เล่ห์รักชีคร้าย เปลี่ยนชื่อเป็น 'เมียบำเรอรักชีค'(สนพ.สมาร์ทบุคตีพิมพ์)
เจ้าชายเอเดียล มกุฎราชกุมารแห่งรัฐอัลดูซาร์ เกิดมาตกหลุมรักในเสน่ห์ของสาวน้อยชาวไทยนามว่า 'จันทร์เจ้า' เข้าเต็มเปา ในเมื่อหัวใจมันเรียกร้องต้องการ อุปสรรคกี่มากน้อยเท่าไร เขาก็จะต้องพาเอาตัวเธอข้ามน้ำข้ามทะเลกลับอัลดูซาร์ไปด้วยกันให้จงได้ แม้ว่าสาวน้อยคนที่ว่า จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธ ในความต้องการของเขาเท่าไรก็ตาม...
Tags: ชีค สาวชาวไทย ทะเลทราย เจ้าชาย

ตอน: ยิ่งกว่าเจ็บ

ขอบคุณคุณนกขมิ้น คุณแว่นใส คุณLongah คุณTutas และอีกหลายๆคนที่ติดตามและให้กำลังใจกันมาแต่ต้นนะคะ ลียาจะแจ้งว่า เล่ห์รักชีคร้ายจะลงให้อ่านกันอีกสองตอนเท่านั้นหลังจากนี้ (ต้องขออภัยจริงๆ เพราะหนังสือจะวางแผงต้นเดือนหน้านี้แล้วค่ะ)แล้วจะเอาปกมาแปะให้ชมกันนะคะ

**จากคอมเม้นท์ท้ายตอนที่ 18 ของคุณLongah ดีใจที่ชอบประเพณีเปลี่ยนคู่ของชาวบาคานะคะ ประเพณีนี้มีจริงนะคะ ลียาบังเอิญได้ดูรายการทีวีช่องหนึ่ง แล้วเอามาปรับนิดหน่อยให้เข้ากับเนื้อหาของนิยายค่ะ^^


ตอนที่ 20 ยิ่งกว่าเจ็บ

เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ หลังกลับมาจากหมู่บ้านของชาวเผ่าบาคาในวันนั้น เอเดียลก็ตามมาค้างที่ตำหนักเล็กกับจันทร์เจ้าทุกๆ คืน กระทั่งเมื่อวานนี้ ที่เขาบอกว่าจะมีทั้งงานพระราชพิธี และก็ยังมีราชการสำคัญจะต้องจัดการ ไม่อาจจะกลับมาหาและใช้เวลาอยู่กับเธออย่างที่ผ่านมาได้ จันทร์เจ้าเองรับฟังโดยที่ไม่พูดว่าอะไร เธอยอมเข้าใจตามที่เขาบอก แอบบอกตัวเองว่าคงไม่นานหรอก ที่จะต้องทนอยู่ในสภาพครึ่งๆ กลางๆ ไม่มีสถานะที่ชัดเจนอยู่แบบนี้...และคงเพราะเอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องหับมานานหลายวัน หญิงสาวจึงไม่คิดจะบอกปัด เมื่อทั้งเอวาร์และมีนาห์ สองนางกำนัลสาวชักชวนให้ออกไปเดินดูสวนสวย ซึ่งมากมายไปด้วยเหล่าบรรดาพฤกษานานาพรรณตรงหน้าตำหนักใหญ่...
“ตายจริง มองดูอยู่ตั้งนาน นึกว่าใครที่ไหนเสียอีก”
สำเนียงแปลกแปร่ง ที่มาจากทั้งจากเจตนาและภาษาของผู้พูด ทำให้จันทร์เจ้าต้องวางดอกไม้ในมือลง ก่อนจะหันกลับไปมองอย่างสงสัย
“เอ่อ...พระสนม” เอวาร์กับมีนาห์ย่อตัวลงแสดงความเคารพ แต่จันทร์เจ้าไม่...เธอไม่รู้จัก และคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องพินอบพิเทากับคนที่เอาแต่จิกจ้องสายตาหยามหยันอย่างประหลาดมาหาเธอ
“แม่สาวชาวไทย...เธอเองน่ะหรือ ที่คนเขาลือกันหึ่งไปทั่วทั้งวัง”
“เอ่อ...พระสนมซารีนะห์เพคะ...”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!”
