กว่าจะรู้ใจ
รักกุ๊กกิ๊กของนักเรียน ม.ปลาย ปีสุดท้าย
Tags: ชิตา กว่าจะรู้ใจ รักกุ๊กกิ๊ก รักโรแมนติค

ตอน: ๒

เช้าวันต่อมา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ละครเวทีรักสามเส้า ยิ่งกระหึ่ม สายตาแทบทุกคู่จับจ้อง มอง เมื่อเห็น สุ แก้ว หรือฐาเดินเข้ามาในโรงเรียน รายการวิทยุของโรงเรียนในตอนเช้ายังต้องเปิดเพลง 25 minutes ตามคำเรียกร้อง อาจจะยกเว้นเพื่อนในห้องเพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

การสร้างกระแสให้นายสุกลายเป็นคนที่น่าสงสาร แต่แก้วกับฐาก็ไม่ได้กลายเป็นตัวร้ายนั้น ไม่ได้มีผลอะไรกับนักเรียน ม.๖/๕ เลย

แต่นายฐาไม่ขำด้วย ถึงกับไปดักตีหัว เอ้ย ดัก พบจุ๊บแจงตอนเดินไปห้องน้ำคนเดียวตอนพักเที่ยง

“ขอคุยด้วยหน่อย” เด็กหนุ่มร่างสูงเก้งก้าง ลากหญิงสาวใส่แว่นหนาผมม้ามัดด้วยริบบิ้นสีน้ำเงินให้เดินไปตามแรงจูง ไปยังหลังต้นไม้ใหญ่ ข้างหอประชุม เมื่อเห็นว่าหล่อนเดินอยู่คนเดียว

“เฮ้ย ฐา จะบ้าหรือไง”

“น่า แป๊ปเดียว”

แป๊ปเดียวก็ไม่ได้ แจงคิดในใจ นี่มันเรื่องบ้าอะไร ถึงได้มาลากฉันอย่างนี้ นายคนนี้นี่


พอลับตาคน นายฐาบ้าก็ปล่อยมือ เก๊กหน้าหล่อ จ้องหน้าแจงไม่กะพริบ

“ฉันเคยคิดว่า แจงเป็นเพื่อน”

“แล้วเลิกคิดหรือไง”

“ใช่”

“เอ๊ะ เป็นบ้าอะไรเนี่ย”

“ไหนบอกว่า ก็แค่ละคร นี่รู้ไหมตอนฉันเดินเข้ามามีแต่คนมอง”

“ดีออก เป็นคนดัง”

“แจงก็รู้ว่าเราไม่ชอบเป็นจุดเด่นให้คนหัวเราะ”

แล้วตอนเย็นๆ ที่ชอบมาเตะบอล ถอดเสื้อวิ่งโชว์กล้ามเนี่ยคงเป็นการทำตัวให้ด้อยมากเลยนะ นายฐา

“มันเป็นแค่ละครนะฐา ละครก่อนจบ ที่ต้องแสดงทุกปี ทุกคนช่วยกันทำงาน มีคนเขียนบท แล้วเราก็เป็นผู้กำกับ ทุกคนช่วยกันโหวตเลือกนายเล่นเพราะเห็นว่าเหมาะสมกับบทนั้นดี”

บทที่เขายืนยันว่าต้องแก้ไม่ให้มีคำพูดเลี่ยนๆ เป็นต้นว่า “ผมบูชาคุณ แม้ว่าคุณจะไม่ลืมผู้ชายคนนั้น แต่ได้โปรดแต่งงานมาเป็นเจ้าของชีวิตผมเถอะ”

เขายืนยันว่าต้องเอาคำพูดแบบนั้นออกให้หมด ไม่งั้นไม่เล่น จุ๊บแจงซึ่งกลัวละครล่มจึงต้องยอมท่ามกลางเสียงบ่นอุบอิบของหนิงคนเขียนบท

“โหวตตอนฉันไปแข่งกีฬานะเหรอ”

“ถึงนายอยู่ เขาก็เลือกนายอยู่ดี แล้วจะมาบ่นอะไร นายก็ยอมเล่นจนจบไปแล้วนี่” จุ๊บแจง หรือฉายา จัดแจง หรืออีกฉายา เจ้าแม่ห้องห้าใช้นิ้วดันแว่นตาให้อยู่บนดั้งจมูก

