แรงรักซ่อนปรารถนา by อัญจรี
เมื่อสิ่งที่ ทัศเทพ มอบให้ ชมจันทร์ มีเพียงแรงปรารถนาในเรือนกาย ชมจันทร์จะทำเช่นไร พรหมจรรย์ที่เธอมอบให้ จึงจะได้รับ แรงรักจากหัวใจ กลับคืนมา
*******
เมื่อความสัมพันธ์ทางกายเกิดขึ้นเพราะแรงปรารถนา หาใช่ ความรัก ดังนั้น การรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน มันจึงเป้นไปไม่ได้
เผียะ!
“เห็นแก่ตัว ทุเรศที่สุด!” หญิงสาวให้พรชายหนุ่ม หลังจากฟาดฝ่ามือใส่แก้มสากของเขาไปเต็มรัก
นัยน์ตาดำดุของ กวิน จ้องหน้านางแบบสาวเขม็ง แน่นอนว่าไม่เคยมีใครกล้าตบเขาอย่างนี้ ทำไม แพรวรุ้ง
ถึงไม่เหมือนดารา นางแบบคนอื่นๆ ที่เขาเคยควงนะ หากอยากได้อะไรก็บอกมาสิ ข้าวของ เงินทอง
รับรองว่าหล่อนจะอยู่สุขสบาย ไม่ต้องเร่แก้ผ้าถ่ายแบบอย่างนี้
“ฉันไม่ใช่อีตัว! ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ สายตานายมันฟ้อง สายตาดูแคลนเหยียดหยามไม่เห็นค่าพรหมจรรย์ของฉัน อย่าคิดว่าฉันจะเหมือนผู้หญิงของนาย ที่ตั้งหน้าตั้งตารอท่าโดดขึ้นเตียง พอเสร็จกิจแล้วก็ถีบหัวส่ง ถึงฉันต้องแก้ผ้าหาเงินเลี้ยงตัว ฉันก็ไม่มีวันเป็นนางบำเรอของใคร! จำเอาไว้!”
“ตามใจ! อย่ามาอ้อนวอนฉันก็แล้วกัน ฉันให้โอกาสเธอเรียกร้องสิทธิ์เต็มที่ แต่เธอไม่อยากได้เองนะแพรวรุ้ง"
“ก็สิ่งที่ฉันอยากได้นายให้ไม่ได้! ไม่เป็นไร ฉันจะถือเสียว่ามันเป็นคราวซวยของฉันก็แล้วกัน!” นัยน์ตาคู่สวยเอ่อท้นด้วยหยาดน้ำตา จมูกโด่งรั้นแดงเรื่อ
แพรวรุ้งแสบไปทั่วทั้งโพรงเมื่อน้ำมูกน้ำตามันพร้อมใจกันเล่นงานเธอ

“ก็ดี! เธอเลือกเองนะ!” ชายหนุ่มตอกย้ำ แต่ในใจกลับมุ่งหวังในบางสิ่ง
‘ไม่มีวันเสียหรอก แพรวรุ้ง ถึงฉันจะแต่งงานกับเธอไม่ได้ แต่ยังไงซะ เธอก็ต้องเป็นของฉัน คนเดียวเท่านั้น'
Tags: แรงรักทวงแค้น ส.ธราธร ตีพิมพ์ ต่อด้วย แรงรักซ่อนปรารถนา (ผ่านพิจารณาจาก ส.ธราธร และ มารยายั่วใจ อัพต่อจากเรื่องนี้ เร็วๆ นี้ค่ะ มือใหม่หัดเขียน ช่วยติเตียน ด้วยนะคะ)

ตอน: 2) ใจสั่น + แสบ (น้องมีนน่ารักมว้ากกกก ^_^)

บทที่ 2
ใจสั่น + แสบ
บริษัทเทพมณี กาญจนบุรี
“ขอบคุณค่ะท่าน ฮัสเซ็น ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะคะ”
ชมจันทร์เอ่ยกับคู่ค้าคนสำคัญด้วยความนอบน้อม ท่านฮัสเซ็น อิสเญลู เป็นผู้ใหญ่ใจดีทีเดียว ท่านเป็นกันเองกับทีมงานไม่ถือตัวทั้งที่เป็นพระญาติกับองค์ราชาแห่ง ซาเนีย
“เช่นกันครับหนูจันทร์ในเมื่อ เทพมณี มีเพชรพลอยดีๆ หายาก ก็มีแต่คนอยากร่วมเป็นคู่ค้า ผมดีใจเสียอีกที่ได้อัญมณีดีๆ มาทำเครื่องประดับของผม”
ท่านฮัสเซ็น บุรุษร่างท้วมใบหน้าคมเข้มบ่งบอกสัญชาติ เอ่ยกับหญิงสาวคราวลูกที่ท่านนึกเอ็นดูตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า อาจเป็นเพราะท่านชอบผู้หญิงไทยกระมังเลยสนิทกับหญิงสาวได้ง่าย อีกทั้งภรรยาของท่านก็เป็นชาวไทย
“เอ่อ มัวแต่ขอบคุณกันไปขอบคุณกันมา ผมว่าเชิญที่รถเลยดีกว่าครับทางเราเตรียมอาหารไทยไว้ต้อนรับท่านที่โรงแรมของเพื่อนผมเอง เชิญครับ” ทัศเทพผายมือให้คู่ค้าคนสำคัญ ท่านเดินนำหน้าไปพร้อมกับหน่วยอารักขาอีกเป็นขบวน เขาหันมาจิกกัดแม่เลี้ยงเล็กๆ น้อยๆ ก่อนอาการกลางวัน เพื่อเรียกน้ำย่อย
“หนูจันทร์อย่างนั้น หนูจันทร์อย่างนี้ ถามจริงๆ เถอะ คุณแม่เป็นลูกเต้าเหล่ากอเขารึไง? ถึงได้สนิทสนมขนาดเรียกชื่อเล่นกันฮะ” เขาพาลประชด หนูจันทร์ ของลูกค้ารายใหญ่
“อะไรเล่าคุณเทพ อย่ามาหาเรื่องนะ แทนที่จะขอบคุณที่ฉันช่วยเทพมณีของคุณให้ได้งาน แต่กลับมาแขวะฉันได้ ประสาทรึ? รู้อย่างนี้ให้เขาไปซื้อของเฮียเมฆดีไหม”
“ถ้าอยากอดตายก็เอาสิ” เขาท้าทาย
“ไม่มีทาง เพราะถ้าฉันไม่มีบ้านอยู่ ฉันก็จะไปอยู่กับเฮียเมฆ”
“ใช่เรื่อง เป็นญาติมันรึไง!?”
