อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 38

ตอนที่ 38

ตฤณถือถังสังฆทานที่จะใช้ถวายพระขึ้นมาบนศาลาเต็มสองมือ สองขาก้าวตรงดิ่งไปยังที่นั่งของพระด้านหน้าวางของในมือลงก่อนเตรียมจะเดินกลับไปด้านล่าง ไม่แม้แต่จะเหลือบมองสาวสวยที่นั่งเด่นอยู่ตรงที่นั่งประธานและกำลังจ้องมายังเขาอย่างแน่วแน่
แต่ทว่าชายหนุ่มยังไม่ทันจะได้ก้าวขาลงไปแม้แต่น้อย เสียงหวานที่เขาไม่ใคร่อยากจะได้ยินก็ดังขึ้นเบื้องหลัง พร้อมกับที่เจ้าหล่อนมายืนตรงหน้ามองเขาอย่างตัดพ้อ

“รีบร้อนจังนะคะ จะอยู่ทักทายตามารยาทกันสักหน่อยก็ไม่ได้”

‘แน่ะ...มีมากัดเขา’ ตฤณอยากจะกลอกตาใส่ มองคนที่เดินนวยนาดมากทางเขา ก่อนจะฉีกยิ้มและกล่าวทักทายตามมารยาทอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ

“สวัสดีและขอตัวก่อนนะครับคุณตะวันฉาย”

ชายหนุ่มเดินลงไปในทันที ทำเอาสาวสวยที่เพิ่งจะโดนเมินเม้มปากแน่น ตาลุกวาวความไม่พอใจแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ นี่เขากล้าดียังไม่มาทำเหมือนกันเธอเป็นอะไรสักอย่างที่เขาไม่ควรจะเสียสละเวลามาพูดคุยด้วย และด้วยความที่เป็นคนเอาแต่ใจอยากได้อะไรต้องได้เธอจึงรีบก้าวตามไป เพราะตอนนี้เธอต้องการจะคุยกับเขา และเขาก็ต้องคุยกับเธอ!
“ดูแล้วคุณคงไม่ใช่คนที่กลัวแฟนมากถึงขนาดไม่อยากจะหยุดยืนคุยกับผู้หญิงอื่น หรอกนะคะ”

ชายหนุ่มชะงักเท้า ก่อนจะยอมหันกลับมาประจันหน้า ใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกแว่นสายตาบดบังจ้องมองพี่สาวใหญ่ของคนรักนิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดๆสื่อออกมา มันราบเรียบราวกันท้องทะเลใหญ่ก่อนจะเกิดคลื่นร้ายทำลายล้างฝั่ง คนอื่นอาจจะอยากหนีไปให้ไกลเมื่อโนสายตาแบบนี้จ้อง แต่ตะวันฉายผู้ซึ่งชอบความท้าทายเป็นทุนเดิมยิ่งพอใจกับแววตาเช่นนี้ของเขามาจนเดินเข้าใกล้...จนแทบจะเรียกว่ากอดก็เป็นได้
“ครับ ผมไม่ใช่คนกลัวแฟน แต่ผมแค่ให้เกียรติคนที่ผมรักก็เท่านั้นเอง การคุยกับผู้หญิงอื่น...” เขาเน้นคำหลังเสียงหนัก “...ลับหลังน้องดาวก็เท่ากับทำให้เขาเสียใจ เพราะฉะนั้นผมยินดีที่จะคุยกับคุณนะ แต่ต้องคุยต่อหน้าน้องดาวเท่านั้นเอง ชัดเจนไหมครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว ยังมีงานอีกเยอะในวันนี้”

“แหม...จะพูดให้ดูดียังไง สุดท้ายก็คือคุณกลัวยัยดาวอยู่ดี น่าสมเพชนะคะ ผู้ชายที่มีคุณสมบัติดีไปหมดอย่างคุณ ต้องมานั่งกลัวผู้หญิงธรรมดา หน้าตาบ้านๆอย่างน้องนอกคอกของฉันโกรธ...” ร่างระหงในสุดเดรสคอปาดตัวสั้นสีดำ มีสร้อยไข่มุกเส้นยาวคล้องคอ ยิ้มเยาะ มือเรียวม้วนเนกไทของเขาเล่น ช้อนสายตาขึ้นมองอย่างยั่วยวน เขย่งขึ้นไปกระซิบที่ข้างหู
“...ถ้าเป็นฉัน ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบากใจเลยล่ะ อยากจะไปไหน อยากจะทำอะไรก็ได้ ว่าไงคะ...เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันนะ”

