The fallen cupid บันทึกรักเทพตกสวรรค์
เพราะเจ้าไม่เชื่อในความรัก ดังนั้นข้าทำให้เจ้าเห็น
จงไปเกิดเป็นมนุษย์เพื่อพิสูจน์ด้วยตนเองเถิด อีรอส
ระหว่างที่เป็นมนุษย์จงบันทึกเรื่องราวความรักทั้งที่เจ้าประสบ หรือพบเห็นลงในบันทึกนี้ ในระยะเวลาที่กำหนด แล้วเจ้าจะได้กลับสู่สวรรค์ ใช้ชีวิตอันเป็นอมตะดังเดิม


เพราะแบบนี้ผมเลยลงมาเป็นมนุษย์ไง มนุษย์ที่ต้องยุ่งเรื่องชาวบ้านเพื่อจะบันทึกเรื่องราวของพวกเขาตามคำสาป นอกจากนั้น ยังต้องมาเจอความรักที่เกิดขึ้นกับบตัวเองอีก

แต่เจอแล้ว....เจ็บปวดจัง :(
Tags: Cupid

ตอน: ความทรงจำ

ก๊อกๆๆ.....
....ก๊อกๆๆ


“อีรอส อีรอส...อยู่มั้ย?” เสียงแหลมเล็กของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘แฟรี่’ ตัวเล็กๆสีชมพูเปล่งประกาย ร้องเรียก หลังจากที่เคาะประตูแล้วเห็นว่าไม่มีใครมาเปิดประตู

“หืม? นั่นครายยยยย” ประตูเปิดออก เด็กหนุ่มวัยแรกรุ่น(?) โผล่หน้าออกมา ดวงตาปรือจะปิดแหล่มิปิดแหล่กับผมสีน้ำตาลหยิกๆที่พันกันยุ่งเหยิง บ่งบอกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี

“ให้ตายเถอะอีรอส นี่เจ้าเพิ่งจะตื่นรึ?? มหาเทพทรงเรียกหาเจ้า!” เพื่อนแฟรี่ตัวน้อยบอกด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ

“เราตามหาเจ้าซะทั่ว ตามข้ามาเร็วเข้า” แฟรี่ตัวน้อยพาเขาไปยังวังของมหาเทพแห่งสรวงสวรรค์ ปีกสีขาวของเด็กหนุ่มกระพือขึ้นลงช้าๆ บินตามหลังแฟรี่ไป เหนือทางเดินที่ปูด้วยหินสีครีม ที่มีกลุ่มเมฆก้อนเล็กๆลอยต่ำอยู่กระจัดกระจาย รอบข้างขนาบด้วยบ้านเรือนสีขาวบ้างสีครีมบ้างที่ถูกสร้างอย่างงดงาม มีผู้คนอยู่ประปราย ทุกคนอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ชายหนุ่มจะแตกต่างจากหญิงสาวตรงที่มีปีกสีขาวอยู่ข้างหลัง ส่วนหญิงสาวดูเหมือนหญิงสาวที่เป็นมนุษย์ทั่วไป ทุกคนล้วนมีใบหน้าที่งดงาม เพราะ ชายหนุ่มในที่นี้คือเทพผู้ทำหน้าที่ทำให้มนุษย์ตกหลุมรักกันและกัน เหมือนกับ เทพคิวปิด หรือ อีรอส เทพแห่งความรักและแต่ละคนจะมีศรซึ่งทำจากทองคำบริสุทธิ์ ส่วนหญิงสาวคือเทพธิดาที่ได้รับการขนานนามว่าคือ ไซคี เรียกตามชื่อภรรยาของคิวปิด โดยพวกนางคือภรรยาของเทพเหล่านี้ และพวกนางจะคงความอ่อนเยาว์เหมือนเทพผู้เป็นสามีไปตลอดกาล


เพียงไม่นาน เด็กหนุ่มก็มาถึงหน้าประตูรั้วหน้าวังของมหาเทพ รั้วสีทองบานมหึมา แม้เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นขอบรั้วอยู่ลิบๆ แต่ก็เห็นได้ว่าข้างบนนั้นมีรูปปั้นเทวดาตัวน้อยสองตนที่หันหน้าเข้าหากันประดับอยู่ ตรงกลางเป็นทองเส้นดัดเป็นรูปหัวใจครึ่งดวงประกบกัน พอรั้วเปิดมันก็แยกออกจากกัน เขาถอยห่างออกมาเล็กน้อย แฟรี่ตัวน้อยบินนำเข้าไปทันทีที่ประตูรั้วเปิดกว้างพอ ข้างในเป็นสวนดอกไม้หลากชนิด กลางสวนมีน้ำพุที่ทำจากหินสีขาวประดับทองคำ เขาบินช้าๆดูสิ่งต่างๆรอบตัวอย่างเพลิดเพลิน


