พระพรหมสีชมพู
เรื่องพระพรหมสีชมพู เรื่องล่าสุดที่แต่งขึ้นจากจินตนาการ

จะมีประเทศที่ติ๊ต่างขึ้นมาเองนะคะ ผู้แต่งให้ชื่อว่าประเทศกรีนนา

...เป็นเรื่องของสาวน้อยคนไทยที่ไปตามหาพี่ชายต่างสายเลือดที่เธอรักและหวงแหนมาก พอพี่ชายจะไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่นเธอเลยยอมไม่ได้ ความบังเอิญจากอุบัติเหตุทำให้เธอเจอกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นถึงลูกชายประธานาธิบดีแห่งกรีนนา ที่ถูกปฏิเสธการขอแต่งงาน เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ซึ่งคู่หมั้นของหล่อนก็คือพี่ชายต่างสายเลือดของแม่สาวน้อยคนไทยนี่เอง

เธอถูกจับมาเป็นตัวประกันชั่วคราวของเขา และอะไรไม่ซวยเท่ากับการที่จู่ ๆ เธอก็เกิดสัมผัสพิเศษสามารถเห็นเหตุการณ์อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ได้ล่วงหน้าเหตุการณ์จริง 1 นาที จากแค่ตัวประกัน เลยกลับกลายเป็นต้องอยู่คอยคุ้มภัยเขาราวผูกตัวติดกันซะอย่างนั้น...

..."เมื่อพี่ชายของคุณเป็นคนทำให้ผมถูกปฏิเสธการขอแต่งงาน คนที่น่าจะรับผิดชอบเรื่องนี้ก็เห็นที่ว่าคงต้องเป็นคุณซะแล้วแหละ แม่หนูน้อยหมวกแดง"

..."ไม่เอา...ปล่อยฉันนะ อีตาเฒ่าทารก"

..."ภายในสองเดือน ถ้าคุณทำให้พี่ชายของคุณถอนหมั้นกับแจนได้ ผมจะปล่อยคุณไป"

Tags: น่ารัก+บู๊เล็ก ๆ

ตอน: ตอนที่ 9 พระพรหมสีชมพู

ตอนที่ 9

มาร์ค มาวิน หันมองเจ้านายกับแม่สาวน้อยที่เดินตัวติดกันเข้ามาภายในบ้าน แปลกใจเหมือนกันกับอากัปกิริยาก้มหน้าเหนียมอายของเนรัญแทนอาการหน้าบูดบึ้งตึง หรือฟาดงวงฟาดงาอย่างน่าจะเป็น ชำเลืองมองผู้เป็นนายก็เห็นมีรอยยิ้มเคลือบเต็มเรียวปาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูยังไงการิมก็ไม่น่าจะอารมณ์ดีขึ้นได้สักนิด แม้จะฉงนใจกับท่าทีของชายหญิง ทว่ามาร์ก็พลอยโล่งอกที่พวกเขาไม่ได้ทะเลาะกัน จนสร้างความตึงเครียดเพิ่มให้กับสถานการณ์ย่ำแย่ในเวลานี้

ห้องอาหาร การิมเดินไปลากเก้าอี้ออกสำหรับให้เนรัญหย่อนตัวลงนั่ง นับเป็นครั้งแรกหลังจากพวกเขาอยู่ร่วมบ้านเดียวกันมา ที่ชายหนุ่มบริการหญิงสาวด้วยวิธีที่สุภาพบุรุษควรพึ่งกระทำ ร่างสูงโปร่งโน้มตัวเอียงคอมองเสี้ยวแก้มระเรื่อสีของคนที่นั่งงุดหน้ามองต่ำลงใต้โต๊ะอาหาร เห็นอาการกริ่งเกร็งขวยเขินของเธอก็ยิ่งพาใจสั่นและนึกชื่นชอบกับความขี้อายน่ารักเยี่ยงนี้เอามาก แต่ด้วยสายตาบุคคลที่สามซึ่งยืนจ้องจับผิดอยู่ทำให้การิมอึดอัดใจ เขาดึงตัวกลับยืดหลังตรง ยืนกอดอกแน่นพลางชำเลืองหางตาคมกริบที่แฝงความขัดใจส่งไปยังลูกน้อง

“นายจะจ้องหาอะไร เราสองคนมีอะไรงอกบนหัวอย่างนั้นเรอะ” ต่อว่าจบ ก็เดินอ้อมไปหามาร์คทื่ยืนอยู่ตรงกันข้าม ตั้งใจให้ไหล่ของเขาชนกับคนสนิทแรงเอาการ พร้อมใช้สายตาดุ ๆ เรียกให้มาร์คเดินตามไปยังบาร์เครื่องดื่ม “ช่วยหาเครื่องดื่มให้เราสักขวดซิ แชมเปญหรือไวน์ก็ได้ วันนี้วันเกิดยายหนูน้อย เราจะเอาไปฉลองให้เธอสักหน่อย”

“คุณฌานคิดจะมอมเธอเหรอครับ” คนสนิทหันมองอย่างไม่ไว้วางใจ การิมถอนหายใจฉุนกับสายตาประมาณว่ารู้ทัน

“นี่มาร์ค ตั้งแต่ทำงานกับเรามา นายเคยได้ข่าวรึไงว่าเราขืนใจผู้หญิง”
มาร์คยิ้ม ๆ ก่อนตอบ “ผมไม่เคยได้ข่าวเลยครับ แต่เห็นกับตา แล้วรู้สึกว่าจะเป็นผู้หญิงคนนี้ซะด้วยซิครับ ที่คุณฌานพยายามจะขืนใจ”

การิมตบไหล่อีกฝ่ายเต็มแรงพร้อมบีบแน่นเป็นการหยอก แต่คงหยอกแรงมากไปหน่อยทำคนสนิทถึงกับสูดปาก “เราเคยบอกแล้วไงไม่ได้ขืนใจแต่เราแค่หยอกเล่น นายรีบ ๆ ไปหาเครื่องดื่มมาให้เราเลย ก่อนที่เราจะเตะก้นนายเป็นการขอบคุณที่แสนรู้ ดักคอไปซะทุกทาง”

