ซีรีย์เมีย-อัพ-เมียราคี
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอทำให้ฉันเป็นทุกข์ขนาดไหน”
“เธอคงสะใจแล้วสินะ ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้”
ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฮึ่ม...งั้นเธอคงอยากให้ฉันมีความสุข”
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกให้หมดสิ ฉันจะได้เชื่อว่าเธออยากให้ฉันมีความสุข”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๑๐ มารมันผจญ

ตอนที่๑๐ มารมันผจญ


เรือนร่างบางยืนจ้องตัวเองในกระจกเป็นชั่วโมง หลังจากที่กลับมาจากที่ทำงาน เธอมองสำตรวจใบหน้าของตัวเองอย่างละเอียด พิจารณาทุกอย่าง ว่ายังมีอะไรที่เธอขาดหาย ทำไมเขาถึงยังไม่พอ ไม่หยุดสักที แต่แล้วเธอกลับต้องร้องไห้ออกมา เมื่อสิ่งที่เธอขาดหายนั้นคืออายุ...อายุของเธอที่มากขึ้น ทำให้เธอไม่สวยใสอีกแล้ว แต่สวยคม สวยเข้มตามอายุที่มากขึ้น ซึ่งก็รู้ๆ กันดี และรู้มาตลอดว่าสามีชอบผู้หญิงอ่อนหวาน สวยหวานๆ ใสๆ เท่านั้น แต่ดูหน้าเธอสิ ดูตอนนี้สิ มันต่างไปจากเมื่อหลายปีก่อนมาก เธอไม่ใช่คาร่าคนนั้นอีกแล้ว ไม่ใช่ผู้หญิงหน้าหวาน หน้าใสอายุสิบแปดคนนั้น คนที่เขาคลั่งไคล้อีกแล้ว มิน่าล่ะ เขาถึงไม่พอ ไม่พอใจกับเธอสักที

“ฮือ...” เสียงหวานสะอื้นออกมาเบาๆ แต่ก็รีบปาดน้ำตา เพราะมันไม่ใช่เวลาให้เธอต้องมาเสียใจหรือสมเพชอะไรในตัวเอง ในเมื่อเธอไม่สามารถไปหยุดเวลาให้หยุดเดินได้ เธอก็จะหาทางอื่น หนทางอื่นที่จะสามารถหยุดเขาไว้ที่เธอได้ แม้จะรู้ว่า...สิ่งนั้นก็ไม่ต่างไปจากใบหน้าของเธอ ที่ต้องแก่ตามอายุ แต่เธอก็จะพยายามใช้มันรั้งเขาเอาไว้ให้ได้ ต่อให้รั้งไว้ได้ไม่นาน แต่แค่ปีสองปี เธอก็พอใจแล้ว

มือบางเช็ดน้ำตาตัวเองเร็วๆ พยายามข่มเสียงสะอื้น ก่อนที่จะรีบยื่นมือไปหยิบบรัชขึ้นมาปัดที่ข้างแก้มเบาๆ เพิ่มนิด เติมหน่อยให้แลดูสดใส เพื่อกลบเกลื่อนความหมองเศร้าของตัวเอง ทว่า ณ วินาทีนั้นกลับเหลือบตาเห็นสามี ที่ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ มายืนพิงหลังข้างๆ ตู้เสื้อผ้ามองเธอ คาร่าจึงถึงกับตกใจ รีบวางบรัชลง แล้วหันไปทักเขา

“คุณริด...มาตั้งแต่เมื่อไรคะ” เธอซักถามไป เกรงเขาจะเห็นตอนที่เธอร้องไห้ แต่ร่างสูงกลับไม่ตอบ ตรงข้ามถอนหายใจเบาๆ แล้วค่อยๆ เดินมาหาเธอ

“มองตัวเองแล้วร้องไห้ทำไม...หือ” คริษฐ์เข้ามาหา พร้อมดึงภรรยามากอด ยกมือปาดแก้มเนียนเธออย่างอ่อนโยน และแทนที่จะตอบคำถามเธอ เขากลับเอ่ยเสียงนุ่มนวลไถ่ถามมาแทนอย่างใส่ใจและห่วงใย ทำให้ภรรยาอยากจะร้องไห้อีก แต่เธอก็ต้องฝืนตัวเองเอาไว้ เพราะไม่ต้องการเป็นคนอ่อนแอ ขี้แยขนาดนั้น จึงต้องรีบผละออกจากอกเขา

“ไม่มีอะไรคะ” คาร่าผลักอกสามีให้ปล่อย เอ่ยเสียงเบาเจือสะอื้นทำให้เขาไม่เชื่อ

“ไม่มีได้ยังไง ถ้าไม่มี แล้วจะมีนี่เหรอ” คริษฐ์เอามือตัวเองที่เพิ่งเช็ดน้ำตาจากแก้มเธอกลับมาถูใส่แก้มเธอเบาๆ อีกครั้ง ให้เธอรู้ว่า...เธอหลอกเขาไม่ได้ คาร่าจึงได้แต่อ้าปาก แต่ไม่มีอะไรเถียง ทำให้คุณสามีต้องถอนหายใจอีกครั้ง แล้วกระชับวางแขนอีกหน ไม่ยอมปล่อยเธอไป

