อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 37

ตอนที่ 37

ตฤณอึ้งไป มองสบตากลมโตที่เต็มไปด้วยความกังวลของเจ้าหล่อนแล้วก็ต้องถอนใจ เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์เรื่องใหม่ก็ถล่มมาอีก นึกอยากจะกระโดดขาคู่ใส่นายตำรวจทั้งสองจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าทำแล้วอาจได้กินข้าวเย็นฟรีล่ะก็นะ

‘เจตนาฆ่างั้นเหรอ’

หากจะให้เขาระบุตัวฆาตกรเขาคงทำไม่ได้ แต่หากจะให้ระบุตัวบุคคลต้องสงสัยแล้วล่ะก็ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น...ตะวันฉาย! ด้วยเหตุที่เธอคนนั้นไม่ได้ไปเที่ยวหัวหินกับครอบครัวและเหตุจูงใจก็ความเกลียดชังที่มีมา อันที่จริงก็ไม่อยากปรักปรำใครแต่คนอย่างตะวันฉายทำได้ทั้งนั้น วัดได้จากสภาพของคนรักสาวยามที่โผเผไปบ้านของเขาเมื่อหลายเดือนก่อนเพระโดนตะวันฉายทำร้ายจนเกือบตาย

“เขาถามด้วยว่าแม่มีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า”

“แล้วน้องดาวบอกตำรวจไปว่าไงครับ”

“ก็ต้องไม่มีสิทั้งในบ้านนอกบ้านนั่นแหละ” หญิงสาวตอบไม่เต็มเสียงนัก ตฤณอยากจะบ้าตายนี่ไงนิสัยไม่ยอมรับความจริงของคนรัก กะแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้

“น้องดาวทำไมไม่บอกพวกเขาไปว่าแม่บุษกับคุณตะวันไม่ถูกกัน”

“ไม่จำเป็นหรอกพี่ตฤณ ถึงคุณตะวันจะปากร้ายใจดำ เจ้าอารมณ์ ขี้อิจฉา แต่ดาวเชื่อว่าเขาไม่ใจร้ายถึงขนาดฆ่าคนได้หรอก ต้องเป็นคนอื่นแน่”

“งั้นเหรอ...แล้วเขาคือใครกันล่ะ” เขาย้อนถามเสียงเรียบ ดวงตาดำขลับนั้นจ้องเธอนิ่ง ดาวเหนือกัดปากแน่นรู้ดีว่ามันมีความเป็นไปได้สูง ยิ่งตะวันฉายไม่ได้ร่วมเดินทางไปหัวหินด้วยอย่างนี้ แล้วเธอก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปไหน และไม่มีโอกาสได้ถามด้วยเพราะตั้งงแต่กลับมาเธอกับพี่สาวร่วมบิดาก็ยังไม่ได้เจอหน้ากันเลย แต่ความที่มีสายเลือดเดียวกันอยู่ตั้งครึ่งอีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นครอบครัวเดียวกันมันก็มีสายใยบางๆที่เชื่อมเอาไว้ทำให้เธอยอมตัดความน่าจะเป็นออกไป

“ไม่เอาแล้ว ดาวไม่อยากพูดถึงมัน เดี๋ยวตำรวจเขาก็หาตัวโจรพวกนั้นได้เอง เรื่องรอยเท้านั่นก็อาจจะเป็นของสาวใช้สักคนก็ได้ ไหนละคะน้ำ” หญิงสาวตัดบท ถามหาของที่ชายหนุ่มบอกว่าจะไปเอามาให้ ตฤณส่งแก้วพลาสติกในมือให้ ไม่พูดอะไรเช่นกัน เป็นเวลาเดียวกับที่คุณมินตราเดินเข้ามาเรียกให้เขาและดาวเหนือออกไปช่วยต้อนรับแขกที่เริ่มทยอยมางาน ชายหนุ่มยอมหยุดเรื่องไว้แค่ตอนนี้ แต่เขาตั้งใจไว้แล้วว่าเลิกงานจะต้องไปคุยเรื่องนี้กับใครสักคนที่คิดแบบเดียวกัน!


