ชื่นหัวใจ กลิ่นอายรัก
เศร้า เคล้า โรแมนติก
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 9

ตอนที่ 9
“ใบบัว ใบบัว อยู่ไหนลูก!”แม้นวาดส่งเสียงเรียกร้องลูกสาวดังลั่นบ้าน แต่เรียกเท่าไหร่ ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาเลย หล่อนจึงเดินหาวุ่นวายทั่วทั้งในบ้านและนอกบ้าน
“มีอิหยังก่อ ป้าแม้น เรียกใผดังลั่น ข้าเจ้าได้ยินแว่วๆว่าใบบัวใจ้ก่อ” อำพลซึ่งผ่านมาได้ยินเข้าถามขึ้น แล้วชายหนุ่มก็ได้เห็นแม้นวาดโผล่หน้ามาจากประตูบ้านด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“เจ้าพล ใบบัวหายไปไหนก็บ่ฮู้!” แม้นวาดบอกอย่างตกใจและเคร่งเครียด
“อิหยังก่อป้า ใบบัวหายไป” อำพลทวนคำอย่างตกใจเช่นกัน ก่อนรีบกระโจนเข้าไปในบ้านเพื่อช่วยดูอีกแรง
เมื่อเข้าไปในบ้าน ชายหนุ่มก็ต้องตกใจกับสิ่งของเครื่องใช้ใบบ้านมากมายที่กองเกลื่อนกลาด กระจัดกระจาย ทั้งแจกัน หนังสือ หมอนอิง เก้าอี้ อยู่คนทะทิศละทาง ซึ่งอำพลพอจะรู้ได้ทันทีเลยว่าทั้งหมดที่เห็นเป็นฝีมือของใคร
“ใบบัวหายไปตั้งแต่เมื่อใด” อำพลถามแม้นวาดเสียงเครียด เขาเห็นแม้นวาดเริ่มน้ำตาคลอเบ้าด้วยความหวั่นใจ ก่อนพูดออกมาเสียงสะอื้น
“บ่ฮู้ว่าหายไปเมื่อใด ฮู้แต่ว่าปิ๊กจากงานตี้เฮือนป้อเลี้ยงก็บ่หันแล้ว” เสียงสะอึกสะอื้นของแม้นวาดดังตามมาด้วยความเป็นห่วงลูกสาว
“ใบบัวอาจจะยะงานอยู่ตี้ไร่ กะได้เน้อป้าแม้น อย่ากึ๊ดนักเลย” อำพลพยายามพูดปลอบใจ แต่แม้นวาดก็ยังส่ายหน้าไปมาพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลอาบแก้ม
“บ่ใจ้ดอก ป้าฮู้จักลูกสาวป้าดี ถ้าป้อเลี้ยงอู้จะอี้แล้ว ใบบัวบ่กลับไปยะงานดอก อีกอย่าง นี่กะมืดนักแล้ว ใบบัวน่าจะปิ๊กบ้านได้แล้ว เปิ้นบ่เกยปิ๊กบ้านดึกขนาดเน้อเจ้าพล”แม้นวาดบอกอย่างปวดใจที่สุด ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่ทำให้หล่อนกลัวไปหลายอย่าง แม้จะคิดอยู่แล้วว่าใบบัวจะต้องไม่พอใจแน่ๆที่ถูกอินทัชพักงาน แต่ไม่คิดว่าจะโกรธจนหนีหายไปแบบนี้
“ป้าแม้นบ่ต้องห่วงดอก เดี๋ยวข้าเจ้าจะช่วยตามหาหื้อ บางทีใบบัวอาจจะยังอยู่ในไร่เฮากะได้” อำพลพูดอย่างใจเย็นเพื่อให้แม้นวาดมีความหวังมากขึ้น ทั้งๆที่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าใบบัวจะอยู่หรือเปล่า และจะหายไปที่ไหน ส่วนสาเหตุที่ทำให้ใบบัวหายไปโดยไม่บอกใครนั้นเขาทราบดีว่าเพราะอะไร