เอวาร์สะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเฉียบขาด เธอไม่กล้าพูดอะไรต่อไป ได้แต่ก้มหน้านิ่งอยู่ข้างๆ จันทร์เจ้า สาวไทยก็ค่อยลำดับความเข้าใจ เอวาร์เรียกผู้หญิงตรงหน้านี่ว่าพระสนมซารีนะห์ คงไม่ผิดล่ะ เธอคือคนที่จันทร์เจ้าบังเอิญได้เจอในหมู่บ้านของชาวบาคานั่นเอง ผิดแต่ก่อนหน้านั้น เอเดียลบอกว่าเธอเป็นเพียงแค่ ‘ว่าที่’ แต่วันนี้ เอวาร์เรียกซารีนะห์เต็มปากว่าพระสนม
เดาว่าคงเพิ่งจะได้รับแต่งตั้งมาไม่กี่วันนี้นี่เอง
“เธอ...ชื่ออะไรนะ” ซารีนะห์พุ่งสายตาดุๆ มาทางจันทร์เจ้า
“คุณล่ะคะ เป็นใคร...” สาวไทยถามบ้าง
“ทำไมต้องถามยอกย้อน ฉันถามเธอ เธอก็ต้องตอบมา”
คราวนี้เป็นมีนาห์ ที่มองหน้าคนโน้นทีคนนี้ที ก่อนที่จะเดินลุกลนมากระซิบบอกกับจันทร์เจ้าเบาๆ
“พระสนมซารีนะห์ค่ะคุณจันทร์เจ้า”
จันทร์เจ้าเองก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่ที่บรรยากาศการ ‘บังเอิญ’ มาพบปะสนทนามันต้องเป็นแบบนี้ ก็เป็นเพราะเธอเชื่อไม่ลงจริงๆ ว่ามันจะไม่มี ‘เรื่อง’ อะไรไม่ดีตามมาทีหลัง ก็ดูสีหน้าท่าทางของพระสนมเถอะ อย่างกับโกรธอะไรเธอมาสักร้อยปี ทั้งๆ ที่เพิ่งจะได้พูดคุยกันครั้งแรกก็หนนี้ จันทร์เจ้าลอบระบายลมหายใจเบาๆ เธอไม่อยากสร้างศัตรู ไม่ว่าจะที่ไหนหรือดินแดนใดก็ตามที
“ฉันชื่อจันทร์เจ้าค่ะ”
หญิงสาวบอก พลางย่อตัวเล็กน้อย พยายามบังคับน้ำเสียงให้เปล่งตอบออกไปอย่างราบเรียบไร้อคติ เท่านี้...ซารีนะห์ก็ลำพองใจ คิดเอาเองว่าหญิงสาวชาวไทยคงกลัว หรือไม่ก็ต้องเกรงในอำนาจบารมีของเธออยู่ไม่ใช่น้อย อย่างนี้...ถ้าหากเธอคิดจะทำหรือพูดอะไรออกไป ผลลัพธ์ที่ได้ มันก็น่าจะง่ายขึ้นมากเลยน่ะสิ
“ได้ข่าวว่าเธอตามเจ้าชายรัชทายาทมาจากประเทศไทยใช่ไหม”
“ค่ะ” จันทร์เจ้ารับคำ อยากรู้อยู่เหมือนกัน ว่าอีกฝ่ายจะว่ายังไงต่อ
“ในฐานะอะไร” สาวไทยได้แต่เงียบ ซารีนะห์แย้มรอยยิ้มเยาะแปลกๆ ก่อนจะพูดต่อว่า
“ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอก ถ้ารู้แจ้ง ฉันเองก็จะได้แนะนำ...อะไรๆ ให้มันถูกต้องก็เท่านั้น นี่...เอวาร์ มีนาห์”
“เพคะ”
“เธอสองคนออกไปก่อนได้ไหม มานั่งฟังอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องของตัวอยู่ได้เป็นนานสองนาน”
พระสนมองค์ใหม่รับสั่งอย่างออกจะรำคาญ
“เอ่อ...แต่ว่า...”
