ชื่นหัวใจ กลิ่นอายรัก
เศร้า เคล้า โรแมนติก
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 8/3

ใบบัวทั้งวิ่งทั้งเดินมาที่บ้านของตัวเองโดยไม่สนใจสายตาของทุกคนที่ผ่านมาจะเห็นว่าเธอร้องไห้ หญิงสาวเข้ามาในบ้านแล้วส่งเสียงกรี๊ดออกมาดังลั่นบ้านอีกครั้งเพื่อระบายความอั้ดอั้น ก่อนหันมาระบายอารมณ์กับเจ้าสิ่งของในบ้าน ใบบัวทั้งขว้างทั้งปาข้าวของในบ้านกระจัดกระจาย แล้วหล่อนก็เดินเข้าห้องนอนส่วนตัวไปเพื่อซุกใบหน้าลงกับหมอนใบเก่า หวังให้หมอนช่วยซับน้ำตาให้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรูปภาพที่อยู่ในกรอบรูปข้างเตียงนอน เป็นรูปเธอเองถ่ายรูปกับอินทัชและนงลักษณ์เมื่อหลายปีก่อน ใบบัวหยิบรูปนั้นขึ้นมาดูแววตาเศร้า
“ป้อเลี้ยง ใบบัวฮักป้อเลี้ยงขนาด ใบบัวขาดป้อเลี้ยงบ่ได้เน้อ ใบบัวอยากปะหน้าป้อเลี้ยงทุกวัน” หญิงสาวพูดกับชายในรูปภาพน้ำตานองหน้า นึกน้อยใจนักที่โดนชายที่เธอรักพูดตัดเยื่อไยได้ขนาดนี้ แม้แต่แม่เธอเองก็ไม่เข้าข้าง หรือว่าคนที่นี่จะไม่มีใครต้องการเธอแล้วอย่างนั้นหรือ และรูปใบนี้ที่เธอเอามานอนกอดอยู่ทุกคืน ก็ทำให้เธอคิดอะไรขึ้นมาได้ เมื่อมองเห็นผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในรูปด้วย
“คุณนงลักษณ์!”