“เขาบอกกับผมว่า ‘ดาวไม่เชื่อหรอกว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ตำรวจเขาคงจะเข้าใจผิด รอยเท้าที่เห็นอาจจะเป็นของคนใช้สักคนในบ้านที่เดินผ่านไปแถวนั้น’ อย่างนี้แหละครับ เฮ้อ!” ตฤณเล่าถึงบทสนทนาทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้หลังจากนายตำรวจผู้ดูแลคดีทั้งสองกลับไปแล้วให้กับอีกฝ่ายฟังด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ชายหนุ่มไปส่งคนรักสาวที่บ้านตัวเองก่อนจะออกมาอีกครั้งโดยให้เหตุผลว่ามีนัดกับเพื่อนเก่า ให้นอนไปก่อนเลยไม่ต้องรอ

มือหนายกแก้วหนาที่ภายในบรรจุของเหลวสีเหลืองอำพันพร้อมฟองสีขาวนุ่มเย็นเจี๊ยบเอาไว้ขึ้นดื่มอั้กๆ ทำเอาคู่สนทนาต้องรีบเบรกกลัวคุณหมอจะกลายไปเป็นคนไข้เสียเอง

“เฮ้ย! ใจเย็นคุณ เดี๋ยวก็เมาหรอก ต้องขับรถกลับบ้านอีกไม่ใช่เรอะ”

“ก็คนมันกลุ้มนี่คุณพัด...”ตฤณถอนหายใจอีกเฮือก มือก็กระดกแก้วเหมือนเดิม พัดยศมองอย่างอึ้งๆไม่นึกว่าจะได้มาเห็นอีกมุมหนึ่งของเพื่อนใหม่ นี่ล่ะที่เขาว่าอย่ามองคนแต่ภายนอก

“...ดาวดื้อมาก ยิ่งเวลาปักใจเชื่ออะไรไปแล้ว ก็จะไม่ยอมเปลี่ยนความคิด จนกว่ามันจะไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิดจริงๆ ดูอย่างเรื่องตอนนั้นสิ” เขาท้าวความไปถึงครั้งที่เจ้าหล่อนขอให้ห่างกันสักระยะ แล้วผลสุดท้ายก็ต้องนั่งหงอย
พัดยศที่รู้ซึ้งถึงความดื้อและการยึดมั่นในความคิดของตัวเองของอดีตคนรักดี ได้แต่ส่งสายตาเห็นใจไปให้เอ่ยปลอบในฐานะรุ่นพี่ที่คุ้นเคยกับนิสัยของหญิงสาวมาก่อน

“ปล่อยไปก่อนเถอะ คุณตฤณ...เรื่องนี้น่ะ ผมว่าเราต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีใครอยากจะเชื่อหรอกว่าคนในครอบครัวตัวเองจะมาคิดร้ายถึงขนาดฆ่าให้ตายได้น่ะ ถึงจะเกลียดกันแค่ไหนก็เหอะ น้องจันทร์เองก็เหมือนกัน ตอนที่เกิดเรื่องนั้นขึ้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มาตอนนี้บอกว่าไงรู้ไหมคุณ...” ตฤณส่ายหน้า คนเล่าเลยกระแอมให้ลำคอโล่งนิดหนึ่งก่อนจะบีบเสียงให้เล็กลงเหมือนพูดเลียนแบบคู่หมั้นสาว ซึ่งน้ำเสียงแบบนี้หากพรายจันทร์เป็นคนพูดคงดูเหมือนนางฟ้า แต่พอคนพูดเป็นชายหนุ่มร่างสูงมีกล้ามน้อยๆ หน้าตามคมคายอย่างพัดยศแล้วมันกระเดียดไปทางอสูรกายมากกว่า

“.... ‘จันทร์ว่าตอนนั้นอาจจะมีอะไรมาสิ่งพี่ตะวันทำให้ทำเรื่องแบบนั้นลงไปมากกว่าค่ะ พี่ตะวันจริงแล้วนิสัยดี๊ดี’ โอ๊ย! คุณตฤณ ผมล่ะคันปากอยากจะย้อนกลับไปเหลือเกินว่าไม่มีอะไรสิงหรอก แต่มันเป็นเรื่องของสันดาน!...” เขาถอนหายใจ ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มอย่างปลงตก บ่นออกมาเสียงดัง

“....เฮ้อ! ใจนางยากแท้ หยั่งถึง ยิ่งนางที่ว่าคือสาวๆบ้านรัชดารักษ์ด้วยแล้วลึกยิ่งกว่าหลุมดำอีก... แต่ละคน”