“ฉันบอกให้ออกไปยังไงล่ะ”
ทั้งสองคนมองมาทางจันทร์เจ้าอย่างลังเลใจ
“เอ่อ...ถ้า...คุณจันทร์เจ้า...ต้องการอะไร เรียกเราสองคนได้ทันทีเลยนะคะ เราจะอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ค่ะ”
รอจนหญิงสาวพยักหน้าให้ สองนางกำนัลจึงจำต้องค่อยเลี่ยงห่างออกไปอย่างไม่รู้จะทำยังไงได้ดีไปกว่านั้น ซารีนะห์มองตามจนแน่ใจ ว่าจะไม่มีใครได้ยินในสิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อไปนี้
“นี่คือมายะ บุตรสาวแสนรักเพียงคนเดียวของแพทย์ประจำพระองค์ฯ”
คนพูดหันไปทางผู้หญิงสาวในเสื้อผ้าอาภรณ์งดงามอีกคนที่ติดตามมายืนเงียบอยู่ใกล้ๆ ตั้งแต่แรก
“มายะ...เมื่อครู่เธอคงได้ยินแล้ว ผู้หญิงไทยคนนี้เขาบอกว่าเขาชื่อจันทร์เจ้า ฉันอยากจะให้เธอ...เป็นคนทักทายและแสดงความเคารพต่อเขาก่อน เพราะถึงแม้ว่าจันทร์เจ้าจะไม่ได้มียศศักดิ์ใดๆ แต่ยังไงเสียเขาก็เป็น...ผู้หญิงคนนึงของเจ้าชายเอเดียล เสมือนผู้ที่มาก่อน ย่อมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับความนอบน้อมจากคนที่มาทีหลัง แม้ว่า...ต่อไปในอนาคตข้างหน้า เธอจะได้มีฐานะที่สูงศักดิ์กว่าเขาก็ตาม เร็วเข้าสิ ขยับมายืนใกล้ๆ ตรงนี้”
“เพคะพระสนม” หญิงสาวที่ชื่อมายะ หน้าตาดูจะออกไปทางลูกครึ่ง อายุอานามก็คงจะรุ่นราวคราวเดียวกับจันทร์เจ้า ก้าวเข้ามาตรงหน้าเธอตามคำสั่ง ก่อนจะย่อตัวและก้มศีรษะน้อยๆ อย่างว่าง่าย
“คุณจันทร์เจ้า...มายะฝากเนื้อฝากตัวค่ะ”
แม้จะกำลังอยู่ในอาการมึนงงและตกใจ แต่เสียงหัวเราะแหลมของใครบางคน ก็ยังดังแทรกเข้ามาในโสตให้ได้รู้สึก จันทร์เจ้าเหลือบไปมอง เห็นสีหน้าของพระสนมซารีนะห์ ที่ฉายชัดถึงความสะใจแบบไม่ปิดบัง
“เป็นอะไรไป มัวแต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ได้ มายะเขาอุตส่าห์ตั้งใจมาคารวะ จะไม่รับหรือว่าแสดงความมีมิตรจิตมิตรใจ กับผู้หญิงที่จะมาเป็น...เมียใหม่ของสามีเธอบ้างหรือยังไงจ๊ะจันทร์เจ้า”
“คุณ...เอ่อ...พระสนมซารีนะห์”
ผู้ที่เพิ่งจะได้รับการ ‘คารวะ’ ยังหน้าซีด จับต้นชนปลายเรื่องทุกอย่างได้ยากลำบาก
“ทำไม หรือเธอไม่เชื่อที่ฉันพูด ก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าหากว่าเจ้าชายยังไม่ทรงเบื่อหรือเขี่ยเธอให้กระเด็นไปอยู่ในฮาเร็มเสียก่อนล่ะก็ เราจะได้เจอกันในวันที่มายะจะได้...”
“นั่นใครน่ะ” เสียงหนึ่งทักดังมาจากอีกด้าน ซารีนะห์ได้ยิน เธอทำเสียงจิ๊จ๊ะ ชักสีหน้าไม่ชอบใจ
“โอ๊ย...ท่านหญิงโซมินยานี่ก็อีกคน แสนจะน่าเบื่อน่ารำคาญอย่างกับอะไร เอาเป็นว่าวันหลังฉันจะมาคุยด้วยใหม่ก็แล้วกัน วันนี้ฤกษ์ไม่ค่อยดี มีแต่ผู้คนที่จะคอยเสนอหน้าเข้ามาขัดคอ อ้อ...แต่จำเอาไว้อย่างเลยนะแม่จันทร์เจ้า ว่าถึงฉันจะไม่ได้ แต่ก็อย่าหวังว่าเธอกับนังท่านหญิงนั่นจะมีทางได้เจ้าชายเอเดียลไปครอบครองง่ายๆ มายะ...คนของฉันจะต้องถูกเลือกให้ขึ้นเป็นหนึ่งในสนมของเจ้าชายด้วยอย่างแน่นอน หึๆ คิดแล้วก็น่าสนุกไปอีกแบบนะ เธอ...แม่สาวชาวไทยไร้หัวนอนปลายเท้า กับนั่น...ท่านหญิงโซมินยาผู้สูงศักดิ์ สองคนกำลังจะมีสามีคนเดียวกันกับมายะ โชคชะตาคนเรานี่มันน่าตลกสิ้นดี ดูสิ...อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อแก่งแย่งผู้ชายคนเดียว ทั้งที่ก็รู้ดี ว่าตัวเองจะไม่มีวันได้ขึ้นเป็นหนึ่งในหัวใจของเขาแน่ๆ”
