ไม้เรียวกับครูเกลียวใจ
นิยายที่มองเห้นถึงความรักในอาชีพครู
Tags: ครู

ตอน: บทที่๑

ถึง เกลียวใจลูกรัก
วันนี้อากาศที่บ้านเราออกจะหนาวเสียหน่อยแม่ก็เป็นหวัดบ้างเล็กน้อยห่วงก็แต่ลูกนั้นแหละต้องรักษาสุขภาพของตัวเองบ้าง ผู้อำนวยการมาลองถามกับแม่ว่า ‘ลูกสาวที่เรียนจบครูมาสนใจจะมาสอนหนังสือที่สารสิทธิ์หรือเปล่า’ แม่ยังไม่ได้ตอบท่านหรอกแม่รอให้ลูกนั้นตัดสินใจเอง งานที่ลูกบอกว่ากำลังสมัครใหม่แม่ว่ารอให้ได้แน่นอนเสียก่อนนะลูก หากออกจากงานเก่าเสียแล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีงานรอเราก็จะเหมือนกับไม่มีงานทำ เกลียวจบมาด้านครูวิชาความรู้ที่เรียนมาจะเสียเปล่า แล้วแต่เกลียวนะชอบด้านแฟชั่นแม่ก็ไม่ว่าเอาไว้ เมื่อไรเกลียวอิ่มตัวกับงานที่ทำแล้วค่อยกลับมาสอนหนังสือไม่เป็นไรหรอกเพราะวิชาอยู่กับตัวหากเกลียวรู้ใจตัวเองว่าชอบอะไรก็ทำไปเถอะ แม่ดีใจที่เกลียวของแม่เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานเกลียวจะเป็นคนแรกในบ้านที่ได้ไปต่างประเทศ (ก็จริงใช่ไหมเพราะบ้านเรามีแค่สองคนเกลียวกับแม่เท่านั้นแม่ก็พูดเสียเป็นเรื่องใหญ่โตคนที่อำเภอของเราเขาก็ฝากความยินดีกับแม่มาให้เกลียวด้วย) แต่เกลียวจำไว้อย่างหนึ่งอะไรๆ มันมักจะไม่ได้อยู่กับเรานานๆ หรอกทุกวันนี้โลกเรามันหมุนเร็วขึ้นทุกทีอะไรๆ มันก็ไม่แน่นอนแม่อยากให้เกลียวคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยโชคดีที่มีซูซี่อยู่ด้วย เกลียวแม่อยากให้เกลียวรู้ว่าซูซี่แม้เขาจะเป็นสาวประเภทสองยังไงแล้วเขาก็หวังดีและดูแลเกลียวแทนแม่มาหลายปี เวลาเรามองใครนั้นอย่าดูแต่ภายนอกอะไรที่สวยงามมักจะมีข้อตำหนิเสมอซูซี่เป็นคนบ้านเดียวกันความรักที่เขามีให้กับแม่เขาถ่ายทอดให้กับเกลียวให้ถือว่าเขาเป็นเสมือนพี่น้องของเกลียวคนหนึ่งเกลียวมีข้อดีอย่างหนึ่งของความเป็นครู บรรดาลูกศิษย์ของแม่เขามองเกลียวเป็นเสมือนพี่น้อง เหมือนลูกเหมือนหลานเสมอ ความเป็นครูไม่ว่าลูกศิษย์ของเราจะเติบโตเป็นอะไรก็แล้วแต่สำหรับครูของเขาแล้วจะเป็นอีกคนหนึ่งที่พวกเขาไม่เคยลืมแม่เชื่ออย่างนั้นเกลียวจะเชื่อเหมือนแม่หรือเปล่าไม่รู้
เกลียวจำเด็กผู้ชายที่เคยมาอาศัยอยู่บ้านเราเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ไหมที่ครอบครัวเขามีปัญหากันแม่พึ่งเจอเขาเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง เขาสอบเข้าเป็นครูที่สารสิทธิ์ด้วยดีจังนะ เขาเป็นศิษย์เก่าที่สารสิทธิ์นี้คงไม่ยากนักหรอกเพราะแม่จำได้เสมอว่าเด็กชายที่เราเคยสอนเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อนเกเรใช่เล่นกว่าจะปราบเขาอยู่แม่ต้องใช้จิตวิทยาเยอะมาก เด็กที่เริ่มเป็นวัยรุ่นนะเขาต้องการเพื่อนมากกว่าครอบครัวมักจะไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ อย่างคำพูดที่เขาว่าตอนเด็กๆ เรามักจะมองพ่อแม่เป็นเหมือนวีรบุรุษ วีรสตรีของเรา พอเริ่มโต พ่อกับแม่จะกลายเป็นเพื่อน เมื่อเป็นวัยรุ่นพ่อแม่เป็นที่ปรึกษาหรือไม่ก็เป็นคนแปลกหน้า ยิ่งเราโตเป็นผู้ใหญ่พ่อแม่ก็จะเป็นคนที่เรารู้จัก