ภพรักรุ่งสาง
เมื่อปรีย์ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ๋..เพื่อนางฟ้าองค์นั้นที่เขาคิดว่าเป็นเนื้อคู่!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๗ ผิดสัญญา

สุริยันสาดแสงผ่านกระจกบานเก่า สะท้อนให้เห็นผืนผ้าขาวยับยู่บนพื้นเตียงคร่ำคร่า บ่งบอกความไม่เอาใจใส่ของผู้อาศัย เสียงนกกระจิบกระจาบที่บินว่อนอยู่เบื้องนอกไม่กระตุ้นให้คนบนเตียงอยากขยับตัวทำอะไรเลยสักอย่าง ปรีย์นอนแผ่หลา หมดอาลัยตายอยาก เขาหลับตา ทว่ารู้ตัวตื่น..ความจริงต้องบอกว่าเขาข่มใจหลับไม่ลงมาทั้งคืน

เสียงนาฬิกาปลุกทำให้ชายหนุ่มหัวเสียเข้าไปอีก ก่อนจะตวัดมือปาดที่มาของเสียงดังกรุ๋งกริ๋งนั่นหล่นกระจาย ไม่สมประกอบอยู่เกลื่อนพื้น นานเท่าไหร่ที่เขาต้องพยายามฝืนใจ เปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งที่ไม่เคยทำให้ใคร แต่กลับเต็มใจทำเพื่อผู้หญิงคนนั้น แล้วเป็นอย่างไรเล่า สุดท้ายผลของความพยายามเหล่านั้นล้วนสูญเปล่า ที่เขาทำไปทั้งหมด เพื่อรอเก้อ รอใครอีกคนที่เจ้าหล่อนอุปโลกน์ขึ้นมาให้เขาหวังลมๆแล้งๆอย่างนั้นอีกน่ะหรือ

ก็ในเมื่อคนที่หัวใจต้องการคือเธอ..เธอผู้นั้นคนเดียว ต่อให้ผู้หญิงอีกคนที่ดูเหมือนจะวิเศษวิโส ยิ่งใหญ่กว่านางฟ้าอัปสราของเขาสักแค่ไหน..แต่คำตอบสุดท้ายคือ เขาไม่ต้องการ!

ปรีย์จำต้องลืมตาโพล่งขึ้นมา เมื่อมีเสียงดังรบกวนคำรบที่สอง ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้เขายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขาเคยปิดเครื่อง ตัดสาย ปิดการติดต่อทุกทางกับเพื่อนสนิทที่เขาเคยคุ้น ก่อนที่เธอคนนั้นจะเดินเข้ามาในชีวิต ต่อเมื่อหล่อนสั่ง หล่อนห้าม หล่อนเตือนอะไร หรือแม้แต่เขารู้ว่าทำอย่างไรเพื่อจะได้พบหล่อนอีกครั้ง เขาก็ยินดีทำ

ครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งก่อนๆ มีเสียงเตือนหวานนุ่มนวลจากใครบางคนเคลือบแฝงมากับสายลมโชยอ่อน ทว่าปรีย์ทำเหมือนไม่ได้ยิน กดรับสายเพื่อนรักทันควัน

“อือ..ว่าไง”
เสียงชายหนุ่มเปรยถามเนือยๆ ไม่ต่างจากคนเบื่อโลก

“เฮ้ย ทำเสียงให้มันสดใสหน่อยซีวะ ฉันอุตส่าห์จะชวนไปเที่ยว”
ปรัชส่งเสียงมาตามสาย ติดจะดีใจด้วยซ้ำที่ได้ยินเสียงเพื่อนรักอย่างเขาทักมา

“ไปไหนแต่เช้าวะ”
“เช้าอะไรของแก นี่มันจะเที่ยงอยู่แล้วพ่อเจ้าประคู้น”
ปรัชแกล้งลากเสียงยาวตามประสาคนชอบกวนอารมณ์

“เออน่า สรุปแกจะชวนไปไหน”
ปรีย์ยังคงพูดอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีความกระตือรือร้นเลยสักนิด