รถจี๊ปสีเขียวหม่นคันใหญ่ขับผ่านไร่ชาเขียวชอุ่มมาอย่างทุลักทุเล มุ่งตรงไปยังบ้านพักของไร่บริรักษ์ศักดาส่วนที่เปิดเป็นรีสอร์ทให้นักท่องเที่ยวได้มาพัก การมาของรถคันนี้ดึงดูดสายตาของผู้ที่พบให้ได้ไม่น้อย
“ถึงแล้ว ไร่บริรักษ์ศักดา” นพพลเอ่ยเสียงอย่างดีใจเมื่อได้กลับมายังสถานที่ที่เปรียบเหมือนบ้านของเขาหลังจากที่ไม่ได้มาหลายปี
เมื่อทุกคนลงมาจากรถจิ๊ปคันนั้นพวกเขาก็ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่แสนสดชื่น ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้เขียวขจีราวกับหลุดออกมาอีกโลกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น และภาพตรงหน้าของพวกเขาก็คือบ้านไม้ทรงไทยหลังค่อนข้างเก่าขนาดเล็กกะทัดรัด ถูกล้อมรอบด้วยสวนดอกไม้และไม้ล้มลุกหลายชนิด
“คุณหนูทับทิมอยู่ที่นี่ใช่ไหม”อ้วนเอ่ยถามคนขับรถที่เป็นคนที่อินทัชส่งไปรับพวกหล่อนมาจากกรุงเทพฯ โดยทิ้งรถยนต์ของไกรวิทย์ไว้ที่ลานจอดรถของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
“เปล่าครับ”คนงานตอบหน้าตาเฉย ทำเอาทั้งอ้วน ไกรวิทย์และรมณต่างมองหน้าชายคนงานนั้นอย่างเคร่งเครียด ยกเว้นนพพลที่ยืนนิ่งไม่แสดงสีหน้าใดๆ
“อ้าว! ไหนเจ้านายแกบอกว่าจะพาพวกฉันมาพบคุณหนูทับทิมไงล่ะ ทำไมเป็นแบบนี้ แล้วคุณหนูทับทิมอยู่ไหนหา” อ้วนเริ่มขึ้นเสียงด้วยความโมโห ไกรวิทย์และรมณเองก็ต่างจ้องหน้าชายคนงานเท่าราวกับโกรธแค้นกันมาแต่ชาติก่อน
“ต้องขอโทษด้วยครับ ผมทำตามคำสั่งของพ่อเลี้ยง เดี๋ยวพวกคุณพักอยู่ที่นี่ก่อนนะครับ ส่วนคุณหนูทับทิมสบายดีทุกอย่างครับไม่ต้องห่วง” พูดจบชายคนงานก็หันหลังกลับเดินขึ้นรถจิ๊ปและขับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ถามอะไรอีก อ้วนจึงหันมาแหวใส่นพพล
“นี่มันอะไรกันไอ้นพ ไหนบอกเจ้านายแกจะช่วยพวกเราไงล่ะ แล้วทำไมถึงพาพวกเรามาทิ้งที่นี่เสียอย่างนั้นล่ะ”
“นั่นสิ พวกเราไม่เข้าใจเจ้านายคุณเลยจริงๆ”ไกรวิทย์พูดพลางส่ายหัวหงุดหงิด รมณเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับอ้วนและไกรวิทย์ ทว่ายังไม่ทันที่นพพลจะขยับปากพูดอะไร เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้น เขาจึงเดินหลบไปรับโทรศัพท์และคุยอยู่อีกมุมหนึ่งและสักครู่เดียวเขาก็เดินกลับมา
“ไม่ต้องตกใจไปครับทุกคน พ่อเลี้ยงโทรมาบอกผมว่าให้พวกคุณพักอยู่ที่นี่ก่อน ส่วนคุณหนูทับทิมอยู่ในที่ปลอดภัยและมีคนดูแลไม่ห่าง ที่เขายังไม่พวกคุณไปพบคุณหนูทับทิมก็เพราะมันจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการเผชิญหน้ากันครับ อย่าลืมนะครับคุณนงลักษณ์เธอก็เคยอยู่ที่นี่ ถ้าวันหนึ่งเธอรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่กันหมดจะทำให้ง่ายต่อการจัดการของเธอ แต่สำหรับพวกเรามันยากต่อการช่วยเหลือครับ”นพพลอธิบายตามที่อินทัชได้กำชับไว้ ซึ่งทุกคนก็ตั้งใจฟังและเริ่มเข้าใจจุดประสงค์ของพ่อเลี้ยงอินทัชมากขึ้น
“แต่พวกเราก็อยากเจอทับทิมนะ” รมณพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน พลางส่งสายตาขอความเห็นใจไปให้นพพล ทว่านพพลได้แต่ส่ายหน้าและเหยียดยิ้มเจื่อนๆส่งไปให้เท่านั้น
“อยู่ที่นี่ดีแล้วครับ สถานการณ์แบบนี้อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆกันดีกว่า พ่อเลี้ยงรับปากแล้วว่าจะดูแลพวกคุณและคุณหนูทับทิมเป็นอย่างดี รับรองปลอดภัยแน่นอนครับ”นพพลให้คำมั่นแทนพ่อเลี้ยงของเขาอย่างหนักแน่น เพราะเขาเองก็เชื่อมั่นในตัวพ่อเลี้ยงอินทัชมากเช่นกัน แต่ทว่าทั้งอ้วน ไกรวิทย์และรมณยังมีความวิตกกังวลเจืออยู่ในสีหน้าไม่น้อย

