ปีกนางฟ้า (Angel Wing)
เมื่อ สิ่งที่ เรียก ว่า "โชคซะตา" ที่ เรา ทุก คนเชื้อมา ตลอดว่า เราเป็นผู้ กำหนด เส้นทางของเราเอง แต่ ทว่า สิ่งที่ เราทำได้ กลับมี เพียง แต่ เดินไป ตามเส้นทางของ โชคซะตา ที่ถูกกำหนดมาให้เรา แล้ว
Tags: เวทมนตร์.วิญญาญ.ยมทูต.เทวทูต.ความดี.ความเลว.รักหวานซึ้ง
ตอน: The Book Of Darkness VI
รี ฟอสสะดุ้งตื่นขึ้น แล้วหันมองไปทางหน้าต่าง แสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องเข้าสู่ตัวเมือง ปลุกผู้คนให้ตื่นขึ้นจากนิทรา รีฟอสลุกขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง หันมองตัวเมืองที่อยู่ไม่ไกลมากนัก แล้วนึกถึงความฝันที่ตัวเองฝัน ภาพของหญิงสาวผมยาวสลวยสีทอง ดวงตาสีม่วง และ รอยยิ้มที่อ่อนโยน ก็ผุดขึ้นมาในความคิดของรีฟอส รีฟอสมีความรู้สึกว่าหญิงสาวที่เห็นในความฝันมีความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอก ไม่ถูก และรู้สึกโหยหาอย่างน่าแปลก เมื่อแสงแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้อง ก็ปลุกรีฟอสให้ตื่นขึ้นจากความคิด รีฟอสมองไปด้านนอกหน้าต่างก็รู้สึกว่าสายมากแล้ว จึงรีบเดินออกจากห้องแล้ว เดินลงไปด้านล่าง ก็พบว่ายังไม่มีใครตื่น รีฟอสจึงเดินไปเปิดหน้าต่าง และจัดโต๊ะ เก้าอี้ต่างๆ สักพักหนึ่งมาสเตอร์ก็เปิดประตูเข้ามาในร้าน เมื่อเห็นรีฟอสยืนอยู่ก็กล่าวทักทายขึ้น
“ตื่นเช้า จังเลยนะจ๊ะ” แล้ว เดินผ่านรีฟอสไปด้านหลังร้าน รีฟอสเดินตามไปหลังร้านเพื่อจะถามมาสเตอร์ว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย มาสเตอร์ก็ครุ่นคิดอยู่แปบหนึ่งแล้วหันมาบอกรีฟอส
“เธอ ช่วยไปปลุกเทียน่าให้ หน่อยได้มั้ย จ๊ะ” รีฟอสหยักหน้ารับ แล้วเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของเทียน่า แล้วเคาะประตู
“เทียน่า ตื่นหรือยัง เทียน่า” ชั่ว ครู่หนึ่งประตูก็ถูกเปิดออก รีฟอสมองเทียน่าที่มาเปิดประตู อยู่ในชุด นอนสีฟ้า ผมเฝ้ายุ่ง และที่สำคัญ ยังไม่ลืมตาตื่น เทียน่ายกมือขึ้นขี้ตาแล้วตอบกลับทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“ตื่นแล้ว ค่าคุณแม่” เมื่อรีฟอสเห็นสิ่งที่เทียน่าทำก็ยิ้มขึ้น พร้อมๆกับยื่นมือไปจับหัวเทียน่าแล้วโยกเล็กน้อย
“ลืม ตา ก่อนดี มั้ย” เทีย น่าก็ทำตามที่บอก เมื่อเทียน่าลืมตาขึ้นก็พบว่าคนที่มาปลุกไม่ใช่แม่ แต่เป็นรีฟอสก็เผลอเรียกชื่อรีฟอสออกมาดังๆ จนมาสเตอร์ที่อยู่ชั้นล่างได้ยินเสียง ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างสนุกสนาน เทียน่าเมื่อรู้ตัวว่ารีฟอสมาปลุกตนเอง ก็ก้มลงมองสำรวจตัวเองว่ายังอยู่ในชุดนอนก็ หน้าแดงขึ้นมา แล้วปิดประตูใส่หน้ารีฟอส รีฟอสมองสิ่งที่เทียน่าทำก็ยิ้มขึ้น
“งั้น ฉันลงไปรอชั้นล่างนะ” ไม่ มีเสียงตอบกลับจากเทียน่า รีฟอสจึงเดินลงมาที่ชั้นล่างแล้วเดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์ สักพักหนึ่งมาสเตอร์ก็เดินออกมาจากหลังร้าน มายืนที่เคาน์เตอร์
“ไงจ๊ะ เทียน่าตื่น หรือยัง” รีฟอสหยักหน้ารับ “ครับ ตื่นแล้ว” เมื่อ รีฟอสนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ยิ้มขึ้นแบบขำๆ มาสเตอร์เห็นรีฟอสยิ้มขึ้นก็พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น ชั่วครู่หนึ่งเทียน่าก็เดินลงมาจากชั้นสอง แล้วเดินไปนั่งข้างๆรีฟอสที่เคาน์เตอร์ เทียน่ามองมาสเตอร์แล้วกล่าวทักทาย แล้งหันมาทางรีฟอส
“เมื่อคืนหลับ สบายมั้ย” รีฟอสหันมองคนถาม
“อือ สบายดี แต่ไม่ตื่นสายเหมือน ใครบางคนหรอก” แล้วยิ้มให้กับเทียน่า เมื่อเทียน่าได้ยินที่รีฟอสแซวตนเองก็ตอบกลับไปทันที
“ขอโทษฉันก็เป็นแบบ นี้แหละเธอรับได้หรือเปล่า” ด้วยน้ำเสียงที่งอนๆ รีฟอสจึงยิ้มขึ้น
“ได้เสมอ” เทียน่ามองรีฟอสแล้วพูดต่อ
“ตลอดชีวิต นะ”ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน รีฟอสมองสบตาเทียน่าพร้อมๆกับตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เขิน
“ถ้าเธอไม่เปลี่ยน ใจ” เทียน่าจ้องมองสบตารีฟอส
