พระพรหมสีชมพู
เรื่องพระพรหมสีชมพู เรื่องล่าสุดที่แต่งขึ้นจากจินตนาการ

จะมีประเทศที่ติ๊ต่างขึ้นมาเองนะคะ ผู้แต่งให้ชื่อว่าประเทศกรีนนา

...เป็นเรื่องของสาวน้อยคนไทยที่ไปตามหาพี่ชายต่างสายเลือดที่เธอรักและหวงแหนมาก พอพี่ชายจะไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่นเธอเลยยอมไม่ได้ ความบังเอิญจากอุบัติเหตุทำให้เธอเจอกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นถึงลูกชายประธานาธิบดีแห่งกรีนนา ที่ถูกปฏิเสธการขอแต่งงาน เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ซึ่งคู่หมั้นของหล่อนก็คือพี่ชายต่างสายเลือดของแม่สาวน้อยคนไทยนี่เอง

เธอถูกจับมาเป็นตัวประกันชั่วคราวของเขา และอะไรไม่ซวยเท่ากับการที่จู่ ๆ เธอก็เกิดสัมผัสพิเศษสามารถเห็นเหตุการณ์อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ได้ล่วงหน้าเหตุการณ์จริง 1 นาที จากแค่ตัวประกัน เลยกลับกลายเป็นต้องอยู่คอยคุ้มภัยเขาราวผูกตัวติดกันซะอย่างนั้น...

..."เมื่อพี่ชายของคุณเป็นคนทำให้ผมถูกปฏิเสธการขอแต่งงาน คนที่น่าจะรับผิดชอบเรื่องนี้ก็เห็นที่ว่าคงต้องเป็นคุณซะแล้วแหละ แม่หนูน้อยหมวกแดง"

..."ไม่เอา...ปล่อยฉันนะ อีตาเฒ่าทารก"

..."ภายในสองเดือน ถ้าคุณทำให้พี่ชายของคุณถอนหมั้นกับแจนได้ ผมจะปล่อยคุณไป"

Tags: น่ารัก+บู๊เล็ก ๆ

ตอน: ตอนที่ 10 พระพรหมสีชมพู

ตอนที่ 10

หน้าสวยของเนรัญหงิกงอมาหลายต่อหลายวันแล้ว ไม่มีอารมณ์จะนับว่าผ่านมานานเป็นอาทิตย์หรือเกือบสองอาทิตย์ที่ถูกกักขังให้อยู่ที่บ้านพักชายทะเลแห่งนี้ เข้าใจว่าการิมคงต้องการหลบหนีคนที่คิดปองร้าย หรือกำลังใช้ความคิดกับการแก้ไขเรื่องวุ่นวายของตัวเขาเองอยู่ ทว่าเธอก็มีเรื่องส่วนตัวที่ต้องทำเช่นกัน หลายวันที่ผ่านมานี้กันกริชพี่ชายของเธอโทร.มาหาทุกวัน ถามเรื่องที่จะนัดเจอกันว่าสะดวกวันไหนและที่สำคัญคืออีกสองวันข้างหน้าจะมีงานวันคล้ายวันเกิดของเอกอัครราชทูตไทยผู้เป็นเจ้านายของพี่ชายต่างสายเลือดจัดขึ้น และเธอก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานด้วย เนรัญยอมรับว่าอยากจะไปงานนี้มาก เธออยากจะเข้าไปศึกษาคนในครอบครัวคู่หมั้นของพี่ชายโดยเฉพาะพี่สะใภ้ในอนาคตว่าเป็นคนเช่นไร หรืออีกนัยหนึ่งเธออยากจะไปขอร้องให้จารินรัตน์เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอถอนหมั้นไปซะเร็ว ๆ

คนคิดไม่ตกสภาวะจิตใจหงุดหงิดยิ่งกระสับกระส่ายมากขึ้น เนื่องจากพึ่งวางสายจากกันกริชเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เธอได้ตกปากรับคำกับพี่ชายไปแล้วว่าอีกสองวันจะไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิดท่านเอกอัครราชทูตให้จงได้ ทว่าความเป็นจริงเวลานี้ยังไม่สามารถหาวิธีพูดคุยกับการิมได้เลย เนรัญรู้สึกว่าการิมทำราวกับอยากจะแกล้งเธอ หลายครั้งที่เขาทำเหมือนจะกลับไปอยู่ที่ตึกขาวหากพอเห็นเธอพูดคุยโทรศัพท์เมื่อไหร่ ความคิดของเขาก็จะเปลี่ยนไปทันที เขาให้เหตุผลว่ายังไม่อยากกลับไปเพราะกลัวถูกลอบฆ่า

และ...ขณะที่หญิงสาวเดินรอบบ้านเพื่อใช้ความคิด หาทางกลับเข้าไปหากันกริชในเมือง เท้าเล็กที่ย่างก้าวเนือย ๆ ตามสมองลอย ๆ ไปเรื่อย มีอันหยุดชะงัก เธอชะแง้มองพลางเงี่ยหูฟังเสียงพูดคุยที่ได้ยินมาจากทุ่งดอกไม้สีเหลืองหรือคือบริเวณสุสานฝั่งร่างมารดาของเจ้าของบ้านพักหลังนี้

“เวลาเหลืออีกไม่ถึงสามอาทิตย์นะครับคุณฌาน จะถึงกำหนดวันเข้าพิธีแต่งงานของคุณอยู่แล้ว แล้วนี่จะทำยังไงกันละครับ เจ้าสาวก็ยังไม่มีเลยนะครับ” คนสนิทถามอย่างเป็นกังวล มองเจ้านายที่เขารักประหนึ่งคือญาติพี่น้องด้วยความเห็นอกเห็นใจ การิมลูบฝ่ามือใหญ่หนาไปตามแผ่นหินสลักชื่อคนใต้ดินไปมาช้าๆ เขาเงียบไม่มีคำตอบ มาร์คจึงพูดต่อว่า “ผมรู้คุณฌานไม่ได้ต้องการมรดกพวกนั้นของคุณปู่ แต่คุณปู่ของคุณท่านคงไม่มีทางยอมให้มรดกสักชิ้นเดียวตกไปเป็นของคนที่ท่านไม่ไว้ใจหรอกครับ คุณฌานก็คงเหมือนกัน ยิ่งคุณยังคลางแคลงใจไม่หายว่าคนที่ต้องการฆ่าคุณคือคนในครอบครัวไหม คุณก็คงไม่อยากจะให้พวกเขาได้ครอบครองสมบัติเหมือนกันใช่ไหมละครับ”