ตฤณพยายามกลั้นหัวเราะแต่ก็ทำไม่ได้ หากใครมาได้ยินเสียงของพัดยศเมื่อครู่ก็คงต้องมีอาการแบบเดียวกับเขา ความเครียดเริ่มลดระดับเมื่อเจอกับแอลกอฮอลล์และเพื่อนคุยที่หัวอกเดียวกัน พัดยศเหล่มองอีกฝ่ายก่อนจะแขวะ

“มาหัวเราะผมได้แล้วเนี่ย หายเครียดแล้วเหรอไง”

“นิดนึง เสียงคุณมันน่าหัวเราะมากกว่า ไม่นึกเลยว่าพี่พัดแสนเพอร์เฟค อดีตเดือนคณะที่น้องดาวเคยเล่าให้ฟังอย่างคุณจะมีมุมเจ้าอารมณ์แบบนี้อยู่ด้วย” พัดยศหัวเราะหึก่อนจะย้อน

“ก็เหมือนกันนั่นแหละ ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าสัตวแพทย์นุ่มนิ่มจนเกือบจะเหมือนเกย์อย่างคุณจะมานั่งซดเบียร์แทนข้าวแทนน้ำกับเขาก็เป็น”

“อย่าตัดสินคนที่รูปลักษณ์ภายนอกสิคุณ อาชีพผมคือหมอ ถึงจะรักษาสัตว์แต่ยังไงก็ต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าเห็น ถ้าปล่อยตัวตามสบายเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะรักษาเพื่อนซี้สี่ขาเขาได้หรือเปล่า...” เขายักไหล่ มือก็ยกแก้วเบียร์ใหม่ขึ้นดื่ม “...แต่ผมไม่เคยไปป่าวประกาศว่าผมเป็นคนยังไงนะ ส่วนมากเข้าใจกันไปเอง”

“หึหึ ก็เหมือนกันนั่นแหละ ต่างแค่อาชีพ อ้อ..มีอีกอย่างที่เหมือนกัน” พัดยศยกยิ้มมุมปาก ตฤณเลิกคิ้วนอกจากนิสัยแล้วยังมีอะไรอีกที่เขาเหมือนกันคนตรงหน้า พัดยศหัวเราะเบาๆชูแก้วขึ้นเล็กน้อย บอกอย่างร่าเริง

“ก็มีแฟนดื้อไง”

ตฤณส่ายหัว ช่างเป็นคนมีอารมณ์ขันจริงๆ แต่ก็จริงอย่างที่พัดยศพูด แฟนของเขาและแฟนพัดยศต่างก็ดื้อเงียบเหมือนกัน บอกอะไรไปก็ทำหน้านิ่งๆไม่แสดงอารมณ์ต่อต้านหรือยอมรับ แต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่ทำตามที่บอกซะงั้น

“แล้วเราจะทำยังไงดีครับกับเรื่องรอยเท้าที่ตำรวจเจอ” เมื่อเห็นว่านอกเรื่องไปพอสมควรแล้ว สัตวแพทย์หนุ่มจึงวกกลับเข้าเรื่องหลักของวันอีกครั้ง พัดยศคิดก่อนจะสรุป

“ได้แต่อยู่เฉยๆล่ะคุณตฤณ...” ก่อนจะรีบต่อเมื่อเห็นคู่สนทนาเริ่มหน้าหงิก “...ก็เราไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าคนที่ฆ่าน้าบุษคือยายแม่มดล่อกระทิงนี่ ต้องรอให้ตำรวจเขามาสอบปากคำก่อน”

“รอ รอ รอ อีกแล้ว ชีวิตผมนี่มีแต่รอ”

“อ้าว...ก็คุณสมัครใจรอมาตั้งหลายปีแล้วนี่ รอต่อไปอีกหน่อยน่า แค่ปีสองปีเอง จิ๊บๆ ชิลๆ” ว่าที่เขยคนรองของบ้านรัชดารักษ์ยิ้มกว้าง มือหนาตบบ่าว่าที่เขยคนเล็กสองสามที ก่อนจะหัวเราะร่าอย่างสะใจที่ได้แกล้ง หมดมาดนักธุรกิจไฟแรงไปโดยปริยาย ตฤณมองคนขี้แกล้งตาขวางแต่ก็ต้องยอมรับว่าที่อีกฝ่ายพูดก็มีเหตุผล สุดท้ายก็ต้องรอ...รอเวลาที่ความชั่วร้ายของผู้หญิงที่ใจดำยิ่งกว่าอีกาคนนั้นจะปูดออกมา