“ขอบคุณมากครับที่หวังดี” ตฤณยิ้มบาดใจส่งไปให้ ก่อนจะหุบฉับแล้วดันร่างหญิงสาวออกห่าง บอกเสียงห้วนจัด “แต่ผมเป็นพวกรักเดียวใจเดียว รักใครแล้วก็จะรักจนตาย เชิญคุณไปหาผู้ชายคนอื่นเอาดาบหน้าเถอะครับ”
ตะวันฉายตกตะลึง ร่างเพรียวเกร็งไปทั้งตัวด้วยความโกรธ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าตัดรอนเธอได้หน้าตายเฉยแถมยังพ่นคำพูดแสบสันใส่อีกต่างหาก หญิงสาวหอบหายใจก่อนจะกรีดร้อง แต่มือหนาก็เอื้อมมาปิดเอาไว้

“อย่ากรี๊ดออกมาเชียวนะครับ เราอยู่ในเขตวัด เดี๋ยวเขาจะหาว่ามีเปรตมาร้องขอส่วนบุญ ผมยังไม่อยากเป็นบุคคลมหัศจรรย์ที่คุยกับเปรตรู้เรื่อง”

เขาเอามือออกจากปากของเจ้าหล่อนที่เบิกตากว้างเมื่อเจอด้านมืดของเขาเข้าไป ตฤณยิ้มมุมปากมองตามคนที่วิ่งกลับขึ้นศาลาไปด้วยแววตาสะใจอย่างปิดไม่มิด ตอนนี้เขาไม่แคร์แล้วว่าอีกฝ่ายจะมองเขายังไง รู้แต่ว่าความหงุดหงิดที่มีสาเหตุมาจากผู้หญิงคนนี้มันทำให้ความเป็นสุภาพบุรุษของเขาแตกกระจายหายไปจนหมดสิ้น ‘ดีแล้ว เจออย่างนี้เข้าไปคงจะเลิกยุ่งกับเราซะที’

“สุดยอดจริงๆนะคุณ เล่นเอายายแม่มดถึงกับไปไม่เป็นเลย” เสียงทุ้มของว่าที่เขยคนรองของบ้านดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของเขาจะก้าวออกมาจากหัวมุมทางเลี้ยวไปโรงครัวด้านหลัง ที่ซึ่งตอนนี้พรายจันทร์ ดาวเหนือและแม่ครัวกำลังช่วยกันทำอาหารเลี้ยงพระเพลก่อนจะทำพิธีเผาร่างคุณบุษบาในวันนี้

ตฤณนิ่วหน้ามองคู่หมั้นของพรายจันทร์ ก่อนจะเย้า “นี่คุณพัด แอบตามผมตลอดเลยนะช่วงนี้ คิดอะไรกับผมหรือเปล่าเนี่ย”

“โอ้โห...”พัดยศลากเสียงยาว ถลกแขนเสื้อเชิ้ตสีดำของตนขึ้น ส่งหมัดแย๊บใส่แขนเพื่อนใหม่เบาๆสองสามที “...พูดแบบนี้ได้ไงเนี่ย ผมน่ะไม่นิยมอนุรักษ์ป่าไม้หรอกนะ เอ๊ะ! หรือคุณนิยม” เขารีบถอยห่างออกไปมองคนที่ยืนหัวเราะแบบไม่น่าไว้วางใจ

“หึ หึ แล้วแต่จะคิดนะคุณ เอาล่ะเข้าเรื่องก่อน ตกลงคุณตามผมมามีเรื่องอะไร”

“ก็เรื่องของยายแม่มดนั่นแหละ ผมมีอะไรบางอย่างจะบอกกับคุณ” พัดยศเลิกทำเป็นเล่น สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมากจนตฤณต้องจริงจังตามไปด้วย

“อะไรเหรอครับ”

“เมื่อวานผมได้ยินตะวันฉายพูดกับรูปของน้าบุษทำนองว่า ตายไปแล้วไม่ควรจะได้จัดงานหรูหราแบบนี้ ไอ้ตรงนี้ผมไม่อะไรเท่าไหร่หรอก เพราะเขาก็ค่อนขอดมาตั้งแต่งานวันแรกแล้ว แต่ที่ผมติดก็ประโยคที่ว่า ‘รู้งี้จับถ่วงน้ำซะก็ดี’ นี่แหละ”