“แล้วถ้าบังเอิญเรายอมละ ถ้าเรายอมแพ้กลายไปเป็นผู้ชายที่มีแต่ตัว ไปอยู่กระท่อมท้ายเมืองอย่างโรสลีนาต้องการ ทุกอย่างจะจบไหม พวกเขาจะเลิกตามเอาชีวิตของเราไหม” เสียงเข้มขรึมบอกกลัดกลุ้มพอ ๆ กับใบหน้าที่ขมวดยุ่ง การิมลุกขึ้นยืนเดินไปหาลูกน้องที่ยืนมองอยู่ด้านหลัง ประสานตาเครียดกับอีกฝ่าย “นายว่าเราควรละทิ้งทุกอย่างดีไหม คนที่ไม่มีใครรัก ไม่มีคนสนใจไยดีอย่างเรา จะต้องการสมบัติบ้าบอพวกนั้นไว้ทำไม”

“ไม่หรอกครับคุณฌาน เรื่องท่านประธานาธิบดีบางทีอาจเป็นเรื่องบังเอิญที่ท่านพาคุณโรสลีนาไปในร้าน
ดอกไม้ ยังไงคุณฌานก็คือลูกชายของท่าน ไม่มีทางที่ท่านจะคิดฆ่าแกงได้ลงแน่นอน”
การิมส่ายหน้าช้า ๆ ราวกับเหนื่อยหน่าย “ไม่แน่ เงินทอง อำนาจ ไม่เข้าใครออกใคร”

“แต่ถ้าเป็นอย่างที่คุณฌานกลัวจริง ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครรักหรือหวังดีกับคุณนะครับ คุณฌานยังมีคุณปู่ แล้วก็ผม ผมจะอยู่เคียงข้างถวายหัวให้เจ้านายคนนี้เพียงคนเดียวครับ”

มืออุ่น ๆ ของผู้เป็นนายตบลงบนบ่ามาร์ค ซาบซึ้งกับคำมั่นหนักแน่นของคนสนิท “ขอบใจนายมากนะมาร์ค
หลายปีที่นายอยู่กับเรามา ไม่เคยมีสักครั้งที่นายทำให้ผิดหวัง”

“ด้วยความเต็มใจครับคุณฌาน คุณก็เป็นเจ้านายที่ไม่เคยทำให้ลูกน้องอย่างผมผิดหวังเช่นกัน” พูดยิ้ม ๆ และเห็นอีกฝ่ายมีรอยยิ้มจาง ๆ เช่นกัน “เพราะฉะนั้นอย่ายอมแพ้เลยครับ มันไม่ใช่นิสัยของคุณฌานที่ผมรู้จัก ถือว่าทำเพื่อคุณปู่ของคุณ ช่วยปกป้องสมบัติของท่าน”

“แล้วเราควรจะทำยังไง จ้างผู้หญิงมาแต่งงานแก้สถานการณ์ไปก่อนอย่างนั้นรึ”

“ก็คงต้องเป็นตามนั้นแหละครับ ยังไงเรื่องที่จะแต่งกับคุณจามันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว จ้างใครสักคนมาแต่งก่อน ส่วนเรื่องทายาทค่อยหาวิธีกันอีกทีดีกว่าครับ”

การิมเม้มปากแน่นใช้ความคิด ระหว่างนั้นดวงตาคมเทาก็ปรายหางตามองเห็นบางสิ่งไหว ๆ ตรงกลุ่มดอกไม้
ช่วงหนึ่งใกล้ต้นไม้ใหญ่ แน่ใจว่าไม่ได้มาจากแรงลมพัดหากคงเป็นใครบางคนกำลังซุกตัวแอบฟังพวกเขาอยู่ ชายหนุ่มยิ้มกริ่มก่อนหันมาทำทีเหมือนไม่รู้ไม่ชี้แล้วพูดกับคนสนิทต่อ

“ถ้าเราต้องจ้างใครสักคนให้มาเป็นเจ้าสาว เราก็อยากได้คนที่สามารถมาเป็นตาทิพย์ปกป้องชีวิตเราได้ด้วย นายก็น่าจะรู้ดีถึงแม้จะแต่งงานไปแล้ว แต่ไอ้คนที่คิดจะฆ่าเรามันไม่ยอมหยุดแน่ ไม่งั้นเราก็ต้องเสียเงินจ้างทั้งเจ้าสาวจ้างทั้งบอดี้การ์ดเพิ่ม มันมากและดูวุ่นวายเกินไป”
ประกายตาวิบวับที่เปลี่ยนไปของเจ้านายจากเมื่อนาทีก่อน ทำให้มาร์ครู้ทันในความคิด “คุณฌานอยากให้คุณเน่ย์มาเป็นเจ้าสาวอย่างนั้นใช่ไหมครับ ผมก็เห็นด้วย ถ้าหากว่าเธอจะยอมรับข้อเสนอของคุณ”

“เราจะจ่ายให้ยายหนูน้อยคุ้มกว่าคุ้ม ตามที่เธอเรียกร้อง ขอแค่เธอยอมมาเป็นเจ้าสาวให้เรา” การิมซ่อนยิ้ม ก่อนหันขวับไปจ้องเขม็งยังกลุ่มดอกไม้ที่ไหวแรงขึ้น “สนใจไหมครับคุณเน่ย์”
คนแอบสุ่มอยู่สำลักน้ำลายไอคอกแคก ขาแข้งที่จะก้าวเดินเกิดอาการสับสนพันกันเองจนสะดุดล้มลงโครม ดอกไม้แถบนั้นยุบยวบหายไปเป็นแนวแถวตามร่างบางที่นอนคว่ำหน้าทับมันอยู่ การิมกับมาร์คที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว ชายหนุ่มทั้งสองเดินตรงมาหาคนที่ขยับตัวลุกนั่งโอดครวญ

“ตกใจมากเหรอหนูน้อย” การิมย่อตัวลงนั่งข้าง เลิกคิ้วยียวนเนิบนาบ

“เชอะ !” หน้าสวยสะบัดค้อนพรืด “ไม่ได้ตกใจซะหน่อย”

“ไม่ได้ตกใจก็ดีแล้ว เพราะผมก็ไม่อยากให้ว่าที่เจ้าสาวของผมเจ็บป่วยขึ้นมาหรอก”
หญิงสาวหันขวับเขม่นตาเขียวปัด “ใคร...ใครจะไปเป็นว่าที่เจ้าสาวให้คุณกัน พูดเองเออเองทั้งนั้น” ร่างบางลุกยืนพรวดพราด ปัดกลีบดอกไม้ใบไม้ตามตัวออกเร็ว ๆ แล้วเดินเลี่ยงคนที่นั่งยอง ๆ มองเธอตาเป็นมัน

การิมถอนหายใจ ดวงตาคมที่มองตามแม่สาวน้อยหม่นแสงลงพลัน เหยียดตัวลุกยืนเต็มความสูง พร้อมเปรยขึ้นกับมาร์คว่า “เธอจะยอมแต่งกับเราไหมมาร์ค แต่เราบอกนายตามตรงนะ ว่าถ้าไม่ใช่เธอเราก็ไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว”