“ถ้าหากว่าเราไม่พูด...อะไรกันเลย มันก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไป ต้องมีคนแอบร้องไห้ ต้องมีคนแอบมีน้ำตา และแย่สุด คือเราต้องเจ็บปวด ต่างคนต่างเจ็บปวดและคิดไปต่างๆ นานา...คาร่า บอกฉันได้ไหม เธอคิดอะไรอยู่ อะไรบ้างที่ทำให้เธอไม่พอใจ และร้องไห้แบบนี้”

อ้อมกอดอบอุ่นของสามี ที่เธอไม่เคยขยะแขยงตึงรัดแน่นอีก พร้อมกับคำพูดที่เร่งเร้าอยากรู้ความเป็นไปของเธอ แลดูช่างเอาใจใส่ แต่หัวใจเธอกลับร้องไห้อีกครั้ง เพราะสิ่งที่เขาทำ กับสิ่งที่เขาพูด ตอนอยู่ต่อหน้าเธอกับลับหลังเธอ มันผิดกัน ผิดกันมาก ราวหน้ามือกับหลังมือ ทั้งสีผิว ทั้งความเรียบ ต่างกันลิบลับ คาร่าจึงได้แต่สะอื้นแล้วซุกหน้าชิดกับแผงอกล่ำของเขา โดยไม่คิดตอบอะไร เพราะไม่แน่ใจว่า ตอบไปแล้ว เขาจะย้อนมาอย่างไร

“คาร่า...” คริษฐ์เรียกอีก ก่อนที่จะผละเธอออกจากอ้อมกอด แล้วก้มลงมาประทับรอยจูบแสนนุ่มนวลบนหน้าผากมน เขาทำให้หัวใจของเธออ่อนย้อยอีกแล้ว แต่ก่อนที่เธอจะรู้ตัว เขาก็เลื่อนหน้าต่ำลงมาอีก แล้ววินาทีนั้นก็ยึดครองกลีบปากบางสีระเรื่อเอาไว้ทันทีอย่างจอมบงการ เอาแต่ใจ ไม่รอให้เธอยินยอมพร้อมใจ รุกล้ำ ถืออำนาจ และรุนแรงขึ้นควบกับความถี่ของลมหายใจ

สองมือแกร่งลูบคลำไปทั่วทุกสัดส่วนของภรรยา ตีตราทุกพื้นที่ที่ก้าวผ่าน ขบเม้มจนดวงหน้าสวยเหยเก แต่ยังไม่ทันให้เธอได้เอ่ยคัดค้านอะไร เรือนร่างบางก็ถูกช้อนให้ขึ้นมานั่งบนหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของตัวเอง พร้อมกับกระโปรงแซกสีน้ำตาลตัวโปรด ถูกเขาถลกขึ้นเหนือเข่า ตามมาด้วยประการกีดกั้นอีกชิ้น ก่อนร่างสูงจะแทรกทางของตัวเองเข้าหาเธอรวดเร็ว แล้วโหมรุนแรงตามอารมณ์ที่อยากให้เธอหายเศร้า จนเสียงหวานต้องระงมขึ้นมาด้วยความห้ามไม่อยู่

“คุณริด!” มือน้อยทั้งสองข้างเอื้อมขึ้นกอดรอบท้ายทอยของสามี ซุกหน้าชิดกับอกเขา หายใจแรงๆ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย แทบจะขาดใจตาย เพราะเขาไม่เว้นวรรคให้เธอได้หายใจเลย แต่ก็อีกครั้งที่เธอต้องหวีดร้องอีกหน เมื่อสามีช้อนเธอขึ้นมาอุ้มแนบกับร่างเขา เธอจึงสั่นคลอนทันทีด้วยความตื่นตระหนก แต่เขาก็กอดรัดเธอแน่น พร้อมกับซุกหน้าลงกับซอกคอระหง แล้วจูบเม้มบางเบา

“คาร่า...ฉันรักเธอนะ รักเธอคนเดียว และมากที่สุดในชีวิตของฉัน...มากกว่าชีวิตของฉัน...ฉันรักเธอ” เสียงพร่าของสามีกระซิบมาให้น้ำตาเธอไหล คาร่าจึงรีบพยักหน้ารับหงึกๆ เพื่อบอกเขาว่าเธอรับรู้แล้ว รับรู้ทุกอย่าง ก่อนที่จะกอดรัดเขาตอบ แล้วรองรับทุกอย่างที่เขาจะมอบให้

