บุหงาราคี by น้ำจันทร์ อัญจรี
“บัดซบ!”
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา

Tags: ผ่านพิจารณา Touch Publishing รอวางแผง

ตอน: 1 บุหงาเปื้อนราคี 100%

บทที่1
บุหงาเปื้อนราคี
ภายในคอนโดหรูกลางกรุงห้องหนึ่งของพวกผู้ดีมีอันจะกิน มีร่างสองร่างกำลังก่ายเกยพัวพันกันอยู่ประหนึ่งว่าไม่มีวันที่อะไรจะสามารถแยกเขาและหล่อนออกจากกันได้ ใบหน้าสวยเซ็กซี่ของดาราสาวเหยเกด้วยความสุขสมปนทรมาน เมื่อชายที่ตนหลงรักมอบบทพิศวาสอันแสนเร่าร้อนแต่อ่อนหวานมาให้ แม้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปในวันปิดกล้องละคร มันจะทำให้เกิดเหตุการณ์ในวันนี้ แต่ อรัญญิการ์ อุ่นไอรัก ไม่เสียใจเลยที่ตกเป็นของเขา
ฤทธิ์แห่งน้ำเมาทำให้ แม่มดสาวดาวยั่วแห่งวงการ ขาดสติ ความยับยั้งชั่งใจที่เคยตั้งมั่นไว้ กว่าสามปีขาดสะบั้น เพียงเพราะคำพูดหวานหูของชายที่ตนหลงรัก ผสมปนเปกับกลิ่นรสของวิสกี้ฝาดลิ้น และค็อกเทลสีหวานที่เธอดื่มมัน ย้อมใจ
เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว เขาประกาศต่อหน้านักข่าวว่าไม่มีทางคว้าเอาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอมาเป็นคู่ควง ไม่มีทาง! เอาแม่มดน้อยเอมี่ ดาวยั่วแห่งวงการมาเป็น คนรัก น่าขันสิ้นดี! เพราะเวลานี้ คนที่โรมรันบนเรือนร่างขาวผ่องเธอกลับเป็นเขาเสียเอง
เปรมินทร์ มัทนาอริศวงศ์ ไม่ยอมปล่อยให้ร่างบางที่เขากกกอดอยู่นี้ได้มีโอกาสเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดๆ เขาเฝ้าจุมพิต และปรนเปรอหล่อนด้วยเพลิงสวาทอันช่ำชอง หลอกล่อให้นางฟ้าตัวหอมหลงกล อยากรู้จริงๆ ว่านางฟ้าแสนบริสุทธิ์ที่เขากกกอดอยู่นี้หน้าตาจะเป็นเช่นไรชื่อเสียงเรียงนามหล่อนจะเพราะพริ้งเพียงไหน แต่ที่แน่ๆ เสียงครวญครางของหล่อนยามที่เขากระหน่ำแก่นกายเข้าหามันช่างไพเราะเสียเหลือเกิน
######ตัดฉากรักตรงนี้น้า จุ๊บๆ

ดวงตะวันทอแสงแต้มแต่งขอบฟ้า แสงแดดจ้าส่องผ่านผ้าม่านเนื้อดีสีเทาซึ่งเป็นสีที่เขาโปรดปราน เปรมินทร์ลุกขึ้นนั่งด้วยความงัวเงีย กายแกร่งเมื่อยขบราวกับไปวิ่งรอบสนามมาสักร้อยรอบ
“สงสัยเมื่อคืนจะหนักแฮะเรา” เขาพึมพำกับตัวเองหันไปมองแผ่นหลังเนียนกริบของคนที่นอนอยู่ข้างๆ กลุ่มเส้นผมของหล่อนลื่นสลวยยาวระแผ่นหลัง มันทั้งหอมทั้งนุ่ม เพราะได้สัมผัสมาแล้วตลอดทั้งคืน เขาชักอยากเห็นหน้าเจ้าหล่อนแล้วสิ หล่อนจะเป็นใครนะ สาวตาคมที่หน้าบาร์เครื่องดื่มหรือว่าแม่สาวเจ้าเสน่ห์ชุดลายเสือนั่น เอ...หรือจะเป็นสาวชุดดำสุดเซ็กซี่ หรือว่า...อยู่ๆ ใบหน้าเล็กเรียวภายใต้เครื่องสำอางหนาเตอะก็แวบเข้ามาในสมอง
‘ไม่มีทางหรอกคร้าบพี่ๆ คนอย่าง เปรมินทร์ มัทนาอริศวงศ์ ไม่มีทางคว้าแม่มดน้อยเอมี่ ดาวยั่วของพวกพี่ๆ มาเป็นสะใภ้ของวังมัทนาฯ แน่นอน’
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เขาจำได้ลางๆ เพราะความโมโหพวกนักข่าวที่ตามติดเขาจนน่ารำคาญ คงอยากได้ข่าวของเขากับเจ้าหล่อน เขาเลยตัดปัญหาตะคอกใส่พวกเขา ช่างปะไร ถ้าหล่อนรู้เข้า ก็แค่รู้ อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีวันเอาผู้หญิงที่ตามตื้อเขามาเป็นปีๆ ไร้ยางอายอย่างนั้น มาเป็นแม่ของลูกแน่นอน!