อำพลทั้งวิ่งทั้งเดินไปทั่วไร่บริรักษ์ศักดา ทั้งสอบถามบรรดาคนงานในไร่ว่ามีใครพบใบบัวบ้าง แต่ทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่พบเลย จนกระทั่งเดินยังส่วนทางเข้าไร่ซึ่งเป็นทางเข้าหลักอยู่ทางด้านหน้าของไร่ อำพลสอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยประจำไร่ จึงได้คำตอบว่า
“แม่ใบบัวก่อ เฮาหันเปิ้นสะพายกระเป๋าออกไปด้านนอกพู้น ถามว่าไปตี้ใด เปิ้นกะบ่ยอมบอก อ้อ! หันเปิ้นฮ้องไห้โต้ยเน้อ” คำบอกเล่าของคนงานรักษาความปลอดภัยทำให้อำพลหายใจไม่ทั่วท้อง ชายหนุ่มเกิดอาการหวั่นวิตกขึ้นมาทันใด ใจหนึ่งนึกห่วงหญิงสาวขึ้นมาอย่างแรง ใจหนึ่งก็ไม่เข้าว่าทำไมใบบัวต้องหนีไปอย่างนี้
“โธ่! ใบบัว บ่น่ายะจะอี้เลย” อำพลพูดอย่างอ่อนแรงพลางทอดสายตาฝ่าความมืดไปเบื้องหน้าด้วยความอ่อนล้า มีเพียงป่า ขุนเขา และไร่ชาเท่านั้นที่เขาเห็นในตอนนี้ ไม่มีแม้เงาของหญิงสาวเจ้าอารมณ์
แล้วอำพลก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกหาใบบัวอีกครั้ง ถึงแม้แม้นวาดจะบอกว่าโทรไปไม่ติด แต่เขาก็ยังอยากโทรอีก ด้วยความหวังอันริบหรี่ว่าอาจจะมีเสียงสัญญาณการติดต่อ..สักครั้ง แต่ทว่าชายหนุ่มก็ได้ยินเพียงเสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าติดต่อไม่ได้เท่านั้น
“เธอไปอยู่ที่ไหนนะ ใบบัว”
วันรุ่งขึ้น
รั้วเหล็กสูงใหญ่และแข็งแรงทำหน้าที่เป็นปราการล้อมรอบตัวคฤหาสน์หลังงามไว้อย่างแน่นหนา ปลายยอดรั้วก็เป็นเหล็กแหลมมองแล้วหน้าหวาดเสียวสำหรับใครที่คิดจะปืนป่ายไปทำประสงค์ร้ายกับบ้านหลังนี้ ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะเหมาะสม ใบบัวมองสายตาฉ่ำและคิดอย่างนั้น เพราะนอกจากจะใหญ่โตหรูหราสมฐานะผู้เป็นเจ้าของแล้ว ภายนอกและบริเวณรอบตัวคฤหาสน์ยังตกแต่งไว้อย่างสวยสดงดงามในสไตล์อิตาเลี่ยน
ใบบัวเดินมาหยุดยังป้ายขนาดใหญ่ที่ติดอยู่หน้ารั้วเหล็กแข็งแรงนั้น ก่อนหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆในกระกระเป๋าเสื้อที่เธอจดที่อยู่ของนงลักษณ์เอาไว้ หลังจากที่ได้คุยโทรศัพท์นัดแนะกันเมื่อวานนี้
“บ้านวิริยะอนันต์ เลขที่ 939/610 บ้านหลังนี้แน่ๆ” ใบบัวพึมพำกับตัวเองหลังจากมองสำรวจป้ายบอกชื่อและบ้านเลขที่ของคฤหาสน์ตรงหน้ากับกระดาษแผ่นเล็กๆในมือแล้ว ก่อนจะมองซ้ายมองขวาและมองผ่านเข้าไปในรั้วบ้านเพื่อหาใครสักคน แต่แล้วก็ไม่เจอคนที่เธอต้องการพบเลย แล้วสายตาปราดเปรียวของใบบัวก็สะดุดกับกริ่งที่หน้าประตู หล่อนจึงตัดสินใจกดกริ่งนั้น