สองกายกอดกระหวัดไว้แบบนั้นครู่ใหญ่ ก่อนที่ร่างสูงจะอุ้มพาภรรยาไปวางนอนลงที่เตียง เพื่อให้เธอได้พักเหนื่อย แต่เขาก็ล้มตัวลงมานอนข้างๆ ยื่นมือมาเช็ดเหงื่อ ปาดน้ำตาให้เธอต่อ

“บอกฉันได้หรือยัง ว่าร้องไห้ทำไม” เขาชักคำถามเดิมมาถาม นอนจ้องดวงหน้างามด้วยสายตาวิงวอนต้องการรู้ อยากให้เธอพูด ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่หายแคลงใจ

“คาร่า...” วงปากน้อยอ้าขึ้น ตั้งใจจะบอกเขา แต่เสียงใสกลับสะดุด เพราะมันจะเปล่งเป็นเสียงสะอื้นแทน เธอจึงต้องชะงักเพื่อข่มเสียงก่อนที่จะเอ่ยต่อไป “คาร่าแก่แล้ว คุณอาจจะรักคาร่าน้อยลง” เธอมองตาเขา แล้วเอ่ยไป แม้มันไม่ตรงตามคำถามที่เขาอยากได้ แต่คริษฐ์ก็เข้าใจความหมาย และเมื่อเธอขยับมาหา เขาจึงรีบเปิดอ้อมกอดรับเธอมาแนบ

“แล้วเมื่อกี้นี้รักน้อยหรือเปล่าล่ะ” เสียงเข้มเหนือขมับกระซิบแผ่วเบามาเย้าเธอ ทำให้คาร่าเขินหน้าแดงก่ำ มือน้อยจึงเอื้อมขึ้นหงิกหน้าอกสามีแรงๆ

“คนบ้า...” เธอเอ็ดเบาๆ แต่ก็ทำให้สามียิ้มกริ่มด้วยความดีใจ กระชับรัดเธอแน่น แล้วจูบหน้าผากเธอแรงๆ สองสามที

“ลงไปข้างล่างกันนะ เราทิ้งนึงนึกไว้คนเดียวนานล่ะ เดี๋ยวลูกจะสงสัยว่าเราหายไปไหนกัน ทำไมไม่เห็นเรา” เขากระซิบมาเสียงแผ่วอีก แต่เลิกเย้าเธอแล้ว เพราะตอนนี้เริ่มนึกห่วงลูกขึ้นมา ทิ้งแกไว้ข้างล่างนานพอสมควร กลัวแกจะตกใจที่ไม่เห็นเธอกับเขา

“ค่ะ” คาร่าก็เช่นกัน เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทิ้งลูกไว้คนเดียวนานแล้ว จึงรีบผละจากอกของสามี พร้อมกับลุกขึ้นไปจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย อะไรที่ถูกถอดออกเมื่อกี้ เธอก็เก็บกลับมาใส่เหมือนเดิม ก่อนที่จะรีบลงไปหาลูก ทว่าร่างของเธอกลับลอยไม่ติดพื้นขึ้นมาดื้อๆ เมื่อสามีเดินตามมา แล้วช้อนร่างเธอขึ้นอุ้ม

“แบบนี้ดีกว่า เร็วดี” เขาพูดมาอีก ทำให้คาร่าอดอมยิ้มไม่ได้ ซบหน้ากับอกของเขา แล้วยิ้มระรื่น แต่จู่ๆ รอยยิ้มหวานสวยนั้นกลับต้องเหือดหาย เมื่อสมองมันทวนและหวนนึกถึงรูปถ่ายพวกนั้น ที่มีเขานอนกับผู้หญิงคนอื่น

มือน้อยของคาร่ากำแน่นทันที ขณะที่ดวงตามันร้อนระอุขึ้นมา คล้ายน้ำตาจะไหลอีก เธอจึงต้องข่มใจอีกครั้ง หลับตาลงอีกหน เพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมาในตอนนี้ ในเวลาแบบนี้ เพราะลึกๆ เธอก็ดีใจเช่นกัน ที่เขาทำดีกับเธอ ที่เขาบอกรักเธอ จึงไม่อยากให้เวลาที่แสนดีเช่นนี้ต้องมาหมดไป หรือถูกทำลายด้วยความคิดมาก ความฟุ้งซ่านของตัวเอง

คาร่าบอกตัวเองแล้วฝืนใจไม่ให้คิดมาก พยายามกลั่นยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะไปเจอลูก เพราะเธอไม่อยากให้ลูกตกใจ หรือเห็นเธอเศร้าอีก แล้วเพียงแค่ครู่เดียวเขาก็อุ้มพาเธอมาถึงข้างล่าง ในห้องนั่งเล่นที่ลูกนั่งเล่นอยู่

แกยังนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ที่เก่า ที่เดิมที่เธอกับเขาพาแกมานั่ง โดยไม่ได้ลุกไปไหน ลูกสาวของเธอแม้จะงอแงบ้างบางเวลา ถ้าถูกขัดใจ แต่สำหรับเรื่องสั่งสอน หรือเชื่อฟัง แกปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตลอด ไม่เคยทำให้เธอต้องห่วงเลย ตั้งแต่ที่แกเพิ่งหัดคลานได้แล้ว แกก็เป็นเช่นนี้ เหมือนจะรู้ว่า ถ้าแกไปไหน หรือไม่อยู่ที่เก่า เธอจะหาแกไม่เจอ

แต่นั่นกลับทำให้น้ำตาเธอคลอ เพราะเธอสำนึกดี ว่าสิ่งที่เธอทำ มันเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวมาก ที่ปล่อยลูกไว้เช่นนี้บ่อยๆ ครั้งแรกเลย คือตอนที่แกเพิ่งคลอดออกมา และเพราะเขาทิ้งเธอไป เธอถึงกับไม่ยอมพูด ไม่ยอมทำอะไร นอกจากให้นมแกเท่านั้น นอกนั้น ก็ไม่อุ้มเลย เอาแต่นั่งเศร้า นั่งเหม่อ มองเห็นแต่ตัวเอง รักแต่ตัวเอง ไม่ได้สนใจอะไร หรือสิ่งรอบกาย จนแกเริ่มหัดคลานเป็น แกคลานมาหา คลานมายุ่งวุ่นวายด้วย เธอจึงเป็นผู้เป็นคนกลับมาอีกครั้ง แต่ก็บ่อยครั้ง ที่เธอเหม่อ แล้วเผลอปล่อยแกไว้นานๆ โดยไม่ได้สนใจ ไม่สนใจเลย...

แค่มองในดวงตาน้อยคู่นั้น ก็เห็นความอ้างว้าง ความเหงาของลูก เธอเห็น เธอรับรู้ เธอรู้สึก แต่...เพราะเธอเห็นแก่ตัวมากเกินไป เธอจึงอยากทุ่มเวลาให้กับสามีเท่านั้น อยากทำทุกอย่างให้เขาอยู่กับเธอเท่านั้น นั่งเสียเวลาเป็นวันๆ เพื่อคิดถึงแต่เขา คิดถึงเรื่องของเขา และวิธีที่จะทำให้เขากลับมาหา โดยลืมไปว่า...อะไรที่อยู่กับเธอและไม่ทิ้งไป แม้ในยามที่ไม่เหลือใคร ไม่เหลือเลยสักคนบนโลกใบนี้

“นึงนึกรอคุณแม่นานไหมคะ” คาร่าใคร่ครวญแล้วก็จะร้องไห้อีก แต่ก็พยายามข่มใจ ไม่ยอมให้น้ำตามันไหลออกมาให้ลูกเห็น แล้วรีบผละออกจากอกของสามี เพื่อที่จะไปหาลูก

เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้ายิ้มแป้นมาให้ เมื่อได้ยินคุณแม่เรียกถามเช่นนั้น พร้อมกับรีบลุกมาหาเร็วๆ “นึงนึกได้ตุ๊กตาตัวใหม่ คุณพ่อซื้อให้” แกยื่นมาให้ดู คาร่าจึงต้องรีบรับมาถือไว้ ก่อนจะทรุดลงนั่งพูดกับแก

“สวยค่ะ สวยเหมือนนึงนึกของคุณแม่เลย แล้วนึงนึกหิวยังคะ เราไปหาอะไรในครัวกินกันไหม หรือนึงนึกอยากออกไปกินอะไรนอกบ้านคะ เดี๋ยวคุณแม่ให้คุณพ่อพาไป”

“แต่คุณพ่อเจ็บแขน” สาวน้อยย้อนมาให้ ทำให้คาร่าจำขึ้นได้ จึงเงยหน้า หันไปมองสามี เป็นเชิงถามว่า ยังเจ็บอยู่ไหม เขาจึงต้องอมยิ้มนิดๆ ให้ พร้อมส่ายหน้าตอบว่าไม่เจ็บแล้ว ก่อนจะเดินเข้ามาหาแล้วช้อนลูกขึ้นมาอุ้ม

“คุณพ่อหายเจ็บแขนแล้วค่ะ เราออกไปกินข้าวนอกบ้านก็ได้แล้ว แล้วนึงนึกกับคุณแม่อยากไปไหนคะ” คริษฐ์อมยิ้มแป้นพูด ยกแขนข้างที่หลอกลูกกับเมียว่าเจ็บ ให้ลูกดู พร้อมขอความเห็นของสองสาว

“อยากไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ร้านป้าแหม่มค่ะ คุณพ่อพาไปนะคะ และหลังจากนั้น ก็อยากพานึงนึกไปดูปลาที่ดรีมเวิลด์” คุณแม่เป็นคนตอบแทนลูกสาว เพราะเห็นลูกหงอยเช่นเมื่อครู่นี้แล้ว ทำให้เธอไม่สบายใจ จึงอยากพาแกไปที่ที่จะทำให้แกสนุก และไม่รู้สึกเหงาอีก โดยที่ตัวเองยอมพลิกแผนของตัวเอง และผลักมันถัดไปเป็นวันอื่น

“เอางั้นนะ” คุณพ่อมองหน้าลูกแล้วซักถาม แกหันมองหน้าพ่อแม่สลับกันอึดใจ ก็ยอมพยักหน้ารับ คุณพ่อจึงยิ้มกว้างออกมาแล้วรีบเดินนำออกไปก่อนทันที แต่ก็ต้องสะดุดและหยุดลงเมื่อมือของคุณแม่เอื้อมมาดึงชายเสื้อของเขา

“คาร่าเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่นะคะ ชุดนี้มัน...” เธอเขินเล็กน้อย มองหน้าเขาอย่างวิงวอน ทำให้คริษฐ์อยากจะหัวเราะลั่นออกมาด้วยความขบขันที่เธอเพิ่งคิดขึ้นได้ว่า ต้องเปลี่ยนชุด เพราะชุดที่ใส่อยู่มันเปื้อน...แต่เขาก็ต้องกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ ทำแค่อมยิ้มระรื่น พร้อมกับพยักหน้ารับทราบเท่านั้น เพราะไม่อยากให้เธองอน

“ค่ะ งั้นคุณพ่อกับนึงนึกไปรอคุณแม่ที่รถนะคะ คุณแม่จะรีบตามไป” คาร่าอมยิ้มเขินๆ ให้สามี ก่อนจะปล่อยชายเสื้อเขาออกจากมือตัวเอง แล้วรีบตรงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่ได้บอกเขากับลูก

“นึงนึกอยากมีน้องไหม” คุณพ่อมองตามไปจนหลังบางของคุณแม่ลับหายไปจากบันไดบ้าน ก่อนจะหันมามองคุณลูกที่อุ้มอยู่ พลันฉุดคิดอะไรได้ จึงเอ่ยถามแก

“น้องคืออะไร” เด็กน้อยทำคิ้วขมวด มองหน้าคุณพ่ออย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าน้องคืออะไร จนแกต้องอ้าปากขึ้นถามคุณพ่อ

“น้องคืออะไรนะ...” คุณพ่ออมยิ้ม ไม่รู้จะตอบลูกไปยังไง นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหาคำมาตอบแกได้ “น้องคือตัวเล็กๆ เหมือนนึงนึกไงคะ ตัวเล็กๆ ผิวแดงๆ จมูกโด่งนิดๆ เหมือนตอนนึงนึกเพิ่งเกิดไง คุณพ่อมีรูปด้วยนะ” คุณพ่อว่าพลาง ยื่นอีกมือไปล้วงกระเป๋าตังค์ของตัวเองในกางเกงออกมา แล้วเปิดให้แกดูรูปทารกตัวน้อยๆ ผิวแดงๆ ในกระเป๋าตังค์ “เห็นไหมคะ นี่คือนึงนึกไงคะ ตอนนึงนึกเพิ่งออกมาจากท้องคุณแม่”

เด็กน้อยทำตาแป๋วๆ จ้องเขม็ง ก่อนจะหันมามองหน้าคุณพ่ออีก แล้วทำคิ้วขมวด ไม่เข้าใจ ส่ายดวงหน้าน้อยๆ ไปมา “ไม่เหมือนนึงนึกเลย ไม่มีผม” แกจ้องหน้าคุณพ่ออย่างกับว่าเขาโกหกแก ทำให้คริษฐ์หัวเราะลั่นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“นึงนึกไงคะ แต่ตอนนั้นนึงนึกยังเล็กๆ คะ ผมยังไม่ขึ้น แต่ตอนนี้นึงนึกโตมานึงนิดแล้วไงคะ ผมขึ้นแล้วค่ะ วันอื่นๆ คุณพ่อจะเอารูปของนึงนึกให้นึงนึกดูนะคะ ดูทุกรูปเลย คุณพ่อมีทุกรูป”

เด็กน้อยทำหน้าหงอยๆ แต่ก็พยักหน้า แล้วหันกลับไปจ้องรูปในกระเป๋าตังค์ของคุณพ่อต่อ มันไม่เหมือนแกเลย ไม่เหมือนเลย เพราะแกไม่ตัวแดงๆ ไม่มีอะไรมาผูกที่มือแบบนั้น แถมไม่ถูกพันให้วุ่นด้วยผ้าขาวๆ แบบนั้นด้วย และแกมีผม แต่ตัวเล็กๆ ในรูปไม่มีผม...