เขาชักฉุนขึ้นมาดื้อๆ เมื่อหล่อนหยิบยกชื่อเพื่อนเขามากล่าวอ้างทั้งที่มันก็แต่งงานมีเมียไปแล้ว
“ไม่เป็นก็เหมือนเป็นล่ะน่า คนเขานับถือกันมาหลายปีดีดัก เฮียเมฆดีแสนดี ทั้งหล่อ ทั้งรวย เป็นสุภาพบุรุษไม่เหมือนคุณ!” หล่อนปรายตาจิกลูกเลี้ยง
ทัศเทพคิดว่าหากหัวเขาเป็นลูกแตงโมคงถูกสายตาของเจ้าหล่อนจิกกัดจนเว้าแหว่งหาดีไม่ได้
“ก็ดี! ถ้าเป็นสุภาพบุรุษแล้วมันทำ แบบนี้ กับเธอไม่ได้ ฉันก็ไม่อยากเป็น มานี่!” ว่าแล้วก็ลากร่างบอบบางเข้าชิดเสาต้นใหญ่ภายในลานจอดรถที่อับสายตา ชมจันทร์อยากร้องให้ท่านฮัสเซ็นช่วยเหลือแต่มันก็กระดากเกินกว่าจะบอกท่าน ว่าหล่อนร้องขอด้วยเรื่องอันใด
“นี่! ปล่อยฉันนะ เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่แล้วนะคุณน่ะ เมื่อก่อนแค่ที่บ้าน เดี๋ยวนี้ลามมาถึงที่ทำงาน คอยดูนะถ้าฉันทนไม่ไหวขึ้นมาล่ะก็...”
“ก็อะไร คร้าบคุณแม่เลี้ยง”
เขายั่วเย้า กระแซะแผงอกล่ำๆ เข้ากับเนินอกอิ่มจนมันบดเบียดเสียดสีผ่านใยผ้า
‘ให้ตายเถอะทัศเทพ นี่มันลานจอดรถ!’
“ฉันก็จะหนีกลับบ้านนะสิ” หล่อนตอกกลับไม่ทันคิด จึงเท่ากับว่ากระโจนลงหลุมพรางที่เขาขุดล่อไว้เต็มๆ
“งั้นรึ...ถ้าอยากโดนขายทอดตลาดอีกรอบก็เอาสิ คราวนี้ไม่มีเสี่ยใจดีเหมือนพ่อฉันมาติดกับหรอกนะ เพราะเขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วว่าเธอเป็นแม่เลี้ยงฉัน เอาสิชมจันทร์ กลับไปให้พ่อแม่ผู้แสนดีจับเธอใส่ตะกร้าล้างน้ำก่อนจะขายทอดตลาดอีกรอบ คงได้ราคาเพิ่มกระมัง เอาเลยสิ กลับไปเลยถ้าเธอกล้า”
เขาท้าทายทับถม รู้อยู่แก่ใจว่าหากหล่อนไปจริงๆ สิ่งที่เขากล่าวหามันย่อมเกิดขึ้น แต่เขามั่นใจ หล่อนไม่มีทางกลับไปแน่นอน
“ต้องการอะไรคุณเทพ บอกมาแค่คำเดียวแล้วปล่อยฉัน หน้าต่างมีหูประตูมีตาเดี๋ยวได้เป็นขี้ปากพนักงานสนุกกันล่ะ”
หล่อนยอมอ่อนข้อเมื่อสิ่งที่เขากล่าวหา เธอไม่ปรารถนาจะพานพบ
“อืม...ว่าง่ายๆ อย่างนี้ค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย”
หมับ!
“คุณเทพ! เอามือออกจาก ก้น ฉันเดี๋ยวนี้” หล่อนคำรามลอดไรฟัน
“ไม่-มี-ทาง นอกจาก...จูบเดียวครับคุณแม่ ลูกเลี้ยงโหยหาอย่างแรง พอไม่ได้จูบคุณแม่เกินสามชั่วโมงแล้วมันจะลงแดงตาย”
ลูกเลี้ยงตอบหน้าทะเล้น
“ฝันไปเถอะ!”
หล่อนตะคอกกลับ
“แน่ใจเหรอ ถ้าเธอไม่ จูบ ฉันจะเปลี่ยนไป ดูดนมจากเต้า แทนดีไหม แบบว่าเมื่อเช้าลูกไม่ได้ดื่มนม สมองไม่แล่นเท่าไหร่เลยครับ คุณแม่! หึๆๆ”
“คุณเทพ! คุณนี่มันเหลือเกินจริงๆ ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ!”
“แล้วยังไงล่ะ!?”
“ก็ยื่นปากมาสิ”
หล่อนสวนกลับเลยได้รับริมฝีปากร้อนๆ บดขยี้ริมฝีปากนุ่มนิ่มลงมาเต็มรัก
“คุณ...เทพ ปล่อย...”
เสียงประท้วงขาดเป็นห้วงๆ เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยโพรงปากอันหวานหอมให้เป็นอิสระ
“คุณเทพ...อย่า”
หล่อนเปลี่ยนเป็นวอนขอใบหน้านวลแดงระเรื่อเมื่อเขาทำท่าจะล่วงเกินมากว่าจูบเดียวดังที่กล่าวอ้าง รับรู้ได้ชัดเจนด้วยสัมผัสจากฝ่ามือร้อนผ่าว มันเข้ามาอยู่ใต้เชิ้ตตัวในของเธอเป็นที่เรียบร้อย
ชมจันทร์ใจสั่นไหว ทัศเทพช่างหาญกล้ายิ่งนัก
“หน้าด้านเกินแล้ว นี่มัน...ลานจอดรถ” หล่อนด่ากลับแต่เสียงกลับสั่นพร่า
“นิดเดียวน่าจันทร์ฉันขอนะ ตามฉันมานี่เถอะ เร็วสิ” เขาฉวยเอามือบางลากไปทางที่รถจอดอยู่
เวลาใกล้เที่ยง ลานจอดรถยนต์บนชั้นผู้บริหารเงียบกริบมีเพียงเสียงเดินของแม่ลูกคู่นี้
ชมจันทร์ส่ายศีรษะอย่างระอาเมื่อเห็นท่าเดินของลูกเลี้ยง บางสิ่งบางอย่างในเป้ากางเกงคงทำให้เขาเดินไม่ถนัด
“ขึ้นไปสิ”
เขาร้องสั่งบังคับให้หล่อนขึ้นไปนั่งตอนหลังของรถยุโรปคันหรู
“คุณเทพ! ฉัน”
“ขึ้นไปก่อนที่ฉันจะจับเธอแก้ผ้าตรงนี้!”