“เร็วเข้า มหาเทพรอนานแล้ว!” เสียงแหลมเล็กแทงทะลุเข้าหู เด็กหนุ่มหน้าหงิกไปเล็กน้อยแต่ก็บินตามไปอย่างโดยดี จนมาถึงวังที่เหมือนมหาวิหารที่ทำจากหินสีขาว ทั้งสองเข้าไปข้างใน ทางเดินปูด้วยพรมสีทอง มหาเทพนั่งอยู่บนบัลลังก์สีทองมหึมา พระองค์มีใบหน้าเกรงขาม ผมสั้นสีทองเป็นเงา หนวดเคราครึ้ม ทรงแต่งกายด้วยชุดคลุมยาวสีทอง ในมือถือไม้เท้าสีทอง เด็กหนุ่มคุกเข่าคำนับ

“ข้าแต่มหาเทพ พระองค์เรียกกระหม่อมมาพบ....” เด็กหนุ่มถามมหาเทพด้วยน้ำเสียงสำรวม

“ใช่แล้ว อีรอส ข้าเรียกเจ้า รู้ไหมว่าข้าเรียกเจ้ามาทำไม?” มหาเทพ ก้มมองเด็กหนุ่ม พร้อมทรงยิ้มบางๆให้

“กระหม่อมมิอาจรู้ได้....”
มหาเทพไม่ตรัสอะไร ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ พระองค์ทรงเงียบ เขาก็เงียบ

เงียบ......

จ๊อกก...
!!!!!

เสียงๆหนึ่งดังออกมาจากท้องของเด็กหนุ่ม ทำเอาเจ้าตัวตกใจไม่น้อย
....
เฮ้ย!!! ไอ้ท้องบ้า มาร้องอะไรตอนนี้!!.....

ถึงกระนั้น มหาเทพทรงสรวลเบาๆ

“ฮ่าๆๆ เจ้าคงจะยังไม่ได้กินอะไรล่ะสิท่า มาสิอีรอส ร่วมโต๊ะอาหารกับข้าสักมื้อหนึ่ง”

“เอ่อ อ่า กระหม่อม.....” มหาเทพดันหลังเขาไปเบาๆ เขาเดินไปอย่างเงอะๆงะๆเข้าไปในห้องอาหารที่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีอาหารหลากหลายชนิดวางอยู่ เหล่าเทพธิดายังยกอาหารอีกหลายชนิดมาวางเรื่อยๆ แต่ในเวลาแบบนี้กลับไม่มีเทพองค์ใดมาถึง เด็กหนุ่มนึกสงสัยอยู่ในใจ

“นั่งสิอีรอส” มหาเทพเชื้อเชิญ เด็กหนุ่มนั่งข้างๆมหาเทพ เทพธิดายกซุบกลิ่นหอมมาวางตรงหน้าของเด็กหนุ่ม กลิ่นของมาทำให้เด็กหนุ่มตักมันเข้าปากทันที

“เป็นไง อร่อยมั้ยอีรอส?” มหาเทพตรัสถาม เด็กหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบเพราะในปากเต็มไปด้วยอาหาร สองมือก็คว้าอาหารจานอื่นมา ลืมมารยาทบนโต๊ะอาหารจนหมดสิ้น

....อื้อหือ!! นี่นะเรอะอาหารของเทพชั้นสูง อร่อยกว่าอาหารของชาวเราอีก.....

ขณะที่กินอยู่ สายตาก็เหลือบไปเห็นผลไม้หน้าตาแปลกประหลาด ไม่เคยเห็นมาก่อน วางอยู่ในถาดทองคำตั้งอยู่กลางโต๊ะ ผลของมันมีลักษณะเป็นรูปทรงหัวใจ มีสีแดงเป็นมันวาว ดูน่ากินเหลือเกิน

“เอ่อ ข้าแต่มหาเทพ มิทราบว่านั่นคืออะไร??” เด็กหนุ่มชี้ไปยังผลไม้นั่น มหาเทพยิ้มออกมาที่มุมปาก แต่เด็กหนุ่มไม่ทันสังเกต เพราะมัวแต่มองถาดผลไม้ที่กำลังลอยมาวางตรงหน้า

“นี่คือผลทับทิม เป็นพันธุ์ที่หายาก รูปร่างเหมือนหัวใจ ลองดูสิ ข้ายกให้เจ้าหมดนี่เลย”