“แล้วนึงนึกอยากมีน้องไหมคะ นึงนึกจะได้มีเพื่อนไง น้องจะเป็นเพื่อนนึงนึก เวลาคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ หรือไปทำงาน นึงนึกจะได้มีน้องอยู่ด้วย เป็นเพื่อนไงคะ” คุณพ่อทวนซ้ำมาอีก เมื่อเห็นลูกเงียบไปแล้ว เซ้าซี้แกจนเด็กน้อยต้องยอมพยักหน้า

“อืม แล้วจะทำไงถึงมีน้อง” เด็กหญิงตัวน้อยหันกลับมามองถามอีก ทำให้คุณพ่ออึ้ง ตอบไม่ถูก แต่ก็ต้องตอบ เพราะตัวเองผิดเองที่ไปทำให้แกสงสัย

“ไม่ยากค่ะ แค่นึงนึกนอนแต่หัวค่ำ เชื่อฟังคำคุณพ่อกับคุณแม่ไม่งอแง และตื่นสายๆ นึงนึกก็จะมีน้องค่ะ”

“จริงเหรอ”

“ค่ะ จริงค่ะ งั้นเราไปรอคุณแม่ที่รถกันดีกว่า คืนนี้กลับมา คุณพ่อจะทำการบ้าน นึงนึกจะได้มีน้องเร็วๆ ไง”

“อืม” เด็กน้อยปริยิ้มกว้าง พยักหน้าหงึกๆ คุณพ่อจึงไม่รอช้าที่จะพาแกไปเร็วๆ ที่รถ เพื่อไปรอคุณแม่ของแก



สองพ่อลูกมานั่งในรถรอคุณแม่ได้สักพักใหญ่ๆ ก็เห็นคุณแม่เดินยิ้มแย้มออกมาหา หน้าตาเธอดูจะแลมีน้ำมีนวลมากขึ้นกว่าวันแรกที่เขากลับมาถึง และดูจะร่าเริงขึ้นด้วย นี่เธอดีใจจริงๆ ที่เขากลับมาใช่ไหม เธอรักเขาจริงๆ ใช่ไหม เขาไม่แค่ฝันไปหรอกนะ

คริษฐ์มองไปยังร่างบางของภรรยาแล้วอมยิ้มคิด ดีใจมากมายกับความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าการตัดสินใจจากเธอไปสามปี จะทำให้เขาได้มาซึ่งในสิ่งที่เขาคิดว่าไกลเกินเอื้อม ฉะนั้น...นับจากนี้ไป เขาจะถนอมสิ่งนี้ด้วยทั้งใจของเขา เขาจะรักมันด้วยทั้งชีวิต เพราะเขา...รัก หลง และคลั่งไคล้เมียคนนี้ของเขาเหลือเกิน เกินจะบรรยาย...

“ไปกันหรือยังคะ” คาร่าเดินมาขึ้นรถ ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เบาะขับของสามี แต่เห็นเขายังเหม่อจ้องแต่หน้าเธออยู่ สาวเจ้าจึงต้องยื่นหน้าไปใกล้ๆ เขา แล้วเอ่ยเสียงซักถามไป ทำให้สามีกะพริบตาถี่สองสามที หลุดจากภวังค์ความคิดแทบจะทันที

“ไปค่ะ” เขาตอบมาอย่างลืมตัว แต่ก็ยิ้มกริ่ม ก่อนจะหันไปสตาร์ตเครื่อง เพื่อที่จะได้พากันออกไปกินอาหารญี่ปุ่น แต่แล้วเมื่อเคลื่อนรถมาถึงที่รั้วบ้านตัวเอง กลับต้องหยุดรถโดยพลันจนทั้งเขาและเมียกับลูกงงไปตามๆ กันว่า ใครเอารถมาขวางทางออกบ้านเขาแบบนี้

คริษฐ์นึกโมโห เพราะกลัวจะพาลูกไปดูปลาไม่ทัน เนื่องจากดรีมเวิลด์ปิดห้าโมงเย็น เขาจึงต้องออกจากรถมาดูว่าใครเอารถมาขวางทางออกจากบ้านของเขา ทว่าเมื่อลงมาแล้ว เขากลับต้องตกใจกับอีกฝ่ายที่เปิดประตูรถออกมาเช่นกัน

“มาทำรังอยู่ที่เก่านี่เอง แม่นึกว่าจะไปอยู่ที่ไหน ที่แท้ก็แค่นี้ รสนิยมลูกแม่ไม่เปลี่ยนเลยนะ ชอบของเก่ายังไงก็อย่างนั้น สมัยยังเด็ก หุ่นที่เล่นเสียก็ไม่ยอมทิ้ง ทั้งที่มันเก่าแสนเก่าก็ยังเก็บไว้ แม่สงสารซื้อตัวใหม่ให้ก็ไม่เอา ริดไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ แม่น่าจะรู้นิสัยลูกแม่ดีกว่าใคร จริงไหม”