ชมจันทร์จำต้องขึ้นไปนั่งในรถติดฟิล์มดำแต่โดยดี งานนี้ตายแน่ๆ จะทำไงดีเล่าชมจันทร์เอ๋ย
ฟอด!!!
ทัศเทพสูดดมความหอมที่แก้มนวลแรงๆ แล้วโน้มกายเข้ามาใกล้ ฝังปลายจมูกคมๆ ลงไปตามแนวสาบเสื้อจนชมจันทร์จำต้องเอนราบไปกับเบาะหลังของรถเมื่อโดนบังคับทางอ้อม
“คุณเทพอย่า....ทำอะไรจันทร์เลย จันทร์...กลัว”
“ไม่ต้องกลัวแล้วเธอจะชอบมัน”
เขายืนยัน กำลังจะขบเม้มที่เนินอกอวบอิ่มแต่วลีเด็ดที่ถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากคู่นั้นทำให้เขาต้องหยุดชะงัก
“ฉัน...ฉันเป็นเมียพ่อคุณแล้วนะ”
หล่อนโป้ปด
“ฉันไม่เชื่อ”
“งั้นคุณต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน หากว่าคุณล่วงเกินฉันมากกว่าที่ผ่านมา”
ชมจันทร์ชักแม่น้ำทั้งโลกมาหว่านล้อม
“ไม่มีทาง ถึงฉันจะไม่แน่ใจว่าเธอเคยมีอะไรกับพ่อฉันรึเปล่า แต่แม่ของลูกฉันต้องไม่มีวันเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินอย่างเธอ”
ชมจันทร์น้ำตารื้นเมื่อเขากล่าววาจาเชือดเฉือนจิตใจเป็นล้นพ้น ใช่! เธอเห็นแก่เงินแล้วไงล่ะก็ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองอย่างเขานี่นา
“งั้นก็ลุกออกไปจากตัวฉัน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้นที่คุณจะหิ้วไปทำอะไรที่ไหนก็ได้อย่าลืมว่าฉันเป็นแม่เลี้ยงคุณและนี่ก็ยังเป็นบริษัทของพ่อคุณ สามีของฉัน ให้เกียรติคนตายบ้างเถอะคุณเทพฉันขอล่ะ”
“ฉัน...ฉัน”
ทัศเทพชั่งใจ บิดาเขาตายไปเจ็ดปีแล้วนะหล่อนเพิ่งจะให้เขาให้เกียรติวันนี้รึคิดพลางไล้มือเรียวราวอิสตรีของตนไปบนแก้มนวล “ฉัน...ไม่สน”
เขาตอบฉะฉานแล้วกระทำอย่างที่ใจคิด
“อย่านะ!!!”
ชมจันทร์ตวาดลั่นห้ามมือไม้ที่อยู่ไม่สุข มือร้อนๆ ชอนไชเข้าไปใต้ร่มผ้าบีบเคล้นเนินเนื้อนวลอย่างถือสิทธิ์ไม่อนาทรร้อนใจต่อกำปั้นน้อยที่ประท้วงหนักๆ บนอกแกร่งของเขา
ชมจันทร์กระหน่ำทุบตีที่อกแกร่งแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลแน่ล่ะขนาดยกพ่อเขาขึ้นมาอ้างยังไม่สามารถหยุดเขาได้ เธอตายแน่ชมจันทร์ ตายเพราะความหื่นของลูกเลี้ยงนี่ล่ะ
“ปล่อยนะคุณเทพฉันขอล่ะ อย่าทำอะไรฉันเลย อย่าทำจันทร์เลย จันทร์กลัว” เธอวอนขอในที่สุดน้ำตาไหลรินที่หางตาเมื่อชายหนุ่มกระทำต่อเธอเยี่ยงผู้หญิงข้างถนน เยี่ยงโสเภณีไร้ค่าที่อยากจะทำอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ
“โธ่เว้ย! ร้องไห้ทำไมฮะหมดอารมณ์ฉิบ!”
ชายหนุ่มสบถอารมณ์หวามไหวเมื่อครู่พลันหดหายเพียงเพราะหยาดน้ำใสที่ไหลรินเปื้อนเปรอะบนแก้มเนียน
ชมจันทร์รีบตะครุบสาบเสื้อเข้าหากันเมื่อเขาผละห่างหล่อนติดกระดุมเสื้อด้วยมืออันสั่นเทาขณะที่เขานั่งหันหลังให้ “เมื่อไหร่ คุณจะเลิกทำแบบนี้สักทีคุณเทพ โกรธเกลียดฉันมากหรือ!? ถึงต้องเอาคืนฉันด้วยวิธีนี้ หรือเพราะรู้ว่าฉันไม่มีที่ไปใช่ไหม!?”
