ซูเปอร์สตาร์ยาหยี
ซูเปอร์สตาร์...สุดยอดดวงดาวในวงการบันเทิง ใครเล่าจะนึกฝัน วันหนึ่งเขาในดวงใจคนนั้นจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าแถมบอกว่ารักกันซะด้วย แบบนี้จะทำตัวยังไงดีล่ะเนี่ย >//<

Tags: หวานแหวว, ฟุ้งฝัน

ตอน: 3. ชาคร


“ว้าว สวยมาก ๆ เลยพี่ฝน” แจ๋มหรือจินตนา พนักงานอีกคนหนึ่งในร้านเวดดิงสตูดิโอของสายป่านกับรัฐศาสตร์ชมเปาะเมื่อในที่สุดชุดเจ้าสาวผลงานการออกแบบล่าสุดของฝนโปรยสำเร็จเป็นรูปร่าง

ร่างสูงโปร่งแทบแทรกหายเข้าไปในชุดเจ้าสาวแสนสวยที่แขวนอวดความงดงาม ตอนเห็นแบบแจ๋มว่าสวยเก๋แล้ว ไม่นึกเลยพอตัดเย็บเสร็จสรรพจะยิ่งสวยกว่าในแบบเสียอีก

“พี่ฝนมีพรสวรรค์จริง ๆ เรียนจบบัญชีแท้ ๆ ทำไมถึงออกแบบชุดแต่งงานได้สวยขนาดนี้” แจ๋มแตะมือไปตามเนื้อผ้า ชมไม่หยุด “ทำไมตอนเรียนพี่ไม่เลือกเรียนออกแบบเสื้อผ้าซะเลยล่ะ แจ๋มว่าถ้าพี่ได้เรียนจริงจังคงส่งเข้าประกวดได้สบาย”

ฝนโปรยยิ้มไม่หุบเหมือนคนบ้ายอ จริงแล้วเธอปลื้มผลงานมากกว่า ไม่ใช่แจ๋มคนเดียวที่คิดเรื่องเรียนสาขาการออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้า เธอเพิ่งนึกเมื่อเร็ว ๆ นี้เองว่าทำไมหนอถึงรู้ตัวช้า กว่าจะเข้าใจตัวเองว่าชอบอะไรก็สายเกิน

“พี่มัวนึกถึงแต่คณะที่เรียนจบแล้วหางานง่ายน่ะสิ” ตอนบอกกับทุกคนว่าจะเรียนต่อระดับปริญญาตรีในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีพ่อแม่เองเห็นด้วย สายป่านพี่สาวก็ไม่ค้าน อีกทั้งตอนเรียนยังได้คะแนนดีเลิศตั้งแต่ต้นจนจบ ฝนโปรยเพิ่งเข้าใจตัวเองเดี๋ยวนี้ว่าลึก ๆ แล้วเพียงแต่ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด ไม่เคยรักมันเลย

ผิดกับงานออกแบบชุดเจ้าสาว แค่ได้คิดเธอก็มีความสุขฮัมเพลงได้ทั้งวัน บางทีอาจเพราะลึก ๆ แล้วใฝ่ฝันอยากใส่ชุดเจ้าสาวสวย ๆ กับเขาสักครั้งก็เป็นได้

เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น หญิงสูงวัยคนหนึ่งผลักประตูร้านเข้ามา ฝนโปรยและแจ๋มกล่าวทักทายต้อนรับ ฝนโปรยเชื้อเชิญให้นั่ง แจ๋มรีบนำน้ำมาเสิร์ฟ

“คุณวรรณภามาจังหวะเหมาะเชียวค่ะ ชุดเสร็จพอดี” ฝนโปรยผายมือให้ลูกค้าชมชุดเจ้าสาวที่แจ๋มชมนักหนาว่าสวยไม่หยุดปาก

วรรณภาลุกขึ้น สีหน้าไม่แช่มชื่นอย่างฝนโปรยคาดหวังจนใจเริ่มแป้วเกรงจะไม่ถูกใจ

“สวยมาก สวยกว่าที่ฉันคิด” วรรณภาไล้มือไปมาบนเนื้อผ้านุ่ม เสียงขณะพูดแผ่วเบา สั่นพร่าจนฝนโปรยและแจ๋มที่ฟังอยู่ใกล้สังเกตได้

สองสาวสบตาปรึกษาหารือ รู้สึกไม่ดีเลยกับท่าทางผิดปกติของลูกค้า

“คุณวรรณภาไม่สบายหรือเปล่าคะ นั่งก่อนเถอะค่ะ” ฝนโปรยแตะแขนวรรณภาเบา ๆ พามานั่งที่ชุดรับแขก มองออกไปนอกร้าน เที่ยงวันแดดกำลังแรงนั่นอาจเป็นสาเหตุของอาการก็เป็นได้

วรรณภายอมทำตาม สายตายังคงทอดจับอยู่ที่ชุดเจ้าสาว ครู่หนึ่งถึงแปรมายังฝนโปรย ทาบมือลงบนหลังมือ “ฉันมีปัญหานิดหน่อยค่ะ”