ทุกคนที่เป็นศิษย์ของแม่มีบางอย่างที่ เหมือนเกลียวนั้นแหละดีที่ว่าเกลียวยอมที่จะเรียนสายครูตามแม่ แต่เกลียวรู้ไหมบุคลิกอย่างเกลียวไม่สมควรที่จะใช้ชีวิตในสังคมที่หรูหราอย่างนั้น โดยเฉพาะกับชนะพลแม่คิดว่าเกลียวกับเขาไม่น่าจะไปกันรอดเลยการวางตัวของเขาและเกลียวแตกต่างกัน เอาเถอะหากให้แม่วิจารณ์ชนะพลก็คงยาว แม่อยากให้เกลียวจำคำสอนของแม่อย่างหนึ่งว่าผู้หญิงเรามีค่าอยู่ที่ร่างกายและจิตใจหากเราง่ายกับผู้ชายคนไหนแล้วนั้นค่าของเราก็จะไม่เหลือในสายตาของเขาแม่คิดว่าเกลียวจะสามารถครองตัวเองในทางที่ดีๆ ได้แม่ก็แค่คนแก่หัวโบราณ ยังไงเสียขอให้เกลียวรู้ไว้อย่างหนึ่งว่า แม่คนแก่คนนี้คือแม่ของเกลียวและรู้จักผิดชอบชั่วดีมาก่อน คนแก่อย่างแม่ที่รักและหวังดีกับเกลียวตลอดเวลา แม่เป็นครูสอนลูกศิษย์มาก็มากแล้วกับแค่ลูกสาวคนเดียวของตัวเองมันสอนยากเสียเหลือเกินเพราะเกลียวเหมือนแม่มากนะสิเกลียวรู้ไหมเวลามองเกลียวแล้วแม่เหมือนมองตัวเองเมื่อตอนเป็นสาวบางครั้งเกลียวอาจจะปฏิเสธแต่สักวันเกลียวจะรู้ว่าเกลียวนั้นแหมือนแม่จริงๆ แม่ว่าวันนี้เกลียวคงเบื่อจดหมายของแม่แล้วแค่นี้ก่อนนะ
หวังว่าลูกคงสบายดีส่วนแม่นั้นสบายดีจ๊ะ
แม่ของลูกสายสวาท

หญิงสาวในชุดนอนเวลาดึกมากแล้วเกลียวใจ เธอถูกส่งมาเรียนกรุงเทพตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ แม่ของเธอจึงเป็นที่พึ่งสุดท้ายและให้เกลียวใจตัดสินเองมาตั้งแต่เธอรับผิดชอบตัวเองได้แต่ในระดับปริญญาตรีแม่กลับบังคับให้เธอเรียนสายครูเกลียวใจเคยคัดค้านแต่ไม่เป็นผลเธอเรียนจบสายครูมาก็จริงเรื่องงานแม่ไม่สามารถบังคับเธอได้อีก เพราะครูสายสวาทมารดาของเธอเป็นครูที่ “สารสิทธิ์วิทยา”โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในต่างจังหวัดนั้นคือเหตุผลหนึ่งที่เกลียวใจไม่เคยชอบเลยเพราะเธอมักจะถูกเปรียบเทียบกับแม่ที่คนทั้งอำเภอต่างนับถือ ครูสายสวาทที่เป็นครูมาสามสิบปีลูกศิษย์ลูกหาทั้งอำเภอจากรุ่นพ่อแม่ มารุ่นลูกและปัจจุบันนี้อาจจะเป็นรุ่นหลาน หากกลับไปอยู่บ้านเกลียวใจก็จะหมดความอิสระแค่หาเวลากลับไปเยี่ยมแม่เดือนละครั้งก็พอแล้ว งานที่เริ่มต้นใหม่ของเธอต้องคลุกคลีกับเหล่านางแบบเธอเป็นผู้ช่วยของซูซี่ ดีไซเนอของรุ่นพี่สาวประเภทสองที่สนิทสนมด้วย แม้ไม่ได้เรียนจบด้านแฟชั่นมาเลยก็ตามความมีรสนิยมและมีหัวทางด้านศิลปะทำให้เกลียวใจสามารถทำงานนี้ได้
‘นี้หล่อนแม่เกลียวพี่นะให้หล่อนมาช่วยงานพี่เพราะว่าครูสายสวาทแม่ของหล่อนนะเคยเป็นครูของพี่แกก็ฝากๆ ให้พี่ช่วยดูให้ไม่ได้เรียนทางนี้มาเราจบครูมาพี่ก็ไมได้ขัดขวางอะไรหล่อนหรอก เตือนไว้อย่างนะแม่เกลียวอย่าหลงระเริงแสงสีมากนักล่ะโดยเฉพาะกับพวกนายแบบทั้งหลายทุกอย่างที่หล่อนเห็นมันคือมายา ครูสายสวาทท่านรู้เลยฝากให้พี่เตือนๆ หล่อนไว้’
ซูซี่ หรืออดีตเด็กชายสิทธิโชค คนบ้านเดียวกันกับเกลียวใจรุ่นพี่ ลูกศิษย์คนหนึ่งของครูสายสวาทที่เคยโดนครอบครัวต่อต้านที่หล่อนเป็นสาวประเภทสอง แต่ครูสายสวาทเท่านั้นที่รู้ความสามารถของลูกศิษย์สนับสนุนให้ทำสิ่งที่รักและพร่ำสอนไม่ให้ซูซี่เดินผิดทาง หลอนบอกกับเกลียวใจเมื่อแรกเริ่มรับเธอทำงาน