“เฮ้ย!” ตฤณอุทาน แว่นใสไร้กรอบเลื่อนลงมาอยู่ที่ปลายจมูก จนต้องรีบดันกลับเข้าที่ “หมายความไอ้ที่เราสงสัยเป็นเรื่องจริงเหรอคุณ”

“ก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่”

“อ้าว ไหงงั้นล่ะครับ”

“โธ่คุณตฤณเราแค่ได้ยินเขารำพึงออกมาเฉยๆนะ ไม่มีหลักฐานที่เป็นวัตถุหรือตัวบุคคลมาชี้กันชัดๆว่า ตะวันฉายเป็นคนฆ่าน้าบุษจริงๆ”

“เฮ้อ...นึกว่าจะได้เรื่องอะไรซะอีก สุดท้ายก็เหมือนเดิม” คุณหมอหมาหน้าเหี่ยวลงก่อนทั้งคู่จะออกเดินไปด้วยกัน พัดยศนิ่งไปก่อนจะเอ่ยปาก

“แต่ผมว่าเราต้องบอกตำรวจนะ อย่างน้อยก็ให้เขาเอาไว้เป็นเบาะแส”

“ผมเห็นด้วย คงต้องรอวันที่เขาจะเข้ามาสอบปากคำล่ะนะ”

“เอ...ไม่ต้องรอถึงตอนนั้นก็ได้นะคร้าบ ผมยินดีรับฟังตอนนี้เลย” เสียงกวนๆดังขึ้นมาทางด้านหลัง พัดยศและตฤณหันขวับไปก็เห็นร่างสูงของชายหนุ่มผิวเข้มคนหนึ่งไว้ผมรองทรง กำลังฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันขาวยักคิ้วส่งมาให้ แต่ที่ทั้งคู่ติดใจก็คือชุดเครื่องแบบที่อีกฝ่ายสวมใส่ต่างหาก...ตำรวจ!

“เอ่อ..คุณคือ...”

“ผมร้อยตำรวจเอกนพนธ์ เป็นตำรวจที่ร่วมรับผิดชอบคดีของคุณบุษบาครับ ตกลงว่าจะเล่าไหมเอ่ย”

ว่าที่เขยของบ้านรัชดารักษ์มองหน้ากันก่อนจะหันกลับไปมองหน้าบุคคลที่สามที่ยังยืนยิ้ม ก่อนที่ว่าที่เขยคนเล็กจะเป็นคนเอ่ยปากตัดสินใจ...



“อะไรนะคะ! ตำรวจจะมาสอบปากคำวันนี้ ทำไมไม่มีใครบอกตะวันซักคำ มาบอกเอาตอนนี้เนี่ยนะ!” ตะวันฉายผุกดลุกจากเก้าอี้ ตะโกนลั่นห้องนั่งเล่นของบ้าน คิ้วเรียวสวยขมวดเข้ากัน ริมฝีปากบางเม้มแน่น ทำให้มารดาเข้าใจว่าเธอคงจะกำลังโกรธที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนรัก คุณมินตราเข้าไปโอบรอบตัวลูกสาวคนโตก่อนจะพานั่งลงบอกเสียงอ่อน

“แม่ก็เพิ่งรู้นี่เองลูก คุณพ่อเพิ่งจะมาบอกแม่”

“บ้าจริง!” ใบหน้าเรียวสวยซีดเผือด สมองคิดหาทางรอดให้ตัวเองอย่างเร่งด่วน ก่อนจะตัดสินใจถาม

“แล้วทำไมต้องรีบขนาดนี้ด้วยคะ เพิ่งจะเผาศพยายบุษบาไปเมื่อวานเอง รอนิดรอหน่อยก็ไม่ได้”

“เห็นตาพัดบอกว่าทางตำรวจเขาสงสัยว่าจะเป็นโจรรายเดียวกับที่ปล้นบ้านลูกสาวนายเขาเมื่อสองวันก่อนน่ะ เลยอยากจะรีบปิดคดีให้ไว พอตาพัดเอาเรื่องนี้มาปรึกษากับคุณพ่อ คุณพ่อเลยให้มาวันนี้ซะเลยน่ะจ๊ะ” คุณมินตราบอกกับลูกสาวตามที่ได้ยินมาจากสามีอีกที พอได้ฟังตะวันฉายก็ตาลุกวาว รู้สึกเข่นเขี้ยวอยากจะทำร้ายว่าที่น้องเขยที่เธอเลือกเองกับมือเสียจริง

‘ฝีมือไอ้พัดยศเองเหรอเนี่ย แส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆ’

