เล่ห์รักชีคร้าย เปลี่ยนชื่อเป็น 'เมียบำเรอรักชีค'(สนพ.สมาร์ทบุคตีพิมพ์)
เจ้าชายเอเดียล มกุฎราชกุมารแห่งรัฐอัลดูซาร์ เกิดมาตกหลุมรักในเสน่ห์ของสาวน้อยชาวไทยนามว่า 'จันทร์เจ้า' เข้าเต็มเปา ในเมื่อหัวใจมันเรียกร้องต้องการ อุปสรรคกี่มากน้อยเท่าไร เขาก็จะต้องพาเอาตัวเธอข้ามน้ำข้ามทะเลกลับอัลดูซาร์ไปด้วยกันให้จงได้ แม้ว่าสาวน้อยคนที่ว่า จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธ ในความต้องการของเขาเท่าไรก็ตาม...
Tags: ชีค สาวชาวไทย ทะเลทราย เจ้าชาย

ตอน: ไม่คาดฝัน

ตอนที่ 21 ไม่คาดฝัน

บ่ายวันรุ่งขึ้น ท่านหญิงโซมินยา จันทร์เจ้า รวมไปถึงทั้งกำลังทหาร ตำรวจ และผู้ติดตามอีกกว่าสิบคนก็เดินทางมาถึงยังห้างสรรพสินค้าที่ทั้งใหญ่โตและหรูหรา สมหน้าสมตารัฐที่มั่งคั่งร่ำรวยด้วยทรัพยากรน้ำมันและอัญมณีมีค่าอย่างอัลดูซาร์
“อีกสักพักงานถึงจะเริ่ม จันทร์เจ้าอยากเดินดูอะไรเล่นก่อนไหม”
“คงต้องแล้วแต่ท่านหญิงเพคะ” สาวไทยหันไปยิ้มตอบ พลางกวาดตามองไปทั่วชั้นนั้นอย่างอดจะชื่นชมไม่ได้
“ตามใจหญิง งั้นก็เดินดูของกันก่อนก็แล้วกัน ที่นี่อยู่ใกล้วังแค่ไม่ถึงสิบกิโล แต่หญิงเองก็ไม่ค่อยได้มาบ่อยๆ สักเท่าไร ไปดูเสียหน่อยก็ดี ว่าช่วงนี้เขามีอะไรใหม่ๆ มาบ้าง”
“เพคะ” แต่ก่อนที่จะออกเดิน
“อ้อ...แล้วถ้าจันทร์เจ้าชอบ หรืออยากได้ของชิ้นไหน ก็สั่งให้เขาใส่กล่องให้ได้ทุกชิ้นเลยนะ แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เดี๋ยวพวกนั้นจะเดินตามมาจัดการให้เอง จันทร์เจ้าเข้าใจแล้วนะ อยากได้อะไรก็เลือกเอาได้เลย”
“แต่หม่อมฉัน...ไม่อยากได้อะไรหรอกเพคะ” หญิงสาวปฏิเสธ
“เจ้าชายจะต้องทรงพอพระทัย ถ้าจันทร์เจ้าจะออกมาเพื่อหาความสุขความสนุกใส่ตัวบ้างนะ”
“เจ้าชาย...” สาวไทยทวนคำ สรรพนามนี้สะกิดใจเธอเข้าให้อีกแล้ว
“อ้อ...เกือบลืม เมื่อคืนนี้เจ้าชายทรงเสด็จที่ตำหนักของหญิงด้วยล่ะ”
“อย่างนั้นหรือเพคะ...” เสียงหวานนั้นแผ่วลง
“ได้ฟังแค่นี้ก็หน้าซีดแล้วหรือจันทร์เจ้า ไม่ต้องชิงเสียใจไปก่อนหรอกน่ะ หญิงยังดูรู้เลยว่าเจ้าชายทรงพอพระทัยในตัวจันทร์เจ้ามากยิ่งกว่าใคร”
“เอ้อ...ท่านหญิงเพคะ คือว่าหม่อมฉันไม่...” ท่านหญิงโซมินยาโบกพระหัตถ์พร้อมกับส่ายพระพักตร์ช้าๆ
“ฟังหญิงพูดก่อนดีกว่าจันทร์เจ้า ที่เจ้าชายเสด็จตำหนักของหญิงเมื่อคืน ก็เพราะจะทรงแวะเข้ามากำชับ ว่าให้หญิงช่วยดูแลจันทร์เจ้าแทนพระองค์ก็เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรสักหน่อยนึง”
“ให้...ดูแลหม่อมฉันน่ะหรือเพคะ” หางเสียงนั้นสูงเล็กน้อยอย่างค่อนข้างประหลาดใจ
“ใช่น่ะสิ ทำเสียงเหมือนไม่อยากเชื่อ นี่คงกำลังคิดล่ะสิ ว่าหญิงกับเจ้าชาย...”