“อือ...” เสียงหวานครางอืออาเมื่อมือแกร่งรั้งหล่อนที่นอนหันหลังอยู่ ให้หันมาเผชิญหน้า
อรัญญิการ์ กระพริบตาถี่ๆ เมื่อแสงแดดตอนเที่ยงวันสาดส่องเข้าหานัยน์ตาสีนิลแวววาวของเธอ
“บัดซบ!”
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา
อรัญญิการ์ไม่มีถ้อยคำใดๆ จะเอื้อนเอ่ย มันเจ็บจุกไปทั้งตัวและหัวใจเมื่อสำนึกได้ว่าคำหวานที่ได้ฟัง รสสวาทที่เขาปรนเปรอเมื่อคืนนี้เป็นเพียงคำลวง...คำลวงที่ปรุงแต่งด้วยฤทธิ์แห่งน้ำเมา
อรัญญิการ์น้ำตาร่วงเผาะๆ ก้าวลงจากเตียงด้วยขาที่สั่นระริก แต่ก็ยังฝืนกายเอาไว้ให้เข้มแข็งไม่ยอมให้มันล้มลงต่อหน้าเขา หล่อนรวบเอาโทรศัพท์ แป้งและน้ำหอมที่ทะลักออกมาจากกระเป๋า จับพวกยัดรวมกันลงไปที่เดิมลวกๆ แล้วลนลานออกจากห้องทั้งน้ำหูน้ำตา กระเป๋าใบจ้อยจิ๋วยกขึ้นปิดบังใบหน้าเมื่อมีผู้คนเดินสวนผ่านบริเวณทางเดิน...
‘ให้ตายเถอะคุณพระ ชุดที่หล่อนสวมมันช่าง...’
อรัญญิการ์ไม่สามารถเดินไปจนถึงลิฟต์ได้ เพราะมีผู้คนที่อาศัยภายในคอนโดหรูแห่งนี้ยืนออกันอยู่ตรงนั้น หล่อนผลุบหายไปทางประตูหนีไฟวิ่งลงบันไดเร็วๆ จนอากาศที่เธอวิ่งผ่านแทรกเข้ามาระรานใจกลางกายสาว ที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวบางของเขาอำพรางไว้ไม่ให้อุจาดตา หัวใจดวงน้อยไหววูบเมื่อเห็นร่องรอยที่เขาได้ตีตราเอาไว้ มันน่าอดสู เพราะรอยราคีเหล่านี้ มันเกิดขึ้นด้วยความยินยอมพร้อมใจ ร่างสวยแต่บอบโทรมทรุดลงร่ำไห้ที่บันไดขั้นสุดท้ายของชั้นที่ สิบสาม...
อรัญญิการ์เอ๋ยเธอวิ่งลงบันไดมาเกือบสิบชั้นโดยที่ไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยเลยสักเพียงนิด หรือว่าหัวใจน้อยๆ ของเธอมันเหนื่อยจนไม่มีความเหนื่อยแบ่งปันไปให้ส่วนอื่นของร่างกายเสียแล้ว
“คุณเปรมขา...ฮึกๆๆ เอมี่เปล่า เอมี่เปล่านะคุณเปรมต่างหากที่...ฮึกๆ”
อรัญญิการ์ร่ำร้องออกมา หล่อนปล่อยโฮเสียงดังลั่นจนหญิงสูงวัยที่ทำหน้าที่แม่บ้านต้องเยี่ยมหน้าเข้ามามอง
“อุ๊ยว้าย!!! อกอีศรีจะแตก นี่มันยัยแม่มดน้อยเอมี่นี่นา หล่อนมาทำอะไรที่นี่ยะหรือว่ามาอ่อยผู้ชาย อย่างนี้มันต้องป่าวประกาศ”
นางศรีแม่บ้านร่างท้วมตั้งท่าเอามือป้องปาก เตรียมประจานแม่มดน้อยดาวยั่วอย่างที่ใจคิด ทว่า...