“อ่อ...เบื้องบนเร่งมานี่เอง แล้วเข้าจะสอบปากคำใครบ้างล่ะคะ”

“ทุกคนเลยจ้ะ”

“ตะวันด้วยเหรอ...แล้วตะวันเกี่ยวอะไรด้วยคะ วันที่ยายบุษบาตายตะวันก็อยู่กับริตา...ไม่รู้ล่ะ เขาจะสอบใครก็เชิญตามสบายแต่ตะวันไม่อยู่ด้วยหรอกนะ นัดก็ไม่ได้นัดไว้ก่อน แล้วอยู่ๆก็มาทำตารางชีวิตตะวันรวน หึ...ฝันไปเถอะ!” หญิงสาวแกล้งโวยวายแสดงสีหน้าเต็มที่ให้รู้ว่าไม่พอใจเพื่อหาทางชิ่ง

‘ขืนโดนสอบปากคำวันนี้ก็ซวยสิ ยังไม่ได้เตี๊ยมกับยายริตาเลย’

หญิงสาวคว้ากระเป๋าแล้วเดินฉับๆออกไปจนคุณมินตราออกปากห้ามไม่ทัน ได้แต่มองตามอย่างกลัดกลุ้ม

พอพ้นสายตามารดาตะวันฉายก็เดินแกมวิ่งไปขึ้นรถของตนอย่างรีบร้อน หวังจะรีบออกไปหาเพื่อนเพื่อนัดแนะเรื่องราว แต่ทว่ามือเรียวยังไม่ทันได้เสียบกุญแจรถ มือหนาของใครคนหนึ่งก็จับมือเธอเอาไว้ ตะวันฉายหันขวับไปมองคนที่บังอาจแตะเนื้อต้องตัวเธอ ก่อนจะชะงักกับรอยยิ้มรู้ทันของอีกฝ่าย

“จะรีบไปไหนไม่ทราบตะวันฉาย คุณลุงไม่ได้บอกเหรอว่าวันนี้จะมีการสอบปากคำกันน่ะ”

“บอก! แต่ฉันไม่อยู่นายจะทำไมไม่ทราบ เรื่องมันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่ ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าสองคนนั่นนี่” เธอสะบัดมือออกจากการเกาะกุมเชิดหน้าตอบอย่างท้าทาย พัดยศหัวเราะหึหึ ย้อนกลับ

“มันไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะมาพิจารณาว่าใครเกี่ยวไม่เกี่ยว มันเป็นหน้าที่ของคุณตำรวจเขา และอีกอย่าง.....” ชายหนุ่มเน้นเสียงหนักเป็นการปรามไม่ให้อีกฝ่ายแย้งตน

“...ถ้าเธอบริสุทธิ์ใจก็แค่อยู่ร่วมฟังและให้ความร่วมมือกับคุณตำรวจก็เท่านั้นเอง มันจะไปยากอะไร เว้นเสียแต่เธอมีอะไรปิดบังพวกเรา”

เพียะ!

เสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ ชายหนุ่มหน้าหันไปตามแรงปะทะของตะวันฉาย พัดยศยกมือขึ้นแตะของเหลวสีแดงที่ตรงมุมปาก เหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาหาคนลงมือที่กำลังยืนมองรอยฝ่ามือครบห้านิ้วบนใบหน้าของเขาอย่างสาแก่ใจด้วยความสงบแม้ในใจจะบ้าคลั่งราวกับพายุ...อยากจะบีบคอนางแม่มดตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง!

“นี่เธอมาตบหน้าฉันทำไมไม่ทราบ”

“ก็เป็นการลงโทษ โทษฐานที่นายสามหาวใส่ฉัน และก็สะเออะมายุ่งเรื่องของชาวบ้านเขาไง บ้านตัวรึก็ไม่ใช่ ใครจะเป็นจะตายในบ้านหลังนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับนาย ไม่ต้องมาสอด!”หญิงสาวตวาดก้อง

“มันคงไม่เกี่ยวหรอกนะถ้าไม่ใช่ว่าฉันคือว่าที่น้องเขยของเธอ ฉันยังไม่เหี้ยมพอที่จะนั่งมองว่าที่พี่เมียต้องเข้าไปนอนกินข้าวแดงในคุกข้อหาฆาตกรรมเท่าไหร่หรอกนะ ถึงได้เตือนให้อยู่ให้ปากคำก่อน ถ้าเธอไม่ผิด ไม่เกี่ยวข้องกับการตายของทั้งคู่ เขาก็ปล่อยเธอไป แค่นี้ก็จบ ไม่เห็นจะน่าลำบากอะไรตรงไหน”