‘จ้าพี่สิทธิ์’
ซูซี่รีบโบกมืออย่างตกใจเมื่อเกลียวใจยกมือไหว้ขอบคุณและเรียกชื่อเก่าของหล่อน
‘ว้ายตายแล้วยัยเกลียวหล่อนห้ามเรียกชื่อนี้นะไม่งั้นพี่ไม่พาหล่อนไปต่างประเทศด้วยหรอกถ้าเรียกชื่อเก่าฉัน’
‘ขอโทษค่ะพี่ซูซี่’
หญิงสาวยิ้มในหน้ายกมือไหว้เมื่อท่าทางของซูวี่ตกใจที่เธอเรียกชื่อเก่าของหล่อน
‘พี่จะเตือนหล่อนอีกอย่างนะยัยเกลียวเรื่องชนะพล’
เกลียวใจส่ายหน้า
‘พี่ซูซี่เชื่อแม่หรือไงแม่เขาไม่ชอบชนะพลก็ต้องหาเรื่องอยู่นั้นแหละ’
ซูซี่มองลูกสาวของครูที่หล่อนรักเพราะไม่อยากเห็นครูสายสวาทเสียใจ ที่เกลียวใจเปลี่ยนไปมากจนครูสายสวาทเฝ้าแต่โทษตัวเองที่เป็นคงส่งเกลียวใจเรียนหนังสือในกรุงเทพแทนที่จะเรียนในจังหวัดใกล้ๆ
‘เกลียวครูสายท่านนะมองคนออกจะทะลุปรุโปร่งกับแค่นายแบบหน้าใหม่อย่างชนะพล ทำไมท่านจะมองไม่ออก หล่อนจะไม่เชื่อท่านเชียวหรือไงถ้าเขาดีจริงเขาต้องหางานเองสิไม่ใช่มาพึ่งพาหล่อน ให้พี่เลือกเขามาเดินแบบ แล้วระวังตัวด้วยนะชนะพลนะขึ้นชื่อเรื่องมือไวเสียด้วย เวลาอยู่ในสายตาล่ะไม่เท่าไรห่างฉันเมื่อไหร่ตานั้นงาบหล่อนแน่ๆ’
‘พี่ซูซี่เกลียวก็ไม่ได้ทำอะไรนอกลู่นอกทางยังไม่เคย...อย่างที่พี่คิด’
ซูซี่ทำงานมานานกำลังมองเกลียวใจหล่อนรู้ข่าวการคบหากับนายแบบหนุ่มที่ใครๆ ในวงการรู้พฤติกรรม แม้จะอาศัยในเมืองหลวงตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมแต่เพราะครูสายสวาทพร่ำสอนลูกสาวเสมอหล่อนเชื่อว่าเกลียวใจคงจะไม่ทำให้ครูของหล่อนผิดหวังแต่หากยังคบหากับชนะพลที่เจ้าสำอางเกลียวใจอาจจะเสียใจ
‘ดีแล้วล่ะเกลียวครูสายท่านจะได้เบาใจแล้วมีอะไรเดือดร้อนก็บอกพี่ได้’
เกลียวใจยกมือขอบคุณซูซี่ที่เปรียบเหมือนพี่สาวคนหนึ่งของเธอ
‘จ้าพี่ เกลียวอยากจะบอกพี่อย่างหนึ่งนะพี่ซูซี่ในสายตาของแม่นะเกลียวยังเด็กเสมอแต่เกลียวรู้ตัวเองดีว่าเกลียวสามารถประคองตัวเองได้เกลียวรู้ว่าแม่เป็นครูที่คนทั้งอำเภอรู้จักหากเกิดอะไรขึ้นกับเกลียวแม่คงจะเสียใจแล้วแม่ก็เคยบอกว่าเชื่อใจเกลียวแม่ก็ต้องรู้สิว่าเกลียวเป็นยังไง’
‘คิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้วไอ้หล่อนนะไม่เท่าไหร่แต่ชนะพลนะสิ’
ซูซี่มองรุ่นน้อง
‘พี่ถามหน่อยทำไมหล่อนไม่กลับไปเป็นครูแล้วจะเรียนครูทำไมฮ่ะ’
เป็นคำถามที่ทุกที่เมื่อเกลียวใจสมัครงานถามเธอ
‘แม่บังคับหากเกลียวไม่เรียนครูแม่จะไม่ส่งเงินให้ แต่เกลียวไม่ชอบพี่ซูซี่ทำอะไรที่เหมือนแม่’
‘เหมือนแม่มันไม่ดีตรงไหนใครๆ ก็รักครูสายสวาททั้งอำเภอ’
‘เกลียวก็ไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังยังไงแต่เกลียวรู้ใจตัวเองว่าเป็นอย่างไร’
‘แน่หรือเกลียวว่ารู้ใจตัวเองดีว่าไม่ชอบเป็นครูสายสวาทท่าน’
‘แน่นอนพี่ซูซี่เกลียวก็คือเกลียวแม่ก็คือแม่’ เกลียวใจก็คือเกลียวใจไม่ใช่ครูสายสวาทที่ทุกคนคาดหวังว่าลูกสาวครูสายสวาทจะต้องเป็นครูเหมือนแม่
...............................................................................................