++++++++++++++++++++

“คุณเน่ย์ครับ ผมขอเวลาส่วนตัวสักครู่ได้ไหมครับ” มาร์คมาวินเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ซึ่งเนรัญกำลังนั่งหมุนโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะเล่นอย่างเซ็ง ๆ
เธอเงยหน้ามองเขา พลางพยักหน้างึกงัก “ได้ค่ะ คุณมาร์คมีธุระอะไรเชิญคุยได้ตามสบายค่ะ” เนรัญมองชายหนุ่มที่นั่งลงกับโซฟาตรงกันข้าม หน้าตาของเขาฟ้องว่าเรื่องที่จะคุยกับเธอคงเป็นเรื่องลำบากใจพอสมควร “คุณมาร์คจะมาคุยเรื่องเจ้านายของคุณหรือเปล่าคะ”

“ครับ เรื่องคุณฌาน” แม้ในท่าทีกริ่งเกรงของเขาหากยังคงมีความมุ่งมั่นในดวงตา มาร์คจ้องมองเนรัญอยู่อึดใจ ก่อนเปิดปากพูดในสิ่งที่เขาคิดว่าสมควรจะช่วยการิมได้ “คือผมอยากจะมาขอร้องคุณเน่ย์เรื่องช่วยเป็นเจ้าสาวให้คุณฌานครับ”

เธอเป่าปาก “ฉันนึกแล้วเชียวต้องเรื่องนี้ จ้างคนอื่นเถอะค่ะ ฉันรับงานนี้ไม่ได้จริง ๆ”

“แต่ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับคุณอีกแล้วนะครับ คุณเน่ย์รู้ดีว่าเพราะอะไร คุณฌานน่าสงสารมากนะครับ เจ้านายของผมต้องการคนที่ไว้ใจได้”

“แล้วมั่นใจได้ยังไงคะ ว่าฉันคือคนที่ไว้ใจได้” เธอย้อนถามไม่ได้ตีรวนหากด้วยความอยากรู้เหตุผลแท้จริง

“หลายครั้งที่คุณเน่ย์ช่วยชีวิตเจ้านายของผมให้ปลอดภัย ทั้งที่ความเป็นจริงคุณไม่ต้องช่วยคนที่พึ่งรู้จักกันไม่นานก็ย่อมได้ นั่นแสดงว่าคุณเป็นคนมีจิตใจที่ดีพอ และผมก็รู้สึกว่าเรื่องบังเอิญที่ทำให้คุณสองคนมาเจอกัน จริง ๆ แล้วมันอาจไม่ใช่แค่ความบังเอิญ”

เนรัญปิดปากเงียบ หากสมองคิดตาม...ถ้ามันไม่ใช่ความบังเอิญ งั้นก็คงเป็นความโชคร้ายของเธอที่มาเจอการิมซินะ อันที่จริงเขาก็น่าสงสารน่าเห็นใจอย่างที่มาร์คบอก แต่เรื่องรับจ้างแต่งงาน มันดูเป็นงานใหญ่ไปนิดสำหรับเธอ ชุดเจ้าสาวสำหรับเธอแล้ว อยากจะใส่มันครั้งเดียวเมื่อถึงเวลาที่พร้อมจริง ๆ กับคนที่รัก ไม่ใช่ใส่พร่ำเพรื่อเล่นตลกหลอกตาคนอื่นไปวัน ๆ

จมูกแหลมเล็กถอนหายใจยาว ส่ายหน้าเนือย ๆ ก่อนบอกปัด “ฉันคงช่วยไม่ได้จริง ๆ ค่ะคุณมาร์ค ขอบคุณที่พวกคุณไว้ใจคนแปลกหน้าอย่างฉัน แต่งานนี้ฉันไม่คิดว่าฉันจะทำได้ และอีกอย่างไม่แน่ว่าฉันอาจจะต้องกลับเมืองไทยเร็ว ๆ นี้...”

“อะไรนะครับ” คนฟังอยู่ถามตาตั้ง “คุณเน่ย์จะกลับเมืองไทยเร็ว ๆ นี้อย่างนั้นเหรอครับ ผมคิดว่าคุณฌานคงไม่ยอม”

“แล้วเจ้านายคุณมีสิทธิ์อะไรจะไม่ยอมคะ หรือเขาคิดว่าฉันยังทำงานให้เขาไม่สำเร็จ เลยคิดจะกักขังฉันไว้ตลอดชีวิตอย่างนั้นซิ” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นฉุนจัดทันควัน

มาร์ครู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย เขาควรจะพูดโน้มน้าวจิตใจให้เนรัญรู้สึกเห็นใจเจ้านายของเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเริ่มจะทำให้เธออารมณ์เสียซะมากกว่า

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ เพียงแต่ว่า...”

“ไม่ต้องหาเหตุผลอธิบายให้เธอเข้าใจหรือเห็นใจเราหรอกมาร์ค” เสียงเข้มของเจ้านายซึ่งเดินเข้ามาในห้องนี้
ตอนไหนไม่ทราบได้เอ่ยปรามขึ้น พร้อมเดินตรงมาหยุดยืนมองหน้าเนรัญด้วยสายตากระด้าง ก่อนกระตุกยิ้มมีเชิง “ถ้าเธอไม่มีน้ำใจรับงานนี้ดี ๆ เรามีวิธีทำให้เธอยอมรับอย่างจำใจ”

“คุณนี่มันสุด ๆ จริง ๆ คิดจะวางอำนาจกับฉัน จะเอาอะไรมาข่มขู่ฉันอีกไม่ทราบ” เนรัญลุกยืนพรวดเท้าสะเอวประจันหน้าอย่างไม่กลัว หากความกล้าชั่ววินาทีของเธอต้องดับวูบ เพราะคนเจ้าเล่ห์ถือไพ่เหนือกว่า

“ก็คนที่คุณรักไง พี่ชายของคุณ” การิมแสยะยิ้ม เห็นหน้าสวยซีดลงพลัน “ผมไม่ได้อยากจะใช้วิธีพวกนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและสมบัติทุกชิ้นของวงศ์ตระกูล ผมจำเป็น”

“เห็นแก่ตัว !” เนรัญโต้กลับ โกรธมากทว่าความกลัวกับคำขู่ของการิมที่มีมากกว่า ทำให้เธอไม่กล้าแผดเสียงใส่เขาสูงได้อย่างใจ ทำได้เพียงเค้นเสียงแค้นลอดไรฟัน “ฉันไม่แต่ง ไม่มีทาง”
แม้เรียวปากยักลึกยังคงเหยียดยิ้มอยู่ หากภายใต้อกข้างซ้ายของการิมกลับเต้นเจ็บแปลบแปลก หัวใจของเขาพิลึกจริงมันกำลังรับไม่ได้กับคำปฏิเสธของแม่สาวน้อย และก็ไม่อยากให้เธอกลับไปบ้านเกิดเมืองนอนของเธอเลยจริง ๆ