“เอ้อ...หม่อมฉันมิบังอาจเพคะท่านหญิง”
คนว่ารีบก้มศีรษะ โซมินยาเลยลอบยิ้ม จริงๆ เลยนะ ดูเหมือนต่างคนต่างก็ใจแข็ง ปากอย่างใจอย่างด้วยกันทั้งคู่ เจ้าชายเอเดียล...จริงแท้แล้วก็ทรงหลงรักสาวชาวไทยคนนี้เข้าเต็มพระทัย หากก็เอาแต่ดึงดันปฏิเสธ จมอยู่แต่กับวังวนของความไม่แน่ใจ ฝ่ายจันทร์เจ้าเองก็เหมือนกัน เป็นของเขาแล้ว ก็ยังจะระแวงนั่นระแวงนี่ ไม่เชื่อใจกันสักที ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเพราะทั้งสองไม่ยอมเปิดใจ ถึงได้แต่ตกอยู่ในสภาวะแบบครึ่งๆ กลางๆ ค้างคากันอยู่แบบนี้ เรื่องง่ายนิดเดียว ทำไมถึงได้ทำให้มันยากนักก็ไม่รู้
“ไม่คิดน่ะดี ขืนคิดไปเองก็มีแต่เจ็บกับเจ็บ สู้ถามไถ่เอาความจริงกันตรงๆ ยังจะดีเสียกว่า ไป...ไปเดินดูของกัน เอ...แต่หญิงไม่ได้สั่งให้เขากันพื้นที่เอาไว้ล่วงหน้า จันทร์เจ้าคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าบางครั้งอาจจะต้องเดินเจอเข้ากับลูกค้าของห้างบ้าง”
“โธ่...ท่านหญิงเพคะ อย่าทรงห่วงไปเลย หม่อมฉันเป็นเพียงแค่คนธรรมดา จะเดินที่ไหนยังไงก็ย่อมได้ทั้งนั้น”
“นั่นมันเป็นอดีตจ้ะ แต่ตอนนี้...” ท่านหญิงทรงทำทีท่าครุ่นคิด
“เธอเป็นเจ้าหทัยทั้งดวงของเจ้าชายรัชทายาทแห่งอัลดูซาร์ แล้วยังจะคิดว่าตัวเองธรรมดาอยู่อีกนะจันทร์เจ้า ช่างไม่รู้อะไรเสียบ้างเลย”
“ท่านหญิงทรง...ตรัสว่าอะไรนะเพคะ”
คนถามกระพริบตาปริบ ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่หูจะฝาดไปเองหรือเปล่า ใครเป็นดวงหทัยของใครที่ไหน...
“เปล่านี่ ไม่มีอะไร ไปเดินดูของกันดีกว่า เหลือเวลาไม่เท่าไรแล้ว เดี๋ยวหญิงต้องเป็นประธานเปิดงานด้วยสิ”
“เอ้อ...เพคะ”
เฮ้อ...จันทร์เจ้า อุตส่าห์ทิ้งคำตอบเอาไว้ให้ ว่าโซมินยากับเจ้าชายรัชทายาท ไม่ได้มีความสัมพันธ์อื่นใดที่เกินเลยต่อกันเลยแม้แต่น้อยอย่างนี้ หวังว่าเธอเองก็คงจะพอได้คำตอบอะไรให้กับตัวเองบ้างแล้วนะ...แม่สาวไทยหัวใจเหล็ก

จันทร์เจ้าแยกตัวออกมาเพียงลำพังได้สักพัก แล้วก็เลยเดินดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่นึกอยากได้ใคร่ดีกับข้าวของยี่ห้อดีพวกนี้แม้แต่สักชิ้น หากไม่นาน อาการหันซ้ายแลขวาจนกระทั่งหนักถึงขั้นต้องชะเง้อมองไปมาหลายๆ ครั้ง ของเธอก็ทำให้ผู้ติดตามนางหนึ่งต้องเอ่ยปากถามอย่างนึกสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณจันทร์เจ้า”
“ก็...เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร”
จันทร์เจ้าบอกปัดไป เพราะเธอเองก็ยังไม่แน่ใจ ผู้ชายคนนั้น...บุคลิกท่าทางดูคุ้นตา เขายังแอบมองมาที่เธออยู่บ่อยๆ แต่พอจันทร์เจ้าพยายามมองไป ก็เห็นหน้าเขาได้ไม่ชัดเหมือนกัน จะว่าไปแล้ว ที่อัลดูซาร์นี่ก็ไม่ได้มีญาติมิตรหรือคนสนิทคุ้นเคยของเธออาศัยอยู่ แต่ก็ไม่รู้ทำไมอาการสังหรณ์ใจมันถึงได้คอยสะกิดและเหมือนจะกระตุ้นเตือนเธอให้เหลียวมองอยู่ทุกครั้ง จะยืนเฉยอยู่อย่างนี้ก็สงสัย นาทีนั้น สาวไทยจึงตัดสินใจจรดฝีเท้าผ่านแผนกเสื้อผ้าและเครื่องหนังเข้าไป
