หนึ่งในรัก (เพลงรักกามเทพ)
เขาคือบุรุษที่เธอไม่อาจเข้าถึงหัวใจอันเย็นเยียบประดุจน้ำแข็งในฤดูหนาว แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอถึงถลำรักเขาจนหมดหัวใจ
Tags: กรยุพา . ยุพากร . มุกดารา รักโรแมนติก

ตอน: 6 กรยุพา . ยุพากร

ความเดิมตอนที่แล้ว...
นางเอกของเราเข้าทำงานยังบริษัทของปรมัตถ์ โดยทักษอรยังไม่ร้เรื่อง ด้านปรมัตถ์มีบางอย่างที่ปกปิดไว้ซึ่งมาวินอยากรู้ว่าคือเรื่องใด

ขอเชิญพบกับ ตอนต่อไปของหนึ่งในรักได้เลยค่ะ

6

มาวินอดคิดไม่ได้ว่า แท้จริงปรมัตถ์มีสิ่งใดปกปิดไว้หรือไม่ เพื่อนไปพบใครกันแน่ที่บ้านหลังนั้น
ทั้งที่อยากถามตรงๆ ใจจะขาด แต่กลับไม่กล้าเอ่ย หากเพื่อนต้องการให้เขารับรู้คงบอกมานานแล้ว
เห็นทีต้องตามสืบให้กระจ่างโดยเร็วที่สุด ไวเท่าความคิด มาวินต่อโทรศัพท์ถึงใครบางคนอย่างทันท่วงที ทว่าปลายสายกลับเงียบสนิท จึงเปลี่ยนเป้าหมายใหม่โดยติดต่อมายังคฤหาสน์อนันต์สิทธิ์


“ผมวินครับป้า คุณแม่อยู่หรือเปล่าครับ…” ที่แท้เขาตั้งใจโทรฯ ติดต่อมารดาของเพื่อนรัก
มณฑาแม่บ้านใหญ่ของปรมัตถ์ยิ้มออกมาอย่างยินดี
“คุณผู้หญิงไม่อยู่หรอกค่ะคุณวิน” รายงานมาตามสาย
“ไปปฏิบัติธรรมทางเหนือร่วมเดือนแล้วล่ะค่ะ”
มาวินผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก


“จะกลับเมื่อไหร่ทราบมั้ยครับ แล้วไปอยู่ที่ไหนกันครับ พอจะติดต่อได้มั้ยครับ คือผมโทรฯ เข้ามือถือคุณแม่ก็ติดต่อไม่ได้น่ะครับ”
“อุ๊ย! ท่านไม่เปิดเครื่องหรอกค่ะ” บอกตามความจริง
“พูดแล้วต้องเหยียบไว้นะคะ คุณท่านทะเลาะกันน่ะค่ะ คุณผู้หญิงก็เลยไปอย่างไม่มีกำหนดกลับน่ะค่ะ” ทั้งที่อยากบอกว่าใจจะขาดว่าทะเลาะกันด้วยเรื่องใด แต่กลับไม่กล้าเอ่ยออกมา


“ขอโทษนะคะ แต่ท่านสั่งไว้ด้วยว่า หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ก็ห้ามติดต่อท่านเด็ดขาดน่ะค่ะ” บอกอย่างเกรงใจจริงๆ
แม้อีกฝ่ายวางสายไปนานแล้ว แต่มาวินยังตกอยู่ในภวังค์ เพราะถึงมณฑาจะบอกที่อยู่ของอาภาภัทรให้กับเขา แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใดดี
หรือว่าเขาจะปล่อยเลยตามเลย ด้วยเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของเขา

ในช่วงเช้านิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่คลาคล่ำด้วยรถบัสรับส่งพนักงาน เฌอเอมที่มีเตชิดขับรถตู้มาส่งกลับให้จอดก่อนถึงบริษัทเพื่อป้องกันการครหา
“อาทิตย์หน้าเฌอจะขึ้นรถบริษัทนะคะคุณเต” บอกก่อนจะลงจากรถ
ทั้งที่อยากขัดใจคุณหนู แต่ฐานะอย่างเขาจะเอ่ยสิ่งใดออกมาได้


“เย็นนี้ เฌอจะโทรฯ บอกอีกทีนะคะ เห็นผู้จัดการฝ่ายออกแบบบอกว่าจะเลี้ยงต้อนรับเฌอน่ะค่ะ”
ผู้รับฟังได้แต่ยิ้มรับ ทั้งที่เป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ใช่น้อย
“โชคดีนะครับ” กล่าวเมื่อลงมาเปิดประตูให้


