กรงรักมายาหัวใจ
ความรักที่เย็นฉ่ำดุจละอองเกล็ดหิมะ หัวใจที่รุ่มร้อนดังเพลิงเพราะรัก

ฟ้าได้ลิขิตให้ทั้งสองมาเจอกัน ก่อนจะพลัดพราก เมื่อหญิงคนรักทิ้งเขาไปอย่างเลือดเย็น เขามีแต่ความเจ็บปวด เจ็บแค้น อันแน่นในหัวใจ เมื่อต้องกลับมาเจอเธออีกครั้ง เขาจะจัดการกับเธออย่างไร ในเมื่อไม่เคยลืมรักครั้งแรก

ปารีส (พระเอก) ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-แคนาดา เขารักปาริสาอย่างหมดหัวใจ ทว่าหล่อนกลับทิ้งเขาไป เมื่อต้องกลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งที่ยังรัก และไม่เคยลืมจากหัวใจ อยากจะคว้าตัวหล่อนมากอด แต่ทำเพียงแค่แสดงความโกรธ และเย็นชาเท่านั้น โดยเก็บรักขังไว้ในกรงหัวใจ
ปาริสา (นางเอก) หรือที่ใครๆ หลายคนมักเรียกว่า ริสา เพียงแค่ไม่กี่เสี้ยววินาทีได้ตัดสินใจ เดินออกมาจากชีวิตของเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง ทว่าหล่อนกลับใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อลืมเขา การต้องกลับมาเจอกับเขาอีกครั้งสร้างความไหวหวั่น หัวใจเหมือนโดนเศษแก้วบาดลึก ต่อความเย็นชา และอารมณ์โกรธของเขา หญิงสาวเก็บกักความรู้สึกซ่อนลึกในกรงหัวใจ ทำตัวเองประหนึ่งเป็นกระจกสะท้อนเงา เมื่อเขาร้ายหล่อนร้ายตอบ เจอความเย็นชา หล่อนก็พร้อมจะเป็นน้ำแข็งขั้วโลกใต้ ทว่าสิ่งที่ทำให้กลัวจับใจ คือความลับที่ปกปิดไว้ไม่ให้เขารู้
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 12 เมนูรัก

ไม่ต้องแปลกใจไปนะคะ..เปลี่ยนนามปากกาใหม่ค่ะ จาก viengkawe เป็น มุกมาดา
แต่คนเขียนเรื่องนี้เป็นคนเดียวกันค่ะ ส่วนที่ทำไมถึงเป็นมุกมาดา เนื่องด้วยผู้เขียน
เพิ่งทราบประวัติความเป้นมาของตัวเอง ฮา ตอนกลับไปใต้ บ้านเกิด มารดาผู้ให้กำเนิด
เล่าให้ฟังว่า ผู้เขียนมีแม่ 2 คน และวันนั้นที่กลับไป แม่คนที่ 2 กลับจากอเมริกา
มาพอดี ซึ่งท่านนานๆๆ หลายปีจะกลับมาเที่ยวเมืองไทย หลังจากแต่งงานก็ไปอยู่ที่นั่น
ถาวร โดยถือ 2 สัญชาติ เพราะตอนมารดาก่อนจะตั้งครรภ์ฝันว่า แม่คนที่ 2 ซึ่งก็เป็น
ญาติห่างๆ นำไขมุกสีชมพูมาวางไว้ในมือ และแม่ก็สะดุ้งตื่น ความรู้สึกแม่บอกว่า
ยังรู้สึกเหมือนมีไข่มุกอยู่ในมือ หลังจากนั้นก็ตั้งท้อง ผู้เขียนเกิดมาก็ไม่สบายมาก
มารดาบอกว่าตัวเขียว เหมือนจะไม่หายใจ เลยนึกถึงความฝัน เลยหอบผู้เขียน
ไปให้แม่คนที่ 2 ผูกข้อมือรับเป็นลูก แล้วส่งคืนมารดาบอกว่าช่วยฝากเลี้ยง
หลังจากนั้นผู้เขียนก็หายป่วยเป็นปลิดทิ้ง ชื่อผู้เชียน ชื่อเล่นที่ไม่ใช่นามปากกา
แม่คนที่สองก็เป็นคนตั้งให้คล้องจองกับชื่อท่าน ตอนแรกจะตั้งนามปากกาว่า
มุกชมพู ปรากฎมีคนใช้แล้ว จึงเปลี่ยนเป็น มุกมาดา ที่แปลความหมายได้ว่า
ไข่มุกของแม่ทั้งสอง
....5555 แค่เปลี่ยนนามปากกาสั้นๆ เล่าเสียยาว ผู้เขียนอยากแชร์เรื่องราว
ที่มาที่ไปของนามปากกา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ตัวเองค่ะ...

