หนึ่งในรัก (เพลงรักกามเทพ)
เขาคือบุรุษที่เธอไม่อาจเข้าถึงหัวใจอันเย็นเยียบประดุจน้ำแข็งในฤดูหนาว แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอถึงถลำรักเขาจนหมดหัวใจ
Tags: กรยุพา . ยุพากร . มุกดารา รักโรแมนติก

ตอน: กรยุพา . ยุพากร

5

หญิงสาวในชุดทันสมัยขับรถสปอร์ตสีขาวสะอ้านป้ายแดงแจ๋มาจอดยังหน้าสำนักงานอนันต์อุตสาหกรรมทำให้หัวหน้าร.ป.ภ ถึงกับวิ่งไปไปต้อนรับทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดด้วยซ้ำ


ร่างที่นวยนาดขึ้นมายังหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ปรายตามองการทำงานของโอเปอร์เลเตอร์ด้วยความเบื่อหน่าย เพราะการต้องรอคอยไม่ใช่วิสัยเธอแม้แต่น้อย
“ติดต่อท่านผู้อำนวยการยังไม่ได้เลยนะคะ คุณนัดไว้หรือเปล่าคะ”


เสียงโอเปอร์เลเตอร์ที่ดังมาทำให้สาวเจ้าต้องลอบถอนใจ
“อุ๊ย! ก็ต้องนัดไว้สิคะคุณน้องขา ที่นี่ไกลปืนเที่ยงขนาดนี้ พี่คงไม่คิดเข้ามาเดินเล่นหรอกนะคะ”


น้ำเสียงหวานใสอีกทั้งใบหน้าแย้มยิ้มก็จริง ทว่าคำพูดกลับต่างกันอย่างลิบลับ โอเปอร์เลเตอร์ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ก่อนตัดสินใจใช้เสียงตามสายประกาศตามบุคคลที่แขกต้องการพบ


แม้ภายในห้องรับรองแอร์จะเย็นฉ่ำ ทั้งกาแฟและของว่างจะเลิศรสสักเพียงไหน แต่เจ้าหล่อนยังหงุดหงิด กระทั่งนิตยสารข้างกายก็ไม่อาจสร้างความสนใจให้ได้แม้แต่น้อย


“ตกลงต้องให้รอจนถึงกี่โมงกันแน่คะ หากท่านไม่ว่าง จะให้กลับก่อนก็ได้นะคะ” ในที่สุดเธอก็อดรนทนไม่ไหว ต้องถามเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
“สักครู่นะคะ เผอิญวันนี้ท่านผู้อำนวยการต้องรับแขกแทนท่านประธาน เป็นเรื่องกะทันหันน่ะค่ะ”


“แต่...นี่ใกล้จะเลิกงานแล้ว ไม่ใช่หรือคะ” เพราะเห็นอีกฝ่ายเก็บข้าวของส่วนตัวจึงถามเช่นนั้น
“ค่ะ แต่ท่านผู้อำนวยการให้คุณรอนะคะ อีกเดี๋ยว ท่านก็จะออกมาส่งแขกแล้วล่ะค่ะ”


ยังไม่ทันขาดคำ บุรุษในชุดสูทกลุ่มใหญ่ก็มาปรากฏยังห้องโถง ก่อนที่ขบวนรถจะมาจอดเทียบยังหน้าบันใด
หญิงสาวรีบกลับยังห้องรับรอง ก่อนหยิบนิตยสารขึ้นมาเปิดอ่านอย่างไว้ท่า


“ขออภัยด้วยนะครับที่ทำให้คุณต้องรอนานขนาดนี้”
ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดจากร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่เปิดประตูเข้ามาจะทำให้อีกฝ่ายหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง
“ผม...มาวินครับ”


เจ้าหล่อนรีบไหว้ อดไม่ได้ที่จะมองผู้บริหารหนุ่มเต็มๆ ตา เพราะครั้งแรกที่เลขาเขาโทรฯ มาแจ้งข่าวให้มาพบผู้อำนวยการฝ่ายประสานงานองค์กร เธอคิดว่าจะสูงอายุมากกว่านี้หลายเท่านัก


“ไม่ทราบว่าคุณ ‘อริสรา’ จะเริ่มงานเมื่อไหร่ดีครับ” กล่าวระหว่างทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม
“ได้ทุกเมื่อเลยล่ะค่ะ” บอกด้วยดวงตาระยิบระยับ
มาวินอึดอัดขึ้นมาเสียเฉยๆ กับดวงตาคู่นั้น ทั้งปกติเขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับใครง่ายๆ


“เอาเป็นว่า คุณมากรอกใบสมัครวันจันทร์นี้ที่แผนกบุคคล แล้วผมจะบอกทางนั้นไว้ให้ก็แล้วกัน” รีบสรุปเอาดื้อๆ
“หมายความว่า ‘ริสา’ ต้องมาทำงานที่นี่อย่างนั้นหรือคะ” ถามน้ำเสียงผิดหวัง
“เอ่อ…คือ ริสาคิดว่าจะได้อยู่ที่สำนักงานใหญ่เสียอีกสิคะ”