หล่อนตัดพ้อเสียงเครือป้ายหยาดน้ำตาด้วยมืออันสั่นระริก
เขาหันหลังกลับมา...หล่อนร้องไห้เงียบๆ จนใบหน้าแดงก่ำดูไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าอยากปลอบหล่อนจังและเขาคิดว่าเขากำลังจะทำมันแล้วล่ะ
“ร้องไห้เป็นเผาเต่าไปได้ ทำอย่างกับจะเสียพรหมจรรย์ครั้งแรกอย่างนั้น ฉันไม่หลงกลหรอกน่า ยกผลประโยชน์ให้เธอก็แล้วกันที่ทำให้วันนี้เทพมณีได้งาน ฉันจะไม่ทำอะไรเธอก็ได้...แต่เธอต้องขยับมานั่งใกล้ๆ ฉัน”
เขาสั่ง ชมจันทร์กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ยอมตามแต่โดยดี แล้วสิ่งที่เขากำลังทำมันกลับทำให้หล่อนนิ่งอึ้ง
ทัศเทพโอบกอดชมจันทร์ไว้ด้วยวงแขนล่ำๆ ของเขาลูบหลังให้หล่อนแผ่วเบาเมื่อรับรู้ถึงแรงสะอึกสะอื้น
“ร้องไห้อยู่ได้น่ารำคาญ”
เขาว่าแต่กลับกอดหล่อนแน่นขึ้นถ่ายทอดไออุ่นจากร่างกายให้แก่หล่อน ปลอบประโลมด้วยมืออุ่นที่เพียรลูบหลังให้เบาๆ และเนิ่นนาน
“คุณเทพ อย่าไล่จันทร์ไปไหนนะ จันทร์ไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ ให้จันทร์อยู่บ้านฮึกๆ ด้วยคนนะ จันทร์สัญญาว่าจะไม่ดื้อกับคุณเทพจะทำตามที่คุณเทพสั่งทุกอย่าง”
“ถ้างั้นเรามา...”
เขาขออย่างหน้าด้านๆ ใบหน้าบึ้งตึงเมื่อครู่ระริกระรี้มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“ยกเว้นเรื่องอย่างว่า จันทร์ไม่ทำ!”
หล่อนรีบแย้งเมื่อเห็นนัยน์ตากรุ้มกริ่มที่ส่งมา
“สองมาตรฐานเห็นๆ”
ทัศเทพปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเมื่อหล่อนคลายสะอื้นเกรงว่าถ้ากอดนานกว่านี้เขาคงต้องเป็นไอ้คนสารเลวที่ข่มขืนผู้หญิง เขาเปิดประตูรถออกมาเพื่อจะอ้อมไปนั่งยังหลังพวงมาลัย ชมจันทร์ลุกตามมาเงียบๆ กระทั่งทัศเทพเคลื่อนรถออกจากบริษัทได้สักระยะโน่นล่ะ เขาจึงได้ยินเสียงหล่อนอีกครั้ง
“ผู้หญิงของคุณเทพเยอะแยะเรียกมาสักคนสิเอาไหม...จันทร์มีเบอร์” หล่อนให้คำชี้แนะพร้อมทางออก
“ถ้ายังไม่เลิกออกความคิดเห็นห่วยๆ ของเธอ เห็นทีว่าฉันคงต้องเลื่อนนัดลูกค้าแล้วพาเธอแวะที่โรงแรมม่านรูดใกล้ๆ นี่ดีไหมชมจันทร์”
เท่านั้นล่ะชมจันทร์ก็นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้กับลูกเลี้ยงจอมหื่นจนถึงไปจนถึงโรงแรมที่นัดลูกค้าเอาไว้

กรี๊ดดด!!!
เสียงร้องดังปานหวูดรถไฟของนางแบบสาวดังขึ้นจนได้ เขาอุตส่าห์พาหล่อนเข้าไปหลบในห้องนอนแล้ว เจ้ามีนตัวแสบกลับหาเจอจนได้ ไม่รู้ว่าจะหวงอะไรนักหนาเจ้าลูกคนนี้
“กรี๊ด!!! เอามันออกไปทีได้โปรดเถอะ นี่คุณ! ช่วยเอามันออกไปทีฉันกลัวนะ! ฉี่จะราดอยู่แล้วโฮๆๆ”
กวินส่ายศีรษะอย่างระอาเมื่อเจ้าลูกชายตัวแสบปีนขึ้นไปนั่งทับบนหน้าอกของสาวเจ้าแล้วปล่อยเจ้าเขียดตัวน้อย สีเขียวเข้มลงบนหน้าอกอวบๆ ของหล่อน
“มีน! เอาเจ้านั่นออกจากตัวน้าแพรวเดี๋ยวนี้!”
มีนาส่ายหัวกำลังจะจับเจ้าลูกกบออกมาจากถุงอีกตัว แต่เสียงกรีดร้องของคนใต้ร่างดังขึ้นเสียก่อน
“กรี๊ดดด!!! ม่าย ตาเบื๊อกเอ๊ย! ยืนแอ็คท่าอยู่นั่น ฉันบอกว่าเอาเจ้าเด็กบ้านี่กับ...ออกไปจากตัวฉ้าน!”
แพรวรุ้งร่ำร้อง เขียดตัวน้อยกระโดดหย็องแหย็งบนทรวงอกเธออย่างมีความสุข มันสุดจะทนจริงๆ
“มีน!”
เขาร้องเรียกบุตรชายอีกหนแต่เจ้าหนูก็ยังเฉย
“ทำมายน้าแพวมาอยู่ห้องปะป๊า มินจาฟ้องแม่ ปะป๊าพาฉาวเข้าห้อง!”