ชายหนุ่มเบือนสายตาจากเนรัญคล้ายไม่ใส่ใจกับอาการโกรธแค้นของเจ้าหล่อน หันไปหาคนสนิทก่อนกล่าวชัดถ้อยชัดคำให้หญิงสาวคนเดียวในที่นี้ได้ยิน “อ้อ ! มาร์คอีกสองวันเราต้องไปร่วมงานปาร์ตี้ที่บ้านท่านทูตไทย แจนพึ่งโทร.มาชวนเมื่อกี้บอกว่าเป็นวันเกิดพี่ชายของเธอ งานนี้คงได้เจอใครบางคน ที่คนแถว ๆ นี้อยากเจอใจจะขาด” ท้ายประโยคเค้นเสียงแข็ง หันมาจ้องหน้าเนรัญตาขวาง “เราจะกลับกันพรุ่งนี้ จะได้มีเวลาเตรียมตัวหาซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ใส่ไปร่วมงาน แล้วก็จะได้คิดหาวิธีว่าจะทำยังไงกับไอ้ล่ำ”
“คุณการิม !” หญิงสาวอุทานหน้าแหย “คุณอย่าได้คิดทำอะไรพี่ตั้งเด็ดขาด...”
“ได้...ผมจะไม่ทำอะไรไอ้พี่ชายสุดที่รักของคุณแม้แต่น้อย แต่ก็หลังจากคุณรับปากว่าจะเป็นเจ้าสาวให้ผม ถ้ายังไม่มีคำตอบอย่างที่ผมต้องการ ผมก็ไม่รับรองความปลอดภัย ว่าไงละครับ”
“ขอให้คุณโดนเป่าสมองภายในสองนาทีนี้เลย !” เธอตวาดใส่อย่างฉุนขาด กัดฟันแน่นหน้าดำหน้าแดง เขามีวิธีทำให้เธอหมดทางปฏิเสธและยอมรับงานว่าจ้างอย่างจำใจได้จริงอย่างที่เขาว่าไว้ไม่มีผิด ไอ้จอมบงการเอ้ย !
++++++++++++++++++++
สายของวันถัดมา...ภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองหลวงของกรีนนา ห้างฯ ดังซึ่งไม่มีใครในประเทศนี้ที่ไม่รู้จักชื่อเสียง ร่างบางซึ่งสาวเท้าเดินออกจากลิฟต์สู่ชั้นห้าของห้างฯ ถูกกระหนาบข้างด้วยหุ่นสูงโปร่งจากชายสองคนอย่างใกล้ชิด ราวกับพวกเขากลัวว่าเธอจะวิ่งหนีหายไปอย่างนั้น เนรัญส่งยิ้มเหยเกให้กับพนักงานที่ยืนเรียงหน้ากระดานต้อนรับผู้บริหารระดับสูง ทายาทคนโตเจ้าของห้างฯ แห่งนี้ ในขณะที่ทายาทหรือผู้บริหารคนสำคัญ ซึ่งเดินอยู่ทางขวามือของเธอกลับคอแข็งหน้าตั้งเดินผ่านพนักงานมาดเยอะจนน่าหมั่นไส้
การิมและมาร์คพาเนรัญมายังห้องเสื้อหรูแบรนด์ดังมุมหนึ่งบนชั้นห้า ที่สาว ๆ คนไหนเห็นเป็นต้องตาวาว ด้วยราคาแสนแพงบวกกับการออกแบบไม่ซ้ำใคร รวมถึงเนรัญยามนี้ด้วย เธอเปิดยิ้มกว้างขวางมองไปยังชุดราตรีสวยในร้านที่มีมากให้เลือกตระการตา การิมลอบมองเสี้ยวหน้าสดใสของแม่สาวน้อยแล้วต้องซ่อนยิ้ม นี่เป็นรอยยิ้มสุขใจแรกที่เขาเห็น หลังจากเมื่อวานทำเธอโกรธจนเธอแทบไม่ยอมมองหน้า
“ผมกับมาร์คจะนั่งอ่านหนังสือรอในห้องรับรองลูกค้า คุณเลือกชุดตามสบายเลยนะ ผมคิดว่าผมคงไม่สันทัดนักที่จะไปช่วยผู้หญิงเลือกชุด” การิมบอก เนรัญหุบยิ้มฉับ ปรายตาค้อนเล็ก ๆ เชิดคางขึ้นก่อนถามเสียงสะบัดราวกับเด็กเอาแต่ใจว่า
“ฉันจะเอากี่ชุดก็ได้ใช่ไหม จะแพงแค่ไหนคุณจ่ายไม่อั้นใช่ไหม...”
“หรือจะเหมาทั้งร้านก็ไม่มีปัญหา” คำสวนกลับทันควันอย่างใจปล้ำ ทำปากเล็กต้องเม้มเข้าหากันแน่น ทั้งที่จะแกล้งเขาให้จ่ายเงินจนเข็ดแบบที่คราวหน้าจะไม่กล้ายุ่งกับเธออีกแล้วเชียว แต่กลับต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และอารมณ์เสียซะเอง
“ได้ งั้นฉันเอาชุดนั้น ชุดนั้น นั่น แล้วก็ชุดนี้” เธอเดินไปชี้ชุดราตรีที่กวาดตามองดูแล้วน่าจะมีราคาสูงพอควร ก่อนจะจบที่ชุดสีแดงสดคว้านคอลึกเกือบถึงกลางลำตัว ทั้งด้านหน้าด้านหลัง
การิมที่ไม่ได้สะทกสะท้านกับการจะเสียเงินเสียทอง ยักคิ้วรับพยักหน้าน้อย ๆ ประมาณว่าตามสบายเต็มที่ แต่พอเห็นชุดสุดท้ายที่เนรัญชี้เลือกถึงกับต้องเดินไปห้ามพนักงานที่กำลังจะถอดชุดนั้นออกจากหุ่น
“ชุดนี้ไม่เอา เอาชุดอื่น” เสียงแข็ง ๆ กับสายตาบ่งบอกความไม่พอใจที่ปรายมองชุดสวยสีแดง เนรัญสังเกตเห็นชัดเจน แต่ความที่เธออยากจะเอาชนะเขาสักเรื่องให้ได้ จึงเลือกจะไม่ทำตาม
“แต่ฉันชอบชุดนี้” เธอบอกทั้งที่จริงชุดเปรี้ยวจี๊ดสะท้านทรวง เป็นตัวแรกในชีวิตของเธอที่จะมีเลยก็ว่าได้ “แล้วชุดนี้ฉันก็จะใส่ในคืนงานวันพรุ่งนี้ด้วย ผิวขาว ๆ ของฉันคงตัดกับสีแดงสดชุดนี้น่าดู สรุปฉันเอาตัวนี้ค่ะ” ท้ายประโยคพยักหน้าบอกพนักงานในร้านให้รีบทำตาม การิมก็คิดเช่นเดียวกับที่เนรัญพูด แน่นอนว่าถ้าไอ้ชุดราตรีแดงนั่น ถ้ามาอยู่บนเรือนกายผิวขาวราวไข่ปลอกของเจ้าหล่อน คงดึงดูดสายตาใครต่อใครได้ไม่น้อย และเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่งก็คงจะชื่นชอบอยากมองเหมือนกัน แต่ทว่ามันแปลกที่เขาไม่อยากให้เธอใส่ไปให้ไอ้พี่ชายของเธอดูเลยให้ตาย
“ทำไมไอ้ล่ำมันชอบให้คุณเปิดหน้าเปิดหลังให้คนอื่นดูนักเหรอ หรือว่ามันเป็นโรคจิตชอบมองหน้าอกผู้หญิง”
“คนโรคจิต คือคุณต่างหาก ชอบจะ...จับ...” เนรัญชะงักคำ เม้มปากไม่ให้หลุดคำพูดต่อ แกมผ่องพรรณเลือดฝาดสีจัดขึ้นจนร้อน ตอนที่การิมต่อคำพูดของเธอให้เสร็จสรรพ แถมยังมีคนร่วมรับฟังเป็นลูกน้องของเขาและพนักงานในร้าน
“ชอบจับไข่ดาวของคุณนะเหรอ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ตาพราย “ผมไม่ได้ชอบจับอย่างเดียวนะครับ ชอบกินด้วย รอหลังแต่งงานก่อนเถอะแล้วผมจะบอกให้ละเอียดเลยว่าผมชอบทำอะไรบ้างกับตัวคุณ”
“ตะ...ตาบ้า !” เธอแวดเสียงสูง หน้าแดง “ฉันยังไม่ได้ตกลงจะแต่งกับคุณสักหน่อย”
“แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะปฏิเสธได้”
หญิงสาวแยกเขี้ยวแค้น “ถึงฉันจะไม่ปฏิเสธหรือบังเอิญรับงานว่าจ้างนี้ของคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีสิทธิ์ทำอะไรกับตัวฉัน”
เสียงของเนรัญที่ตะโกนดังทั่วร้าน สร้างความไม่สบายใจให้แก่มาร์ค เพราะเขากลัวว่าคำพูดของเธอจะลอยไปกระทบหูใคร จนเรื่องว่าจ้างแต่งงานลอยไปถึงคนในครอบครัว มาร์ครีบเดินมาห้ามทัพเจ้านายกับสาวน้อยคนไทยโดยเร่งด่วน ก่อนที่จะมีคำพูดอีกมากมายหลุดออกมาจากปากเธอเพราะความโมโห