พูดเช่นนั้นเพราะที่นี่แสนจะกันดาน มองไปทางไหนก็ไม่เจริญหูเจริญตาเลยสักนิด
“ขอโทษนะครับ ท่านประธานสั่งผมไว้แบบนี้ มีอะไรไว้คุณเรียนกับท่านโดยตรงจะดีกว่า” มาวินตัดบททันที


“ปกติท่านจะเข้ามาที่นี่เกือบทุกวัน หากที่สำนักงานใหญ่ไม่มีงานอะไรด่วน”
“งั้นหรือคะ เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ครั้งนี้เธอกลับหน้าชื่น ลุกขึ้นอย่างกระปรี้กระเปร่าก่อนประกบมือยืดตัวตรง


“ริสาขอฝากตัวกับท่านผู้อำนวยการด้วยนะคะ” ครั้งนี้เธอไม่พูดเปล่าแต่โค้งให้เขาอย่างงดงามอีกด้วย
มาวินถึงกับพูดไม่ออกในการกระทำของอีกฝ่าย แท้จริงแล้วเจ้าหล่อนเป็นผู้หญิงชนิดไหนกันแน่

ตลอดทางที่กลับจากบริษัท มาวินกลับนึกถึงหญิงสาวอีกคน...
ไม่น่าเชื่อว่าจะเขาสั่งคนขับให้ตรงมาที่นี่…บริษัทกล้าประดับ ที่ไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆ ว่าคิดถึงเธอขึ้นมาจับใจ
“คุณมาวินมาค่ะ คุณหนู” ภรดีกระซิบก่อนเร้นกายอย่างรวดเร็ว


“มาได้ยังไงกันคะ” น้ำเสียงเฌอเอมแปลกใจจริงๆ เมื่อชายหนุ่มมาปรากฏยังห้องทำงาน ที่สำคัญเวลานี้ผิดปกติอย่างที่สุด
“ผมกลัวว่าคุณจะลืมสัญญาที่ให้กับผมไว้” กล่าวระหว่างนั่งลงอย่างสบายอารมณ์
คำพูดนั้นทำให้เธอถึงกับหน้าเหลอ เพราะคิดไม่ออกว่าตัวเองไปให้คำมั่นใดไว้กับเขา


“ผมเกรงว่าคุณจะไม่เข้าไปที่บริษัทวันจันทร์นี้น่ะสิครับ” ครั้งนี้ผู้มาเยือนบอกตรงๆ
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นยังริมฝีปากของเฌอเอม
“เฌอไม่มีวันทำให้คุณต้องเสียชื่อแน่ๆ ค่ะ” บอกน้ำเสียงจริงจัง
“เพราะถ้าไม่ได้คุณ เฌอก็ยังไม่ทราบว่าจะหาทางออกให้กับบริษัทนี่ยังไงเหมือนกัน”


รอยยิ้มพิมพ์ใจของหญิงสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีบลูซึ่งใส่คู่กับเสื้อผ้าชีฟองแขนตุ๊กตาสีงาช้างทำให้มาวินอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับหญิงสาวที่เพิ่งจากมา...
ทั้งคู่ช่างแตกต่างราวฟ้ากับดิน


รายนั้นชุดแบรนด์เนมสั้นจู๋จนแทบเห็นแก้มก้น ยังไม่นับเสื้อดันทรงจนอกล้นปรี่ที่เธอสวม อีกทั้งกระเป๋าพร้อมรองเท้าส้นสูงปรี้ด ซ้ำยังรถที่ขับมานั่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องใช้จ่ายมากขนาดไหน
อย่างหล่อนน่าจะไปทำงานในตัวเมืองไม่ใช่หรือ


แล้วเพราะเหตุใดกัน ถึงยอมที่จะมาจมปลักอยู่กับโรงงานอุตสาหกรรมเช่นนี้ได้
“คุณไม่ต้องกังวลนะครับ ยังไงเสียผมก็ต้องช่วยให้คุณผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้” บอกน้ำเสียงหนักแน่น


“ขอบคุณ คุณมากนะคะกับทุกๆ เรื่อง หากไม่ได้คุณยังไม่รู้เลยว่า เฌอจะเป็นยังไงบ้าง”
ทั้งน้ำเสียงและแววตาของอีกฝ่ายทำให้มาวินหัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูก
“ขอเพียงจากนี้ คุณได้รู้ว่ายังมีผม ที่จะเป็นกำลังใจให้กับคุณ เท่านี้ผมก็ดีใจที่สุดแล้วล่ะครับ”