เจ้าหนูน้อยจ้องตาบิดาแน่วนิ่งอย่างเอาเรื่อง กวินหมดความอดทนเข้าไปยกเจ้าหนูออกจากร่างนางแบบสาว
“ปะป๊าทำให้น้าแพรวไม่สบาย ปะป๊าเลยต้องพาน้าแพรวมาอยู่กับเรา” เขาตอบชัดเจนให้เหตุผล
“ปะป๊า เปนบอดี้ ปะป๊ามะใช่หมอ” หนูน้อยเถียงใบหน้าเล็กๆ มีแววหล่อเหลาเอาการเมื่อโตขึ้น
“มีนต้องพูดว่า บอดีการ์ด ครับคนเก่ง ปะป๊าไม่ได้ตรวจหมอ ปะป๊าแค่พาน้าแพรวมานอนพัก”
“เอ่อ...ก่อนที่จะหาคำตอบว่าทำไมฉันต้องมาติดแหงกอยู่ที่นี่ ฉันขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม เจ้าเด็กบ้านี่เอาตัวอะไรมาใส่ฉันก็ไม่รู้” แพรวรุ้งเอ่ยแทรก เมือกลื่นๆ ที่มากับขาเขียดกำลังทำให้เธอคันตะเยอ จนเธออยากอาบน้ำเอามากๆ เลย
“ชื่อ มิน มะใช่ เดกบ้า” เจ้าตัวชี้แจงแม้ว่าจะพูดไม่ชัดก็ตาม
แพรวรุ้งกรอกตาขึ้นฟ้า หล่อนเดาว่าคงได้เจอคู่ปรับสมน้ำสมเนื้อก็คราวนี้
“โอเคค่ะโอเค น้องมีนก็น้องมีน เอาเป็นว่าเรามาเจรจาอย่าศึกกันนะ ฉัน...เอ่อน้าแพรวไม่สบายนะคะ น้าแพรวแบบว่าบังเอิญจมน้ำ บังเอิญโดนกดขี่แรงงานจากเจ้านายใจร้ายไม่ยอมให้กินข้าวเที่ยง น้าแพรวเลยเป็นลม แล้วก็บังเอิญอีกที่หมดสติจนไม่รู้ว่ามีคนคิดไม่ซื่อพาน้าแพรวมาที่นี่ อย่างนี้แสดงว่าน้าแพรวไม่ผิดใช่ไหม? เพราะฉะนั้นน้องมีนเอาเจ้าเขียดนั่นไปทิ้งข้างนอกหน้าต่างแล้วเปิดทางให้น้าแพรวเข้าห้องน้ำสักทีจะได้ไหมจ้ะ”
แพรวรุ้งอ้อนวอนยืดยาวหนูน้อยมองเจ้าหล่อนตาแป๋ว
“พูดยาวไปมะเข้าจาย แต่ทิ้งเขียดให้ก็ได้ถ้าไม่ได้อยากมาเปนแม่อีกคนของมิน”
“แน่นอนจ้ะหนูน้อยนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่น้าจะทำ” แพรวรุ้งยืนยันส่งยิ้มออดอ้อนไปให้เจ้าหนู แต่พอสายตาแพรวพราวเจ้าเล่ห์ของหล่อนไปสบกับกวินหล่อนก็เปลี่ยนจากแพรวพราวเป็นจิกกัด ก็อยู่ดีไม่ว่าดีหาเขาเรื่องให้เธออีกจนได้ ฮึ่ม! แล้วนั่น!
“คุณ! นั่นมันกระเป๋าเดินทางของฉันนี่มาอยู่ที่นี่ได้ไง!?” หล่อนร้องเสียงหลงเมื่อสายตาไปปะทะกับกระเป๋าสองใบโตๆ ซึ่งมันน่าจะเป็นของหล่อนอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะอย่างอีตาบอดีการ์ดกวนโอ๊ย คงไม่ใช้กระเป๋าสีชมพูแปร๋นอย่างนั้นหรอก
“ก็...ผมสั่งให้ทีมงานไปรอเราบนเกาะ อยากถ่ายน้ำตกไม่ใช่รึ? เปลี่ยนให้แล้วนี่ไง ขอบคุณหรือยัง?”
“นั่นมันคนล่ะเรื่องกับที่กระเป๋าฉันมาอยู่ห้องนี้” หล่อนโต้กลับ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องกระเป๋าจริงๆ นี่นา
“น่าน! มินว่าแล้วปะป๊าคิดมะซื่อกับน้าแพว” หนูน้อยดักคอ
“ไม่มีทางลูกรัก ปะป๊าสาบาน เอาเป็นว่าเราจบเรื่องนี้แล้วหลีกทางให้น้าแพรวเข้าห้องน้ำดีกว่านะ ปะป๊าคิดว่าเธอคงอยากหาอะไรที่มันมิดชิดกว่าเศษผ้าขี้ริ้วใส่แล้วล่ะ”
“ตาบ้า! แล้วใครเป็นคนคิดคอนเซ็ปต์ยะไม่ใช่ PEARL รึไง”
“ไม่ใช่ เพราะคนคิดคือผมเอง” ตอบหน้าตายแล้วเข้าไปอุ้มบุตรชายออกมาจากเตียงใหญ่
“คุณ! แล้วกระเป๋า...”
“เอาน่าประหยัดงบประมาณไหนๆ เขาก็ไปกันหมดแล้ว นอนห้องเดียวกันจะเป็นไร ผมไม่เชื่อหรอกน่าว่าอย่างคุณนี่จะยังเวอร์จิ้น แล้วผมก็ไม่มีทางหลง อกภูเขาไฟ ของคุณแน่นอน” เขายืนยันหน้าทะเล้น
“ตาบ้า! ออกไปจากห้องนี้เลยนะฉันยึดแล้ว!”
“อ้าว! ปะป๊า น้าแพวยึดห้องแล้วมินจานอนไหน?” หนูน้อยถามพาซื่อชูถุงน้องเขียดขึ้นมาขู่กรายๆ
“โอ...สำหรับน้องมีนที่แสนดี (แสบ) ของน้าแพรว น้าแพรวยอมให้นอนด้วยก็ได้จ้ะให้นอนหนุนแขนเลยยังได้” เสียงอ่อนเสียงหวานแต่แววตาอยากจะฆ่า
“โอเคคับ งั้นคืนนี้มินก็จะได้นอนกอดหน้าแพว น้าแพวต้องให้มิน ดูดนม ด้วยนะ”
“หะ...หา! ฮะ อะไรนะ!? คุณเมื่อกี้...???”
“เฮ้อ! ลูกต้องพูดว่าให้น้าแพวป้อนนมให้ลูกด้วย” เขาบอกบุตรชาย “เอ่อ...แบบว่าลูกผม เขาต้องมีคนช่วยป้อนนมจนกว่าแกจะหลับ คือประมาณว่าต้องคอยจับขวดนมให้แกจนกว่าแกจะหลับไปเองนั่นล่ะ” ชายหนุ่มอธิบาย
“เชื่อเลย! เลี้ยงลูกยังไงเนี่ย โตแล้วยังดูดขวดนมอีก”
แพรวรุ้งเปรยอย่างเหลืออด เด็กคนนี้ดูๆ ไปก็น่าจะเกินสี่ขวบแล้วด้วย
“ยางมะโต ปะป๊าบอกว่าถ้าโตแล้วจาให้มิน ดูดนมจากเต้า” หนูน้อยตอบเสร็จแล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ
“อ๊ายยย ลามกทั้งพ่อทั้งลูกออกไปเลยนะ!” แพรวรุ้งคว้าหมอนได้ก็ไล่ตีสองพ่อลูกเกิดเป็นปาร์ตี้ปาหมอนย่อมๆ
“กรี๊ด!!! ช่วยด้วยๆๆๆ”
แพรวรุ้งร้องเสียงหลงเมื่อเขียดน้อยตัวหนึ่งหลุดออกจากถุงที่หนูมีนวายร้ายทำหลุดมือ
“ฮ่าๆๆๆ/ฮ่าๆๆๆ” สองพ่อลูกหัวเราะชอบใจพร้อมๆ กัน แถมยังยืนเท้าสะเอวมองนางแบบสาวเต้นเร่าๆ อยู่บนพื้นข้างเตียงโดยไม่คิดช่วยเหลือแม้แต่น้อย
“เอามันออกไป๊!!! อย่านะกรี๊ดดด!!!”