“ไปดื่มกันเพื่อนยาก ที่เดิมดีมั้ย” ปรัชหยั่งเชิงแบบไม่ค่อยเต็มเสียง ก่อนจะรีบดักคอ “ฉันรู้ว่าแกกำลังจะปฏิเสธ แต่คราวนี้มีสาวงามๆแยะนะเว่ย ของดีอีกเพียง โชว์เด็ดๆ ถ้าแกพลาดงานนี้จะเสียใจไปจนวันตาย”

“อือ เจอกันกี่โมง”
ปรัชแทบจะกระโดดผึงออกมาจากหูโทรศัพท์เพื่อมาดูหน้าคนตอบตกลงง่ายดายให้ชัดๆ ว่าเขาไม่ได้ฝันไป

“ทำไมตกลงไวงี้วะ พักนี้แกไม่ค่อยได้ไปไหนกับฉันนานแล้วนะ”
“เออ..น่า สรุปจะให้ไปมั้ย มากเรื่องเดี๋ยวก็เปลี่ยนใจซะนี่”

“เออๆ ดีว่ะ เจอกันที่เก่าบ่ายสาม”

แม้เสียงหวานใสจะพยายามส่งผ่านกระแสลมเข้ามาในหัวจิตหัวใจของเขาสักเท่าไหร่ ทว่าปรีย์ใจแข็งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เขาจะไม่ยอมฟังคำเตือน คำสั่งห้ามบ้าๆบอๆนั่นอีกแล้ว ทำไมเขาจะต้องฝืนทำในสิ่งที่เคยรักเคยสนุก เพียงเพื่อไปพบกับความว่างเปล่า หมดหวังอย่างเดิมด้วยเล่า

ชายหนุ่มก่ายขาลงจากเตียง ขยำผ้าห่มสีทึมด้วยแรงโทสะบางอย่างที่คุกกรุ่นอยู่ภายใน ก่อนจะปาทิ้งลงไปบนพื้นเตียงจนไรฝุ่นฟุ้งกำจาย สาวเท้ายาวๆสองสามก้าวก็ตวัดผ้าขนหนูบนราวตากสนิมเกรอะขึ้นพาดบ่า ประตูห้องน้ำปิดปังอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม

ส่ำเสียงร่ำไห้สะอื้นตามเข้าไปรบกวนโสตประสาทกระทั่งน้ำจากฝักบัวร่วงพรู สาดกระเซ็น เสียงซู่ซ่ากระทบผิวกายและพื้นห้องน้ำครู่เดียวก็กลบเสียงของนางอันเป็นที่รักได้มิดจนในที่สุดก็กลืนหายไปกับสายลม

เขาจะไม่มีวันเชื่อ..จะพรหมลิขิต..หรืออีกหนึ่งนางที่ใครกล่าวอ้าง
จะรอเขาอยู่หรือไม่..จะไม่มีวันตามหา..จะไม่มีวันวิ่งวุ่นให้ใจอ่อนล้า
เงาอันเป็นภาพมายานั่น ไม่มีทาง...มันไม่มีอยู่จริง!



ในรถแท็กซี่คันเขียวเหลือง แสงแดดระยิบอ่อนรำไรผ่านกระจกฟิล์มกรองแสงเข้ามายังเบาะนั่งด้านหลัง ปรีย์เอนกายพิงพนัก..เหนื่อยอ่อน ถอนหายใจยาวอย่างที่ไม่เคยทำ ความอัดอั้นบางประการยังปะทุเดือดในหัวใจ

ตลอดทางการจราจรอันแออัดเหมือนเช่นทุกวัน ชายหนุ่มพยายามสะบัดศีรษะ ยกสองมือขึ้นปิดป้องหู ปิดกั้นเสียงเตือนกังวานใสที่ดังมาเป็นระยะ ทว่าทำเช่นไรเสียงนั่นก็เหมือนผ่านเข้ามาทางประตูใจเสียมากกว่า จนเขาแยกแยะแทบไม่ถูกว่าเป็นเสียงหล่อนจริงๆ หรือว่าเขาฟุ้งซ่านจนประสาทหลอนไปเอง

“จะถึงอยู่แล้ว โทรมาทำไมอีกวะ”