ฝ่ายออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยังมี ‘ผู้ใหญ่’ ซึ่งเป็นนักออกแบบต่างชาติอีกคน รับงานด้านยานยนต์เป็นหลัก เป็นเอกเทศโดยขึ้นตรงกับท่านประธาน ซึ่งเฌอเอมรู้สึกถูกชะตาด้วยไม่น้อย
หลังจากแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมงานชายสองหญิงหนึ่ง ชนุตม์จึงเอ่ยปากเรื่องงานปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“ตกลงการแสดงบนเวทีแผนกเราจะส่งการแสดงอะไรกันดี”
เป็นเรื่องที่เด็กใหม่อย่างเธอไม่มีความเห็นใดๆ ทั้งๆ สิ้น


“เรา…ลองให้น้องใหม่จัดการเรื่องนี้ดีมั้ยคะ”
เฌอเอมได้แต่มอง ‘ชนิดา’ เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ ซึ่งแม้อายุน่าจะแก่กว่าเธอไม่กี่ปี แต่อาจเป็นเพราะแว่นตาทรงผีเสื้อทำให้ดูเพิ่มอายุไปอีกหลายเท่า
เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ กับสิ่งที่ได้ยิน ที่สำคัญเพื่อนร่วมงานชายทั้งสองยังเห็นด้วยอีกต่างหาก


“ดีเหมือนกันนะ ว่าแต่คุณจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ” ชนุตม์ถามด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
เจ้าตัวถึงกับพูดไม่ออก
“ผมจะได้ไม่ต้องคิดให้เสียเวลากันอีก อาทิตย์หน้านี่แล้วด้วย เราจะเลี้ยงกันก่อนวันสิ้นปีนะครับ ตรงกับวันศุกร์พอดี”
รอยยิ้มเจื่อนๆ กับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของเฌอเอมทำให้ ชนิดาลอบยิ้มอย่างสะใจสุดๆ


หากไม่ใช่เพราะ ‘ข่าว’ ที่มาจากฝ่ายบุคคลนั่น เธอคงไม่คิดแกล้งน้องใหม่ด้วยวิธีนี้แน่
“ความลับสุดยอดเลยนะคะพี่นิ คนนี้ เขาว่าเป็นเด็กเส้นของท่านผู้อำนวยการเชียวนะคะ”
เชอะ! เด็กเส้นอย่างนั้นหรือ มาลองฝีมือการทำงานกันหน่อยเป็นไร ดูซิว่าใครจะแน่กว่ากัน
แต่ลึกๆ ที่ไม่อาจปฏิเสธ คือสิ่งที่กลัวอยู่นี่ต่างหาก เกรงเหลือเกินว่า…ท่านผู้อำนวยการจะมีใจให้กับเด็กใหม่ผู้นี้


งานวันขึ้นปีใหม่ของบริษัทอนันต์อุตสาหกรรมมาถึงอย่างรวดเร็ว...
ลูกโป่งสวรรค์หลากสี และสายรุ้งจัดแต่งบนเวทีภายในโรงอาหารใหญ่สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ไม่ยาก หลังจากร่วมกันตักบาตรพระในช่วงเช้า ก็ถึงเวลารับประทานอาหารร่วมกัน ตามด้วยการจับสลาก ปิดท้ายด้วยการแสดงบนเวที


การแสดงบนเวทีที่ต่างเก็บเงียบที่สุด เพื่อประกวดประขันเพื่อให้ได้ชัยชนะ แม้จะเป็นงานช่วงกลางวันแต่ยังจัดอย่างเต็มรูปแบบ มีทั้งจับสลาก ที่รางวัลมีมูลค่ามากมาย
แต่ที่เป็นไฮไลต์ของงานดูจะหนีไม่พ้นการแสดงของแต่ละฝ่ายซึ่งต่างอุบเงียบเก็บเป็นความลับจนกระทั่งในวันนี้


ผู้เหน็ดเหนื่อยที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นผู้อำนวยการฝ่ายประสานงาน เพราะทั้งสามโรงงานใหญ่ในเครือเค พี เอ กรุ๊ป ยังไม่นับบริษัทเล็กๆ ต่างต้องการตัวเขาทั้งสิ้น
ไม่ต่างกับนิลยาที่ต้องคอยจัดเวลาให้ท่านประธาน เพื่อร่วมฉลองวันปีใหม่กับพนักงานทุกๆ บริษัทได้อย่างเต็มที่

ชุดแรกที่เปิดการแสดงนำความตื่นตาตื่นใจมาให้ไม่น้อย เพราะสาวสะพรั่งบนเวทีอยู่ในชุดระบำฮาวายที่สุดแสนอลังการ ขึ้นชื่อว่าอริสรามีหรือที่จะทำให้ผิดหวัง
เหนือสิ่งอื่นใด เธอตั้งใจกับงานนี้อย่างที่สุด เพื่อ ‘เปิดตัว’ ให้เป็นที่จดจำของใครบางคน