หากอยากชม MV ตัวใหม่ ซึ่งมีภาพสวยๆ โลแกชั่น เป็นแบบเคลื่อนไหวเสมือนจริง
เพื่อสร้างจินตนาการสามาถเข้าไปดูได้ที่ลิงค์


http://www.youtube.com/watch?v=3viuKiFuzrw&feature=g-upl



ตอนที่ 12

“แกไม่หิวหรือไงทวีป ถึงมัวแต่นั่งจ้องหน้าฉันแทนมองเมนูสั่งอาหาร”



ปารีสออกปากถามโดยไม่เงยหน้ามอง อย่างนึกรำคาญลูกตาสีดำของเพื่อนสนิทที่จ้องไม่กะพริบ
ส่วนแววตาดำขลับคู่หวานของเขมิกาก็มีอาการไม่ต่างจากแฟนหนุ่มตัวเองมากนัก เจ้าหล่อนเอา
แต่มองอย่างต้องการจับพิรุธบางอย่างของปาริสาที่นั่งตัวเกร็งก้มหน้าก้มตาจดจ่ออยู่กับรายการ
อาหาร



“หิวสิ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะกินอะไร” คนจ้องรีบตอบ ทว่าความจริงเขาอิ่มจนแทบอ้วก เพราะ
เพิ่งจัดหนักก่อนจะได้รับโทรศัพท์จากคนที่หายตัวไปทั้งคืน ถ้าเขมิกาไม่คะยั้นคะยอ ตามประสา
ผู้หญิงที่อยากรู้อยากเห็นจนไม่อยากเสียเวลารอ เขาไม่มีทางให้ความร่วมมือเด็ดขาด



“น้องมิกาจะกินอะไรครับ” ทวีปหันไปถามคนนั่งข้าง



“อิ่มแล้ว เพิ่งกินไปจะกินอีกทำไม”


คนเสียสมาธิรู้สึกตัวเมื่อถูกแฟนหนุ่มสะกิด “อุ้ย! มิกาหิวมาก หิวจนอิ่ม ก็เลยแกล้งพูดไปแบบนั้น
ไม่เคยได้ยินหรือไง พอเลยเวลาหิว มันก็จะรู้สึกไม่อยากกินไปอัตโนมัติ”


“ถึงไม่หิวก็ต้องกิน” ทวีปบังคับแกมนึกอยากแกล้ง เพราะหล่อนไม่ยอมฟังเขาห้าม บอกให้ปล่อย
พวกเขากินอาหารกันตามลำพัง อยากรู้อะไรค่อยถามหลังจากพากันกลับเข้าที่พัก


“เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะ เอาอันนี้แล้วกันของโปรดมิกาพี่สั่งให้” ทวีปรีบอาสา “พาสต้าทะเล
กุ้งมังกรแคนาดาอบเนย ซีซาร์สลัดกุ้ง ซุปร้อนก็เอาซุปหอยลาย”

เขมิกาพยักหน้าฝืนยิ้ม ทว่าตาดุ แอบบ่นพึมพำในใจ ตาบ้า! เล่นสั่งเมนูเดิมทุกอย่างที่เพิ่งกิน
ไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หล่อนจะกลายร่างเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา ไปแล้ว หากปฏิเสธก็อาจเสียพิรุธได้
เพราะมื้อไหนๆ ส่วนใหญ่ เขมิกามักชอบสั่งเมนูเดิมซ้ำๆ ไม่เคยเบื่อถ้าเป็นของโปรด


“ดูเหมือนน้องริสายังคิดไม่ออกว่าจะกินอะไร” ทวีปหันไปถาม “เอาชุดเดียวกับมิกาเลยไหมครับ
เดี๋ยวพี่สั่งให้”


“แกไม่ต้องยุ่ง อยู่เฉยๆ เถอะ” ปารีสรีบขัดคอ “เดี๋ยวฉันจัดการเอง”


ปาริสาแทบอยากให้เมนูที่ตนถือค้างไว้ในมือดูดร่างตัวเองกลืนหายไปเสียประเดี๋ยวนั้น
เมื่อสิ้นคำของคนตัวสูง ก็ถูกสองคนฝั่งตรงข้ามหรี่ตามองอย่างสงสัย


“ทำไมถึงยุ่งไม่ได้” นั่นปะไร ทั้งทวีปและเขมิกาต่างถามแทบจะเป็นเสียงเดียวกันโดย
ไม่ได้นัดหมาย