ปรีย์กรอกเสียงใส่โทรศัพท์ด้วยอารมณ์กรุ่นๆ เมื่อเพื่อนรักโทรเข้ามาในขณะที่เขากำลังเดินทางใกล้ถึงที่หมาย อะไรก็ตามที่มาสะกิด แม้ไม่มีเหตุสมควรมากมาย ก็ทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดได้ไม่ยาก..เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลยให้ตายสิ

“ใจเย็นสิเพื่อน แค่นี้ทำไม่ต้องโมโหด้วย”
“แล้วแกจะโทรจิกฉันทำไมวะไอ้เบ็น ฉันไม่ผิดนัดแกหรอกน่า”
“เปล่าจิก ฉันจะโทรมาบอกแกว่าให้ไปเจอกันที่เซ็นทรัลเวิร์ลแทน”
“แกว่าไงนะ พูดผิดพูดใหม่ยังทัน”
“ไปเจอกันที่เซ็นทรัลเวิร์ล”

มีเสียงหัวเราะแห้งๆของปรีย์ดังกรอกหูโทรศัพท์มาไม่หยุดจนคนฟังเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง
“แกขำอะไรวะไอ้ปรีย์”

“ก็ขำแกนั่นแหละ นึกยังไงจะไปช้อปปิ้ง ควงสาวเยอะจนกลายเป็นสาวไปแล้วรึไง”
ปรีย์มีแก่ใจนึกหยอกเพื่อนซี้เป็นครั้งแรกของวัน
“เปล่า..ฉันไม่ได้อยากไปเองซะหน่อย”

ปรัชรีบแย้ง ประเดี๋ยวจะเสียภาพพจน์หนุ่มเจ้าสำราญมาดแมนไปหมด
“ลดา..แฟนฉันเพิ่งโทรมาชวนเมื่อกี้นี่เอง ฉันคิดว่าแกคงกำลังจะถึงที่นัดแล้ว จะแคนเซิลก็เกรงใจ”

ปรัชอธิบายเหตุผลเสียงอ่อน รู้ว่าเพื่อนซี้ต้องไม่สบอารมณ์แน่นอน ทว่าเขาไม่มีทางเลือก..พิมพ์ลดาไม่ได้ชวนธรรมดาน่ะซี..หล่อนชวนกึ่งขู่ว่าหากเขาไม่ไปด้วย หล่อนจะไปกับเสี่ยพันล้านคนนั้น..คนอย่างเขายอมได้ที่ไหน

“ไอ้เบ็นเอ๊ย” ไม่ผิดจากที่ปรัชคาดไว้ ปรีย์แทบจะสวดส่ง
“ถ้ารู้ว่าจะไปเป็นกอขอคอ แถมยังต้องช้อปไร้สาระอย่างนี้ ฉันอยู่บ้านสนุกว่าเยอะ!”

ใจหนึ่งถึงจะสุดเบื่อ แต่อีกใจลึกๆของปรีย์นั้นโลดแล่น และปลอดโปร่ง...อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องผิดศีลข้อห้า



บรรยากาศท่ามกลางแอร์เย็นฉ่ำ ทว่าจิตใจของปรีย์นั้นเย็นยะเยือกยิ่งกว่าผิวกายมากนัก ตรงกลางอกรู้สึกว่างโหวง ขาดหาย ผู้หญิงที่เดินเคียงเพื่อนรักอย่างสนิทสนม ทีท่าออดอ้อนฉอเลาะนั้น แตกต่างออกไปจากอิงวรา ผู้หญิงคนล่าสุดของปรัชเป็นสาวจ้าวเสน่ห์ ปรีย์ดูออก สังเกตเอาจากท่าทาง ผู้ชายร้อยทั้งร้อยไม่หลงเสน่ห์หล่อนก็แปลก ทั้งท่วงท่าการเดิน การชม้ายสายตาอ้อน การพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน การยกมุมปาก...ใช่! กระทั่งการยกมุมปาก หลุบตาลงต่ำเมื่อมองเขาตรงลานจอดรถ ท่าทีของหล่อนดูถูก..เหยียดหยาม แม้ไม่ต้องมีคำพูดเสียดแทงใจหลุดออกมาจากปากรูปสวยนั่นสักคำ..เขาคงเป็นผู้ชายคนเดียวในโลกที่หล่อนคร้านจะโปรยเสน่ห์ใส่ให้ลุ่มหลง เขาคงจะเป็นคนเดียวในโลกที่หล่อนไม่มีวันเผลอใจมารัก