สายลมที่โชยพัดแรงทำเอาหมวกทรงคาวบอยของชายหนุ่มเริ่มเคลื่อน อินทัชจึงใช้มือจับหมวกสีครีมที่มีร่องรอยของใบไม้ติดอยู่มาถือไว้ สายตาคมเข้มยังคงจับจ้องมองวิวไร่ทั้งหมดของเขาอยู่บนเชิงเขาที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,000 เมตร มองจากจุดชมวิวตรงนี้แล้วสามารถเห็นไร่บริรักษ์ศักดาได้ทั้งไร่เลยทีเดียว เวลานี้เป็นช่วงใกล้ตะวันตกดิน ท้องฟ้าที่เคยสดใสเริ่มแปรเปลี่ยนเนื่องจากเจือด้วยสีแสดของดวงอาทิตย์ ชายหนุ่มทอดมองดวงอาทิตย์กลมโตที่ลอยอยู่เหนือเหลี่ยมเขาอีกฟากฝั่งนั้นกำลังจะหายลับลงไปทุกที ใช่! มันกำลังจะหลุดลอยไปพร้อมกับสาวน้อยคนนั้น
ทันทีที่รับรู้ถึงการมาของบรรดาคนของพิชชาอร อินทัชก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างแน่นอยู่ในอก อึดอัดใจ ที่ใจหนึ่งมันอยากจะพูด อยากจะบอกความจริงกับเธอ สาวน้อยพิชชาอรที่ตอนนี้กลายเป็นขวัญใจของคนที่นี่ไปแล้ว
อีกใจหนึ่งมันก็ไม่อยากบอก ด้วยกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่พูดไป และนั่นอาจทำให้เขาเสียเธอไป..ตลอดชีวิต..
“ทับทิม ฉันจะบอกเธอยังไงนะ ว่าฉันเป็นน้องชายของคนที่ฆ่าพ่อเธอ”ชายหนุ่มรำพันกับตัวเองอย่างปวดใจ เขาปล่อยให้คำพูดประโยคนี้ลอยหายไปกับสายลมอีกแล้ว ไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาต้องพร่ำบอกกับอากาศเช่นนี้ ไม่มีความกล้าพอที่จะพูดกับเธอตรงๆเสียที คงเพราะกลัวเธอจะโกรธจะเกลียดเขา กลัวเธอจะต้องจากไปและไม่หวนกลับมาอีก แต่ทว่า สิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้น คือสิ่งที่อินทัชไม่อยากให้เกิดขึ้นกับหัวใจของเธอเลย
กลัวเธอจะไม่ตอบรับหัวใจอ้างว้างดวงนี้ของฉัน
ชายหนุ่มคิดดังนั้นแล้วบีบขมับอย่างรวดร้าว ก่อนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหยิบแผ่นกระดาษแผ่นเล็กๆในกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายขึ้นมาดู ซึ่งกระดาษแผ่นนั้นเขียนด้วยลายมือหวัดๆพออ่านได้ว่า
หนูทับทิมน่ารักที่สุด อินทัชหยิบมันมาจากล่องรับความคิดเห็นหน้าสำนักงาน หลังจากที่บอกให้คนงานช่วยโหวตว่าจะส่งใครเข้าประกวดธิดาชาวไร่ ผลปรากฏว่ากว่า 90 % เป็นชื่อของพิชชาอรสาวน้อยหน้าหวานขวัญใจของพวกเขานั่นเอง
“เห็นทีฉันคงต้องให้เธอเป็นธิดาชาวไร่ของคนที่นี่เสียแล้วล่ะ”อินทัชพูดกับกระดาษแผ่นนั้นและทบทวนคำพูดของตัวเองว่าเขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ถ้าบอกว่าประกวดธิดาชาวไร่เธออาจจะเป็นได้ แต่ถ้าเป็นธิดาของชาวไร่บริรักษ์ศักดา ไม่รู้จะเป็นได้หรือไม่



พราวเพชร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2555, 14:13:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ค. 2555, 14:14:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1119





<< ตอนที่ 8/2   ตอนที่ 9 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account