จดหมายสัปดาห์นี้ดูจะส่งมาช้ากว่าทุกครั้งแม่ของเธอมักจะอ้างเด็กนักเรียนตลอดชีวิตของแม่มักจะหมดไปกับนักเรียนมากกว่าจะสนใจลูกตัวเอง ทุกสิ่งที่แม่ทำทุกอย่างที่แม่คิดเกลียวชินกับมันเสียแล้ววิธีการสอนของแม่เธอเป็นแบบฉบับของแม่เอง
‘แม่เชื่อมั่นว่าเกลียวของแม่จะต้องดูแลตัวเองแม้จะเหนื่อยหรือท้อเกลียวก็จะลุกขึ้นยืนได้เสมอเพราะแม่เชื่อใจเกลียวไงและแม่คิดว่าเกลียวคงไม่ทำลายความเชื่อมั่นของแม่’
แม่มักจะไม่มีเวลานั้นคือเหตุผลของแม่ที่จริงเกลียวใจมักจะเอาคำพูดที่แม่เชื่อมั่นเธอมาเป็นกำลังใจเสมอเธออดคิดไม่ได้ตามประสาเด็กๆ แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญวันแม่ เกลียวใจแทบไม่เคยไหว้แม่ในวันนี้เลยเพราะแม่จะให้เหตุผลว่า
‘แม่ไปงานวันแม่ที่โรงเรียนของเกลียวไม่ได้หรอกเพราะเด็กนักเรียนประจำชั้นของแม่หลายคนไม่มีผู้ปกครองมาแม่ต้องเป็นแม่แทนให้เด็กๆ พวกนั้นเกลียวก็ไหว้ครูของเกลียวแทนแม่ไปก่อนนะ’
คำตอบของแม่นั้นสร้างรอยแผลและทำให้เกลียวใจต่อต้านที่จะทำอาชีพครูเหมือนครูสายสวาทเธอต้องเป็นอะไรที่อยู่กันคนละทางกับแม่ให้ได้ความผูกพันของเธอกับแม่ที่แตกต่างกันแม่ลูกทุกคู่แต่เธอก็รู้ดีว่าแม่ก็เป็นแม่อย่างนี้ไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงแม่ได้
“ใครจะไปจำได้ล่ะแม่ก็”
เกลียวใจบ่นกับเรื่องราวในจดหมายเด็กชายที่แม่ช่วยเหลือเมื่อสิบกว่าปีก่อนเขาเป็นใครเกลียวใจยังนึกไม่ออกเพราะแม่มักช่วยเหลือเด็กๆ ที่แม่สอนเมื่อมีปัญหาและบ้านหลังเล็กๆ ของเธอมีห้องหนึ่งที่เหลือถูกจัดไว้สำหรับนักเรียนของแม่ที่มีปัญหาสำหรับมาอาศัยช่วยคราวลูกศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าที่ได้ใช่ห้องนี้เกลียวใจเสียอีกที่อยู่บ้านน้อยกว่าพวกลูกศิษย์ของแม่
“พรุ่งนี้เดินทางแล้วที่จริงจดหมายน่าจะมีอีกฉบับนะแม่ไม่น่าจำส่งมาฉบับเดียวเลยสองสัปดาห์แล้วนะเนี้ย”
แม้จะมีโทรศัพท์เทคโนโลยีในยุคนี้แล้วครูสายสวาทยังใช้วิธีเขียนจดหมายเพื่อติดต่อกับลูกสาวเสมอเพราะท่านอยากจะเขียนบรรยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมากมายให้เกลียวใจได้รับรู้ เวลาดึกๆ รถข้างนอกยังแล่นไปมาตามจุดหมายผู้คนต่างจังหวัดมากมายเข้ามายังเมืองหลวงแต่จะมีสักกี่คนที่โชคดีเท่าเธอ
“นอนดีกว่า”
เกลียวใจส่ายหน้าเมื่ออ่านจดหมายประจำสัปดาห์ของแม่จบเก็บมันไว้ในกล่องกระดาษบนหัวเตียงก่อนจะปิดไฟหลังจากเดินทางกลับมาต่างประเทศเธอตั้งใจจะกลับบ้านแต่เธออยากเจอชนะพลมากกว่าแม่เสียอีกไม่ได้เจอหน้าเขามาเกือบสัปดาห์แล้วคิดถึงเขาอย่างบอกไม่ถูกส่วนแม่นั้นค่อยไปหาสัปดาห์หน้าก็ได้เพราะยังไงเสียคนอย่างคุณครูสายสวาทไม่เคยไปไหนไกลเกินกว่าอำเภอที่อาศัยอยู่แน่นอน เกลียวใจส่ายหน้าเมื่อนึกถึงแม่ของตัวเอง
……………………………………………………………………….
ในศาลาของวัดผู้คนมากมายหลั่งไหลมางานศพที่สร้างความเสียใจให้กับผู้ที่อาศัยในอำเภอเล็กๆ ไม่ว่าอาชีพอะไรต่างก็นั่งร้องไห้กับการจากไปของผู้ที่ไร้วิญญาณในโลงศพข้างหน้านี้
“ฮือๆๆ คุณครูขา”
เสียงร้องระงมภายในงานสวดอภิธรรมศพทั้งลูกเด็กเล็กแดงในอำเภอนี้ต่างเศร้าเสียใจกับการจากไปอย่างกระทันหัน
ดอกบัวขาวที่ครูสายสวาทชื่นชอบถูกจัดวางจากฝีมือฉวีวรรณ เจ้าของร้านดอกไม้ในตลาดสด รูปถ่ายที่สำเภาเจ้าของร้านถ่ายรูปประจำอำเภอเป็นผู้จัดการ น้ำดื่มยี่ห้อนิรมิตของเถ้าแก่เปียว นักเรียนชายหญิงในชุดนักเรียนเรียบร้อยของโรงเรียนสารสิทธิ์วิทยา กำลังเสิร์ฟน้ำให้แขกผู้เข้ามางานสวดอภิธรรมศพ ทุกคนที่ล้วนแต่รักและเคารพในครูสายสวาท
“ติดต่อลูกสาวของท่านยังไม่ได้เลยหรือครับผู้อำนวยการ”
นายอำเภออาคม ถามผู้อำนวยการโรงเรียนสารสิทธิ์วิทยา
“ยังเลยผมติดต่อไปที่ศิษย์เก่าสารสิทธิ์อีกคนที่เธอทำงานด้วย”