ดึกแล้วก็จริงแต่ห้องทำงานของเฌอเอมยังคงเปิดไฟสว่างจ้า เพราะเจ้าตัวยังคงง่วนกับการออกแบบผลงานชิ้นใหม่
ผู้ที่มาเยี่ยมๆ มองๆ ไม่ใช่ใคร แต่เป็นภรดีที่แม้อยากพูดถึงชายหนุ่มที่เพิ่งจากไป แต่กลับไม่กล้าเอ่ยออกมา


“คุณหนูจะทานอะไรรองท้องมั้ยคะ คุณเตจะออกไปซื้อโจ๊กน่ะค่ะ”
“ไม่ล่ะค่ะ คุณรดีกับคุณเตยังไม่นอนอีกหรือคะ” ถามทั้งที่มือยังอยู่กับงานตัวอย่าง
ภรดีได้แต่ลอบถอนใจ ก็ในเมื่อคุณหนูยังไม่นอน แล้วฐานะ ‘ผู้ดูแล’ จะข่มตาให้หลับได้อย่างไร


เสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามาทำให้ภรดีเลี่ยงออกไปอย่างเงียบเชียบ
“เฌอนอนแล้วหรือยัง”
ผู้ถูกถามกลับมองไปยังบานประตูเลื่อนที่เมื่อครู่ภรดียืนอยู่อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ยังจ้ะ ว่าจะโทรฯ หาอยู่พอดี” กระซิบไปตามสาย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”


“ข่าวดีน่ะจ้ะ วันจันทร์นี้เฌอจะเข้าไปเขียนใบสมัครที่อนันต์อุตสาหกรรมแล้วน่ะสิ”
“ข่าวดีจริงๆ ด้วย อยากฉลองก่อนหรือเปล่า” ถามน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น คงยังไม่เหมาะกับคำนั้นหรอกจริงมั้ย” กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“งั้นผมก็จะคอย ‘ติดตามผล’ จากคุณก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากนะจ๊ะ”


“ยินดีอย่างยิ่งครับ”
เสียงตัดสายจากอีกฝ่ายทำให้เฌอเอมต้องลอบถอนใจ ยังมีอีกหลายเรื่องนักที่เธอต้องฟันฝ่า ทั้งไม่รู้ด้วยว่าหนทางข้างหน้าจะหนักหนาสาหัสสักเพียงไหน
ทว่าดวงตาอันมุ่งมั่นบอกให้รู้ว่าพร้อมจะสู้ทุกรูปแบบ


เช้าวันจันทร์ ณ อนันต์อุตสาหกรรม...
หญิงสาวภายใต้เสื้อเชิร์ตสีครีมแบบเรียบๆ สวมทับด้วยสูทสีช๊อกโกแล็ท กับกระโปรงเหนือเข่าสีเข้าชุดกัน พร้อมรองเท้าหนังหุ้มส้นไม่ใช่ใครแต่เป็นเฌอเอม


ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงบางเบา ผมยาวรวบไว้ด้านหลังเรียบร้อยและน่ารักสมวัย แต่ยังคงความทันสมัยสมกับตำแหน่งงาน
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเป็นชายสูงวัยท่าทางอารมณ์ดี ทำให้พนักงานใหม่รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง


“อ้าว คุณมาพอดี นี่ไง คุณเฌอเอม”
บุรุษที่เพิ่งมาถึงแต่งชุดฟอร์มของบริษัทสีควันบุหรี่ ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร
“นี่คุณ ‘ชนุตม์’ ผู้จัดการฝ่ายออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เจ้านายของคุณโดยตรง” ‘บริวัตร’ แนะนำ
เฌอเอมรีบไหว้อย่างงดงาม


ในสายตาของเธอ ชนุตม์ยังหนุ่มมาก น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับมาวินเท่านั้น
“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ ผมจะได้ขอตัวเธอไปเลย” ชนุตม์ถามผู้จัดการฝ่ายบุคคล
บริวัตรพยักหน้ารับระหว่างลุกขึ้น
“ขอต้อนรับสู่อนันต์อุตสาหกรรมครับคุณเฌอเอม” บริวัตรเอ่ยก่อนจาก
หญิงสาวกล่าวขอบคุณระหว่างไหว้เป็นการอำลา


“ออฟฟิสของเราอาจไม่หรูหราเท่าไหร่ แต่รับรองว่าเครื่องใช้สำนักงานมีอยู่พร้อม”
ชนุตม์อธิบายระหว่างพาเธอชมภายในโรงงาน ซึ่งบัดนี้เฌอเอมมีหมวกนิรภัยเพิ่มมาอีกใบด้วย