แจ๋มแทบจะกระโจนย้ายที่นั่งให้ใกล้ขึ้นแต่ทำไม่ได้ก็พยายามเงี่ยหูฟังเต็มที่

“ทำไมคะ ฝนออกแบบไม่ถูกใจหรือคุณแววอยากให้ปรับเปลี่ยนตรงไหนบอกได้เลยค่ะ”

ท่าทางวรรณภาชอบทั้งยังออกปากชม ปัญหาคงอยู่ที่แวววิภาเจ้าสาวผู้จะสวมใส่ชุดนี้แน่นอน ฝนโปรยเริ่มหนักใจ อีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก็ถึงกำหนดงานแต่งงาน ถ้าต้องปรับเปลี่ยนแบบนิดหน่อยยังพอไหว มากกว่านั่นสิเป็นปัญหา

แต่วรรณภาส่ายหน้า บอกให้รู้ว่าฝนโปรยเดาผิด

“ยายแววน่ะเขาชอบตั้งแต่เห็นแบบแล้ว ถ้าเห็นของจริงคงชอบมาก” ตอบแล้วร้องไห้ น้ำตาซึมหัวตา

ฝนโปรยตกใจทำหน้าไม่ถูก งานในร้านเวดดิงสตูดิโอผูกพันกับความสุข ลูกค้าเข้าและออกร้านพร้อมกับรอยยิ้ม เธอเพิ่งเจอเหตุการณ์อย่างนี้ครั้งแรก

“คุณวรรณ...” คว้าทิชชูจากกล่องบนโต๊ะกระจกใสข้างโซฟาส่งให้วรรณภา “ใจเย็น ๆ นะคะ มีปัญหาอะไรบอกฝนได้ ทางร้านเรายินดีทำตามความต้องการของลูกค้าทุกอย่างค่ะคุณวรรณภาสบายใจได้”

“งานแต่งงานถูกยกเลิกแล้ว”

“คะ!!!” สะดุ้ง ใจหาย อยากซักถามต่อให้ละเอียดก็เกรงสร้างความสะเทือนใจให้ลูกค้า

ท่ามกลางความเงียบมีแต่เสียงสะอื้นแผ่วของวรรณภา ทิชชูเปียกชุ่มถูกขยำก้อนแล้วก้อนเล่า ฝนโปรยปล่อยอีกฝ่ายร้องไห้จนพอใจ

“ลูกสาวฉัน...ยายแววจับได้ว่าผู้ชายแอบซุกเมียอยู่ก่อน ตอนนี้เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องข้าวปลาไม่กิน ฉันเจ็บใจเหลือเกิน ไม่น่าไว้ใจยกลูกสาวให้มันแต่แรก รู้ยังงี้...”

ฝนโปรยกุมมือวรรณภา “ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าหรอกค่ะ ฝนดีใจกับคุณแววด้วยนะคะ...”

วรรณภาชักมือออก สีหน้ามึนตึงไม่พอใจ “คุณหมายความว่ายังไง”

“ดีแล้วนี่คะที่รู้ก่อนแต่งงาน คนน่ารักอย่างคุณแววเลยไม่ต้องตกกระไดพลอยโจนอยู่กับคนอย่างนั้น ไม่แน่นะคะถ้าทราบทีหลังเรื่องคงยุ่งตัดใจให้จบยาก โชคดีแล้วล่ะค่ะ ฝากบอกคุณแววด้วยนะคะว่าอย่าเสียใจเลย ผู้หญิงเพียบพร้อมอย่างคุณแววต้องเจอคนดีกว่านั้นแน่นอนฝนมั่นใจ”

“หนูฝน...ฉันอยากให้ยายแววได้ยินคำพูดพวกนี้จากปากหนู” ความสนใจแปรมายังชุดเจ้าสาวอีกครั้ง “ฉันไม่ตั้งใจเล่าเลย แต่คุยกับหนูแล้วฉันอยากระบายให้ฟังอย่างบอกไม่ถูก ขอบใจนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าชุด ถึงงานจะยกเลิกแต่ฉันจะจ่ายให้ราคาเต็ม”

ตามหลักมันก็ใช่ วรรณภามัดจำไว้แล้วบางส่วน ที่เหลือต้องชำระวันรับชุด ฝนโปรยไม่สบายใจเลยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอนิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่

“ไม่ต้องหรอกค่ะ”

พี่ฝน! แจ๋มฟังอยู่ สะดุ้งใจแทบอุทานเสียงดัง

“หนูฝน”

“งานแต่งถูกยกเลิก ถ้าให้คุณแววเห็นชุดนี้อีกเธอคงสะเทือนใจ”

“ฉันคงไม่กล้าให้เขาเห็นเหมือนกัน”

ฝนโปรยลุกขึ้น สัมผัสชุดเจ้าสาวสายบัวด้วยใจห่อเหี่ยว เธอหวังจะเห็นผลงานออกแบบตัวเองอยู่บนเรือนร่างแสนงามของแวววิภา หวังจะได้ยินเสียงหัวเราะเป็นสุขระหว่างเจ้าตัวหมุนไปมาอยู่หน้ากระจก แต่เรื่องกลับตาลปัตร วรรณภายอมจ่ายเงินตามสัญญา และคาดว่าชุดเจ้าสาวนี้คงไม่ถูกหยิบออกจากถุงซ้ำยังอาจถูกซ่อนมิดชิดอยู่ในลังสักใบในห้องเก็บของของวรรณภา

..เจ้าสาวผู้น่าสงสาร...