พิมพ์ลดา..สวย หวาน เปรี้ยว เฉี่ยว คล่อง ฉลาดครบสูตร เสียอย่างเดียวที่สำคัญ
หล่อนทำให้ปรีย์เกลียดเข้าไส้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ..ครั้งแรกกับท่าทางหมิ่นแคลน

มุมอาหารที่ปรัชเลือกมากินมื้อกลางวัน เป็นมุมง่ายๆ..ง่ายเสียจนปรีย์รู้สึกประหลาดใจ เพราะมันเป็นแค่ food cord อาหารแบบแลกคูปองจ่าย มันคงจะดูดีอิ่มได้สำหรับคนทั่วไป แต่คนระดับปรัช ลูกมหาเศรษฐีใหญ่ของเมืองไทยมันแปลกเกินไป

“อะไรคะเบ็น อี๋..มีแต่คนสกปรกโลโซมากินกันทั้งนั้น ไปหาร้านอื่นเถอะค่ะ”

คือคำยืนยันความคิดของปรีย์ได้ดี
“ผมอยากลองของแปลก แต่ธรรมดาสำหรับเจ้าเพื่อนยากมันเสียหน่อย” ปรัชเอ่ยยิ้มๆเห็นฟันขาวเรียง

ปรีย์ชักเริ่มรู้สึกตงิดๆในใจอย่างไรชอบกล พิมพ์ลดาเลิกคิ้วสูง
“ธรรมดายังไงคะ”

ปรัชหันมาทำยิ้มได้ใส่เพื่อนรักก่อนกลอกกลับไปมองแฟนสาว
“ก็คนอย่างไอ้ปรีย์นะลดา มันไม่กินหรอก ฟูจิ เอ็มเค”

พิมพ์ลดายักไหล่ทันควัน

“โฮ้ย..นั่นก็ธรรมดาเกินไปสำหรับเราสองคนนะคะเบ็น”

“ใช่ครับลดา มันธรรมดามาก อย่างเราต้องภัตตาคารหรูๆ จองห้องส่วนตัวกินกันให้สบายใจ แต่เนี่ย ผมถือเป็นการแนะนำให้คุณรู้จักปรีย์ อย่างสนิทใจ”

ท่าทางของปรัชวันนี้ดูกร่างและยโสกว่าทุกวันที่ปรีย์เคยเจอ ชายหนุ่มพูดไป พลางมองคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนรักไปพลางดัวยสายตาปิดไม่มิดว่าเหยียดหยัน..ไม่ต่างจากพิมพ์ลดาที่มองปรีย์ครั้งแรก

“food cord ก็หรูเกินไปสำหรับมันแล้ว ในบางเดือน ฮ่าๆ”
“พูดหยั่งงี้ก็สวยสิวะไอเบ็น”

ปรีย์เลือดขึ้นหน้า อุณหภูมิฉีดสูงปรี๊ดจนควันแทบออกหู
ทว่าปรัชทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อ้อมแขนมาตบบ่าเพื่อนรักหนักๆสองสามที

“ขำๆน่า รักหรอกจึงหยอกเล่น”
“แต่ลดาไม่ขำนะคะเบ็น ไปกินร้านอื่นเถอะ”

“ไม่ได้หรอกลดา คุณจะได้รู้ว่าผมน่ะรักเพื่อนแค่ไหน ถึงผมจะรวย เก่ง ฉลาด มีแฟนสวยอย่างคุณ ต่างจากมันลิบลับ แต่ผมก็สปอร์ตพอที่จะทำตัวกลมกลืน คนเรามันต้องเข้าให้ได้ทุกสังคมนะลดา”

เอาดีเข้าตัว เอาสวะให้คนอื่นล่ะสิไม่ว่า..ปรีย์นึกสบถในใจ แต่อะไรบางอย่างในก้นบึ้งระงับเขาไว้ไม่ให้ทำในสิ่งที่อยากทำ..พูดในสิ่งที่อยากพูด