“ตกลงครับ คืนนี้ก็อย่าให้ผมได้ยินเสียงแม่หนูน้อยของคุณร้องโวยวายแล้วกัน ไม่งั้นผมจะเก็บภาพไว้เป็นหลักฐาน คราวนี้คุณหมดสิทธิ์แก้ตัวแน่” มาร์คหัวเราะคึกคึก สบายใจที่เห็นการิมไม่ได้คิดมากเรื่องเมื่อบ่ายวันนี้ ดูเหมือนเจ้านายจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยด้วยซ้ำ
ร่างโปร่งเดินกลับมานั่งรอเครื่องดื่มที่โต๊ะอาหาร เขาเลือกนั่ง

เก้าอี้ตัวใกล้เนรัญ ทั้งที่ทุกครั้งจะต้องนั่งตรงหัวโต๊ะ ไม่มีมาร์คคอยจ้องขัดใจ นิ้วมือใหญ่เลยไม่อายที่จะไล้เกลี่ยเล่นกับพวงแก้มฝาดสีนิ่ม ๆ ครีมเค้ก คราบน้ำตาถูกเขาจัดการปราบเรียบให้หายไปจากหน้าใสจนหมดแล้วเมื่อครู่ก่อนตรงศาลาริมหาด ตอนนี้เหลือแค่พวงแก้มร้อน ๆ แดง ๆ น่ารักของเธอให้สายตาของเขาได้ชื่นชม
“คุณอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปหาซื้อมาให้”ก้มกระซิบเสียงนุ่มกับข้างขมับเล็ก ซึ่งไรผมตกย้อยเคลียจนถึงแก้ม เนรัญส่ายหน้าช้อนสายตาสุกวาวมอง
“ไม่ค่ะ ไม่อยากได้อะไร”

“เมื่อกี้ก็มัวแต่ร้องไห้ ไม่ได้เป่าเค้กไม่ได้อธิษฐานขอพรจากพระเจ้าเลย” การิมพูด เห็นดวงตาใสซื่อราวกับพึ่งนึกขึ้นได้

เนรัญประพุ่มมือไหว้แทบอกตัวเอง ยิ้มบาง ๆ ใส่ตาคมกริบ “ฉันขอตอนนี้ก็คงยังไม่สายมั้งคะ” เปลือกตาใสหลับพริ้ม อธิษฐานในใจอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนลืมตาช้า ๆ “เรียบร้อย ฉันอธิษฐานแล้ว และหวังว่าตั้งแต่นาทีนี้คำอธิษฐานของฉันจะเป็นจริง”

การิมหน้าเศร้าในตาหม่นลงอย่างไม่รู้ตัว ถ้าพรใดในโลกนี้ที่ขอแล้วสามารถสัมฤทธิ์ผลได้จริงมันก็ดีอยู่หรอก แต่เขาหวั่นเกรงว่าคำขอของเธอคือการหายไปจากชีวิตของเขาจัง ก็เธอเปรียบเหมือนน้ำแข็งนี่หนา ถ้าเธอหายไปจากชีวิตเขาแล้วหัวใจเขาก็คงกลับมาร้อนเป็นไฟดังเดิม

“คุณขออะไร บอกผมหน่อยได้ไหม ผมอยากรู้” เขาละล่ำละลักถาม นัยน์ตาคมสีเทาราวกับวิงวอนออดอ้อนให้เธอเห็นใจ มือใหญ่เขย่าบ่าเล็กเร่งเร้าเอาความ เมื่อเธอเอาแต่ยิ้ม “บอกซิ ถ้ามันเป็นคำอธิษฐานที่ไม่คอยน่าสนใจนักสำหรับผม ผมจะได้บอกให้คุณเปลี่ยน ผมว่าตอนนี้พระเจ้าคงยังไม่ทันได้รับฟังคำอธิษฐานจากคุณหรอก ยังพอเปลี่ยนทัน”

เนรัญหัวเราะคิกคักในลำคอ คำพูดกับใบหน้าจริงจังเอาการของการิมยามนี้ หากเธอกลับรู้สึกตลกในความคิดของคนแก่อย่างเขา

“ฉันไม่ได้นับถือพระเจ้าสักหน่อย ไม่ได้ขอกับพระเจ้า”

“ช่างเถอะจะขอกับอะไรก็ช่าง แต่บอกผมหน่อย”

เธอยิ้มบางก่อนตอบจริงใจไม่เสแสร้ง “ฉันขอให้คุณรอดปลอดภัยจากคนคิดร้าย ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใครขอให้เขาพ่ายแพ้และลามือจากการตามล่าคุณ ขอให้คุณเจอคนที่รักและจริงใจ แปลกใจไหมที่ฉันขอพรให้คุณ”ท้ายประโยคเธอถามกลับ