น้ำเสียงเหน็บแนมนั้นเปล่งมาก่อนตัว แต่แค่นั้นคริษฐ์ก็รู้ว่าเป็นใคร และเมื่อนางก้าวออกมายืนอยู่ตรงหน้า คริษฐ์จึงต้องยกมือขึ้นไหว้ทักอย่างคนรู้มารยาท และยังคงเคารพในตัวมารดา ทว่ามารดากลับไม่รับไหว้เขา แต่เดินตรงไปหาภรรยาของเขาที่กำลังลงจากรถเพื่อมาหาเขา

“คุณสุ...เอ่อ สวัสดีค่ะ” คาร่าลงตามสามีมาดูว่าใครเอารถมาขวางหน้าบ้าน แต่ก็ต้องตกใจไม่แพ้สามี เมื่อนั่นคือแม่สามี และวันนี้นางก็มาพร้อมกับบอดีการ์ดห้าหกคนของนาง ซึ่งไม่ต่างไปจากวันนั้นเมื่อสามปีก่อน

“กองไว้ตรงนั้น และไม่ต้องมาเรียกชื่อฉันให้เป็นเสนียด วันนี้ฉันไม่ได้มาหาเธอ แต่ฉันมาหาหลานฉัน” น้ำเสียงของแม่สามีจี้ลึก พร้อมกับสายตามองทั่วตัวเธออย่างเหยียดหยาม เมื่อเหลือบเห็นที่ซอกคอของเธอเป็นรอยจ้ำๆ แดงๆ อันเนื่องมาจากผลการกระทำของลูกชายของนาง

ร่านเหมือนแม่แกไม่มีผิด กลางวันแสกๆ ยังไม่เว้น คงจะใช้ไอ้เรื่องนี้รั้งลูกชายฉันไว้สินะ...นางสุวีณามองอย่างดูถูกและขยะแขยง อ้อมไปห่างนิดๆ โดยเกรงตัวเองจะติดเสนียดร่านจากลูกสะใภ้ ก่อนจะเร่งฝีเท้าไปหาหลานสาวตัวน้อยที่เบาะรถของลูกชาย

คาร่าหันมองตามแม่สามี พยายามฝืนเป็นไม่รู้สึกหรือถือสาอะไร แต่จริงๆ แล้วเธอจี๊ดในใจ เจ็บมากด้วยที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นตลอด และคราวนี้อีก วาจามันทิ่มแทงกว่าทุกครั้ง แต่ก็เหมือนทุกครั้งเช่นกัน ที่เธอไม่ตอบโต้ เพราะนางคือแม่สามี แม่บังเกิดเกล้าของผู้ชายที่เธอรัก เธอน่าจะขอบคุณนางที่ให้เขาเกิดมาให้เธอมีโอกาสได้พบเจอ ได้รู้จัก และได้รักเช่นนี้ ฉะนั้น...เธอจะยกโทษให้กับทุกๆ คำพูด รวมทุกการกระทำของคนมากวัย

“คาร่า...” คริษฐ์ได้ยินทุกอย่างที่มารดาของตัวเองพูด เห็นทุกกิริยา เขาจึงเดินมาหา แล้วยื่นมือกุมมือเธอแน่น “ปิดหูกับทุกเรื่องที่คนอื่นพูด อย่าไปสนใจกับคำต่อว่าใดๆ ของใคร จำไว้แค่ว่าฉันรักเธอ...รักเธอที่สุดก็พอ” เขายิ้มให้ พยักหน้าให้ คาร่าจึงต้องยอมพยักหน้ารับ เออออตาม แต่แล้วเขากลับปล่อยมือเธอ แล้วเดินตรงไปหามารดาของเขาที่ตอนนี้พาลูกสาวเขาออกมานอกรถ และกำลังคุยอะไรบางอย่างกับเด็กน้อยอย่างสนุกสนาน

“คุณแม่มาถึงที่นี่ คงไม่ใช่มาหานึงนึกอย่างเดียว ใช่ไหมครับ” คริษฐ์มาถึงก็รีบช้อนลูกขึ้นอุ้มให้ห่างจากมารดาของตัวเอง ก่อนจะซักถามอย่างสงสัยเนื่องจากเขายังแคลงใจเหตุการณ์เมื่อคืน และเชื่อว่า...คนอย่างมารดา จะไม่ปล่อยเรื่องนั้นให้จบไปเพียงแค่ที่เขาเดินจากมา แล้วบอกว่าไม่ขอรับผิดชอบ