แปลก...นี่เป็นเรื่องแปลก ทั้งที่ไม่มีเสียงหวานกังวานใสนั่นคอยเตือนเขาอีกแล้ว



เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที อาหารตามสั่งชนิดคิดสั้นอย่างกระเพราไก่ไข่ดาวมาวางเด่นอยู่ตรงหน้า ทว่าพิมพ์ลดาไม่แม้แต่จะกระเดียดนิ้วกรีดกรายไปที่ช้อนส้อม สายตามองเพ่งมายังต้นเหตุ ปรีย์ได้พยายามตักข้าวใส่ปากให้มันหมดๆจาน จะได้ไม่เสียสายตาและความรู้สึกให้กับอากัปกิริยาของหญิงสาว

หากแต่ความอดทนของคนย่อมมีบททดสอบ..สถานการณ์พิสูจน์ใจเสมอ
“เบ็นคิดยังไงคะ..ถึงได้มาคบกับเพื่อนอย่างคุณปรีย์” เสียงในท้ายประโยคเน้นหนักพร้อมสายตาดูหมิ่นตั้งแต่หัวจดเท้า อาหารชั้นต่ำตรงหน้าหญิงสาวยังเรียงเม็ดสวยครบจำนวนไม่แหว่งหาย

“คงไม่ได้คิดมั้งครับ..เลยต้องมาคบกับมัน ฮ่าๆ” ทุกสิ่งที่ปรัชพูดบอกได้ชัด เจ้าตัวมีแต่ความสนุก ไม่คิดอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งจะเป็นห่วงจิตใจคนฟัง

ปรีย์ยังคงนิ่งเฉย ทั้งที่ใจคุกกรุ่น อาหารในจานใกล้จะหมด เขาคิดอยู่แล้วว่าอย่างไรก็ต้องหาทาง
ปลีกตัวออกไปจากตรงนี้..ที่ๆมีพิมพ์ลดาและเพื่อนตัวร้ายอย่างปรัชให้เร็วที่สุด

“คุณปรีย์คะ ไม่ทราบตอนนี้คุณทำงานอะไร”

จู่ๆสาวเจ้าก็ยิงคำถามขึ้นมา คำถามนั้นไม่ได้มีแววอยากรู้ ทว่าจ้องหาช่องทางจะดูหมิ่นเขาต่างหาก

“ฝ่ายสารสนเทศ บริษัททรู”
เขาตอบเรียบๆ ไม่แม้แต่จะมองหน้าคนถาม

“อืม..ก็แค่ลูกจ้าง”

จากที่ว่าจะไม่มอง กลับต้องตวัดมองขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัว แกะตัวที่ร้อยของปรีย์ใกล้จะหลุดออกจากการควบคุมเสียแล้ว

“เงินเดือนเท่าไหร่”
หล่อนถามเสียงสะบัด ราวกับเจ้านายถามลูกน้อง ปรีย์เลือดขึ้นหน้าอีกครั้ง

คิดในใจว่า..หล่อนมีสิทธิ์อะไรมาถามเขาแบบนี้..ไร้มารยาทสิ้นดี

“น่า..ตอบเธอหน่อยเถอะ ลดาก็แค่อยากจะทำความรู้จักกับแกไว้บ้าง”

นั่นคือคำปลอบใจของคนที่ชื่อว่าเพื่อนรัก

“แปดพัน”
ปรีย์กัดฟันตอนอย่างเหลือฝืน

“ต๊าย...น้อยมากก” พิมพ์ลดาลากเสียงยาว แค่นหัวเราะในลำคอระหง

“แล้ววันๆมีอะไรจะกิน..อุ้ย! ขอโทษค่ะ วันนึงค่าใช้จ่ายพอหรือคะ”

คราวนี้ปรีย์จ้องหน้าเขม็ง เกือบจะหลุดแล้ว..ทว่าเขาตัดสินใจทันที

“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ”

ปรัชระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น สังคมชั้นโลโซในสายตาของพิมพ์ลดาหันมามองด้วยสายตาต่อว่ากันเกรียวกราว

“มันคงปวดอุจจาระตามประสาน่ะลดา”