ผู้อำนวยการมองโลงศพของผู้ที่ตนนับถือ ภาพหญิงสูงวัยใกล้จะปลดเกษียณในชุดข้าราชการครู “นางสายสวาท วิริยะพงศ์” แม้จะเป็นเจ้านายของผู้จากไปแต่เขาก็เป็นอดีตลูกศิษย์ของครูสายสวาทเช่นกัน
“ที่ทำงานบอกว่าทั้งสองคนเดินทางไปต่างประเทศผมได้แต่ทิ้งข้อความไว้”
“พวกเราจะต้องเก็บครูท่านไว้นานแค่ไหนหรือครับ”
ร้อยตำรวจเอกสราวุธ ถามเพราะเป็นห่วงกลัวว่าวิญญาณของครูที่เขารักจะจากไปอย่างไม่สงบ
“คงต้องรอเธอนั้นแหละหนูเกลียวกลับมาจะเป็นยังไงบ้าง ตอนที่เมื่อพ่อเธอตายเมื่อสิบกว่าปีโน้นเธอร้องไห้เสียจนผมจะร้องตาม”
“ผมต้องขอโทษที่ช่วยท่านไม่ได้กว่าท่านจะมาถึงผม ท่านก็สิ้นเสียแล้ว”
หมอสมศักดิ์เองก็สลดเมื่อนายมิตรภารโรงของโรงเรียนสารสิทธิ์และเหล่าลูกศิษย์ปัจจุบันอุ้มร่างท้วมๆ ของหญิงสูงวัยครูสายสวาทของเขามายังโรงพยาบาลประจำอำเภอที่หมอสมศักดิ์ประจำอยู่ครูสายสวาทได้จากไปท่ามกลางเสียงร้องไห้ของผู้ที่รู้ข่าวและตามมายังโรงพยาบาล ครูสายสวาทที่ไม่เคยลาป่วยเลยตลอดระยะเวลาเกือบ 30 กว่าปี ต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาเป็นอย่างเดิม
“ไม่มีใครเขาโทษหมอหรอกครับ”
ชินมิตร ครูใหม่โรงเรียนสารสิทธิ์บอกกับหมอสมศักดิ์เขามองไปรอบๆ งานทุกคนต่างร้องไห้ให้กับครูสายสวาททั้งพ่อค้า ประชาชน ข้าราชการ ทุกคนล้วนแล้วเป็นลูกศิษย์ของครูสายสวาททั้งสิ้นเพียงแค่พริบตาต่างก็มารวมที่วัดประจำอำเภอเพื่อมาประสานงานให้ครูสายสวาทผู้ที่รักจากไปอย่างสงบและสมเกียรติ ผู้อำนวยการเป็นพ่องานใหญ่เพราะเป็นเจ้านายและเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกของครูสายสวาท เหลือแต่เพียงเกลียวใจลูกสาวเพียงคนเดียวของครูสายสวาทเท่านั้น
“เราจะทำยังไงดีสองวันแล้วที่ติดต่อหนูเกลียวไม่ได้ ครูสายสวาทจะติดต่อกับหนูเกลียวได้ตลอดเวลา”
ผู้อำนวยการถามกับบรรดาลูกศิษย์ของครูสายสวาท
“ผมจะไปกรุงเทพฯ เองครับผมพอจะรู้ที่อยู่ของเกลียวใจลูกสาวของครูสายสวาท”
ชินมิตรสนิทกับครูสายสวาทมากก่อนที่ครูสายสวาทเสียชีวิตเรื่องราวของเกลียวใจจากคำบอกเล่าของครูสายสวาทและจากจดหมายที่ครูสายสวาทเคยอ่านให้เขาฟังทำให้ชินมิตรนึกภาพของเกลียวใจออก เขาได้รับโอกาสในชีวิตมากมายครูสายสวาทเป็นมากกว่าครูที่สอนเขา ชินมิตรอายุมากกว่าเกลียวใจแค่ 2 ปี เขาจำเด็กผู้หญิงสองเปียที่เคยยื่นขนมให้เมื่อครั้งที่ครูสายสวาทพาเขามาอาศัยเมื่อเขาเจ็บช้ำจากบิดาและมารดาของเขา ทำให้เด็กชายที่ถูกทอดทิ้งสามารถเป็นคนใหม่และยืนอยู่ได้ในสังคม
“ครูชินมิตรเอางั้นหรือ”
สารวัตรสราวุธ เอ่ยการเดินทางไปกรุงเทพฯ จากที่นี่แม้จะใช้เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมงแต่ต้องนั่งรถโดยสารถึง 3 ต่อหากไม่ใช่รถของตัวเองหลายๆ คนในอำเภอมักจะไม่อยากจะเดินทาง ทุกคนใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ ให้มากที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงชีวิตที่ดิ้นรนในเมืองใหญ่
“ผมแน่ใจครับ”
ครูชินมิตรรับปากเขาถือรูปถ่ายของเกลียวใจที่ครูสายสวาทใส่ไว้ที่กระจกโต๊ะทำงานเกลียวใจในชุดครุยและใบปริญญาที่ครูสายสวาทภูมิใจ
“ผมจะออกพรุ่งนี้เลยครับ”
“แล้วครูรู้ที่อยู่หรือ”
ผู้อำนวยการถามครูหนุ่ม
“ครับจดหมายนี้ที่เธอเขียนถึงครูสายสวาทมีที่อยู่ด้วย”
“ผมจะโทรหา ยัยสิทธิ์ดูก่อนให้มันมารับครูที่ท่ารถดีไหม” กำนันชาญเอ่ยขึ้น พ่อของซูซี่หรือสิทธิโชคที่ยอมรับพฤติกรรมของลูกได้เพราะครูสายสวาทให้ข้อคิดนั้นเอง
“ดีเหมือนกันผมก็ว่าจะติดต่อทางสิทธิ์เหมือนกัน”
ชินมิตรเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับซูซี่ก็คิดอยู่แล้วว่าต้องติดต่อทางซู่ซี่ดูจะง่ายกว่า เขาเตรียมตัวเพื่อไปแจ้งข่าวร้ายแก่เกลียวใจเธอจะเสียใจกับการจากไปของมารดาแค่ไหน
.............................................................................................