บิกินี่สายเดี่ยวตัวบนที่ปิดอกเพียงกันเปลือย กับกระโปรงฮาวายแท้ๆ ที่แม้กรุยกราย ทว่าเอวต่ำจึงเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งถนัดตา แม้บทเพลงจะเร่งเร้าในช่วงแรกแต่กลับกลายเป็นสโลว์ในช่วงหลัง โดยเฉพาะยามเมื่อต้องส่ายสะโพกและหน้าท้องนั่นจึงช่างยั่วยวนในอารมณ์เสียเหลือเกิน


แถวหน้าสุดคือโซฟาของเหล่าผู้บริหาร ต่างมองกันตาค้างอย่างนึกไม่ถึง ผิดกับท่านประธานบริษัทที่ใบหน้าเรียบเฉยเสมือนปราศจากความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น
เสียงเชียร์ของพนักงานหนุ่มสาวดังสนั่น แต่ผู้ที่ชักสีหน้า แสดงอาการไม่พอใจจนถึงขีดสุด หนีไม่พ้นผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์


งานยังคงดำเนินต่อด้วยความสนุก ท่ามกลางเสียงเฮฮาอย่างมีความสุข กระทั่งถึงการแสดงชุดสุดท้าย… ซึ่งจบลงที่เด็กเข้าใหม่เช่นกัน
ชื่อของฝ่ายออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ถูกขานขึ้นโดยผู้จัดการฝ่ายบุคคลซึ่งรับหน้าที่เป็นโฆษก พร้อมๆ กับม่านได้เปิดออก
นาทีนั้นที่ไม้กระทบกับเส้นสาย เสียงเพลง ‘นางครวญ’ จึงก้องกังวานไปทั่ว ดูเหมือนว่าความไพเราะจะสามารถดึงทุกสายตามารวมยังผู้เล่น ณ จุดเดียว


หญิงสาวบนตั่งช่างงดงามไร้ที่ติ ชุดไทยบรมพิมานสีงาช้างซึ่งช่วงบนตัดเย็บด้วยผ้าลูกไม้แบบคอตั้ง ใส่คู่กับผ้านุ่งไหมสีครีมลายทอง คาดทับด้วยเข็มขัดนาค ผมเกล้าสูงปักปิ่นประดับ
ใบหน้าสงบนิ่งราวภาพเขียนของศิลปินชิ้นเอก ภาพนั้นจึงงามสง่าอย่างหาที่ติไม่ได้
ทั้งเสียงเพลงที่ฟังแล้วยังเย็นชื่นฉ่ำ ระคนหวานซึ้งราวเสียงทิพย์จากสรวงสวรรค์ เพราะบทเพลงที่ได้ยินไม่ใช่ว่าผู้ใดจะเล่นได้ แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี


ไม่เพียงเสียงขิมอันไพเราะแต่ยังมีโทน รำมะนา และฉิ่งประกอบเพื่อให้จังหวะ ซึ่งทั้งคู่เป็นชายร่างสันทัดวัยกลางคน นุ่งโจงกระเบนสีน้ำตาลอมทอง พร้อมเสื้อราชประแตนขาวสะอ้าน
น่าแปลกที่ภาพนั้นดั่งต้องมนต์สะกดใจของทุกๆ คน จนไม่อาจถอนสายตาจากไปได้
หนึ่งในนั้นคือ ‘ปภพ’ วิศวกรหนุ่ม ที่เขาเพิ่งรู้สึกเดี๋ยวนี้เองว่าทั้งๆ อยู่บริษัทเดียวกันแท้ๆ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาถึงเพิ่งเคยพบเธอเป็นครั้งแรก


ชนิดาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าเธอพลาดไปถนัด เพราะที่เห็นอยู่บัดนี้คือแววตาของผู้อำนวยการหนุ่มที่ฉายชัดว่าปลื้มอย่างสุดๆ กับการแสดงบนเวทีนั่น
ไม่น่าเลยจริงๆ เธอไม่น่าสนับสนุนให้เด็กคนนั้นได้แสดงฝีมือแม้แต่น้อย ทั้งที่ตั้งใจกลั่นแกล้งแท้ๆ แต่ยามนี้มันช่างเหมือน…เธอเป็นผู้ส่ง ‘อ้อยเข้าปากช้าง’ ไม่มีผิด


และแล้วผลการประกวดก็ออกมาจนได้ ซึ่งคณะกรรมการมาจากหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ในบริษัท ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ฝ่ายออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นฝ่ายชนะ รองอันดับหนึ่งคือฝ่ายการผลิต กับการแสดงมายากล อันดับสามตกเป็นของฝ่ายประกันคุณภาพกับการแสดงฮูลาฮูบประกอบเพลง
และผู้ที่ชื่นชมเฌอเอมจนยอมควักเงินสดออกจากกระเป๋าเพื่อสมทบรางวัลให้อีกคน คือนักออกแบบต่างชาติมือฉกาจ ‘มิสเตอร์ซูเน่ต์’ นั่นเอง


