โฮ่งเหมียวเกี่ยวรัก (จบแล้วค่ะ)
ท่ามกลางความต่างและเกลียดชัง...อาจพบความหวานที่เติมเต็มหัวใจ
เมื่อคนรักหมาต้องมาเลี้ยงแมว...และคนรักแมวต้องมาเลี้ยงมา เพื่อ
ชิงแชมป์ตำแหน่งสุดยอดครูฝึกสัตว์เลี้ยง คู่อริตลอดกาลต้องมาเป็นคู่แข่ง
จะน่ารัก อลหม่าน แมวๆโฮ่งๆ ขนาดไหนต้องติดตามค่ะ
Tags: แมว,หมา,รักหวานแหวว,สัตว์เลี้ยง

ตอน: 1 :: เมื่อโฮ่งเหมียวประจันหน้า

สวัสดีค่ะ นักอ่านที่รักทุกท่าน

หลังจากเรื่องรักเกินร้อยจบลง แตมขอฝากนิยายเรื่อง โฮ่งเหมียวเกี่ยวรัก ให้ลองอ่านดูนะคะ หวังว่าคนรักหมาและแมวจะชอบ เพราะแตมรักหมาที่ซู้ดดในโลก เลยขอเขียนถึงลูกรักสักนิด แวะมาทักทาย คอมเม้นต์ กันได้นะคะ คิดถึงทุกคนค่ะ

แตม (นภาสรร)

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 1

“น้องบะหมี่อย่าเป็นอะไรไปนะลูก ลืมตามองแม่หน่อยสิ” สาวใหญ่วัยสี่สิบเศษแต่งกายด้วยเดรสสีฟ้าพาสเทลลายจุดกรีดเสียงร้องลั่นเมื่อเห็นลูกรักนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงบนพื้นหญ้าด้วยความเป็นห่วง สาวใหญ่ผู้นั้นถึงกับลืมตัวขว้างกระเป๋าถือราคาเรือนแสนทิ้ง แล้วถลาไปประคองร่างของลูกรักมากอดไว้แนบอกอย่างแสนอาลัย

“เก่งมาก ตื่นได้แล้วบะหมี่” เสียงเฉียบขาดที่ดังขึ้นของกันธิชาคือมนตร์วิเศษที่ช่วยชุบชีวิตเจ้าตัวเล็กขนฟูให้เริ่มขยับตัวและเลียหน้าหญิงผู้เรียกแทนตัวว่า‘แม่’ ซึ่งยังคงยืนตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าเจ้าตัวน้อยจะฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

“เมื่อกี้น้องบะหมี่แกล้งตาย คุณเพลินไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ น้องเค้าแข็งแรงสุขภาพดี เก่งแบบนี้อีกไม่นานคงเป็นดาราได้สบาย” กันธิชาเอ่ยชมลูกศิษย์ตัวจิ๋วพันธุ์ปอมเมอเรเนียนที่แสดงได้สมบทบาทราวกับนักแสดงรางวัลตุ๊กตาทอง

“ครูน้ำ แกล้งชมบะหมี่ทำไมคะ อย่างบะหมี่ไปได้ไกลมากสุดก็แค่ตัวประกอบ ต้องน้องมัฟฟิ่น ลูกสาวของพี่สิคะที่เต้นได้สวย

เจนยุภาสาวใหญ่ร่างอวบเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยาะๆ ก่อนจะกดโทรศัพท์มือถือเพื่อเปิดเพลงทูมัชเวรี่มัช สั่งให้ มัฟฟิน ลูกสุนัขพันธุ์ชิสุห์ของหล่อนโชว์ลีลาโยกย้ายส่ายสะบัดประหนึ่งว่าเป็นเด็กปั้นของพี่เบิร์ด ธงชัย

“เริ่ดค่ะ...น้องบะหมี่คาบเหรียญไปโปรยให้น้องมัฟฟินสิลูก”