“คุณฌาน คุณเน่ย์ครับ เรื่องว่าจ้างเป็นเจ้าสาวมันเป็นความลับของเราแค่สามคนนะครับ แล้วนี่ก็เป็นห้างสรรพสินค้า ที่มีคุณรูดี้เป็นผู้บริหารงานอยู่ ถ้าบังเอิญลูกน้องของเขามาได้ยินมันจะเป็นปัญหาตามมานะครับ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะคุณมาร์ค ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือผู้หญิงคนอื่นก็คงไม่มีใครอยากจะแต่งกับเจ้านายของคุณหรอก และถ้าเขาจำเป็นต้องแต่งภายในเดือนหน้าให้ได้ ทางเดียวก็ต้องใช้เงินฟาดหัวจ้างมาทั้งนั้นแหละค่ะ” คนโกรธจัดไม่สนใจคำร้องห้าม ยังพูดต่อเสียงแหลม “จากที่พวกคุณเคยบอกมา คนในครอบครัวอยากให้คุณการิมแต่งงานแล้วก็มีทายาทเท่านั้น ไม่ได้สนใจว่าผู้หญิงที่แต่งเข้าไปเป็นสะใภ้จะเป็นใครมาจากไหนด้วยวิธีสกปรกแบบใดไม่ใช่หรือคะ” สายตากลมตวัดเขม่นการิม เย้ยหยันในที นิสัยแย่ ๆ ของการิมทำให้เธอกำลังจะหมดความสงสารในชีวิตของเขาลง
การิมขบกรามแน่น เดินอาด ๆ ตรงไปหาคนตัวเล็กที่ยืนเชิดหน้าปากดี เขาโน้มหน้าเข่นเสียงเข้มกรอกหูเธอว่า “คุณรู้ว่าแค่ผมกดโทรศัพท์ ผมสามารถทำอะไรกับใครได้บ้าง ถ้าไม่อยากให้เรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ คุณควรจะไปเลือกชุดให้เรียบร้อยภายในครึ่งชั่วโมงนี้ซะ ผมจะไปรอในห้องรับรองลูกค้า หวังว่าจะไม่มีเสียงด่าตามหลังให้ผมโกรธจนตัดสินใจทำอะไรอย่างไร้ความคิดลงไปหรอกนะ” ขู่จบร่างสูงก็เดินตรงไปยังห้องรับรองที่ว่าพร้อมกับคนสนิท ปล่อยเนรัญยืนหน้าซีดสลับแดงมองตาม ไม่มีคำก่นด่าเสียงดังให้ระคายหูการิมแต่อย่างใด มีเพียงคำแช่งชักในที่เงียบตามหลังเท่านั้น
‘แค่กดโทรศัพท์จะทำอะไรกับใครก็ได้อย่างนั้นเรอะ งั้นก็กดไปหายมทูตซะซิ แล้วบอกให้ท่านช่วยมารับคุณไปซะเร็ว ๆ ไอ้ลุงหน้ายาว ไอ้ยีราฟบ้า !’
การิมมาหย่อนตัวลงนั่งกับโซฟาในห้องรับรองลูกค้าของห้องเสื้อดังด้วยอาการฮึดฮัดเต็มที เขาโมโหจนลมออกหูที่ถูกเนรัญดูถูกด้วยถ้อยคำแรง ๆ และสายตาหยามเหยียดที่บาดลึกจนเจ็บหนึบแน่นอก หากก็เลือกที่จะข่มอารมณ์เก็บไว้แทนที่จะระเบิดออกมาใส่เธอแบบไม่ยั้ง เขาสามารถจะทำได้แต่กลับไม่กล้าจะทำรุนแรงกับเธอไปมากกว่านี้ แม้ใจหนึ่งโกรธหากมีอีกใจที่กลัว กลัวว่าเจ้าสาวในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้าจะไม่ใช่เธอ ถูกต้องที่เนรัญบอกว่าถึงเขาจะแต่งงานกับใครก็ต้องจ้างมาทั้งนั้น มันดูเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าการปลอกกล้วยเข้าปากเสียอีก ที่จะใช้เงินที่เขามีมากเหลือไปจ้างผู้หญิงมาทำงานนี้ให้ ผู้หญิงคนอื่น ๆ อาจไม่ต้องทำให้เขาเจ็บหรือลำบากใจอย่างที่เนรัญทำอยู่ตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่แปลกที่เขาอยากจะเลือกเธอเพียงคนเดียว หลายครั้งที่ให้เหตุผลกับตัวเอง มาร์คและตัวหญิงสาวว่า เป็นเพราะเธอมีความพิเศษกว่าคนอื่นที่จะคุ้มครองเขาได้ แต่ในส่วนลึกมันคล้ายมีมากกว่านั้น เธอที่เขาพึ่งรู้จักหากให้ความรู้สึกราวกับผูกพันกันมาแสนนาน บางทีการที่เขาพบกับเธออาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างที่มาร์คเคยบอกไว้ก็เป็นได้
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หลังจากที่การิมคิดว่าเนรัญคงตัดสินใจเลือกชุดใส่ไปงานคืนพรุ่งนี้ได้อย่างหนำใจแล้ว เขาจึงเดินออกมามองหาหญิงสาว ทว่าผู้หญิงหลายคนในร้านกลับไม่มีใครคุ้นตาและคล้ายกับเนรัญเลยสักคน เขาไม่คิดว่าเธอจะกล้าหนีเขาไปแน่ เธอกลัวและเป็นห่วงพี่ชายต่างสายเลือกของเธอมากไม่มีทางจะตัดสินใจผิด ๆ หนีไปจากเขาได้หรอก
“มาร์คไปถามพนักงานให้เราหน่อยซิ ยายเปี๊ยกหายไปไหน”
“ครับ” คนสนิทรับคำ เดินตรงไปยังพนักงานคนที่ช่วยเลือกชุดให้เมื่อสักครู่ไม่นานก็กลับมาพร้อมคำตอบ “พนักงานบอกว่าคุณเน่ย์ออกไปกับคุณ...เออ...” มาร์คอึกอัก รู้ดีว่าถ้าบอกชื่อคน ๆ นี้ออกไป การิมคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่
“พนักงานบอกว่าไง ไปไหนกับใคร”
“คุณรูดี้ครับ” มาร์คตอบเสียงเบาในลำคอ แน่ใจว่าบอกชื่อไปไม่ผิดเพี้ยนแน่ คนที่มีร้านค้ากิจการในห้างฯ แห่งนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักผู้บริหารห้างฯ นี้หรอก “พนักงานบอกว่าคุณเน่ย์ไป...”
“ไปไหน !” กระแทกเสียงถามสวนกลับเร็วด่วน ตาวาวโรจน์ “นายรูดี้พาเธอไปไหน”
++++++++++++++++++++
ทางด้านเนรัญที่เดินตามรูดี้ออกมาโดยไม่บอกกล่าวการิมแม้สักคำเดียว ด้วยอยากแกล้งให้ฝ่ายนั้นคลั่งตายตอนออกมาไม่เจอเธอ ป่านนี้การิมคงวิ่งวุ่นตามหาว่าที่เจ้าสาวที่หายไปจนอกจะแตกตายแล้วก็เป็นได้ มุมปากเล็กกระตุกยิ้มสะใจ รู้ว่าเธอไม่มีทางรับมือการิมได้ชนะทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะเป็นฝ่ายโดนกระทำเพียงคนเดียว เธออยากจะเอาคืนเขาบ้างแม้จะเล็กน้อยกว่าที่เขาทำกับเธอก็เถอะ
ประตูห้องทำงานผู้บริหารห้างสรรพสินค้าใหญ่ ถูกเปิดต้อนรับผู้เป็นเจ้าของห้องและแขกที่เดินตามให้เข้าสู่ด้านใน ตรงมุมหนึ่งริมซ้ายสุดของห้องกว้าง เป็นโต๊ะสำหรับรับประทานอาหาร และยามนี้บนโต๊ะจัดเรียงรายเต็มไปด้วยอาหารเลิศรส รูดี้สั่งให้ลูกน้องที่หิ้วถุงข้าวของ ของเนรัญจากห้องเสื้อเมื่อครู่ไปวางไว้ตรงมุมวางของใกล้ ๆ พร้อมพยักหน้าเป็นคำสั่งให้ลูกน้องอย่ามากวนใจเวลาอาหารมื้อกลางวันแสนพิเศษสุดของเขากับเธอวันนี้ ก่อนจะชักชวนเนรัญไปนั่งยังเก้าอี้ตัวที่เขากำลังเลื่อนให้ เนรัญก้มหน้ากล่าวคำขอบคุณหลังจากหย่อนตัวลงนั่งเรียบร้อย และมองตามร่างโปร่งขาวเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่อ้อมไปนั่งตรงกันข้าม
“ผมดีใจจังเลยครับที่มีโอกาสได้ทานอาหารกับคุณเน่ย์” คนที่พึ่งนั่งลงได้ กล่าวพร้อมรอยยิ้มอย่างไม่เก็บ เขาดีใจมากตอนเจอเธอ และไม่คิดว่าแค่เพียงเอ่ยปากชวนเธอมาทานมื้อกลางวันด้วย เธอก็ยอมตกปากรับคำแต่โดยดี “ถ้าผมรู้ว่าวันนี้จะได้รับเกียรติจากคุณเน่ย์มานั่งทานกลางวันด้วย ผมคงจะสั่งอาหารให้ได้มากกว่านี้นะครับ เสียดายจริง ๆ ที่ผมไม่ทราบล่วงหน้าก่อนว่าคุณเน่ย์จะมาเดินช็อปที่ห้างฯ ของเราวันนี้ด้วย”
“คุณรูดี้พูดอย่างกับว่าฉันเป็นคนสำคัญมากอย่างนั้นแหละค่ะ” ยิ้มอาย ๆ กวาดตามองอาหารตรงหน้าก็ใช่ว่าจะน้อยเสียที่ไหน มันเยอะจนเธอตกใจในวินาทีแรกที่เห็นด้วยซ้ำ นึกว่ารูดี้สามารถสั่งอาหารพวกนี้ได้ในเวลาไม่กี่นาทีเพื่อต้อนรับเธอด้วยซ้ำ “ว่าไปอาหารที่มีบนโต๊ะตอนนี้ก็มากเกินกว่าที่เราจะทานกันหมดแล้วละคะ อย่าบอกนะคะว่านี่เป็นมื้อปกติของคุณ”