“ไม่ มี วัน” ด้วย น้ำเสียงที่จริงจัง แล้วทั้งคู่ก็จ้องตากันอย่างหวานซึ้ง เสมือนกับว่ามีกันอยู่เพียงสองคน มาสเตอร์มองการกระทำของทั่งคู่ก็แซวขึ้น
“แหมๆ หนุ่มสาวก็แบบนี้ แหละจ๊ะ” เมื่อ ทั้งสองคนได้ยินที่มาสเตอร์แซวก็ต่างเขินจนต้องหันหน้าไปคนละทาง มาสเตอร์เห็นการกระทำของทั้งของคนก็ยิ้มขึ้น แล้วยกอาหารเช้าเสริฟให้ทั้งคู่ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ช่วยงานในร้าน จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น ขณะที่พระอาทิตย์กำลังฉายแสงสุดท้ายของวัน
รา ทารี่เปิดประตูเข้ามาในร้าน ก็เห็น รีฟอสและเทียน่ากำลังนั่ง คุยกันอยู่ที่เคาน์เตอร์โดยมีมาสเตอร์กำลังยืนจัดของอยู่ จึงเดินเข้าไปหา แล้วกล่าวทักทายทั้งสามคน เมื่อรีฟอสเห็นราทารี่มาคนเดียวจึงเอ่ยถามถึงอีกสองคนที่เหลือ
“มาครอส และ เจราส ล่ะ ครับ”ราทารี่ส่ายหน้า
“ไม่ เจอ เลย” รีฟอสชวนราทารี่ให้ออกไปด้านหลังร้าน แต่ก่อนที่รีฟอสจะเดินออกไปมาสเตอร์ก็ยื่นกระดาษ 2-3 แผ่น ให้กับรีฟอส รีฟอส และ ราทารี่ก็เดินออกมาถึงหลังร้าน ด้านหลังของ ราเบอรี่บาร์ติดกับชายป่า มีต้นหญ้าขึ้นรอบๆบริเวณ รีฟอสเดินมานั่งที่โต๊ะ ที่ถูกทำขึ้นจากหินอ่อนสีขาว ราทารี่ก็นั่งลงตาม
รี ฟอสนั่งลงแล้วอ่านกระดาษในมือตนเองที่มาสเตอร์ให้มา ว่าเป็นแผนผัง คฤหาสน์ของโรมานอฟ สักพักหนึ่ง มาครอส และเจราส ก็เดินออกมาจากบริเวณด้านข้างของร้าน โดยที่มาครอส แบกกระเป๋าใบใหญ่มาด้วย ส่วนเจราสไม่ได้นำอะไรมาเลย เมื่อทั้งสองคนมาถึง รีฟอสก็ ยื่นแผนผัง คฤหาสน์ของโรมานอฟ ให้ทั้งสองคน มาครอสมองดูแผนผังที่อยู่ในมือก็ถามรีฟอสขึ้น
“นายไปเอาแผนผังนี่ มาจากไหน”ด้วยน้ำเสียงที่สงสัย รีฟอสหันมองคนถาม
“จาก มาสเตอร์” เมื่อ มาครอสได้ยินคำตอบของรีฟอสก็รู้สึกนับถือมาสเตอร์ขึ้นมาทันที เพราะว่า แผนผังของคฤหาสน์ขุนนางไม่ใช่ของที่จะหามาได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคฤหาสน์ของโรมานอฟด้วยแล้ว
รีฟอสหันมองทุกๆคนแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางเป็นงานเป็นการ “จากข้อมูลของมาสเตอร์ “หนังสือแห่งรัตติกาล” ถูกตั้งโชว์อยู่กลางห้องโถงขนาดใหญ่ของคฤหาสน์” เมื่อ รีฟอสพูดจบทุกคนต่างหยิบแผนผังของคฤหาสน์ขึ้นมาดู เพื่อจดจำช่องทางต่างๆของตัวคฤหาสน์ เมื่อทุกคนต่างจำแผนผังได้แล้ว ก็เริ่มนำอาวุธของตัวเองขึ้นมาเช็ค รีฟอสมองมาครอสที่กำลังยุ่งอยู่กับปืนหลายกระบอกที่นำมา แล้วหันมองราทารี่ ราทารี่กำลังสวมเสื้อแขนยาวสีดำ แล้วมีเส้นลวดออกมาจากข้อมือ แล้วคนสุดท้ายที่รีฟอสสงสัยที่สุดก็คือ เจราส
เจราสนั่งมองทุกคนเฉยๆเดินไม่จัดเตรียมอะไรเลย รีฟอสจึงถามขึ้นด้วยท่าทางสงสัย
“อาวุธของคุณล่ะครับ” เจ ราสหันมองรีฟอสแล้วยิ้มขึ้น แต่ไม่ตอบอะไร รีฟอสก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เสียงหอระฆังดีบอกเวลาเที่ยงคืน ทุกคนต่างเตรียมพร้อม แล้วทยอยกันมุ่งหน้าเข้าไปในชายป่าที่มีต้นไม้มากมาย ที่อยู่ด้านหลังบาร์ รีฟอสเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่บัดนี้ เป็นสีแดงฉานราวกับเลือด และดวงจันทร์กลมมนสีแดงที่ส่องสว่าง ก็บ่นขึ้นกับตัวเอง “ไม่ชอบท้องฟ้า แบบนี้เลย” แล้วเดินตามพวกราทารี่หายเข้าไปในป่า
ทั้งสี่คนเดินตัดชาย ป่าจนมาถึง คฤหาสน์โรมานอฟ รีฟอสหันมองสำรวจบริเวณรอบๆคฤหาสน์ มีกำแพงสูงประมาณ 3เมตร ถูกสร้างขึ้นด้วยอิฐ ประตูทางเข้าถูกทำมาจากเหล็ก ที่สำคัญมียามยืนเฝ้าอยู่สองคน ใส่ฮู้ดสีดำ จึงมองไม่เห็นใบหน้า ในมือถือปืนยาวและที่เอวก็สะพายดาบ รีฟอสจึงบอกให้มาครอสจัดการยามทั้งสองคนซะ มาครอสยกปืนขึ้นเล็งแล้วลั่นไก ยามคนแรกล้มลง ยามคนที่สองล้มตาม อย่างไม่รู้ตัว เมื่อจัดการเรียนร้อยแล้ว พวกรีฟอสก็ดินออกมาจากที่ซ่อน มาที่บริเวณหน้าประตูรีฟอสสำรวจประตูว่า ถูกล็อคจากด้านใน