“ฉันไม่กินอาหารทะเล” ปารีสตอบ


“อืม อันนี้รู้ ว่าแพ้อาหารทะเลกินไม่ได้” ทวีปบอกพลางพยักหน้า ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดอีกยาว
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับริสาด้วย ถามน้องเขาหรือยัง ว่าเขาอยากกินไหม คนที่ไม่ควรยุ่งคือนาย
ต่างหากนายปารีส น้องริสาเป็นคนกิน ปากก็ปากของน้องริสา ท้องก็ไม่ได้ติดกันนี่หวา”
ปารีสจ้องหน้าคนพูดไม่หยุดปาก ท่าทางจะของขึ้น ปาริสารีบเข้าแทรก ก่อนจะเสียแผน


“คือริสา ไม่ค่อยชอบกินอาหารทะเลเท่าไหร่ค่ะ ขอสั่งอย่างอื่นกินดีกว่า” หล่อนรีบบอกแล้ว
ก้มหน้าไม่มองใคร พยายามรีบเลือกมาสักอย่างในหน้าเมนูที่พลิกค้างไว้


“Pork Steak with BBQ Sauce (สะเต็กหมูย่างซอสบาร์บีคิว) Mushroom Soup
(ซุปเห็ด) Vegetable salad (สลัดผัก) Chicken Stew (สตูว์ไก่) เอามาสองชุด
ส่วนสตูว์เอามาแค่ชุดเดียวก็พอ”


ได้ยินกันชัดเจนทั้งสามคนกับการสั่งอาหารอย่างรวดเร็วและมั่นใจของปารีส เขาจัดการให้
เสร็จสรรพโดยปาริสายังไม่ทันได้เลือก เขาหันมาตอกย้ำ


“สตูว์ไก่เราสองคนกินด้วยกันดีกว่าครับ เพราะเยอะไปเดี๋ยวจะกินกันไม่หมด”


หญิงสาวบอกตัวเองว่าหล่อนรู้สึกตัวลีบหดเล็กเป็นอริสในดินแดนมหัศจรรย์บนเก้าอี้ตัวใหญ่
ร่างบางค่อยๆ เงยหน้าหันไปทางพนักงานข้างโต๊ะ อย่างน้อยควรทำอะไรให้ตัวเองบ้างเพื่อ
คลายความอึดอัด


“ขอน้ำเปล่าค่ะ”


“จริงสิลืมสั่งเครื่องดื่ม ผมก็เอาน้ำเปล่าเหมือนกันครับ”


หล่อนอุตส่าห์รักษาระยะห่าง เขาก็ยังไม่ยอมเลิกตามติด ปาริสาชำเลืองแค่ห่างตามอง
เห็นสายตาของคนนั่งประจันหน้า แทบอยากจะหยิกเนื้อสีข้างของรุ่นพี่ปารีสนัก
ไหนรับปากเป็นดิบดีตอนหล่อนบอกย้ำ ก่อนเข้ามานั่งห้องอาหารของโรงแรมที่พัก


“น้องริสาจะกินของหวานด้วยไหมครับ พี่ไม่ชอบของหวานขอผ่านเมนูนี้ เห็นน้องริสา
ชอบกินลูกอม คงชอบกินอะไรหวานๆ จะสั่งอะไรดีครับ ที่นี่ทาร์ตฟรุ้ตสลัดเขาก็อร่อย
จะเป็นเค้กหรือพายก็ได้ มีหลายแบบ”


ตอนนี้ปาริสารู้สึกขมในคออยากได้ของหวานอยู่เหมือนกัน ทว่าหล่อนยังคงวางฟอร์ม
แบบคนไม่สนิท ไม่อยากจะคุยกับอะไรกับเขาให้มาก ยิ่งเห็นรอยอมยิ้มของรุ่นพี่ทวีป
แล้วนึกอยากให้เขาปิดปากตัวเองเสียที



“ไม่ค่ะ ไม่อยากกิน”

หญิงสาวรู้สึกได้ว่าตัวเองตอบเขาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ก็เอ็ดตัวเอง ทั้งที่ตั้งใจจะพูดด้วย
น้ำเสียงปกติที่สุด ทำไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อหันไปมองหล่อนต้องเม้มปากกับรอยอมยิ้ม ที่ดูไม่
แตกต่างจากทวีปเท่าไหร่นัก ยังดีที่เขมิกายังคงอยู่ในอาการคิ้วขมวดมีเครื่องหมาย
คำถามอย่างสงสัยแปะอยู่บนหน้า