“กริ๊งๆๆๆ”ไม่กี่อึดใจ ใบบัวก็สังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงอายุราวๆ 30 ปลายๆออกมาจากมุมหนึ่งของคฤหาสน์และเดินมานวยนาดมาหน้าประตูยืนมองเธออย่างสงสัย
“เธอเป็นใครน่ะ”แสงจันทร์เอ่ยถามอย่างแปลกใจที่จู่ๆมีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้หน้าตาบ้านๆ ท่าทางการแต่งตัวดูบ้านนอก สะพายกระเป๋าเป้มากดกริ่งที่บ้านหลังนี้ ซึ่งปรกติแล้วจะมีก็แต่รถหรูราคาแพงและเหล่าไฮโซแต่งตัวดีมีระดับเท่านั้นที่มากดกริ่ง ถ้าไม่นับบรุษไปรษณีกับคนส่งพิซซ่า
“เฮามาปะคุณนง” ใบบัวอู้คำเมืองสำเนียงเหนือชัดๆ ทำให้แสงจันทร์ขมวดคิ้วยุ่งด้วยความไม่เข้าใจ ใบบัวจึงลองพูดใหม่เป็นภาษากลาง
“ฉันมาพบคุณนงลักษณ์ เข้าใจมั้ย คุณนงลักษณ์ที่เป็นคุณผู้หญิงของที่นี่น่ะ”แสงจันทร์ได้ฟังแล้วถึงบางอ้อ แต่เธอก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนักว่านงลักษณ์มีญาติหรือคนรู้จักเป็นคนบ้านนอกแบบนี้ด้วยหรือ เนื่องจากเธอเองก็เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานเท่าไรนัก
“เธอเป็นอะไรกับคุณนงลักษณ์”สาวรับใช้ส่งคำถามไปพลางจิกตามองใบบัวตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เอ่อ ฉันเป็นลูกน้องเก่าคุณนง มาจากแม่ฮ่องสอน จะให้ฉันเข้าไปพบคุณนงได้หรือยัง” ใบบัวตอบห้วนๆอย่างหงุดหงิดกับคำถามและสายตาเหยียดหยามของแสงจันทร์ ที่จ้องเธอราวกับเป็นตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจ
“เดี๋ยวฉันไปเรียนคุณนงให้นะ ว่าลูกน้องเก่ามาพบ”ว่าแล้วแสงจันทร์ก็สะบัดหน้าหนีไปอย่างมีมาดจริตเล็กน้อยจนใบบัวต้องถลึงตาใส่แผ่นหลังของหล่อนด้วยความหมั่นใส้
ไม่กี่อึดใจต่อมา ใบบัวก็เห็นหญิงสาวคนเดิมเดินออกมาจากตัวบ้านเข้ามาใกล้ แล้วยื่นหน้ายื่นตามาบอกกับเธออย่างมีจริตเช่นเคย
“คุณนงอยู่ข้างใน เชิญหล่อนเข้าไปพบได้!”พูดแค่นั้นแสงจันทร์ก็สะบัดหน้าไปทันที ใบบัวมองตามอย่างหงุดหงิดกับท่าทางกวนๆของแสงจันทร์
เมื่อก้าวเท้ามายังคฤหาสน์ภายใน ใบบัวก็ได้แต่ตกตะลึงในความงดงามและหรูหรา หล่อนมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวังราวกับเกรงว่าสิ่งของอันแพงระยับในคฤหาสน์แห่งนี้จะร่วงหล่นเสียหาย แสงจันทร์เห็นท่าทีของใบบัวแล้วนึกขันอย่างดูแคลนในความบ้านนอกของใบบัว