หลังทิ้งเสียงหัวเราะเยาะหยันเอาไว้ สองคนก็รีบเดินกลับออกไปอีกทาง ท่านหญิงโซมินยาจึงไม่ทันได้เห็น ว่าจันทร์เจ้าคุยกับใครอยู่ก่อนหน้า
“ท่านหญิง” สาวไทยถวายความเคารพ หากยังไม่สามารถจะบังคับตัวเองให้เงยหน้าขึ้นสบตา หรือพูดจาอะไรออกไปได้ ก็ท่านหญิงโซมินยาคนนี้ไม่ใช่หรือ ที่ทั้งเอวาร์ มีนาห์ และพระสนมซารีนะห์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าเธอกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นพระชายาในเจ้าชายเอเดียล ชีคหนุ่มที่ยังคงวนเวียนตักตวงทั้งความสุขและความสำราญจากตัวเธอไปในทุกเมื่อเชื่อวัน ช่างเจ็บปวดรวดร้าว...ราวกับถูกคมหนามแหลมทิ่มแทงเข้ากระหน่ำ ไม่น่าเป็นเธอเลยจันทร์เจ้า...ไม่น่าจริงๆ
“ทำไมวันนี้ถึงออกมาเดินชมสวนได้ล่ะจันทร์เจ้า”
คนถามส่งยิ้มฉันท์มิตรที่ดีต่อกันมาให้ ฝ่ายที่กำลังคิดอะไรไปไกล ออกจะละอายเล็กน้อย
“เอ่อ...คือ...หม่อมฉัน...”
“ตายจริง เป็นอะไรถึงได้หน้าซีดขนาดนี้ แล้วนี่เอาวาร์กับมีนาห์หายไปไหน”
“หม่อมฉันอยู่นี่เพคะท่านหญิง”
สองสาวรีบโผล่หน้าออกมาจากพุ่มไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“นั่นไปทำอะไรกันอยู่ตรงนั้น อ้อ...แล้วเห็นหรือเปล่าว่าเมื่อครู่นี้มีใครเพิ่งเดินออกไป”
“เอ่อ...คือ หม่อมฉันกับมีนาห์...”
ขณะที่เอวาร์กำลังนึกเรียบเรียงคำพูด จันทร์เจ้าก็ชิงบอกเสียก่อน
“สองคนคงไม่เห็นหรอกเพคะท่านหญิง เพราะหม่อมฉันเองยืนอยู่ตรงนี้ ก็ยัง...ไม่ทันได้เห็นถนัดเลยเพคะ ไม่ทราบจริงๆ ว่า...เป็นใคร”
“อ้าว...อย่างนั้นหรือ ก็ไม่เป็นไร จะใครก็ช่างเถอะ ไม่น่าสนใจเท่าไรหรอก สู้เรื่องที่หญิงจะมาบอกตอนนี้ไม่ได้”
อีกฝ่ายบอกอย่างรื่นเริง ลืมเรื่องอาการที่ผิดแปลกของจันทร์เจ้าไปโดยสิ้นเชิง
“เรื่องอะไรหรือเพคะ”
“ก็เรื่องที่หญิงจะมาชวนจันทร์เจ้าให้ไปเดินเล่นด้วยกันที่ห้างสรรพสินค้าน่ะสิ”
“เดินเล่นที่ห้างหรือเพคะ”
“ใช่แล้ว ห้างใหญ่แล้วก็หรูหราที่สุดในอัลดูซาร์ แต่ไม่ใช่จะชวนไปเดินเล่นอย่างเดียวนะ ยังมีอย่างอื่นที่น่าสนใจมากมายกว่านั้นอีก จันทร์เจ้าเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ยังไงก็คงต้องชอบแน่ๆ กับแฟชั่นโชว์ชุดพิเศษ เจ้าของห้องเสื้อเขาเป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังระดับโลกเชียวนะ มีชุดสวยที่ทำมาจากเส้นผมจริงๆ ของมนุษย์ กับไฮไลท์ของงาน คือชุดใยแมงมุมทอสีทองอร่าม หญิงเคยบินไปดูถึงงานแสดงที่ลอนดอน แต่พรุ่งนี้เขาจะมาเดินโชว์บนแคทวอร์คให้ดู นี่ที่ห้างกำลังวุ่นเรื่องจัดสถานที่กันยกใหญ่เลย”
“หรือเพคะ...” สาวไทยเพียงรับรู้เสียงเรียบ
“จันทร์เจ้าตกลงจะไปกับหญิงหรือเปล่าล่ะ”
“เอ่อ...คือว่าหม่อมฉัน...”