รา ทารี่จึงอาสาไปเปิดให้ เธอปีนกำแพงเข้ามาด้านในแล้วสะเดาะกุญแจที่ประตูใหญ่ ให้พวกรีฟอสเดินเข้ามาด้านใน รีฟอสมองเห็นคฤหาสน์ที่อยู่ไม่ไกลจากที่ตัวเองยืนอยู่มากนัก มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมทั้งสองข้างทาง คฤหาสน์ถูกสร้างขึ้นสามชั้น มีทางเดินอยู่ด้าน ซ้าย และ ด้านขวา มีดวงไฟติดอยู่ตามทางเดินทั้งสองข้าง แต่ทว่าในตัวคฤหาสน์กลับไม่มีแสงไฟเสมือน กับว่าไร้ผู้คน รีฟอสและคนอื่นๆเดินไปที่ประตูทางเข้าของคฤหาสน์เสียงสายลมพัดต้นไม้ให้สั่น ไหว เศษใบไม้ปลิวตามสายลมที่ฟัดผ่าน ทำให้รีฟอสรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ เมื่อทั้งหมดเดินมาถึงประตูทางเข้าคฤหาสน์ มีเสาต้นใหญ่สองต้นอยู่ด้านหน้า มีบานประตูสีดำที่ถูกแกะสลักด้วยไม้อยู่ระหว่างกลางเสาทั้งสองต้น ทั้งหมดเดินผ่านเสามายืนรออยู่ที่หน้าประตู เพื่อรอราทารี่สะเดาะกลอนประตู รีฟอสมองสำรวจรอบๆทางเดินทั้งสองข้างของคฤหาสน์ ที่เงียบจนผิดปกติ ขณะที่รีฟอสกำลังมองสำรวจบริเวณอบๆอยู่ ราทารี่ก็เปิดประตูเสร็จพอดี ทั้งหมดเดินลอดผ่านประตูเข้ามาด้านใน สภาพด้านในนั้นฝั่งซ้ายมีบานประตูอยู่หลายบาน ฝั่งขวามีบานหน้าต่างที่ทำด้วยกระจกเรียงไปจนสุดทางเดิน รีฟอสเดินผ่านทางเดินแล้วหันมองลอดผ่านบานหน้าต่างออกมาด้านนอก ด้านนอกมีสระน้ำวงกลมขนาดเล็กมีน้ำพุพุ่งขึ้น มีโต๊ะตั้งอยู่ใกล้ๆกับน้ำพุ มีต้นไม้ใหญ่หลายต้นล้อมรอบ รีฟอสเดาว่าน่าจะเป็นสวน พวกรีฟอสเดินมาถึงประตูด้านในสุด ทุกคนต่างเตรียมพร้อม ราทารี่ผลักประตูออก ทุกคนต่างจ้องมองสภาพภายในห้องโถง ที่มีเพียงแต่แสงสว่างที่มาจากดวงจันทร์สาดส่องลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาทำ เห็นสภาพภายในของห้องโถง เป็นห้องกว้างขนาดใหญ่ ด้านซ้ายมือ มีบันไดขึ้นไปชั้นบน ส่วนด้านหน้ามีระเบียงของชั้นบนยื่นออกมา ด้านขวาเป็นบานหน้าต่างขนาดใหญ่ สาม บาน แล้วสายตาทุกคน ก็ต่างจับจ้องไปที่ของสิ่งหนึ่งที่ถูกวางอยู่กลางห้องโถง มีแท่นหินสีขาวตั้งอยู่กลางห้องโถง บนแท่นหินมีหนังสือหน้าปกสีดำวางอยู่ รีฟอสเดินนำเข้าไปถึงแท่นหิน ขณะที่รีฟอสกำลังจะยื่นมือไปสัมผัสกับหนังสือ ไฟในห้องโถงก็สว่างขึ้นจากโคมระย้า ที่แขวอยู่ด้านบน เมื่อไฟสว่างขึ้นพวกยามต่างพุ่งเข้ามาในห้องโถงเพื่อล้อมพวกรีฟอสไว้ สักพักหนึ่งก็มีเสียงหัวเราะดังออกมาจากระเบียงด้านบน รีฟอสเงยหน้าขึ้นมองระเบียงด้านบน ที่มาของเสียงหัวเราะ มีชายแก่รูปร่างอ้วนหัวร้าน อยู่ในชุดนอนสีแดงที่ทำมาจากผ้าแพร ดวงตาสีดำ กำลังมองมาที่พวกรีฟอสด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
“ดูสิ มีพวกหนูโสโครก เข้ามาในคฤหาสน์ ของฉัน” ชายแก่พูดขึ้นด้วยท่าทางหงุดหงิด แล้วหันมาพูดกับบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆตนเอง
“ต้อง ขอบใจนายมาก ที่มาบอกให้รู้ถึงแผนการของ หนูโสโครก พวกนี้” รี ฟอสจ้องมองบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆชายแก่ เขาสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ และสวมหมวดทรงสูงสีดำ ใบหน้าซีดขาว ดวงตาสีดำ เมื่อจ้องมองชายคนนี้รีฟอสก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่า ผู้ชายคนนี้อันตรายอย่างยิ่ง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆชายแก่ตอบกลับไป
“ไม่เป็นไร ครับนายท่าน”ด้วยท่าทางที่เคารพ ชายแก่หันมองมาทางพวกรีฟอสแล้วพูดต่อ
“เป้าหมายของพวกแก คงเป็นหนังสือเล่นนั้นสินะ” พร้อมๆกับจ้องมองมาที่หนังสือที่ถูกว่างอยู่บนแท่นหินกลางห้อง
“ถ้าพวกแกหยิบได้ ก็เชิญเอามันไปได้เลย”พร้อมๆ กับจ้องมองพวกรีฟอส รีฟอสจ้องมองแท่นหินที่อยู่ตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ว่าทำไมต้องให้จับหนังสือ หรือว่าจะเป็นกับดัก ขณะที่ รีฟอส และคนอื่นกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น มาครอสก็พูดขึ้นพร้อมๆกับเดินเข้าไปที่แท่นหินกลางห้อง
“ก็แค่หนังสือ ธรรมดาๆไม่เห็นจะมีอะไรหน้ากลัว” แล้วยกมือขึ้นเพื่อหวังจะจับหนังสือ รีฟอสเห็นสิ่งที่
มาครอสกำลังจะทำก็ตะโกนขึ้นทันที