เขาจ้องหน้าหัวหน้าห้อง คิดว่าจะจัดการกับแม่สาวสมองป่วนคนนี้อย่างไรดี

“งั้นก็อย่าลืมข้อแลกเปลี่ยนล่ะ”

“แน่นอน เย็นนี้ไปเอาที่บ้านได้เลย”

ไม่รู้ว่าโง่หรือบ้าที่ยอมเล่นละครน้ำเน่านั้น ก็ใครจะไปนึกละ ว่าคนดูจะ “อิน” จัดขนาดนี้ หวังว่าไม่นานก็คงลืมกันไปเอง

แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนหรอกนะ หากคนจะยิ่งเข้าใจผิดเรื่องเขากับแก้ว(มันก็มีข่าวอยู่แล้วไม่ใช่หรือ) หล่อนก็น่ารักดี แต่สุก็เป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง คอยช่วยเหลือตอนย้ายมาเรียนเมื่อต้นปี มองตาก็รู้ว่านายนั่นยังชอบแก้วอยู่ ไม่งั้นคงไม่ยอมเล่นละครบ้าๆ น่าอายเรื่องนี้แน่

“เออ เตรียมตัวให้พร้อมด้วย”

“ได้เลย เจอกัน” ว่าแล้วจุ๊บแจงก็โบกมือลา ยิ้มน้อยๆ ให้เพื่อน


“แจง ไหนๆ ก็ไหนแล้ว บอกหนิงหน่อยว่าไปทำอีท่าไหน นายฐาถึงยอมมาเล่นละคร” คนเขียนบทที่ใส่แว่นตาหนาไม่แพ้กัน อดถามไม่ได้ก่อนอาจารย์จะเข้าห้องเรียนภาคบ่าย ทั้งสองนั่งคู่กันด้านหน้า แก้วนั่งกับจี๊ด สองคู่ถัดไป ส่วน นายฐากับนายสุนั่งข้างหลัง หนิงกระซิบกระซาบ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้ยิน

“อยากรู้จริงหรือ”

“จริงสิ”

“ให้ลอก home test คณิต ฟิสิกส์ เคมี พร้อมติวพิเศษด้วย”

หนิงอ้าปากค้าง มองหน้าเพื่อนอย่างไม่เชื่อสายตา จริงอยู่ ๖/๕ เป็นห้องระดับกลาง ๆ ไม่ดูด้อยเหมือนเด็กห้องท้ายๆ แต่ก็ไม่ได้เด่นเหมือนห้องคิง ห้องนี้มีคนเชิดหน้าชูตาอยู่สี่คน คือ จุ๊บแจง คนเก่งที่หลุดออกจากห้องคิงมาตอน ม.๕แก้ว สาวสวยสุดในโรงเรียน นายสุ นักกีฬาขวัญใจสาวๆ และนายฐา นักเรียนเข้าใหม่ที่ชื่อเสียงเทียบเคียงนายสุ

เดือนก่อน ๖/๕ มีเรื่องแย่งห้องกิจกรรมตอนเย็นกับ ๖/๗ห้องคิง ห้องห้าจองก่อน แต่ห้องเจ็ดก็มาแย่งไปได้ อ้างว่าต้องซ้อมดนตรีซ้อมละครงานเลี้ยง เพื่อนๆ ต่างไม่ชอบใจเพราะจุ๊บแจงจะเปิดติวเพื่อนที่สนใจฟรีๆ ประมาณว่าใครมีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนก็มาถามกัน หรือใครมีข้อสอบที่น่าสนใจก็เอามาแบ่งเพื่อนอ่าน เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเพื่อนที่ขี้เกียจไปเรียนพิเศษ แต่อาจารย์กลับเห็นการซ้อมดนตรีดีกว่า

ดังนั้นเพื่อนๆ ทั้งห้องจึงรวมหัว คิดสร้างปรากฏการณ์ให้ทั้งโรงเรียนได้ประจักษ์ว่า ๖/๕ ก็แน่ไม่แพ้ใคร ดังนั้นละครเรื่องเวทีเรื่อง 25 minutes จึงเกิดขึ้น ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกคนโดยเฉพาะแจง อาจจะยกเว้นนายฐา

“ติวเฉพาะฐาคนเดียวหรือ”