แพรวรุ้งวิ่งวนรอบห้องเมื่อเจ้าหนูจอมแสบจับขาเขียดชะตาขาดวิ่งไล่ตามหล่อน
“มีนพอแล้วลูก พอแล้วเดี๋ยวเขียดมันตาย ปะป๊าว่าลูกเอาเขียดไปปล่อยดีกว่า เร็วเข้า เดี๋ยวปะป๊าพาไปหม่ำข้าว” เขาหว่านล้อมลูกชายเมื่อเห็นท่าคนที่ยืนหอบแฮ่กๆ หมดสภาพ
“ม่ายได้ น้าแพรวสังญา (สัญญา) ก่อนว่าจาให้มินดูดนม” หนูน้อยต่อรอง
“หา! นี่คุณ ฉัน...ก็ได้ๆๆ” แพรวรุ้งรับปากอย่างเสียไม่ได้เมื่อเห็นกวินขยิบตาบอกใบ้มาให้
“โอเค งั้นมินเอาไปป่อยก่อน” หนูน้อยทำท่าเดินจากไปแพรวรุ้งถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่แล้ว
“น้าแพว!!!”
“กรี๊ดดด!!!”
แพรวรุ้งกระโดดกอดคอกวินเมื่อถูกเจ้าหนูน้อยแกล้งปามือเปล่าเข้าใส่ หล่อนเข้าใจว่ามีเจ้าตัวเขียดอยู่ในนั้นเลยตกใจกลัว เจ้ามีนจอมแสบส่งเสียงหัวเราะชอบแล้วแผ่นแนบออกนอกห้อง
วินาทีที่ลับร่างเจ้าหนู ทั้งสองเกิดเสียหลักล้มลงบนฟูกหนาในท่าที่แพรวรุ้งโดนทับแบนเป็นกระดาษ
“ว้าย!!! ตาบ้าลุกออกไปจากตัวฉันนะ!” หล่อนตวาดเสียงลั่น
“ม่าย... รู้ตัวไหมแพรวรุ้ง ตัวคุณนี่น้า....มัน...”
“อะไร!”
“ไวอะกร้า ดีๆ นี่เอง” เขาบอกตาหวานเชื่อม
“หมายความว่ายังไง อย่ามาเนียนนะ ออกไปเดี๋ยวนี้!!!”
แพรวรุ้งร้องเสียงดังเพื่อข่มอารมณ์พิศวาสของอีตาบอดีการ์ดจอมหื่น
“ไม่เอาน่า อย่าทำท่าเหมือนสาวเวอร์จิ้นสิ ผมรู้หรอกน่าว่าอย่างคุณ ผ่านมาเป็นคันรถ”
เผียะ!!!
“ต่ำ! เอาสมองหรือหัวแม่ตีนคิดฮะ”
“ไม่เคยมีใครทำร้ายผมได้ขนาดนี้แพรวรุ้ง คุณนี่มันรนหาที่จริงๆ”
กวินบังคับริมฝีปากที่คมเหมือนมีดหมอให้เผยอรับจุมพิตลงทัณฑ์จากเขา
“ไม่ ปล่อยนะ!”
ชายหนุ่มมีหรือจะฟัง เขาเฝ้าดูดดึงขบกัดบนริมฝีปากอย่างถือสิทธิ์จนได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดมากับรสจูบ
แพรวรุ้งเจ็บจนน้ำตาร่วงเมื่อเขาตบเธอคืนด้วยปากร้ายๆ จนกายร่างอ่อนระทวยด้วยไม่เคยพานพบ
“เห็นไหมว่าคุณคุ้นเคยกับมัน” เขาเยาะหยันเสียงสั่น กายแกร่งผงาดง้ำถูไถไปกับหน้าท้องแบนราบจนสาวเจ้าขนลุกเกรียว
“ฉันไม่เคย” หล่อนยืนยันพยายามดิ้นหนีจมูกและปากของเขา
“ยะ อย่า!” ไม่ทันแล้วเมื่อเสื้อ (เศษผ้าขี้ริ้วที่เขาว่า) ถูกกระชากออกไป นาทีนั้นหัวใจของแพรวรุ้งเต้นตึกตักถี่ๆ ไม่เป็นจังหวะ ทั้งอยากขัดขวางเมื่อรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดตามมา แต่อีกใจก็วาดหวังให้มันเกิดขึ้นด้วยความอยากลองอยากรู้ อารมณ์หวามหวานกับสติสัมปชัญญะกำลังตีกันยุ่งเหยิงอยู่ในหัว
“โอ...พระเจ้าคุณสวยเหลือเกินแพรวรุ้ง” เขาครางเสียงกระเส่าแล้วบดขยี้จุมพิตเร่าร้อนลงมาอีกครั้ง
แพรวรุ้งมึนเมาในรสจูบจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นาทีนั้นหล่อนทำได้เพียงแอ่นอกเข้าหาริมฝีปากร้อนๆ ที่ลากลิ้นไล้เลีย ตั้งแต่ติ่งหู ลำคอจนถึงเนินทรวง
“คุณ!” หล่อนตกใจ บราเซียตัวสวยถูกชายหนุ่มกระชากออกอย่างแรงจนสองเต้าเนียนแน่นอวบอัดเด้งออกมา มันช่างล่อตา ล่อปาก บอดีการ์ดหนุ่ม เขากดจุมพิตแรงๆ และสูดดมรอบฐานสองเต้างาม ที่เบ่งบานชูช่อรอคอยเรียวลิ้นร้อนๆ จากเขา
“อย่า” แพรวรุ้งร้องห้าม แต่กลับแอ่นอกรับเรียวลิ้นจากปากของเขา
รสของมันคงหอมหวานเป็นแน่ เขาคาดเดาในใจพลางแลบลิ้นไล้เล็มยอดทรวงสีหวานจนหล่อนครางอืออาไม่ได้ศัพท์ แต่...สวรรค์ช่างใจร้าย!!!...