...ชุดเจ้าสาวที่ถูกทอดทิ้ง...

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเอามันกลับไปเลยค่ะ” หันกลับมาบอกกับวรรณภา “เงินมัดจำทางร้านคงให้คืนไม่ได้ แต่ส่วนที่เหลือคุณวรรณภาไม่ต้องจ่ายหรอกนะคะ ฝนชอบคุณแววค่ะ เธอน่ารักมาก คิดเสียว่าฝนขอทำอะไรให้คุณแววเท่าที่ทำได้เถอะนะคะ”

ราคาค่าชุดมันมากขนาดเอาเงินเดือนของเธอทั้งปีรวมกันยังซื้อไม่ได้แล้วฝนโปรยกลับ... แจ๋มกุมขมับ อยากเป็นลม

“หนูทำให้ฉันพูดไม่ออก”

“ฝนอยากทำอย่างนี้จริง ๆ ค่ะ”

มองเห็นความตั้งใจจริงในแววตาคนพูด วรรณภายิ้มทั้งน้ำตา หยิบนามบัตรยัดใส่มือฝนโปรย “ฉันจะไม่ลืมน้ำใจของหนูวันนี้ จำไว้นะฝนโปรย ไม่ว่าต้องการให้ช่วยอะไร โทร.หาฉัน ฉันช่วยหนูเต็มที่”


“พี่ฝน พี่ไข้ขึ้นหรือเพี้ยนใช่มั้ย” แจ๋มกรากเข้าอังหน้าผากฝนโปรย “เขารวยจะตายเสียเงินแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก พี่ฝนนะพี่ฝนไม่น่าเล้ย”

แจ๋มเดินกระทืบเท้าบ่นหงุงหงิงรอบตัวฝนโปรย

“เราไม่เสียอะไรนี่ ชุดก็ยังอยู่”

“ก็ช่าย แต่เมื่อไหร่จะขายได้ พรุ่งนี้เหรอ หรือมะรืนนี้ แจ๋มไม่อยากคิดถึงตอนพี่ป่านรู้ ด่าเปิงเลยคอยดู”

ตอนนี้แหละฝนโปรยเพิ่งนึกหน้าพี่สาวขึ้นมาได้ เธอยิ้มแหย กลืนน้ำลายฝืดลงคอ
นั่นสิเละแน่คราวนี้...


“ยายฝน!” สายป่านกรีดเสียงแหลมลั่นร้านจ้องหน้าน้องสาว

ฝนโปรยหน้าซีด คิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าสายป่านต้องโกรธถ้ารู้เรื่องคุณวรรณภาเข้า

“ป่าน ใจเย็นก่อน” รัฐศาสตร์ถูไหล่ภรรยาปลอบ ผลก็คือถูกสายป่านพิฆาตด้วยสายตาคมกริบ

“พี่รัฐแหละค่ะหยุดเลย”
รัฐศาสตร์หยุดกึก ท่าทางเกรงใจภรรยาออกนอกหน้าแต่ยังคงรักษาฟอร์ม ฝนโปรยสบตาพี่เขยที่ส่งสายตาเห็นใจมาให้พร้อมกับยิ้มเหย

“ฝนผิดเองค่ะ”

“รู้ตัวก็ดี” สายป่านแทรกขึ้นทันที ใส่ต่ออีกชุดใหญ่ประกอบกับกดเครื่องคิดเลขและยื่นให้ฝนโปรยดู “พี่ไม่นึกเลยนะว่าฝนจะคิดเพี้ยนยังงั้นได้ ราคาค่าชุดเจ้าสาวนั่นมันเท่าไหร่คงลืมแล้วสินะ ไม่เป็นไรพี่คำนวณให้ดู ดูซะสิ”

ฝนโปรยรับเครื่องคิดเลขไว้อย่างนั้นเอง ทำไมเธอจะจำไม่ได้ถึงราคาค่างวดในการจ้างออกแบบและตัดชุดเจ้าสาว มันสูงที่สุดเท่าที่สตูดิโอแห่งนี้เคยทำมาเลยทีเดียว

“ฝนรู้ค่ะ” ส่งต่อเครื่องคิดเลขให้แจ๋มที่ยืนลุ้นเอาใจช่วยอยู่ใกล้ ๆ “แต่ฝนสงสารเขา คิดดูนะคะคุณแววถูกเจ้าบ่าวหลอกลวงเป็นใครก็ต้องเสียใจ งานแต่งทั้งหมดถูกยกเลิกชุดเจ้าสาวจะมีความหมายอะไรอีกล่ะคะ ฝนไม่อยากเห็นแก่ตัวจนลืมเห็นใจคนอื่น”