กลิ่นพลาสติกซึ่งถูกเผาไหม้คละคลุ้งไปทั่ว เครื่องฉีดทันสมัยหนักหลายร้อยตัน เรียงรายนับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับเสียงเครื่องจักรกำลังทำงานส่งเสียงดังอย่างอื้ออึง
ฝ่ายผลิตที่ใช้แรงงานคนต่างขมักเขม้น ฝ่ายเคลือบชินงาน ฝ่ายแม่พิมพ์ ฝ่ายบรรจุหีบห่อ และฝ่ายตรวจสอบคุณภาพ ฯลฯ ทั้งหมดนั้นทำให้เฌอเอมตื่นตาอย่างบอกไม่ถูก


ในเวลาเดียวกัน ณ สำนักงานใหญ่ เค พี เอ กรุ๊ป
ผู้ที่ลุ้นจนสุดตัวคือมาวินที่แม้อยากมาเทคแคร์เฌอเอมขนาดไหน แต่กลับไม่กล้าแสดงสิ่งใดให้ออกนอกหน้า และเกรงว่าตัวเองจะไม่อาจอดใจไว้ได้ จึงมาสิงสถิตอยู่ที่นี่


"เรียบร้อยแล้วนะครับท่าน” บริวัตรรีบโทรฯ มารายงาน
“มีปัญหาอะไรหรือปล่าครับ”
“ไม่ครับ ไม่มี นอกจากพนักงานใหม่อีกคน ยังไม่มาเลยนะครับ”
ทว่าคำพูดนั้นกลับดูเหมือนไม่ได้อยู่ในความสนใจของมาวินเลยสักนิด


ที่ด้านล่างของตัวตึก…
หญิงสาวที่กำลังรอลิฟต์เสื้อผ้าหน้าผมราวอยู่บนแคตวอร์คไม่ใช่ใคร แต่เป็นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ ที่วันนี้เธออารมณ์ดีเป็นพิเศษ เหตุเพราะมีเรื่องที่อยู่ในใจ


พนักงานต่างพากันหลบฉาก เพราะขยาดกิตติศัพท์ความเฮี้ยบของเจ้าหล่อน และแม้ไม่ใช่หน้าที่แต่เธอก็ทำราวกับอาณาจักรแห่งนี้เป็นของตัว
“ท่านประธานว่างใช่มั้ยคะ”
คำถามนั้นทำให้นิลยาได้แต่ยิ้มรับเจื่อนๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจถามเพื่อได้คำตอบ แต่กลับเดินเลยไปยังห้องท่านประธานทันที


“เซอร์ไพรส์” น้ำเสียงสดใสของทักษอรระหว่างเปิดประตูเข้ามา โดยในมือถือของขวัญกล่องใหญ่
ทว่าใบหน้าที่ปราศรอยยิ้มของปรมัตถ์ยังไม่ทำให้เธอหมดอารมณ์ เท่าได้เห็น ‘คู่ปรับ’ นั่งอยู่ก่อนแล้ว


“วันนี้ลมอะไรหอบคุณมาถึงที่นี่ไม่ทราบคะ”
ทักษอรถามมาวินตรงๆ เพราะน้อยครั้งนักที่จะได้พบกันที่นี่
ทั้งเป็นที่รู้กันดีว่าปรมัตถ์เป็นฝ่ายบุ๋น ขณะมาวินเป็นฝ่ายบู้ที่ใกล้ชิดพนักงานระดับปฏิบัติการ แต่ที่เจ้าหล่อนไม่รู้คือมาวินตั้งใจหลบเธอต่างหาก


“ผมกำลังจะกลับพอดี ฉันไปก่อนแล้วกัน” มาวินบอกระหว่างลุกขึ้น
“นายจะเข้าไปที่โรงงานอนันต์หรือเปล่า” ปรมัตถ์ถามอย่างสงสัย
มาวินส่ายหน้า


“ฉันจะเลยไปนิคมบางปะกง นายมีอะไรจะฝากไปหรือเปล่า”
มาวินเอ่ยถึงที่ตั้งโรงงานใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมอีกแห่งซึ่งเป็นของเค พี เอ กรุ๊ป เช่นกัน
“ไม่ล่ะ พรุ่งนี้ฉันก็ต้องเข้าที่นั่นอยู่แล้ว” พูดจบกลับลุกขึ้นคว้าเสื้อนอก


“อ๊าว แล้วคุณจะไปไหนกันล่ะคะ” ทักษอรที่นาทีนี้กลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนส่วนเกินไม่มีผิด
“ผมจะไปอยุธยา”
“แต่…วันนี้คุณต้องอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือคะ” ถามด้วยความงุนงง
“เผอิญที่นั่นมีงานด่วน” ปรมัตถ์ตอบง่ายๆ


“จะด่วนขนาดไหนกันคะ ในเมื่อที่โรงงานนั่นก็มีทั้งMD ทั้งผู้จัดการฝ่าย แล้วยังจะต้องเรียกคุณไปอีก” ครั้งนี้เธอเอ่ยเสียงดังฟังชัด
“อย่างนี้ไม่เรียกว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก แล้วจะเรียกว่าอะไรกันล่ะคะ”