“ไม่หรอก ก็ที่เคยคุยกันไง เหมือนมาช่วยกันติวมากกว่า ฉันจะชวนสุมาช่วยวิชาฟิสิกส์ เขาเก่งกว่าฉัน หนิงก็มานะ”

“แน่นอน ว่าแต่ เรื่อง home test”

“รู้แล้วเหยียบเลย ห้ามไปบอกใคร”

“แจงจะให้หนิงลอกด้วยไหมล่ะ” หนิงลองเชิง เพราะแจงไม่เคยให้ใครลอกมาก่อน

Home test เป็นโจทย์ข้อสอบเก่าหรือที่ตัวอย่างโจทย์ที่อาจารย์แต่งเองให้ไปทำที่บ้านทุกต้นเทอม ครอบคลุมเนื้อหาที่ต้องเรียนทั้งหมดประมาณ 100 ข้อ จะถามใคร จะทำอย่างไรก็ได้ แต่ต้องเอามาส่งตอนสิ้นเทอม เป็นการบ้านที่ท้าทายยิ่งสำหรับพวกเรียนเก่งและขยันทำการบ้าน แต่เป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับพวกขี้เกียจ ดังนั้นรายการลอกเพื่อนจึงเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งนักเรียน ม. ๖ ที่เรียนเนื้อหาจบเร็วกว่าปกติด้วยแล้ว ยิ่งต้องขวยขวายหามาลอกกันใหญ่

ยกเว้นแจง ที่หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมให้สมุด Home test หลุดมือ เหตุผลคือว่า

“หนิงก็รู้ว่า home test ก็คือ pre entrance ดีๆ นี่เอง หากทำโจทย์คณิต ฟิสิกส์ พวกนั้นได้หมดด้วยตัวเอง เวลาสอบก็สบาย ไม่เห็นเหรอสอบเอ็นทรานซ์รอบแรกเนี่ย พวกเราทำกันได้เสียที่ไหน”

“ก็นั่นแหละ เราก็ยังทำใจไม่ได้ เขาจะเปลี่ยนทำไมน้า หนิงอยากสอบแบบวัดดวงครั้งเดียวไปเลยแบบเมื่อก่อน นี่ต้องเอาคะแนนสอบมารวมกับเกรดเฉลี่ยของเราอีก เฮ้อ แต่ถ้าใครได้โควตาก็สบายไป” หนิงบ่นอุบ

“โควตาก็สอบสิ้นเดือนหน้าแล้ว มุอ่านตอนนี้ก็ยังทันถมเถ”

“รู้จ้ะรู้ ว่าแต่แจงจะไม่ให้เรายืมจริงๆ เหรอ”

“ทำไม่ได้ก็มาถาม ยินดีตอบ แต่ถ้าจะให้ลอก อย่าหวัง”

แล้วนี่ ยอมเสียสัตย์ให้นายฐาลอกเพื่อละครเวที เพื่อห้องขนาดนี้เชียวหรือ จุ๊บแจง แต่หนิงก็ไม่ได้ว่าอะไร เหลียวไปมองนายฐาที มองแจงทีอย่างค่อยไม่เข้าใจ ก่อนจะอมยิ้มคิดไปเรื่อยตามประสาคนบ้านิยายรัก

“ยิ้มอะไรคนเดียว หนิง”

“เปล๊า”

“แจงเห็นนะ อย่าได้คิดอะไรเลยเถิดเป็นนิยายน้ำเน่า”

“หนิงไม่ได้คิด” หนิงปฏิเสธเสียงสูงก่อนจะหัวเราะหึๆ กับตัวเองในใจ

หนิงไม่ได้คิด หนิงแค่นึกเท่านั้น


ออดดังขึ้นเป็นสัญญาณเลิกเรียน จุ๊บแจงกับหนิงก็เก็บหนังสือใส่กระเป๋า เดินออกจากลานม้าหินอ่อนเพื่อกลับบ้าน ในสนามบาสเกตบอล สนามวอลเลย์บอลก็มีคนเล่นอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นพวกเล่นเรียกเหงื่อเสียมากกว่า สักพักจึงจะมีนักกีฬาตัวจริงที่มีลุ้นติดตัวจังหวัดมาซ้อม

“วันนี้แม่มารับหรือเปล่า หนิง”