“นี่ฝนว่าพี่เหรอ” สายป่านโกรธจนเสียงสั่น มันดังพอให้เด็กชายหญิงที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ตรงโซฟาตื่นขึ้นมองผู้ใหญ่ยืนประจันหน้ากันกลางร้านด้วยสายตางุนงง

“คุณแม่” รฐนนท์เดินมากอดขาสายป่าน แหงนคอขึ้นส่งสายตาถาม

“น้าฝน” รัญชิดาเกาะแขนฝนโปรย ตาแดงเหมือนจะร้องไห้เพราะตกใจเสียงตวาดของสายป่าน

ฝนโปรยรีบย่อตัวลงอุ้มหลาน หอมแก้ม ส่งยิ้มสดใสเหมือนไม่มีอะไร “ตื่นแล้วเหรอคะ นอนไม่เต็มตาล่ะสิหน้ายุ่งเชียว”

“แจ๋ม” สายป่านเรียก

“คะ” แจ๋มตอบ

“พาน้องสองคนไปหลังร้านก่อน พี่วางขนมไว้บนโต๊ะแน่ะ ฝากด้วยนะ” แล้วก้มลงพูดกับลูกชาย “น้องนนพาน้องดาตามพี่แจ๋มไปกินขนมก่อนนะลูก”

รฐนนท์วัยห้าขวบท่าทางรู้เรื่องกว่ารัญชิดาพยักหน้าแต่ปากถาม “คุณแม่ดุน้าฝนเรื่องอะไรเหรอครับ”

“ไม่มีใครดุใครเลยครับ” ฝนโปรยรีบแก้ ผ่อนร่างรัญชิดาหรือน้องดาลงยืนบนพื้น ส่งมือให้แจ๋มจูง “คุยกันเสียงดังนิดเดียวเอง รีบกินขนมเร็วไม่งั้นน้าฝนตามไปแย่งไม่รู้นะ”

เมื่อทั้งมารดาและน้าสาวไม่ยอมตอบ ฝนโปรยนึกเอ็นดูความเฉลียวฉลาดของหลานชายที่ทำท่าคิดครู่หนึ่งเหมือนไม่อยากเชื่อ แต่ด้วยสมองน้อย ๆ ของเด็กอายุห้าขวบทำให้ปล่อยผ่านความสงสัยอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าเทียบระหว่างเรื่องของผู้ใหญ่กับขนมอร่อย อย่างหลังน่าสนใจกว่า...อาการแข่งกันวิ่งหายเข้าหลังร้านของหลานทั้งสองบอกกับฝนโปรยอย่างนั้น

“มาพูดเรื่องเราต่อ” สายป่านกล่าวต่อทันที “เมื่อกี้ฝนหมายความว่ายังไง”

ปกติสายป่านเป็นคนใจดี มีอยู่เรื่องเดียวทำให้คนใจดีมากอย่างสายป่านปรี๊ดแตกขึ้นมาได้คือเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ฝนโปรยรู้ข้อนี้ดียังสะดุ้งทุกทีที่พี่สาวขึ้นเสียง

“ฝนขอโทษค่ะ” ยกมือไหว้ทั้งสายป่านและรัฐศาสตร์ “ฝนรู้ว่าเอาอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวใช้กับงานมากไปทำให้ร้านพวกพี่ ๆ เสียรายได้ พี่ป่านกับพี่รัฐตัดเงินเดือนฝนได้เลยค่ะ ทั้งหมดหรือเดือนละเท่าไหร่ก็ได้”

ดวงตาเขียวเรืองของสายป่านอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด ฝนโปรยเห็นแล้วใจมาเป็นกอง รัฐศาสตร์เองคงสังเกตเห็นปฏิกิริยาภรรยาเหมือนกันจึงรีบชิงจังหวะนี้เสริมว่า

“น้องมันยอมรับผิดแล้วถือซะว่าเป็นบทเรียนเถอะป่าน ชุดเจ้าสาวชุดนี้พี่ว่าไม่นานก็ขายได้ หรือถ้าไม่ได้เราให้ลูกค้าเช่าเผลอ ๆ ได้เงินเยอะกว่าอีกเพียงแต่เป็นรายได้เก็บเล็กผสมน้อยเท่านั้น โมโหมากไม่ดีนะจ๊ะพี่ไม่อยากให้ป่านเครียดเดี๋ยวลูกในท้องตกใจ”

บรรยากาศตึงเครียดเปลี่ยนไปทันทีที่รัฐศาสตร์พูดจบประโยค ฝนโปรยตาโตถลาเข้ากุมมือพี่สาว ถามเสียงตื่นเต้น

“พี่ป่านกำลังจะมีน้องให้น้องนนกับน้องดาเหรอคะ”

สายป่านหน้าแดง “พี่รัฐพูดเรื่อยเปื่อย ประจำเดือนพี่แค่ขาดไปอาทิตย์เดียวเอง”

“แต่พี่ว่าชัวร์” ว่าที่คุณพ่อลูกสามทำหน้าภูมิอกภูมิใจ

“ดีใจด้วยค่ะ นี่พ่อกับแม่รู้เรื่องหรือยังฝนจะได้รีบส่งข่าว คุณตาคุณยายดีใจตายเลย”