“นังแวว! นังแวว เอารองเท้าส้นสูงสีดำของฉันออกมาสิ เดี๋ยวไปไม่ทันพระสวด” เสียงแปดหลอดของสาวเฉี่ยวประจำบ้านรองเรียกสาวใช้คนสนิทด้วยความหงุดหงิด เนื่องด้วยเรียกหาหลายครั้งแล้วแต่ไม่เสียงตอบกลับอย่างเคย ร่างเพรียวระหงในชุดราตรีสีดำปักดิ้นเงินคล้องคอยาวจรดพื้น ย่างก้าวลงมาจากชั้นบนด้วยมาดนางพญาแม้จะอยู่ในสถานการณ์เร่งรีบแค่ไหนก็ตามที เธอก็ต้องขอสวยสง่าไว้ก่อน

ขาขาวเรียวก้าวมาหยุดที่บันไดขั้นสุดท้ายก่อนจะถึงพื้น คิ้วสวยที่ได้รับการแต่งมาอย่างดีก็หมุ่นเข้าหากัน ดวงตาคู่สวยแฝงแววหงุดหงิดยามมองหาคนสนิทที่บัดนี้ยังไม่โผล่ และก่อนที่จะได้แผดเสียงเรียกอีกครั้ง ร่างเล็กบางของสาวใช้ตนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้า

“นี่นังหวาน! นังแววมันหายหัวไปไหน ทำไมมันไม่หาฉัน เรียกไปตั้งหลายครั้งแล้ว หรือมัวแต่ตะกละกินข้าวอยู่” ตะวันฉายตะคอกถามสาวใช้ หวานเงยหน้ามองเจ้านายสาวอย่างกล้าๆกลัว ตอบเสียงแผ่ว

“พี่แววตายแล้วไงคะคุณตะวัน”

ตะวันฉายชะงัก ลืมไปสนิทใจเลยว่าสาวใช้ร่างท้วมคนสนิทนั้นโดนเธอส่งไปปรโลกแล้วพร้อมกับหนามยอกอกอย่างบุษบาเพราะหลายวันมานี้เธอมัวแต่ยุ่งเรื่องงานที่บริษัททั้งในส่วนของตนและส่วนของบิดาที่มัวแต่ยุ่งเรื่องงานศพจนไม่ค่อยได้เข้าบริษัท นอกเสียจากมีเรื่องด่วนที่ต้องจัดการ ร่างเพรียวแสร้งตีหน้าเศร้าให้สาวใช้ได้เห็นว่าเธอเสียใจมากจนไม่อยากจะเชื่อว่าคนสนิทตายจากไป

“แย่จัง...ฉันลืมไปเลยว่าแววมันตายแล้ว อย่างว่าล่ะนะมันทำใจลำบากที่จะให้เชื่อว่าแววตาย หวาน....แกก็รู้ใช่ไหมว่าฉันเสียใจมากกว่าใครที่นังแววมันตายไป มันไม่น่ามีจุดจบแบบนี้เลย...”ดวงตาเริ่มแดงก่ำ ตะวันฉายเบือนหน้าไปอีกทางซ่อนรอยยิ้มสมเพชทในความซ่อของหวานที่ตอนนี้เริ่มร้องไห้ หญิงสาวหันกลับมาแล้วสั่งเสียงอ่อนหวาน

“...เอาเถอะแกไปเอารองเท้ามาให้ฉันที คู่สีดำหัวเปิดนะ มีคู่เดียว” หวานใช้หลังมือเช็ดน้ำตาก่อนจะถอยออกไปทำตามคำสั่ง ไม่นานก็กลับมาพร้อมรองเท้าในมือ ตะวันฉายส่งยิ้มไปให้พร้อมกับที่ยื่นธนบัตรสีม่วงให้เด็กสาว

“อ่ะ...ฉันให้เอาไปกินขนม คราวหน้าถ้าฉันเรียกก็มาให้ไวหน่อยแล้วกัน” หวานรับเงินมาก่อนจะเปิดทางให้นางพญาสาวเดินเฉิดฉายออกจากบ้าน หวานก้มมองแบงค์ห้าร้อยในมือแล้วถอนหายใจออกมา ในใจของเด็กสาวนั้นไม่ได้มีความอยากได้เลยสักนิด ไม่ใช่เพราะไอ้สิ่งที่เรียกว่าเงินในมือเธอนี่เหรอถึงทำให้พี่สาวบ้านเดียวกันกับเธออย่างแววต้องตาย เธอถอนหายใจออกมาแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว ส่งเงินให้กับแม่ครัวคนหนึ่งที่เพิ่งบ่นเรื่องเงินขาดมืออยู่ก่อนจะเดินกลับไปทำงานของตนตามเดิมไม่แม้แต่จะเสียดายมูลค่าของมัน...