“ครับ ปกติ” เขาตอบน้ำเสียงนิ่มสุภาพ “อันที่จริงผมก็ไม่เคยทานหมดหรอกครับ แต่คุณแม่ชอบสั่งให้พนักงานจัดอาหารหลาย ๆ อย่างให้ผมเสมอ อาจเป็นเพราะชีวิตในวัยเด็กของผมไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสกับอาหารดี ๆ แบบนี้มั้งครับ” น้ำเสียงและสายตาสดชื่นของเขาเศร้าลงเล็กน้อยตอนที่กล่าวถึงวัยเด็ก เนรัญได้ยินก็อดจะเห็นใจรูดี้ขึ้นมาอย่างเสียมิได้ แม้ความจริงเธอไม่ทราบว่าเป็นมาเช่นไร แต่นึกเอาเองว่าคงเป็นเพราะเขาคือลูกภรรยาลับ ๆ ของท่านประธานาธิบดีกระมัง บางทีในวัยเด็กเขาอาจจะลำบาก ถึงขั้นต้องหลบซ่อนตัวจากการเป็นข่าว หรืออาจไม่ทราบด้วยซ้ำว่าบิดาแท้จริงคือใคร
หญิงสาวรีบคลี่ยิ้มหวานส่งให้ก่อนช่วยปลดเรื่องที่ชายหนุ่มพูดอยู่ทิ้ง “คุณรูดี้บอกว่าปกติทานไม่เคยหมดใช่ไหมคะ แต่ว่าวันนี้มีฉันมาทานเป็นเพื่อนแล้ว เราสองคนมาช่วยกันปราบอาหารบนโต๊ะนี้ให้เรียบเลยดีไหมคะ”
“เอาซิครับ” เขาผายมือเชิญ แล้วเอื้อมไปตักอาหารจานหนึ่งวางไว้ในจานของหญิงสาว “ลองชิมดูนะครับ ถ้าไม่ถูกปากคุณเน่ย์ยังไงก็บอกได้นะครับ ผมจะให้พนักงานหาของที่คุณเน่ย์ชอบทานมาเปลี่ยนให้ทันที”
เนรัญรีบโบกมือ “อย่าถึงขั้นนั้นเลยค่ะ ฉันไม่ใช่คนเรื่องมากทานยากขนาดนั้นหรอกค่ะ” เรียวปากบางคลี่ยิ้มหวานหยด และดูเหมือนสายตาคมกริบจะต้องมนโดนสะกดนิ่งไว้กับรอยยิ้มนั้น
รูดี้ตรึงสายตาเพียงใบหน้าสวย พร้อมกล่าวชมออกมาราวกับไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่า “คุณเน่ย์น่ารักจังเลยครับ รอยยิ้มของคุณทำให้ผมอยากลืมความเจ็บปวดในอดีตทั้งหมด”
คนถูกชมหน้าชา ก่อนเปลี่ยนเป็นระเรื่อสี แค่เขาบอกว่าเธอน่ารักประโยคหลัง ๆ ที่เขาพูดออกมาเธอก็หูอื้อเหมือนไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว รูดี้รูปหล่อ พ่อรวยไม่พอ เขายังปากหวานมากด้วย มารยาทหรือก็ดูเป็นสุภาพบุรุษผิดกับการิมเป็นไหน ๆ รายนั้นเจ้าอารมณ์ บ้าอำนาจ ชอบขมขู่คนอ่อนแอกว่า แม้หน้าตาจะดีหล่อขั้นเทพขั้นพรหมจากไหนก็ตามเถอะ แต่นิสัยหยาบ ๆ ของเขาทำเธอรับไม่ได้
“เออ...ขอบคุณค่ะ” ก้มหน้าหลบสายตาคม กล่าวเสียงอุบอิบในลำคอ รีบเบือนความสนใจไปยังอาหาร แล้วตักอาหารจานใกล้มือสุดไปวางไว้ในจานของรูดี้บ้าง “จานนี้น่าทานจังเลยค่ะ กุ้งตัวโต้โตนะคะ คุณรูดี้ทานซิคะ”
“ขอบคุณครับคุณเน่ย์” กระนั้นรูดี้ก็ยังไม่ยอมตักอาหารสักคำใส่ปาก เขายิ้มพราว ดวงตาสีเทาเต้นเป็นมันระยับ “คุณเน่ย์ครับ จะเป็นการเสียมารยาทไหมครับ ถ้าผมอยากจะขอถามอะไรคุณเน่ย์สักอย่าง”
“คะ...ถามอะไรคะ” คิ้วเรียวเลิกสูง ก่อนลดลงและฉีกยิ้มเยื้อน “ลองถามดูซิคะ ส่วนคำตอบจะตอบได้หรือเปล่ายังไม่รับปากนะคะ”
“ครับ...ผมอยากทราบว่าคุณเน่ย์มีแฟ...” คำถามยังไม่จบประโยคดี เสียงดังจากประตูห้องทำงานก็เปิดผางดังขึ้น
ปั้ง ! หลังเสียงประตูที่เปิดเข้ามาด้วยความแรง ก็ปรากฏร่างสูงที่มาพร้อมหน้าตาอันเดือดดาล เขาก้าวฉับ ๆ ตรงมาถึงตัวชายหญิงตรงโต๊ะอาหารในห้องทำงาน อย่างที่คนในห้องไม่ต้องมีเวลาตั้งตัวหรือคิดหลบ
“คุณการิม/พี่ฌาน !” เนรัญกับรูดี้อุทานชื่อเจ้าของใบหน้าดุกร้าว ตาวาวโรจน์พร้อมกัน ก่อนจะเห็นบอดีการ์ดของรูดี้สองสามคนวิ่งหน้าตื่นตามเข้ามา พวกเขาพากันก้มหน้าก้มตาขอโทษให้ผู้เป็นนายที่ไม่สามารถห้ามการิมไว้ได้
รูดี้พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้คนของเขาออกไปข้างนอกห้องก่อน และพอให้หลังบอดีการ์ดเพียงเสี้ยวนาที เจ้าของห้องก็ส่งยิ้มพร้อมยืนโค้งศีรษะน้อย ๆ เป็นมารยาทให้ผู้เป็นพี่ชายที่บุ่มบ่ามเข้ามาอย่างถือวิสาสะ
“ยินดีต้อนรับครับพี่ฌาน วันนี้เป็นเกียรติน่าดู ที่พี่มาหาผมถึงที่นี่ได้” ในน้ำเสียงถ้าคนอื่นฟังผ่าน ๆ คล้ายสุภาพนี้ สำหรับการิมมันเป็นน้ำเสียงเย้ยหยันเสียมากกว่า “นานมากแล้วซินะครับ ที่พี่ไม่เคยเข้ามาในห้องทำงานของผม...”
“ใช่นานมาก แล้วที่เรามาวันนี้ไม่ได้มาหานาย แต่มาตามตัวคนของเรา” การิมไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินไปกระชากแขนคนของเขาให้ลุกปลิวจากเก้าอี้ สายตาดุหันไปตำหนิเนรัญปราดหนึ่ง แล้วเหลือบมองน้องชายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “เราจำได้ว่าเราเคยเตือนนายแล้วนะ ว่าอย่ามายุ่งกับผู้หญิงคนนี้ นายพาเธอขึ้นมาบนนี้ด้วยแสดงว่านายคิดอยากจะลองดีกับเราใช่ไหม”
“ฉันเป็นคนตามคุณรูดี้มาเอง” เนรัญรีบออกรับ เคยเห็นอารมณ์โทโสของคนเอาแต่ใจมาก็หลายครั้ง ดังนั้นพอจะเดาจุดเดือดและการทำลายร้างของเขาได้บ้าง คงไม่ดีแน่ถ้าการที่เธอเลือกมาทานข้าวกับรูดี้เพื่อแค่จะให้การิมหัวปั่นตอนหาตัวเธอไม่เจอ กลับกลายเป็นสร้างปัญหาทะเลาะวิวาทใหญ่โต “ตอนแรกแค่จะมาขอมื้อกลางวันสักมื้อ แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้วละคะ เพราะมื้อกลางวันแสนสุขของฉันกับคุณรูดี้ถูกคนอารมณ์ร้ายไร้เหตุผลทำลายความอร่อยไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นฉันจะกลับ”
การิมจ้องเขม็งคนที่แอบหนีเขามาทานมื้อกลางวันโดยไม่บอกกล่าว “อย่างงั้นเรอะ แต่ไหน ๆ เราสองคนก็ให้เกียรติมาเหยียบห้องทำงานผู้บริหารคนเก่งแล้วนี่ ก็น่าจะป่าวประกาศให้เขารับรู้ข่าวดีของเราสองคนไว้เลย” เสียงตวาดกร้าวตอนแรกกลายเป็นเย็นเหี้ยม การิมกระตุกยิ้มให้รูดี้ก่อนบอกข่าวดีที่ว่า “คุณเน่ย์คือว่าที่พี่สะใภ้ของนาย อีกไม่นานเธอก็จะกลายมาเป็นคนในตระกูลของเราอย่างสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นขอบอกนายไว้ตรงนี้อีกสักครั้ง ว่าถ้าไม่อยากให้เป็นข่าวแย่งผู้หญิงคนเดียวกับพี่ชาย นายอย่ามายุ่งกับเธออีก”
สีหน้าตื่นตระหนกของรูดี้ชัดเจน เขามองเนรัญสลับกับพี่ชายอย่างไม่เชื่อหู “จริงอย่างที่พี่ฌานบอกเหรอครับคุณเน่ย์ แต่ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าเป็นแค่...”