เสียงหัวเราะน่ารังเกียจที่สุดของปรัชค่อยๆเลือนไป ปรีย์ไม่อยากเชื่อเลย เพื่อนที่เขาคิดว่าสนิทที่สุด กลับเอาเขามาเป็นของเล่นตัวตลกต่อหน้าแฟนสาว มันเห็นเขาเป็นตัวอะไร ใช่เพื่อนของมันหรือเปล่านะ วันนี้ปรัชน่าเกลียดที่สุด หัวใจของมันน่ารังเกียจ ชายหนุ่มรู้สึกขยะแขยง..รวมถึงแม่สาวผิวแทนตาน้ำผึ้งคนนั้นด้วย..เลวพอกัน!

ปรีย์หยุดยืนสงบสติอารมณ์อยู่หน้าห้องน้ำชาย ลากลมหายใจเข้าออกยาวเหยียด ครั้งแล้วครั้งเล่า คำพูดทุกคำกลับกระทบก้อง เสียดแทงใจไม่หยุดหย่อน ยิ่งหายใจยิ่งเห็นภาพพิมพ์ลดาและเพื่อนรักลอยมากวนอารมณ์ไม่เลิก

เสียงกึกกักดังใกล้เข้ามาแทนที่เสียงลมหายใจของเขา
ชายหนุ่มเหนื่อยล้าเกินกว่าจะหันไปมองต้นเสียง ทว่า..

“คนชั้นต่ำอย่างคุณ..ไม่คู่ควรจะมาคบกับคนชั้นสูงอย่างเบ็น และฉัน!”
เสียงกร้าวแหลมนั้นดังบาดหู ปรีย์สำเหนียกรู้ทันทีว่าเจ้าของเสียงคือใคร

“ออกไปจากชีวิตของเบ็นซะเถิด..ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”

ไม่รู้แรงโทสะบันดาลให้เขาเดือดมาแต่ไหน รู้ตัวอีกทีมือแข็งราวคีมเหล็กจากร่างผอมแห้งก็คว้าเอาต้นแขนกลมกลึงของหญิงสาวเข้ามาประชิด แรงกระชากนั้นมากจนกระทั่งหญิงสาวเซมาอยู่ใต้ลมหายใจกระชั้นถี่ของเขา

“แกมันนังแพศยา นังบ้าผู้ชาย แกมันไม่ใช่คน แกมันหัวใจต่ำช้า...แกมันสามานย์ เลวชาติ..”

เสียงเขาดังกระหึ่มกว่าครั้งไหน ทว่ามันโดดดังอยู่ในหัวใจ ดังจนรู้สึกประหลาดเหมือนไม่ใช่ตัวเขาที่คิดด่ากราดผู้หญิงตรงหน้าอยู่ในใจ พริบตาเดียว เปลวไฟก็ค่อยๆพลุ่งโพล่งเผาท่วมกาย ปรีย์รู้สึกร้อนระอุแทบจะดับดิ้น เหงื่อกาฬไหลพราก ภาพปีศาจหน้าตาไม่สมประดีฉายชัดขึ้นมาในห้วงภวังค์ สติผุดขึ้นมาหยุดยั้งเขาทันที ชายหนุ่มรีบสะบัดศีรษะให้ภาพนั้นจางหายไป ก่อนจะรีบปลดปล่อยพันธนาการจากข้อมือบางของหญิงสาวผู้กำลังจะเคราะห์ร้าย

“แกทำบ้าอะไรกับฉัน..ฉันจะฟ้องเบ็น”

ชายหนุ่มมั่นใจว่าเขายังไม่ได้หลุดคำพูดเลวทรามในหัวออกไปแม้แต่คำเดียว ทว่าสาวเจ้าก็บิดสะโพกหมุนตัวจากไปแล้ว รวดเร็วเกินกว่าที่เขาจะอธิบายอะไรหล่อน

ใครจะยังไงก็แล้วแต่ ทว่าวินาทีนี้เขารู้แล้ว

นี่กระมัง..คำว่า “มโนธรรม” ในหัวใจ



ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ค. 2555, 19:50:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ค. 2555, 19:51:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1129





<< บทที่ ๖ ดาวดึงส์   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account