“ไม่ต้องเลยให้ชัวร์ก่อน แล้วไม่ต้องทำหน้าระรื่นนะพี่ไม่ลืมว่าเราทำวีรกรรมอะไรไว้” สายป่านรีบเบรก แล้วขู่ฟ่อ “พี่ให้ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ คราวหน้าทำแบบนี้อีกล่ะน่าดู”

“รักพี่ป่านที่สุดเลย” ฝนโปรยกระโดดกอดพี่สาว หันมายิ้มทะเล้นกับพี่เขย “อารมณ์แปรปรวนง่ายแบบนี้ป่องแหง ๆ เลยค่ะพี่รัฐ”

รัฐศาสตร์หัวเราะถูกใจ “พี่ก็ว่า”


“แกก็เลยรอดตัวหวุดหวิด” พู่แพรถามมาตามสายโทรศัพท์

“อื้อ” ฝนโปรยพยักหน้าตามความเคยชินทั้ง ๆ คู่สนทนาไม่มีทางเห็นปฏิกิริยา “เสร็จงานแล้วรีบมาล่ะ”

“รู้แล้ว” ลากเสียง “อีกหน่อยฉันจะตั้งชื่อใหม่ให้แกว่ามนุษย์ห้าง นัดทีไรชอบนัดไปเจอที่ห้างทุกที ร้านอาหารอร่อย ๆ นอกห้างมีออกถมถืด”

“เถอะน่ะรีบมานะฉันถึงร้านหนังสือแล้ว แค่นี้แหละ”

ฝนโปรยกดตัดสาย แอบยิ้มฝากไปยังพู่แพรนิด ๆ ช่วยไม่ได้นี่ที่เธอนัดหมายเพื่อนที่ห้างสรรพสินค้าแทบทุกครั้ง เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ฝากชีวิตไว้กับอาคารขนาดใหญ่มีของให้จับจ่ายซื้อหาแทบทุกชนิดอย่างห้างสรรพสินค้าทั้งนั้น มาที่เดียวได้ทุกอย่าง เป็นทั้งที่หลบแดดหลบฝน แอร์ฟรี ๆ เสียงหัวเราะรอบกายฟรี ๆ หาจากที่นี่เหมาะสุดแล้ว

ระหว่างรอพู่แพรกับบรรณตามมาสมทบ ฝนโปรยแวะเข้าร้านหนังสือ ตรงดิ่งมายังชั้นวางนิตยสาร ความใจดีของร้านนี้อยู่ตรงที่อนุญาตให้ลูกค้าทดลองอ่านได้ทุกเล่มไม่ซีนพลาสติกเสียหมดอย่างบางร้าน เธอเลือกเปิดนิตยสารบันเทิงเล่มตรงหน้าก่อนอย่างเร็ว ๆ แล้วเปลี่ยนเป็นเล่มใหม่เมื่อไม่เจอข่าวที่ต้องการ
เจอแล้ว! ฝนโปรยร้องฮูเลในใจ ลูบไล้ภาพข่าววรรษชลด้วยมือสั่นระริก เก็บอาการเต็มที่ไม่ให้เผลอยิ้มออกมา

ตั้งแต่ได้พบวรรษชลโดยบังเอิญ ฝนโปรยก็ติดตามข่าวเขาโดยตลอดทุกช่องทาง ประวัติของเขา รูปถ่ายของเขา ผลงานที่ผ่านมาเธอจำได้หมด พู่แพรบอกว่าเธอบ้า ก็อาจจะจริง แต่ก็ส่วนหนึ่งเท่านั้นเพราะพู่แพรเข้าใจผิดบางอย่างไปไกลโข

“แกกับเขาต่างกันจะตายเหมือนหมาเห็นเครื่องบินเลยนะฉันว่า เรื่องหวังให้บังเอิญพบกันอีกครั้งแล้วจับพลัดจับผลูเป็นแฟนกันเหมือนในนิยายเลิกฝันไปได้เลย”

ตอนพู่แพรพูดฝนโปรยมัวใจลอยนึกถึงวรรษชลเลยไม่ทันอธิบายให้ถึงเข้าใจถึงความรู้สึกลึก ๆ ข้างในของเธอที่รู้ดีว่าความรักครั้งนี้ไม่ต่างจากคนหลงรักสายหมอก อย่างดีก็ทำได้แค่ยืนอยู่ท่ามกลางไอหมอกเย็นให้ไอนั้นโอบล้อมรับความชุ่มชื่นชั่วครั้งคราว ไม่อาจคว้าหรือเก็บกักหมอกไว้กับตัวได้

เธอไม่ได้หวังอะไร แค่ได้ชื่นชมเขาแบบนี้พอแล้ว

นิตยสารบันเทิงสามฉบับในอ้อมกอดล้วนมีข่าววรรษชล ฝนโปรยจ่ายเงินเสร็จเดินออกจากร้านรีบมองหาที่นั่งเพื่ออ่านอีกครั้ง เมื่อกี้ยังอ่านไม่ละเอียดเลย


ในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ชายผิวเข้มร่างสันทัดกับชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่ตรงข้ามกันที่โต๊ะมุมในสุดของร้าน กลางโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารสไตล์ญี่ปุ่นแท้ยังไม่พร่องแม้แต่อย่างเดียว

