคัญต่างๆที่คู่บ่าวสาวต้องร่วมดำเนินกันให้จบรายการอย่างราบรื่น ไม่มีสิ่งใดติดขัด หญิงสาวเพิ่งได้เข้ามาดูสถานที่จัดเลี้ยงแขกเหรื่อเมื่อครู่นี้เอง หลังจากฝากฝังเจ้าสาวเจ้าบ่าวไว้กับช่างแต่งหน้าทำผม และคนดูแลเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว


เปี่ยมรักกำลังเดินงุ่นง่านกลับไปกลับมาอยู่ตรงลิฟท์หน้างาน วันนี้หล่อนสวมกระโปรงแพรยาวแค่เข่าสีฟ้าน้ำทะเล มีสายโยงบ่าเส้นเล็กเลื่อมลายมุก ส่งให้ผิวสีแทนดูสดใส หล่อนเป็นคนร่างสูงเพรียว ทรวดทรวงองค์เอวในชุดราตรีวันนี้ชวนให้หนุ่มๆมองเหลียวหลังกันเลยทีเดียว

“เป็นอะไรจ๊ะน้องสาว ทำท่าเหมือนคนขับถ่ายไม่สะดวก”

เพทายแซวรุ่นน้องยิ้มๆ นัยน์ตามีแววขบขันไม่ต่างจากคำพูด ทว่าเปี่ยมรักไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับหล่อนในเวลานี้

“พี่เพ..พี่เต้ยังไม่มาสักที อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะเริ่มมีแขกทยอยมากันแล้ว เค้าต้องไม่มีเวลาให้หนูแน่”
เพทายเลิกคิ้วประหลาดใจ

“แล้วทำไมเขาต้องมาก่อนแขกคนอื่นด้วยล่ะจ๊ะ?”
“ก็หนูเพิ่งโทรไปบอกเขาเมื่อคืน ว่าให้รีบมาก่อนสี่โมงเย็น มีเรื่องจะเซอร์ไพรส์”

“เรื่องของขวัญที่เราเตรียมไว้น่ะหรือ?”

เปี่ยมรักรีบพยักหน้าเร็วๆ ท่าทางยังใจร้อนไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“ท่าเขามีใจ ก็คงไม่ผิดนัดหรอกน่า อย่าได้วอรี่”
เพทายไม่เลิกหยอกรุ่นน้อง เปี่ยมรักตีหลังมือพี่สาวเบาๆ ทำหน้าเง้างอด
“พี่เพอะ ล้อเล่นอยู่เรื่อย”

ไม่ทันมีใครเย้าแย่อะไรกันอีก ประตูหน้าลิฟท์ตัวนั้นก็เปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ก้าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม ทำให้เปี่ยมรักชะงักค้างอยู่ท่าเดิม รู้สึกหวิวๆในใจขึ้นมาเฉียบพลัน มือไม้เย็นจนเพทายสัมผัสได้

“ขอโทษที่มาสายจ้ะฝอยทอง..”

เสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มขาดหายไป เมื่อเหลือบมาเห็นผู้หญิงแปลกหน้าอีกคนที่ยืนอยู่กับน้องสาวเพื่อนซี้

“อ๋อ..นี่พี่เพค่ะ เพื่อนสนิทพี่นัท”

เมื่อเห็นเขาทำท่าเหมือนนิ่งอึ้ง เปี่ยมรักจึงรีบตั้งสติ ทำหน้าที่แนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกันตามมารยาท

“พี่เพ..เป็น Wedding Planner ให้พี่นัทกับเจ้าสาวด้วยนะคะ”
ศิระพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงรับรู้ เขายิ้มประหลาดก่อนแนะนำตัวพร้อมคำถาม

“ผมชื่อศิระ เรียกสั้นๆว่า เต็ก็ได้ เป็นศัลยแพทย์ โรงพยาบาลจังหวัด..ที่เดียวกับน้องฝอยทอง..เอ่อ คุณชื่อเพ..เป็นชื่อจริงหรือชื่อเล่นครับ?”