“อ้าว...คุณจันทร์เจ้า รอดิฉันด้วยค่ะ”
ผู้ติดตามที่ได้รับคำสั่งมาจากท่านหญิงโซมินยายังทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เจ้าหล่อนรีบสาวเท้าตามหลังจันทร์เจ้าไป แต่ไม่รู้ยังไง สุดท้ายถึงได้คลาดสายตากันไป

“เอ้อ...คุณคะ...” ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด ซึ่งกำลังหันหน้าเข้าหาชั้นวางรองเท้าประเภทเซฟตี้อยู่ ค่อยหันกลับมาตามเสียงเรียกของจันทร์เจ้า แล้วเรื่องไม่คาดฝันสำหรับทั้งสองคนก็บังเกิดขึ้น
“จันทร์ จันทร์เจ้า!”
“กรณ์...นี่กรณ์เองหรือ ใช่กรณ์จริงๆ ด้วย ดีใจที่สุดเลย!”
จันทร์เจ้าดีใจจนแทบลืมไปสนิท ว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่ที่ตรงนั้นเพียงลำพังกับญาติหนุ่ม หญิงสาวตัวสั่น จับมือปกรณ์เอาไว้แน่น น้ำตาเอ่อขึ้นมาอย่างระงับไม่ได้ ฝ่ายปกรณ์เองก็เช่นกัน ชายหนุ่มคิดว่าเขากำลังฝันไปหรือเปล่า
“จันทร์...จันทร์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง รู้ไหมว่าเรากับยายเป็นห่วงมากแค่ไหน แล้ว...”
“เอาไว้ก่อนเถอะนะกรณ์ ไว้เราจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลย แต่โอย...ตอนนี้เราดีใจจนพูดอะไรไม่ถูกแล้ว เราส่งอีเมล์ไปหา กรณ์ได้เช็คดูบ้างหรือเปล่า”
“ดูสิ ได้รับข้อความของจันทร์แล้ว มันสั้นนิดเดียว แถมบอกแต่ว่าจะย้ายที่พักกับที่ทำงานเท่านั้น รายละเอียดอะไรก็ไม่มีเลย แล้วจันทร์ก็ไม่ได้บอกสักคำว่ามาอยู่ต่างประเทศ ก่อนหน้านั้นเราออกตามหาจันทร์จนทั่วเลยรู้ไหม ยายก็อีก ถามถึงจันทร์แทบไม่เว้นแต่ละวัน เราก็ไม่กล้าบอกความจริงกับยาย กลัวจะเป็นห่วงจันทร์จนล้มเจ็บไป ทีนี้ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีก”
ได้ฟังอย่างนั้นจันทร์เจ้าก็ยิ่งจะรู้สึกว่าตัวเองทำผิด
“เราขอโทษนะกรณ์ อยากกราบขอโทษยายด้วย แต่ตอนนี้...บอกเรามาก่อนได้ไหมว่ากรณ์มาทำอะไรที่นี่”
“เรามาทำงาน บริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นเขาประมูลงานที่นี่ได้ คุณอธิปหัวหน้าเรา เขาให้โอกาสชวนเรามาหาประสบการณ์ที่นี่ด้วย”
“ดีจริง แต่นานไหม” แน่ล่ะ จันทร์เจ้าต้องนึกเป็นห่วงคุณยายนารถ
“ปีครึ่ง”
“แล้วยายล่ะ ใครอยู่ดูแลยาย”
“ก็พวกที่บ้านนั่นล่ะ ลุงนะจันทร์ เขาเป็นลูกชายแท้ๆ ของยาย ยังไงก็คงไม่ปล่อยให้ยายเป็นอะไรไปง่ายๆ หรอก”
“จะเชื่อได้ยังไง”
หน้าลุงมานิตย์กับป้าสะใภ้ที่ไม่ได้ใจดีสักเท่าไรลอยเข้ามาในห้วงความคิดของจันทร์เจ้า
“ก็เราบอกว่าจะส่งเงินค่าดูแลยายไปให้ เขาก็เลยรับปาก อีกอย่างเราก็ไม่มีทางเลือกมากนัก มาที่นี่รายได้ดีกว่ามาก แถมบริษัทยังจัดหาที่อยู่ที่กินไว้ให้พร้อม พองานเสร็จ คิดว่าคงจะเก็บเงินได้สักก้อน ที่บ้านจะได้ไม่ลำบากมากยังไง”
“โธ่กรณ์...อ้อ...แล้วเงินที่...โอนไป...”