เสียงโฆษกประกาศอีกครั้งให้ท่านประธานขึ้นเวทีเพื่อแจกเช็คของขวัญทั้งสามรางวัล โดยผู้ติดตามคือผู้อำนวยการฝ่ายประสานงานบุคคล ที่ถึงกับยิ้มไม่หุบ
ยามนี้…แม้ปรมัตถ์ยืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตกประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หรือเป็นเพราะความละอายต่อสิ่งที่เขาเคยทำไว้กันแน่


ผิดกับชนิดาที่ได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกริษยาที่เอ่อล้นขึ้นมาไว้ให้ลึกที่สุด อย่างเธอที่เป็นเพียงพนักงานคนหนึ่ง ซึ่งผู้อำนวยการไม่เคยเหลียวแล แต่ถึงจะเป็นการแอบรักเขาข้างเดียว เธอก็มีสิทธิที่จะฝันไม่ใช่หรือ
ในเมื่ออีกฝ่ายเพียบพร้อมทั้งรูปและทรัพย์ระดับนั้น
ทว่าอีกหนึ่งที่กำลังรอเช็คบิลไม่ใช่ใคร แต่เป็นว่าที่คุณผู้หญิงของท่านประธาน ที่เมื่อเจ้าหล่อนเอาปูนหมายหัวใครไว้แล้ว ก็ยากนักที่จะปล่อยให้ลอยนวล


“หงส์ว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะคะ”
ทักษอรเปิดฉากทันที ที่ขึ้นมายังห้องทำงานของปรมัตถ์
“คุณคิดยังไงคะ ถึงรับแม่นั่นเข้าทำงานที่นี่” ถามเสียงสั่น ไม่อาจระงับอารมณ์ไว้ได้


“คุณทำโดยไม่ถามความเห็นหงส์เลยสักคำ คุณก็รู้ว่าหงส์รู้สึกยังไงกับแม่นั่น”
อาการนิ่งของอีกฝ่ายยิ่งเสมือนโหมไฟในอารมณ์ให้คุกรุ่นอีกหลายเท่า
“ก็ในเมื่อเขาเดินเข้ามาสมัคร ตามกฏและกติกา ทั้งคุณสมบัติก็ตรงตามที่ทางฝ่ายออกแบบต้องการ ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาตรงไหน” พูดความจริงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
“ทำไมคุณไม่ปล่อยให้เขาได้ทดลองงานไปล่ะ หากสามเดือนการประเมินผลคือไม่ผ่าน เขาก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อยู่แล้ว”
เป็นอีกครั้งที่ทักษอรยังนิ่งเงียบ


“ในเมื่อเขาตั้งใจมาทำงาน เราก็ให้เขาทำ ให้สมกับเงินเดือนที่เขาได้รับ เท่านี้ก็สิ้นเรื่องไม่ใช่หรือ”
ทั้งที่อยากเถียงใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่อาจทำสิ่งใดได้อีกต่อไปแล้ว
“คุณเองก็แทบจะไม่มีโอกาสได้เจอเขา ต่างฝ่ายก็ต่างอยู่ ต่างทำหน้าที่ของตัว ผมไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาที่ตรงไหน”


“แต่หงส์แปลกใจนี่คะ ในเมื่อตัวเองเป็นถึงเจ้าของบริษัท แต่กลับมาทำงานประจำ” มีหรือที่เธอจะยอมหยุดง่ายๆ
“แล้วยังไงกันล่ะคะ คิดหรือว่าเราจะได้ประโยชน์เต็มที่”
ภูมิรพียังคงใบหน้าเรียบเฉย เสมือนปราศจากความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น
“เงินที่คุณจ่าย มันยังไม่มากพออีกหรือไงคะ อย่าบอกนะคะว่าคุณ จะต้องชดใช้ให้แม่นั่นทั้งชีวิต”


ความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วขณะไม่อาจทำให้ทักษอรอารมณ์เย็นลงแม้แต่น้อย
“หากคุณไม่รู้ หงส์จะบอกให้ก็ได้ ว่าหงส์รู้สึกจริงๆ ว่าแม่นั่นไม่ต่างกับพวกสิบแปดมงกุฎ ที่จ้องคอยหาผลประโยชน์จากเรา”
ไม่น่าเชื่อว่าความรู้สึกของปรมัตถ์ในยามนี้จะสงบราวน้ำใสที่ไหลเพียงเอื่อยๆ
“มันไม่แปลกไปหน่อยหรือคะ ที่จู่ๆ คนที่เคยเป็นเจ้าของบริษัทจะกลับมาทำงานประจำ” น้ำเสียงคาดคั้นอย่างเอาเรื่อง