ตะวันฉายเดินขึ้นบันไดศาลา หญิงสาวมองเก้าอี้วางที่ยังไม่มีแขกนั่งอย่างเรียบเฉย มุมปากยกยิ้มเยาะยามเดินตรงเข้าไปหยุดยืนหน้าโลงศพ หญิงสาวเบือนสายตาไปยังภาพถ่ายของคุณบุษบา พึมพำเบาๆ

“แกมันไม่ควรได้รับการจัดงานอย่างดีแบบนี้เลยนังบุษบา อย่างแกแค่ปล่อยให้เน่าก็พอแล้ว รู้งี้จับถ่วงน้ำไปก็ดีหรอก!”

“เธอทำอะไรอยู่น่ะ ตะวันฉาย” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้ร่างเพรียวเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หญิงสาวหันขวับไปมองคนที่มาทัก พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเปิดปากพูด

“เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ถ้าฉันหัวใจวายตายไปจะว่ายังไงย่ะ นายพัดยศ!”

ร่างสูงในชุดเชิ้ตสีดำสนิทเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะกระตุกยิ้ม ย้อนกลับไป “ก็ดี...แผ่นดินจะได้สูงขึ้นเพราะหมดคนใจง่ายไปอีกคน”

“ไอ้พัดยศ!”ตะวันฉายแทบเต้น อยากจะกระโดดเข้าไปข่วนหน้าหล่อๆให้เสียโฉม เธอคิดผิดจริงๆที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมาเป็นน้องเขย!!! พัดยศตาโต มือหนาตบแปะๆสองสามทีก่อนประชดออกมา

“โฮ่...เดี๋ยวนี่ฉันได้เลื่อนขั้นแล้วเหรอ แต่ก่อนเรียกแค่ ‘นาย’ ตอนนี้เรียก‘ไอ้’ แล้ว ปลาบปลื้มใจ”

“แก! ไอ้เฮงซวย! ไอ้...”

“หยุดโวยวายได้แล้ว ฉันไม่ใช่กระโถนจะได้มารองรับสิ่งปฏิกูลจากเธอ ที่มายืนเนี่ยเพราะคุณแม่ให้ฉันมาดูว่าธูปหมดหรือเปล่า แล้วบังเอิญมาเห็นแม่มดร้ายอย่างเธอยืนพึมพำอะไรอยู่ ไง...กำลังร่ายมนตร์สาปแช่งใครอยู่” ชายหนุ่มหรี่ตามองอย่างจับผิด ทำเอาคนมีชนักปักหลังเริ่มวางท่านิ่งไม่ได้

“อะไร! อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ ฉันยังไม่ได้ฆ่าใครเลย อย่ามาพูดพล่อยๆกับฉัน ถ้าไม่มีหลักฐานไม่งั้นฉันฟ้องแกกลับแน่!” ก่อนจะเดินลงจากศาลาไปด้วยความเร็วขนาดน้องๆเฮอร์ริเคน ทิ้งให้คนที่แกล้งแหย่ต้องยืนงง

พัดยศมองตามหลังพี่สาวคนรักไปด้วยแววตาครุ่นคิด เมื่อกี้ถ้าหูเขาไม่เพี้ยนเหมือนจะได้ยินว่าตะวันฉายพูดประมาณว่าจะจับอะไรสักกอย่างถ่วงน้ำ ตอนแรกเขาก็ไม่คิดอะไรแต่พอนำมารวมกับอาการสติแตกของเจ้าหล่อนเมื่อครู่มันก็ทำให้เขาคิดไปถึงบางเรื่องที่ยังรบกวนเขาอยู่นับตั้งแต่ได้คุยกับตฤณเมื่อหลายคืนก่อน ใบหน้าคมคายเครียดลงเมื่อเริ่มลำดับเรื่องได้

“หรือว่า...”