“ปะป๊า แง้ๆๆ ของมินๆ ปะป๊าแย่งของมินฮือๆๆ” หนูน้อยร้องจ้าเป็นจังหวะเดียวกับที่กวินก้มลงดูดกลืนยอดอกสีหวานของนางแบบสาว
แพรวรุ้งผวาเฮือก มือรีบผลักศีรษะของเขาให้ออกห่าง แล้วควานหาเศษผ้ามาสวม
“บ้าฉิบ! มีน!”
“ปะป๊าดูดนมน้าแพวทามมาย ฮึกๆ” ถามพลางสะอื้นฮักๆ
แพรวรุ้งหน้าแดงเป็นกุ้งต้ม ขณะที่กวินคิดหาทางเอาตัวรอด
“ก็ปะป๊าลองชิมให้มีนไงครับว่า นมบูด รึเปล่า” เขาปดหน้าทะเล้น
“คุณ! นั่นปากรึนั่น”
“มินจาฟ้องแม่ ปะป๊ากอดน้าแพวด้วยฮือๆๆ” หนูน้อยร้องไห้จ้าเดือดร้อนกวินต้องคลานลงจากเตียงมาอุ้มเอาเจ้าหนูตัวแสบมาปลอบ
“ไม่มีอะไรครับลูกก็น้าแพวไม่สบายไงปะป๊าเลยต้องวัดไข้แบบนี้”
เขาใช้หน้าผากตนเองแนบไปกับหน้าผากของบุตรชาย
“แล้วทำไมต้องวัดที่นมน้าแพวด้วย นั่นของมิน ปะป๊าบอกว่าคืนนี้จาให้มินดูดนมน้าแพว” หนูน้อยเถียง
แพรวรุ้งเริ่มหน้าม้าน สองพ่อลูกคุยเรื่องการดูดนมจากหน้าอกของเธอ ราวกับว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
“ก็ ก็น้าแพรวเป็นปอดบวมไงครับลูก ปอดมันอยู่ข้างในตัวเรา ปะป๊าวัดไข้ไม่ได้เลยต้องวัดผ่านนมน้าแพว”
เขาอธิบายคำลวงดังกล่าวให้ดูน่าเชื่อถือ สองมือประคองบุตรชายไว้ในอ้อมแขนอย่างแสนรัก
“เอาล่ะๆ ฉันว่าเชิญคุณสองคนออกไปรอข้างนอกได้แล้ว ฉันต้องการพักผ่อน”
“ม่าย มินจานอน” เด็กน้อยออกตัว
“ใช่ๆ เป็นเด็กต้องนอนกลางวัน” คุณพ่อช่วยเสริม
แพรวรุ้งระอาเต็มทน วันนี้เธอจะได้อาบน้ำตอนไหนนี่
“โอเค ตามใจพวกนาย แต่ฉันขอไปอาบน้ำก่อนโอเคไหม” เธอว่าแล้วก็งัดเอาของใช้ส่วนตัวออกมาจากกระเป๋า ผ่านไปไม่กี่นาทีพอหันกลับมาก็พบว่าเจ้าหนูตัวแสบหลับอยู่บนบ่าของคนเป็นพ่อเรียบร้อย
ใบหน้าทะเล้นกวนบาทาของกวินดูอ่อนลงจนเหลือเพียงอ่อนโยน มือข้างหนึ่งของเขาจับศีรษะเล็กๆ ของเจ้าตัวแสบให้เข้าที่เข้าทางบนบ่ากว้าง แพรวรุ้งได้ยินเขาฮัมเพลงเบาๆ เห่กล่อมเจ้าหนูอยู่สักพัก หล่อนจึงเลี่ยงเข้าห้องน้ำพอเสร็จเดินออกมาอีกทีก็เห็นสองพ่อลูกนอนกอดกันอยู่บนเตียงใหญ่
แพรวรุ้งเข้าไปชะโงกหน้าดูเจ้าหนูใกล้ๆ ใบหน้ายามหลับสนิทดูไร้พิษสงน่ารักน่าชังปากนิดจมูกหน่อยเหมือนคนเป็นพ่อผิดก็แต่ริมฝีปากอิ่มเล็กๆ ที่คงจะเหมือนมารดาของเขา
“อีตาคนนี้นี่ก็เหลือเกินจริงๆ หลับไปได้ยังไงผ้าผ่อนไม่รู้จักหามาห่มให้ลูก เป็นพ่อประสาอะไรฮะตาทึ่ม” นางแบบสาวบ่นกระปอดกระแปดแต่หาผ้าห่มมาคลุมร่างให้คู่ดูโอที่นอนเกยกันอยู่
“ดูๆ ไปนายนี่ก็น่ารักเหมือนกันเนาะ ถ้าลดปากหมาๆ ของนายออกไป ลบมือปลาหมึกด้วย นายก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่ใช้ได้นะอยากรู้จังว่าเมียนายชอบนายตรงไหนกันฮึ พ่อบอดีการ์ด” หญิงสาวบ่นพึมพำใกล้ๆ ใบหน้าพ่อบอดีการ์ด
ใบหน้าขาวคมเรียบนิ่งยามหลับไม่ได้ต่างจากบุตรชายเท่าใดนัก หล่อนนั่งลงที่พื้นข้างเตียงสองมือประสานไว้ใต้คางเอียงคอเพ่งพินิจดูวงหน้าของชายหนุ่มด้วยความไหลหลงโดยไม่รู้ตัว ลืมแม้กระทั่งว่าตนเองยังอยู่ในชุดเสื้อคลุม
แพรวรุ้งยื่นมือออกไปหวังจะสัมผัสใบหน้านั้นด้วยความอยากลองอยากรู้ แล้วทันใดนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้
หมับ!!!
“ว้าย! นี่คุณไม่ได้หลับเหรอ” เธอร้องลั่นเมื่อมือแกร่งตะปบคว้ามือเธอเอาไว้ก่อนที่มันจะสัมผัสถูกใบหน้าเขา
“ชู่วส์ เบาๆ สิคุณลูกผมหลับอยู่” เขาปรามแล้วค่อยๆ ลุกจากที่นอน ลากหล่อนไปเข้าห้องน้ำอีกรอบปิดประตูลงกลอนเรียบร้อยท่ามกลางแขนขามือไม้ของหล่อนที่ประทุษร้ายร่างกายเขา
“พาฉันมาในนี่ทำไมปล่อยนะ!”