“คนเราคงไม่มีใครอยากลำบากหรอกจริงมั้ย และเขาก็คงมีเหตุผลที่จะทำอย่างนั้น” ปรมัตถ์บอกเรื่อยๆ
“หวังว่าไม่คิดการใหญ่โดยอยากจะ ‘จับ’ ใครบางคนหรอกนะคะ”
ครั้งนี้ปรมัตถ์กลับหัวเราะหึหึ
“ผู้อำนวยการน่ะหรือ ผมว่าคุณคิดผิดแล้วล่ะ คงต้องกลัวคนของเรามากกว่า ปลื้มเขาซะขนาดนั้น”


“ก็ในเมื่อคุณรู้อย่างนี้แล้ว คุณก็ควรเตือนไว้บ้างก็ดี เพราะขึ้นชื่อว่าสมภารไม่ควรกินไก่วัด” เน้นทุกคำที่เอ่ยออกมา
“เอาเป็นว่าเราจบเรื่องพนักงานใหม่นี่ได้แล้วมั้ง ส่วนเรื่องผู้อำนวยการ ผมคิดว่าเขามีวุฒิภาวะพอเพราะฉะนั้นเราก็ไม่สมควรเข้าไปก้าวก่ายใดๆ ทั้งสิ้น”
ทั้งที่อยากระเบิดอารมณ์กับเรื่องที่รับฟังอยู่นี่ แต่ความสงบของอีกฝ่ายทำให้ต้องจำใจเก็บกลั้นเอาไว้


“แล้วแม่คนที่เต้นระบำฮาวายนั่นล่ะคะ เหมือนพวก...ไม่มีสกุล” ยังมีเรื่องให้คุกรุ่นอีกจนได้
“นี่ถ้าหงส์รู้ก่อน จะไม่ยอมให้แม่นั่นได้ขึ้นเวทีแน่ๆ ไม่รู้จักมียางอายกันบ้างเลย”
ครั้งนี้ปรมัตถ์กลับหัวเราะอย่างที่ทักษอรคิดไม่ถึง
“ฉันขอบอกก่อน ว่านายคงต้องตั้งรับกับการแสดงของฝ่ายฉันให้ดีๆ เพราะรายนั้นน่ะตั้งใจจัดเต็ม”


แท้จริงเขากำลังคิดถึงคำพูดของมาวินต่างหาก
“ว่าแต่ฉันกลัวใจหล่อนจริงๆ ว่ะ ไอ้ที่บอกว่ารับรองว่าฉันไม่ผิดหวังนี่น่ะ ถามก็ไม่ยอมบอกอีกต่างหาก”
รอยยิ้มจางๆ นั่นยิ่งทำให้คู่สนทนาหงุดหงิดอีกหลายเท่า
“เพราะเธอคนนั้นเป็นเด็กฝากจากท่านรัฐมนตรีสมภพ”
ปรมัตถ์บอกตรงๆ


“อีกอย่างทางพ่อเธอก็น่าจะให้ประโยชน์กับบริษัทเราได้อย่างมาก เพราะฉะนั้นคำดูถูกของคุณเมื่อครู่ผมคิดว่าคุณควรระวังให้มากๆ”
ทักษอรถึงกับกำหมัดแน่น
“ผมว่าคุณอยู่เฉยๆ ทำงานในหน้าที่ของคุณไป จะเป็นการดีที่สุด ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินทุกอย่าง” ปรมัตถ์ยังใช้น้ำเสียงสงบเพื่อสยบอารมณ์ของอีกฝ่าย
ครั้งนี้เจ้าหล่อนกลับแสยะยิ้ม


“ก็ได้ค่ะ สำหรับแม่กระเฌอก้นรั่วนั่น มีเวลาสามเดือนที่จะทำให้เห็นว่าสมควรอยู่ที่นี่ต่อไปหรือไม่” กระแทกเสียงอย่างตั้งใจ
“แต่หวังว่าคงจะทำงานให้คุ้มกับเงินเดือนนะคะ ไม่ใช่ว่า เอาเวลางานไปทำเรื่องส่วนตัว” ยังไม่วายแขวะอย่างตั้งใจ
“ไหนจะบริษัทของตัวเอง ไหนจะงานกินเงินเดือน อยากรู้เหมือนกันว่าจะแบ่งเวลาได้ยังไง” กล่าวทิ้งท้ายก่อนจะออกจากห้องอย่างหมดความอดทน


ในเวลาเดียวกัน ณ บริเวณสถานที่จัดงาน
การถ่ายภาพของผู้ได้รับชัยชนะเพิ่งเริ่งต้น บรรดาหนุ่มๆ ยังแวะเวียนมาขอถ่ายภาพคู่กับเฌอเอมไม่ขาดระยะ ซึ่งอีกคนแม้ไม่ได้รับรางวัลใดๆ แต่เป็นขวัญใจของหนุ่มๆ เช่นกัน คือ อริสราที่โพสต์ท่าราวนางแบบอาชีพ
“ผมขอถ่ายภาพด้วยคนได้มั้ยครับ”
เสียงทักใกล้ตัวทำให้เฌอเอมมองด้วยความประหลาดใจ