“ใช่ๆ มีเงินโอนเข้าบัญชีมา เป็นจันทร์เองใช่ไหมที่ส่งค่าหมอค่ายามาให้ยายน่ะ”
ปกรณ์เองก็นึกขึ้นมาได้
“เอ้อ...จ้ะ...” หญิงสาวจำต้องรับคำให้พ้นไปก่อน ทั้งที่ก็รู้ความจริงอยู่ว่าเงินนั่นถูกส่งไปจากเอเดียล
“แล้วว่าแต่ทำไมจันทร์ถึงเลือกมาที่นี่ มาทำงานอะไร พักที่ไหน แล้วก็ทำไมถึงได้แต่งตัวแปลกๆ แต่ว่าไปก็ดูกลมกลืนกับที่นี่ดีนะ”
“เอ่อ...เอาเถอะกรณ์ เรื่องมันยาวน่ะ แล้วไว้เราจะเล่าให้ฟัง คือตอนนี้มันยัง...ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร กรณ์มีที่อยู่หรือเบอร์โทรศัพท์ที่พอจะติดต่อได้ไหม”
“โทรศัพท์ยังไม่มีนะ กำลังมาหาซื้อเบอร์อยู่นี่ล่ะ ส่วนที่อยู่...”
ชายหนุ่มทำท่าค้นอะไรในกระเป๋าสตางค์ หากแล้วก็เงยขึ้นยิ้มแหย
“เราจำไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้จดเอาไว้เสียด้วยสิ แต่คุณอธิปมาด้วย เขาจำได้ เราจะไปถามเขาให้ จันทร์รอเดี๋ยวนะ”
“เอ้อ...ไม่เป็นไรกรณ์ เอาไว้เราจะอีเมล์ไปหา หมั่นเช็คดูด้วยก็แล้วกันนะ”
จันทร์เจ้ารีบบอก เธอรู้ว่าตัวเองคงไม่มีเวลามากพอที่จะมายืนรอหัวหน้างานของปกรณ์ได้ ที่สำคัญคือเธอไม่อยากให้ใครเกิดมาเห็นปกรณ์เข้าในตอนนี้
“อ้าว...ทำไมล่ะจันทร์ เราจะไปเดินหาคุณอธิปเดี๋ยวเดียวเอง เขาคงดูอะไรอยู่แถวๆ นี้ล่ะ จะได้ให้เขาเขียนที่อยู่ให้จันทร์เลยยังไง นะ...ไม่นานหรอก”
“แต่เราไม่มีเวลา...”
“น่า...ไหนๆ เราก็ได้เจอกันแล้ว”
“ขอร้องล่ะกรณ์ อย่าเพิ่งเลยนะ เดี๋ยวค่อยติดต่อกันทางอีเมล์ เราจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้กรณ์ฟัง แต่ตอนนี้ไม่มีเวลา เราต้องรีบไปก่อนแล้ว”
จันทร์เจ้ายืนยันคำเดิม ปกรณ์จึงยิ่งย่นหัวคิ้วด้วยความสงสัยหนักเข้า
“นี่มีอะไรหรือเปล่าน่ะจันทร์ ทำไมต้องทำท่าลับๆ ล่อๆ แบบนี้ด้วย”
“กรณ์ นี่ไม่ได้ฟังที่เราพูดเลยหรือ”
เสียงนั้นกระด้างขึ้น และไม่บ่อยครั้งนักหรอก ที่คนใกล้ตัวจะได้เห็นจันทร์เจ้าทำท่าฉุนโกรธจริงจัง
“เอ้อ...ก็ได้ งั้นดูแลตัวเองดีๆ นะจันทร์ เราเป็นห่วง แล้วอย่าลืมติดต่อมาหาล่ะ”
“จ้ะ ไว้เจอกันใหม่ เราไปก่อนล่ะนะ”
หญิงสาวรีบกระชับผ้าคลุมผมสีสวยให้เข้าที่ ก่อนจะรีบผละห่างจากปกรณ์มา ดำลังโล่งใจว่าไม่มีใครตามมาเห็น แต่ทว่า...