“อยู่แต่ในตำหนัก หรือไม่อย่างมากก็แค่ออกมาเดินเล่นรอบๆ บริเวณนี้เท่านั้น มันจะไปสนุกอะไร”
จันทร์เจ้ายังดูเป็นกังวล ท่านหญิงเองจึงทรงพยายามโน้มน้าวต่อ
“ระยะนี้เจ้าชายคงทรงงานอยู่แต่ในตำหนักส่วนพระองค์ มีเรื่องยุ่งๆ จุกจิกเยอะ ถ้าจันทร์เจ้าต้องอยู่คนเดียวนานๆ ก็เหงาแย่ น่า...ไปกับหญิงดีกว่านะ”
“พรุ่งนี้หรือเพคะ” หญิงสาวทวนเวลา ลังเลขึ้นมาเล็กน้อย
“ใช่จ้ะ โชว์เริ่มวันพรุ่งนี้ เป็นอันว่าเราตกลงกันแล้วนะ”
“แต่หม่อมฉันคงต้องรอทูลขอประทานอนุญาตจากเจ้าชาย...”
ก็อย่างเธอ จะไปไหนมาไหนตามความพอใจของตัวเองได้ยังไงกันเล่า
“ความสุข ความต้องการของจันทร์เจ้า ทำไมเจ้าชายจะไม่ทรงยินยอม ถ้าจำเป็นต้องขอก็ขอเถอะ แต่หญิงรับรองว่าต้องได้แน่ๆ ไม่มีอะไรน่าห่วง ยิ่งบอกว่าไปกับหญิงด้วยแล้ว”
“เอ่อ...เพคะ เอาไว้มีโอกาสเหมาะ หม่อมฉันจะลองทูลขอดู”
จันทร์เจ้าเริ่มยิ้มออกมาได้ นับเป็นเป็นรอยยิ้มล่าสุด หลังจากที่เคยได้พบกับท่านหญิงผู้มีสิริโฉมผู้นี้ เมื่อวันที่เธอจะต้องออกเดินทางไปเยี่ยมหมู่บ้านชาวเผ่าบาคา
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราเจอกัน เดี๋ยวหญิงจะไปเฝ้าท่านย่าล่ะ”
“เพคะท่านหญิง”
หญิงสาวน้อมส่งแล้วจึงเหลือบสายตามองตาม ทำไมนะ ท่านหญิงโซมินยาถึงได้ไม่มีปฏิกิริยาในทางลบกับตัวเธอให้สังเกตุเห็นเลยสักนิด ทั้งๆ ที่ก็ทรงรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าจันทร์เจ้าเป็นใครที่กำลังจะเดินเข้ามาแบ่งหรือแย่งเจ้าชายเอเดียลไปจากเธอ สาวไทยนั้นเชื่อเต็มร้อย...ว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหน หรือต่อให้ดำรงตนอยู่ในฐานะใดจะยังทนดูอยู่ได้ ถ้าจะต้องเสียชายอันเป็นที่รักไปให้กับผู้หญิงคนอื่น ท่านหญิงโซมินยา...ในฐานะว่าที่พระชายา จะต้องโกรธ เกลียด แล้วก็ไม่พอใจจันทร์เจ้าสิถึงจะถูก แต่ดูที่ทรงแสดงออกเถอะ ทรงหยิบยื่นทั้งไมตรีและมีเมตตากับผู้หญิงพลัดบ้านร้านถิ่นอย่างจันทร์เจ้ามากมายเหลือเกิน

“ว่ายังไงล่ะเอวาร์ มีนาห์ เมื่อไรจะตอบคำถามฉันเสียที”
ความใคร่รู้มากมาย ทำให้จันทร์เจ้าเริ่มนั่งไม่ติด เธอลุกเดินไปหาสองนางกำนัลสาว ซึ่งยังเอาแต่หมอบนิ่งกันอยู่บนพื้นใกล้ๆ
“เพราะอะไร เจ้าชายถึงยังไม่ทรงยอมเข้าพิธีเษกสมรสกับท่านหญิงโซมินยา อย่างที่เสด็จพ่อของพระองค์ทรงมีพระประสงค์เสียที”
สาวไทยถามย้ำอย่างรวบรัด เอวาร์มองหน้ากันกับแม่สาวมีนาห์ ก่อนจะยอมเอ่ยออกมาเบาๆ ว่า
“เรื่องนี้...พวกเราก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรมากหรอกนะคะคุณจันทร์เจ้า ที่รู้ๆ ก็มีอยู่แค่ว่า...ทั้งสองพระองค์ทรงบ่ายเบี่ยงที่จะพูดคุยถึงเรื่องนี้มาตลอดเวลา ไม่ว่าเจ้าเหนือหัวจะทรงเร่งรัดลงมามากขนาดไหนก็ตาม”
“เพราะอะไรล่ะ มีปัญหาอะไรถึงยังไม่ทรงยอมเข้าพิธี”
“เอ่อ...ข้อนี้พวกเราไม่ทราบจริงๆ ค่ะคุณจันทร์เจ้า ทั้งเจ้าชายและท่านหญิง ก็ดูสนิทสนมรักใคร่ แต่จะในฐานะอะไรและทำไมเรื่องถึงยังคาราคาซัง อันนี้น่ะไม่มีใครรู้จริงๆ ค่ะ”
“ก็ถ้าไม่รู้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร อ้อ...แล้ว...”