“เกลียวกลับมาแล้วไม่บอกผมเลยนะ”
ชนะพลต่อว่าคนรักที่เข้ามานั่งรอเขาในร้านอาหารแห่งหนึ่งเธอกลับมาจากต่างประเทศเพราะไปเป็นผู้ช่วยให้ซู่ซี่ที่เป็นดีไซเนอร์ชื่อดังของวงการแฟชั่น ชางต่างชาติมั่นใจในฝีมือของซู่ซี่ เกลียวใจในฐานะผู้ช่วยก้เดินทางไปต่างประเทศด้วยเช่นกัน
“โธ่ พลค่ะเกลียวก็มาตามนัดแล้วนี้ไงค่ะแล้วอย่างอนไปเลยดูสิค่ะเกลียวมีของมาฝากพลด้วย”
เธอแต่งตัวทันสมัยทุกอย่างในตัวเกลียวใจเป็นของมีราคาเพราะทำงานด้านแฟชั่นทุกอย่างที่ใช้ก็ต้องมีระดับทั้งเสื้อผ้า กระเป๋าแม้แต่รองเท้าชนะพลก็ถูกใจเธอเพราะสาเหตุนี้แต่มีบางอย่างที่เขาไม่ถูกใจเกลียวใจเล่นตัวไว้ตัวกับเขามากเหลือเกินเธอจะบ่ายเบี่ยงและยัยซู่ซี่รุ่นพี่ของเธอมักจะคอยขวางเขาเสมอ
“โอ้โฮ เกลียวกางเกงยีนส์ตัวใหม่ที่พึ่งขายเมื่อ 2 วันที่แล้วหรือเปล่า”
เกลียวใจยื่นถุงกระดาษป้ายที่บอกยี่ห้อกางเกงยีนส์ราคาเกือบสองหมื่นเกลียวใจแอบซื้อมาให้เขาจนซูซี่เองเมื่อรู้เข้าก็อดว่าเธอไม่ได้
‘ทีแฟนล่ะซื้อกางเกงตัวล่ะสองหมื่นกับแม่ล่ะคุณครูสายสวาทหล่อนไม่คิดจะซื้อของฝากบ้างเหรอท่านออกจะดีใจที่หล่อนได้มีโอกาสมาเมืองนอกแต่ท่านไม่ได้มา’
ทำไมจะไม่คิดถึงแม่เกลียวใจซื้อผ้าคลุมไหล่เนื้อดีให้มารดาแต่มันยังราคาถูกกว่ากางเกงยีนส์ของชนะพลหลายเท่าตัว แม่คงไม่ว่าหรอกเพราะแม่เป็นแค่ครูธรรมดาที่ไม่เคยมีโอกาสได้มาต่างประเทศเหมือนเธอแค่ผ้าคลุมไหล่คงจะดีใจมากแล้ว
“ใช่จ๊ะพล เกลียวรู้ว่าพลต้องชอบแน่ๆ”
ชายหนุ่มแกล้งทำหน้าสงสารเพื่อให้เธอเห็นใจ
“เกลียวดูสิเกลียวลำบากซื้อของให้พลตบอด พลเสียอีกไม่เคยมีอะไรให้เกลียวเลย”
เกลียวใจแสนสงสารแฟนหนุ่มเขาพึ่งเป็นนายแบบหน้าใหม่ยังไม่มีงานมากนัก เธอพยายามบอกให้ซูซี่แบ่งงานให้ชนะพลบ้างแต่ซู่ซี่หล่อนอคติกับชนะพลเพราะแม่ของเธอบอกว่าไม่ชอบชนะพล
“ไม่หรอกจ๊ะพลเกลียวคบกับพลไม่ได้หวังอะไรเลย”
ชนะพลดีใจเมื่อเห็นกางเกงยีนส์เนื้อดีนั้น


“วันนี้เราไปฉลองที่เกลียวกลับมาที่ผับของเพื่อนพลนะ”
วันนี้ซูซี่ก็ติดต่อไม่ได้ เกลียวใจเองก็อยากอยู่กับชนะพล รถยนต์ของเธอที่มีชนะพลเป็นคนขับ
…………………………………………………………………………..
รถยนต์ราคาแพงซูซี่ในชุดที่ปราดเปรียว ครูชินมิตรมองเพื่อนเมื่อสมัยเรียนที่โฉบเฉี่ยวยืนรอเขาอยู่อย่างกระวนกระวาย เมื่อเห็นเขาเจ้าหล่อนร้องอย่างดีใจประหนึ่งเจอคนรัก
“ว้ายตาย! มิตรเธอหล๊อหล่อ”
เสียงของซูซี่ดังเสียจนผู้คนรอบข้ามมองชินมิตรด้วยสายตาแปลก
“เออ สบายดีหรือสิทธิ์”
ซู่ซี่แทบหน้าเสียชินมิตรเป็นอย่างนี้ปากกับใจตรงกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“นี้บอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามเรียกชื่ออะไรแกกี่ปีก็ไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“กำนันได้บอกแกแล้วใช่ไหมว่าฉันมากรุงเทพฯ ทำไม”
ซูซี่ส่ายหน้าพ่อโทรมาแจ้งแก่หล่อนแต่สายก็ตัดไปหล่อนรู้แต่ว่าชินมิตรจะมากรุงเทพฯ ให้มารอรับเวลานี้เท่านั้นเองสีหน้าของเพื่อนดูไม่ดีเสียเลย
“ขึ้นรถก่อนดีกว่าแกหน้าหล่อๆ แต่ทำเหมือนแบกโลกไว้แสดงต้องเรื่องใหญ่แน่ๆ”
ชินมิตรพยักหน้าแล้วนั่งคู่คนขับซู่ซี่แล่นรถออกไปก่อนเริ่มบทสนทนากับเพื่อนอีกครั้งระหว่างระติดไฟแดงอยู่กลางสี่แยกเพื่อไปยังห้องพักของหล่อนที่ติดกับห้องพักของเกลียวใจ
“ซูซี่ที่บ้านเรากำลังวุ่นวายทีเดียว”
ชินมิตรพยามเอ่ยก่อนการจากไปของคุณครูสายสวาทส่งผลให้ชีวิตของผู้คนในอำเภอดูเศร้าสร้อยไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้น”