เพลินหยิบเหรียญจากกระเป๋ายื่นให้สุนัขที่ยืนงงๆ ก่อนจะหันไปพูดกับเจนยุภาด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่เชือดเชือน “คงไม่ต้องรอเป็นดาราหรอกมั๊งคะ ถ้าคุณเจนพาน้องมัฟฟินไปโชว์งานวัดเมื่อไหร่ก็บอก ฉันกับน้องบะหมี่จะช่วยไปเป็นหน้าม้าให้” เจนยุภาได้ยินเช่นนั้นจึงกัดฟัดกรอดๆด้วยความแค้นใจ

ก่อนที่สนามหญ้าเขียวขจีแห่งนี้จะกลายเป็นสนามมวย กันธิชา หรือ ครูน้ำ จึงต้องทำตัวเป็นกรรมการก่อนจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกน็อค และอาจลุกลามจนเกิดคดีหมาหมู่ยกพวกตีกัน

“คุณเพลินกับคุณเจนอย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ น้ำว่าน้องบะหมี่และน้องมัฟฟินเก่งพอกันทั้งคู่ นี่กำลังคิดอยู่เลยว่าจะเสนอคุณภูมิให้เลือกน้องทั้งสองไปแสดงนำภาพยนตร์เรื่อง ‘หมาจ๊ะจ๋า สี่ขาตะลุยจักรวาล’ อยู่พอดี แต่พอเห็นว่าคุณพี่ทั้งสองเกาเหลากัน น้ำก็คิดหนัก สงสัยจะต้องให้น้องหลุยส์กับน้องมิวมิวไปแคสติงแล้วซะแล้ว” กันธิชาแสร้งทำหน้าเสียดายที่ต้องตัดใจเลือกน้องหมาตัวอื่นไปทดสอบบทแทน

เพลินและเจนยุพาหน้าเจื่อนอย่างเห็นได้ชัด สาวใหญ่ทั้งสองทราบดีว่าที่ซูพีเรียฟาร์มแห่งนี้มักมีผู้กำกับและแมวมองมาทาบทามสุนัขให้ไปร่วมแสดงภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้ง ครูฝึกทุกคนที่นี่จึงต่างสนิทกับคนในแวดวงบันเทิงเป็นพิเศษ ที่น่าเป็นห่วงก็คือ สุนัขที่มาฝึกที่นี่ก็มีมากมาย หากมัวแต่ทะเลาะกัน ลูกๆที่รักก็อาจจะหมดโอกาสเป็นดาวจรัสฟ้าดวงใหม่ของวงการมายา ดังนั้นสาวใหญ่ทั้งสองจึงจำต้องเปลี่ยนท่าทีจากอริกลายมาเป็นเพื่อนรักสุดเลิฟ ตีบทแตกเสียยิ่งกว่าการแสดงของสุนัขของตนเสียอีก

“แหม ครูน้ำคะ เมื่อกี้พี่กับคุณเจนก็แค่หยอกกันเล่นๆเท่านั้นเอง เกาหลงเกาเหลาอะไรกัน เลิฟๆจุ๊ฟๆกันจะตายไป เมื่อกี้แค่ฝึกเอาไว้ค่ะ เผื่อคุณภูมิเกิดถูกใจลีลาการตีบทแตกของคุณพี่ แทนที่พวกพี่จะไปนั่งหง่าวซับหน้าหวีผมให้ลูก พวกพี่อาจจะได้เป็นดารากับเขาบ้าง” เพลินผู้เป็นฝ่ายเปิดศึกพูดด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน

กันธิชาถอนใจอย่างโล่งอกที่สงครามย่อยๆได้ยุติลง เมื่อสาวใหญ่ทั้งสองแยกย้ายกันไป เสียงหาวหวอดๆของโพล่าที่นอนคอยอย่างสงบก็ดังขึ้นแทนการบอกให้รู้เป็นนัยๆว่าเบื่อเต็มทีแล้ว อยากจะออกไปวิ่งยืดเส้นยืดสายเสียที

เจ้าโพล่าคือสุนัขพันธุ์ซามอยที่คงซู เจ้าของซูพีเรียฟาร์มมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่กันธิชาเมื่อสามปีที่ก่อน เนื่องจากหล่อนเคยออกปากว่าชอบหมาพันธุ์นี้ตรงที่หน้าตาน่ารักใจ มีรอยยิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญคือสุนัขพันธุ์นี้มีนิสัยฉลาดเฉลียวและเป็นมิตรอีกด้วย