“ปากเรอะที่พูดออกมาน่ะ”ตะวันฉายถลึงตาใส่ แต่ก็โดนชายหนุ่มตอกกลับ

“หรือเธอเห็นเป็นแขนล่ะ...ตกลงว่าไงจะอยู่หรือจะหนีฉันจะได้บอกคุณตำรวจเขาถูกเวลาถามถึงเธอ”

“ฉันไม่...”ตะวันฉายตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่เสียงทรงอำนาจของบิดาที่เดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก็ดังขึ้นเสียก่อนเป็นการปิดหนทางเลี่ยงของเธอ

“แต่ลูกต้องอยู่ พ่อไม่อยากให้ใครมาสงสัยคนในครอบครัวของพ่อ ถ้าลูกไม่อยู่ก็ไม่ต้องมาเรียกพ่อว่าพ่ออีกต่อไป!” พูดจบคุณชนะชัยก็หันหลังเดินกลับเข้าบ้านไม่สนใจอะไรอีกโดยมีคุณมินตราเดินตามเข้าไปด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

ไม่รู้ว่าเธอคิดถูกหรือผิดที่ไปตามสามีมาห้ามตะวันฉายไม่ให้ออกจากบ้าน ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าสามีของเธอเป็นคนพูดจริงทำจริง หากใครละเมิดคำสั่ง เขาก็ตัดขาดตามที่พูดได้จริงๆ ดูอย่างเรื่องของดาวเหนือเมื่อก่อนสิ กว่าจะคืนดีกันได้ก็เกือบจะสายไป
พัดยศยิ้มมุมปากนึกขอบคุณคุณมินตราที่ไปตามคุณชนะชัยมารั้งตะวันฉายเอาไว้และทำให้แผนของเขาดำเนินต่อไป ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาพูดลอยๆขณะเดินผ่านร่างเพรียวเข้าไปยังตัวบ้าน

“ถ้าอยากเป็นเด็กกำพร้าตอนแก่ก็เชิญไปมั่ว เอ๊ย ไปเที่ยวได้ตามสบายเลยนะ”

ตะวันฉายไม่สนใจเสียงลอยลมของชายหนุ่มหากแต่ยังคงมองตามหลังบิดาไปอย่างไม่เชื่อสายตา นี่พ่อขู่เธองั้นเหรอ...พ่อที่แสนใจดีกล้าขู่จะตัดพ่อตัดลูกกับเธอเพราะเรื่องที่อีนังเมียน้อย จุดด่างพร้อยในครอบครัวอันแสนอบอุ่นของเธอตายเนี่ยนะ! ความแค้นที่ไม่เคยจางหายไปแม้ว่าตัวต้นเหตุจะจากไปแล้วพุ่งขึ้นมาอีก
ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน อกกระเพื่อมขึ้นลงตามอัตราการหายใจที่หนักหน่วง สองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาตามผิวหนัง ดวงตาคู่สวยแดงก่ำแข็งขวาง ก่อนที่หญิงสาวจะกรีดร้องออกมาอย่างคลั่งแค้น กระทืบเท้าเร่าๆอยู่หน้าบ้านอย่างนั้นเอง


“มากันครบแล้วนะครับ งั้นขอแนะนำตัวก่อนเลย ผม...ร้อยตำรวจเอกนพนธ์เป็นเจ้าของคดีนี้ ส่วนนี่...”ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มในชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มยศผายมือไปทางชายหนุ่มอีกคนด้านข้าง พร้อมแนะนำ

“...ร้อยตำรวจตรีพิษณุ ผู้ช่วยของผม อะแฮ่ม เอาล่ะครับ อย่างที่ผมบอกกับคุณพัดยศไปเมื่อวานว่าคดีนี้ไม่ได้มีผู้เคราะห์ร้ายแค่ที่นี่บ้านเดียว” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อยเพื่อจับสังเกตปฏิกิริยาของทุกคน โดยเฉพาะสาวสวยในชุดแดงที่นังกอดอกเฉยหน้าเป็นพิเศษ ก่อนจะต่อ