หล่อนหันไปถามเพื่อนระหว่างเลี้ยวรถไปจอดยังลานจอดรถชั้นบนของห้องชุดที่พักของหล่อนเอง
“ครูสายสวาท”
เหมือนเขากลืนน้ำลายตัวเองอย่างยากลำบากรถจอดสนิทแล้วชื่อของครูสายสวาท ทำให้ซูซี่แทบชะงักมันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่เพราะนานๆ ครั้งชินมิตรจะเข้ากรุงเทพฯ เสียทีหลังจากที่เขาเรียนจบ
“เกิดอะไรขึ้นมิตร”
สายตาของหล่อนสงสัยครูที่เข้าใจหล่อนยิ่งกว่าพ่อแม่เกิดอะไรขึ้นกับท่าน
“ท่าน...เสียแล้ว”
“ฮ้า...ไม่จริงหรอกฉันไม่เชื่อแก ไอ้มิตรแกอย่ามาล้อเล่น”
ชินมิตรมองเพื่อนสาวของเขา
“จริงๆ ที่โน้นติดต่อลูกสาวท่านไม่ได้ฉันเลยอาสามาบอกเอง”
น้ำตาของหล่อนไหลอย่างเสียใจซูซี่ หล่อนนึกถึงท่านเสมอการที่เกลียวใจลูกสาวของครูสายสวาทอยู่ใกล้เป็นการตอบแทนบุญคุณของคุณครูที่ชาตินี้หล่อนไม่สามารถตอบแทนได้หมด
“ฉันกับเกลียวพึ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อวานนี้เอง โธ่ คุณครูขา”
ใบหน้าที่เหมือนผู้หญิงแท้ๆ ของหล่อนซบกับมือที่ยังกำพวงมาลัยแน่น
“เอาเถอะซูซี่แกเสียใจเราทุกคนเสียใจ ตอนนี้หน้าที่ของเราคือบอกเกลียวใจให้รู้เรื่องนี้”
ชินมิตรบอกเกลียวใจจะเป็นอย่างไรเด็กหญิงที่เคยอยู่ในความทรงจำของเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อน
“โธ่! ยัยเกลียว”
ซูซี่สนิทกับเกลียวใจหล่อนรู้นิสัยที่ต่อต้านมารดาทั้งที่รักที่สุดของเกลียวใจดี
“ไปเถอะมิตรเกลียวใจน่าจะอยู่”
ซูซี่เช็ดน้ำตาให้ตัวเองแล้วพาชินมิตรลงจากรถไปยังห้องพักของเกลียวใจ
………………………………………………………….
“เกลียวๆ อยู่หรือเปล่า”
ซูซี่เรียกเกลียวใจหน้าห้องโดยไม่รู้ว่าร่างบางกำลังหลับสนิทบนเตียงเสื้อนอกที่ถูกชนะพลถอดออกเกลียวใจไม่ได้สติเพราะแพ้ทางชนะพลเขาหลอกพาเธอไปผับและให้ดื่มเครื่องดื่มที่ผสมยานอนหลับในห้องของเธอนั้นเอง เวลาที่ชนะพลคำนวณไว้ ซูซี่คงไม่อยู่ไม่อย่างนั้นการที่พาเกลียวใจที่ไม่ค่อยได้สติมายังที่ห้องพักแห่งนี้คงไม่ได้ง่ายๆ แต่เขายังไม่ทันได้ลงมือซูซี่แทบหัวใจวายประตูที่ปิดไม่สนิทและชนะพลในกางเกงยีนตัวเดียว สภาพของเกลียวใจที่กำลังถูกปลดกระดุมที่เสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอ
“เฮ้ย”
ชินมิตรกระชากร่างนายแบบหนุ่มเขากระหน่ำตรงใบหน้าหล่อของชนะพลโกรธอย่างขีดสุดซูซี่ประคองร่างเกลียวใจดึงผ้ามาห่มไว้ในอ้อมกอด
“อ๊าก ๆ ๆ ไอ้”
ชนะพลพยายามต่อสู้แต่ชินมิตรเป็นมวยมากกว่าครูพลศึกษาที่เรียนจบมวยสากลอย่างเขาแข็งแรงและรู้ทางมากกว่าหนุ่มเจ้าสำอาง
“ไอ้พลแกออกไปไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”
ปากที่กลบเลือดของชนะพลเขาพยายามยันกายมองคูต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างชินมิตร
“แกไอ้กระเทยบ้า เกลียวเป็นแฟนฉันแกมาแส่ทำไม”
ชนะพลร้องด่าซูซี่
“แกอยากโดนตำรวจจับหรือไงเกลียวไม่ได้สติอย่างนี้เพราะแกมอมยานักข่าวรู้แกหมดทางแน่ๆ ไปออกไป”
ชนะพลมองชินมิตรและซูซี่สลับกันก่อนวิ่งออกไปอย่างเจ็บใจ
“เป็นยังไงบ้างซูซี่”
ซูซี่ที่ประคองเกลียวใจเอาไว้
“ยังดีที่มันไม่ได้ทำอะไรเกลียว เอาไปที่ห้องฉันก่อนรอกเกลียวฟื้น”
ชินมิตรอุ้มเกลียวใจลูกสาวของครูสายสวาทที่เกือบพลาดท่าให้กับไอ้หนุ่มนั้นเธอและมันเป็นแฟนกันเขาน่าจะรู้เกลียวใจน่าจะมีคนรักแล้ว
“เดี๋ยวฉันไปหาผ้ามาเช็ดหน้าให้”
ซูซี่บอกเมื่อชินมิตรวางร่างเกลียวใจบนเตียงในห้องของหล่อน
“แม่...แม่”
เกลียวใจเพ้อเรียกมารดาของเธอชินมิตรนั่งบนขอบเตียงเมื่อซูซี่เช็ดหน้าให้กับเธอ
“ยัยเกลียวเอ๊ย ไม่น่าเลย”
หล่อนรำพึง
“หมอนั้นเป็นแฟนคุณเกลียวหรือซูซี่”
ชินมิตรถามเพื่อน