“อย่านะฮึกๆ ได้โปรดเถอะค่ะ เอมี่อายเขา แค่ป้ามาเห็นเอมี่ เอมี่ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ป้าอย่าเรียกคนมาเลยนะ เอมี่ไม่อยากเป็นข่าว”
อรัญญิการ์วอนขอทั้งน้ำหูน้ำตา
“ทีอย่างนี้ไม่อยากเป็นข่าว เชอะ พวกดารา เอาอย่างนี้ ยัยแม่มด หล่อนมีอะไรจะแลกกับสภาพ ยับเยิน เหมือนโดนรุมโทรมของหล่อนไหมล่ะ ถ้ามี ฉันจะยอมรูดซิปปากก็ได้”
อรัญญิการ์ยิ้มออกเมื่อรู้ว่าหญิงสูงวัยต้องการสิ่งใด หล่อนควานหากระเป๋าสตางค์แล้วควักธนบัตรสีเทาออกมาเป็นสิบใบ
“ไอ้หยา ทำไมให้ฉันมากอย่างนี้ ฉันแค่แกล้งเล่นเท่านั้น ฉันไม่ใช่คนชอบซ้ำเติมใครหรอกน่า”
นางศรีบ่นงึมงำ เมื่อแลเห็นจำนวนเงิน มันมากเกินกว่าที่คิดไว้ สำนึกส่วนดีคัดค้านว่าไม่สมควรรับเงินที่มาจากการเหยียบหัวคนอื่น ถึงนางจะเป็นเพียงแค่แม่บ้านเงินเดือนไม่กี่พัน แต่ไม่อยากให้ใครมาดูถูก
“เอมี่ เอมี่ไม่ได้ดูถูกป้านะจ๊ะ แต่ว่าถ้ามันสามารถปกป้องชื่อเสียงของเอมี่ได้ เอมี่ก็อยากให้ ป้ารับเงินไปเถอะนะเอมี่จะได้สบายใจนะ”
อรัญญิการ์เร่งเร้า เดาว่าป้าแม่บ้านคงลำบากใจ
นางศรีอิดออดไม่อยากรับ
“ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้นะ เอมี่ขอเสื้อผ้าสักชุด ป้าเอาเงินนี่ไปซื้อให้ทีนะ ไม่ต้องสวยไม่ต้องแพง แต่ขอมิดชิดหน่อย เอมี่อยากกลับบ้าน ป้าช่วยทีนะส่วนเงินทอนป้าก็เก็บเอาไว้อย่างนี้ดีไหมจ๊ะ”
อรัญญิการ์พูดเสียงอู้อี้ ดวงตาคมสวยซึ้งซึ่งแปลกจากผู้คนทั่วไปมีน้ำใสไหลมาขังคลอไม่ห่าง
“อือก็ได้ๆ ไหนเขาว่าเป็นแม่มดน้อยดาวยั่วไง หล่อนนี่ฉลาดกว่านางเอกบางคนซะอีก เอาเถอะ มานี่มา ตามฉันมาฉันจะพาไปรอที่ห้องน้ำข้างล่าง รออยู่ตรงนี้เดี๋ยวใครผ่านมาเจอได้ลากเข้าห้องพอดี”
คนปากร้ายใจดีพูดเสียงแข็งอรัญญิการ์รับรู้ด้วยใจว่าหญิงสูงวัยผู้นี้ไม่ได้เลวร้ายตามน้ำคำที่เจ้าหล่อนเอื้อนเอ่ย ตรงกันข้าม นางมีน้ำใจกับแม่มดที่ตกจากไม้กวาดอย่างเธอ ยิ่งกว่าคนที่เธอเดินตามหลังเขาตั้งสามปีด้วยซ้ำ

ห้องทั้งห้องยังมืดสนิทเมื่อเธอก้าวเข้ามา เสื้อยืดกางเกงยีนที่แม่บ้านสูงวัยหามาให้แถมแว่นตาอันโตสีดำสนิท มันทำให้เธอฝ่าด่านผู้คนขึ้นมาถึงห้องพักของตัวเองได้ในที่สุด ร่างอรชรทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวยาวอย่างอ่อนแรง น้ำตาที่แห้งเหือดพลันทะลักออกมาอีกหน สองมือยกขึ้นปิดใบหน้าแล้วปล่อยหยาดน้ำตาลงไปจนเปียกชุ่ม ทำไมหนอ...ความสุขซาบซ่านที่พานพบ มันถึงกรีดหัวใจบางๆ ให้เจ็บปวดได้มากขนาดนี้