“จันทร์เจ้า”
“อุ๊ย! ท่านหญิง” สาวไทยชะงักหน้าซีด
“ทำไมต้องตกใจขนาดนี้ แล้วเมื่อกี้...”
ท่านหญิงโซมินยาทรงกวาดสายพระเนตรหาบางอย่างไปทั่วบริเวณ ก่อนจะทรงถาม
“กำลังยืนคุยอยู่กับใครกันจันทร์เจ้า”
“เอ้อ...คือ...”
“อย่าบอกล่ะว่าไม่ได้คุยกับใคร หญิงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้สายตาแย่ถึงขนาดนั้น”
“ท่านหญิงเพคะ...คือ...”
ใครจะรู้บ้างนะ ว่าจันทร์เจ้าทั้งกลัว แล้วก็ลำบากใจจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
“พอกลับเข้าวัง เจ้าชายก็คงจะต้องทรงตรัสถามหญิง ว่ามางานวันนี้เป็นยังไง มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง แล้วหญิงเองก็คงจะต้องทูลตอบไปตามความจริงว่า...”
“ไม่นะเพคะท่านหญิง ถ้ายังจะทรงพอมีพระเมตตาต่อหม่อมฉันอยู่บ้าง ก็ขออย่าให้เรื่องเมื่อครู่รู้ไปถึงเจ้าชายเอเดียลเลยเพคะ หม่อมฉันขอร้อง”
คนขอร้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เข้าไปทุกขณะ
“งั้นจันทร์เจ้าก็ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกันกับหญิงล่ะ”
“แลกเปลี่ยนหรือเพคะ?” หัวคิ้วเรียวสวยของจันทร์เจ้าขมวดมุ่น
“ใช่ จันทร์เจ้าจะต้องเล่าเรื่องราวระหว่างตัวเองกับเจ้าชาย เอาตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงวันนี้เลยนะ ต้องเล่าให้หญิงฟังอย่างละเอียดเลยด้วย”
“ท่านหญิง” อีกฝ่ายทำเสียงอ่อนใจ
“ว่าไงล่ะ ทำได้ไหม ถ้าจันทร์เจ้ายอม หญิงก็จะรับปากเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเหมือนกัน”
ดูเหมือนว่าข้อแลกเปลี่ยนหรือต่อรองแต่ละอย่าง จะไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับสาวไทยเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันยิ่งจะทำให้เธอต้องมานั่งรื้อฟื้นถึงเรื่องที่ไม่อยากจะปริปากบอกใครทั้งหมดเสียอีกด้วย จันทร์เจ้าถอนใจเบาๆ อีกครั้ง
“ก็...ดูเหมือนว่าหม่อมฉันจะไม่มีทางเลือกอื่นนี่เพคะ”
“แปลว่าตกลงตามนี้”
ฝ่ายเสนอยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างเด็กที่ได้ของเล่นดังใจ สาวไทยหลุบตาก่อนจะตอบสั้นๆ
“เพคะ”
“งั้นหลังงานเลิก เราสองคนก็จะรีบกลับไปคุยกันที่ตำหนักของหญิง”
“แต่ถ้าเจ้าชายเสด็จมาที่ตำหนักเล็ก...”