“อืม แต่พึ่งคบกัน มิน่าเลยครูสายสวาทท่านไม่ค่อยชอบเท่าไรปกติมันจะไม่ขึ้นมาข้างบนนี้หรอกวันนี้ฉันไม่อยู่ ยัยเกลียวเลยเกือบพลาดท่า”
ชินมิตรได้แต่มองหญิงสาว จนซูซี่หยุดเช็ดตัวเกลียวใจแล้วหันมาทำตาเขียวใส่เพื่อน
“อะไร”
ชินมิตรงงที่ซูซี่มองเขาอย่างเอาเรื่อง
“แกไปรอตรงโน้น”
ชินมิตรหน้าแดงเมื่อรู้ความหมายของเพื่อนที่เขามองร่างบางของหญิงสาวอย่างไม่กระพริบตา แล้วก็ลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกไป
“แม่จ๋า”
เสียงของเกลียวใจร้องเรียกแม่ยังดังเป็นระยะ ชินมิตรยืนมองออกไปข้างนอกตึกสูงรถราวิ่งขวักไขว่ เขาไม่ชอบการใช้ชีวิตเมืองกรุงที่ต้องเร่งรีบเลย
………………………………………………………………..
เกลียวใจรู้สึกหนักศีรษะเมื่อลืมตาขึ้นอย่างยากเย็นชายหนุ่มที่มองเธอและซู่ซี่นั่งบนเตียงอีกข้างหนึ่ง
“พี่ซูซี่”
เธอพยายามนั่งซูซี่ประคอง
“เป็นไงบ้าง”
“เกลียวปวดหัวค่ะ”
“ก็น่าอยู่หรอกไอ้ชนะพลมันคงให้หล่อนกินยานอนหลับจนไม่ได้สติ”
เกลียวใจพยายามทบทวนเหตุการณ์
“เกลียวดื่มน้ำส้มแค่สองอึกเองแล้ว”
“น้ำส้มนั้นแหละที่เกลียวเป็นอย่างนี้ พี่ไม่อยากจะว่ามันกำลังจะ...จะทำไม่ดีกับเกลียวดีที่ชินมิตรเพื่อนพี่เข้ามาช่วยเสียก่อนไม่อย่างนั้นเกลียวอาจจะต้องเสียใจ”
สายตาของเขาที่จ้องเธอเกลียวใจพึ่งสำรวจว่าตัวเองไม่เรียบร้อยจึงดึงผ้ามาห่มร่างตัวเองไว้ชินมิตรมองไปทางอื่นซูซี่รู้สถานการณ์ดี
“นี้ครูชินมิตรเพื่อนพี่ที่เคยเรียนสารสิทธิ์ด้วยกันเขามาหาเกลียว”
ชินมิตรเดินมานั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ เตียงมันยากจะเอ่ยเรื่องร้ายๆ ซ้ำเมื่อเกลียวใจพึ่งผ่านเหตุการณ์ร้ายมา
“พลนะหรือ”
เกลียวใจไม่อยากจะเชื่อชนะพลที่เคยเป็นสุภาพบุรุษกับเธอตลอด แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธในเมื่อร่างกายที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยของเธอนั้นคือหลักฐานสำคัญ
“เกลียวตัดใจเสียเถอะมีอีกเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่า”
ซูซี่หันไปทางชินมิตรเพื่อส่งเรื่องให้เขา
“คุณเกลียวคือว่าแม่ของคุณ...ครูสายสวาทท่าน”
เธอจ้องเข้ากลับต้องการคำตอบมันต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ ลางสังหรณ์ของเธอมักจะเป็นจริงเสมอ
“ท่านเสียแล้ว”
ซู่ซี่โอบร่างของเกลียวใจไว้เธอร้องไห้ในห้องที่คนทั้งสามเสียใจกับการจากไปของครูสายสวาทแต่เกลียวใจนั้นยิ่งหนักสุดเธอไม่อยากจะเชื่อ ช่วงเวลาที่เธอกำลังหลงระเริงในเมืองกรุงแม่ที่รักของเธอจากไปโดยที่เธอนั้นไม่ได้อยู่กับท่าน
“ผมเป็นตัวแทนมาส่งข่าวให้คุณ”
“ไม่จริงใช่ไหมค่ะพี่ซูซี่”
เกลียวใจมองซูซี่ทั้งน้ำตาและเสียงคะยั้นคะยอเพื่อให้หล่อนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
“จริงๆ เกลียวเราต้องกลับไปที่บ้านกัน”
ซูซี่เองที่เสียใจเช่นกันดูจะมีสติมากกว่าเกลียวใจ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นสำหรับเกลียวใจหนักหนาที่สุดสำหรับเธอผ้าคลุมไหลที่ตั้งใจจะซื้อให้แม่อยู่ในมือเธอระหว่างนั่งรถชินมิตรกับซูซี่ผลัดกับขับรถต่างก็เหลียวหลังมองผ่านกระจกอย่างเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวของคุณครูสายสวาท



topaz
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ค. 2555, 15:31:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ค. 2555, 15:31:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1215





   บทที่๒ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account