“พนักงาน ลูกจ้าง หรือว่า...น้องสาวเพื่อน” การิมเสริมขึ้นรวดเร็ว ในสิ่งที่เขาอ่านออก และเห็นรูดี้ชักสีหน้าเคร่งเครียดตอนที่เขาพูดต่อว่า “สถานภาพของเรากับเธอเปลี่ยนไปแล้ว อีกไม่กี่อาทิตย์เธอจะกลายมาเป็นพี่สะใภ้นายอย่างเต็มตัว อย่าทำหน้าเหมือนไม่เชื่ออย่างนั้นซิ หรือว่านายต้องให้เราแสดงบทคนรักให้ดูต่อหน้าซะก่อนถึงจะเชื่อ !”

ไม่ปล่อยให้รูดี้ได้รอนาน การิมก็เลือกทำในสิ่งที่น้องชายคาดไม่ถึง เขาดึงร่างบางเข้ามากอดพร้อมกดเรียวปากบดจูบกับเธอหนักหน่วงโชว์รูดี้ให้อิจฉาเต็มตา เนรัญเกือบจะสำลักจูบจาบจ้วงรวดเร็วปานสายฟ้านั้น แล้วต้องยืนมึนงงแก้มแดงระเรื่อเมื่อปากหนาถอนจูบออก