‘คุณเปรมเจ้าขา เอมี่ไม่ผิดสักนิด คุณเปรมต่างหากที่ทำร้ายเอมี่ ล่อลวงเอมี่ด้วยกลพิศวาส ทำไมถึงไม่ฟังกันบ้างเลย’
อรัญญิการ์ได้ยินแต่เสียงตนเองร่ำร้องอยู่ในอกจนไม่ได้ล่วงรู้ว่าเพื่อนรักกลับเข้ามานานแล้ว
ปาฏลี อุ่นไอรัก ใช้สายตาสำรวจทั่วทั้งร่างของเพื่อนสาว ยัยแม่มดของเธอไปโดนหมาตัวไหนฟัดมา หรือว่า เมื่อคืนนี้ ไม่!
“เอ็ม! แก...ทำไมเพิ่งกลับมา แล้วสภาพแก...บอกฉันมานะไอ้เพื่อนไม่รักดี บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ ฮือๆๆ”
ปาฏลี เข้ายื้อยุดฉุดกระชากร่างอ่อนแรงขึ้นมาซักถาม น้ำตาหยดรินไหลที่หางตาไม่หยุดหย่อน เนื้อตัวของเพื่อนรักไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหล่อนไปทำอะไรมา
“แป๋ม ฮือๆๆ แป๋ม ฉัน...คุณเปรม...เค้า...”
อรัญญิการ์พูดไม่ออก ยิ่งเห็นหยดน้ำใสที่เอ่อคลอในหน่วยตาของเพื่อนรัก เธอยิ่งพูดไม่ออก มันจุกอยู่ในอกเพราะรู้ว่าเพื่อนกำลังเจ็บไปด้วย
“อะไรนะ! หมายความว่ายังไง ผู้ชายคนนั้นจริงๆ ใช่ไหมที่มันทำแก บอกมา เอ็ม!บอกฉันมานะฮึกๆ แกไม่ได้ข้องเกี่ยวกับมันใช่ไหม แกไม่ได้ไปยุ่งกับพวก เลือดสกปรก ใช่ไหม ฮึกๆ ถ้าใช่ก็บอกฉันมา...ฉันจะไปเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุดเลยฮือๆๆ”
ปาฏลีกับอรัญญิการ์กอดคอร่ำให้กับสิ่งที่ทั้งสองกำลังเผชิญ
‘ฉันเตือนแกแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับมัน ฉันเตือนแกแล้ว พวกเลือดสกปรกชั่วร้ายเหมือนแม่มันไม่มีผิด!’ ปาฏลีร่ำร้องในอยู่ในอก คำเตือนที่เคยให้ไว้ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว แม้ปากจะบอกปาวๆ ว่าจะเอาเรื่องคนผิด แต่เธอจะทำได้อย่างไร ผู้หญิงตัวเล็กๆ เด็กกำพร้าสองคนอย่างพวกเธอจะไปทำอะไรเจ้าใหญ่นายโตอย่างเขาได้
“แป๋ม...ฉัน ฉัน คุณเปรมเค้าโกรธฉันเรื่องเมื่อคืนนี้ฮึกๆ ฉันเปล่าแป๋ม ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ มัน มัน”
อรัญญิการ์พูดไม่ออก มันจุกอยู่ในอกเอื้อนเอ่ยระบายให้เพื่อนรักเช่น นางฟ้าปาฏลี ฟังไม่ได้