“ได้โปรดเถอะครับคุณชา” ชายผิวเข้มนามว่าอนึ่งก้มศีรษะแทบชิดพื้นโต๊ะอ้อนวอนน่าสงสาร
แต่ชายหนุ่มอีกคนสีหน้าเฉยชาติดบึ้งตึงหน่อย ๆ ด้วยซ้ำ

“ผมนึกว่าเราคุยกันรู้เรื่องตั้งแต่คราวก่อน” น้ำเสียงชาครติดโมโห วันว่างของเขามีไม่มากนัก ว่างทั้งทีหมายจะรับประทานอาหารร้านโปรดให้สบายใจสักหน่อยดันมีมารคอหอยตามมารังควานเสียได้

อนึ่งหน้าซีด ถ้างานนี้เขาเจรจาไม่สำเร็จต้องถูกเจ้านายเล่นงานเอาอย่างหนักซึ่งเขาไม่อยากเดาว่าหนักที่ว่านั้นสถานไหน

“ถ้าติดปัญหาเรื่องค่าตัวคุณชาเสนอมาได้เลยครับ ผมเชื่อว่าไม่มีปัญหา”

“ผมพูดว่าค่าตัวน้อยไปเรอะ” เลิกคิ้วแสดงอารมณ์ขุ่นให้คู่สนทนาหนาว ๆ ร้อน ๆ

อนึ่งดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงเช็ดเหงื่อด้วยท่าทางงก ๆ เงิ่น ๆ น่าขันแกมน่าสงสาร ใครไม่เป็นเขาบ้างก็แล้วไป ชาครแตกต่างจากดาราคนอื่นลิบลับตรงที่เจ้าตัวขยันสร้างเรื่องมากกว่าสร้างภาพ นักข่าวเกินสองรายเคยถูกเขาตั๊นหน้ามาแล้วโทษฐานซอกแซกเกินเหตุ หวังว่าจุดเดือดของชาครวันนี้จะยังสูงพอสมควร

“แล้ว...”

“บอกตั้งแต่แรกแล้วนี่ว่าผมไม่อยากรับงานซ้อน”

“แต่เราจัดคิวให้คุณชาได้ รับรองครับว่าไม่มีปัญหากับงานก่อนหน้านี้”

ชาครขมวดคิ้วจนพันกันยุ่ง ไม่ชอบใจที่คู่สนทนาเข้าใจยาก ละครเรื่องที่ว่าอนึ่งเคยติดต่อเขาแล้วครั้งหนึ่งและได้รับการปฏิเสธด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ เจ้าตัวคงเข้าใจดีจึงหานักแสดงดาวร้ายคนอื่นแทน แต่ต่อมานักแสดงคนนั้นเกิดประสบอุบัติเหตุต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเกือบครึ่งปีตามคำวินิจฉัยของแพทย์ทำให้ละครที่ถ่ายทำไปแล้วสิบเปอร์เซ็นต์ต้องหยุดชะงัก เกิดจากบทตัวร้ายในเรื่องเป็นตัวสำคัญเกือบเทียบเท่าพระนาง

แต่ถึงอย่างนั้นชาครยังไม่เห็นความจำเป็นที่อนึ่งจะหวนกลับมาชักชวนเขาอีกในเมื่อน่าจะรู้ว่าเหตุผลในการปฏิเสธจะไม่เปลี่ยน

“ผมชอบคนพูดรู้เรื่อง” เสียงเริ่มหงุดหงิดเพิ่มขึ้น

ใจจริงอนึ่งอยากวิ่งหนีออกจากร้านติดแต่งานค้ำคอ ได้แต่ภาวนาให้ชาครไม่โมโหเกินไปนัก...สงสัยต้องใช้ไม้ตาย

“คุณชา ผมไหว้ล่ะครับ ทางเราต้องการคุณจริง ๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่วางบทด้วยซ้ำ” ยกมือไหว้ท่วมหัว

ชาครผงะ นึกไม่ถึงว่าอนึ่งจะเล่นไม้นี้ สีหน้าบึ้งตึงเปลี่ยนเป็นแสดงอาการยุ่งยากใจ รู้อย่างนี้เขาอยู่บ้านเสียก็ดี


“ชาคร นั่นชาครใช่มั้ยเธอ” เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นหน้าร้านอาหารญี่ปุ่น สองมือของคนพูดแปะทาบกับผนังกระจกใส จรดหน้าผากชิดหมายจะมองชายหนุ่มหนึ่งในสองตรงโต๊ะมุมสุดร้านให้ชัด

“ไหน” อีกคนดูบ้างด้วยท่าเดียวกันโดยไม่นำพาต่อปฏิกิริยาของลูกค้านั่งชิดริมผนังกระจกในร้าน “อ๊ายใช่ ใช่แน่ หน้าเข้มคมท่าทางหล่อดิบ ๆ แบบนี้ลิมิเต็ดอิดิชั่นเลยนะเธอ ชาครชัวร์”

สองสาวดีใจจนเนื้อเต้น ลุกลี้ลุกลนจะเข้าร้านหวังขอลายเซ็นขอถ่ายรูปกับดาราคนโปรด ทว่า...