“ผมธันวา นิติกรประจำบริษัทครับ”
เฌอเอมได้แต่ยิ้มรับ
“การแสดงของคุณวันนี้ น่าประทับใจอย่างที่สุด รางวัลนั่นสมควรแล้วที่คุณจะได้รับ”
ดวงตาทั้งคู่ที่สบกัน อีกฝ่ายฉายแววชื่นชมจากใจจริง
“ผมเชื่อว่า ใครหลายๆ คน ก็คิดเหมือนผมเช่นกัน”
เฌอเอมได้แต่กล่าวคำขอบคุณ ก่อนถ่ายภาพเธอไว้เป็นที่ระลึก


ทว่าผู้ที่รอแล้วรอเล่าแต่ยังเข้าไม่ถึง เพราะเกรงจะประเจิดประเจ้อ คือท่านผู้อำนวยการ ทั้งกว่าที่เธอจะฝ่าด่านผู้ที่ห้อมล้อมได้ก็ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว
“คุณจะกลับยังไงครับ”
มาวินถามด้วยความเป็นห่วง เพราะอีกฝ่ายยังอยู่ในชุดเดิม อีกทั้งจากที่เขารับรู้เธอไปกลับด้วยรถบัสรับส่งพนักงาน
“วันนี้เฌอเอารถมาน่ะค่ะ”


“งั้นเหรอครับ” ผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก เพราะตั้งใจไปส่งเธอ
“วันนี้คุณเยี่ยมยอดมากๆ ท่านประธานต้องนึกไม่ถึงแน่ๆ” กล่าวด้วยดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับ
“จริงสิ คุณยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับท่านประธานเลยนี่ ใช่มั้ยครับ”
ครั้งนี้เฌอเอมกลับชักสีหน้าขึ้นมาทันใด
“จำเป็นด้วยหรือคะ หากไม่มีความจำเป็นก็คงไม่ต้องรบกวนท่านให้เสียเวลา จริงมั้ยคะ”


มาวินแทบสะอึกกับคำพูดนั้น
“ที่สำคัญเฌอเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งที่ยังอยู่ในช่วงทดลองงานเท่านั้น ท่านผู้อำนวยการเองก็อย่าได้หลงลืมข้อนี้เสียล่ะคะ”
อีกฝ่ายกล่าวพร้อมรอยยิ้มก็จริง แต่มาวินกลับอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“คุณอย่าคิดอย่างนั้นเลยนะครับ ผม…”


“อย่าให้ท่านต้องรู้สึก ‘ลำบากใจ’ เพราะเฌอเป็นต้นเหตุจะดีกว่ากระมังคะ”
ทั้งน้ำเสียงและแววตาของหญิงสาวที่แสนละมุนละไมตรงหน้า กลับบอกให้เขารู้ว่ายังมีอีกตัวตนที่ไม่ใช่อย่างที่เขาเห็น
เสียงโทรศัพท์ของเฌอเอมดังเข้ามาขัดจังหวะ
“ขอโทษนะคะ คงต้องลาแล้ว ต้องไปส่งนักดนตรีด้วยน่ะค่ะ” กล่าวก่อนจะไหว้เป็นการอำลา


“เดี๋ยวครับคุณเฌอ”
มาวินไม่วายเรียกไว้
“เอ่อ…ช่วงหยุดปีใหม่ คุณอยู่ที่บริษัทหรือเปล่าครับ”
เป็นคำถามที่เธอคิดไม่ถึงแม้แต่น้อย
“เฌอจะกลับบ้านน่ะค่ะ”


มาวินได้แต่ยิ้มเก้อๆ
“งั้น…ก็ โชคดีนะครับ”
ไม่น่าเชื่อว่าภาพนั้นจะตกเป็นเป้าสายตาถึงสามคู่ด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือวิศวกรหนุ่มอนาคตไกล...
‘ปภพ สรพัศ’

ไม่น่าเป็นไปได้ที่แม้จะดึกดื่นแล้ว แต่ปรมัตถ์กลับยังไม่อาจข่มตาให้หลับ ยังคงมีบางสิ่งที่ทำให้เขาอึดอัดคับข้องใจอย่างที่สุด ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ด้วยว่า…เป็นเพราะหญิงสาวผู้นั้น กับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อช่วงบ่าย


ที่น่าเจ็บใจเห็นจะเป็นยามเมื่อเธอไหว้เขาตอนรับรางวัล แต่สายตากลับไปอยู่ที่เพื่อนตัวดีนั่นต่างหาก แต่เมื่อตาต่อตาที่ประสานกันกับเขา กลับปราศจากเรื่องราวใดๆ เสมือนว่าไม่เคยมีเขาอยู่ในสายตาของเธอเลยด้วยซ้ำ
“เธอไม่เคยถามถึงนาย…”