อันที่จริงไม่ใช่แค่เพียงเรื่องสุนัข ไม่ว่าเรื่องใดที่กันธิชาออกปากว่าต้องการ คงซูก็เอาอกเอาใจหามาให้หล่อนได้เสมอจนใครต่อใครในฟาร์มซูพีเรียต่างพากันแซวว่า คงซูคงจะชอบหล่อน แต่กันธิชาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง และยังไม่อยากมีความรักในเวลานี้

วันนี้อากาศดี ซ้ำแดดก็ร่มแล้ว มุทิตาไม่อยากนึกเรื่องที่ทำให้ขุ่นมัว จึงนึกอยากเดินเล่นรับลมทะเล

“โพล่า ฉันยังไม่อยากกลับบ้านเลยล่ะ ไปเดินเล่นที่ริมทะเลด้วยกันหน่อยสิ”

สุนัขตัวยักษ์ขนฟูสีขาวเหยียดตัว บิดขี้เกียจ แล้ววิ่งควบอย่างร่าเริงตามหล่อนไปยังหาดทรายเบื้องหน้า หลังเลิกงาน กันธิชามักจะชอบชวนโพล่าไปเดินเล่นริมทะเลซึ่งอยู่ด้านหน้าของสนามฝึก ฟาร์มซูพีเรียถือได้ว่าเป็นฟาร์มสุนัขแห่งใหญ่ที่สุดในจังหวัดชลบุรี และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สุนัขพันธุ์ซามอยและศูนย์ฝึกสุนัขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

กันธิชาเองก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในครูฝึกที่เจ้าของให้ความไว้วางใจ เพราะนอกจากจะสอนและปราบสุนัขดุๆก้าวร้าวให้อยู่ในโอวาทได้อยู่หมัดแล้ว หล่อนยังเป็นครูฝึกสาวสวยที่มีลูกค้าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ทั้งประเภทโสดและเมียเผลอคอยแวะเวียนมาขายขนมจีบอยู่เสมอ แม้ความสวยและน่ารักของกันธิชาจะเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ดึงดูดฟาร์มซูพีเรียให้มีลูกค้ามากขึ้นก็จริง แต่คงซูกลับไม่พอใจและพร้อมจะไล่ตะเพิดลูกค้าหนุ่มทุกคนที่ทำท่าจะจีบกันธิชาอย่างไม่กลัวเสียลูกค้า ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่ที่คงซูยอมให้กันธิชาสอนจึงเป็นลูกค้าผู้หญิงหรือผู้ชายที่ไม่แมนเต็มร้อยเท่านั้น

กันธิชาเดินลัดสนามหญ้าเคียงคู่กับเจ้าหมาขนฟูไปยังบริเวณหาดทรายที่ทอดตัวยาวจรดพื้นทะเลใกล้สุดลูกลูกตา เมื่อย่างสู่พื้นทรายหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองฟ้าครามเพื่อสูดที่สดชื่นและบริสุทธิ์ หล่อนรักทะเล โดยเฉพาะตอนที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน สีส้มของดวงอาทิตย์ซึ่งระบายบนพื้นฟ้าคราม แม้จะชวนให้รู้สึกเหงาแต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกสงบ

“วิ่งเร็วโพล่า เราไปหาเปลือกหอยมาสร้างปราสาทกัน” เจ้าโพล่าวิ่งควบอย่างอารมณ์ดีและใช้ปากสั้นๆของมันคุ้ยทรายเพื่อช่วยหาเปลือกหอยมาประดับปราสาททรายที่หล่อนกำลังก่ออยู่

กันธิชาจินตนาการว่าปราสาททรายคือบ้านของหล่อนที่มีพ่อแม่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างอบอุ่น ถึงแม้กันธิชาจะโชคดีกว่าเด็กกำพร้าหลายๆคนตรงที่มีคนอุปการะเลี้ยงดู นับเป็นโชคที่ จินโฮ ชายเกาหลีผู้หนึ่งบังเอิญมาพบหล่อนถูกทิ้งในเรือโดยสารที่ท่าเรือศรีราชา จึงสงสารเลยเก็บหล่อนมาเลี้ยงดูและให้ความรักประหนึ่งว่าหล่อนคือลูกสาวแท้ๆ