“อย่า จับมัน” พร้อมๆ กับจ้องมองมาครอส แต่ทว่ามือของมาครอสกลับสัมผัสถูกหนังสือเล่มนั้นไปแล้ว เสมือนทุกอย่างภายในห้องโถงนั้นหยุดนิ่งลง นิ้วมือของมาครอสที่สัมผัสถูกกับหนังสือ เริ่มเปลี่ยนเป็นขี้เถ้าในทันที แล้วลามขึ้นมาถึงแขนอย่างรวดเร็ว มาครอสทรุดตัวลงด้วยความเจ็บปวด ร้องโหยห้วนด้วยความทรมาน เพียงไม่กี่นาทีร่างของมาครอสก็เหลือเพียงแต่กองขี้เถ้าเล็กๆ พร้อมกับปืนสองกระบอกของเขาตกอยู่ข้างกองขี้เถ้า ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างนิ่งเงียบ แต่กลับมีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านบนระเบียง รีฟอสเงยหน้ามองที่มาของเสียงหัวเราะ ชายแก่กำลังหัวเราะอยู่ด้วยท่าทางสนุกสนาน
“หนังสือเล่มนี้ มันไม่คู่ควรกับ พวกหนูโสโครก อย่างพวกแกหรอก” พร้อมๆกับจ้องมองพวกรีฟอสที่มีสีหน้าตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วตะโกนสั่งพวกยาม
“จัดการพวกหนูโสโครก นี่ซะ” แล้วหันหลังเดินกลับไป รีฟอสหันมองรอบๆเห็นพวกยามกำลังยกปืนขึ้นเล็งพวกตนเอง จึงหันกลับมากระซิบกับราทารี่ด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“พอไฟดับ ใช้ลวดเอาหนังสือเล่มนั้นมาซะ” ราทารี่มองหน้ารีฟอสด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ถ้าแตะโดนมันจะกลายเป็นขี้ เถ้าเอานะ” ด้วนน้ำเสียงที่สั่นกลัว รีฟอสจึงพูดต่อด้วยเสียงเบาๆ
“เชื่อ ใจ ฉันสิ” แล้ว มองสบตาราทารี่ด้วยสายตาที่มุ่งมั่น ราทารี่เมื่อเห็นสายตาที่มั่นใจของรีฟอสก็ พยักหน้าตกลง รีฟอสรอจังหวะ แล้วล้มตัวลงเพื่อหยิบปืนของมาครอสที่ตกอยู่ที่พื้น แล้วยิงไปที่โคมไฟระย้า ในทันที “ปัง” เสียงดัง ขึ้นจากกระบอกปืนของรีฟอส ไฟดับลงในทันที และเสียงปืนอีกหลายนัดก็ดังขึ้นตามมา พร้อมๆกับมีเสียงกระจกหน้าต่างแตก เมื่อชายแก่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก็รีบวิ่งกลับมาที่ระเบียงมองเห็นข้างล่างมืดและยังคงมีเสียงปืนดังอยู่ จึงตะโกนลงมาจากบนระเบียง
“หยุด มันเกิดอะไรขึ้น”ด้วยน้ำเสียงที่โมโห พร้อมๆกับจ้องมองไปยังด้านล่าง เมื่อพวกยามได้ยินเสียงตะโกนของชายแก่ ก็ต่างวิ่งหาแสงไฟกันให้วุ่น
“พวกมัน ล่ะ” เมื่อได้ยินที่ชายแก่ถามพวกยามต่างหันมองรอบๆ
“พวกนั้น หนีไปแล้วครับ นายท่าน”เมื่อชายแก่ได้ยินที่พวกยามรายงานก็ ถามต่อด้วยท่าทางที่ร้อนรน
“หนังสือ ล่ะ หนังสือ อยู่ไหน” พวก ยามต่างรีบส่องไฟไปทางแท่นหิน แต่บนแท่นหินกลับว่างเปล่า ชายแก่จ้องมองแท่นหินที่ว่างเปล่าด้วยท่าทางโมโหพร้อมๆกับยกมือขึ้นทุบราว ระเบียง แล้วตะโกนสั่งพวกยามให้ไล่ตามพวกรีฟอสไป พวกยามต่างวิ่งออกจากคฤหาสน์ วิ่งเข้าไปในเขตชายป่า
ทาง ด้านพวกรีฟอสที่กำลังวิ่งอยู่ภายในป่า รีฟอสก็ออกความคิดให้ไปซ่อนตัวกันในตัวเมือง ทั้งสามคนจึงวิ่งไปทางตัวเมือง ขณะวิ่งอยู่ราทารี่หันมองรีฟอส ก็ถามขึ้น
“นายคิด ได้ยังไง” พร้อมๆกับจ้องมองห่อผ้าที่รีฟอสถืออยู่ข้างๆตัว รีฟอสตอบคำถามของราทารี่โดยไม่ได้หันมองเธอ
“ฉัน ก็แค่คิด ว่าถ้าเราไม่สัมผัสโดน มันตรงๆก็ไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้น” รา ทารี่จ้องมองรีฟอสด้วยสายตานับถือ ส่วนเจราสที่วิ่งตามหลังมา เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ก็ยิ้มขึ้น พร้อมๆกับจ้องมองรีฟอสที่วิ่งอยู่ด้านหน้าด้วยสายตาแปลกๆ
ขณะ นั้นภายในตัวเมืองกำลังมีงานเทศการ มีการออกร้านค้ามากมาย มาสเตอร์และเทียน่า กำลังเดินเที่ยวงานที่ถูกจัดขึ้นในตัวเมือง ผู้คนมากมายกำลังสนุกสนานกับงานที่จัดขึ้นทำให้ราตรี นี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและ ความสุข มาสเตอร์และ เทียน่า เดินเที่ยวงานกันจนทั่วจนรู้สึกเหนื่อย จึงมานั่งพักกันที่บริเวณจัตุรัสใจกลางเมือง ทั่งสองคนนั่งมองผู้คนมากมายที่กำลังเพลิดเพลินกับงานเทศกาล มาสเตอร์หันมองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
“น่าเสียดายนะ รีฟอสน่าจะมาด้วยกันนะจ๊ะ”
“ไว้ค่อยชวนมาพรุ่งนี้ก็ ได้ค่ะแม่” มาสเตอร์ยิ้มให้กับเทียน่าแล้วยกมือขึ้นลูบหัวอย่างอ่อนโยน