เพทายหัวเราะน้อยๆ ลักยิ้มบุ๋มตรงสองแก้ม และนัยน์ตามีประกายหวาน ทำให้ศิระเผลอมองอย่างลืมตัว หญิงสาวขยับปากจะอธิบาย ก็พอดีมีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อสูท ศิระยกมือเป็นเชิงขอโทษตามมารยาท ก่อนคุยกับปลายสาย

“อ้าว..แล้วกัน ตามหมอบีมไม่ได้หรือ..”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วเครียด แม้เขาจะหันเสี้ยวหน้าออกไปครึ่งหนึ่ง แต่เพทายก็สัมผัสได้ว่าคงมีเรื่องอะไรเร่งด่วน หรือยุ่งยากส่งผ่านมากับคนในสาย

“ลองตามอีกทีซิ..หืม..ว่าไงนะ..ตามสิบรอบแล้ว..โฟนเรียกรึยัง”
คำตอบจากปลายสายทำให้ชายหนุ่มเครียดหนักกว่าเดิม หล่อนสังเกตจากกรามที่ขึ้นเป็นสันนูน

“โอเค..คุณเจน ทำใจดีๆก่อน ตั้งสติแล้วฟังผม...Set OR ไว้ตอนทุ่มนึง แล้วตามแพทย์เวรมาดู ส่วนคุณก็ load IV resuscitate คนไข้ไปก่อน ผมจะรีบกลับไปให้เร็วที่สุด”

เขาบอกคำสั่งให้เตรียมผ่าตัดตอนหนึ่งทุ่ม แล้วก็ให้น้ำเกลือช่วยรักษาสัญญาณชีพเบื้องต้น
ศิระลดโทรศัพท์ลงจากหู นัยน์ตาดำสนิทมีแววลุ่มลึกนั้น มองเปี่ยมรักอย่างจะขอโทษ

“มีคนไข้ถูกยิง ความดันตก อยู่ห้องฉุกเฉิน พี่ต้องรีบกลับ”
เขาอธิบายเป็นภาษาที่คนทั่วไปฟังเข้าใจ เหมือนต้องการจะบอกให้เพทายรับรู้ด้วย

“พี่เต้แลกเวรกับพี่บีมแล้วไม่ใช่หรือคะ ทำไมต้องไปดูด้วย”
ศิระถอนหายใจ ทำหน้าปั้นยาก

“ไม่รู้เหมือนกัน พยาบาลเขาตามพี่บีมไม่ได้เลย ประกาศเรียกออกลำโพงแล้วด้วย”
“ก็ให้พี่คนอื่นที่บ้านใกล้ๆรพ.ไปดูแทนไม่ได้หรือคะ พี่เต้แลกเวรมาแล้วนี่”

เปี่ยมรักเริ่มทำท่าจะงอแง รั้งศิระไว้อย่างสุดความสามารถ

“ฝอยทองอุตส่าห์รอเซอร์ไพรส์พี่มาเป็นเดือนๆ พี่เต้อย่ากลับไปเลยนะคะ เดี๋ยวฝอยทองช่วยโทรบอกเพื่อนที่อยู่เวร ให้ตามหมอคนอื่นมาผ่าแทนพี่เต้ก็ได้”

ศิระสั่นศีรษะทันที

“ไม่ได้หรอก..คนไข้กำลังจะตาย มันเป็นความรับผิดชอบของพี่ ไว้คราวหน้าแล้วกันนะฝอยทอง พี่ต้องรีบไปแล้ว”

“พี่เต้จะไปยังไง ถึงไปก็ไม่ทันอยู่ดี”
ศิระทำหน้าลำบากใจหนักกว่าเดิม

“พี่จะกลับเครื่องบิน”

“ยังไงก็ไม่ทันหรอกค่ะ อย่าไปเลยนะ”

เพทายที่ยืนอดทนฟังมานาน ถึงคราวกลั้นไม่อยู่ ตวาดใส่รุ่นน้องด้วยความลืมตัว

“จะยื้อเขาไว้ทำไม ชีวิตคนทั้งคน ถ้าคนไข้เป็นญาติของเธอ เธอจะรั้งพี่เขาอย่างนี้ไหม..ถามหน่อยเถอะ”

ศิระชะงัก หันมามองหญิงสาวด้วยแววตาบอกความทึ่งในตัวหล่อน มีคำขอบคุณส่งผ่านมาด้วย

เปี่ยมรักเองก็ทั้งตกใจ อับอาย และรู้สึกผิดรุนแรงปะปนกันไปหมด หล่อนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก

“ไปเถอะค่ะคุณเต้..ไม่มีเหตุผลสักนิดที่คุณต้องรีรอ รีบไปช่วยเขาเถิดค่ะ”








ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ค. 2555, 22:28:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.ค. 2555, 22:28:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1953





<< บทที่๑ ศัลยแพทย์ปากจัด   บทที่๒ หมอผี ๒/๒ >>
เดิมเดิม 8 ก.ค. 2555, 07:25:26 น.
ตามเรื่องพี่เพต่อค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account