ชายหนุ่มพยักหน้ารับว่าแปลกใจ แต่ในความงุนงงในคำตอบก็เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้น “ทำไมไม่ขอให้ตัวเอง”
“ก็นี่แหละ ถือว่าฉันขอใ
ห้ตัวเองไปด้วยเลยไง ถ้าคุณปลอดภัยฉันก็จะได้หมดหน้าที่ หมดเวรหมดกรรมสักที”
“โธ่เอ้ย...ไอ้เราก็หลงดีใจนึกว่าห่วง” อาการปลาบปลื้มเมื่อครู่ไหลลงไปกองแทบฝ่าเท้า แต่ก็ยังคงเหลือบางส่วนในความรู้สึกดี ถ้าสิ่งที่เธอพูดคือความจริง เธอก็คงไม่ได้มองเขาเป็นแค่คนอื่นหรือนายจ้างเสียทีเดียว
เนรัญยิ้มเจื่อนจาง เห็นใจและสงสารชีวิตของการิมที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยง เธอตั้งใจขอพรอย่างที่บอกเขาไปจริง ๆ เพราะลองนึกดูแล้วชีวิตของเธอมีคนที่รักและห่วงใยมากกว่าเขาซะอีก ชีวิตของเขาเหมือนถูกขีดให้เดินอยู่บนเส้นด้ายที่เพียงพลิกฝ่ามือเดียวก็อาจถึงอันตรายแก่ชีวิตโดยไม่รู้ตัว
สายตาสองคู่ที่สบกันนิ่งนาน ราวจะอ่านความนึกคิดของอีกฝ่ายให้จงได้ ต้องถูกขัดขึ้นด้วยเสียงกระแอมกระไอของมาร์ค ซึ่งถือขวดแชมเปญแชร์ในถังน้ำแข็งใบเล็กมาตั้งลงกลางโต๊ะ
“ขอโทษนะครับ ผมไม่มีเจตนาขัดจังหวะ แค่เอาแชมเปญมาให้” คนสนิทยิ้มกริ่มให้ผู้เป็นนาย ก่อนหันมากล่าวคำอวยพรกับเจ้าของวันเกิด “สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณเน่ย์ ขอให้มีความสุขมาก ๆ ครับ ผมขอตัวก่อนดีกว่า” กล่าวจบก็ทำทีจะก้าวเดินหากการิมเรียกไว้
“เอ้ย...ไม่ต้องหรอก นั่งดื่มด้วยกันก่อนซิ ดื่มกันสองคนจะสนุกอะไร”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมว่าคุณฌานน่าจะมีความสุขมาก ๆ เลยด้วยซ้ำ ถ้าได้ดื่มกับคุณเน่ย์สองต่อสอง”
“นายนี่นับวันยิ่งรู้มากเกินหน้าที่แล้วนะเนี้ย” เขาเลิกคิ้วยียวน ยิ้มกว้างก่อนตะโกนตามหลังคนสนิทไปว่า “แล้วจะขึ้นเงินเดือนให้ พร้อมพาไปลงอ่าง”หญิงสาวหันมองตาคนพูด เธอไม่ได้จะต่อว่าหรือตำหนิอะไรเขาแต่น้อย หากการิมกลับเดือดร้อนรีบแก้ตัวเป็นพัลวันซะเอง “เออ...ไอ้ลงอ่างน่ะผมจัดให้นายมาร์คคนเดียว ปกติผมไม่ได้ชอบลงนะ ช่างเถอะ...อย่าไปสนใจกับคำพูดของผมเลย เรามาดื่มฉลองให้กับวันพิเศษของคุณกันดีกว่า”

คนที่เอียงแก้มฟัง รีบส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อเขาพูดประโยคสุดท้ายจบ “ฉันดื่มไม่เป็น”
“ไม่เป็นก็ลองซิคุณ นิด ๆ หน่อย ๆ คงไม่เมาหรอก”การิมรินแชมเปญที่เปิดรอไว้แล้วลงแก้วทรงสูงปากแคบ หญิงสาวรับแก้วแชมเปญมาถือไว้จด ๆ จ้อง ๆ อยู่นาน “ค่อย ๆ จิบช้า ๆ แบบนี้” เขายกปากแก้วแตะริมฝีปากตัวเองกระดกช้า ๆ ลิ้มลองรสนุ่มลิ้น หากหางตาชำเลืองมองคนตัวเล็กที่มองเขาสลับกับแก้วในมืออย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

หญิงสาวทำตาม แล้วก็ได้รับรู้รสชาติของเครื่องดื่มจำพวกแอลกอฮอล์เป็นครั้งแรก รสชาติไม่เลวเลย มันให้ความรู้สึกดีพิลึกเธอนึกในใจแล้วเปลี่ยนจากแค่จิบเป็นกระดกพรวดหมดแก้ว ไม่นานแก้มใสอมชมพูก็แดงระเรื่อมากกว่าตอนเธออาย เริ่มคลี่ยิ้มหวานเพียงแค่หมดแก้วแรก

“อร่อยจังเลยค่ะ ขออีกแก้วได้ไหม” เธอยื่นแก้มเปล่าในมือมาหา การิมอ้าปากค้าง
“คุณไม่เคยดื่ม กระดกพรวดแบบนี้เดี๋ยวก็เมาหรอก”

“เมาก็ดี ฉันไม่เคยเมาอยากรู้เหมือนกันว่าโลกจะหมุนอย่างที่เขาว่าไหม” พูดยิ้มลอย ๆ หรี่ตามองคนตัวใหญ่ แล้วตวัดเสียงคล้ายขู่ “รินเร็ว ๆ ซิ คุณชวนฉันดื่มนะแล้วจะมาห้ามทำไม”

“ผมไม่ได้ห้าม แค่บอกให้จิบไม่ใช่ยกทีเดียวแบบเมื่อกี้” เขาพูดพลางรับแก้วจากหญิงสาวมารินแชมเปญส่งให้ เนรัญยังคงไม่ฟังเธอเลือกจะกระดกดื่มเร็ว ๆ เช่นเดิม และความเก่งกล้าสามารถก็ทำให้เธอถึงกับฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันทีทันใดนั้นเลย

การิมรีบดึงแก้วออกจากมือเรียวก่อนที่เธอจะพามันหลุดมือตกแตก เขาส่ายหน้า หัวเราะให้กับคนอวดเก่ง “เป็นไงละน็อกซะเลย”
++++++++++++++++++++

ร่างบอบบางในวงแขนแกร่งถูกวางอย่างทะนุถนอมลงกับเตียงนุ่ม และเมื่อหลังบางสัมผัสกับความนุ่มหอมของที่นอน เปลือกตาใสก็ขยับปรือขึ้นมอง เห็นดวงหน้าคร้ามคมที่ค่อยเคลื่อนก้มมาใกล้ ๆ ทำให้คนเมาที่พอยังมีสติหลงเหลืออยู่ต้องยกมือขึ้นผลักห่าง
“คะ...คุณจาปล้ำฉานเหรอ...”

“แค่กู๊ดไนท์คิสครับ ไม่ได้คิดจะปล้ำสักหน่อย” การิมกระซิบแผ่วใกล้เรียวปากสีชมพูรสหวาน ที่เขาลิ้มลองมาหลายครั้งและรู้ว่ามันไม่เคยคลายความหวานลงเลย

หญิงสาวสะบัดหน้าไล่อาการมึนพร้อมกันนั้นคือการปฏิเสธ เค้นเสียงแผ่วออกจากลำคอยากเย็นว่า “ไม่ได้ ห้ามจูบออกไปเลย...ถ้าคุณล่วงเกินฉาน ฉะ...ฉานจะ...ฆ่าคุณ” เธอรวบรวมกำลังหวังจะใช้ฝ่ามือผลักหน้าเขาออกให้ไกล แต่ด้วยความมึนสะลึมสะลือ มือเรียวนุ่มนิ่มก็ทำได้แค่แปะลงกับแก้มสากค้างไว้ คล้ายเป็นการเล้าโลมอีกฝ่ายเสียมากกว่า
การิมยิ้มพราย จับมือเรียวขึ้นมาประทับจูบหนัก ๆ ก่อนส่งจมูกแหลมเคลียคลออยู่กับแก้มใสและซอกคอขาว