“กี่ที่ครับ” พนักงานจัดคิวหน้าร้านวาดแขนออกกั้นสองสาว

“สองค่ะ”

“อีกสิบคิว รอไหมครับ” พนักงานพูดหน้าตาย สองสาวแทบกรี๊ดแตก

“เอาไงเธอ”

อีกคนทำท่าคิด “ตั้งสิบคิว แต่จะว่าไปใช่แน่เหรอ ทำไมคนในร้านไม่เห็นตื่นเต้นเลยล่ะ ดาราระดับชาครใคร ๆ ก็รู้จักนี่”

“สามที่ค่ะ จองไว้แล้ว” ฝนโปรยมาถึงร้านอาหารญี่ปุ่น พู่แพรบอกกับเธอว่ากำลังจะมาถึงในอีกไม่เกินยี่สิบนาที เดินเล่นรอจนเมื่อยแล้วเธอจึงคิดว่ามารอที่นี่เลยดีกว่า

“เชิญครับ” พนักงานผายมือเมื่อฝนโปรยแจ้งชื่อผู้จอง

“ว้าย เดี๋ยวค่ะคุณ”

ร่างฝนโปรยแทบหงายหลังเพราะแรงฉุดของใครคนหนึ่ง เธอหันกลับไปมองหญิงสาวสองคนหน้าตื่น รีบดึงมือออก

“ขอโทษค่ะ ได้ยินว่าคุณจองไว้สามที่แต่เห็นมาคนเดียว รอเพื่อนอยู่เหรอคะ”

ฝนโปรยขยับถอยหลัง มองหญิงสาวท่าทางไม่น่าไว้ใจทั้งสองหวาด ๆ เกรงจะเป็นมิจฉาชีพ เดี๋ยวนี้ยิ่งมีเยอะอยู่ด้วย

“ฉันไม่รู้จักพวกคุณ”

“เอ่อ ค่าไม่รู้จัก อย่ามองเราแบบนั้นสิคะ เราแค่อยากขอตามคุณเข้าไปในร้านแป๊บเดียวเอง”

“ตามเข้าร้าน?”

“คือเราอยากเข้าไปขอถ่ายรูปกับชาครน่ะค่ะ นู่นไง ตัวจริงหล่อกว่าในทีวีอีกคุณว่ามั้ยคะ”

ฝนโปรยหันขวับ มองตาม ที่โต๊ะมุมในสุดเธอเห็นชายหนุ่มผิวเข้มหน้าตาท่าทางเอาเรื่องนั่งประจันหน้ากับชายอีกคนหนึ่ง สายป่านเป็นแม่บ้านติดละครตัวยงไม่แพ้ใครเหมือนกันทำให้ฝนโปรยพลอยดูตาม ชายหนุ่มคนนั้นยามอยู่ในทีวีแสดงบทบาทดาวร้ายอย่างไร นอกจอก็ดูไม่แตกต่างกันเลย

“จริงด้วย” ฝนโปรยพึมพำ นึกไม่ถึงจะบังเอิญเจอดาราดังเข้าอีกคนในเวลาห่างกันไม่ถึงเดือน

“นะคะ” สองสาวขอร้อง

ฝนโปรยชั่งใจ เริ่มใจอ่อนแต่เพราะเสียงพนักงานของร้านนั่นเองทำให้ความคิดทั้งหมดหยุดชะงัก

“คุณครับ”

“เอ้อ ค่ะ” หันมาบอกสองสาว “ขอโทษนะคะเดี๋ยวเพื่อนฉัจะตามมาแล้ว”

บอกแล้วฝนโปรยรีบชิ่งเข้าร้านกลั้นใจไม่ฟังเสียงโอดครวญด้านหลัง เธอไม่รู้จักสองคนนั้นนี่นา แถมไม่สนใจชาครด้วย หน้าตาถมึงทึงขนาดนั้นเกิดสองสาววุ่นวายจนอารมณ์เสียขึ้นมาจะกลายเป็นว่าเธอเป็นตัวตนเหตุ ใคร ๆ ก็รู้นายคนนี้น่ะดาวร้ายจอมเหวี่ยง!

ร้านอาหารญี่ปุ่นวันนี้มีลูกค้าแน่นร้าน อาจเพราะเป็นช่วงต้นเดือน ฝนโปรยแอบดีใจอยู่เหมือนกันที่ตัดสินใจโทร.จองก่อนล่วงหน้า เธอเดินตามพนักงานเข้ามาถึงด้านในกระทั่งพนักงานหยุดที่โต๊ะหนึ่ง

“สามที่นะครับ เชิญครับ”

ฝนโปรยมองโต๊ะว่างแล้วแปรสายตายังโต๊ะข้าง ๆ กันสบตาชาครเข้าพอดี บังเอิญอีกแล้วที่เธอได้โต๊ะใกล้กับดาราดัง วูบหนึ่งเธอแอบคิด ถ้าเป็นวรรษชลก็คงดี