คนพูดทำเสียงเหมือนเหนื่อยใจ รวมถึงออกอาการลังเล ไม่แน่ใจในอีกเรื่องที่ตนกำลังจะเอ่ยถาม
“ฉันอยากจะขอถามทั้งสองคนอีกอย่าง คือว่าเรื่อง...เหล่าบรรดา...นางใน หรือว่านางในฮาเร็มของเจ้าชาย พวกนั้นเขาอยู่ที่ไหนกัน แล้วก็...มีมากสักแค่ไหน ถึงร้อยถึงพันอย่างที่ใครๆ เขาว่าไหม”
ทั้งเอวาร์และมีนาห์ทำตาโตคล้ายตกใจ ก่อนจะหันมาปิดปาก กลั้นหัวเราะให้แก่กัน
“เอ้อ...คุณจันทร์เจ้าคะ นี่คุณกำลังคิดว่า...”
“เจ้าชายเอเดียลเสด็จ”
เสียงทหารมหาดเล็กดังขึ้นมาจากทางด้านหน้าตำหนัก จันทร์เจ้าสะดุ้งเล็กน้อย
“เอ่อ...หยุดพูดเรื่องนี้กันก่อนนะ แต่สองคนไม่ต้องออกไปไหน อยู่ด้วยกันในนี้ล่ะ”
ครู่เดียว ประตูเข้าสู่ห้องชั้นในของตำหนักก็ถูกผลักเบาให้เปิดออก วรองค์สูงสง่าของเจ้าชายรัชทายาทปรากฏขึ้น
“ออกไปก่อนเอวาร์ มีนาห์” ผู้มาใหม่ออกคำสั่ง
“เอ้อ...”
“สองคนไม่ต้องออกไปไหนหรอก อยู่ในนี้ล่ะ เดี๋ยว...ฉันมีอะไรจะให้ช่วยทำต่อ”
“งานอะไรรึจันทร์เจ้า” เจ้าชายเอเดียลทรงหันมาตรัสถาม
“เอ่อ...ก็...หม่อมฉันอยากจะ...ให้ทั้งเอวาร์แล้วก็มีนาห์ ช่วยกันลงมือ...ขัดผิวให้สักหน่อยเพคะ”
จันทร์เจ้ายอมอ้างถึงเรื่องไร้สาระที่ไม่เคยมีอยู่ในหัวออกไป เพียงเพราะไม่อยากให้ตนเองต้องอยู่ในที่ลับตากับเอเดียลแบบสองต่อสองอีก เรื่องความใกล้ชิดทางกายสัมผัส...มันมักก่อให้เกิดความผูกพันหรือสายใยทางใจตามมาเสมอ ถ้าเธอกลัวที่จะผูกพันกับเขา ก็ต้องรีบจัดการปิดกั้นหรือกำจัดโอกาสนั้นลงเสีย เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ได้เลยยิ่งดี
“แปลก...ทุกทีไม่เห็นเธอเคยสนใจเรื่องพวกนี้ แต่ก็ดี มีอะไรที่อยากทำ อยู่ที่นี่เธอจะได้ไม่เบื่อ”
“ก็แปลว่าฝ่าบาททรงอนุญาต”
หญิงสาวสรุป พยายามจะไม่เหลือบไปสนใจร่างสูงใหญ่ที่ยืนจังก้าอยู่ กระทั่งเขาก้าวเข้ามาใกล้
“เห็นทีจะไม่ใช่ตอนนี้นะจันทร์เจ้า”
“เอ๊ะ! ก็เมื่อครู่นี้ฝ่าบาททรงประทานอนุญาตแล้ว...”