“คืนนี้เจ้าชายคงไม่เสด็จมาหรอกจันทร์เจ้า คงอีกวันสองวันโน่นล่ะ”
นั่นน่ะสิ จันทร์เจ้าเองก็อยากจะถามเหมือนกันว่าทำไม ถ้าไม่นับช่วงเวลาสั้นๆ ของเมื่อเย็นวาน ก็ร่วมสองสามวันมาแล้วที่เจ้าชายไม่มาหาเธอเลย หรือว่า...เขาต้องแบ่งเวลาไปให้กับมายะและเหล่าบรรดานางในทั้งหลายด้วย โอ๊ย...จะคิดไปให้มันได้อะไรขึ้นมาอีกนะจันทร์เจ้า

และคืนนั้น หลังจากการได้มีโอกาสนั่งชมแฟชั่นโชว์ชุดพิเศษครั้งแรกในชีวิตจบลง จันทร์เจ้าก็ถูกพาตัวกลับมาที่ตำหนักของท่านหญิงโซมินยาแทบจะทันที
“เล่ามาให้หมดเลยนะจันทร์เจ้า เอาตั้งแต่เริ่มต้นเลยว่าสาวน้อยชาวไทยกับเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐอัลดูซาร์ พบหน้ากันครั้งแรกที่ไหนยังไง”
“เอ่อ...เพคะ...” จันทร์เจ้าต้องยอมเล่าทุกอย่างออกไปด้วยความจำใจ เพราะหากไม่เล่าให้ท่านหญิงฟัง เธอก็ต้องพังเพราะจะถูกเอเดียลเล่นงานเรื่องวันนี้แน่ ทว่า...หลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราวที่ยิ่งกว่านิยายของหญิงสาวตรงหน้าจบลง ท่านหญิงโซมินยาก็เงียบไป ไม่มีพระอาการใดๆ แสดงออกมาให้เห็น จันทร์เจ้าเริ่มกังวล หรือความจริงที่เธอเพิ่งถ่ายทอดออกไปทั้งหมด มันก่อให้เกิดความไม่พอใจมากมายให้กับอีกฝ่าย ท่านหญิงทรงมีน้ำพระทัยดีต่อเธอขนาดนี้ จะกราบลงขอประทานอภัยสักที จันทร์เจ้าก็ไม่คิดว่ามันจะมีอะไรเสียหาย สาวไทยขยับเข้าไปใกล้
“ถ้าท่านหญิงจะทรงกริ้ว หม่อมฉันก็เข้าใจและขอยอมรับในความผิดทุกอย่างเพคะ”
“เอ้อ...ไม่ต้องหรอก ไม่จำเป็นที่ต้องกราบขอโทษหญิง หญิงจะโกรธจันทร์เจ้าเรื่องอะไร ถ้าจะโกรธ ก็คงต้องโกรธเจ้าชายมากกว่า และอีกอย่างนึงคือจันทร์เจ้าไม่ใช่คนผิด ไม่มีความผิดใดเป็นของเด็กสาวที่จิตใจใส่ซื่อไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมกลชายอย่างนี้”
จันทร์เจ้าได้ฟังอย่างนั้นก็น้ำตารื้น
“เอ้อ...ขอบพระทัยท่านหญิง ที่ทรงเข้าใจถึงความจำเป็นของหม่อมฉัน เดิมที หม่อมฉันเคยคิดว่า...ท่านหญิงคงจะต้องทรงกริ้วที่...”
“หญิงต้องโกรธ ที่เจ้าชายพาเอาตัวจันทร์เจ้าเข้ามาอยู่ในอัลดูซาร์ด้วยใช่ไหม”
อีกฝ่ายต่อให้อย่างรู้ทัน
“เอ่อ...เพคะ”
“จะบอกอะไรเอาไว้ก่อนเลยนะจันทร์เจ้า ว่าหญิงไม่เคยไปก้าวก่ายเรื่อง...ผู้หญิงของเจ้าชาย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่ไหนหรือจะเป็นใครก็ตาม เพราะจริงๆ แล้วหญิงกับเจ้าชาย เราสองคน...”
“ท่านหญิงทรงเป็นถึงว่าที่พระชายา แต่ทำไมถึงไม่...”
ก็นี่ล่ะที่จันทร์เจ้าอยากจะถาม เป็นไปได้หรือ ที่ผู้หญิงคนนึงจะไม่รู้สึกเสียใจหรือสะทกสะท้านกับการทำตัวเจ้าชู้ของชายที่รู้ว่าจะต้องมาเป็นคู่ของตัวในอนาคตอันใกล้ ทว่าท่านหญิงโซมินยาก็ยังคงแย้มเรียวโอษฐ์เล็กน้อยอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“แค่ว่าที่คู่หมายเท่านั้นล่ะจันทร์เจ้า ท่านลุงอาจจะทรงมีพระประสงค์เช่นนั้นจริง แต่ว่าเราสองคนก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันมากไปกว่าพี่ชายกับน้องสาว ไม่เป็น และจะไม่มีวันเป็นอย่างเด็ดขาด”
“ท่านหญิง...ทรงหมายความว่ายังไงหรือเพคะ”
สาวไทยย้อนถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ท่านหญิงจะบอกหรือ ว่ายังไงก็จะไม่ทรงเข้าพิธีเษกสมรสกับเจ้าชายเอเดียลตามพระประสงค์ของชีคฮิบราน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง...