“มาถึงที่นี่เชียวนะ แม่ใบบัว ท่าทางจะคิดถึงฉันมากละสิ” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น ใบบัวหันกลับมาก็พบว่าเป็นเจ้านายเก่าของหล่อนเมื่อครั้งอยู่ที่ไร่บริรักษ์ศักดา ใบบัวยิ้มจนแก้มปริก่อนปรี่เข้าหานงลักษณ์ด้วยความคิดถึงท่วมท้น จนนงลักษณ์เองรับอ้อมกอดหล่อนแทบไม่ทัน
“คุณนงเจ้า ใบบัวกึ๊ดเติ๋งคุณนงขนาด คุณนงสบายดีก่อเจ้า” ใบบัวพูดด้วยน้ำเสียงดีใจสุดๆ นงลักษณ์มองหน้าใบบัวอย่างนึกสงสารก่อนจะค่อยๆคลายอ้อมกอดของใบบัวและพาไปนั่งนังโชฟาตัวนุ่ม
“ฉันสบายดี ถ้าหมายถึงร่างกาย แต่จิตใจอาจจะไม่ค่อยสบาย” นงลักษณ์บอกตามความรู้สึกที่ตัวเองกังวลในใจ ใบบัวมองหน้านายของตัวเองแล้วขมวดคิ้วยุ่ง อยากถามกลับไปว่าไม่สบายใจเรื่องอะไร แต่เหมือนนงลักษณ์จะอ่านคำถามในแววตาของใบบัวออก หล่อนจึงเลี่ยงด้วยการส่งคำถามให้ใบบัว
“ว่าแต่เธอน่ะ ร้อนใจอะไร เห็นตอนคุยกันทางโทรศัพท์ก็พูดไม่รู้เรื่อง บอกว่าพ่อเลี้ยงไม่ยุติธรรม ไม่เหมือนเดิม มันคืออะไรเหรอ”
“ป้อเลี้ยงไม่เหมือนเดิมแล้วเจ้า ใบบัวอุตส่าห์หวังดีใส่สารบำรุงผักหื้อมันเจริญงอกงาม แต่ป้อเลี้ยงหาว่าใบบัวใส่สารพิษหื้อผัก ยะให้แปลงผักเปิ้นเสียหาย ใบบัวเลยถูกสั่งพักงานเจ้า แต่ถึงแม้จะสั่งพักงานใบบัวก็เจ็บปวดนัก ให้ป้อเลี้ยงไล่บัวออกยังดีเสียกว่าเจ้า ใบบัวน้อยใจ๋ขนาด ป้อเลี้ยงฟังคำผู้อื่นใส่ฮ้ายบัวเจ้า ใบบัวบ่มีตี้ไป อยู่ไปกะอายคนเขานะเจ้า” ใบบัวเล่าน้ำเสียงเศร้าสร้อยเพื่อหวังให้นงลักษณ์เห็นใจ เพราะรู้ดีว่านงลักษณ์เคยเมตตาเธออยู่ไม่น้อย อีกอย่างนงลักษณ์ก็ไม่เคยเห็นด้วยกับอินทัชที่ทำไร่โดยไม่ใช้สารเคมี
“ถ้างั้นเธออยู่ที่นี่กับฉันก็ได้ ช่วงนี้ฉันกำลังขาดคนงานแม่บ้านอยู่พอดี เธอทำกับฉันอยู่ที่นี่ไหมล่ะ ฉันจะให้เงินเดือนเธอไม่น้อยกว่าอินทัชเลย”นงลักษณ์ชักชวน แต่หาใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของใบบัวในการมาถึงที่นี่เลย สู้อุตส่าห์ดั้นด้นมาจากแม่ฮ่องสอนทั้งที เธอต้องได้อะไรมากกว่านั้นสิ
“แต่ใบบัวบ่เป็นงานบ้านงานเฮือนเจ้า ใบบัวถนัดงานทำไร่มากกว่าเจ้า”
“แล้วเธอจะให้ฉันช่วยอะไรเธอ”นงลักษณ์เอ่ยถามอย่างสงสัย ก่อนแลเห็นใบบัวเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกร้าว
“ใบบัวอยากหื้อคุณนงช่วยจัดการตัวกาลกิณี คนตี้มันใส่ฮ้ายบัว คนตี้มันยะหื้อป้อเลี้ยงเปลี่ยนไป หื้อมันออกไปจากไร่บริรักษ์ศักดาเจ้า เพราตั้งแต่มีมันเข้ามา ไร่ของหมู่เฮากะบ่เกยสงบสุขเลย” นงลักษณ์ได้ฟังแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าใครกัน ที่ทำให้ไร่บริรักษ์ศักดาไม่สงบสุข