“อนุญาต แต่ต้องเป็นเวลาอื่น ไม่ใช่ในยามที่ฉันมาหาแบบนี้ ออกไปได้แล้วเอวาร์ มีนาห์”
“แต่เจ้าชายเพคะ...” จันทร์เจ้าตั้งท่าจะแย้งอีก
“ถ้าจะขัดให้ได้ในตอนนี้ ฉันก็จะเป็นคนลงมือขัดให้เธอเอง สองคนยังไม่ออกไปอีก!”
“เอ้อ...เพคะ”
คราวนี้แม่สองสาวรีบลน จนไม่แม้แต่จะเหลือบแลมาหาจันทร์เจ้าเสียด้วยซ้ำ...ประตูห้องชั้นในปิดลงตามหลังแผ่วเบา และเช่นเคย มกุฎราชกุมารแห่งอัลดูซาร์ทรงรีบหันมาคว้าพระหัตถ์หาสะเอวบางของร่างแน่งน้อยว่องไว
“จะไปไหน” คำถามพร้อมกับรอยจุมพิตซึ่งกดลงมาเต็มที่กับแก้มนวล เจ้าตัวเบนหลบนิดหนึ่ง
“แล้วจันทร์จะไปไหนได้ล่ะคะ”
“เป็นอะไร วันก่อนยังเห็นดีๆ อยู่เลย”
ถามอย่างจับสังเกต เธอส่ายหน้า แต่เหมือนยิ่งปฏิเสธ ก็ดูเหมือนจะยิ่งส่อพิรุธ เจ้าชายเอเดียลพินิจมอง
“หรือว่าน้อยใจ”
“จันทร์จะน้อยใจเรื่องอะไร ในเมื่อ...ตำหนักเล็กก็มีคนใจดียกให้อยู่ จะหยิบจะจับอะไร ก็มีคนคอยรับใช้รองมือรองเท้า หนำซ้ำ...อยากได้อะไรก็ขอให้บอกมา จะหาให้ทุกอย่างตามที่ปรารถนา ถึงขนาดนี้แล้ว...เจ้าชายยังคิดว่าจันทร์จะน้อยใจอะไรได้อีกหรือคะ”
“ยิ่งประชดอย่างนี้ ก็แสดงว่าจะต้องมีอะไร เล่ามาเสียดีๆ จันทร์เจ้า ฉันมีเวลาไม่มาก แค่แวะมาดูเท่านั้น เดี๋ยวเดียวก็ต้องรีบเข้าเฝ้าท่านย่ากับท่านพ่อแล้ว”
อีกฝ่ายพยายามจะพูดด้วยเหตุผล แต่อีกคนก็ดูจะตั้งท่ารวนไม่เลิกเหมือนกัน จันทร์เจ้าเชิดหน้าเล็กน้อย ยอมรับว่าหน้าแม่สาวที่ชื่อมายะนั่นยังติดตา ดูท่าว่าคงจะเตรียมเข้า ‘ถวายตัว’ ในเร็ววันนี้แล้วสิ
“ก็เชิญสิคะ จะมัวมาเสียเวลากับจันทร์อยู่ทำไม ผู้หญิง...ยิ่งสำหรับคนเป็นเจ้าชายด้วยแล้ว จะหาที่ไหนเมื่อไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น แถมยังน่าจะพิเศษกว่าคนอื่นอีกก็ตรงที่ บางทีไม่ต้องหา...มันก็มาเองได้อีกต่างหาก”
“ไปกันใหญ่เลยทีนี้ ไม่น่ารักเลยนะจันทร์เจ้า เคยบอกแล้วใช่ไหม มีอะไรไม่พอใจตรงไหน ก็ให้พูดกันมาตรงๆ น่ะ”
“จันทร์ก็เคยบอกตรงๆ ว่าอยากกลับเมืองไทย”
“นั่นเป็นข้อยกเว้น” เขาทำน้ำเสียงเด็ดขาด
“ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วค่ะ”
“จันทร์เจ้า” หญิงสาวเลือกที่จะหันหลัง บอกเป็นนัยว่าเธอไม่อยากฟังอะไรอีก
“ดี...อุตส่าห์คิดถึงแล้วก็แวะมาหา ทั้งๆ ที่งานมากมายยังรอท่าอยู่ตรงหน้า เสียเวลาแล้วก็เสียความตั้งใจจริงๆ ถ้าเธอยังเป็นอยู่แบบนี้ ก็สงบสติอารมณ์ไปคนเดียวก่อนก็แล้วกัน ไว้ฉันจะมาหาใหม่”
“จันทร์อยากไปห้างสรรพสินค้ากับท่านหญิงโซมินยา”
หญิงสาวรีบโพล่งออกมา กลัวว่าถ้าช้าก็คงจะอด