“ที่แกเสียใจไม่ใช่เพราะเรื่องเมื่อคืนเรื่องเดียวใช่ไหม ที่แกเสียใจเพราะเขาไม่สนใจใยดีแก แถมยังผลักไสไล่ส่งให้แกเป็นคนผิด แล้วแกยังจะรักเขาอีกหรือ ตัดใจเถอะนะเพื่อนถอยออกมาสักก้าว ถ้าขืนแกจะโวยวายให้มันเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาเราเองนั่นล่ะที่จะอยู่ในวงการนี้ลำบาก เขามีทั้งเงินทอง บารมี อิทธิพล แต่เราไม่มีอะไรเลยแค่อาศัยวงการนี้ทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องก็ลำบากจะแย่ ตัดใจเถอะนะ ถอยห่างจากเขาซะเพื่อตัวของเราเอง เอาหัวใจของแกกลับมา อย่าผูกติดไว้กับเขา เพราะเขามีแต่จะเหยียบย่ำให้หัวใจแกเจ็บปวด เชื่อฉันเถอะนะ”
เมื่อเพื่อนรักเอ่ยจบอรัญญิการ์ก็ปล่อยโฮลั่นเสียงดังยิ่งกว่าเดิม ถ้าใครมาเห็นเธอในสภาพนี้คงสะใจพิลึก นางร้ายอันดับหนึ่งของวงการร่ำไห้อย่างน่าเวทนา อ่อนแอทั้งร่างกาย และ หัวใจ
เมื่อเพื่อนรักสงบสติอารมณ์ลงได้ ปาฏลีก็เลี่ยงเข้าห้องเพื่อจัดกระเป๋าเตรียมเดินทางไปถ่ายโฆษณาที่ต่างจังหวัด ยังดีที่ละครเรื่องที่อรัญญิการ์รับบทไว้ปิดกล้องไปแล้ว หลังจากโหมถ่ายละครมาหลายเดือน คำว่าหยุดพักผ่อนจึงเป็นข้ออ้างอย่างดีทีเดียวหากนักข่าวจะถามถึงเพื่อนรักในช่วงเวลานี้

เช้าวันเดินทาง
“เอ็ม...ฉันไปนะสามสี่วันก็กลับแล้ว ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ ห้ามปิดมือถือด้วย ที่สำคัญอย่าคิดสั้นเป็นอันขาดเพราะคนที่จะ ตาย ตามแกเป็นคนแรกคือฉัน เข้าใจนะ”
ปาฎลีสั่งความเพื่อนรักที่เอาแต่ซุกตัวเป็นดักแด้อยู่ในม้วนผ้านวม
“รู้แล้วน่ายัยแก่”
อรัญญิการ์ตอบเสียงอู้อี้ไล่หลังปาฏลีที่กำลังจะก้าวออกจากห้อง
“แป๋ม!”
อรัญญิการ์โผล่ศีรษะขึ้นมาจากกองผ้านวม ดวงตาของหล่อนบวมช้ำไม่เหลือเค้า เอมี่แม่มดน้อยดาวยั่ว สักกระผีก
“อือ...เอาอะไรรึเปล่า ฉันรีบไปเดี๋ยวตกเครื่อง”
“เปล่า...ฉันรักแกนะ”
ปาฏลียิ้มกว้าง ส่ายศีรษะเบาๆ กับความน่ารักของเพื่อนสาว ใครบอกว่าแม่มดน้อยเอมี่ร้ายกว่าใครในวงการ เธอคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชื่อ ไม่อย่างนั้น รังแม่มดกับสวรรค์ของนางฟ้า อย่างเธอคงไม่อยู่ที่เดียวกันอย่างนี้หรอก

เมื่อลับร่างเพื่อนรักอรัญญิการ์ก็กลับเข้าสู่โหมดเศร้าซึมอย่างรุนแรงอีกครั้ง เมื่อวานนี้ก่อนที่เธอจะก้าวออกจากห้อง เธอยังจำทุกคำพูดที่เขาเอ่ยได้เป็นอย่างดี
“อย่ามาทำสำออยอรัญญิการ์ช่วยเก็บน้ำตาของเธอเอาไว้ให้มิดชิด อย่าให้มันไหลออกมาประจานความใจง่ายของตัวเองเลย อย่าคิดว่าฉันจะรับผิดชอบการกระทำอันชั่วร้ายของเธอในครั้งนี้ ไม่มีวัน!”
เปรมินทร์ตะคอกใส่หน้าหล่อน นัยน์ตาสีนิลวาววับด้วยความเคียดแค้น หญิงสาวตรงหน้าอยากครอบครองตัวเขาถึงกับยอมเอาความสาวเข้าแลก สิ้นคิด!!!