ร้ายนัก...เขากำลังสนุกกับการแกล้งหล่อนอีกแล้ว


“ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนมาดื่มไวน์แทนดีกว่าไหมครับ พวกออเดิร์ฟอย่างขนมปัง หรือปลา
จะเสิร์ฟด้วยไวน์ขาวแต่เราไม่ได้สั่ง จานหลักเราเป็นเนื้อหมู ต้องกินกับไวน์แดงถึงจะเหมาะ”


“ไม่ค่ะ ไม่อยากกิน”

หล่อนตอบพลางนึกบ่น เขาจะพูดขยายความอะไรให้มากมายตอนนี้ปาริสาไม่ได้อยู่
ในอารมณ์นักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต้องการความรู้ ทว่าอยากจะเอาผ้าขาวผืนเล็กบนหน้าตัก
ก่อนนั้นถูกจับจีบวางอยู่บนโต๊ะอย่างสวยงาม เอาไปคาดปิดปากเขามากกว่า

ดูเหมือนปารีสจะรู้ตัวว่าเล่นสนุกกับหล่อนจนเกินพอแล้ว เขาจึงเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ


“รู้สึกพี่ปารีสกับริสาจะสนิทกันมากขึ้นนะคะ ตั้งแต่หายไปหนึ่งวันกับหนึ่งคืน”
เขมิกาเข้าคิวทำหน้าที่ต่อ หล่อนถามชนิดปาริสาแทบสะอึก หรือถ้ามีอาหารในปากคง
สำลักไปแล้ว


“มิกาคิดแบบนั้นเหรอ” ปารีสย้อนถาม “พี่เองก็กำลังคิดว่าการที่พี่หายไปหนึ่งวันกับหนึ่งคืน
รู้สึกนายทวีปเพื่อนพี่จะอารมณ์ดีขึ้นพิเศษ โดยเฉพาะสายตาเวลามองมิกาก็แปลกๆ พิกล
ทำอย่างกับเพิ่งเริ่มตกหลุมรัก”


เขมิกาที่อุตส่าห์โยนก้อนหินถามทาง ดันโดนถูกขว้างใส่กลับ ถึงกับหน้าแดงระเรื่อ
วางตัวไม่ถูก อย่างไรก็ตามปารีสก็ไม่มีทางรู้ได้หรอกว่าเมื่อวานหล่อนกับทวีปเพิ่งมีจูบแรก
ทั้งที่คบกันมาเกือบจะสองปีแล้ว


“ชักหิวแล้วสิ ทำไมอาหารมาช้าจัง”


เขมิกาหาทางเปลี่ยนเรื่องคุย ปารีสเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แค่ถ้อยคำของปารีสไม่กี่ประโยค
ทำให้ชายหนึ่งหญิงหนึ่งฝั่งตรงข้ามหยุดจ้อง กลายเป็นหลบตาแทน แถมหุบปากเงียบสนิท


ปาริสาเหลือบมองไปทางร่างสูง ก่อนจะหันมานั่งคิดกับตัวเอง ใครอาจหาญเป็นศัตรูกับ
ผู้ชายคนนี้ คงถึงคราวดวงซวยเอาจริงๆ ขนาดตกเป็นฝ่ายอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัด
เขากลับสามารถพลิกกลับ กลายเป็นผู้ควบคุมเสียเอง แทนที่จะตกเป็นฝ่ายถูกไล่เบี้ย
หล่อนแทบหลุดเสียงหัวเราะเมื่อหันไปอีกที เขายักคิ้วหลิ่วตาให้


คนเจ้าเล่ห์...ร่างบางบ่นอุบอยู่ในใจ



ไม่นานนักบรรดาอาหารตามรายการก็ทยอยมาเสิร์ฟยังโต๊ะของลูกค้าชาวไทย และลูกครึ่ง
ไทยแคนาดา อีกคน ปาริสาทนหิวมานานแล้ว ทันทีสะเต็กหมูย่างซอสบาร์บีคิววางลงตรงหน้า
หล่อนก็รีบฉวยมีดกับส้อมอุปกรณ์ที่วางเป็นชุดอยู่แล้วบนโต๊ะ ทว่าจานอาหารกลับลอยวืดหายไป
มีดกับส้อมจึงปักอยู่บนโต๊ะแทนจะอยู่ตรงชิ้นเนื้อ ร่างบางสะบัดหน้าหันไปมองคนตนเหตุทำให้
เจ้าสิ่งที่กำลังส่งกลิ่นยั่วน้ำลายอันตรธานไปกับมือของเขา เรียวปากบางได้แต่อ้าค้างหยุด
คำพูดทุกอย่างไว้ที่ปลายลิ้น เมื่อชายหนุ่มนำจานของเขามาวางไว้แทน