“ไม่จ้ะ วันนี้กลับเอง” หนิงตอบเบาๆ เปลี่ยนเป้ที่สะพายด้านขวาเป็นด้านซ้าย พยายามเดินเร็วๆ ให้ทันแจงที่ก้าวเท้าพรวดๆ นักเรียนคนอื่นก็ทยอยกลับเช่นกัน ถนนสายเดียวที่มุ่งหน้าสู่ประตูใหญ่จึงแน่นขนัดด้วยผู้คน แล้วหล่อนก็ร้องเฮ้ย ออกมาเสียงดัง ก่อนจะยกมือปิดปาก

“อะไรหนิง”

หนิงไม่ตอบแต่ชี้มือไปข้างหน้า หลายคนแถวนั้นก็มองตาม แล้วแจงก็ร้องเฮ้ยอีกคนเพราะเห็นนายฐาเดินกะหนุง
กะหนิง(ตามภาษาของหนิง)กับแก้ว พูดคุยแล้วหัวเราะน้อยๆ แก่กัน ผมม้าของแก้วสะบัดไปมายามที่หล่อนเบือนหน้าไปหานายฐา แล้วไหล่ของนายฐาก็เหมือนจะเบียดกับไหล่สาวเจ้าอยู่บ่อยๆ

สายตาทุกคู่จ้องมอง ไม่เห็นนายฐาเดือดร้อนอย่างปากว่านี่นา แจงคิดในใจ

“นายฐาเอาจริงหรือนี่” หนิงพึมพำ

“เรื่องของเขาน่า อย่าไปสนใจ”

“ได้ประโยชน์เต็มๆ จากการเล่นละคร งี้เธอก็ไม่ต้องให้ home test เขาก็ได้มั้งแจง”

“ไหน ใครจะให้ยืม home test” นายสุมาจากไหนไม่รู้โผล่มาถาม เล่นเอาตกใจ

“ไม่มีนี่” แจงรีบปฏิเสธ

“ฉันยังทำเคมีไม่เสร็จเลย”

“แสดงว่า คณิต กับฟิสิกส์เสร็จแล้ว” หนิงถามอย่างมีความหวัง

“ยัยหนิง” แจงเตือนแต่ก็ไม่ได้ผล

สุพยักหน้า ขำกับท่าทางของแจง แต่ก็บอกหนิง

“ไปรอต่อคนอื่นสิ ไม่รู้ใครคิวสุดท้าย”

“ขอบใจล่วงหน้านะสุ”

“หนิง แล้วเธอจะเอ็นติดไหมนี่” แจงส่ายหัว

“ไม่รู้หละ ก็แจงไม่ยุติธรรมเองนี่”

“นั่นมันเหตุจำเป็น” แจงถลึงตา กลัวหนิงเปิดเผยความลับ

“งั้นหนิงก็จะยืม home test ของสุ นะนายสุเพื่อนที่ใจดีที่สุดในโลก” หล่อนหันไปยิ้มให้สุดหล่อของห้อง แต่ไม่เจอเพราะเขาไม่ได้เดินตาม นายสุหยุดก้าวขา สายตามองฝ่าคนพลุ่กพล่านมองฐากับแก้วเขม็ง
บอกไม่ถูกว่า โกรธ ไม่พอใจ น้อยใจ หรือเสียใจ

“สุ” หนิงเรียกเบาๆ สะกิดเมื่อคนข้างๆ เริ่มมอง เขาไม่ตอบแต่รีบเดินไปให้ทันสองคนนั้น สองสาวเดินตามอย่างกลัวใจ แต่สุก็แค่เอาไหล่กระแทกไหล่นายฐา คล้ายๆ เหมือนทัก แต่ก็ไม่ใช่

“พรุ่งนี้เจอกัน” สายตาไม่เหลือบแลไปทางแก้วแม้แต่น้อย

แจงถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้จะรู้ว่าเพื่อนคงไม่ตีกัน แต่ก็อดกลัวไม่ได้
เรื่องรักๆใคร่ๆ นี่ จัดแจง เอ้ย จุ๊บแจงไม่ถนัดเสียด้วยสิ



ชิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ค. 2554, 17:44:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ส.ค. 2555, 22:06:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1817





<< ๑   
Gingfara 9 พ.ค. 2554, 19:16:38 น.
น่าติดตาม..............


ชิตา 10 พ.ค. 2554, 20:17:32 น.
Gingfara - ขอบคุณค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account