“เด็กหนุ่มได้ยินดังนั้นก็แสนดีใจ รีบคว้าทับทิมหายากมาแกะกินทันที ช่างหอมหวาน เด็กหนุ่มรู้สึกว่า มันอร่อยว่าผลไม้ใดๆที่เคยกินมา แต่ละเม็ดที่เข้าปาก ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มยิ่งอยากกินมากขึ้น ในที่สุด เด็กหนุ่มก็จัดการมันทั้งถาด!
...
ให้ตาย อร่อยจริงๆ ลาภปากเจ้าจริงๆ อีรอส!.....


“เป็นไง อีรอส รสชาติเป็นไงบ้าง ทับทิมนั่นน่ะ?” มหาเทพตรัสถามหลังมื้ออาหารจบลง และกลับมาห้องโถงเดิม

“อร่อยเกินบรรยายขอรับ” เด็กหนุ่มกล่าว “รสชาติหอมหวานเหมือนจะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายและหัวใจของกระหม่อม”

“อย่างนั้นหรอกรึ?” มหาเทพยิ้มบางๆ มองเขาด้วยแววตาที่ยากเกินกว่าจะคาดเดาได้กว่าทรงมีอะไรอยู่ในใจ ทรงไม่ตรัสอะไรต่อ ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุม ทำให้เด็กหนุ่มนึกออกเรื่องที่ต้องมาที่นี่

“เอ่อ....ข้าแต่มหาเทพ วันนี้พระองค์เรียกกระหม่อมมาพบ มิทราบว่า ประสงค์ในสิ่งใด?”

“แน่นอน อีรอส ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้เพราะข้าได้เฝ้ามองดูเจ้าตลอดเวลาที่ผ่านมา...” รอยยิ้มเลือนหายไปจากพระพักตร์ สีหน้าเคร่งเครียดเข้ามาแทนที่ ทำให้บรรยากาศดูอึดอัดลงไปทันที

“อีรอส เจ้าละเลยหน้าที่ที่ต้องสร้างความรักให้เกิดในหัวใจของมนุษย์ เหตุใดเจ้าจึงละเลยหน้าที่นี้?”

หืม?? จริงสิ พักนี้ไม่ได้ลงไปโลกมนุษย์เลยหนิ

พระองค์ทรงทราบ????

.......

งานเข้าละ!!


“ว่าไง อีรอส” พระองค์ทรงรอคำตอบอย่างใจเย็น
เงียบ.....

“เอาน่า อีรอส เจ้าก็มีเหตุผลของเจ้า ลองบอกข้ามาซิ ข้าไม่ลงโทษเจ้าหรอก” มหาเทพตรัสแก่เทพหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นใบ้ไปชั่วขณะ


“ข้าแต่มหาเทพ นั่นเป็นเพราะกระหม่อมเห็นว่ามนุษย์ไม่เห็นค่าของความรัก ทุ่มเทให้กับสิ่งอื่น เพื่อความก้าวหน้าและความมั่งคั่งตัวเอง เห็นค่าของวัตถุมากกว่าจิตใจ ดังนั้น กระหม่อมจึงเห็นว่าคนเหล่านั้นไม่สมควรจะมีความรัก จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบันดาลความรักให้พวกเขา”

มหาเทพส่ายหัวอย่างระอา

“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่ได้ช่วยสร้างความรักให้เกิดขึ้นในหัวใจของพวกเขาเหล่านั้น และอคติของเจ้าที่มีต่อมนุษย์ อีรอส เจ้าจงเปิดใจและมองให้กว้าง ความรักทำให้โลกมนุษย์ดำรงอยู่ได้ ทำให้มนุษย์มีความหวังและกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไป ไม่มีมนุษย์คนไหนดำรงอยู่ได้โดยปราศจากความรักในหัวใจหรอกนะ” มหาเทพสอนสั่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ดูเหมือนคำพูดเหล่านั้นจะไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของอีรอสได้ ในใจกลับแปรความหวังดีของมหาเทพเป็นอื่น

.....ฮู่วววว!!! กำลังจะล้างสมองเราเรอะ! ไม่มีทาง เราจะออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้แหละ....