“เอาจานนี้ไป” เขาบอก “พี่หั่นไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”


ไม่ใช่แค่ปากเผยอค้าง หล่อนยังมองเขาตาค้างพร้อมกับสีหน้าลำบากใจ เมื่อเห็นคนฝั่งตรงข้าม
ถืออาวุธอาหารอยู่ในมือไว้อย่างนั้นโดยยังไม่ยอมจัดการกับศัตรูความหิวที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะ
พวกเขากำลังจ้องแบบลืมกิน สลับกันไปมาระหว่างปาริสาและปารีส


“ทำไมไม่กิน” คนต้นเหตุยังอุตส่าห์พูดอีก “ท่าทางหิว หรือจะให้พี่ป้อน”

หญิงสาวแทบสำลักน้ำลายตัวเอง

“มะ...ไม่ต้อง ค่ะ ริสาทานเองได้” รีบบอกเขาก่อนจะเอาส้อมปักลงไปในชิ้นเนื้อเข้าปาก
ตามด้วยน้ำอีกอึกใหญ่ เพราะรู้สึกฝืดคอพิกล

“ทำไมพูดแบบนั้น” ทวีปทักน้ำเสียงยั่วแหย่ “ดูสิน้องริสาเขินจนหน้าแดงแล้ว”
คนพูดหันไปทางแฟนตัวเองบ้าง กล่าวสัพยอก

“มิกา เห็นทีเราสองคนคงไม่ต้องออกแรงเชียร์ให้เหนื่อยแล้วล่ะ” ทวีปพยักพเยิดหน้าไปทางปารีส
“นายปารีสดูสนใจเพื่อนของเธอเป็นพิเศษ ออกหน้าหน้าเสียขนาดนั้น”


“จริงด้วย” เขมิกาเห็นตามแล้วหันไปทางเจ้าของเรื่องฝ่ายหญิง “ริสา ถามจริง เมื่อวานเธอไป
ทำอีท่าไหน ถึงทำให้ผู้ชายแบบพี่ปารีสเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”


“ริสาไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย เขาต่างหากเป็นคนทำ” ปาริสาหลุดปากโดยไม่รู้ตัว เพราะอยู่ใน
อารมณ์ประหม่าแกมตกใจ ได้สติเมื่อมีเสียงบางอย่างตอบสนอง


“ห๊า!”ทวีปเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง

“อะไรนะ!” เขมิกาอุทานแกมประหลาดใจ ว่าสิ่งที่หล่อนคิดสงสัย และกลัวว่าเพื่อนสนิท
คนใหม่จะพลาด ได้เกิดขึ้นจริง


“ทำไมต้องทำหน้าเหมือนโดนผีหลอกอย่างนั้น” ปารีสไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ

“ใช่ฉันเป็นคนทำ ถ้าไม่เพราะฉันอยากไปเล่นสกีแบบโลดโผนอย่างที่เคยทำ คงไม่ต้องเจอ
หิมะถล่มติดอยู่กับพายุอย่างช่วยไม่ได้”

ทวีปวางช้อนลง ตบโต๊ะดังปังเบาๆ


“สุดยอด ฉากสถานการณ์คลาสสิกเลยวะเพื่อน ถ้าเป็นละครน้ำเน่าแบบไทยๆ
ก็ติดอยู่กระท่อมร้างกลางป่าท่ามกลางสายฝนตกหนัก แล้วนายล่ะไปอยู่บนนั้นรอดมาถึงเช้าได้ไง”


“มีกระท่อมของพวกนักล่าสัตว์หรือไม่ก็พวกนักเดินทางปีนภูเขา อยู่บนยอดเขาสูงขึ้นไป
เราเลยไปพักกันที่นั่น”


“บังเอิญจัง” เขมิกากล่าวอย่างต้องการหาเรื่องคุย เพราะไม่อยากกิน ด้วยยังอิ่มจัดกับอาหารมื้อ
ก่อนนั้น ก่อนจะเจาะเข้าประเด็น “หรือเจตนา ทำไมไม่หาทางกลับลงมาข้างล่าง
อุตส่าห์ปีนขึ้นไปอีก”



ปารีสไม่สนใจตอบ กลับใช้มีดเฉือนเนื้อแล้วใช้ส้อมจิ้มอาหารเข้าปาก สีหน้านิ่งขรึมเยียบเย็น
บรรยากาศเหมือนกำลังย้ายโต๊ะอาหารไปวางนั่งอยู่ท่ามกลางลานหิมะขาวโพลนจนหนาวสะท้าน
ทวีปเห็นอาการเพื่อนสนิทก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังเซ็งและไม่อยากใส่ใจกับเขมิกา เพราะไอ้ท่าทาง
แบบนี้จนบรรดาคนรอบข้างที่ไม่สนิทด้วยต่างพากันคิดว่า ปารีสเป็นผู้ชายถือตัวและหยิ่งยโส