“ใครกันใบบัว อินทัชรับใครเข้ามาเพิ่มรึ” นงลักษณ์ด้วยความใคร่รู้
“มันชื่อทับทิมเจ้า เป็นแม่หญิงแปลกหน้าพลัดหลงเข้ามาในไร่เฮา แต่ป้อเลี้ยงบอกว่าเป๋นญาติ นะเจ้า แต่ใบบัวบ่เจื้อดอก ป้อเลี้ยงบ่มีญาติชื่อนี้ใจ้ก่อเจ้า” เมื่อได้ยินชื่อทับทิม นงลักษณ์ถึงกับหน้าชาไปชั่วขณะ ก่อนส่งสายตาดุดันและจริงจังเอาเรื่องมาให้ใบบัว
“ทับทิมไหน พ่อเลี้ยงอินทัชไม่มีญาติชื่อนี้ บอกฉันมาทับทิมไหน!”นงลักษณ์ตะเบ็งเสียงถามใบบัวจนใบบัวตกใจแทบผงะ นึกไม่ถึงว่าแค่ได้ยินชื่อทับทิม นงลักษณ์จะโมโหปานนี้ และเหมือนนงลักษณ์จะรู้ตัวว่าใบบัวไม่เคยรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพิชชาอรในบ้านหลังนี้ หล่อนจึงเดินหายเข้าไปห้องๆหนึ่งซึ่งเคยเป็ห้องนอนของพิชชาอร แล้วกลับออกมาพร้อมกรอบรูปไม้ใบเล็กในมือ ใบบัวมองตามอย่างข้องใจ และเมื่อนงลักษณ์ยื่นกรอบรูปใบนั้นให้เธอดูพร้อมกับคำถาม
“ใช่ทับทิมคนเดียวกับในรูปหรือเปล่า”ใบบัวมองหญิงสาวหน้าตาสะสวยในรูปแล้วยิ้มกว้างทันที ก่อนพยักหน้าให้นงลักษณ์อย่างว่องไว
“ใจ้ แม่หญิงผู้นี้แหละเจ้าตี้เป็นนังตัวกาลกิณีของไร่เฮา แต่ว่า ยะหยังมีรูปเปิ้นอยู่ตี้บ้านนี้ได้..”ใบบัวยังงงเล็กน้อยที่เรื่องบังเอิญเรื่องนี้มาเกิดกับเธอ นงลักษณ์รู้จักกับศัตรูหัวใจของเธอได้อย่างไร
“ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ฉันต้องการพบและกำลังตามหาแทบพลิกแผ่นดินเช่นกัน หึๆๆ โชคคงเข้าข้างฉัน ที่แท้มันอยู่แค่ปลายจมูกนี่เอง เส้นผมบังภูเขาแท้ๆ ใบบัวขอบใจเธอมากที่กลับมาหาฉันและนำข่าวดีนี้มาบอกฉัน แล้วฉันจะตบรางวัลให้เธออย่างงามเชียว ฮ่าๆๆๆ”นงลักษณ์หัวเราะลั่นอย่างสมใจ ในที่สุดหล่อนก็รู้สักที ว่าคนที่หล่อนตามหามานานอยู่ที่ไหน และคราวนี้นงลักษณ์ก็บอกตัวเองว่าจะไม่ให้มีคำว่าพลาดเกิดขึ้นกับเธอซ้ำสองแน่ๆ




พราวเพชร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2555, 14:06:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ส.ค. 2555, 14:06:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1332





<< ตอนที่ 8/3   
ตรีจิตร 24 ส.ค. 2555, 15:31:32 น.
รอติดตาม ตอนต่อไป :P


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account