“แล้วลูก สองคนเป็นยังไงกันบ้างจ๊ะ” เทียน่าเมื่อได้ยินที่มาสเตอร์ถามก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
“คุณแม่ รู้ด้วยหรอค่ะ” เทียน่าถามด้วยท่าทางที่เขินอาย มาสเตอร์มองท่าทางของลูกสาวคนเดียวก็ยิ้มขึ้น
“ถ้าเป็นรีฟอส แม่ก็เห็นด้วยจ๊ะ” “เขาคงไม่ทำให้ลูกเสียใจ แน่นอน” เมื่อมาสเตอร์พูดจบเทียน่าก็ยิ้มขึ้น แล้วเอนตัวเข้ากอดมาสเตอร์
“ขอบคุณค่ะ คุณแม่” ด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ
“ตื่นเช้า จังเลยนะจ๊ะ” แล้ว เดินผ่านรีฟอสไปด้านหลังร้าน รีฟอสเดินตามไปหลังร้านเพื่อจะถามมาสเตอร์ว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย มาสเตอร์ก็ครุ่นคิดอยู่แปบหนึ่งแล้วหันมาบอกรีฟอส
“เธอ ช่วยไปปลุกเทียน่าให้ หน่อยได้มั้ย จ๊ะ” รีฟอสหยักหน้ารับ แล้วเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของเทียน่า แล้วเคาะประตู
“เทียน่า ตื่นหรือยัง เทียน่า” ชั่ว ครู่หนึ่งประตูก็ถูกเปิดออก รีฟอสมองเทียน่าที่มาเปิดประตู อยู่ในชุด นอนสีฟ้า ผมเฝ้ายุ่ง และที่สำคัญ ยังไม่ลืมตาตื่น เทียน่ายกมือขึ้นขี้ตาแล้วตอบกลับทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“ตื่นแล้ว ค่าคุณแม่” เมื่อรีฟอสเห็นสิ่งที่เทียน่าทำก็ยิ้มขึ้น พร้อมๆกับยื่นมือไปจับหัวเทียน่าแล้วโยกเล็กน้อย
“ลืม ตา ก่อนดี มั้ย” เทีย น่าก็ทำตามที่บอก เมื่อเทียน่าลืมตาขึ้นก็พบว่าคนที่มาปลุกไม่ใช่แม่ แต่เป็นรีฟอสก็เผลอเรียกชื่อรีฟอสออกมาดังๆ จนมาสเตอร์ที่อยู่ชั้นล่างได้ยินเสียง ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างสนุกสนาน เทียน่าเมื่อรู้ตัวว่ารีฟอสมาปลุกตนเอง ก็ก้มลงมองสำรวจตัวเองว่ายังอยู่ในชุดนอนก็ หน้าแดงขึ้นมา แล้วปิดประตูใส่หน้ารีฟอส รีฟอสมองสิ่งที่เทียน่าทำก็ยิ้มขึ้น
“งั้น ฉันลงไปรอชั้นล่างนะ” ไม่ มีเสียงตอบกลับจากเทียน่า รีฟอสจึงเดินลงมาที่ชั้นล่างแล้วเดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์ สักพักหนึ่งมาสเตอร์ก็เดินออกมาจากหลังร้าน มายืนที่เคาน์เตอร์
“ไงจ๊ะ เทียน่าตื่น หรือยัง” รีฟอสหยักหน้ารับ “ครับ ตื่นแล้ว” เมื่อ รีฟอสนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ยิ้มขึ้นแบบขำๆ มาสเตอร์เห็นรีฟอสยิ้มขึ้นก็พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น ชั่วครู่หนึ่งเทียน่าก็เดินลงมาจากชั้นสอง แล้วเดินไปนั่งข้างๆรีฟอสที่เคาน์เตอร์ เทียน่ามองมาสเตอร์แล้วกล่าวทักทาย แล้งหันมาทางรีฟอส
“เมื่อคืนหลับ สบายมั้ย” รีฟอสหันมองคนถาม
“อือ สบายดี แต่ไม่ตื่นสายเหมือน ใครบางคนหรอก” แล้วยิ้มให้กับเทียน่า เมื่อเทียน่าได้ยินที่รีฟอสแซวตนเองก็ตอบกลับไปทันที
“ขอโทษฉันก็เป็นแบบ นี้แหละเธอรับได้หรือเปล่า” ด้วยน้ำเสียงที่งอนๆ รีฟอสจึงยิ้มขึ้น
“ได้เสมอ” เทียน่ามองรีฟอสแล้วพูดต่อ
“ตลอดชีวิต นะ”ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน รีฟอสมองสบตาเทียน่าพร้อมๆกับตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เขิน
“ถ้าเธอไม่เปลี่ยน ใจ” เทียน่าจ้องมองสบตารีฟอส
“ไม่ มี วัน” ด้วย น้ำเสียงที่จริงจัง แล้วทั้งคู่ก็จ้องตากันอย่างหวานซึ้ง เสมือนกับว่ามีกันอยู่เพียงสองคน มาสเตอร์มองการกระทำของทั่งคู่ก็แซวขึ้น
“แหมๆ หนุ่มสาวก็แบบนี้ แหละจ๊ะ” เมื่อ ทั้งสองคนได้ยินที่มาสเตอร์แซวก็ต่างเขินจนต้องหันหน้าไปคนละทาง มาสเตอร์เห็นการกระทำของทั้งของคนก็ยิ้มขึ้น แล้วยกอาหารเช้าเสริฟให้ทั้งคู่ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ช่วยงานในร้าน จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น ขณะที่พระอาทิตย์กำลังฉายแสงสุดท้ายของวัน
รา ทารี่เปิดประตูเข้ามาในร้าน ก็เห็น รีฟอสและเทียน่ากำลังนั่ง คุยกันอยู่ที่เคาน์เตอร์โดยมีมาสเตอร์กำลังยืนจัดของอยู่ จึงเดินเข้าไปหา แล้วกล่าวทักทายทั้งสามคน เมื่อรีฟอสเห็นราทารี่มาคนเดียวจึงเอ่ยถามถึงอีกสองคนที่เหลือ