“เมื่อไร”
“เจ้าชายก็ได้พบปะพูดคุยกับท่านหญิงตลอดเวลา ความจริงก็น่าจะรู้กำหนดการทุกอย่างดีอยู่แล้วนะคะ”
เธอทำเสียงเย็นชา ไม่มองหน้า
“ฉันถามว่าเมื่อไร”
เมื่อเอเดียลทำท่าว่าเอาจริง ปลายเสียงอีกฝ่ายถึงค่อยอ่อนลง “พรุ่งนี้ค่ะ”
“อยากไปหรือ”
“ก็ดีกว่าปิดหูปิดตาอยู่แต่ในกะลาครอบ ออกไปดูอะไรๆ ข้างนอกบ้าง เผื่อสมองจะได้ปลอดโปร่ง คิดอะไรได้ลื่นไหลทันเล่ห์ทันกลคนอื่นเขาขึ้นมาบ้างค่ะ”
“เอาล่ะๆ จันทร์เจ้า..ถ้าอยากจะออกไปเที่ยวข้างนอกก็ไปเถอะ ไปกับโซมินยา คงไม่มีอะไรน่าห่วงสักเท่าไร เดี๋ยวจะให้ซีราห์กับฟาฮัดตามไปอารักขาด้วย”
จันทร์เจ้าสั่นหน้าทันทีที่ได้ยินคำพูดในประโยคหลัง เธอรีบบอก
“แค่อนุญาตก็พอแล้วล่ะค่ะ อย่าให้ใครตามไปคอยเฝ้าคุมอย่างกับจันทร์เป็นนักโทษคดีร้ายแรงอย่างนั้นเลย”
“ก็ตามใจ แต่ตอนนี้ได้เวลา ฉันต้องกลับไปก่อนล่ะ”
“เอ่อ...เจ้าชาย...” หญิงสาวเรียกเอเดียลเอาไว้อีก
“ว่ายังไง” ใบหน้าหล่อเหลาคมสันนั้นหันกลับมามอง หากเธอก็ยังลังเล ไม่รู้ทำไมปากคอมันไม่ยอมขยับ พูดสิจันทร์เจ้า...ถามเขาให้รู้กันไปเลย ทั้งเรื่องผู้หญิงที่ชื่อมายะ ท่านหญิงโซมินยา แล้วก็เรื่องนางในฮาเร็มที่กำลังคาใจอยู่นี่ด้วย ถามสิ...พูดเลย...พูดออกมา...
“จันทร์...เอ่อ...ไม่...ไม่มีอะไรแล้วค่ะ”
“ไม่มี...แน่ใจนะ”
“ค่ะ...แน่ใจ” จันทร์เจ้าต้องถอนใจแรงอย่างอึดอัด ในยามที่เอเดียลก้าวออกไปพ้นประตูแล้ว เธออยากจะว่าตัวเองแรงๆ ทำไมนะ เรื่องแค่นี้เอง จะได้รู้ความจริงกันไปเสียทียังไง อยากจะโง่ให้เขาหลอกตลอดไปงั้นหรือ โธ่ ยัยโง่จันทร์เจ้า!



ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ส.ค. 2555, 16:19:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ส.ค. 2555, 16:20:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 5816





<< ว่าที่พระสนมองค์ใหม่   ไม่คาดฝัน >>
mhengjhy 22 ส.ค. 2555, 18:15:03 น.
หึง ควันออกหูเลยจันทร์เจ้า 555


แว่นใส 22 ส.ค. 2555, 19:14:43 น.
ทำไมใจดีให้ไปง่ายจัง


tutas 23 ส.ค. 2555, 10:52:28 น.
เอาแล้วไง มีอะไรก็ไม่พูดออกไป เก็บไว้คิดคนเดียวอีกแล้วจันทร์เจ้า


teesaparn 23 ส.ค. 2555, 11:35:21 น.
จ๊ะเอ๋คุณลียาเหมือนกั๋น แบบว่ารอท่านชีคเล่มใหม่อยู่เน้อ วันก่อนไปแวบดูตี้ซีเอ็ดมาแล้ว
มีแต่เรื่องตี้ซื้อไป รออ่านเล่มใหม่อยู่เน้อเจ้า สู้ๆๆ


longah 24 ส.ค. 2555, 21:00:03 น.
สนุกมากเลยคะ ไม่คิดเลยว่าประเพณีนี้นะมีจริง ><


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account