“หญิงกับเจ้าชายเราเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กแต่น้อย ความผูกพันฉันท์สายเลือดเดียวกัน ไม่อาจจะทำให้เราคิดอะไรมากไปกว่าที่เป็นอยู่ได้ เจ้าชายทรงรักหญิงเหมือนน้อง ส่วนหญิงเองก็เคารพรักพระองค์ไม่ผิดจากพระเชษฐาแท้ๆ เช่นกัน”
“นี่...เป็นความจริงหรือเพคะ”
“อ้าว...จันทร์เจ้าไม่เชื่อคำพูดหญิงอย่างนั้นหรือ”
“มิได้เพคะ หม่อมฉันไม่บังอาจ” บอกพร้อมกับค้อมศีรษะลงไปอีก
“แต่ก็แอบคิดใช่ไหมล่ะ”
“โธ่...ท่านหญิงเพคะ”
ได้เห็นจันทร์เจ้าหน้าเสียหนักขึ้น ท่านหญิงโซมินยาจึงทรงสรวล
“ล้อเล่นหรอกน่ะ หญิงเชื่อว่าจันทร์เจ้าไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่หญิงยืนยันนะว่าทุกอย่างที่พูดไปน่ะเป็นความจริง ถ้าจันทร์เจ้าจะต้องรู้สึก...เจ็บ หรือเสียใจเพราะตัวของหญิงเป็นต้นเหตุ ก็ขอให้สบายใจ เลิกคิดไปได้เลยตั้งแต่วันนี้”
“ท่านหญิง...”
“จริงๆ สบายใจเถอะ อยู่ให้มีความสุข อย่าคิดอะไรมากอีก เจ้าชายอาจได้ตัวจันทร์เจ้ามาแบบ...ไม่ค่อยจะขาวสะอาดสักเท่าไร แต่หญิงมั่นใจนะว่าพระองค์ทรง...พอพระทัยจันทร์เจ้าจริงๆ”
“เพคะ...แค่...พอพระทัย”
เสียงหวานแกมเศร้าเอ่ยขึ้นเบาๆ ทำเอาอีกฝ่ายต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง ขืนพูดอะไรไปตอนนี้ ก็คงจะยังไม่มีอะไรดีขึ้นแน่
“เฮ้อ...ค้างกับหญิงที่ตำหนักนี่ซักคืนดีกว่าไหม ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศกันสักคืน ยังไงๆ คืนนี้จันทร์เจ้าก็คงจะต้องนอนคนเดียวอีกคืนนึงแน่ล่ะ”
หากถึงอย่างไร หน้าสวยเศร้านั่นยังคงสลดลงไม่หาย ท่านหญิงโซมินยาจึงทรงตัดสินพระทัยถามในเรื่องที่ทรงสงสัย
“รักเจ้าชายหรือจันทร์เจ้า”
“ท่านหญิง!” คนถูกถามเบิกตาโต
“แล้วว่ายังไงล่ะ...รักเจ้าชายใช่ไหมจันทร์เจ้า”
“เอ้อ...” มีความสับสนวิ่งวนอยู่มากมายทั้งในแววตา ความคิด และจิตใจของจันทร์เจ้า แต่ไม่ว่าบทสรุปที่ให้กับตัวเองมันจะออกมาเป็นยัง ทำไมเธอจะต้องเปิดเผยมันออกมาให้คนอื่นได้รู้ด้วยเล่า ปฏิเสธไปเลยจันทร์เจ้า อย่าให้ใครต้องมาทอดตามองเธอด้วยความรู้สึกสมเพชเวทนาหรือสงสาร ที่สำคัญ...การยอมรับว่ารักเขาข้างเดียว มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลยนี่
“กราบทูลท่านหญิง แม้ว่าหม่อมฉันจะไม่ได้รู้จักความรักดีสักเท่าไร แต่ก็พอจะมั่นใจได้ว่า ความรัก...มันไม่ได้เริ่มต้นจากการฉวยโอกาส ความรัก...ไม่ได้งอกงามหรือเติบโตขึ้นมาด้วยการโกหก แต่ทั้งสองสิ่งนี้ คือสิ่งที่หม่อมฉันได้รับจากเจ้าชายเอเดียล คำว่าฉวยโอกาส กับคำว่าโกหก ความหมายของมันไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่ารักเลยแม้แต่นิดนะเพคะ”
“ก็แปลว่า...ไม่ได้รักอย่างนั้นหรือ”
คราวนี้ สาวไทยอาศัยใช้ความนิ่งเงียบแทนคำตอบ
“งั้นก็น่าเห็นใจ ตั้งแต่ที่มาอยู่นี่ จันทร์เจ้าคงจะไม่เคยมีความสุขเลยสินะ”
“เอ่อ...” ใช่หรือจันทร์เจ้า...จริงหรือที่ว่าเธอไม่เคยมีความสุขเลย แม้แต่ในเวลาที่ตกอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น แผงอกกว้างกระด้าง ที่ให้ความรู้สึกละมุนเหลือประมาณในยามที่ซบซุกกายลงไป...