กระนั้นก็ใช่ว่าชีวิตของกันธิชาจะมีความสุขหรือสะดวกสบายนัก เพราะนัมจูผู้เป็นแม่เลี้ยงและโฮยอนผู้เป็นลูกสาวแท้ๆของจินโฮเกลียดชังหล่อนและปฎิบัติต่อหล่อนเยี่ยงคนรับใช้ ทั้งคอยดูถูกและหาเรื่องกลั้นแกล้งต่างๆนานา ทว่ากันธิชาก็ไม่ได้โชคร้ายนักเพราะมีฮีโร่ประจำบ้านอย่างจุนซา ลูกชายคนโตของจินโฮคอยปกป้องและรักหล่อนประหนึ่งน้องสาวร่วมสายเลือด จึงทำให้ชีวิตของกันธิชาไม่รันทดจนเกินไป

เสียงเห่าของโพล่าปลุกกันธิชาให้ตื่นจากภวังค์ความคิด ปราสาทของหล่อนเวลานี้ราบลงเป็นหน้ากองด้วยฝีมือของแมวเปอร์เซียขนปุยสีเทาจอมแซบที่กระโดดผลุงมานั่งเชิด ลอยหน้าลอยหน้ากินลมชมวิวอย่างไม่รู้สึกผิด โพล่าคงจะหมั่นไส้จึงตั้งท่าจะพุ่งตัวไปจัดการเจ้าเหมียวตัวแสบ

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้โพล่าชะงักนิ่งอยู่กับที่ โพล่าไม่ใช่หมาดุ แต่ก็ดื้อที่สุดในคอก มันไม่เชื่อฟังครูฝึกคนไหนนอกจากหล่อน น่าประหลาดที่มันยอมเชื่อฟังศรัณย์ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่มาดนิ่ง ผู้ซึ่งมีใบหน้าเรียบเฉยเป็นนิตย์

ศรัณย์รีบวิ่งไปอุ้มเจ้าแมวตัวแสบของเขาออกมาจากกองทรายและปลอบประโลมราวกับมันเป็นเด็กน้อยที่กำลังเสียขวัญ

“ลีน่า ไม่ต้องกลัวนะ โอ๋ คนเก่งตัวสั่นเชียว”หากกันธิชาไม่เคยรู้จักกับศรัณย์มาก่อน หล่อนก็คงอดเคลิ้มกับภาพตรงหน้าไม่ได้ ชายหนุ่มตัวใหญ่กำลังปลอบประโลมลูกแมวตัวเล็กๆอย่างอ่อนโยน กันธิชาเตือนสติตัวเองว่าสิ่งที่หล่อนเห็นคือภาพลวงตา ศรัณย์อาจตบตาคนทั้งโลกได้ แต่สำหรับหล่อนเขาคือ ฆาตกร!

“ที่นี่คือหาดทรายของฟาร์มซูพีเรีย คุณและแมวของคุณไม่มีสิทธิ์จะเข้ามาในบริเวณนี้และที่สำคัญแมวของคุณกำลังก่อกวนความสงบของฉัน หวังว่าคราวหน้าพวกคุณจะไม่เข้าบุกรุกที่นี่อีก ไม่อย่างนั้นฉันจะ..”

“คุณจะทำอะไร เรียกตำรวจมาจับผม หรือว่าจะเรียกนักเลงในฟาร์มซูพีเรียมารุม พวกหมาหมู่อย่างคุณทำอะไร
ไม่เป็นนอกจากลอบกัดคนอื่น” สายตาของศรัณย์ที่จ้องมองกันธิชานั้นฉายแวววาวโรจน์อย่างไม่ยอมเช่นกัน
ความเกลียดชังระหว่างกันธิชากับศรัณย์หากจะถามว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ คงจะต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ครั้งที่ จุนซา พี่ชายของหล่อน ตัดสินใจลงหุ้นทำฟาร์มสุนัขซูพีเรียร่วมกับเพื่อนรักสมัยเรียนมัธยมสองคนคือ ปาร์ค คงซู และศรัณย์