สองหนุ่มสบตากันอย่างเต็มกลั้น ก่อนที่มาวินจะเป็นฝ่ายผละจากไป แต่ยังทันได้ยินประโยคนั้นเข้าเต็มๆ
“ใครที่ใช้การไม่ได้ ทำงานไม่ได้ตามเป้า ให้ออกก็สิ้นเรื่อง อยู่ไปก็เสียข้าวสุกเปล่าๆ”


ความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วขณะ ทำให้ได้ยินเสียงแอร์ที่ครางอย่างแผ่วเบา ความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศกลับไม่อาจทำให้อารมณ์ของปรมัตถ์ผ่อนคลายลงได้
เจ้าหล่อนไม่ทันดูด้วยซ้ำ ว่ายามนี้อารมณ์เขาเสมือนกองไฟที่เมื่อเติมเชื้อเพลิง ก็พร้อมที่จะลุกไหม้ให้กลายเป็นจุล


ผู้ที่ปิดประตูลงได้แต่ลอบถอนใจ เพราะไม่อาจคาดคะเนได้ว่า เสือและสิงห์ที่ต่างอยู่ในถ้ำเดียวกัน ใครจะเป็นฝ่ายชนะ


“คุณไปอยุธยากับเจ้านายหรือเปล่า” มาวินทักนิลยาที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
“ค่ะท่าน”
“บอกท่านประธานด้วยว่า ผมฝากซื้อโรตีสายไหม” บอกหน้าตาเฉย
นับเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายนึกไม่ถึงแม้แต่น้อย อีกทั้งผู้อำนวยการยังไม่พูดเปล่า แต่วางแบ๊งค์พันให้เธอด้วย


“ซื้อให้หมดเงินนี่ ของผมสาม แล้วฝากให้ฝ่ายออกแบบสอง ของคุณชุดหนึ่งนะ ส่วนของท่านประธานให้ออกเอง” บอกพลางส่งสายตามีเล่ห์เหลี่ยมมายังเธอ
ดววตาของหญิงสาวที่อยู่ภายใต้แว่นกรอบเหลี่ยม ส่งประกายขบขัน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในความขี้เล่นของเจ้านายหนุ่มก่อนจะยกมือไหว้อย่างงดงาม
“ยังเหลือสตางค์อีกนี่คะ”


“คุณเห็นอะไรน่าทานก็ซื้อมาก็แล้วกัน” บอกก่อนเดินจากไป
หารู้ไม่ว่าภายในห้องท่านประธาน มวยคู่เอกเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
“คุณจะพูดถึงใครก็ควรให้เกียรติเขาบ้าง เพราะนั่นคือคนที่ทำงานให้เรา จนคุณและผมมีเค พี เอ กรุ๊ป อย่างทุกวันนี้” ปรมัตถ์บอกน้ำเสียงเข้มจัด


“แล้วคุณไม่คิดหรือคะ ว่าหากไม่มีเรา พวกเขาจะมาถึงวันนี้ได้ยังไง” ถามกลับอย่างไม่เกรงสิ่งใด
“ใจอ่อนแบบคุณ จะนำพาบริษัทไปถึงจุดสูงสุดอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้ยังไงกันล่ะคะ” มีหรือที่เธอจะยอมง่ายๆ


“หงส์ขอยืนยัน ว่าพนักงานเก่าที่แก่ และหมดสภาพ ไม่ว่าคนคนนั้น จะเป็นผู้บริหารระดับสูง หรือพนักงานระดับล่าง โดยเฉพาะพวกเช้าชามเย็นชาม ต้องให้ออกไปให้หมด” กล่าวน้ำเสียงกร้าว
“ตกลง ผมหรือคุณที่เป็นประธานของ เค พี เอ กรุ๊ป กันแน่” ดวงตาที่เต้นระริกบ่งบอกว่าพยายามเก็บอารมณ์อย่างที่สุด นับวันเขายิ่งได้เห็นธาตุแท้ของหญิงสาวตรงหน้านี้


“คุณอย่านึกว่ามีท่านประธานอาวุโสให้ท้าย แล้วจะพูดอะไรหรือคิดอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ” บอกน้ำเสียงรอดไรฟัน
“อย่าให้ผมหมดความอดทนกับพฤติกรรมและคำพูดที่ ‘ไร้จิตสำนึก’ ของคุณ เพราะนั่นมันจะไม่เป็นผลดีกับคุณแน่ๆ”


เสียงประตูที่ปิดลงทำให้ทักษอรระเบิดอารมณ์กับกล่องของขวัญที่เธอตั้งใจนำมาให้เขา จนมันลงไปกองกับพื้น
นาทีนี้เปลวไฟในดวงตาลุกวาวราวนางเสือร้ายไม่มีผิด
แต่หากทักษอรมีญาณล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เธอจะรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ยังเล็กนัก เมื่อเทียบกับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า