“เธอจะบ้าหรือไงเขมิกา” ทวีปช่วยแฟนสาวด้วยกันหันไปเอ็ด “ไม่ได้ยินเหรอพวกเขาไปเจอหิมะ
ถล่ม แถมพายุก็ตกหนัก รอดตายมาได้ก็บุญแล้ว ยังจะให้เขาถ่อสังขารเสี่ยงชีวิตอีกทำไม
เธอจะไปคาดคั้นเอาอะไรพี่ปารีส”


“พี่ทวีปไม่รู้อะไรก็เงียบไปเถอะ” ฝ่ายชายกลับโดนเข้าบ้าง “กระท่อมร้างกลางป่าฝนตกหนัก
กับกระท่อมบนยอดเขาหิมะตกหนัก อากาศติดลบสามสิบกว่าองศาแบบนั้น สถานการณ์มันต่างกัน”


“แล้วเธออยากจะรู้อะไร” ทวีปถามจริงจัง


“ก็อยากรู้ว่า พวกเขาอยู่บนนั้นได้ไงทั้งคืน โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือว่าเกิด”


ประโยคหลังเขมิกาหันไปมองปาริสาซึ่งกำลังพยายามอย่างยิ่งยวดไม่แสดงว่ามีตัวตนอยู่แถวนั้น
หล่อนรีบกลืนอาหารลงกระเพาะอย่างยากเย็น กลั้นใจหลับหูหลับตาตอบโกหกหลีกเลี่ยงความจริง


“เปล่าไม่มีอะไร” ปาริสาฉีกยิ้มหวาน “บนนั้นสบายมาก มีเตาผิงให้ความอบอุ่นทั้งคืน”
เตาผิงมีชีวิตที่นั่งข้างหันไปมองหญิงสาวพยายามกลั้นยิ้ม “แถมมีตะเกียงพายุให้ความสว่าง
อีกต่างหาก บรรยากาศสบายมากราวกับบ้านพักตากอากาศ มีเบียร์มีเหล้าให้ดื่ม เหมือนไป
พักผ่อนมากกว่าไปติดพายุหิมะเสียอีก”

พูดจบร่างบางถึงกับลอบถอนหายใจกับความเป็นตุเป็นตะ กำลังปั้นน้ำเป็นตัวเสียยืดยาว


“มีเบียร์ มีเหล้าด้วย” เขมิกาถามย้ำ “แล้วเธอกินหรือเปล่าริสา” คนถูกถามทำเพียงส่ายศีรษะ
ไปมา ไม่อยากพูดอะไรที่ไม่เป็นความจริงอีก ตอบอยู่ในใจ ‘เปล่ากินแค่ดื่มหมดขวดแค่นั้นเอง’


“เฮ้อ! ค่อยโล่งอก ดีนะ คนคอไม่แข็งอย่างเธอยอมทำตามสิ่งที่เคยบอกว่าต่อไปหากอยู่กับ
ผู้ชายตามลำพังสองต่อสอง ห้ามดื่มพวกของมึนเมาเด็ดขาด เดี๋ยวจะเกิดเรื่องเอา”


ปาริสาอยากกลั้นหายใจตายลงตรงนั้น ถ้าสถานการณ์ไม่บีบบังคับ หล่อนก็อยากทำตามอยู่หรอก


“ได้ยินแบบนี้แล้วชักอยากไปแล้วสิ” ทวีปพูดขึ้นบ้าง หันไปทางปารีส “ไว้พรุ่งนี้ พวกเราทั้งหมด
ไปออกกำลังกาย โดยการปีนเขา แล้วขึ้นไปพักกันบนนั้นดีไหม”

“เป็นความคิดที่ดีค่ะพี่ทวีป” เขมิกาเห็นด้วย ทวีปจึงรีบสรุป


“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ให้พวกเขาพักผ่อนเอาแรงให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้ค่อยลุยต่อด้วยกัน”


“ไปกันเองสองคนเถอะ” ปารีสปฏิเสธอย่างไม่เสียเวลาเอาใจ เพราะตนมีแผนอื่นสำรองอยู่ในใจ
“พรุ่งนี้ฉันไม่ว่าง”

“อ้าว!” ทั้งทวีปและเขมิกาอุทานเกือบพร้อมกัน ฝ่ายทวีปอาสาโวยขึ้นอย่างสงสัยและรู้ดี