“คือว่าเมื่อสองวันก่อนแม่บ้านของเจ้านายผมก็โดนฆาตกรรมด้วยวิธีการเดียวกันกับคุณบุษบาและนางสาวแวว เดือนเด่น ทำให้ทางเราคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ฆาตกรของทั้งสองคดีจะเป็นคนเดียวกัน ตอนแรกผมก็ยังไม่อยากจะมารบกวนพวกคุณเพราะเห็นว่าเพิ่งจะเสร็จงาน แต่ทางเบื้องบนเขาโกรธที่โดนลูบคมก็เลยมีคำสั่งสายฟ้าแลบในจัดการปิดคดีนี้ให้ได้โดยเร็ว วันนี้เลยต้องขอความร่วมมือจากทุกคนด้วยนะครับ”
“แน่นอนครับ ผมเองก็อยากจะให้ไอ้ฆาตกรใจทรามนั่นโดนจับได้โดยไว จะถามมันว่ามาฆ่าภรรยาผมทำไม” คุณชนะชัยตอบเสียงขึงขัง ตะวันฉายที่กำลังหงุดหงิดอยู่โพล่งขึ้นมาดื้อๆ

“แล้วแม่ลูกสาวตัวดีของเขาล่ะ ไม่เรียกมาสอบปากคำด้วยหรือไง”

“คุณตฤณกำลังพาน้องดาวมาครับ คิดว่า...”พัดยศที่เป็นคนตอบ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “...อีกประมาณสิบห้านาทีคงจะถึง”

ตะวันฉายหันมามองคนตอบคำถามตาขวาง ‘สอด...สอดทุกเรื่องจริงๆไอ้พัเยศอย่าให้ถึงทีฉันนะ จะเล่นให้กลับไปเกิดใหม่เลย’

แล้วหญิงสาวยิ้มพรายเมื่อเห็นช่องทางสร้างความร้าวฉาน เธอหันไปมองหน้าน้องสาวคนรองที่นั่งกุมมือคู่หมั้นหนุ่มอยู่เงียบๆ แล้วเปรยให้ได้ยินกันทุกคน

“แหม...นายนี่รู้ทุกความเคลื่อนไหวของยายดาวเลยนะ เอ๊ะ! หรือว่าถ่านไฟเก่าจะคุกันจ๊ะ ระวังนะยายจันทร์ ระวังจะโดนสวมเขา”

พรายจันทร์ชะงัก เงยหน้าขึ้นสบกับคู่หมั้น นัยน์ตาหวานซึ้งไหวระริก มือเย็นเชียบจนพัดยศต้องบีบแน่นเพื่อถ่ายเทความอบอุ่นและความมั่นใจส่งไปให้ รับรู้เลยว่าคู่หมั้นเองก็แอบคิดเรื่องนี้อยู่โดยไม่บอกออกมาตรงๆ ชายหนุ่มจ้องตากับแม่มดร้ายเขม็ง นี่ถ้าไม่ติดว่ามีผู้ใหญ่อยู่กันเยอะ แถมยังคนนอกอีกตั้งสอง เขาจะซัดกลับเอาให้หาปี๊บมาคลุมไม่ทันเลย!

“เธอไม่ต้องมากังวลแทนน้องจันทร์ของฉันหรอกนะ ฉันไม่ได้รักน้องดาวอย่างนั้นแล้ว ตอนนี้ฉันรักน้องดาวอย่างน้องสาวเท่านั้น และที่ฉันรู้ความเคลื่อนไหวของน้องดาวก็ไม่แปลกเพาระฉันโทรคุยกับคุณตฤณตลอด ก็นะน้องดาวเขาไปพักใจอยู่ที่บ้านคุณตฤณนี่นา” ชายหนุ่มส่งยิ้มเยาะไปให้ตะวันฉายที่อ้าปากค้าง อึ้งเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าดาวเหนือไปพักอยู่ที่บ้านหนุ่มในฝันของเธอ ก่อนจะเปลี่ยนโกรธเกรี้ยว

“พูดบ้าอะไร! นังดาวมันจะไปอยู่ที่บ้านนั้นได้ยังไง ก็คุณแม่บอกว่ามันออกไปอยู่บ้านเพื่อน”

“แล้วเพื่อนที่น้องดาวเขาไปพักด้วยตลอดจะเป็นใครล่ะถ้าไม่ใช่ยายตาล แล้วลืมไปหรือเปล่าว่ายายตาลเป็นน้องใคร”

“ไม่จริง! แกโกหก ไอ้พัดยศ ไอ้...” หญิงสาวชี้หน้าใส่คู่หมั้นน้องสาว แถมจะถลาเข้าไปทำร้ายร่างกาย แต่เสียงของคุณชนะชัยที่ทนมองท่าทางราวกับคนบ้าของลูกสาวคนโตต่อไปไม่ได้ก็ดังขึ้น