แม้มาวินจะออกจากสำนักงานใหญ่มาไกลแล้ว แต่เขายังคงครุ่นคิดถึงบุคคลที่เพิ่งจากมา ปรมัตถ์ที่ทัศนคติว่าแย่แล้ว แต่กับทักษอรยิ่งแย่กว่าหลายเท่า หรือทั้งคู่จะเข้าตำรากิ่งทองใบหยกกันแน่
มาวินได้แต่ส่ายหน้าพร้อมอมยิ้มด้วยความขบขัน

นิลยาได้แต่อึดอัดตลอดระยะทางที่นั่งรถมากับท่านประธาน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หากไม่เพราะเมื่อประตูบานนั้นเปิดออก พร้อมๆ กับเจ้าของห้องเดินออกมาโดยลำพัง


กี่ครั้งมาแล้วที่เธอรู้เห็นความไม่ลงรอยของทั้งคู่ นี่หรือที่ใครๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสมกันที่สุด หากไม่ใช่เพราะเธอคนนั้น ‘ใหญ่’ จนคับบริษัท สำหรับเธอแล้วสองตาคงไม่แล
“อุ๊ย! คุณนิลมีลูกน้องตั้งหลายคนเชียวหรือคะ ใช้หมดมั้ยคะนี่”
นั่นคือทักษอรที่มักคิดว่าคนเกินงาน


“เอ๊ะ! แล้วอย่างนี้คุณนิลจะทำอะไรกันล่ะคะ หรือแค่ตามท่านประธานไปๆ มาๆ คะ”
คิดแล้ว เธออยากมีคทาวิเศษ จะได้สาปผู้หญิงคนนั้นให้หายไปจากโลกนี้ให้รู้แล้วรู้รอด เพราะยังมีเรื่องอื่นอีกมากมายนับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือการวิภาควิจารณ์การแต่งตัวของเธอเอง


“ชุดนี้ถ้าถามหงส์ หงส์ให้ไม่ผ่านนะคะ คุณนิลอยู่หน้าห้องท่าน น่าจะรู้ว่าสิ่งไหนควรหรือไม่ควร นุ่งสั้น กับคอคว้านลึกนี่ ไม่เหมาะกับเลขาใหญ่เลยนะคะ”
ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดนั้นจะทำให้เธอร้อนที่หน้าขึ้นมากะทันหัน


“อย่าให้ใครในบริษัทดูถูกท่านประธานว่าหาเลขาดีกว่านี้ไม่ได้เลยนะคะ”
ทั้งที่อยากตอกกลับใจจะขาด แต่ที่ทำได้คือเก็บความเจ็บใจไว้ให้ลึกที่สุด นับจากวันนั้นเธอจึงกลับมาสวมชุดพนักงานเป็นการถาวร


ที่สำคัญคือต้องทำตัวไม่โดดเด่น จนกลายเป็นนำภัยมาถึงตัว แว่นตากับมวยผมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะนับจากนั้นเจ้าหล่อนก็ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเรื่องนั้นอีกเลย


เวลาบ่ายแก่ ณ อนันต์อุตสาหกรรม
หญิงสาวที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลตั้งตารอ เจ้าหล่อนไม่ทำให้ผิดหวังแม้แต่น้อย
อริสราที่วันนี้อยู่ในชุดรัดรูปสีเขียวมรกต ยังคงความสั้นชนิดน่าหวาดเสียวอย่างที่สุด ริมฝีปากแดงฉานสีเลือดนก เข้ากันกับเล็บยาวเฟื้อยซึ่งตกแต่งอย่างวิจิตร กระเป๋าและรองเท้าก็แสนทันสมัย


นาทีนั้นที่บริวัตรถึงกับตกอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อดคิดไม่ได้ว่าหากผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้เห็นเข้าอะไรจะเกิดขึ้น
ผิดกับหนุ่มๆ ที่พบเห็นต่างกระชุ่มกระชวยตามๆ กัน


“ชุดพนักงานหญิงที่นี่ใครออกแบบกันหรือคะ” อริสราถามเรื่อยๆ ระหว่างชะม้ายตาไปยังพนักงานหญิงนอกห้อง
“เอ่อ…ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์น่ะครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ” บริวัตรถามงงๆ


“อุ๊ย! ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแค่เชยเท่านั้นเอง” บอกกลั้วหัวเราะ
“เอาไว้คราวหน้าหากจะเปลี่ยน ริสาจะเรียนท่านประธานให้เลือกแบบที่ทันสมัยดีมั้ยคะ จะได้สมกับหน้าตาของบริษัทหน่อย”
บริวัตรได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เห็นทีงานนี้ทักษอรจะเจอคู่ปรับที่สูสีกันเสียแล้ว

ณ คฤหาสน์สุดหรูย่านชานเมือง...
ผู้ที่เดินหน้าง้ำเข้ามายังห้องนั่งเล่นก่อนกระแทกตัวลงยังโซฟาหลุยส์อย่างขุ่นเคืองคือบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของเสี่ยเจริญชัย