“สัญญาแค่หอม จูบ แล้วก็นอนกอด”

“อีตาลุงบ้า...คะ...คุณเลิกทะลึ่งกับฉานได้ไหม” สองแขนเล็กพยายามหยัดกายให้ออกห่าง “กลับไปนอนห้องของคุณซิ”

“ก็นี่แหละห้องของผม” คำตอบของเขาทำให้คนฟังอยากกลั้นหายใจตาย ถึงเธอจะมึนบ้างแต่นี่มันดูคล้ายห้องที่เธอเคยนอนเมื่อคราวก่อนเลย เอ...หรือว่าห้องนอนที่บ้านพักหลังนี้จะหน้าตาคล้ายกัน
หมด “เอาน่า...ผมสัญญาว่าจะไม่ล่วงล้ำเกินกว่ากายด้านนอกของคุณแน่นอน” ไม่พูดเปล่าเมื่อมือไม้ซุกซนเริ่มทำหน้าทีลูบไล้ทั่วเรือนกายสาวเนรัญร้อนวูบตามมือใหญ่อุ่นที่ลากผ่านและไม่นานชุดเดรสสีหวานก็ถูกปลดเปลื้องเหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋ว

ความสะคราญผ่องพรรณของแม่สาวน้อย สร้างความปั่นป่วนเลือดกายชายวิ่งพล่าน การิมกัดริมฝีปากแน่นปิดกั้นความต้องการ ทำแค่จูบปากหวานเร็ว ๆ ไปที แล้วลากผ้าห่มมาคลุมกายให้เจ้าหล่อนก่อนที่เขาจะอดทนไม่ไหว ร่างโปร่งหายไปในห้องน้ำไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำหมาด ๆ

เนรัญที่เผลอผล็อยหลับเพราะความมึนเมา พอรู้สึกเย็นวาบตรงใบหน้าและลำคอก็ฝืนลืมตาขึ้นอีก
ครั้ง เห็นภาพการิมยิ้มให้อ่อนโยนยิ่งนัก ก่อนจะเย็นทั่วแขนและลำตัวเมื่อเขาสอดมือเข้าใต้ผ้าห่มใช้ผ้าขนหนูผืนเดิมในมือเช็ดเบา ๆ ไปทั่วร่างบาง หญิงสาวหรี่ตามองเห็นความทรมานที่เก็บกดปรากฏอยู่บนใบหน้าคร้ามและแววตาคม ทุกความเคลื่อนไหวที่เขาสัมผัสลงบนส่วนเว้าโค้งกลมกลึงของเธอ

“อืม...” เนรัญเผลอครางอย่างไม่รู้ตัว การิมขนลุกเกรียว เอ็ดคนเมากลบเกลื่อนอารมณ์หวามไหว

“จะครางทำไมกันคุณ จะแกล้งผมใช่ไหม ถ้าทนไม่ไหวทำอะไรขึ้นมาเป็นความผิดของคุณเลยนะ”

“แล้วคุณ...จะเช็ดตัวให้ฉานทำไม”เธอถามทั้งดวงตายังปิด ๆ เปิด ๆ อยู่แบบนั้น

“ก็คุณเหม็นมาทั้งวันน้ำไม่อาบ ผมก็กลัวว่าถ้านอนกอดคุณแล้วจะนอนไม่หลับนะซิ” เนรัญเผยอปากหวังโต้กลับ หากต้องหน้าแดงจัดและร้อนผ่าวขึ้นอีกเท่าตัว เมื่อมือใหญ่จับผ้าเย็น ๆ เช็ดตามปลีน่อง และกำลังสูงขึ้นวนย้ำต้นขาด้านใน การิมพยายามจะคิดถึงเรื่องอื่นให้ไกลจากร่างกายของเธอ หากพอหันไปเจอดวงตาปรือกับเรียวปากค้างเผยอรัญจวนใจ ก็อยากจะสะบั้นสติขาดกระเจิงไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด “หลับไปเลยปะ เลิกมองผมด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้ว”

“แต่...แต่ถ้าฉานเผลอหลับ คุณก็จะลักหลับฉานนะซิ คุณเลิกเช็ดตัวแล้วออกไปก่อน”

“โอเคเสร็จพอดี นอนซะผมจะออกไปก็ได้” ชายหนุ่มเน้นเสียงหนักแน่น โยนผ้าในมือทิ้งลงกับโต๊ะที่หญิงสาววางกระเป๋าสะพายไว้ ก่อนเดินออกไปพร้อมเสียงปิดประตูห้องนอน

เนรัญที่ฝืนตาและสติไม่ให้ดับ พอได้ยินเสียงประตูปิดตามหลังคนที่ก้าวหายไปด้านนอก ก็โล่งใจขึ้น เธอหลับตาแล้วคราวนี้ก็หลับสนิทเพราะฤทธิ์แชมเปญ โดยหารู้ไม่ว่าไม่นานประตูห้องนอนก็แง้มเปิดอีกครั้ง หากคราวนี้เบากริบ รวมถึงเสียงฝีเท้าใหญ่ที่ก้าวเข้ามาด้วย

การิมหย่อนตัวลงนั่งขอบเตียง ทอดสายตาตรึงดวงตาเรียวสวย ของคนที่นอนหลับตาพริ้ม เกลี่ยนิ้วไล้เล่นกับพวงแก้มผิวละเอียดอย่างหลงใหล ถึงพรุ่งนี้เธอจะตื่นมาแล้วดุด่าว่าเขาทำตัวเป็นเหมือนพวกโรคจิตที่แอบเข้าห้องนอนก็ช่างปะไร ในเมื่อเขารู้สึกว่าเสียงดังกึกก้องในหัวใจยามเห็นหน้าและอยู่ใกล้เธอ มันคือความสุขที่เขาไม่เคยพบพานมาก่อน

เรียวปากยักได้รูปร้อนจุมพิตเนิบนาบลงบนหน้าผากมน ก่อนไล่ลงจูบอ่อนหวานกับปลายจมูกเล็กและริมฝีปากบาง สุดท้ายที่พวงแก้มหอม ๆ พร้อมเสียงกระซิบซ่านผะแผ่วที่ดังขึ้นมาตามหลัง และหวังให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในฝันหวานของหญิงสาวว่า...

“คุณเน่ย์ครับ...ถ้าพรที่คุณขอให้ผมมันเป็นผลจริง ๆ ผมอยากจะให้คุณขอเพิ่มให้ผมอีกสักข้อได้ไหม...ขอให้คุณมีใจให้ผมนะ”

++++++++++++++++++++

ใกล้รุ่งสางเต็มที ร่างบางใต้ผ้าห่มที่ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์เริ่มรู้สึกเย็น แขนเล็กควานหาความอบอุ่นและเมื่อพบความอุ่นแข็งแกร่ง เธอก็เบียดกายซุกหาสิ่งนั้นพร้อมพาดแขนรั้งเข้ามากอดไว้แนบแน่น การิมยิ้มอิ่มใจ มองคนที่หลับใหลซบหน้ากับอกเปล่าเปลือยของเขาอย่างแสนเสน่หา เมื่อคืนได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มไว้ทั้งคืนก็มีความสุขราวกับได้ขึ้นสวรรค์ ทว่าก็คล้ายตกนรกในเวลาเดียวกัน เพราะความทรมานที่ครอบงำร่างกายความเป็นชายแล้วไม่สามารถปลดปล่อยได้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะนอนมองหน้าเธอทั้งคืน ได้งีบเพียงสองสามชั่วโมงก่อนหน้านี้เท่านั้น

การิมจรดจุมพิมแก้มใสเบา ๆ อีกครั้ง มือไม้ซุกซนก็เวียนวนไล้ทั่วแผ่นหลังบางใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน เมื่อคืนด้วยความที่กลัวใจตัวเองจะอดทนกับรูปร่างเย้ายวนของแม่สาวน้อยไม่ไหว เขาเลยไปหาชุดนอนชุดที่มิดชิดที่สุดมาสวมให้เธอ มันช่วยปกปิดได้ก็จริง แต่ช่วยให้เพลิงร้อนแรงใคร่ปรารถนาในตัวบุรุษเพศใช่จะมอดไหม้ลงตาม

“แม่หนูน้อยหมวกแดงนอนขี้เซาจังเลยนะ แบบนี้อย่าหวังว่าผมจะยอมปล่อยคุณให้ไปดื่มเหล้ากับผู้ชายคนอื่นเลย” นิ้วยาวเกลี่ยเส้นผมที่ปกปิดหน้าสวยอย่างนุ่มนวล จูบปลายจมูกแหลมไว ๆ อีกครั้งสั่งลา ก่อนที่แม่สาวคออ่อนจะรู้ตัวตื่นขึ้นมาแล้วอาจกรีดร้องลั่นบ้านหญิงสาวนอนไม่รู้เนื้อรู้ตัวทั้งคืนแถมเขาจูบนั้นหอมนี่ ก็ดูเหมือนเธอจะเคลิ้มตามเพราะคงคิดว่าแค่ฝันไป อาการคออ่อนของเธอทำให้การิมชักกลัว ว่าถ้าวันหนึ่งปล่อยให้เธอไปดื่มกับใครอื่น อาจไม่ปลอดภัยนัก

ร่างโปร่งสูงขยับลุกจากเตียงให้เบาและนิ่มที่สุด คว้าเสื้อของตัวเองที่ตกกองพื้นขึ้นมาพาดไว้กับต้นคอแกร่ง เมื่อคืนที่ต้องถอดเสื้อออกเหลือแต่กางเกงตัวเดียวก็เพราะมีคนตัวเล็กนอนเบียดจนรู้สึกร้อนแทบระเบิด แม้แต่เครื่องปรับอากาศที่ว่าเย็นก็ช่วยเขาคลายร้อนไม่ได้สักนิด การิมยิ้มทักทายยามเช้าให้แม่สาวอีกครั้ง ไม่อยากจะรีบลุกหนีเนื้อนุ่มหอมหวนไปเลย หากก็ไม่กล้าทำให้เธอโกรธเคืองไปกว่านี้ ระหว่างที่หันหลังให้คนบนเตียงนอน และตัดใจจะเดินออกไปจากห้องอยู่แล้ว หางตาคมกลับสะดุดกับกระเป๋าที่วางบนโต๊ะใกล้ ๆ เพราะเมื่อวานเป็นวันเกิดของเนรัญนั่นแหละ ความอยากรู้อยากเห็นว่าแท้จริงเธอครบรอบกี่ขวบปีกันแน่จึงบังเกิด การิมยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ไม่นาน ก็ตัดสินใจเสียมารยาทเล็ก ๆ น้อย ๆ ขอแอบค้นกระเป๋าเจ้าหล่อนสักหน่อย เขาล้วงกระเป๋าสตางค์ใบยาวลายสีสดแบรนด์ดังขึ้นมาพลิกดู ก่อนหันมองคนบนเตียงหากมือใหญ่ก็ทำหน้าที่แง้มกระเป๋าสตางค์ออกช้า ๆ บัตรเกี่ยวกับการเงินหลายใบในกระเป๋าถูกดูผ่านตาลวก ๆ จะมีสองใบที่เขาให้ความสนใจเพ่งสายตานิ่งมองนานกว่าใบก่อน ๆ ใบหนึ่งคล้ายเป็นบัตรนักศึกษาหากเขาเลือกจะหยิบบัตรอีกใบที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับหญิงสาวมากกว่า และมีรูปหน้าตรงของเธอประกอบอยู่ขึ้นมาดูกวาดตาไล่ไปถึงวันเดือนปีเกิดที่เป็นภาษาอังกฤษ วันเดือนยังพอรับได้ แต่สุดท้ายที่เห็นแล้วทำให้หน้าดวงตาคมกริบสลดคือปีคริสตศักราชเกิดของเจ้าหล่อน ความที่ไม่อยากเชื่อสายตาทำให้เขาต้องค้นกระเป๋าของหญิงสาวหาพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางข้ามประเทศขึ้นมาดูอีกครั้งและมันก็ชัดเจนตรงตามนั้น...