คืนก่อนที่จุนซาจะประสบอุบัติเหตุและกลายเป็นอัมพาต จุนซาและศรัณย์ทะเลาะกัน หล่อนจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี เสียงเอะอะดังขึ้นที่หน้าบ้านราวตีสอง ทุกคนในบ้านต่างหลับสนิท มีเพียงหล่อนที่ยังนั่งตาโตเป็นนกฮูกเพราะต้องนั่งสอยกระโปรงของโฮยอนให้เสร็จทันรุ่งเช้า

“แก สมรู้ร่วมคิดกับคงซู โกงเงินฉัน” ศรัณย์ดึงคอเสื้อจุนซาและตวาดลั่น

“ฉันไม่ได้รู้เห็นกับเรื่องนี้เลยนะศรัณย์ พรุ่งนี้ฉันจะคุยกับคงซูเพื่อเคลียร์เรื่องเงินให้กับนายเอง” จุนซาตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“ฉันไม่น่าไว้ใจลงหุ้นกับพวกนายเลย ยังไงพวกนายก็เป็นคนเกาหลีเหมือนกัน ก็ต้องรวมหัวกันอยู่แล้ว” ศรัณย์ปล่อยมือจากคอเสื้อของจุนซา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

“ฉันไม่โกรธนายเลยที่นายไม่เชื่อใจฉัน แต่อย่ามาถูกฉันและคงซู ถึงเราจะเป็นคนเกาหลี แต่เราก็เติบโตที่เมืองไทยและเป็นคนไทยเช่นเดียวกันนาย ถ้านายดูถูกเราสองคนก็เท่ากับว่านายกำลังดูถูกตัวเองด้วย” จุนซาตอบกลับด้วยน้ำเสียงกร้าว

“ขอให้จริงอย่างที่พูดเถอะ ไม่อย่างนั้นได้เห็นดีกันแน่”ศรัณย์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
ก่อนที่ศรัณย์จะกลับขึ้นรถ กันธิชาก็เดินอาดๆไปหาศรัณย์อย่างเอาเรื่อง หล่อนจะไม่ยอมให้ศรัณย์จากไปง่ายๆแบบนี้ ไม่รู้ว่าความกล้ามาจากไหน หล่อนถึงได้แย่งกุญแจรถจากมือของชายหนุ่ม แล้วประจันหน้ากับเขาอย่างเอาเรื่อง

“คุณมีหลักฐานอะไรถึงได้ปรักปรัมว่าพี่จุนซาโกงเงิน ขอโทษพี่จุนซาเดี๋ยวนี้ ไม่อยากนั้นฉันจะโยนกุญแจรถนี่ทิ้ง”

หล่อนเติบโตมากับจุนซาจึงรู้จักนิสัยของเขาดีและมั่นใจว่าคนอย่างจุนซาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ไม่มีทางคิดคดโกงใครอย่างแน่นอน ส่วนคงซู หุ้นส่วนอีกคน ก็ไม่มีทางจะยักยอกเงินให้ต้องผิดใจกัน เพราะ ปาร์ค ดองวู ผู้เป็นพ่อของคงซูเป็นเจ้าของบาร์หลายแห่งในพัทยาและมีหลักฐานการเงินที่มั่นคงอยู่แล้วจึงไม่มีความจำเป็นต้องคิดโกงเงินใคร

“เอากุญแจรถคืนมา ยายเด็กบ้า” ศรัณย์แผดเสียงใส่หล่อน และหมายจะแย่งกุญแจรถคืนจากกันธิชาที่ทำท่าจะทิ้งกุญแจรถของเขาลงท่อ

“คืนกุญแจรถให้ศรัณย์เถอะน้ำ แล้วเข้าบ้านไปซะ” จุนซาไล่หล่อนให้เข้าบ้าน

“ไม่...น้ำไม่ยอมกลับเข้าไปจนกว่านายคนนี้จะขอโทษพี่” จุนซามองหน้ากันธิชาตรงๆเป็นเชิงปราม จนกันธิชาจำต้องรามือและคืนกุญแจรถให้กับศรัณย์ ซึ่งรีบตะครุบกุญแจรถจากมือของหล่อนทันที กันธิชาจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะยอมเดินกลับเข้าบ้านเงียบๆ เสียงทะเลาะของศรัณย์และจุนซายังดังอยู่อีกครู่หนึ่งจึงเงียบไป