“อ้าว…อาหงส์ ปรมัตถ์ล่ะ” เจริญชัยเอ่ยถามบุตรสาวเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของบุตรเขย
“ป๋าอย่าถามได้มั้ยคะ” สะบัดเสียงอย่างหงุดหงิด
“เป็นอะไรของลื้อ ก็เพิ่งไปเที่ยวกันมาแท้ๆ แล้ววันนี้ลื้อเองที่บอกจะพาปรมัตถ์มาให้อั้วพูดเรื่องแต่งงาน”


บุตรสาวได้แต่แค่นหัวเราะ
“เชอะ! นั่นเรียกว่าไปเที่ยวหรือคะ คิดแล้วยังโมโหไม่หาย” รู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
“อยู่แต่ที่โรงแรม แถมยังเอางานไปทำ เรียกว่าย้ายที่ทำงานดีกว่ามั้งคะ”
เจ้าสัวได้แต่มองบุตรสาวตาปริบๆ


“กระทั่งเดินเล่นบนชายหาดเขายังไม่คิดจะพาไป ป๋าคิดดูก็แล้วกัน แม้กระทั่งมือของหงส์เขายังไม่เคยคิดจะแตะต้อง” บอกอย่างอัดอั้นตันใจ
“หงส์อยากจะไปต่างประเทศ แต่เขากลับอ้างว่าไม่ว่าง ยืนยันจะไปที่นั่นให้ได้” น้ำเสียงคล้ายจะร้องไห้


“เท่านั้นยังไม่พอ เขายังกล้าทิ้งหงส์ไว้ที่ห้อง โดยที่ตัวเองหายไปครึ่งค่อนวัน มือถือก็ปิดติดต่อไม่ได้ พอถาม ก็บอกเพียงว่าไปหามุมสงบเพื่อคิดเรื่องงาน ป๋าคิดดูก็แล้วกันว่าหงส์ต้องอดทนมากขนาดไหน”


เป็นอีกครั้งที่เจ้าสัวได้แต่ลอบถอนใจ
“แล้วลื้อจะมาบ่นอะไร ก่อนหมั้น ลื้อก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเจอเรื่องแบบนี้ แต่ลื้อก็ยืนนันว่าจะหมั้นให้ได้”
เพราะคำพูดนั้นทำให้ทักษอรถึงกับพูดไม่ออก
วูบหนึ่งที่เจริญชัยนึกถึงเรื่องที่บุตรสาวบอกกับเขาก่อนหมั้นหมาย


“ป๋าไม่ต้องถามหรอกนะคะ ว่าเขารักหงส์หรือเปล่า แต่หงส์มั่นใจค่ะ ว่าแม้วันนี้เขายังไม่มีความรู้สึกเช่นนั้น แต่ในอนาคตเขาจะต้องมีให้หงส์แน่ๆ”
“จะเลิกกันตอนนี้ก็ยังไม่สายหรอกนะ” ในที่สุดเจริญชัยก็เอ่ยคำนี้ออกมาจนได้
บุตรสาวถึงกับทะลึ่งพรวดจากโซฟาทันที


“ป๋าจะพูดอะไรก็ได้ แต่เรื่องนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะหงส์จะไม่มีวันยอมเสียหน้า และจะไม่มีวันยอมละทิ้งอาณาจักรนั่น ให้คนอื่นชุบมือเปิบอย่างเด็ดขาด”
“แล้วลื้อคิดว่าคุ้มกันอย่างนั้นหรือ กับที่ต้องแลกกับการต้องอยู่กับคนไม่มีหัวใจให้กับเรา”


“จะคุ้มหรือไม่ มันอยู่ที่มูลค่าทรัพย์สินที่เขามีต่างหากล่ะคะ” สะบัดเสียงตอบอย่างขุ่นเคืองในอารมณ์
เจ้าสัวมองบุตรสาวอย่างครุ่นคิด
“ปากลื้อพูดอย่างนั้น แต่ใจลื้อคิดยังไง อั้วว่าลื้ออย่าดันทุรังแต่งตอนนี้จะดีกว่า เพราะหากต้องหย่ามันจะมองหน้ากันไม่ติด” บอกอย่างอาบน้ำร้อนมาก่อน


“เพราะไม่ใช่ลื้อกับปรมัตถ์ที่จะมีปัญหา แต่มันจะส่งผลถึงธุรกิจและความสัมพันธ์ของครอบครัวทั้งสองด้วย”
“ยังไงหงส์ก็จะแต่งค่ะป๋า หงส์จะแต่งให้เร็วที่สุด” สวนกลับทันควัน ไม่สนใจคำตักเตือนของบิดาแม้แต่น้อย