‘ให้ตายเถอะ เป็นอย่างที่เขาเคยคิด ยายเด็กน้อยนี่ไม่ถึงยี่สิบห้าอย่างที่เธอเคยบอก แต่พึ่งยี่สิบเมื่อวานนี้เอง มิน่าถึงได้ชอบเรียกเขาว่าตาลุง ตาแก่ ไม่คิดหลงความหล่อเหลาของเขาสักที เพราะเธอกับเขาห่างกันตั้งสิบปีนี่เอง จะบ้าตายแล้วเขาจะทำยังไง ถ้าเธอตั้งป้อมรังเกียจผู้ชายแก่กว่ามาก ๆ อย่างเขาขึ้นมาเขาจะทำยังไง’ ความสับสนและวิตกพรั่งพรูรกเต็มสมอง ความสุขเมื่อนาทีก่อนเปลี่ยนเป็นความงุ่นง่านหัวใจ

++++++++++++++++++++

เนรัญตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเช่นปกติ โดยไม่รับรู้เลยว่าก่อนหน้านี้มีผู้ชายคนหนึ่งพึ่งแอบย่องออกไปจากห้องนอนของเธอ ออกมาสมทบร่วมโต๊ะรับประทานมื้อเช้ากับสองหนุ่มที่วันนี้คล้ายจะตื่นเช้ามากกว่าเธอ และพวกเขาได้เตรียมอาหารรอเธออยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วหญิงสาวยวบตัวนั่งกับเก้าอี้ตัวเดิมที่เคยนั่ง ก่อนสังเกตเห็นสีหน้าผู้ชายตรงหัวโต๊ะสุด...

การิมหน้าเคร่งเครียด คิ้วหนาขมวดมุ่นให้กับหนังสือพิมพ์รายวันที่พาดหัวข่าวตัวใหญ่ดังครึกโครมเกี่ยวกับอุบัติเหตุกระจกที่ถูกเคลื่อนย้ายหวังใช้ต่อเติมร้านขายดอกไม้เกิดพลัดตกลงมา ทำให้ประชาชนที่เดินไปมาบริเวณนั้นได้รับบาดเจ็บไปตาม ๆ กัน หากไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงขั้นชีวิต ข่าวนี้ดูเป็นข่าวใหญ่ได้รับความสนใจขึ้นมามากโข เนื่องจากบุคคลสองคนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้คือประธานาธิบดีและภรรยา ทว่าข่าวอุบัติเหตุเหมือนถูกตัดถอนในส่วนที่ควรมี เช่นผู้ใดหรือบริษัทใดรับทำงานนี้สาเหตุแท้จริงของการเกิดความผิดพลาดไม่ได้กล่าวไว้ให้ละเอียด ในข่าวสรุปสั้น ๆ เพียงว่าเป็นอุบัติเหตุไม่คาดฝันที่เกิดจากความสะเพร่าของคนงานเท่านั้นแต่สิ่งที่ได้รับความสำคัญมากที่สุดในข่าวคราวนี้คือประเด็นความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของประชาชนทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ครั้งนี้จากท่านประธานาธิบดีของประเทศผู้มีน้ำใจยิ่งใหญ่เสียมากกว่า

บรรยากาศมื้อเช้าเป็นไปอย่างเงียบเชียบ สีหน้าขุ่นมัวของการิมหลังจากทิ้งหนังสือพิมพ์ลงกับโต๊ะก็ยังคงไม่ได้ดีขึ้น เขาไม่ได้ชวนเนรัญพูดคุยอะไรทำเพียงที่เหลือบตามองเธอเป็นระยะ ๆ เท่านั้น หลังจากอาหารเช้าง่าย ๆ ของวันอย่างขนมปังปิ้งกับกาแฟจบลง เนรัญก็ขอปลีกตัวออกไปนั่งอยู่ตรงหน้าระเบียงของบ้าน สายตาหม่นเศร้าจ้องมองเจ้าโทรศัพท์มือถือเครื่องน้อยบนโต๊ะไม้สีฟ้า สีเดียวกับตัวบ้านที่ตั้งอยู่ริมซ้ายสุดของระเบียงอย่างจดจ่อ เสียงทอดถอนใจครั้งแล้วครั้งเล่าดังให้กับความผิดหวัง จนบางครั้งเธอก็นึกอยากจะเป็นคนโทร.ไปถามกันกริชเสียเองให้รู้แล้วรู้รอด ว่าเขาลืมวันเกิดของเธอได้เช่นไร ในขณะที่ใกล้จะหมดความหวังของการรอคอยเต็มที สายเรียกเข้าที่ปรากฏตรงหน้า ก็เรียกรอยยิ้มหวานขึ้นมาได้ในบัดดล

เนรัญรีบรับสายอย่างไม่รีรอ และคำแรกที่เธอได้ยินจากต้นสายทำให้ดวงตากลมมีน้ำใสรื้น
“เน่ย์เมื่อวานพี่ขอโทษนะ พี่ขอโทษที่ไม่ได้โทร.มาอวยพรวันเกิดให้น้องสาวของพี่...”
“พี่ตั้งลืมเน่ย์แล้วใช่ไหมคะ” เสียงตัดพ้อสั่นเครือ “เน่ย์รอทั้งวัน ร้องไห้ด้วยพี่ตั้งรู้ไหม” อยากจะพูดต่อ ว่าเธอไปหาเขาก็ดันไปเจอภาพบาดตาบาดใจ แต่เพราะไม่อยากซ้ำเดิมความเจ็บใจให้ตัวเองอีก จึงเลือกจะกลืนเก็บไว้ในอก

“ขอโทษครับ พี่ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวว่ายังไง พี่เสียใจ เสียใจจริง ๆ ที่ลืมวันเกิดของเน่ย์ อย่าโกรธพี่เลยนะ ให้พี่ไปหาเน่ย์ที่โรงแรมได้ไหม เราจะได้ฉลองวันเกิดย้อนหลังกันไง”

น้องสาวอ้ำอึ้ง ก่อนจะหาเรื่องโกหกเป็นตุเป็นตะ “เออ...คือตอนนี้ไม่สะดวกค่ะ คือ...เน่ย์ออกมาเที่ยวทะเลกับกรุ๊ปทัวร์ของโรงแรม ก็เน่ย์น้อยใจพี่ตั้ง เน่ย์ก็เลยมาเที่ยวคนเดียว”

“อย่างนั้นเหรอ แล้วเมื่อไหร่เน่ย์จะกลับละ พี่ว่าจะพาเน่ย์มาเที่ยวที่บ้านท่านทูต พี่ขอไว้กับพวก
ท่านบ้างแล้วนะ ว่าพี่จะพาน้องสาวมาแนะนำให้รู้จัก...”