เขายังคงจำคำพูดของมาวินในครั้งนั้นได้อย่างดี
เงินที่เขาจ่ายให้ หรือกระทั่งรับเธอเข้าทำงานที่นี่ ไม่ได้ทำให้เธอนึกถึงคำว่า ‘บุญคุณ’ เลยอย่างนั้นหรือ


ทำไมเขาจะไม่เห็นภาพที่หน้าตึกนั่น ที่มาวินเข้าไปพูดคุยกับเธออย่างสนิทสนม
ทว่ายามนี้ บทเพลงนางครวญ ยังคงดังก้องในโสตประสาท ตลอดจนภาพนั้น…ที่เธออยู่บนเวทีนั่น กลับไม่อาจลบจากความทรงจำไปได้
ปรมัตถ์ตลบผ้าห่มออกก่อนเดินไปเปิดโทรทัศน์ บางที…นี่อาจเป็นวิธีทำให้เขาลืมเหตุการณ์ในวันนี้ก็เป็นได้

สนามบินสุวรรณมิในวันสิ้นปีคลาคล่ำด้วยผู้คน แต่หญิงสาวที่เนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าใบหน้ากลับบอกบุญไม่รับ
“อาหงส์ ลื้อเลิกหงุดหงุดหงิดได้แล้ว ช่างอาปรมัตถ์เขาเถอะน่า”
เสี่ยเจริญชัยออกปากอย่างรำคาญ เพราะบรรดาญาติสนิทที่ร่วมเดินทางต่างคึกคัก ผิดกับบุตรสาวที่เอาแต่
“ป๋าก็รู้ว่าหงส์รอเวลานี้ ที่ครอบครัวจะไปเที่ยวกันพร้อมหน้า” บอกน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียด


“เอาน่า...เขาก็บอกแล้ว ว่าแม่เขาป่วย” เอ่ยอย่างใจเย็น
“แล้วหงส์ล่ะคะป๋า แม่เขาป่วย ตัวเขาไม่ได้ป่วยด้วยนะคะ”
“อ้อ ถ้าอั้วป่วย ลื้อก็จะไปเที่ยวเมืองนอกกับอามัตถ์อย่างสบายใจอย่างนั้นหรือ”
ครั้งนี้บุตรสาวถึงกับสะบัดหน้าไปอีกทาง


“ลื้ออย่าไป ‘ข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า’ เลยอาหงส์ ทุกครั้งเขาก็ไม่เคยมีปัญหา ครั้งนี้เขาจำเป็นจริงๆ”
“อย่าให้หงส์รู้นะคะ ว่าเขาไปที่อื่น หงส์ไม่ยอมแน่ๆ” แววตากร้าวอย่างเอาเรื่อง
เสี่ยเจริญชัยได้แต่ส่ายหน้า ระอาบุตรสาวอย่างบอกไม่ถูก


การสนทนาหยุดลงกลางคัน เพราะหลานๆ พากันวิ่งมาล้อมหน้าหลัง ก่อนจะถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก ทักษอรถึงไม่มีอารมณ์ร่วมแต่ยังฝืนทำหน้าชื่น ทว่าแววตากลับไม่อาจปิดบังเรื่องราวที่อยู่ในใจได้แม้แต่น้อย

ลมหนาวอ่อนๆ ที่พัดเข้ามายังใจกลางกรุงช่วยให้บรรยากาศของการชมไฟประดับต้นคริสต์มาส หน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่น่าตื่นตาตื่นใจอีกหลายเท่า
หญิงสาวที่เดินฝ่าฝูงชนไปเรื่อยๆ โดยมีบอดี้การ์ดหนุ่มตามอยู่ห่างๆ กลับรู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างประหลาด แท้จริงแล้วสิ่งที่เธอทำอยู่นี้มันถูกต้องแล้วหรือไม่


วูบหนึ่งที่เธอนึกถึงช่วงการมอบรางวัลจากมือท่านประธาน…
เธอเพิ่งได้เห็นเขาชัดๆ ก็วันนี้เอง บุรุษที่เต็มไปด้วยความเฉยชา ทั้งแววตาและจิตใจ นี่น่ะหรือคือผู้กุมชะตากรรมของ เค พี เอ กรุ๊ป
รอยยิ้มปรากฏยังริมฝีปากบางของเธอแวบหนึ่งก่อนจางหายอย่างรวดเร็ว


วัยขนาดเธอควรจะยังได้ใช้ชีวิตกับการศึกษาไม่ใช่หรือ แต่เธอกลับต้องแบกภาระทั้งหมดไว้ แท้จริงแล้ว สิ่งที่จะได้รับมันคุ้มกันแล้วหรือไม่ ทั้งสิ่งที่ตั้งใจจะสำฤทธิ์ผลหรือไม่
แต่สำหรับเธอแล้วไม่ว่าผลที่ออกมาคือชัยชนะหรือพ่ายแพ้ เธอก็จะไม่มีวันเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป


ไม่ว่ามาเยือนครั้งใด เรือนแก้วกุดั่นยังคงเป็นที่พึ่งพิงทั้งทางกายและใจเหมือนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลิ่นดอกลำดวน ผสมกับกลิ่นของลูกจันที่สุกเหลืองจนเต็มต้น บ้างก็ตกหล่นอยู่ตามพื้นทำให้เฌอเอมรู้สึกเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก
เสียงของคุณยายดังมาจากบนเรือนบอกให้รู้ว่ากำลังมีลูกศิษย์ ที่ตามมาคือบทเพลงลาวดวงเดือนซึ่งก้องกังวาน


“คุณหนู…ไม่ขึ้นเรือนล่ะคะ” พยอมเดินมาตามยังศาลาท่าน้ำ
“คุณยายยังสอนไม่เสร็จ ไม่ใช่หรือคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แม่หนูนั่นมาเรียนทุกวัน”
เฌอเอมเพิ่งได้เห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ขมักเขม้นกับการเรียน สังเกตจากเสื้อผ้าและรองเท้าที่ถอดไว้ที่บันไดก่อนขึ้นเรือนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าคงจะเป็นลูกของผู้มีอันจกิน

“ไงจ๊ะ…รอยายนานหรือเปล่า” อังกาบถามพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่หรอกค่ะ คิดถึงคุณยายจังค่ะ” อดไม่ได้ที่จะโอบกอดก่อนหอมแก้มคุณยายฟ้อดใหญ่
“ได้ข่าวว่าช่วงนี้คุณยายมีงานสอนจนไม่มีเวลาหยุดพัก”
เฌอเอมพูดเช่นนั้นเพราะปกติอังกาบรับหน้าที่เป็นวิทยากรพิเศษที่มักได้รับเชิญ


จากตามโรงเรียนเพื่อไปสาธิตอยู่บ่อยๆ ทั้งยังเปิดสอนที่บ้าน วันหยุดเสาร์อาทิตย์จึงมีผู้มาเรียนไม่ว่างเว้น
“พรุ่งนี้ไปเรือนแก้วมุกดากับหนูนะคะ” บอกอย่างประจบประแจง
“หนูล่วงหน้าไปก่อนก็แล้วกัน ยายนัดแม่หนูคนนั้นเอาไว้แล้ว”
“ว้า…คุณยายก็โทรฯ ไปเลื่อนสิคะ ไม่เห็นจะยากเลย”


“แต่ยายว่ามันจะไม่เหมาะหรอกนะจ๊ะ” อังกาบไม่เห็นด้วย
“แม่หนูคนนั้นตั้งใจมากๆ กับการเรียน ยายเห็นอย่างนี้แล้วก็ยิ่งอยากจะสอน”
“ใช่ว่ายายจะไม่ไป เพียงแค่ให้หนูล่วงหน้าไปก่อนเท่านั้น”
“งั้นก็ตามใจคุณยายเถอะค่ะ” บอกพร้อมรอยยิ้ม


“จริงสิจ๊ะ งานปีใหม่ที่หนูว่ามีคนจ้างไปเล่นที่บริษัทอะไรนั่นเรียบร้อยดีหรือเปล่า”
คำถามนั้นทำให้เธอถึงกับไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
“ค่ะ”
“ดีจริง จะได้ไม่เสียชื่อยาย” กล่าวพร้อมหัวเราะอย่างขบขัน
ต่างกับหลานรักที่รู้สึกไม่สบายใจอย่างที่สุด ที่ตัวเองไม่ได้บอกความจริงเรื่องบริษัทนั่นให้ผู้เป็นยายได้รับรู้


ไม่น่าเชื่อว่าคืนนั้นเฌอเอมจะเล่นเพลงนางครวญอีกครั้ง บทเพลงที่ช่างบาดลึกไปถึงหัวใจของใครบางคน หนึ่งในนั้นคือผู้ที่แอบซุ่มจอดรถนอนอยู่ยังเส้นทางเข้าเรือนแก้วกุดั่นนั่นเอง…บอดี้การ์ดที่คอยติดตามเธอทุกฝีก้าว



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีค่ะ นำตอนที่ 6 มาให้ได้อ่านกันแล้วนะคะ
ขอขอบคุณ pattisa มากมายค่ะ ที่ฝากเมนท์ไว้ให้เพื่อเป็นกำลังใจ จุ๊บ จุ๊บ
ขอบคุณทุกๆ like ด้วยนะคะ

อย่าลืมรักษาสุขาพให้แข็งแรงนะคะ ช่วงนี้ฝนตกทุกวัน...ป่วยไปจะลำบากค่ะ

แล้วพบกันในตอนต่อไปนะคะ ^^
ด้วยรักจากใจค่ะ
กรยุพา




กรยุพา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2555, 15:31:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ย. 2555, 09:32:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1710





<< กรยุพา . ยุพากร   7 กรยุพา . ยุพากร >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account