น้ำเสียงอันเด็ดเดี่ยว และสายตามุ่งมั่นของบุตรสาวทำให้เจริญชัยอดคิดไม่ได้ว่า หรือเป็นเพราะเขาตามใจบุตรสาวจนเสียคนแล้วกันแน่
เอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรเป็นต้องได้ โดยไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่น ช่างน่าหนักใจนัก หรือว่าแท้จริง ‘กรรม’ ได้ตามสนองเขาเข้าแล้ว


เจริญชัยสลัดความรู้สึกนั้นออกไปโดยเร็ว ก่อนจะบอกตัวเองว่าเวรกรรมไม่มีจริง
กว่าที่เขาจะวันนี้ที่เพียบพร้อมด้วยฐานะ และหน้าตาในสังคมไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องเมื่อวันวานจึงไม่อาจเข้ามามีอิทธิพลใดๆ กับเขาทั้งสิ้น

ร่างที่อยู่ในชุดนอนเนื้อเรียบลื่นจากแบรนด์ดังสุดหรูได้แต่พลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า คำพูดของบิดายังคงมีอิทธิพลกระทั่งยามนี้ ที่เข็มนาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งกว่า



ภาพในวัยเยาว์ที่ยังฉายชัดอยู่ในความทรงจำ...
ณ สนามหน้าบ้าน ที่เธอคือเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ขณะมหาดเล็กคือปรมัตถ์และมาวิน ไม่น่าเชื่อว่าวันเวลานั้นจะผ่านมากระทั่งในวันนี้ ที่คำว่า ‘เพื่อน’ ได้เลือนหายจากความทรงจำจนหมดสิ้น



ทักษอรสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกโดยเร็ว ก่อนจะตอกย้ำตัวเองอีกครั้ง…ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอย่อมไม่มีวันทิ้งโอกาสที่จะได้ครอบครองเค พี เอ กรุ๊ป อย่างเด็ดขาด และ ถึงการได้ปรมัตถ์มาโดยปราศหัวใจของเขา เธอก็พร้อมที่จะเผชิญกับมัน

น่าแปลกที่คืนนี้มาวินกลับไม่อยากไปสังสรรค์เหมือนอย่างเคย ทั้งไม่อาจปฏิเสธด้วยว่า นับจากรู้จักเฌอเอม ก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แม้สาวๆ จะต่อสายตามก็ไม่อาจจุดประกายปรารถนาของเขาได้ จนเขาต้องปิดเครื่องเป็นการถาวร
อาจเป็นเพราะความมุ่งมั่นและตั้งใจของเจ้าของกิจการเล็กๆ นั่น ที่มุ่งมั่นจะรักษากล้าประดับไว้ ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองสบายกว่าหลายเท่านัก ไม่ต้องฟันฝ่าอุปสรรค์ใดๆ ในชีวิตทั้งสิ้น กระทั่งตำแหน่งที่ได้มาก็ง่ายราวพลิกฝ่ามือ


ทว่าอีกคนซึ่งนึกถึงคือเพื่อนรักของเขาเอง…
รายงานใหม่จากแผ่นกระดาษของผู้ให้ติดตามปรมัตถ์ทุกฝีก้าว โดยไม่ได้บอกให้เจ้าตัวรับรู้ กลับนำมาซึ่งเรื่องซึ่งคาดไม่ถึงแม้แต่น้อย


ระหว่างวันพักผ่อน ณ ชายทะเลนั่น...
...ท่านประธานแวะไปยังบ้านหลังหนึ่ง โดยใช้เวลาอยู่ที่นั่นเกือบครึ่งวัน...



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สว้สดีค่ะ ^^
พบกันในตอนที่ 5 แล้วนะคะ
หวังว่าจะชื่นชอบกับตอนนี้กันนะคะ
ช่วงนี้หวัดกำลังระบาด เพื่อนๆ นักอ่านทุกท่านดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ

ขอบอบคุณ คุณอัปสรา คุณแล่นแต๊ และคุณpattisa อย่างมากค่ะ ที่ฝากข้อความไว้ให้เพื่อเป็นกำลังใจกับผู้เขียน


วันพระใหญ่ในวันพรุ่งนี้ อย่าลืมไปทำบุญกันด้วยนะคะ ขอให่้สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุข และร่ำรวยกันทุกๆ เลยนะคะ

ด้วยรักจากใจค่ะ
กรยุพา




กรยุพา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ส.ค. 2555, 12:03:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ย. 2555, 09:32:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1685





<< 4 กรยุพา . ยุพากร   6 กรยุพา . ยุพากร >>
pattisa 2 ส.ค. 2555, 10:03:45 น.
พ่อก็ออกจะดี ทำไมยัยหงษ์ผ่าเหล่าเเบบนี้ล่ะ ยิ่งอ่านยิ่งหมันไส้


กรยุพา 2 ส.ค. 2555, 11:58:58 น.
นั่นสิคะ คุณpattisa เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account