ยังไม่ทันที่กันธิชาจะมีโอกาสถามจุนซาถึงเรื่องวิวาทที่เกิดขึ้นคืนนั้น เพราะช่วงราวๆหกโมงเย็นของวันรุ่งขึ้น ทางบ้านก็ได้รับข่าวร้ายว่า จุนซาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างขับรถไปงานเลี้ยง รถของจุนซาเสียหลักชนไหล่ทางจนบุบแทบทั้งคัน หากดูจากสภาพรถแล้ว จุนซาไม่น่าจะมีชีวิตรอด แต่กระนั้นผลจากอุบัติเหตุก็ทำให้จุนซากลายเป็นอัมพาต เดินไม่ได้ และมีอาการซึมเศร้าไม่ยอมพูดจา จะว่าเป็นแล้วตอนนี้จุนซาก็เหลือเพียงร่างที่ยังหายใจอยู่เท่านั้นเพราะสติของเขาเลื่อนลอยไม่ยอมรับรู้อะไร

จากการประมวลเหตุการณ์และหลักฐานของตำรวจก็พบว่า รถของจุนซาถูกตัดสายเบรค และหลักฐานเดียวที่ตำรวจพบก่อนจุนซาจะประสบอุบัติเหตุก็คือ หมวกของศรัณย์ที่ตกอยู่ ณ ลานจอดรถ ในบริเวณเดียวกันกับที่จุนซาจอดรถไว้ก่อนเดินทาง

ลำพังเพียงหลักฐานก็บ่งชี้ชัดแจ้งว่า ศรัณย์คือผู้ต้องสงสัย แต่เมื่อตำรวจได้ทำการสอบสวนศรัณย์แล้ว กลับพบว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยอย่างที่ทุกคนคิด ตำรวจอ้างว่าหลักฐานนี้ไม่อาจระบุชี้ชัดได้ว่าศรัณย์เป็นผู้ตัดสายเบรครถของจุนซาได้ อาจเป็นเรื่องบังเอิญที่ผู้ต้องสงสัยต้องการอำพรางคดี จึงนำหมวกของศรัณย์มาทิ้งไว้เพื่อให้เป็นแพะรับบาป

แพะรับบาปอย่างนั้นนะหรือ

ใครจะเชื่อว่าศรัณย์เป็นผู้บริสุทธิ์ก็เชื่อไป แต่สำหรับกันธิชา หล่อนมั่นใจว่าศรัณย์ใช้อิทธิพลของ ศิระ พ่อของเขาซึ่งเป็นนายตำรวจใหญ่ช่วยให้พ้นจากคดีนี้ ที่ร้ายกว่านั้นคือหลังจากที่จุนซาประสบอุบัติเหตุ ศรัณย์ไม่เคยมีน้ำใจมาเยี่ยมเยียนจุนซาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ต่างจากคงซูที่คอยแวะมาให้กำลังใจและถามไถ่อาการ นอกจากนั้นแล้ว สามเดือนหลังจากที่จุนซาไม่อยู่ในสภาพที่ทำงานได้ คงซูได้ขอซื้อหุ้นฟาร์มซูพีเรียจากจุนซาในราคายุติธรรมทั้งยังแบ่งผลกำไรงวดแรกให้อีกด้วย ตรงข้ามกับศรัณย์ที่เมื่อขายหุ้นให้กับคงซูแล้วก็ไปเปิดกิจการฟาร์มแมวเปอร์เซียของตัวเองชื่อ ฟาร์มลัคกี้แคท

ฟาร์มลัคกี้แคทของศรัณย์ตั้งอยู่ไม่ไกลจากฟาร์มซูพีเรียนัก กันธิชาจึงมีโอกาสได้สังเกตความเคลื่อนไหวของชายหนุ่ม ยิ่งได้เห็นกิจการของศรัณย์เจริญก้าวหน้ามากเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งรู้สึกแค้นใจมากเท่านั้นที่ศรัณย์ยังลอยนวลและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ในขณะที่จุนซาต้องรับเคราะห์กรรมอยู่กับความทุกข์ทรมาน
หากสวรรค์ไม่อาจจัดสรรความยุติธรรม หล่อนเองนี่แหละที่จะเป็นคนจัดการคนชั่วอย่างศรัณย์ให้ได้รับการลงโทษอย่างสาสม’