ข้างฝ่ายตะวันฉายที่รีบร้อนลงมาจากศาลาก็ตรงดิ่งไปที่รถเพื่อสงบสติอารมณ์ ร่างเพรียวเดินวนไปวนมารอบรถของตน ใบหน้างามมีเหงื่อผุดพราว ริมฝีปากที่ทาด้วยลิปสติกสีแดงสดเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนมือบางจะทุบลงไปบนตัวรถอย่างแรง

“บ้าจริง ไอ้พัดยศมันจะได้ยินที่ฉันพูดออกไปไหมเนี่ย ถ้ามันได้ยินมันต้องไปเอาตำรวจมาจับเราแน่ ทำไงดี ทำไงดี มันต้องมีทางออกสิ ต้องมี” หญิงสาวพยายามคิดหาทางออก ก่อนจะชะงักเท้ายิ้มออกมาพูดกับตัวเองคนเดียว นัยน์ตากร้าว

“ใช่...มันมีทางออกนี่นา ถ้ามันพาตำรวจมาจริงเราก็แค่ทำให้มันหายไปจากโลกใบนี้ซะก็สิ้นเรื่อง เหมือนนังบุษบา กับนังแววไงล่ะตะวันฉาย เห็นไหมง่ายนิดเดียว” แล้วหญิงสาวก็หันหลังเดินกลับไปยังศาลาอีกครั้ง รู้สึกปลอดโปร่งที่คิดได้แล้วว่าจะจัดการกับคนที่มาขวางทางตนอย่างไร

----------------------------------------------------------------------
มาแล้วค่า ตอนนี้มีแต่สองหนุ่ม ปล่อยให้เขาออกมาเถอะ เพราะการพูดคุยของพวกเขาในตอนนี้มีผลกับตอนต่อๆไป หายไปนานเลยเพราะงานของข้าพเจ้านั้นยุ่งมากกกก แต่ช่วงนี้วันหยุดว่าจะเข็นออกมาอีกสักตอน (ถ้าขยันนะ แหะๆ)

ก้าวเข้าสู่โค้งสุดท้ายแบบเต็มตัวแล้ว เริ่มนับถอยหลังกันได้แล้วค่ะ เพราะข้าพเจ้ากะให้จบที่ 40ตอน(ถ้าข้าพเจ้าไม่มันส์มือในการเขียนอีก)

เจอกันตอนหน้าค่ะ เอ...จะมีเหยื่อรายต่อไปดีไหมหนอ

ติชมได้ค่ะ จุ๊บ จุ๊บ



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ส.ค. 2555, 22:28:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ส.ค. 2555, 22:30:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1776





<< ตอนที่ 36   ตอนที่ 38 >>
ใบบัวน่ารัก 11 ส.ค. 2555, 22:47:53 น.
จะฆ่ากันหมดเรื่องไหม
หายไปนานจัง


Pat 12 ส.ค. 2555, 09:03:14 น.
ไม่ดีค่า รับไม่ไหว เดี๋ยวจะเครียดเกินไป. ไรเตอร์สู้ๆ เผื่อจะได้อ่าน(ต่อเนื่อง) วันหยุดอีก


sai 12 ส.ค. 2555, 11:18:58 น.
อย่ามีเลยค่ะ เดี๋ยวมันจะเป็นนิยายฆาตกรรมซ่องเงื่อนน้า อิอิ


anOO 12 ส.ค. 2555, 13:01:07 น.
คราวนี้ คนอื่นๆ คงจะรู้ทันยัยตะวันขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ
ไม่ใช่ว่าจะฆ่าใครได้ง่ายๆ เหมือนกันหมดนะ


กาซะลองพลัดถิ่น 13 ส.ค. 2555, 01:45:55 น.
ไรเตอร์เกลียดอะไรใครมาหรือปล่าวคะ ถึงอยากจะให้ตะวันฉายฆ่าคน มันดูจะส่งเสริมคนทำผิดที่เห็นว่าการฆ่าคนมันง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามืออ่ะคะ อย่าเลยคะ เอาแบบสนุก ๆ ดีกว่าเนอะ


ธีร์จุฑา 16 ส.ค. 2555, 01:23:55 น.
ป้าแกฆ่าคนเป็นว่าเล่น พี่พัดยศของหนู~~ TTOTT


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account