“หยุดแสดงกิริยาต่ำๆได้แล้วตะวันฉาย! ไม่งั้นฉันจะไล่ให้แกไปสงบสติอารมณ์ข้างบน”

“คุณพ่อ! ก็ดูมันสิมันพูดอะไรก็ไม่รู้ คุณตฤณจะให้นังดาวไปอยู่ด้วยได้ไง เอ่อ..ตะวันหมายถึงมันดูน่าเกลียด ยังไม่ตบแต่งกันเลย เขาจะหาว่าเรายัดเยียดผู้หญิงให้นะคะ” ตะวันฉายรีบเปลี่ยนคำพูด เธอไม่ได้กลัวหรอกนะ แค่ยังไม่อยากให้บิดารู้ว่าเธอชอบตฤณ หากท่ารู้คงจะสั่งห้ามเธอยุ่งหรืออย่างร้ายอาจจะส่งเธอไปอยู่ต่างประเทศแบบถาวรเลยก็ได้ คุณชนะชัยปรายตามองตอบอย่างเย็นชา

“พ่อเป็นคนบอกให้ตฤณเขาพายายดาวไปอยู่ด้วยเอง แกจะทำไม”

“อะไรนะคะ...คุณพ่อไม่กลัวคนเขานินทาหรือไง”

“จะกลัวทำไมในเมื่อพ่อเป็นคนออกปากอนุญาตเอง ไม่ได้แอบไปอยู่ด้วยกันนี่ แกนั่นแหละเลิกวุ่นวาย แล้วก็นั่งลงรอเงียบๆไปซะ”

ตะวันฉายเม้มปาก กระแทกตัวนั่งข้างมารดาอย่างไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้มาก พัดยศลอบสบตากับผู้กองหนุ่มที่พยักหน้าๆน้อยมาให้ บรรยากาศมาคุของบ้านยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครพูดอะไรกันอีกจนกระทั่งการมาถึงของบุคคลที่รอคอย

“ขอโทษที่มาช้า” น้ำเสียงราบเรียบตามปกติของดาวเหนือดังขึ้น พร้อมร่างโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์สีซีด กระเป๋าหนังสะพายข้าง เดินตรงเข้ามา เบื้องหลังมีร่างสูงของตฤณตามมาไม่ห่าง ตฤณรีบเข้าไปเลื่อนเก้าอี้ให้คนรักก่อนจะนั่งลงเคียงข้าง ภาพการเอาใจใส่ของตฤณยิ่งกระพือความริษยาในใจของตะวันฉายให้ลุกโชน เอ่ยปากค่อนขอด

“ชักช้า ไร้มารยาทไม่รู้หรือไงว่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอมันไม่ดีน่ะยายดาว”

ดาวเหนือเหลือบมองคู่อริ ก่อนจะหันไปหาผู้เป็นย่า บิดาและคุณมินตรา สองมือพนมไหว้ “ดาวขอโทษ เมื่อคืนทานยานอนหลับเข้าไปเลยตื่นสาย”

คุณมินตรารีบถามอย่างห่วงใย “นอนไม่หลับเหรอลูก ถึงต้องกินยาน่ะ”

“ไม่ใช่หรอกครับ ผมเห็นน้องดาวเครียดๆ เลยพาไปหาหมอ แล้วเขาให้ยาคลายเครียดมาน่ะครับ ตัวยาผสมยานอนหลับด้วยเลยยาว” คนที่ตอบไม่ใช่ดาวเหนือแต่เป็นตฤณ คุณมินตราพยักหน้ารับรู้ เอื้อมมือไปบีบมือบางเบาๆ

“อย่าใช้มากนะดาว พยายามอย่าเครียด ป้าเชื่อว่าคนชั่วจะต้องโดนลงโทษ”

หญิงสาวยิ้มน้อยให้กับความห่วงใยจากคุณมินตรา อีกใจหนึ่งก็กังวลหากสุดท้ายผลออกมาว่าคนที่ฆ่าแม่ของเธอคือคนที่คนตรงหน้ารักสุดหัวใจอะไรจะเกิดขึ้น ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่ตฤณ พัดยศและเจ้าหน้าที่ตำรวจคิดกัน
ร้อยตำรวจเอกนพนธ์กระตุกยิ้มมุมปาก...ตัวละครมากันครบแล้วสินะ ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยเรียกความสนใจ สีหน้าจริงจังส่งผลให้ใบหน้าคมคายดูดุดันขึ้นเยอะ

“เอาล่ะครับ ในเมื่อคุณดาวเหนือมาถึงแล้ว ผมก็ขอสอบปากคำพวกคุณทีละคนเลยแล้วกัน ขอเชิญคนที่ยังไม่ได้สอบออกไปรอข้างนอกก่อนนะครับ เริ่มจากคุณหญิงเลยแล้วกัน...”