“จริงเหรอคะ ?” เธอถามเสียงตื่นเต้นราวกับดีใจเสียเต็มประดา เปลี่ยนอาการตัดพ้อเป็นแจ่มใสขึ้นโดยพลัน

ด้วยเสียงเจื้อยแจ้วกับกิริยาดีใจที่แสดงออกนอกหน้า นึกสร้างความสงสัยให้กับคนตัวใหญ่ที่แอบมองดูอยู่ เห็นท่าทีเศร้าซึมของหญิงสาวเปลี่ยนไปเป็นหัวเราะคิกคักขัดจากเมื่อวาน ก็ยิ่งเป็นกังวลและหวั่นกลัว การิมกลัวว่าเนรัญจะคุยอยู่กับไอ้ล่ำพี่ชายสุดรักของเธอ กลัวสองพี่น้องต่างสายเลือดจะคืนดีกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ พรที่เขาขอจากเธอเมื่อคืนและบางคำที่เผลอหลุดปากออกไปจะไม่สมปรารถนาและถ้ายังก้างชิ้นใหญ่เบ้อเร่อขวางทางอยู่แบบนี้ เนรัญก็คงจะไม่ยอมหันมองผู้ชายอายุมากกว่าอย่างเขาง่าย ๆ

การิมยืนกระสับกระส่ายร้อนรนยิ่งกว่าข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ของวันนี้เสียอีก ด้วยภาษาที่เนรัญพูดกับคนในสาย เป็นภาษาที่เขาฟังไม่รู้เรื่อง นึกโมโหตัวเอง จนอยากจะไปลงคอร์สเรียนรู้ภาษาไทยวินาทีนี้เลย หากเวลาเดียวกันนั้นเอง มาร์คก็เดินเขามาสะกิดบ่าผู้เป็นนาย การิมหันมองคนสนิทก่อนจะเกิดประกายแสงวาบในดวงตา ความคิดอันฉานฉลาดแล่นปรู๊ด

“ใช่แล้ว นายฟังภาษาไทยรู้เรื่องนี่หนา ช่วยฟังให้หน่อยซิว่ายายเปี๊ยกของเราคุยโทรศัพท์กับใคร คุยเรื่องอะไร ทำไมต้องทำหน้าบานขนาดนั้นด้วย”

คนรับคำสั่งอมยิ้มกริ่ม ล้อเลียนขัน ๆ ว่า “ยายเปี๊ยกของคุณเหรอครับ ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เจ้านายจุ๊ปากขัดใจ “จะเมื่อไหร่ตอนไหนก็ช่างเถอะน่า รีบไปแอบฟังเลย เดี๋ยวนี้ !”มาร์คจำใจต้องกลายเป็นคนเสียมารยาทด้วยขัดคำสั่งเจ้านายมิได้ ฟังคร่าว ๆ พอจับใจความได้ไม่นาน ก็กลับมารายงานให้ผู้เป็นนายรับรู้

แค่การิมฟังคนสนิทบอก รู้ว่าที่เนรัญดีอกดีใจเพราะพี่ชายโทร.มาขอโทษขอโพยเรื่องหลงลืมวันเกิด พร้อมกับเห็นอาการเสียใจเมื่อวานของเธอหายเป็นปลิดทิ้ง ที่สำคัญดูเหมือนเธอจะหลงลืมผู้ชายที่ปลอบประโลมเธอทั้งคืนไปเสียสนิท ก็ให้คนตัวใหญ่นึกน้อยใจระคนหมั่นไส้ขึ้นมาเสียมิได้ หาวิธีที่จะทำให้เธอรีบวางสายจากพี่ชายโดยเร็ว ด้วยการเดินเข้าไปหายืนจังก้าตรงหน้าหญิงสาว แต่กลับถูกเธอเมินใส่แถมยังเลี่ยงเดินหนีไปคุยโทรศัพท์ต่อตรงสนามหญ้าแทน ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้เดินตาไปติด ๆ และสวมกอดร่างบางจากด้านหลังหมับทันที โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้รู้ตัว แขนแกร่งข้างหนึ่งโอบอยู่เหนือเอวบาง ขณะที่อีกข้างรั้งต่ำอยู่ใต้หน้าอกอิ่ม

“คุยกับใครอยู่ครับที่รัก” เขาตั้งใจเค้นเสียงให้ดังพอที่คนในสายจะได้ยิน และคงได้ผลเมื่อเขาเห็นใบหน้าขาวนวลเหยเกขึ้นทันที ก่อนเธอจะละลักพูดกับฝ่ายนั้นว่า

“เออ...คณะทัวร์เขาเรียกเน่ย์น่ะค่ะ ยังไงถ้าเน่ย์กลับถึงโรงแรมแล้วจะโทร.ไปหาพี่ตั้งนะคะ แค่นี้ก่อนนะคะพี่ตั้ง เน่ย์คิดถึงพี่ตั้งนะ” พูดจบก็รีบตัดสายเร็ว ๆ แล้วหันขวับมาตวาดเจ้าของอ้อมแขนที่รุกรานร่างกายกอดเธอหน้าตาเฉย“ คุณมากอดฉันทำไมกันเนี้ย เสียมารยาทที่สุด รู้ไหมว่าเสียงของคุณเข้าไปในมือถือ มันทำให้พี่ตั้งซักฉันใหญ่ว่าคุณคือใคร”

“รู้...ก็ผมตั้งใจ แล้วทำไมคุณไม่บอกเขาไปละว่าผมเป็นแฟนของคุณ”

“ตาลุงบ้า ! ใครเขาอยากจะเป็นแฟนกับเฒ่าทารกอย่างคุณกัน ปล่อยฉันนะ” คนถูกต่อว่าหน้าเสีย เพราะความจริงที่รู้ว่าเขาอายุห่างจากเธอมากทำให้ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองนัก แต่กระนั้นก็ใช่ว่าคนแก่อย่างเขาจะยอมเด็กน้อยอย่างเธอง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่ การิมหมุนคนในอ้อมแขนให้หันมาสบดวงตากรุ้มกริ่มพร้อมกล่าวว่า