การิมชำเลืองมองหน้าเหลอหลาติดจะเศร้าหมองของน้องชาย พร้อมกระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วเปล่งวาจาท้าทายมีเชิง “ไงพอไหม หรือต้องการให้พวกเราแก้ผ้าเล่นฉากเลิฟซีนโชว์มากกว่าจูบ นายถึงจะเชื่อ ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของเรา”

เผียะ ! การิมสูดปากยกมือคลึงแก้มที่ถูกตบฉาดใหญ่จนหน้าสะเทือน แล้วหันมองเจ้าของฝ่ามือซึ่งกล้าฟาดมาเต็มแรงด้วยสายตาขึงโหด ทว่าพอเห็นน้ำตารื้นกับเรียวปากสั่นระริกของหญิงสาว คนที่คิดว่าจะโกรธก็ต้องพบกับคำว่าเสียใจ...

“ฉันเป็นของเล่นของคุณหรือไง อยากจะจูบหรือจับฉันแก้ผ้าโชว์ใครเพื่อความสะใจของคุณก็ได้หรือไง คนน่ารังเกียจ คุณมันน่ารังเกียจที่สุด !” เนรัญตวาดกร้าว ก่อนจะปล่อยให้น้ำใสอุ่นร่วงเผาะเต็มสองแก้ม และรีบหมุนตัวเดินแกมวิ่งออกไปจากห้องในทันที เกลียดนักไอ้ผู้ชายที่ไม่มีหัวใจไม่เคยนึกถึงหัวอกผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอสักนิด

“คุณเน่ย์ คุณเน่ย์ !” การิมตะโกนตามหลังคนที่วิ่งน้ำตาไหลพรากหายออกไป เขาหวังจะก้าวตาม หากเสียงหนึ่งที่ดังหยันเหยียดจากเบื้องหลังทำให้ต้องหยุดชะงักฝีเท้า แล้วหันมามองตาขวางกร้าว

“พี่ฌานเกือบทำให้ผมเชื่อแล้วเชียว แต่เสียดายนะครับที่คุณเน่ย์ไม่เล่นด้วย” คราวนี้คนที่เหมือนจะผิดหวังในตอนแรก เปลี่ยนเป็นแสยะยิ้มบ้าง และเป็นรอยยิ้มที่การิมเกลียดที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา
หากกระนั้นการิมก็เลือกที่ฝากความแค้นไว้แค่แววตาให้เจ้าของห้อง แล้ววิ่งตามเนรัญออกไปติด ๆ



กันเหงา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2555, 19:32:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ก.ค. 2555, 19:32:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1382





<< ตอนที่ 9 พระพรหมสีชมพู   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account