“มาครอส และ เจราส ล่ะ ครับ”ราทารี่ส่ายหน้า
“ไม่ เจอ เลย” รีฟอสชวนราทารี่ให้ออกไปด้านหลังร้าน แต่ก่อนที่รีฟอสจะเดินออกไปมาสเตอร์ก็ยื่นกระดาษ 2-3 แผ่น ให้กับรีฟอส รีฟอส และ ราทารี่ก็เดินออกมาถึงหลังร้าน ด้านหลังของ ราเบอรี่บาร์ติดกับชายป่า มีต้นหญ้าขึ้นรอบๆบริเวณ รีฟอสเดินมานั่งที่โต๊ะ ที่ถูกทำขึ้นจากหินอ่อนสีขาว ราทารี่ก็นั่งลงตาม
รี ฟอสนั่งลงแล้วอ่านกระดาษในมือตนเองที่มาสเตอร์ให้มา ว่าเป็นแผนผัง คฤหาสน์ของโรมานอฟ สักพักหนึ่ง มาครอส และเจราส ก็เดินออกมาจากบริเวณด้านข้างของร้าน โดยที่มาครอส แบกกระเป๋าใบใหญ่มาด้วย ส่วนเจราสไม่ได้นำอะไรมาเลย เมื่อทั้งสองคนมาถึง รีฟอสก็ ยื่นแผนผัง คฤหาสน์ของโรมานอฟ ให้ทั้งสองคน มาครอสมองดูแผนผังที่อยู่ในมือก็ถามรีฟอสขึ้น
“นายไปเอาแผนผังนี่ มาจากไหน”ด้วยน้ำเสียงที่สงสัย รีฟอสหันมองคนถาม
“จาก มาสเตอร์” เมื่อ มาครอสได้ยินคำตอบของรีฟอสก็รู้สึกนับถือมาสเตอร์ขึ้นมาทันที เพราะว่า แผนผังของคฤหาสน์ขุนนางไม่ใช่ของที่จะหามาได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคฤหาสน์ของโรมานอฟด้วยแล้ว
รีฟอสหันมองทุกๆคนแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางเป็นงานเป็นการ “จากข้อมูลของมาสเตอร์ “หนังสือแห่งรัตติกาล” ถูกตั้งโชว์อยู่กลางห้องโถงขนาดใหญ่ของคฤหาสน์” เมื่อ รีฟอสพูดจบทุกคนต่างหยิบแผนผังของคฤหาสน์ขึ้นมาดู เพื่อจดจำช่องทางต่างๆของตัวคฤหาสน์ เมื่อทุกคนต่างจำแผนผังได้แล้ว ก็เริ่มนำอาวุธของตัวเองขึ้นมาเช็ค รีฟอสมองมาครอสที่กำลังยุ่งอยู่กับปืนหลายกระบอกที่นำมา แล้วหันมองราทารี่ ราทารี่กำลังสวมเสื้อแขนยาวสีดำ แล้วมีเส้นลวดออกมาจากข้อมือ แล้วคนสุดท้ายที่รีฟอสสงสัยที่สุดก็คือ เจราส
เจราสนั่งมองทุกคนเฉยๆเดินไม่จัดเตรียมอะไรเลย รีฟอสจึงถามขึ้นด้วยท่าทางสงสัย
“อาวุธของคุณล่ะครับ” เจ ราสหันมองรีฟอสแล้วยิ้มขึ้น แต่ไม่ตอบอะไร รีฟอสก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เสียงหอระฆังดีบอกเวลาเที่ยงคืน ทุกคนต่างเตรียมพร้อม แล้วทยอยกันมุ่งหน้าเข้าไปในชายป่าที่มีต้นไม้มากมาย ที่อยู่ด้านหลังบาร์ รีฟอสเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่บัดนี้ เป็นสีแดงฉานราวกับเลือด และดวงจันทร์กลมมนสีแดงที่ส่องสว่าง ก็บ่นขึ้นกับตัวเอง “ไม่ชอบท้องฟ้า แบบนี้เลย” แล้วเดินตามพวกราทารี่หายเข้าไปในป่า
ทั้งสี่คนเดินตัดชาย ป่าจนมาถึง คฤหาสน์โรมานอฟ รีฟอสหันมองสำรวจบริเวณรอบๆคฤหาสน์ มีกำแพงสูงประมาณ 3เมตร ถูกสร้างขึ้นด้วยอิฐ ประตูทางเข้าถูกทำมาจากเหล็ก ที่สำคัญมียามยืนเฝ้าอยู่สองคน ใส่ฮู้ดสีดำ จึงมองไม่เห็นใบหน้า ในมือถือปืนยาวและที่เอวก็สะพายดาบ รีฟอสจึงบอกให้มาครอสจัดการยามทั้งสองคนซะ มาครอสยกปืนขึ้นเล็งแล้วลั่นไก ยามคนแรกล้มลง ยามคนที่สองล้มตาม อย่างไม่รู้ตัว เมื่อจัดการเรียนร้อยแล้ว พวกรีฟอสก็ดินออกมาจากที่ซ่อน มาที่บริเวณหน้าประตูรีฟอสสำรวจประตูว่า ถูกล็อคจากด้านใน
รา ทารี่จึงอาสาไปเปิดให้ เธอปีนกำแพงเข้ามาด้านในแล้วสะเดาะกุญแจที่ประตูใหญ่ ให้พวกรีฟอสเดินเข้ามาด้านใน รีฟอสมองเห็นคฤหาสน์ที่อยู่ไม่ไกลจากที่ตัวเองยืนอยู่มากนัก มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมทั้งสองข้างทาง คฤหาสน์ถูกสร้างขึ้นสามชั้น มีทางเดินอยู่ด้าน ซ้าย และ ด้านขวา มีดวงไฟติดอยู่ตามทางเดินทั้งสองข้าง แต่ทว่าในตัวคฤหาสน์กลับไม่มีแสงไฟเสมือน กับว่าไร้ผู้คน รีฟอสและคนอื่นๆเดินไปที่ประตูทางเข้าของคฤหาสน์เสียงสายลมพัดต้นไม้ให้สั่น ไหว เศษใบไม้ปลิวตามสายลมที่ฟัดผ่าน ทำให้รีฟอสรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ เมื่อทั้งหมดเดินมาถึงประตูทางเข้าคฤหาสน์ มีเสาต้นใหญ่สองต้นอยู่ด้านหน้า มีบานประตูสีดำที่ถูกแกะสลักด้วยไม้อยู่ระหว่างกลางเสาทั้งสองต้น ทั้งหมดเดินผ่านเสามายืนรออยู่ที่หน้าประตู เพื่อรอราทารี่สะเดาะกลอนประตู รีฟอสมองสำรวจรอบๆทางเดินทั้งสองข้างของคฤหาสน์ ที่เงียบจนผิดปกติ ขณะที่รีฟอสกำลังมองสำรวจบริเวณอบๆอยู่ ราทารี่ก็เปิดประตูเสร็จพอดี ทั้งหมดเดินลอดผ่านประตูเข้ามาด้านใน สภาพด้านในนั้นฝั่งซ้ายมีบานประตูอยู่หลายบาน ฝั่งขวามีบานหน้าต่างที่ทำด้วยกระจกเรียงไปจนสุดทางเดิน รีฟอสเดินผ่านทางเดินแล้วหันมองลอดผ่านบานหน้าต่างออกมาด้านนอก ด้านนอกมีสระน้ำวงกลมขนาดเล็กมีน้ำพุพุ่งขึ้น มีโต๊ะตั้งอยู่ใกล้ๆกับน้ำพุ มีต้นไม้ใหญ่หลายต้นล้อมรอบ รีฟอสเดาว่าน่าจะเป็นสวน พวกรีฟอสเดินมาถึงประตูด้านในสุด ทุกคนต่างเตรียมพร้อม ราทารี่ผลักประตูออก ทุกคนต่างจ้องมองสภาพภายในห้องโถง ที่มีเพียงแต่แสงสว่างที่มาจากดวงจันทร์สาดส่องลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาทำ เห็นสภาพภายในของห้องโถง เป็นห้องกว้างขนาดใหญ่ ด้านซ้ายมือ มีบันไดขึ้นไปชั้นบน ส่วนด้านหน้ามีระเบียงของชั้นบนยื่นออกมา ด้านขวาเป็นบานหน้าต่างขนาดใหญ่ สาม บาน แล้วสายตาทุกคน ก็ต่างจับจ้องไปที่ของสิ่งหนึ่งที่ถูกวางอยู่กลางห้องโถง มีแท่นหินสีขาวตั้งอยู่กลางห้องโถง บนแท่นหินมีหนังสือหน้าปกสีดำวางอยู่ รีฟอสเดินนำเข้าไปถึงแท่นหิน ขณะที่รีฟอสกำลังจะยื่นมือไปสัมผัสกับหนังสือ ไฟในห้องโถงก็สว่างขึ้นจากโคมระย้า ที่แขวอยู่ด้านบน เมื่อไฟสว่างขึ้นพวกยามต่างพุ่งเข้ามาในห้องโถงเพื่อล้อมพวกรีฟอสไว้ สักพักหนึ่งก็มีเสียงหัวเราะดังออกมาจากระเบียงด้านบน รีฟอสเงยหน้าขึ้นมองระเบียงด้านบน ที่มาของเสียงหัวเราะ มีชายแก่รูปร่างอ้วนหัวร้าน อยู่ในชุดนอนสีแดงที่ทำมาจากผ้าแพร ดวงตาสีดำ กำลังมองมาที่พวกรีฟอสด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
“ดูสิ มีพวกหนูโสโครก เข้ามาในคฤหาสน์ ของฉัน” ชายแก่พูดขึ้นด้วยท่าทางหงุดหงิด แล้วหันมาพูดกับบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆตนเอง
“ต้อง ขอบใจนายมาก ที่มาบอกให้รู้ถึงแผนการของ หนูโสโครก พวกนี้” รี ฟอสจ้องมองบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆชายแก่ เขาสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ และสวมหมวดทรงสูงสีดำ ใบหน้าซีดขาว ดวงตาสีดำ เมื่อจ้องมองชายคนนี้รีฟอสก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่า ผู้ชายคนนี้อันตรายอย่างยิ่ง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆชายแก่ตอบกลับไป
“ไม่เป็นไร ครับนายท่าน”ด้วยท่าทางที่เคารพ ชายแก่หันมองมาทางพวกรีฟอสแล้วพูดต่อ
“เป้าหมายของพวกแก คงเป็นหนังสือเล่นนั้นสินะ” พร้อมๆกับจ้องมองมาที่หนังสือที่ถูกว่างอยู่บนแท่นหินกลางห้อง
“ถ้าพวกแกหยิบได้ ก็เชิญเอามันไปได้เลย”พร้อมๆ กับจ้องมองพวกรีฟอส รีฟอสจ้องมองแท่นหินที่อยู่ตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ว่าทำไมต้องให้จับหนังสือ หรือว่าจะเป็นกับดัก ขณะที่ รีฟอส และคนอื่นกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น มาครอสก็พูดขึ้นพร้อมๆกับเดินเข้าไปที่แท่นหินกลางห้อง
“ก็แค่หนังสือ ธรรมดาๆไม่เห็นจะมีอะไรหน้ากลัว” แล้วยกมือขึ้นเพื่อหวังจะจับหนังสือ รีฟอสเห็นสิ่งที่
มาครอสกำลังจะทำก็ตะโกนขึ้นทันที
“อย่า จับมัน” พร้อมๆ กับจ้องมองมาครอส แต่ทว่ามือของมาครอสกลับสัมผัสถูกหนังสือเล่มนั้นไปแล้ว เสมือนทุกอย่างภายในห้องโถงนั้นหยุดนิ่งลง นิ้วมือของมาครอสที่สัมผัสถูกกับหนังสือ เริ่มเปลี่ยนเป็นขี้เถ้าในทันที แล้วลามขึ้นมาถึงแขนอย่างรวดเร็ว มาครอสทรุดตัวลงด้วยความเจ็บปวด ร้องโหยห้วนด้วยความทรมาน เพียงไม่กี่นาทีร่างของมาครอสก็เหลือเพียงแต่กองขี้เถ้าเล็กๆ พร้อมกับปืนสองกระบอกของเขาตกอยู่ข้างกองขี้เถ้า ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างนิ่งเงียบ แต่กลับมีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านบนระเบียง รีฟอสเงยหน้ามองที่มาของเสียงหัวเราะ ชายแก่กำลังหัวเราะอยู่ด้วยท่าทางสนุกสนาน
“หนังสือเล่มนี้ มันไม่คู่ควรกับ พวกหนูโสโครก อย่างพวกแกหรอก” พร้อมๆกับจ้องมองพวกรีฟอสที่มีสีหน้าตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วตะโกนสั่งพวกยาม