แล้วโชคก็เข้าข้างกันธิชา เมื่อแชวอน น้องสาวของคงซูเข้าเรียนในคณะเดียวกันกับหล่อน กันธิชาเลยได้รู้จักสนิทสนมเป็นเพื่อนรักกับแชวอน ดังนั้นหลังจากเรียนจบ แชวอนจึงชวนให้หล่อนมาทำงานที่ฟาร์มซูพีเรียซึ่งตรงกับความตั้งใจของหล่อนที่เคยเรียนฝึกสุนัขจากจุนซาควบคู่ไปกับการเรียนในระดับอุดมศึกษา การเป็นครูฝึกสุนัขเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้หล่อนได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับฆาตกรอย่างศรัณย์

ถึงกันธิชาจะมีประสบการณ์ในการเป็นครูฝึกสุนัขได้ไม่นาน แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นครูฝึกที่มีความสามารถมากที่สุดคนหนึ่งของฟาร์มซูพีเรีย และอีกไม่ช้าก็จะมีโอกาสนำทีมสุนัขซามอยไปลงแข่งในสนามประลอง เมื่อถึงเวลานั้น หล่อนก็จะได้พบและมีโอกาสจับตามองศรัณย์ที่นำแมวเปอร์เซียไปแข่งด้วยเช่นกัน

ความคิดของกันธิชาสะดุดลงเมื่อเม็ดทรายที่เจ้าแมวเปอร์เซียตัวแสบสะบัดทรายซึ่งติดตามก้นของมันใส่กันธิชาและยิ้มให้หล่อนอย่างร้ายกาจไม่ต่างไปจากใบหน้าของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของ

“ไปกันเถอะลีน่า เดี๋ยวเห็บหมัดจะเกาะตามตัวเปล่าๆ” ศรัณย์จ้องมองกันธิชาราวกับเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ก่อนที่เดินกลับไปยังฟาร์มของเขาที่อยู่ไม่ไกลกันนัก กันธิชามองตามแผ่นหลังของชายหนุ่ม พลางกำหมัดแน่น หล่อนจะรอคอยวันที่ชีวิตของศรัณย์จะไม่เหลืออะไรเลยเช่นเดียวรอยเท้าของเขาบนผืนทรายที่ถูกคลื่นซัดจนหายวับไปกับทะเลเพียงชั่วพริบตา




นภาสรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ย. 2555, 09:52:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.ย. 2555, 09:05:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 2015





   2 :: ซินเดอเรลลาก้นครัว >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 4 ก.ย. 2555, 09:57:14 น.
เข้ามาเจิมครับ..ชื่อแนวนี้ ชอบครับ แปลกดี...


นภาสรร 4 ก.ย. 2555, 10:00:37 น.
ขอบคุณค่ะ คุณเฟื่อง ^__^ เรื่องนี้ออกแนวติ๊งต๊องเหมือนคนเขียน อ่านเอาขำๆค่าาาาา


lookAme 4 ก.ย. 2555, 19:15:26 น.
เข้ามาติดตามด้วยอีกคนค่ะ^^


นภาสรร 5 ก.ย. 2555, 09:10:07 น.
ขอบคุณค่ะคุณ lookame


พลูหอม 5 ก.ย. 2555, 10:20:34 น.
คนหัวใจรักน้องหมา..พลาดไม่ได้แย้วววว :) มาเชียร์ค่ะ คุณแตม..น่าร๊ากกกกกก..แฮ้ปปี้ จริง ๆ นะคะ ^___^


นภาสรร 5 ก.ย. 2555, 10:42:57 น.
ขอบคุณค่า คุณยุ้ย


ดารานิล 6 ก.ย. 2555, 21:24:41 น.
ต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ เลย


นภาสรร 7 ก.ย. 2555, 12:53:49 น.
55 ค่า ต้องติดตามนะคร้าาาาาาาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account