“อย่าบอกนะว่าจะไปซ้อมเล่นสกี อย่างนายต่อให้งดฝึกสักสามวันติดต่อกันก็ไมทำให้
พลาดเหรียญทองหรอก เพราะฉะนั้นมาครั้งนี้ เปลี่ยนแผนสักหน่อยไม่ได้หรือไง”


“ฉันมีแผนอื่นแล้ว” ปารีสตอบสั้นๆ


“แผนอะไร มีเรื่องอื่นที่สนุกกว่าหรือไง ก็ได้ไหนลองว่ามาสิ” ทวีปกระตือรือร้น ลองเป็นแผน
หรือความคิดของปารีส ซึ่งนานๆ จะออกนอกกรอบเสียที ต้องไม่ธรรมดา


“พรุ่งนี้เราจะกลับกัน ฉันจะขับรถไปส่งทุกคนกลับที่พัก แผนนี้มีแค่สำหรับฉันเท่านั้น
ไม่เกี่ยวกับคนอื่น”
ปารีสย้ำชัดด้วยสายตาที่มองจ้องเพื่อนสนิท เท่านี้ทวีปก็รู้ตัวว่าตนไม่ได้อยู่ในโปรแกรม
พิเศษของเพื่อน ทว่าก็อดถามเพราะความอยากรู้เรื่องส่วนตัวของเพื่อนไม่ได้อยู่ดี


“บอกได้ไหมว่าจะไปทำอะไร”

“ถ้าบอกได้ฉันบอกไปนานแล้ว ไม่รอให้แกต้องถามหรอก” ปารีสย้อนแบบกวนอารมณ์ตาม
ประสาคนคุ้นเคยอย่างเพื่อนสนิทที่พูดจาทำนองนี้เป็นเรื่องปกติ


“ว้า! แย่จัง เป็นครั้งแรกที่ชวนริสา มาเปิดหูเปิดตา ตอนพี่ปารีสมาฝึกสกี น่าจะอยู่พักผ่อนที่นี่ต่อ”


“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงริสา ริสาเองก็อยากกลับเหมือนกัน ไม่ค่อยชอบอากาศหนาว หิมะเยอะแบบนี้”


ปาริสากำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรบางอย่าง รีบเงยหน้าบอกเพื่อนสนิทคนใหม่ให้หายกังวล
เรื่องของตน นึกอยู่ในใจว่าหล่อนเปิดหูเปิดตา แถมเปิดตัวอย่างเป็นทางการมากพอแล้ว แค่ช่วงเวลา
หนึ่งวันและค่ำคืนที่ผ่านมา การกลับไปยังรังนอนของตัวเองเป็นความคิดที่ดีไม่น้อย จะได้ทบทวน
เรื่องชีวิตของตัวเองในอนาคต โดยขออยู่ตามลำพัง และรักษาระยะห่างจากเขาสักพักก็ยังดี


เสียงสัญญาณสั้นๆ บ่งบอกว่ามีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของปารีสซึ่งวางนิ่งอยู่บนโต๊ะ โดย
ไม่ได้เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อกันหนาว เพราะก่อนนั้นใช้โทรตามแจ้งการมาถึงของเขาและปาริสาให้อีก
สองคนที่เฝ้ารอคอยอยู่ยังโรงแรมที่พักแห่งนี้ได้รับรู้ ทว่านอกจากเจ้าของเครื่องจะเหลือบมองแล้ว
ทวีปเองก็เห็นเช่นกันเมื่อวัตถุเทคโนโลยีล่าสุดขนาดกะทัดรัดอยู่ฝั่งใกล้เขาเหมือนกัน


“ใคร ยายแม่มด” ทวีปถามนึกสงสัย “ไม่เคยได้ยินแกพูดเกี่ยวกับคนนี้ หรือชื่อแปลกๆ แบบนี้
โทรคุยด้วย”


ใคร? ที่กำลังพูดถึง ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเอร็ดอร่อยกับอาหาร ทำไม่รู้ไม่ชี้


“ไม่ต้องรู้สักเรื่องได้ไหม” ปารีสย้อนตอบเสียงเรียบสนิทเช่นเคย ทวีปจำต้องตอบไปอย่างหมั่นไส้


“ได้ ฉันไม่รู้เรื่องแกแค่เรื่องสองเรื่องคงไม่ถึงกับขาดอากาศหายใจตายหรอก”


“นี่สิ เขาถึงเรียกว่าเพื่อนแท้รู้ใจ” ปารีสกล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ “ไว้ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เอง”


ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วเปิดอ่านพร้อมกับรอยอมยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าสาว
ข้างกายส่งข้อความมาอย่างไร


‘พี่ปารีสไหนรับปากว่าจะแสดงบทให้แนบเนียน นี่มันแนบสนิทต่างหาก เลิกคุยกับริสาได้แล้ว
และไม่ควรเอาอกเอาใจ ต่อหน้าสองคนนั้นด้วย จะคุยอะไรกันก็คุยก็ทำไป แต่หลีกเลี่ยงเรื่อง
ที่มีริสาไปเกี่ยวข้องด้วย’


เขาอ่านจบก็ไม่ได้วางลงทันที ดูเหมือนมีข้อความมาอีกครั้ง พอเปิดอ่านก็เห็นว่าเป็นของ
‘ยายแม่มด’ คนเดิมของเขา หล่อนคงรีบพิมพ์ต่อส่งทันที เมื่อได้ยินเรื่องราวที่สนทนากันกลางวง
รับประทานอาหาร


‘เราจะกลับกันพรุ่งนี้เป็นความคิดที่ดีค่ะ พี่คงมีธุระสำคัญ ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องโทร.หรือมาหา
ริสานะคะ ริสาไม่คิดมาก และไม่ต้องเป็นห่วง ไว้กลับไปซ้อมการแสดงให้แนบเนียนกว่านี้
แล้วค่อยกลับมาหา โชคดีค่ะ’


ไม่นานจากนั้นหลังจากปารีสพิมพ์ข้อความโต้ตอบ หล่อนก็ค่อยๆ กระมิดกระเมี้ยนเหมือน
ไม่ค่อยสนใจหรือกระตือรือร้นอยากอ่าน หรือแสดงว่ามันเป็นข้อความสำคัญ ปาริสายังคง
ทำตัวได้แนบเนียนกว่าเหมือนเดิม ร่างบางเปิดออกอ่าน


‘แล้วจะเสียใจ’
สั้นๆ ถึงจะมีความหมาย แต่ก็ไม่ได้ขยายความให้ชัดเจน หญิงสาวเม้มปากแน่น นึกต่อว่าเขาอยู่ในใจ
ทีพูดละก็ยาวเป็นกิโล พิมพ์ข้อความกลับมาแค่ไม่เกินหนึ่งนิ้ว


หล่อนจะเสียใจทำไมกับการที่เขาไม่โทร หรือไม่มาหา เมื่อเป็นความต้องการของตนอยู่แล้ว
เพื่อขอเวลาทบทวนตัวเอง โดยไม่มีผู้ชายที่ชื่อปารีสมามีอิทธิพลถ่วงน้ำหนักกับเหตุผลในการ
ตัดสินใจปรับแผน หรือเดินหน้าไปตามแผนเดิมที่วางไว้ หญิงสาวรีบพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
อีกครั้ง


‘แล้วจะรอความเสียใจ’
ปารีสได้อ่านถึงกับหัวเราะร่วน เจ้าของข้อความถึงกับสะบัดหน้าหันไปมองเม้มปากแน่น มือสองข้าง
ยังกุมประคองโทรศัพท์อยู่ในมือ


“สองคนนี้ยังไงกัน”
ทวีปพูดขึ้นหลังจากนั่งมอง ระหว่างแทะเล็มอาหารที่ละเล็กละน้อย เพราะปริมาณดูเหมือนแทบ
จะล้นกระเพราะเมื่อลงไปสมทบของเดิม “คนหนึ่งหน้าตาอารมณ์ดีหัวเราะชอบใจเมื่อได้รับข้อความ
ส่วนอีกคนก็หน้าเครียดกับข้อความที่ส่งเข้ามา”
พูดจบก็หันไปทางเขมิกาที่ก่อนนั้นเอาแต่กังวลเป็นห่วงเพื่อนสนิทคนใหม่



“มิกา พี่ว่าเธอควรเลิกกังวลได้แล้ว ว่าการที่สองคนนี้หายไปด้วยกันจะเกิดอะไรขึ้น ขนาดเสียงหัวเราะ
ของพี่ปารีส ยังทำให้น้องริสาหงุดหงิดได้เลย”


“ใช่ค่ะ” ปาริสาวางตัวเองเนียนมาตลอดรีบตอบ สวมรอยตามคำกล่าวอ้าง



มุกมาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ส.ค. 2555, 20:19:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มี.ค. 2556, 12:10:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1682





<< ความลับและจุดอ่อน   ตอนที่ 13 สิ่งที่ค้างคาใจและข้อสงสัย >>
Pat 28 ส.ค. 2555, 22:00:59 น.
นามใหม่เพราะดีค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account