“จัดการพวกหนูโสโครก นี่ซะ” แล้วหันหลังเดินกลับไป รีฟอสหันมองรอบๆเห็นพวกยามกำลังยกปืนขึ้นเล็งพวกตนเอง จึงหันกลับมากระซิบกับราทารี่ด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“พอไฟดับ ใช้ลวดเอาหนังสือเล่มนั้นมาซะ” ราทารี่มองหน้ารีฟอสด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ถ้าแตะโดนมันจะกลายเป็นขี้ เถ้าเอานะ” ด้วนน้ำเสียงที่สั่นกลัว รีฟอสจึงพูดต่อด้วยเสียงเบาๆ
“เชื่อ ใจ ฉันสิ” แล้ว มองสบตาราทารี่ด้วยสายตาที่มุ่งมั่น ราทารี่เมื่อเห็นสายตาที่มั่นใจของรีฟอสก็ พยักหน้าตกลง รีฟอสรอจังหวะ แล้วล้มตัวลงเพื่อหยิบปืนของมาครอสที่ตกอยู่ที่พื้น แล้วยิงไปที่โคมไฟระย้า ในทันที “ปัง” เสียงดัง ขึ้นจากกระบอกปืนของรีฟอส ไฟดับลงในทันที และเสียงปืนอีกหลายนัดก็ดังขึ้นตามมา พร้อมๆกับมีเสียงกระจกหน้าต่างแตก เมื่อชายแก่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก็รีบวิ่งกลับมาที่ระเบียงมองเห็นข้างล่างมืดและยังคงมีเสียงปืนดังอยู่ จึงตะโกนลงมาจากบนระเบียง
“หยุด มันเกิดอะไรขึ้น”ด้วยน้ำเสียงที่โมโห พร้อมๆกับจ้องมองไปยังด้านล่าง เมื่อพวกยามได้ยินเสียงตะโกนของชายแก่ ก็ต่างวิ่งหาแสงไฟกันให้วุ่น
“พวกมัน ล่ะ” เมื่อได้ยินที่ชายแก่ถามพวกยามต่างหันมองรอบๆ
“พวกนั้น หนีไปแล้วครับ นายท่าน”เมื่อชายแก่ได้ยินที่พวกยามรายงานก็ ถามต่อด้วยท่าทางที่ร้อนรน
“หนังสือ ล่ะ หนังสือ อยู่ไหน” พวก ยามต่างรีบส่องไฟไปทางแท่นหิน แต่บนแท่นหินกลับว่างเปล่า ชายแก่จ้องมองแท่นหินที่ว่างเปล่าด้วยท่าทางโมโหพร้อมๆกับยกมือขึ้นทุบราว ระเบียง แล้วตะโกนสั่งพวกยามให้ไล่ตามพวกรีฟอสไป พวกยามต่างวิ่งออกจากคฤหาสน์ วิ่งเข้าไปในเขตชายป่า
ทาง ด้านพวกรีฟอสที่กำลังวิ่งอยู่ภายในป่า รีฟอสก็ออกความคิดให้ไปซ่อนตัวกันในตัวเมือง ทั้งสามคนจึงวิ่งไปทางตัวเมือง ขณะวิ่งอยู่ราทารี่หันมองรีฟอส ก็ถามขึ้น
“นายคิด ได้ยังไง” พร้อมๆกับจ้องมองห่อผ้าที่รีฟอสถืออยู่ข้างๆตัว รีฟอสตอบคำถามของราทารี่โดยไม่ได้หันมองเธอ
“ฉัน ก็แค่คิด ว่าถ้าเราไม่สัมผัสโดน มันตรงๆก็ไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้น” รา ทารี่จ้องมองรีฟอสด้วยสายตานับถือ ส่วนเจราสที่วิ่งตามหลังมา เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ก็ยิ้มขึ้น พร้อมๆกับจ้องมองรีฟอสที่วิ่งอยู่ด้านหน้าด้วยสายตาแปลกๆ
ขณะ นั้นภายในตัวเมืองกำลังมีงานเทศการ มีการออกร้านค้ามากมาย มาสเตอร์และเทียน่า กำลังเดินเที่ยวงานที่ถูกจัดขึ้นในตัวเมือง ผู้คนมากมายกำลังสนุกสนานกับงานที่จัดขึ้นทำให้ราตรี นี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและ ความสุข มาสเตอร์และ เทียน่า เดินเที่ยวงานกันจนทั่วจนรู้สึกเหนื่อย จึงมานั่งพักกันที่บริเวณจัตุรัสใจกลางเมือง ทั่งสองคนนั่งมองผู้คนมากมายที่กำลังเพลิดเพลินกับงานเทศกาล มาสเตอร์หันมองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
“น่าเสียดายนะ รีฟอสน่าจะมาด้วยกันนะจ๊ะ”
“ไว้ค่อยชวนมาพรุ่งนี้ก็ ได้ค่ะแม่” มาสเตอร์ยิ้มให้กับเทียน่าแล้วยกมือขึ้นลูบหัวอย่างอ่อนโยน
“แล้วลูก สองคนเป็นยังไงกันบ้างจ๊ะ” เทียน่าเมื่อได้ยินที่มาสเตอร์ถามก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
“คุณแม่ รู้ด้วยหรอค่ะ” เทียน่าถามด้วยท่าทางที่เขินอาย มาสเตอร์มองท่าทางของลูกสาวคนเดียวก็ยิ้มขึ้น
“ถ้าเป็นรีฟอส แม่ก็เห็นด้วยจ๊ะ” “เขาคงไม่ทำให้ลูกเสียใจ แน่นอน” เมื่อมาสเตอร์พูดจบเทียน่าก็ยิ้มขึ้น แล้วเอนตัวเข้ากอดมาสเตอร์
“ขอบคุณค่ะ คุณแม่” ด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ
นาฬิกาปลาวาฬทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ค. 2555, 15:19:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ค. 2555, 15:19:21 น.
จำนวนการเข้าชม : 1121
<< The Book Of Darkness V | The Book Of Darkness VII >> |