“เอมี่เปล่า คุณเปรมคิดได้ยังไง คุณเปรมต่างหากที่...”
อรัญญิการ์ไม่กล้าแม้จะเอ่ยถึงเรื่องราวอันน่าอดสู น้ำตารินไหลเป็นทาง
“เอมี่ยังไม่ได้พูดสักคำว่าต้องการความรับผิดชอบ ฮึกๆ เอมี่รู้ดีว่าคุณเปรมเมามาก เอมี่เองก็เมาเหมือนกัน ฮึก...แต่เอมี่เสียใจ เอมี่มีน้ำใจลากคุณมาส่งถึงห้องแต่คุณกลับทำร้ายเอมี่ แม้แต่คำขอโทษสักคำยังไม่มี แถมยังผลักไสไล่ส่งทั้งที่เอมี่มีสภาพแบบนี้ ที่คุณบอกว่าเอมี่โง่ ฮึกๆ ที่คุณบอกว่าเอมี่โง่งม มันถูกแล้วล่ะคุณเปรม ฮือๆๆ เพราะถ้าเอมี่ฉลาดกว่านี้คงไม่มารักผู้ชายอย่างคุณ!”
อรัญญิการ์ตอกกลับทั้งน้ำตา หล่อนเดินหาต่างหูอีกข้างรอบห้องทั้งที่ร่างกายไม่อำนวยขณะที่เปรมินทร์ก็ยังเดินตามหลังหาเรื่องไม่หยุดหย่อน
“นี่เธอว่าฉันผิดอย่างนั้นเหรออรัญญิการ์ทั้งๆ ที่เธอมาทอดกายให้ฉันถึงที่” เขาเยาะหยันก็เห็นๆ กันอยู่ว่ายนี่มันห้องของเขาถ้าไม่ดักทางไว้ก่อนหล่อนคงร้องขอในสิ่งที่เขาไม่มีวันให้ได้
“เอมี่ไม่ได้ว่าคุณผิด ฮึก และเอมี่ก็ไม่ได้ทอดกายให้คุณเพราะถ้าเอมี่จะทำอย่างนั้นก็ต้องทำไปนานแล้ว ไม่มัวคอยวิ่งไล่ตามคุณตั้งสามสี่ปีให้เมื่อยหรอกคุณเปรม”
อรัญญิการ์ตัดพ้อออกไปอย่างเหลืออดน้ำตาที่รินหลั่งพลันแห้งเหือดเพราะเห็นๆ กันอยู่ว่าเขาไม่แคร์แล้วเธอจะปล่อยให้มันไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตัวเองทำไม
“ก็ดี หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ตัวเองเป็นข่าวนะอรัญญิการ์” เสียงทุ้มของเขาร้องไล่หลังมา เมื่อหล่อนกำลังจะเปิดประตู
“แน่นอนคุณเปรม นับจากวันนี้คงไม่มีข่าวแม่มดน้อยเอมี่วิ่งไล่จับผู้ชายที่สูงส่งแต่หัวใจมืดบอดอย่างคุณอีกแล้วลาก่อนตลอดกาลคุณเปรม”
เมื่อวานนี้
เสียงปิดประตูดังปังใหญ่สะเทือนลั่นไปทั้งห้อง แจกันกระเบื้องเคลือบลายสวยที่อยู่ใกล้มือถูกชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของ ปามันลงบนพื้นแตกเกลื่อน ไม่มีชิ้นดี
“อรัญญิการ์! เธอทำได้ยังไง!”