พอคิดถึงวรรษชล ฝนโปรยไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอยิ้มออกมา จังหวะนั้นชาครลุกขึ้น ช่องว่างระหว่างทางเดินไม่มากนักทำให้ฝนโปรยเห็นหน้าฝ่ายนั้นชัด ถึงไม่ดูอบอุ่นนุ่มลึกเหมือนวรรษชล แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคน ๆ นี้หล่อบาดตาเหลือเกิน…ถ้าจะไม่ทำหน้ายักษ์ตลอดเวลา

“นั่นไงมาพอดี ที่รักทางนี้จ้ะ” ชาครยิ้มใส่ตาฝนโปรย

เธอกำลังจะหันมองด้านหลังอยู่แล้วว่าเขาทักใครก็แทบสะดุ้งเมื่อมือข้างหนึ่งถูกเขาจูงกึ่งลากไปนั่งด้วยกันที่โต๊ะ พนักงานคงงงอยู่เหมือนกันแต่เดินเลี่ยงไปเสียเฉยทำให้ฝนโปรยเหมือนตกอยู่ในอุ้งมือมารอย่างโดดเดี่ยว

“เดี๋ยว คือ...”

“หิวใช่มั้ยจ๊ะ กินซาสิมินี่ก่อน คุณชอบนี่” ชาครคีบซาสิมิแซลมอนจิ้มวาซาบิก้อนเบ้อเร่อป้อนใส่ปากหวอของฝนโปรยอย่างง่ายดาย

ความเผ็ดแสบของวาซาบิแล่นซ่านทั้งจมูกปากจนฝนโปรยพูดไม่ออก น้ำหูน้ำตาไหล หน้าแดงเถือก ส่ายหน้าไปมา

“ใครว่าผมขี้โมโห แฟนผมนี่ยิ่งกว่า วันนี้คุณกลับไปเถอะผมมีนัดกับคนสำคัญ เห็นไหม”

แฟน! ฝนโปรยตาเหลือก คว้าแก้วน้ำตรงหน้าชาครซดเข้าคออึกใหญ่ ละล่ำละลักปฏิเสธกับคู่สนทนาของชาคร

“ไม่ใช่นะคะ ฉันมะ...อุ๊บ!!”

พริบตาเดียวเท่านั้นที่ฝนโปรยเห็นใบหน้าชาครในระยะใกล้ก่อนตัวจะแข็งเป็นน้ำแข็งขั้วโลกเพราะถูกชาครจู่โจมด้วยการกดท้ายทอยแน่นพร้อมกับจรดริมฝีปากประทับลงมาปิดคำพูดทั้งหมด

“เอ่อ...ถ้างั้นวันหลังผมขอนัดคุยใหม่ ไม่รบกวนล่ะครับ” อนึ่งผุดลุกขึ้นพร้อมกับเดินหายออกจากร้านอย่างรวดเร็วแต่ไม่วายชำเลืองกลับไปมองภาพรักดุเดือดด้วยใบหน้าแดงจัด “คุณชานี่ห่ามจริง ๆ”

---------------------

อ่านแล้วเป็นยังไงส่งเสียงบอกกันมั่งเน้อ
เจอคำผิดก็ตะโกนบอกกันนิด
แทงยู



akani
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2555, 19:18:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2555, 22:31:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1975





<< 2. วรรษชล   
ปอรินทร์ 19 ส.ค. 2555, 21:47:18 น.
กะ....กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
นิยายพี่อัคนี จะไม่เดาเด็ดขาดว่าใครเป็นพระเอก ถึงเวลารู้ตัวปั๊บจะฉุดเข้าพงหญ้าเลย >"<


akani 19 ส.ค. 2555, 22:06:50 น.
@ปอรินทร์: เด็กคนนี้น่ากลัวมาก (-__-)


Pat 19 ส.ค. 2555, 22:13:21 น.
คนหนึ่งหล่อใส คนหนึ่งหล่อเข้ม. ใครจะเป็นพระเอกน้อ


Amata 19 ส.ค. 2555, 22:16:53 น.
เจอคำผิดแต่อ่านแล้วสนุกจนคำผิดมันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้อ่ะค่ะ


ทองหลาง 19 ส.ค. 2555, 22:43:05 น.
ยังไงก็ชอบ


nunoi 19 ส.ค. 2555, 23:03:47 น.
กรี๊ดดดดด หล่อเข้ม ได้ใจค่ะ
ว่าแต่ใครเป็นพระเอกหล่ะเนี๊ยะ


หนอนฮับ 20 ส.ค. 2555, 17:00:44 น.
กรีี๊ดดดดดดดดดดดด....ทำไมไม่เป็นหนอนเดินผ่านไป แล้วโดนฉุดเข้าไปในอ้อมกร ของพี่ชา กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด อิอิ


Zephyr 22 ส.ค. 2555, 19:35:51 น.
อ๊ากกกกกก หนุ่มหล่อมาอีกคนละ ใครพระเอกกันนะ


panon 24 ส.ค. 2555, 11:44:22 น.
เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกกกแค่ วาซาบิก้อจะแย่แล้วววววววววเจอริมฝีปากเข้าไปช๊อกคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account