“เพราะอย่างนี้ ถึงดีใจที่บังเอิญได้เจอญาติในห้างฯ แต่ทำไมต้องกลัวใครเห็น หรือว่าคิดจะให้เขาช่วยพาหนีกลับเมืองไทยหรือยังไง”
“มะ...ไม่เพคะ...หม่อมฉันแค่...ไม่อยากให้เรื่องนี้ทราบถึงเจ้าชายก็เท่านั้น เพราะที่ผ่านมา ก็ไม่เคยทรงยอมให้หม่อมฉันส่งข่าวกลับไปถึงคนในครอบครัวเลย”
ไม่ใช่ว่าหญิงสาวจะถึงกับพูดปดไปเสียหมด อาจจะเคยมีอยู่หน ที่เอเดียลยอมให้เธอส่งอีเมล์ไปถึงปกรณ์ แต่ข้อความในนั้นมันก็ไม่ใช่ความจริง เขาให้เธอโกหก จุดประสงค์ก็เพื่อหวังจะให้ปกรณ์ยอมหยุดการติดตามถามหาตัวเธอก็เท่านั้น
“หญิงเห็นใจ ยังไงจันทร์เจ้าก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แถมยังต้องพลัดบ้านพลัดเมืองมาเสียตั้งไกล หญิงรับปากว่าจะไม่ทูลฟ้องถึงเรื่องวันนี้ แต่...ก็คงช่วยอะไรจันทร์เจ้าไม่ได้หรอกนะ”
“เพียงเท่านี้ ก็ถือว่าทรงมีพระกรุณากับหม่อมฉันมากมายแล้วเพคะ”
“เอาล่ะ เรื่องอะไรอื่นค่อยเก็บไว้คุยกัน ยังไงวันนี้เราก็เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว หญิงว่าจันทร์เจ้าน่าจะเข้าไปพักผ่อนเสียก่อนนะ พรุ่งนี้เช้า ตื่นแล้วก็ค่อยกลับไปที่ตำหนักเล็กก็แล้วกัน”
สาวไทยพยักหน้า แม้เดิมทีจะอยากค้าน แต่พอคิดถึงช่วงเวลาที่จะต้องกลับไปอยู่ในห้องที่เคยมี ‘ใคร’ อยู่ใกล้ๆ เพียงคนเดียวแล้วก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งใจ ตกลงอยู่ที่นี่สักพักก็ดีเหมือนกัน สถานที่ใหม่ๆ คนใหม่ๆ อาจจะทำให้เธอรู้สึกเบิกบานใจขึ้นมาบ้างก็ได้...



ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ส.ค. 2555, 14:21:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ส.ค. 2555, 14:21:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 5708





<< ยิ่งกว่าเจ็บ   ขออนุญาตแจ้งข่าวค่ะ >>
ลียา 28 ส.ค. 2555, 14:24:14 น.
ขอบคุณ..คุณmhengjhy คุณtutas คุณlongah และคุณแว่นใส สำหรับคอมเม้นท์นะคะ^^

คุณเล็ก..กลางเดือนหน้าเจอกันบนแผงนะคะ^^


นกขมิ้น 28 ส.ค. 2555, 19:59:07 น.
ใกล้จบแล้วเหรอ


longah 28 ส.ค. 2555, 23:00:14 น.
จันทร์เจ้าจะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย ^^


แว่นใส 29 ส.ค. 2555, 08:54:42 น.
น่าสงสารนางเอกเราจริง


tutas 30 ส.ค. 2555, 16:12:44 น.
ต่างคนต่างปากแข็ง เฮ้อ...แล้วเมื่อไหร่จะแฮปปี้เอ็นดิ้งซะทีล่ะเนี้ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account