เขาสบถเสียงกร้าว ทั้งโกรธ ทั้งผิดหวังระคน เพราะเขารู้สึกว่าหล่อนดีกว่าผู้หญิงหลายๆ คนที่เขาควงเล่น แต่เมื่อคืนมันทำให้เขาตาสว่าง หล่อนไม่ได้แตกต่างเลยสักนิด สามสี่ปีที่ผ่านมา อรัญญิการ์คนที่เขารู้จัก เธอคือสาวน้อยอ่อนหวานน่ารักสดใสผิดกับบุคลิกภายนอก ที่ฉาบทับเอาไว้อย่างสิ้นเชิง นางร้ายดาวยั่วอันดับหนึ่งของวงการ หูตาแพรวแพรวเหลี่ยมจัด มารยาหลายพันเล่มเกวียนเมื่ออยู่หน้ากล้อง ปะทะฝีปากกับนักข่าวมาแล้วแทบทุกสำนัก จนไม่มีนักข่าวคนไหนกล้าเล่นข่าวหล่อนและเขาไปมากกว่าคนที่ดาราสาวแอบปลื้ม
ร่างสูงใหญ่ของคุณชายสูงศักดิ์ทรุดลงบนเตียงนอนอย่างอ่อนแรง ความผิดหวังฉายชัดออกมาทางนัยน์ตาสีสนิม มันบดบังนัยน์ตาแห่งความชิงชังที่ทอดมองอรัญญิการ์จนหมดสิ้น
“ในที่สุดเธอก็ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ เลยสักนิดอรัญญิการ์”
เขาเอนกายลงนอนหลับตานิ่ง หวังว่ามันจะช่วยลบภาพเรือนร่างนาฬิกาทรายของอรัญญิการ์ออกจากสมอง ทว่า...ไม่เลย มันกลับเด่นชัด ร่องรอยที่เขาตีตราราคีไว้ทั่วเรือนกายสีน้ำผึ้ง มันมากมายเสียจนเขาไม่คาดคิดว่าเขาเองจะรุนแรงได้ถึงเพียงนั้น หึ แต่มันก็สมแล้ว หล่อนอยากรนหาที่ดีนัก
รอยยิ้มหยันผุดพรายที่มุมปากสีแดงระเรื่อ อย่างอิสตรี แต่มันก็เพียงแวบเดียวเพราะรอยยิ้มละมุนภาคภูมิใจเข้ามาแทนที่ ตรงนั้น...บนฟูกหนาของเขา สุดปลายนิ้วเขาพอดี ร่องรอยของราคีแสนบริสุทธิ์ยังติดแห้งกรังบนผ้าปูขาวสะอาด อย่างน้อยมันช่วยก็ยืนยันว่า หล่อนแตกต่างจากผู้หญิงใจง่ายเหล่านั้น แต่น่าเสียดาย มันยังไม่มากพอหากต้องแลกด้วยบ่วงคล้องคอที่เรียกว่า การแต่งงาน

‘ทำไมต้องเป็นคุณด้วย คุณเปรม ใจคอคุณจะทำร้ายคนที่ฉันรักให้หมดทุกคนเลยใช่ไหม ฉันยอมคุณมามากแล้วนะ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าแตะต้องอรัญญิการ์อีกเราได้เห็นดีกันแน่!’
มือเรียวของปาฏลี ที่กุมล็อกเกตไว้นานกว่าชั่วโมง เริ่มคลายออก ความชื้นจากเหงื่อที่ซึมออกมาทั่วฝ่ามือ มันอุ่นชื้นจนเธอรู้สึก นัยน์ตากลมโตทอดมองไปยังเมฆหมอกนอกหน้าต่าง จุดหมายปลายทางของเครื่องบินลำนี้ คือ เมืองเชียงใหม่ มันคงจะถึงที่หมายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“อุ้ย! ล็อกเกตนี่สวยจังเลยค่ะน้องแป๋ม ทับทิมน้ำง้ามงามเหมือนของเก่าเลยนะคะ ท่าทางคงแพงน่าดู” ลูซี่ช่างแต่งหน้าสาวประเพศสองที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอเอ่ยทักด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามนิสัยคนช่างจ้อเจรจา
“อ้อ ค่ะ ของแทนใจค่ะ แม่ให้ไว้ก่อนท่านเสีย แต่แพงไม่แพงแป๋มไม่รู้หรอกค่ะเพราะมีคนให้แม่มาอีกที” นางฟ้าคนดีตอบกลับเสียงเริงร่าต่างกับในใจที่ขุ่นมัวเพียงเพราะนึกเห็นภาพของบุคคลที่อยู่ด้านในล็อกเกต ด้านหนึ่งคือสตรีผู้มีใบหน้าอารีอย่างล้นเหลือมารดาที่รักของเธอ อีกด้านคือชายรูปงามที่แม้ปัจจุบันจะล่วงเลยมากว่าสิบเจ็ดปี ความงามของท่านก็ยังไม่มีเค้าให้เห็น