---------------------------------------------------------------------

ตอนใหม่มาแล้วค่าสำหรับตอนนี้มีคนคุ้นหน้าโผล่มาร่วมวงด้วยแล้ว ใครจำเขาได้บ้างเอ่ย เขาคือใครหนอ เขามาจากไหน

สำหรับตอนนี้ไม่มีเหยื่อสังเวย สบายใจกันได้ หุหุหุ ไรเตอร์กลัวจะโดนปาระเบิดใส่เลยต้องเอาใจนักอ่าน

เนื้อเรื่องก็เริ่มงวดเข้าไปทุกทีทุกทีแล้วน้า เตรียมรอลุ้มกันเลยว่าจุดจบของแม่มดชุดแดงของเราจะเป็นอย่างไร อีกไม่นานเกินรอค่ะ

เจอกันตอนหน้านะคะ ติชมได้ค่ะ



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2555, 21:07:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2555, 21:12:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1762





<< ตอนที่ 37   ตอนที่ 39 >>
sai 19 ส.ค. 2555, 22:00:15 น.

มองคนที่เดินนวยนาดมากทางเขา --- มา

มองพี่สาวใหญ่(คนโต)ของคนรักนิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดๆสื่อออกมา มันราบเรียบราวกัน (กับ)ท้องทะเลใหญ่ก่อนจะเกิดคลื่นร้ายทำลายล้างฝั่ง คนอื่นอาจจะอยากหนีไปให้ไกลเมื่อโ(ด)นสายตาแบบนี้จ้อง แต่ตะวันฉายผู้ซึ่งชอบความท้าทายเป็นทุนเดิมยิ่งพอใจกับแววตาเช่นนี้ของเขามา(ก)จนเดินเข้าใกล้..

ร่างระหงในสุด(ชุด)เดรสคอปาดตัวสั้นสีดำ

หน้าตายเฉย (หน้าตาเฉย) แถมยังพ่นคำพูดแสบสัน(ต์)ใส่อีกต่างหาก

ตะวันฉายผุกดลุกจากเก้าอี้ --- ผุดลุก

โดยเฉพาะสาวสวยในชุดแดงที่นังกอดอกเฉยหน้า (หน้าเฉย)เป็นพิเศษ

‘สอด...สอดทุกเรื่องจริงๆไอ้พัเยศอย่าให้ถึงทีฉันนะ --- พัดยศ

และที่ฉันรู้ความเคลื่อนไหวของน้องดาวก็ไม่แปลกเพาระ (เพราะ)ฉันโทรคุยกับคุณตฤณตลอด

ก่อนจะเปลี่ยน(เป็น)โกรธเกรี้ยว

หากท่า(น)รู้คงจะสั่งห้าม

ปล.รอจุดจบสาวชุดแดงงงง


Gingfara 19 ส.ค. 2555, 22:04:47 น.
เลิศค่ะ


ใบบัวน่ารัก 19 ส.ค. 2555, 23:41:51 น.
จำไม่ได้คะ
หายไปนานเกิ๊น
จะให้ท่านเปามาตัดสินหรือไงค้า ช้าม๊าก
กรีดกราย ลอยหน้ามาหลายตอนแล้ว
จะครบปีแล้วนะ


wii 20 ส.ค. 2555, 00:22:53 น.
ยัยพี่สาวโรคจิตชัดเลย พ่อเเม่ก็เลี้ยงดูมาอย่างดีไหงกลายเป็นบ้าไปใด้ หรือว่าไปริษยามันเผาจนกลายเป็นเเบบนี้


กาซะลองพลัดถิ่น 20 ส.ค. 2555, 01:52:36 น.
เกินเยียวยาแล้วนะยัยตะัวัน....


Pat 20 ส.ค. 2555, 06:34:56 น.
ตะวันฉายสติแตกแน่งานนี้ น่าสงสารพ่อกะแม่จริงๆ


anOO 20 ส.ค. 2555, 15:21:21 น.
555 เราก็จำไม่ได้เหมือนกัน คุณตำรวจจะปิดประตูตีแมวชุดแดงแล้วสินะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account