“ กระหม่อม...มิอาจเชื่อได้ว่าความรักจะมีพลังขนาดนั้น ขอทรงอภัย” เด็กหนุ่มคำนับองค์มหาเทพและกำลังจะเดินออกไป แต่มหาเทพรั้งเอาไว้

“เดี๋ยวก่อน อีรอส เมื่อกี้เจ้ากินทับทิมไปกี่ผล?” มหาเทพตรัสถาม ทรงยิ้มอย่างมีเลศนัย

“กระหม่อมกินจนหมดถาด.....10 ผลขอรับ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วสงสัย ทำไมพระองค์ถึงตรัสถามถึงทับทิมนั้น

....อืมม ทรงถามถึงทับทิมนั่นอีกแล้ว ชักจะยังไงๆแล้วสิ....

“ไม่อยากรู้รึว่ามันมาจากไหน?”
....หวังว่า....


“ที่ใดขอรับ?”
...
คงไม่ใช่....

“มันเป็นผลไม้ที่ขึ้นในยมโลก!”
...

เฮือก!!! เอาแล้วไง!!!!!!!!!!!.....

เหมือนทุกสิ่งอย่างหยุดนิ่ง เด็กหนุ่มอึ้งไป พูดอะไรไม่ออก แต่ในหัวกลับมีเรื่องหนึ่งผุดขึ้นมา เป็นตำนานเกี่ยวกับเทพธิดาบุตรสาวของเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ นางถูกเจ้าแห่งยมโลกพาตัวไปเป็นชายา และเทพเจ้าสูงสุดในขณะนั้นสั่งให้เจ้าแห่งยมโลกนำนางคืนแก่ผู้เป็นมารดา เจ้าแห่งยมโลกยอมคืนนางให้แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็ให้นางกินเมล็ดทับทิม นางกินไป 4 เม็ด ทำให้นางต้องกลับคืนสู่ยมโลกเป็นเวลา 4 เดือนในแต่ละปี

.....แล้วเรากินไป 10 ผล หนึ่งผลมี.....นับร้อยเม็ด!!!!.....

“พระองค์....” เด็กหนุ่มมองมหาเทพด้วยแววตาที่ปวดร้าว นี่เขาจะถูกเนรเทศไปอยู่ที่ยมโลกหรือนี่


..... มันบ้าชัดๆ ฆ่ากันดีกว่าแบบนี้!!!....

“มันคือทับทิมแห่งความอาวรณ์ ไม่ต้องตกใจหรอก มันคนละชนิดที่เจ้าแห่งยมโลกให้พระชายากิน” มหาเทพตรัส ราวกับทรงอ่านใจของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“ผู้กินทับทับทิมนี้ หากเป็นเทพที่ลงไปเกิดเป็นมนุษย์ จะเกิดความอาลัยอาวรณ์ในโลก มิอาจกลับสู่สวรรค์ได้ ความรู้สึกนั้นจะกินเวลาตามจำนวนทับทิมที่กินเข้าไป โดยผลหนึ่งให้ผล 5 ปี เจ้ากินไป 10 ผล ต้องไปเป็นมนุษย์อย่างน้อย 50 ปี จากนั้นจึงจะกลับสู่สวรรค์ได้” มหาเทพทรงอธิบาย

“นี่คือบทลงโทษของกระหม่อมเช่นนั้นหรือ” เสียงของเขารู้ไร้เรี่ยวแรง
....
กำลังฝัน เจ้ากำลังฝันแน่ๆ อีรอสเอ๋ย ตื่นสิ.....

“มันก็ไม่เชิงว่าเป็นการลงโทษหรอก อีรอส เจ้าละหน้าที่ที่ควรทำ เพราะไม่เชื่อในความรัก ดังนั้นข้าทำให้เจ้าเห็น จงไปเกิดเป็นมนุษย์เพื่อพิสูจน์ด้วยตนเอง และระหว่างที่เป็นมนุษย์จงบันทึกเรื่องราวความรักทั้งที่เจ้าประสบ หรือพบเห็นลงในบันทึกนี้ ในระยะเวลาที่กำหนด แล้วเจ้าจะได้กลับสู่สวรรค์ ใช้ชีวิตอันเป็นอมตะดังเดิม” มหาเทพยื่นหนังสือปกกำมะหยี่สีแดงเล่มหนึ่งให้ บันทึกประจำตัวที่มีชื่อของเขาเขียนไว้ตรงปก


“ขอให้โชคดีกับการเป็นมนุษย์นะ อีรอส” มหาเทพทรงอวยพร ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไป ไม้เท้าสีทองของมหาเทพก็พุ่งเสียบเข้ากลางอกเข้าอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะหลบทัน และทุกอย่างก็เข้าสู่ความมืด...



Macydonia
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2555, 13:51:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ส.ค. 2555, 13:51:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1383





<< บทนำ   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account