ความงดงามของบุรุษเพศที่ถอดแบบออกมาจากคุณชายเปรมินทร์ทุกกระเบียดนิ้ว...ไม่! ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า เปรมินทร์ ถอดแบบออกมาจากผู้ชายคนนี้ต่างหาก
“อ้อ...คุณพี่ว่าต้องเป็นคุณพ่อของคุณน้องแน่ๆ เลยฮ่ะ โรแมนติกจังเลย เมื่อไหร่ ลูซี่จะมีคนให้ของแทนใจอย่างนี้บ้างน้า”
ลูซี่ทำตาชวนฟัน ปาฎลียิ้มร่าขบขันท่าทางเจ้าหล่อน เพราะมันไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาของพี่เขาเลย
“แหมพี่ลูซี่ก็หา เมีย สักคนซีคะ” ปาฎลีแกล้งหยอก
“ฮ้าย! ตายแล้วๆ หยาบคายที่สุดเลยฮ่ะคุณน้อง แค่ได้ยินผื่นภูมิแพ้มันก็จะขึ้นแล้วฮ้า มีอย่างที่ไหนจะให้คุณพี่เอาชะนีมาทำเมีย คอยดูนะลงเครื่องเมื่อไหร่คุณพี่จะหนีบละอ่อนเมืองเจียงใหม่มาให้น้องแป๋มดูเป็นขวัญตาฮ่ะ” กะเทยสาวประชดแกมหยอก
“ค่าค่ะ เผื่อแป๋มสักคนนะคะจะได้ลงจากคานเสียทีฮิๆๆ”
ปาฏลีหยอกล้อเล่นหัวกับช่างแต่งหน้านามว่า ลูซี่ อย่างเป็นกันเอง นี่คือเสน่ห์ของเธอ การไม่ถือตัวว่าเป็นนางเอกดัง เสมอต้นเสมอปลาย มีสัมมาคารวะทำให้ ปาฏลี มีชื่อเสียงไร้เรื่องราวเสื่อมเสียจนได้ฉายา นางฟ้าปาฎลี ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับคู่หูของเธอ หลายครั้งที่มีข่าวทำนองที่ว่านางฟ้าอย่างปาฎลีไม่น่าจะมาคบกับ เอมี่แม่มดน้อยดาวยั่ว จนเป็นเพื่อนรักกันได้แต่ทั้งสอง ไม่เคยแคร์
ปาฎลีนั้นคอยแก้ข่าวให้เพื่อนรักเสมอๆ ว่าอรัญญิการ์คือกัลยาณมิตรที่แสนประเสริฐ และขอให้ทุกคนใช้หัวใจมองแม่มดคนนี้ แล้วจะรู้ถึงตัวตนของอรัญญิการ์ ขณะที่ปาฏลีปกป้องเพื่อนรัก แม่เพื่อนตัวดีกลับนิ่งเฉย ไม่ยี่หระต่อข่าวทั้งหมดทั้งมวล อรัญญิการ์บอกเพียงสั้นๆ ว่า แค่ปาฏลีรู้ว่าหล่อนเป็นคนอย่างไรก็พอแล้ว
งานส่วนใหญ่ที่อรัญญิการ์ถูกทาบทามจะเป็นถ่ายแบบ เดินแบบ วาบหวิวสารพัด ถ้าเป็นละครหรือว่าภาพยนตร์ นางร้ายอันดับหนึ่งที่ต้องถูกทาบทามให้เล่นเป็นคนแรกก็ต้องเป็นอรัญญิการ์ หากว่าเป็นงานโชว์ตัวถ่ายโฆษณา อรัญญิการ์ก็ไม่เคยทำให้เพื่อนรักผิดหวัง เพียงแค่หล่อนส่งส่ายตาเว้าวอน ออดอ้อน บรรดาลูกค้าที่แสนดีก็ยอมเพิ่มเลขศูนย์เข้าไปในเช็คค่าตัวของหล่อนเพิ่มให้อีก
ความจริงปาฎลีไม่อยากให้เพื่อนสาวต้องผูกติดกับภาพลักษณ์เช่นนี้ แต่ว่าเม็ดเงินที่อรัญญิการ์สามารถกอบโกยไปตอบแทน บ้านอุ่นไอรัก ของพวกเธอได้ในแต่ละเดือน ทำให้ปาฏลีต้องเปลี่ยนใจ



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ค. 2555, 02:07:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ก.ค. 2555, 02:28:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 5745





   2 สายเลือดโสโครก 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account