“อย่ามาหวงตัวหน่อยเลยน่า ทีเมื่อคืนคุณยังกอดผมทั้งคืน ผมยังไม่ว่าอะไรคุณสักคำ”
คนฟังทำหน้าเหลอหลา อ้าปากหวอ ฉงนในสิ่งที่พึ่งได้ยิน “ที่พูดหมายความว่ายังไง”

“ก็หมายความอย่างที่พูดแหละครับ” กระหยิ่มยิ้มย่องพอใจยามเห็นหน้าใสงอง้ำและยิ่งสงสัยในคำพูดของเขามากขึ้น “เมื่อคืน....คุณเมาจำได้ไหม”
เนรัญเม้มปากแน่นถลึงตาโต เล็บยาวจิกลงบนแขนใหญ่ช่วงที่ปิดด้วยผ้าก็อตสีขาวยาวตามทางแผล “เมื่อคืนฉันเมาแล้วทำไม คุณบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“โอ๊ะ โอ้ย...! เจ็บ ๆ” การิมนิ่วหน้า แขนใหญ่ยอมปล่อยร่างบางออกทันควัน หากเล็บยาวยังตามจิกตามหยิกไม่ปล่อย

“เจ็บใช่ไหม ถ้ายังงั้นคุณก็รีบบอกมาซิ ว่าเมื่อคืนคุณทำอะไรฉัน”

“โอ้ย...ผมไม่ได้ทำอะไรคุณนะ ก็แค่นอนกอดกัน”

“คุณล่วงเกินฉันงั้นเหรอ คุณแอบเข้าไปนอนกอดฉัน...” เธอแผดเสียงแก้มแดงจัดด้วยความโกรธ หากพออีกฝ่ายสวนกลับมาเร็ว ๆ แก้มแดงถึงกับลุกลามทั่วหน้า

“คุณก็กอดผมเหมือนกันนั่นแหละ กอดจนผมร้อนเลยด้วย” การิมใช้เวลาช่วงที่คนฟังกำลังตะลึงอาย และความแข็งแรงกว่าของผู้ชายดึงแขนข้างที่ถูกจิกออกเร็ว ๆ ก่อนเป็นฝ่ายตวัดร่างเล็กปลิวเข้าปะทะอกแกร่ง ล็อกข้อมือทั้งสองด้วยมือใหญ่ ตาคมกริบที่มองเนรัญพร่างพราวเจ้าเล่ห์ “ผมไม่ได้ล่วงเกินคุณมากกว่ากอด แล้วก็หอมแบบนี้” พูดจบก็ทำท่าประกอบแบบจริงจัง จมูกโด่งแหลมจดลงบนพวงแก้มซ้ายขวารวดเร็วโดยที่ฝ่ายถูกกระทำไม่มีโอกาสเอี้ยวหลบทัน

“คนบ้า ! หยุดรังแกฉันสักทีได้ไหม”

“หยุดก็ได้ แต่ต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธที่ผมแอบเข้าไปนอนกับคุณ”

“โกรธซิ คุณเข้าไปในห้องฉันทำอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้กับตัวฉัน เป็นเรื่องที่ไม่สมควรถือว่าไม่ให้เกียรติผู้หญิง แล้วจะไม่ให้ฉันโกรธคุณได้ยังไง” เนรัญฮึดฮัด ทั้งดิ้นทั้งทุบคนตัวใหญ่ แต่เขาก็ยังคงแขนเหนียวมือเหนียวเกาะกอดเธอไม่มีทีท่าจะปล่อย

“ถ้าผมไม่ให้เกียรติคุณจริง ๆ ละก็ เมื่อคืนคุณเสียสาวให้ผมไปเรียบร้อยแล้วละ”

“ยังมาพูดดีอีก” เธอแผดเสียงสูงลิบ

“ก็ผมพูดจริง คุณเป็นคนแรกเลยนะที่นอนห้องเดียวกับผมแล้วอยู่รอดปลอดภัยจนถึงเช้า” คนฟังกัดฟันกรอด ตาเขียวปัด ก่อนที่ความอดทนจะหมดลง เมื่อมือเล็ก ๆ และแรงน้อย ๆ ไม่สามารถหลุดออกจากกรงล็อกของเขาได้ สิ่งเดียวที่เป็นอาวุธตอนนี้ก็คงไม่พ้นฟัน
หญิงสาวกัดหมับเข้ากับต้นแขนเลือกให้ใกล้บาดแผลที่สุด ตั้งใจให้เขาเจ็บและได้ผล เมื่อคนถูกกัดร้องโอดโอย ผละตัวออกห่างอย่างรีบร้อน เขายกแขนขึ้นดูรอยฟันเล็กที่เจาะลึกเกือบเลือดออก จึงได้เห็นผลงานชิ้นโบแดงของเจ้าหล่อนที่ทิ้งไว้ให้โดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว นั่นคือเลือดซึม ๆ ออกมาจากแผลซึ่งคงเป็นเพราะเล็กคมจิกเมื่อสักครู่ เนรัญอ้าปากค้างตกใจกับผลงานตัวเองเช่นกัน มองหน้าคมคายที่กำลังสูบปากด้วยความเจ็บ และความโกรธเรื่องก่อนหน้าจึงมลายหายไปเหลือเพียงความเห็นใจ

“คุณการิม เออ...ฉันขอโทษ” หน้าสลดบอกสำนึกผิดจากใจจริง แต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมความผิดของเขาเสียทีเดียว “ก็ใครให้คุณมากอดฉันละ แค่นี้ถือว่าน้อย”

“โอเคแม่หนูน้อย ถือว่าผมรับโทษ ข้อหาไปกอดคุณโดยไม่ได้รับอนุญาตเรียบร้อยแล้ว แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ เพราะคราวหน้าผมจะไม่ปล่อยให้คุณมีแรงมากัดมาหยิกผมได้อีกแน่” เขาแสยะยิ้มมีเล่ห์กวาดมองหุ่นบางอย่างจาบจ้วง แล้วเอื้อมมือใหญ่ไปดึงแขนเล็กลากเข้าในบ้าน “คุณทำให้ผมเจ็บ ก็ไปทำแผลให้ผมด้วย”



กันเหงา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2555, 19:29:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ก.ค. 2555, 19:29:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1437





<< ตอนที่ 8 พระพรหมสีชมพู   ตอนที่ 10 พระพรหมสีชมพู >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account