“แล้วริดทำอะไรไว้บ้างล่ะ...” มารดาหันมาตอบเขา จ้องมองด้วยสายตาคำถาม คล้ายต้องการให้เขาทวนเอง นางจะไม่บอก ก่อนจะกล่าวต่อไป “...แต่ยังไงก็แล้วแต่ แม่ว่าคาร่าไม่เหมาะที่จะเป็นแม่ของนึงนึก ริดหย่ากับคาร่าเถอะ แล้วไปแต่งงานกับหนูใหม ทั้งชาติตระกูลและฐานะ เหมาะกับริดกว่า เหมาะกับการเป็นภรรยาของทายาทคนโตของหิรัญยศเจริญกุล นิสัย การศึกษา และทุกอย่างดีกว่าคาร่าเป็นร้อยเท่า ผู้หญิงแบบนี้ต่างหาก ที่เหมาะกับริด ไม่เหมือนคาร่า ที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า พ่อแม่เป็นใครก็ไม่รู้ ฐานะเงินทองสักอย่างก็ไม่มี นอกจากหน้าตา และร่างกาย ผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรให้ริดเลย”

“แต่ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรคนนี้ คือผู้หญิงที่ผมรักครับคุณแม่ ผมรักคาร่าด้วยทั้งหัวใจของผม และผมจะไม่มีวันให้ใครมาเป็นแม่ให้นึงนึกแทนคาร่า เพราะผมไม่มีสิทธิ์นั้นครับ ผมทิ้งคาร่าไป ผมละเลยคาร่า ละเลยลูก ปล่อยให้คาร่าเลี้ยงลูกตามลำพัง คลอดตามลำพัง อยู่กันตามลำพัง ผมไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปแยกลูกมาจากคาร่าด้วยสิทธิ์ของพ่อ ที่มีแค่ชื่อเท่านั้น แต่ไม่เคยแสดงความเป็นพ่อให้ลูกครับ ผมไม่มีสิทธิ์นั้น”

“แม่มาครั้งนี้ แม่มาเตือนริดดีๆ มาด้วยความหวังดีที่สุดที่แม่คนหนึ่งมี แต่ถ้าริดยังยืนยันคำเดิม แม่ก็อาจจะไม่รับรองว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป ริดคิดให้ดีๆ นะ แล้วโทรหาแม่ ถ้าคิดได้แล้ว” นางสุวีณาจบสั้นๆ เพียงแค่นั้น เมื่อเห็นลูกสะใภ้เดินเข้ามาใกล้แล้ว ก่อนที่จะยื่นหน้าไปหอมแก้มหลานเบาๆ แล้วรีบถอยห่างไป

“ขอบคุณครับคุณแม่” คริษฐ์หันมองตามหลังมารดาที่จากไปด้วยความรู้สึกเคือง และครุ่นคิดหนัก ไม่รู้ว่ามารดาจะมาไม้ไหนอีก และไม่เข้าใจว่าจะยุ่งอะไรมากมายกับชีวิตของเขา ทั้งที่เขาสละตำแหน่งทายาทของหิรัญยศเจริญกุลให้น้องชายไปตั้งนานแล้ว แล้วนี่ยังจะเอาอะไรกับเขาอีก ทำไมไม่ปล่อยเขาให้ได้อยู่อย่างสงบสุขกับเมียและลูกของเขา

คริษฐ์คิดเคืองปนโมโห ไม่ต้องการให้ใครมาบังคับขู่เข็ญแบบนี้ ทว่าก็ต้องรีบปรับสีหน้าเป็นสดชื่น และค่อยๆ ปริยิ้ม เมื่อภรรยาเดินมายืนข้างๆ ยื่นมือมากอดแขนเขาเอาไว้

“คุณสุมาหาลูกเหรอคะ” เธอซักถามมา แต่มันไม่ใช่อย่างที่ใจคิด เพราะใจจริงเธออยากถามมากกว่าว่ามารดาของเขามาอะไร และพูดกับเขาเรื่องอะไร ใช่เรื่องรูปถ่ายพวกนั้นหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้าถามไป กลัวความจริงที่จะได้รับ จึงต้องอ้อมไกลๆ แทน

“คุณแม่ผ่านมา ก็เลยแวะมาหานึงนึก ไม่มีอะไรหรอก เราไปกินอาหารญี่ปุ่นกันดีกว่าเนอะ” คริษฐ์ปริ่มยิ้ม รีบเปลี่ยนเรื่อง แล้วพาลูกกลับไปขึ้นรถทันที ทำให้คาร่าไม่รู้จะท้วงถามอะไรอีก จึงได้แต่ก้าวเร็วๆ ตามเขาไปขึ้นรถเท่านั้น



___________

อ่านต่อในเล่มค่ะ...



เทียมทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ย. 2555, 03:41:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ม.ค. 2556, 05:36:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1713





<< ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๙ เงามารคืบคลาน   .... >>
Zephyr 7 ก.ย. 2555, 16:02:39 น.
แม่พระเอกมาแบบ....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account