“เมื่อกี้คุณจะทำอะไร?”
“อะไรฉันเปล่า” แก้ตัวหลบสายตาคมที่ส่งมาอย่างจับผิด
“ก็ผมเห็นว่าคุณกำลังจะจับหน้าผม”
“ฉันเปล่า!”
นางแบบสาวเถียงคอเป็นเอ็นทั้งที่หลักฐานมันชัดเสียยิ่งกว่าอะไร เพราะมือบางของหล่อนอยู่ห่างจากเขาใบหน้าเขาแค่คืบ
“ขี้ตู่! ปล่อยนะ! ใครทำอย่างนั้นมิทราบ นึกว่าตัวเองวิเศษมาจากไหนกัน ไม่มีใครเขาอยากแตะนายหรอกนอกจากเมียโง่ๆ ของนาย โอ๊ย!”
“อย่าก้าวร้าวเมียฉัน!” สรรพนามที่ใช้เปลี่ยนไปทันที
“อะไร!? ฉันแค่พูดตามที่คิด รักกันเหลือเกินนะแตะต้องไม่ได้”
“แน่นอน เมียฉันสูงส่งกว่าเธอเป็นไหนๆ ไม่มาแก้ผ้าหาเงินเหมือนเธอหรอก”
“อย่าดูถูกฉัน!”
“ทำไม!? อย่างเธอ...กว่าจะได้เป็นซุปเปอร์สตาร์ ทอดสะพานเนื้อสด ให้ใครเขามาบ้างล่ะแพรวรุ้ง”
“ฉันไม่เคย!” หล่อนแหวกลับไปเสียงขุ่นรู้สึกผิดหวังอย่างแรงที่เขากล่าวหาอย่างนั้น
“ตอแหล!”
“ปากจัด! ปล่อยฉันนะไม่เชื่อก็อย่าเชื่อปล่อย!”
“เถียงไม่สู้ก็ชิ่ง”
“เรื่องของฉัน ปล่อยนะ”
“ไม่ปล่อย ถึงฉันเป็นแค่บอดีการ์ดแต่ฉันมีเงินนะแพรวรุ้ง มันน่าจะซื้อความสุขจากเธอได้บ้าง เพราะฉะนั้นเธอจะเอาเท่าไหร่สำหรับครั้งแรกของเรา”
“ต่ำ สมองกลวงรึเปล่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า”
“แล้วจะพิสูจน์ยังไงว่าไม่ใช่” เขาเล่นลิ้น
“ต้องให้ฉันยอมคุณด้วยรึเปล่าถึงจะพอใจ”
“แน่นอนยินดีเลยล่ะ ว่าแต่จะเอาเท่าไหร่”
“ฉันไม่เอา แต่ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คุณคิด คุณต้องเลิกวุ่นวายกับฉัน”
“ได้! แต่เดาว่าฉันกับเธอคงต้องเจอกันไปอีกนานเชียวล่ะ”
“อย่ามั่นใจให้มากนักบางสิ่งบางอย่างมันตัดสินด้วยตาเปล่าไม่ได้”
“นั่นไงฉันถึงต้องพิสูจน์” ว่าแล้วก็ฉกจุมพิตที่ริมฝีปากคู่งาม แพรวรุ้งดิ้นขลุกขลักในวงแขน
ความมั่นใจเกินร้อยของเขามันช่างท้าทายเหลือเกิน เธอถามตัวเองว่าตัดสินใจแน่แล้วหรือแพรวรุ้ง ตัดสินใจใช้วิธีเยี่ยงคนไร้สมองอย่างนี้เพียงเพื่อกำจัดเขาออกจากชีวิตหรือมันจะคุ้มไหมแน่หรือ?
“ไม่ๆๆอย่านะ ได้โปรด อ๊ะ!” เธอร้องเสียงหลงเมื่อเขาขบเม้มที่ลำคอขาวผ่อง
“หยุด! พอแล้ว พอฉันเปลี่ยนใจแล้ว!” เธอกลั้นใจหลับตาปี๋ร้องบอกเขา
“เสียใจมันสายไปแล้ว”
บอดีการ์ดหนุ่มกระซิบที่ข้างหู โจมตีหล่อนด้วยลิ้นร้อนๆ ลากไล้ล้วงลึกเข้าไปในโพรงหูสะอาดจนแพรวรุ้งครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน
“บอกแล้วว่าเธอต้องชอบมัน” เขาเย้ยนัยน์ตาพราว
แพรวรุ้งน้ำตาคลอเมื่อเห็นสายตาเยาะหยันนั้น
เขาทรุดลงนั่งตรงหน้าหล่อนบรรจงใช้เรียวลิ้นบังคับให้แพรวรุ้งแยกขาออกห่าง แล้วซุกใบหน้าลงไปคลอเคลียกุหลาบงาม เคล้าคลึง สูดดม และขบเม้มจนนางแบบสาวสั่นสะท้าน กายหล่อนกระตุกไปหลายครั้งเมื่อเขาเน้นตรงส่วนที่เป็นเกสรของกุหลาบสีแดงระเรื่อ
“อย่านะคุณ ฉันขอล่ะ ยอมแล้ว ฉันยอมแล้วอย่าเอาคืนฉันด้วยวิธีนี้เลย ฉันขอโทษที่พูดล่วงเกินภรรยาของคุณ ฉันขอโทษ”
แพรวรุ้งสะอื้นฮักต่อหน้าเขาเมื่อความรู้สึกผิดครอบคลุมจิตใจ
กวินถอยห่างเหมือนต้องของร้อน เขาลุกขึ้นยืนกำหมัดแน่นแล้วหันหลังออกไปจากห้องน้ำแสนสวาท ไม่ใช่หยดน้ำตาที่ทำให้เขาหยุด แต่เพราะคำๆนั้นต่างหาก ภรรยาของคุณ



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ค. 2555, 08:57:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ค. 2555, 08:57:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 13182





<< 1) คู่กัด (นิยายเรื่องนี้อาจมีบางฉากไม่เหมาะกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี)   3) เสียงครวญจากห้องลูกชาย (ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี)ลบแล้ว >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account